Reminiscing about Life 'N Stuff (โปรดระวัง! เอนทรี้นี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของชีวิตจขบ. 55+)

เอาล่ะ ขอเตือนว่าเอนทรี้นี้จะยาวววววววเป็นพิเศษ เนื่องจากผู้เขียนมานั่งอ่านบล็อคเก่าๆของตัวเอง พลางนึกย้อนกลับไปถึงณ.ช่วงเวลานั้น ซึ่งดูเหมือนว่าตัวเองก็มีเรื่องราวดีๆให้พูดถึงเหมือนกันน่ะ บางอันที่อาจดูร้ายแรง แต่พอเอามาเทียบกับปัจจุบัน ก็ดูเหมือนกับปัญหาที่ไม่ได้มีความยิ่งใหญ่อะไรเลย และก็มีบางอันที่กลายเป็นจริง ทั้งๆที่จำได้ว่าเมื่อตอนเขียน มันก็ยังเป็นสิ่งที่เราได้แต่เพียงแค่ฝันถึง... เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอเชิญเพื่อนบล็อคที่มีเวลาให้ฆ่าเป็นกระบุง มานั่งอ่านความทรงจำของ BdMd ตลอดระยะเวลาสองปีกว่าๆที่ผ่านมากันเตอะ...^^

ปล. สีฟ้าคือ quote ของบล็อคที่ผ่านๆมา ส่วนสีเขียวคือสิ่งที่คิดอยู่ณ.เวลาดูบล็อคเหล่านั้น...


Wow, two years ago...my memory is still clearer than this picture haha+


Two Days remaining: Life in Bangkok
Create Date : 21 พฤษภาคม 2549


"Anyway, back to the remaining time in this big city, I still haven’t packed my bag yet (red alert!). This time I will bring my laptop with me (lesson from the last time which I bored to dead). This time I will bring DVD movies as much as I can. In fact, this time I will be ready!"

กลับไปนั่งดูข้อความนี้แล้วก็รู้สึกขำนิดๆน่ะ เรื่องของเรื่องก็คือการไปอยู่ "เฉยๆเล่นๆ" ที่กว่างโจวสามเดือนเป็นอะไรที่ทรมาณเหมือนกัน หนึ่งเพราะเรายังพูดไม่ได้เลย สองคือไม่มีใครพูดกับเราเลย (สาเหตุก็มาจากข้อหนึ่งนั้นแหละ 55+) ก่อนไปก็เลยเตรียมไปหมด ทั้งดีวีดีเป็นตั้ง ทั้งหนังสืออ่านเล่น แต่สุดท้ายแล้วไอ้สิ่งที่เตรียมไปทั้งหลายนั้น ก็ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้เลย (แถมเวลาแบกหนังสือกลับนี้ก็กินทั้งพื้นที่และน้ำหนักจริงๆ 55+)

Last Day in Bangkok...
Create Date : 22 พฤษภาคม 2549


"So what am I going to do in this day? (Besides typing this massage) Maybe I will take picture with my car before it will be sold . May be I will go buy some DVDs to see while I’m in Guangzhou"

โอเค รถไอ้ที่บอกว่าจะถูกขายนั้น คืออยากบอกว่ายังจอดแช่อยู่ที่บ้านเลย 555+ (จะว่าไป...ใครต้องการ VW Type 3 Notchback สีเทา สภาพ 80% เครื่องเดิม ติดต่อหลังไมค์น่ะ หุหุ)

First Chance to write this blog in Guangzhou
Create Date : 27 พฤษภาคม 2549


" I almost have been questioned by Macau officer that why I have only one way ticket. When I arrived, the person who I suppose to ride along (a kind of buddy) is quit his job and not coming here after all. And finally, I CAN'T use my laptop because I forgot to bring its adapter with me"

ปัญหาที่เกิดขึ้นมันก็ทำให้เราแกร่งขึ้นน่ะ คือตอนที่อยู่กทม.เวลาที่เกิดปัญหา ก็สามารถรับมือกับมันหรือรู้สึกว่ามันต้องหายไปในที่สุด แต่ที่นี้สิ่งต่างๆก็ดูเหมือนเกินจะความสามารถของตัวเองไปซะหมด และก็เจ็บใจตัวเองว่าทำไมถึงไม่มีความกล้าเอาซะเลย

อย่างเช่นเรื่องปลั๊ก ทำไมเราไม่เข้าไปที่ร้านแล้วใช้ทุกวิถีทางในการซื้อมันมา (ซึ่งก็มีร้อยแปดวิธีที่ไม่ต้องใช้การสื่อสารด้วยภาษาเสียด้วยซ้ำ) นี้เรากลับกล้าๆกลัวๆเป็นอาทิตย์ ก่อนที่จะให้คนไทยที่รู้จักไปซื้อให้ คิดแล้วงงตัวเองจริงๆ


Dark Side of Guangzhou
Create Date : 09 กรกฎาคม 2549


"And before I tell story, I want to acknowledge you guys that this is not my definition of "relaxation". My relaxation is like watching every movies I can find or reading very good books"

โอเค นั้นนี้ก็ยังเป็นมาจนถึงทุกวันนี้น่ะ 55+ คือสถานที่อโคจรทั้งหลายแหล่ ถ้าไม่มีความจำเป็นจริงๆ ก็ไม่อยากจะย่างกรายเข้าไปเท่าไร ซึ่งนั้นเป็นสาเหตุ (รึเปล่า) ที่ทำให้เพื่อนๆไม่ค่อยชวนออกไปเที่ยวกลางคืน (กลัวเราสปอยล์ค่ำคืนของพวกมันแน่ๆเลย 55+)

"For whom who curious about the price, if you just want them to accompany you for drink and sing, then you can pay just 100 rmb. But if you want to take it further, the price are quite various. It's about 300 rmb for a very good looking Chinese woman (which of course, I didn't take it further)"

นึกแล้วเสียดา... เอ้ย ไม่ใช่ 555+ คือบริษัทที่เราไปทำนั้น ต้องคอยเอาใจลูกค้าเพื่อให้เขามาใช้บริการขนส่งของเรา ดังนั้นการพาไปที่แบบนี้ก็เป็นเรื่องที่จำเป็น (ซึ่งลูกค้าบางคนที่บินมาที่นี้ มีจุดประสงค์หลักในการให้พาไปโดยเฉพาะก็มี) อืมม...ดีแล้วละที่เราไม่ได้ทำที่นั้นแล้ว

"So I think in the big city like this or even Bangkok, there will always be the big gap between people who are so filthy rich and people who just can afford to sleep under the bridge. For me, I just hate that so much"

ความคิดนี้ยังคงมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม แต่ก็น่าคิดว่าถ้าเราเป็นคนกลุ่มแรกล่ะ ความคิดเช่นนี้ยังคงอยู่หรือไม่ เพราะเป็นเรื่องปกติของมนุษย์กระมัง ที่พอมีความสุขสิ่งต่างๆรอบตัวก็จะดูเบลอไปเสียหมด (แต่ขนาด filthy rich นั้น คงจะเป็นไปได้แต่ในเกมส์เศรษฐีกระมัง 55+)



Walking to Nowhere...



Summary of 2 months in Guangzhou (very rough one!)
Create Date : 24 กรกฎาคม 2549


"I was pretty desperate and really wanted to go home back then. Luckily I have senior who have lived here for 1 year. He taught me everything that I supposed to know about this town (take bus, take subway, place to eat and so many many things)"

อ้าาา พี่น้อย ไม่ได้คุยกับพี่เขามาหลายเดือนเหมือนกันแล้ว เราคงจะรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังสุดๆ ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ เดี๋ยวว่าจะโทรไปชวนกินข้าวเร็วๆนี้นะครับ ^^

"I didn't actually learn much, bacause I just want to look at my pretty teacher"

555+ อาจารย์พิเศษสอนภาษาจีนคนนี้ เสียดายที่จำชื่อไม่ได้แล้ว แต่เราก็อยากจะเป็นเพื่อนกับเธอน่ะ (แต่ไม่ได้จีบแน่นอน หมื่นเปอร์เซ็น 55+) เรื่องก็มีอยู่ว่าเราชวนเธอออกไปหาอะไรกินนอกเวลาเรียน ซึ่งก็เหมือนเพื่อนชวนเพื่อนไปหาของกินนั้นเอง แต่เธอบอกกลับมาประมาณว่า "I don't wanna go, I don't like when you ask me out" ไอ้เราก็แบบคิดในใจว่า "Huh? what the hell??"

แต่เราก็บอกกับเธอไปว่าโอเค ไม่ไปก็ไม่เป็นไร หลังจากนั้นก็เรียนกับเธออีกประมาณสามอาทิตย์ (ทุกวัน วันละสามชม.) ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเรียนกับคนอื่น กดฟอร์เวิร์ดไปประมาณหนึ่งปี ก็มาเจอเธออีกครั้งโดยบังเอิญที่ป้ายรถเมล์ ผู้เขียนถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันพร้อมกับรอรถเมล์เป็นเพื่อนเธอ และเมื่อเธอเดินก้าวขึ้นไปบนรถเมล์ นั้นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ผู้เขียนได้เห็นหน้าเธอ...


"It made me lose about 8 kg. in just two months. It's because they use oil too much in every food they've made. So that's why I always skip dinner and eat bread or banana instead"

ขอบอกว่าน้ำหนักของผู้เขียนเด้งกลับมามากกว่าเดิมเป็นสิบโลแล้ว (ถ้าบวกกับที่ลดลงไปตอนนั้นแล้ว ก็รวมเป็น 15 กิโลกรัมพอดี อ๊ากกกกก)

"I was offered with white alcohol by someone...Again, I was offered with red wine by another man...I thrown up like I've never thrown up before in my life. From 3 times to 5 times to 10 times...So that night for me will be an another night that I will remember as a first (maybe last?) wasted in Guangzhou"

นั้นเป็นการอ๊วกมากครั้งที่สุดเท่าที่จำได้แล้ว แต่แน่นอนว่ามันก็มิใช่การเมาหัวทิ่มครั้งสุดท้าย อย่างที่เขียนเอาไว้ในบล็อค 555+ ร้านอาหารที่นี้ดีอย่างตรงที่ถ้าร้านไหนเปิดบริการช่วงดึก เขาก็จะเปิดแบบไม่มีเวลากำหนด จำได้ตอนช่วงหน้าหนาว ผู้เขียนกับเพื่อนๆก็นั่งกินไปคุยไปดื่มไปเรื่อยๆ ไม่มีใครดูเวลาและก็ไม่มีใครสนใจที่จะกลับบ้าน สักพักฟ้าก็สว่างขึ้นเรื่อยๆ จึงดูเวลากัน โอ๊ะ แม่เจ้า จะหกโมงแล้ว 555+

Finally...A Chance to Write Blog (Arkkk!)
Create Date : 04 กันยายน 2549


"My life in Guangzhou is now a lot more complicate than ever, because I was just moving out from my cousin's room. So new room, new rules and new environment put me in uncomfortable position to do anything at all"

เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด และมันก็ไม่ได้ยุ่งยากดังที่เราเคยเขียนเอาไว้เลย เพราะการอยู่กับคนอื่นที่เราแทบไม่เคยรู้จักนั้น การทำสิ่งต่างๆมันก็จะดูอึดอัดไปซะหมด... ไม่อยากเม้าท์ถึงเขาแฮ่ะ เอาเป็นเวลารู้สึกปลอดโปร่งและโล่งใจจริงๆที่ได้ออกมา

ไดอารี่ของบลัดดี้มันเดย์ เขียน ณ.วันที่ 17/09/06
Create Date : 17 กันยายน 2549


"การทำงานนั้นก็คราวนี้เรามีอิสระมากขึ้น(ไม่ต้องมาอยู่ออฟฟิสเหมือนครั้งที่แล้ว) เราออกไปหาของ ซื้อตัวอย่าง ได้พูดคุยกับร้านค้าต่างๆ(รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง)"

ถึงแม้ว่างานนี้จะไม่ใช่ตัวเองเสียเลย แต่เราก็รู้สึกเป็นบุญคุญน่ะกับสิ่งต่างๆที่ได้รับจากงานนี้ มันเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามาก มันสอนให้เราได้ทำในสิ่งต่างๆที่คิดว่าชาตินี้คงไม่ทำ ณ.ปัจจุบันบริษัทนี้ปิดตัวไปแล้ว แต่เราก็คิดว่ามันก็เหมือนกับจุดเริ่มต้นชีวิตของตัวเองน่ะ

"มีคนฮ่องกง เป็นผู้ชายขอไปนอนที่ห้องเรา เราก็แปลกใจว่า "เฮ้ยไรว่ะ จะมาทำไมเนี่ย" มันก็บอกว่าอยากมีคนคุยด้วยอะไรประมาณนี้ เราก็หวั่นๆว่า "เอ จะทำไรกรูไหมนี่ ตัวก็ใหญ่โคต" เราก็เลยบอกไปว่า "เฮ้ย ขอโทษจริงๆ ไม่อยากอ่ะ" พอบอกไปมันก็บอกว่าไม่เป็นไร แต่จนถึงตอนนี้มันก็ไม่คุยกับเราเลย ไม่รู้ว่าเราทำร้ายจิตใจหรืออะไรรึปล่าว"

55555+ นี้เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวกระมัง ที่มีผู้ชายแปลกมาขออะไรจากเรา คือไอ้คนนี้ที่บ้านเป็นร้านอาหาร คือตามพ่อมาอยู่กว่างโจวเพื่อเปิดร้านอาหารฮ่องกง ผู้เขียนรู้สึกว่าได้คุยกับเขาอีกสองสามครั้งมั้ง ก่อนที่จะไม่ได้เจอหน้าอีกเลย (ดีแล้ว ถ้าใกล้ชิดเกินไป เดี๋ยวจะกลายเป็นสะใภ้คนฮ่องกง 555+)

ไดอารี่ของบลัดดี้มันเดย์ เขียน ณ.วันที่ 21/09/06
Create Date : 21 กันยายน 2549


"เรารู้สึกว่ามันก็คุ้มนะที่ได้มาทำอะไรๆ ที่มันอยู่นอกกรอบความคาดหมายของตนเอง เราไม่นึกว่าไอ้เราน่ะ ที่แทบไม่เคยออกนอกตัวจว.กทม.เลย จะได้มานั้งพิมพ์ไอ้บล็อคเนี้ยอยู่ กว่างโจว เราไม่รู้น่ะว่าคนบางคนอาจจะอ่านบล็อคนี้แล้วคิดว่า "ปัดโธ่ แค่เนี้ยยย ไปกวางโจวแล้วทำเป็นตื่นเต้นนน" แต่เราคิดว่าไอ้แค่เนี้ยแหละ ที่ทำให้มนุษย์ทำมะดาอย่างเรา ได้เติบโตขึ้นในแบบทำมะดาๆอย่างเรา"

โน คอมเม้นส์ นอกจากจะบอกว่ายังคิดเช่นนั้นอยู่ แม้จะผ่านมากว่าสองปีแล้ว =)

ทริปทูเซินเจิ้น+เกาลูน+ฮ่องกงด่วนจี๋ภายในสองวันสไตล์บลัดดี้มันเดย์
Create Date : 04 ตุลาคม 2549


"พวกเราสามคน (เรา, พี่เป้ และ Jean-Michael Vittry ชาวฝรั่งเศสแต่หน้าไม่ให้) เริ่มเดินทางกันตอนเช้าของวันที่สี่"

พี่เป้ อาทิตย์นี้เราจะได้เจอกันไหม... Bonjour Vittry! ไม่ได้คุยกับนายมาเป็นปีแล้วน่ะ...

Conversation with Myself
Create Date : 12 ตุลาคม 2549


BM1: Hey bro, Can I talk with you about something?
BM2: What now, man? Is it about that girl again? Haven’t we gone through this before?

โอ๊ะ เรื่องราวเริ่มเข้มข้นแล้วสิน่ะ 55+ คือตอนนั้นชอบหญิงจีนคนหนึ่ง ที่เรารู้จักมาตั้งแต่ก่อนไปอยู่กว่างโจว...

BM1: So you think, am I doing the right thing? Can I just say that I love her?
BM2: You bet, why can’t you?

รู้สึกว่าตัวเองจะเชื่อเจ้า BM2 ซะด้วยสิ 55+

BM1: I got your point. But…..
BM2: Just go and tell her, no but, no if, no goddamn anything, man. Remember those who are afraid to fall will not fly

โอเคครับพี่ BM2 55+



Man in Black ^^



My Life vs. Metaphor...
Create Date : 21 ตุลาคม 2549


"Am I thinking too much about everything? Definitely. I don’t know why I am being like this, it’s just my personality. I think everybody have some complexity in themselves. It’s not that they don’t care about their complexity. It’s just that they can get over it and look it as common thing. On the other hand, it’s me, who use my complexity (shallow one) as an excuse for being strange"

อืมม เดี๋ยวพูดสรุปทีเดียวเลยดีกว่า

"Although the real “me” who live inside is like a normal pretty funny guy (being told by some of my friends), but outside is so not me. I don’t know how I can change it (or at least to reduce it)"

คือความจริงมีเอนทรี้ก่อนหน้านี้น่ะแต่เมื่อเรามองย้อนกลับไป ก็รู้สึกว่ามันเป็นความรู้สึกที่พลั้งพลูออกมาจากใจ โดยที่ไม่ผ่านสมองเลย จึงรู้สึกว่ามันอาจจะไม่เหมาะสำหรับกับการแชร์ให้คนอื่น นอกจากตัวผู้เขียนเองและผู้หญิงคนนั้น ถ้าจะต้องถามตัวเองว่า "ผ่านไปสองปีแล้ว ทำใจได้ไหม?" อืมม ไม่อยากเรียกว่าทำใจน่ะ คือณ.บัดนี้เราก็ยังคุยกับเธออยู่เรื่อยๆ ถึงแม้คำว่า "เพื่อน" จะเป็นเพดาน ที่เราต่างรู้ดีว่าไม่สามารถทะลายผ่านไปได้ แต่แค่นั้นก็ดีที่สุดแล้วล่ะ สำหรับเรา...

ไดอารี่ของบลัดดี้มันเดย์ "เรื่องของพ่อ"
Create Date : 26 พฤศจิกายน 2549


"เราเป็นคนที่พ่อคุยด้วยมากกว่า อาจจะเป็นเพราะด้วยนิสัยและบุคคลิกที่คล้ายกัน ทำให้เรื่องที่สนใจและความชอบเหมือนๆกัน... เราก็คิดไว้ว่า สักวัน อีกไม่นาน ไอ้เรานั้นแหละที่ต้องเป็นคนที่ช่วยให้พ่อมีชีวิตหลังเกษียณ ให้ดีที่สุดเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งที่สามารถทำได้"

พ่อครับ แม้ว่ามันจะผ่านมากว่าสองปีแล้ว และจุดหมายนั้นยังคงดูห่างไกลอยู่พอสมควร แต่ก็ขอให้รู้ไว้ว่า ตอนนี้ผมก็อยู่บนเส้นทางที่กำลังมุ่งหน้าไปสู่จุดนั้นแล้วน่ะ...

Bloodymonday's Diary in Christmas Eve
Create Date : 24 ธันวาคม 2549


ไม่มีคำพูดไหนที่จะหยิบมา quote เป็นพิเศษหรอก แต่คิดว่าทั้งเอนทรี้นั้นเราก็ยังชอบคำพูดของตัวเองอยู่เลยน่ะ (และก็จะพยายามทำอยู่เรื่อยๆ)

Tag เรื่องที่หนึ่ง+เรื่องที่สอง
Create Date : 22 มกราคม 2550


"สิ่งที่เราฝันกับความเป็นจริงนั้น มันไม่มีทางที่จะรวมกันเป็นเส้นเดียวกันได้ เพราะถ้าฝันสามารถเกิดขึ้นจริงได้ ก็แสดงว่าเราเป็นคนที่ดูถูกตัวเอง เป็นคนที่ไม่กล้าพอที่จะฝันให้ไกล แต่ถ้าถามว่ายังอยากไหม? ยังอยากทำงานที่เกี่ยวกับสิ่งที่เรารักอยู่รึเปล่า? โดยที่รู้ว่ายังไงมันเป็นสิ่งที่เราอาจจะไม่สามารถเอื้อมถึง...แน่นอน"

เอาล่ะ สิ่งที่ทำในอยู่ตอนนี้มันก็อยู่ในเส้นทางแล้ว แม้ว่ามันจะไม่เชิงว่าเป็น dream job แต่อย่างน้อยเราก็ได้ใช้ความสามารถ, ความรู้ที่สั่งสมมา ในการผลิตผลงานที่อย่างน้อยก็ทำให้ตัวเองรู้สึกภูมิใจได้

"เรื่องที่สอง: Write to keep Alive"

ทุกวันนี้ถ้าใครถามเราว่า "จะเขียนบล็อคไป...ทำอะไร" ผู้เขียนก็จะใช้คำนี้แหละตอบไป คือมันเป็นสิ่งที่ทำให้รู้ว่าอย่างน้อยเรายังมีชีวิตอยู่ เรายังมีความรู้สึกนึกคิดอยู่ และณ.ปัจจุบันไอ้เส้นแบ่งระหว่าง Write to keep Alive กับ Write to get Paid มันก็เริ่มเบลอ ซึ่งนั้นก็ยิ่งทำให้ผู้เขียนกระชุ่มกระชวยมากกว่าเดิมอีกน่ะ...

Long time no see, My dearest blog....
Create Date : 25 มีนาคม 2550


"You see, I'm not dead. I'm just disappear"

อ้าว เอนทรี้ที่แล้วยังบอกว่าเขียนเพื่อช่วยให้อยู่รอดอยู่เลย 55+

"There are sometime when you don't have a particular energy to do some particular activities. In my case, writing & reading are the two activities that I really don't enthusiastic to do"

จำได้ว่าช่วงนั้น home sick มากๆ อะไรๆก็ไม่อยากทำ ไม่อยากออกไปเที่ยว ไม่อยากออกไปทำงาน แม้กระทั่งดูหนังก็ยังไม่ (ค่อย) อยาก อะไรที่ทำให้หาย home sick หน่ะเหรอ...กลับบ้านไง 55+

All good Things (must) Come to an End...
Create Date : 14 กรกฎาคม 2550


อย่ากระนั้นเลย สิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในเมืองนี้ ก็ทำให้เรารู้สึกเศร้าที่จะต้องโบกมือลาออกมา จำได้ว่าตอนคืนห้องที่เราอยู่เกือบสองปี ใจมันก็รู้สึกโหวงๆเหมือนกัน ถึงแม้ว่าแอร์ในห้องต้องปีนเก้าอี้ขึ้นไปเปิด, น้ำร้อนต้องรอประมาณ 15 นาที, เครื่องซักผ้าก็คุ้มดีคุ้มร้าย แต่มันก็เป็นที่ที่เราเรียกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า "บ้าน"

ระหว่างเวลานั้นก็มีเรื่องราวเกินขึ้นมากมาย แม้ส่วนมากแล้วมันจะถูกเก็บเป็นความทรงจำด้วยรูปถ่ายมากกว่า เมื่อว่างจากงาน ก็เริ่มออกไปเที่ยวเมืองอื่นๆ ได้ไปซัวเถา ได้ไปกุ้ยหลิน ได้ไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่หลิวฮัว อืมม เป็นช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตที่ยอดเยี่ยมจริงๆ




Domo Arigato, Mr. Roboto...



Crossroad....Again
Create Date : 06 สิงหาคม 2550


My brother always told me “You can succeed in everything if you just follow your first step”

เฮ้ย ไม่น่าแนะนำอย่างนี้เลยน่ะ 55+ (เพราะอะไรนั้น อยู่ในเอนทรี้ต่อไป)

"So now, here I am, back where I start. What should I do now? Who am I going to be now? Which road should I take now? Right now, I don't have a clue. But this time, it's not gonna be the old me, because...I'm ready"

ขอบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันอาจดูพร้อม แต่พอได้ลงไปทำจริงๆแล้ว ใจเป็นอวัยวะชิ้นแรกที่ถอยร่นออกมาก่อนเลย 55+ แต่ก็อย่างว่าแหละ มันเป็นสิ่งที่เราไม่ได้ใส่ "ใจ" ลงไปตั้งแต่แรกแล้ว...

Could you guys just......leave me alone (for a while)
Create Date : 19 ตุลาคม 2550


"Maybe it was a wrong move to come back here. I don't know, man. It's just...pressure, work, family, etc are all too complicated for me (right now). I think I love my life back there"

ก็อย่างที่เห็นในเอนทรี้นี้...ไม่มีความสุขเอาซะเลย ผู้เขียนได้ไปทำงานแห่งหนึ่งแถวบางพลี ซึ่งเป็นงานที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับทุกสิ่งที่เรายึดถือ สุดท้ายก็ทำได้อยู่ได้เพียงแค่ 4 เดือนเท่านั้น ก่อนที่จะตัดสินใจมุ่งหน้ากลับไปกว่างโจวอีกครั้ง (ขอขอบคุณที่งานเก่ายังเปิดกว้างอยู่)

Same old, same old...
Create Date : 28 ธันวาคม 2550


So I moved back here on 23rd...the first day that I met my old comrades (it's very nice to see you guys)...So I will leave it here because I have to go out and find my own damn room (haha+)

คิดดูแล้วก็เหมือนกลับมาผจญภัยอีกครั้งเลยน่ะ การได้เจอเพื่อนเก่า การที่ต้องหาห้องใหม่ โดยที่ระหว่างนั้นก็นอนบนโซฟาของเพื่อนก่อน แต่น่าเสียดายที่การกลับมาครั้งนี้ไม่ยาวเท่ากับครั้งที่แล้ว เพราะบริษัทที่ผู้เขียนกลับไปทำเกิดปัญหาครั้งใหญ่ และสุดท้ายก็ต้องปิดตัวลงอย่างน่าเสียดาย...

บลัดดี้มันเดย์กับหนึ่งวัน (แบบไม่ประติดประต่อ) บนเกาะมาเก๊า
Create Date : 30 มีนาคม 2551


วันที่เขียนนี้รู้สึกว่าจะเป็นวันก่อนที่จะกลับมากรุงเทพอีกครั้ง ซึ่งช่วงเวลา 3 เดือนหลังนี้ ก็น่าจดจำไม่แพ้กับระยะเวลาปีครึ่งในครั้งแรกเลย ผู้เขียนได้ไปตามโรงงานต่างๆ ซึ่งเวลาโรงงานกับทางเราทำธุรกิจกัน และเราไปที่โรงงานเขา เขาก็จะเลี้ยงกันแบบไม่อั้นเลย ซึ่งมันก็เป็นลาภปากของผู้เขียน ในแบบที่ไม่เกี่ยวกับธุรกิจ ที่เถ้าแก่เราและเถ้าแก่เค้าทำร่วมกันนัก 55+

ที่ข้างบนเขียนว่าไม่ประติดประต่อนั้น เป็นเพราะว่าวีซ่ากำหนดให้ต้องออกไปนอกเมืองจีนทุกหนึ่งเดือน ผู้เขียนจึงไปมาเก๊าอยู่เรื่อยๆ (จุ๊จุ๊ อันนี้ห้ามบอกใคร รู้สึกว่าจำนวนเงินรวมทุกทริปทั้งหมดที่เรา "ทำบุญ" สร้างลูกบิดห้องน้ำของ แกรน ลิสบัว จะอยู่ประมาณหลักหมื่นเลยน่ะ 555+...หัวเราะทำไมเนี่ย T-T)


เมื่อบลัดดี้มันเดย์พูดถึงคน Self-Centered...
Create Date : 02 เมษายน 2551


"Why do you always have to make the world revolve around yourself ?"

กลับมาไทย ตกงาน จิตใจว้าวุ้น 555+ ช่วงนี้มีปัญหากับหลายคนเหมือนกัน โดยเฉพาะคนคนหนึ่ง ที่ผู้เขียนอุทิศทั้งเอนทรี้นี้ให้

"You have no right to force my views on other people or manipulate me to behave in a way that suits your needs"

อืมม เราเขียนอะไรไปเนี่ย...

"This is the best I can give you, you can do with it whatever you like. Honestly, I don't really care"

โอ้ ทำไมเราทำตัวบัดซบอย่างนี้ ตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรแย่ๆแบบนั้นแล้วล่ะ แต่เอนทรี้นี้ก็อยากเก็บเอาไว้ เพื่อระลึกถึงความเป็นเด็กของตัวเอง

BloodyMonday *ทำ* +++ Blog Tag +++ *จาก* renton
Create Date : 30 มิถุนายน 2551


ชอบแถ่กกอันนี้น่ะ ทำให้เราได้ quote ดีๆมาสามอัน ซึ่งมันก็บ่งบอกสถานะของตัวเองได้เป็นอย่างดี

Past
"It is one of the blessings of old friends that you can afford to be stupid with them" - Ralph Waldo Emerson
Present
"People don't choose their careers; they are engulfed by them" - John Dos Passos
Future
“I see my path, but I don't know where it leads. Not knowing where I'm going is what inspires me to travel it” - Rosalia de Castro


ซึ่งก็เป็น quote จาก Future นี้เอง ที่เปิดโอกาสให้ผู้เขียนได้มุ่งหน้าไปในทางที่ไม่เคยเดิน ซึ่งท้ายที่สุดแล้วมันก็ทำให้เรารู้สึกอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ผู้เขียนแอบฝันว่าทางนี้เราเดินไปนี้ มันจะมุ่งหน้าไปสู่จุดจบที่ happy ever after หรือเปล่า...แต่ก็อย่างว่าแหละ there's no such thing as fairy tales ^^



I will always remember you, Mimin, The Lazy Catz...


Create Date : 17 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2551 2:16:08 น. 36 comments
Counter : 1548 Pageviews.

 
สำหรับเพื่อนบล็อคที่อยากอ่าน un-unofficial Twilight Website ที่ผู้เขียนสร้างเอาไว้ หลังไมค์มาโลดนะครับ จะได้ส่ง เอ็ดเวิร์ด เอ้ย พาสสะเวิ้ด ไปให้

ปล. โอ้ แม่เจ้า ตีสองสิบห้า (เขียนเพลิน) แล้วข้าพเข้าจะตื่นทันไหมเนี่ย 555+


โดย: BloodyMonday วันที่: 17 พฤศจิกายน 2551 เวลา:2:21:30 น.  

 
โอเค...ซึ้ง...


โดย: renton_renton วันที่: 17 พฤศจิกายน 2551 เวลา:6:27:09 น.  

 
โอเค...ชอบ
อย่าเลิกเขียนบล็อกน้า

ชอบบล็อกนี้มากๆ มีอะไรให้อ่านเยอะแยะมากมาย
( ทำไมต้องใช้คำซ้ำวะเนี่ยะ เยอะแยะแล้วยังมากมายอีก )



โดย: grappa วันที่: 17 พฤศจิกายน 2551 เวลา:7:47:29 น.  

 
เออ กำลังเริ่มอ่าน แรกรัตติกาล -หนังสือทไวไลท์เล่มหนึ่ง

ควรหลังไมค์ไปขออันออฟิศเชี่ยล เลยไหม

หรือ อ่านหนังสือให้จบก่อน


โดย: grappa วันที่: 17 พฤศจิกายน 2551 เวลา:7:50:30 น.  

 


อยู่ที่ออฟฟิศในวันจันทร์อันหม่นหมอง... ขอเข้ามารายงานตัวแปะไว้ก่อนนะคะ เดี๋ยวกลับบ้านแล้วจะมาอ่านต่อ

อ๊างงงง อยากรู้เรื่องของน้องแมวตัวนั้น^^


โดย: แอปเปิ้ลอบเชย (apple_cinnamon ) วันที่: 17 พฤศจิกายน 2551 เวลา:11:57:59 น.  

 

อ่านยังไม่จบนะ

รถน่ารัก VW เป็นรถในดวงใจ ถึงจะไม่ได้ใช้ VW GOLF อีกต่อไปแล้ว

นัดกับพี่เครกเมื่อวาน ก็โอเค เลยกลางเรื่องไป ตั้งแต่ก่อนไปทะเลทราย เริ่มน่าเบื่อ ไม่รู้เพราะวานซืนเพิ่งดูเจสัน บอร์นรวดสามภาคหรือปล่าว บอร์นไตรภาคสนุกกว่า แต่ก็ยังเชียร์พี่เครกนะ ชอบพวกมุกเล็กๆ น้อยๆ ในภาคนี้มากกว่าภาคที่แล้ว แต่โดยรวมชอบภาคที่แล้วมากกว่า รู้สึกว่าใช้เจมส์ บอนด์คนนี้ มุกเข้าถึงได้ดีกว่าคนก่อนๆ อาจเพราะไม่ชอบคอนเนอรี่โดยส่วนตัว ซึ่งก็เป็นคนเดียวมั้งที่มีโลโก้บ้อนด์ บอนด์ นอกจากโรเจอร์ มัวร์

ออกมาจากโรงเราคุยกันระหว่างเพื่อนว่า ตกลง Quamtum of Solace คืออะไร -.,-


โดย: อออ IP: 202.176.89.115 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:19:13 น.  

 
BTW, the quote from Edward.. *sigh* you know.. Guess I may be hated for saying that. - -" he's truly fictional. He's a vamp. He's on vegetarian-sort of. And he sweetly sucks. The pic above is kinda cute though. It'll definitely be a hit movie.


โดย: อออ IP: 202.176.89.115 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:26:50 น.  

 
ู^
ถึงจะอ่านทั้งสี่เล่ม แต่ก็ไม่สามารถหลงรักเอ็ดเวิร์ดได้ not my type. แต่ถ้าเปลี่ยนตัวแสดงในหนัง- ก็ไม่แน่ คนที่บล็อก อปอช ก็ดีนะ

Bingo! ในที่สุดเราจำได้ ฟองอากาศ เรียกว่า Floater

อ่านจบแล้ว เขียนต่อไปนะ จะตามอ่านต่อไป ^^





โดย: อออ IP: 202.176.89.115 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:37:21 น.  

 
Just say hi



โดย: joblovenuk วันที่: 17 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:12:00 น.  

 
+ แว้กกก ... ยาวมากจริงๆ ครับ ตอนเปิดมาครั้งแรกผมตั้งใจจะอ่านให้จบ แต่ดูจากเวลาแล้ว คาดว่าพรุ่งนี้ค่อยมาอ่านต่อดีกว่า หลังจากอ่านไปได้เกือบครึ่งนึงแล้ว แต่ก็ดูมีสีสันดีนะครับ กับชีวิตช่วงนั้นอ่า


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 17 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:07:06 น.  

 

อะ เคยเขียนถึง McFloater ^^ ไว้สั้นๆ หัวข้อสุดท้าย https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=starcatcher&month=08-2007&date=23&group=6&gblog=3

คงเพราะเราไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของซากาชุดนี้ เรียกตามที่เขาเรียกว่าซากา แต่เราว่าคำว่าซากาฟังแล้วใหญ่เกินไป


โดย: อออ IP: 202.176.89.115 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2551 เวลา:8:29:24 น.  

 
ทักก่อนนะบลัดดี้

ทยอยอ่านตามหลังวุ้ย


โดย: mr.cozy วันที่: 18 พฤศจิกายน 2551 เวลา:9:39:17 น.  

 
อืม... ผมไม่ได้มีเวลาให้ฆ่าเหลือเฟือนะครับ (เวลาที่อ่านก็ใช้เวลางานด้วย) แต่อยากจะบอกว่าบล็อคนี้อ่านสนุกมาก ไอเดียก็น่าสนใจดี (อ๊า... ทำไมเราคิดอะไรแบบนี้ไม่ได้) ทั้งๆที่ย๊าว ยาว แต่ก็ไม่น่าเบื่อครับ

ไม่ได้ล็อคอินอีกแล้ว (แล้วเมื่อไหร่จะได้อ่าน Twilight) ไม่เป็นไร เดี๋ยวคืนนี้เข้ามาใหม่


โดย: แฟนผมฯ IP: 202.134.119.218 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:33:52 น.  

 
มาทักทายครับ

ยังอ่านไม่หมดจะทยอยอ่าน ครับ


โดย: navagan วันที่: 18 พฤศจิกายน 2551 เวลา:19:36:15 น.  

 
ส่งหลังไมค์ไปหาแล้วนะครับ ตื่นเต้นๆๆ

ผมกับภรรยากำลังพยายามพินิจรูปของคุณ BdMd กันอยู่ครับ เพราะภรรยาผมคาดหวังไว้สูงมาก 5555


โดย: แฟนผมตัวดำ วันที่: 18 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:18:59 น.  

 
+ กว่าจะอ่านจบ ... แต่ก็มันส์ดีอ่ะครับผม
+ ผมแทบไม่เคยเปิดไปยังเอนทรีหน้าเก่าๆ ของตัวเองเลยแฮะ เคยเปิดย้อนกลับไปบางหน้าด้วยเหตุบางประการ ยังงงว่ามีใครประหลาดๆ มาเม้นต์เพิ่ม ถามนั่นถามนี่ด้วยเหรอเนี่ย

+ ได้เห็นพัฒนาการของตัวเอง และทบทวนอย่างลึกซึ้งแบบนี้ ก็ดีเหมือนกันนะครับเนี่ย


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 18 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:27:25 น.  

 
ย้อนกลับไปอ่านอีกรอบ แล้วเรื่องของแมวขี้เกียจตัวนั้นอยู่ไหนล่ะเนี่ย

อยากเขียนยาวๆ ก็ต้องเจอกับคอมเม้นต์ยาวๆ

555+ บ้าหอบฟางพอกันเลยค่ะ ถ้าเราไปสามเดือนเราคงเอาหนังสือไปซักสามสิบเล่ม อืม..แต่อาจเอาไปน้อยหน่อยถ้าที่นู่นมีร้านใหญ่ๆอย่างBorders etc.

อาหารโปรดของอปอช.คือขนมปังกล้วยค่ะ เอากล้วยมาหั่นๆแล้ววางบนขนมปังทำเป็นแซนด์วิชกล้วย กินทุกวันเลย ตอนนี้ที่บ้านเรียกว่าลิงแล้ว

ทุกครั้งที่เมาอ้วกอิชั้นก็จะกรีดเลือดสาบานกับตัวเองว่าต่อไปจะไม่เมาแล้วเฟร้ย ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย...แต่ก็ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายซักที หัวอกเดียวกันเนอะ


glitter-graphics.com

โอ้ววว คุณบลัดดี้ โชคดีนะคะที่ไม่ได้ให้ชายแปลกหน้าค้างด้วย... "Jack, I swear..."

ใช่ๆ ช่วงเวลาที่เราจากบ้านไปเรียนก็เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่ดีที่สุดเหมือนกัน... ที่สำคัญคือได้เจอรูทเมทที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ตอนเราปั่นงานตอนตีสองมันก็เดินฝ่าหิมะไปซื้อพิซซ่ามาให้ ตอนมันเมาเราก็แบกมันไปอ้วก..แต่ไปไม่ถึงห้องมันก็อ้วกในลิฟท์ซะก่อน ก่อวีรกรรมไว้เยอะ555 เฮ้อ...คิดถึง สงกรานต์หน้ามาเมาด้วยกันที่เมืองไทยอีกนะเพื่อน

คำว่า same old, same old ทำให้อปอช.นึกถึงหนังเรื่องหนึ่งที่ดูแล้วเครียดที่สุดในชีวิต Clockwork orange ของ Kubrick นี่เอง

ดูแล้วเครียดมาก อยากปิดทีวีแล้วเอาแผ่นมาหักทิ้งซะ! เราว่าดูหนังเครียดๆมาเยอะแล้วนะ ยอมแพ้เลย

ไป Venetian ที่มาเก๊ามาค่ะ แต่เล่นอะไรไม่เป็น เสียตังค์กับสล็อตแมชชีนอย่างเดียว แล้วก็เดินช้อปปิ้ง (เสียกับช้อปปิ้งมากกว่า)

Tag... ยังไม่เคยโดนTagเลยอ่ะ เชยมาก โดนแล้วต้องทำอะไรมั่งเนี่ย ท่าจะยุ่ง อย่าโดนเลยดีกว่า


โดย: อปอช (apple_cinnamon ) วันที่: 18 พฤศจิกายน 2551 เวลา:23:18:32 น.  

 
ดีค่ะบลัดดี้ นั่งอ่านแล้วก็คิดว่าเราใจตรงกันป่ะเนี่ย 555

เห็นรูปถ่ายแล้วมันบอกเรื่องราวเก่าๆดีแท้เนอะ (ครั้งนึงเพื่อนถามมารีอองว่าซื้อกล้องมาทำไม มารีอองก็ตอบไปว่า "อยากเก็บไว้ถ่ายช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ของฉันไง55" ฉะนั้นห้ามเลิกเขียนบล็อค(เกี่ยวไรกันเนี่ย)

ว่าแต่ถ้าบลัดดี้จะกลายเป็นสะใภ้ฮ่องกง มารีอองก็ทำใจได้นะ T-T คริๆๆ


โดย: มารีอองเองค่ะ IP: 125.24.45.144 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2551 เวลา:0:14:51 น.  

 
เสียดายบล๊อกตัวเองอันแรกซิงๆ ที่ bg นี่ดันอันตรธานไปพร้อมกับสถานะความเป็นเม็มเบอร์ 555+ ไม่งั้นคงได้ทำอะไรประมาณๆนี้บ้างแล้วล่ะ (บล็อกใหม่ก็ไม่ค่อยจะได้เล่าชีวิตน่าเบื่อๆของตัวเอง มีแต่เขียนอะไรก๊อกแก๊กๆ คนอ่านเบื่อ ไปซะเยอะ เอาของเก่ามาหากินก็มาก)

ชีวิตตัวเองนี่น่าเบื่อเกินไปไหมเนี่ย 5555
(แต่อย่างน้อยการได้มาเขียนหนังสือนี่ก็เป็นอะไรที่ไม่คิดไม่ฝันอยู่แล้วหละ)



โดย: nanoguy IP: 125.24.127.60 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2551 เวลา:6:59:28 น.  

 
ข้าพเจ้ามิได้ก่ออาชญากรรมที่ bg
แต่ pantip หาว่าข้าพเจ้าไปก่ออาชญากรรมที่ "ห้องสมุด"

และ สมาชิก bg ต้องเป็นสมาชิด pantip
การถูกระงับสมาชิก pantip ทำให้ bg ดับสูญสลายไปด้วย

จบบริบูรณ์


โดย: nanoguy IP: 161.200.255.162 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2551 เวลา:11:21:28 น.  

 
หวัดดีครับพี่หลิว 5555 (หมดกัน Idol ชั้น...)

ไม่มีอะไรครับ อู้งานเล็กน้อย



โดย: แฟนผมฯ IP: 202.134.119.218 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:49:47 น.  

 
ขอบคุณมากสำหรับ trailer ที่มาแปะให้นะคะ
อยากดูเป็นที่สุด เห็นแล้วนึกถึง Monster house (มันไม่ใช่หนังเด็ก! ไม่ช่าย...ผู้ใหญ่ดูแล้วยังกลัว) + Alice in wonderland (ตาเบอร์ตันจะรีเมคจริงป่าว) + Mirrormask (gaiman อีก
)

ส่วน nightmare before xmas เราก็นึกว่า Tim Burton เป็นผู้กำกับมาตลอดเหมือนกันนะเนี่ย แก้ข่าวๆ

พูดถึงตาเบอร์ตันแล้ว เราว่าเค้าคงได้อิทธิพลจากนักเขียนที่ชื่อ Edward Gory มาบ้าง จริงๆเราไม่เคยอ่านหนังสือหรอกค่ะ เคยเห็นแต่ภาพประกอบ น้องสาวเอามาให้ดู รายนั้นเค้าเป็นแฟนพันธุ์แท้(แค่ชื่อยังดู Gore เลยคุณบลัดดี้ว่ามั๊ย) น้องมันบอกว่าหนังสือดาร์กมากๆ เมื่อกี้ไปเปิดวิกิดูพึ่งรู้ว่าคนเขียนเสียชีวิตไปแล้ว

Photobucket

Photobucket

Photobucket


โดย: อปอช (apple_cinnamon ) วันที่: 21 พฤศจิกายน 2551 เวลา:0:06:18 น.  

 
ในใจตอนนั้นอยากเป็นสะไภ้คนฮ่องกง ไช่ม๊า ...โกหกตัวเองอยู่ป่าวพี่ 55+

อายครูไม่รู้วิชา สงสัยอยากได้วิชาเยอะเลยชวนอาจารย์พิเศษ ออกไปเที่ยว แหม๋เสียดายแทนเนอะไม่แน่ถ้าได้สานต่อความสัมพันธ์BdMd คงใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายที่นั่นแน่ๆ (แล้วเราจะได้เจอกันอีกมั้ยะเนียะ) ดีแล้วๆ ที่มันเป็นอย่างั้น

หรืออย่างสาวจีนคนนั้น เหมือนจะเคยได้ยินที่ไหนซักแห่ง (หรือเปล่านะ?)ว่าโดนหักอก หัวใจแตกสลาย จนลืมไม่ลง (ไม่ได้เยาะเย้ยนะฮะ คือเหมือนจะได้ยินที่ไหนซักแหล่ง ก็พี่BdMd ดังจะตายไม่ไชหรอ อิอิ) จงสู้ต่อไป!!!!

เอ...ดูเหมือนใช้ชีวิตกับการทำงานมากไปป่าวเนียะ ไม่หยุดเลยเนอะ ตอนนี้คงมีความสุขแล้วสิ(เรื่องงานน่ะ)


.
.
โอ้ยๆ อยากมีอาจารย์สาวๆ มาสอนให้มั่งจัง


โดย: haro_haro วันที่: 22 พฤศจิกายน 2551 เวลา:11:12:33 น.  

 
พอดีนั่งอ่านข่าวว่า ริดลี่ย์ สก๊อต กำลังจะสร้าง Monopoly: The Movie (?!) ในขณะเดียวกัน The Sims: The Movie ก็มีกำหนดสร้างให้เสร็จในปี 2010... คิดๆแล้วก็ขำดีที่เกมส์หลายๆเกมส์ ที่ไม่น่าจะดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ได้ จะถูกนำมาสร้างเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ยังไม่มีชื่อ Uwe Boll เข้ามาเกี่ยวข้อง โปรเจ็คนั้นก็คงจะยังพอดูได้อยู่น่ะ 555+



Minesweeper: The Movie


Pac Man: The Movie


Facebook Off


โดย: BloodyMonday วันที่: 22 พฤศจิกายน 2551 เวลา:12:03:41 น.  

 
Pac Man: The Movie น่าหนุกดีนะ

ปล. กลางวันอย่างนี้โหลดช้าอ่ะ
ไว้เดี๋ยวย่องมาดูใหม่ตอนเช้ามืดนะ



โดย: renton_renton วันที่: 22 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:24:46 น.  

 
โอ้ว บล๊อกนี้ยาวจิงๆด้วยอ่ะ

ยังอ่านไม่จบเลย

อ่านไปได้ครึ่งแรกแล้วก็แอบรู้สึกว่า

ชีวิตเราที่ญี่ปุ่นนี่ช่างลั๊ลลากว่า จขบ. เยอะเลยแฮะ

ยังไม่โฮมซิก ไม่นึกถึงบ้านจนน้ำตาตก

บางเดือนก็ลืมโทรกลับบ้านไปหลายสัปดาห์

นานน๊านนนนนที จะรู้สึกเหนื่อย

ก็คงจะเป็นช่วงสอบนั้นแหละ ที่จะเริ่มรู้สึกอยากกลับบ้าน

ไอ้ช่วงว่างๆ ก็หลั่นล้าจนลมบ้านเกิดเมืองนอน



โดย: Unravel วันที่: 22 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:08:50 น.  

 
ใช่ๆ เป็นเหมือนกัน

ตอนฟัง look no further เป็นครั้งแรกก่อนอัลบั้มจะออก

นี่แบบว่าแอบเฟลนิดๆ เพราะคาดหวังกับอะไร

ที่มันคล้ายๆกับ white flag หรือ life for rent

อะไรประมาณนั้น มากกว่าเพลงนิ่งๆเรียบๆแบบนี้

แต่สำหรับตอนนี้อัลบั้มนี้ฟังได้เรื่อยๆจริงๆ

อาจจะไม่ต้องบ่อยถึงขั้นฟังทั้งวัน แต่ก็หยิบมาฟังได้ตลอด

อีกอัลบั้มคือ I Am... Sasha Fierce

ที่ตอนแรกพยายามที่จะไม่ชอบมัน

แต่สุดท้ายก็เหมือนกับในวงเล็บที่ BdMd

ไปเขียนไว้ในบล๊อกเลย...คือชอบเท่าๆกับ Safe Trip Home

^^


โดย: Unravel IP: 133.37.240.199 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2551 เวลา:18:01:40 น.  

 
อ้อ ลืม เพิ่งได้ฟัง Circus ของหนูหอก

อยากบอกว่าอันนี้เฟลของจิง

ไม่ไหวนะเนี่ย หอกควรจะกลับไปทำงานกับโมบี้ไรพวกนั้น

ฟังไปฟังมา บางเพลงยังนึกว่ามาจาก Oops! I Didฯ


โดย: Unravel IP: 133.37.240.199 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2551 เวลา:18:03:58 น.  

 
^
^
^
เห็นด้วย ฟังดูเหมือนกับ หนูหอก wannabe ที่กำลังเลียนแบบ หนูหอก ตัวจริงเลย แบบว่าซาวด์มันเก่าๆเชยๆไปซะ (เกือบ) ทุกเพลงเลย เฮ้อ...

---------------------------------------


By the way, เพลงข้างล่างนี้อยู่ในฮิห้าของจขบ.มาสักพักแล้ว เห็นว่ามันเข้ากับเอนทรี้นี้ดี...มั้งง เลยเอามาแปะไว้ (แถมมันยังวนเวียนล่องลอยอยู่ในจิตใจของผู้เขียน มาครู่ใหญ่แล้วเหมือนกันน่ะ 55+)





โดย: BloodyMonday วันที่: 22 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:46:17 น.  

 
เพิ่งมานั่งย้อนอ่านบล็อกเก่าๆ เหมือนกันเลยยย
(แต่ของเราอยู่ในสเปซ)

แถมยังลามไปอ่านของเพื่อนๆ ด้วย

อ่านแล้วก็ขำ แต่ก็คิดอะไรได้หลายอย่าง
อย่างนึงเราก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลง ทั้งการกระทำและความคิด

ตอนปีหนึ่ง ยังเขียนบล็อกเรียกเพื่อนว่า "แก" อยู่เลย
แต่ตอนนี้หยาบกว่า "มะอึง" อีกค่ะ 5555


อย่างเพลงที่ จขบ เอามาลงไว้
"ลืม"
ก็เป็นเพลงที่เราฟังทีไรก็จะอดคิดถึงสมัยที่อยู่หอไม่ได้
วิทยุเครื่องเก่าๆ ที่รับสัญญาณไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เสาอากาศก็หัก เลยต้องเอาปลั๊กไฟจากโคมไฟมาจิ้มเอาไว้ตรงเสาอากาศ ทำให้ฟังเพลงได้ชัด (แต่เปิดโคมไฟไม่ได้ 555)

ทุกวันจะต้องรอให้คลื่นวิทยุ (สมัยนั้นฟังแฟต) เปิดเพลงนี้
ไม่ว่ากำลังทำอะไรกันอยู่ พอเพลงนี้เปิดทุกคนในห้องจะหยุด แล้วนั่งฟังด้วยกัน
คงเป็นเพราะสมัยนั้น ยังเป็นวัยรุ่นวุ่นรัก อยู่มั้งคะ เลยอินง่่าย 555

แต่ตอนนี้ พอได้ยินเพลงนี้ทีไร จะรู้สึกทุกครั้งว่ากำลังนั่งฟังวิทยุเครื่องนั้นอยู่ ^^


โดย: ยิ่งยง นั่งยองยอง วันที่: 22 พฤศจิกายน 2551 เวลา:23:35:50 น.  

 
สมัยก่อนพ่อแต่งงานก็ขี่มอเตอร์ไซต์จากกรุงเทพไปกับเพื่อนเหมือนกันครับ ตอนนี้ก็ยังเย็นคนเช่ามอเตอร์ไซต์ขี่ไปทำธุระเหมือนกันครับ (จากปายออกมา)


โดย: McMurphy วันที่: 23 พฤศจิกายน 2551 เวลา:2:54:18 น.  

 
เราว่าดีออก.."ชีวิต bloody มีรสชาติดี
มาอีกแล้ว...จิตซาดิส...(ว่าตัวเอง)
เหงาได้..แต่อย่าเหงานาน
เศร้าได้..แต่อย่าเศร้านาน
ได้ทำในบางสิ่งที่ชอบ
บรรยายโวหารได้มากมายดี...และดีที่ได้ระบาย"
ถ้าคุณหายไปเราก็เข้ามา..ล่ะ
แวะมาเช็ดน้ำตา..ไม่ช่าย!!!!
ไปนอนดูบอลดีกว่า..Tottnam นำBlackburn
ไป 1 ลุกแล้ว 10 กวานาทีเอง

เราเขียนอะไรเหมือนที่คิดออกมา
บางทีเหมือนไม่รู้เรื่องนะ...เรื่อยเปื่อย..ขออภัย..ไปล่ะ

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

แวะมาให้กำลังใจแล้วกัน
จาก..ผู้ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย..แต่จริงใจ(สาบาน)



โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 23 พฤศจิกายน 2551 เวลา:20:53:28 น.  

 
เจ้าของบล๊อกรูปไม่ค่อยอย่างที่เราจิตนาการไว้แฮะ แต่เขียนบล๊อกละเอียดมากเลย ต่างจากเดี้ยนค่ะ


โดย: Special Ed. วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:0:29:27 น.  

 
โอ้ กลับมาอีกทีมีเพลงแล้ว
เพลงเข้ากับบล็อกนี้ดี

จะบอกว่าหมดความพยายามกับการอ่านทไวไลท์ แล้ว - นี่ไม่ใช่หนังสือของเราอย่างสิ้นเชิง คืออ่านสิบหน้าแรกก็โอเคนะ อ่านไปๆ มันเลี่ยนขึ้นเรื่อยๆ
เลยยอมแพ้

เข้าไปอ่านบล็อกทไวไลท์ของ จขบ.นี้แล้วด้วย
คิดไปเองก่อนว่า คงไม่ชอบหนังเรื่องนี้แน่ๆ เลย


โดย: grappa IP: 58.9.207.72 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:2:15:20 น.  

 

ไม่คิดว่ากลายเป็นคนนิสัยเสียหรอก เพราะเราไม่ได้ทำตัวหยาบกับคนอื่นก่อน ถูกไหม ที่เราทำเป็นการสะท้อนกลับไปต่างหากยังไม่นับคนบางประเภทที่ได้คืบเอาศอก ตะคอกได้ตะคอกเอา ฉันไม่ใช่ถังขยะนะ คือ ที่ทำงานเรามีคนแบบนี้น่ะ สุดท้ายเราเริ่ม "สะท้อน" กลับไปบ้างเวลาเขาเริ่มก่อน มันก็ช่วยได้บ้าง

แต่ต้องระวัง เราจะติดความก้าวร้าวมาซะเอง
ไม่ชอบตัวเองที่ไม่น่ารักอย่างนั้น แต่ก็ไม่ยอมโดนเอาเปรียบ
ทนไปเพื่ออะไร ไม่ใช่กรมประชาสงเคราะห์นะ


โดย: อั๊งอังอา วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:53:18 น.  

 
555 จริงๆ ตัวเราเองจะเรียกชื่อ "ยิ่งยง นั่งยองยอง" ยังไม่ค่อยสะดวกใจเลยค่ะ

เรียก นิดนก ก็ได้ค่ะ ชื่อจริงเสียงจริง ^^

สมัยนั้นฟังแฟต แต่สมัยนี้เลิกฟังวิทยุไปแล้วค่ะ
ด้วยเหตุผลหลักๆ คือวิทยุที่บ้านมันรับคลื่นได้ไม่ค่อยดี
แล้วก็ตามกระแสเพลงของเด็กๆ สมัยนี้ไม่ค่อยจะทันเท่าไหร่
เลยชอบไปขุดซีดีเพลงเก่าๆ สมัยที่เรากำลังโตขึ้นมาฟังดีกว่า

เพราะดี มีคุณภาพ แถมได้หวนรำลึกความหลังไปในตัวค่ะ ^^


จริงๆ เพลงของขอนแก่นเราชอบ "ลืม" มากที่สุดนี่แหละค่ะ แต่ถ้าฟังโดยรวมทั้งอัลบั้มก็ถือว่าใช้ได้เลยนะคะ อีกเพลงที่แนะนำก็ "ใช่เธอหรือเปล่า" เคยมีความหลังกับมันเหมือนกัน (อีกแล้ว)



โดย: ยิ่งยง นั่งยองยอง วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:46:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BloodyMonday
Location :
Imaginationland, Valley of Bliss China

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






-= M & M in Nutshell =-


Gentlemen Broncos (2009)


You could have brain tumor by watching this contaminated turd. Nothing in Gentlemen Broncos pays off, it’s incoherent mess, and chock-full of incredibly annoying characters. You will not only loath this movie, but it also makes you want to punch someone who responsible for this abomination in the face.

BloodyMonday Rating:



Fantastic Mr. Fox (2009)


Imagine if Akira got Live-Action treatment by... say Alfonso Cuarón, you know how awesome it might be? That’s what happened to "Fantastic Mr. Fox". Wes Anderson's auteur perfectly captured the quirkiness and blissful tone of the material. Its stop-motion technique might be a little crude and... somewhat unsophisticated, but that's the charm of it. You’ll feel like pop-up book unveiled before your eyes. This is an exceptional animation of the year.

BloodyMonday Rating:



Planet 51 (2009)


ถ้าถามว่าสนุกไหม? ก็โอเค ทุกอย่างถอดแบบมาจาก Shrek มุขที่อ้างอิงวัฒนธรรมป็อป ตัวละครสมทบที่น่าสนใจกว่าตัวเอก กราฟฟิคที่สอบผ่านฉลุย (ถ้าไม่ไปวัดกับพิกซาร์) แต่ถ้าถามว่าต้องดูไหม? ..... เอาเป็นว่าเวลาชั่วโมงครึ่ง ทำอะไรที่มีประโยชน์กว่านี้ได้เยอะแยะ

BloodyMonday Rating:



It's Complicated (2009)


รู้สึกสนุกกับการได้เห็นป้าเมอรีล เข้าโหมดแอ๊บเด็ก (อีกแล้ว) ในขณะเดียวกัน อเล็กซ์ บอลด์วิน และ จอห์น ครากินสกี้ ก็ขโมยซีนได้ตลอด แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหนังยาว 2 ชั่วโมงมีเรื่องให้เล่าแค่ 15 นาที... It's Complicated อาจเหมือนคนกินไวอากร้าแล้วเข้านอน คึกตลอดคืนแต่มันจะมีประโยชน์อะไร?

BloodyMonday Rating:



Up in the Air (2009)


Up in the Air is a blockbuster movie for people who think blockbuster movies are dumb, as it chock full of brilliantly written dialogue, and acting showcase for three talented actors (especially star-making turn by Anna Kendrick). But in the end, there's little to love, not so much story to chew on (plus disappointing third act), and no real connection to the meaning of human interaction as it intended to be.

BloodyMonday Rating:



I Love You, Beth Cooper (2009)


Cliché-ridden plot about a bunch of annoying characters get together in one idiotic circumstance, "I Love You, Beth Cooper" is shameless exploitation & biggest insult to 80s teen flicks. It's like memorizing magic trick from internet, hoping to perform like David Copperfield. Neither sense of wonder nor magic flare happens here. Only good thing is, it makes me wanna cleanse my soul with genuine 80s teen movie night marathon.

BloodyMonday Rating:



Everybody's Fine (2009)


Meh. The movie serious lack of originality & characters development. Only Robert De Niro comes out fine in this schmaltzy, "Lifetime" movie-of-the-week plot.

BloodyMonday Rating:



Paper Heart (2009)


Twee delight... That's only two words I can think of right now.

BloodyMonday Rating:



Adam (2009)


A perfect companion to Mary & Max (one of the best animation of 2009), Adam is star-crossed love story (pun intended) between Adam, Asperger's Syndrome bearer, and Beth, free spirit woman. The picture wouldn’t be this intimate without stunning performance by Hugh Dancy. On the other hand, the lack of depth on why Beth would love someone like Adam, preventing me from wholeheartedly embraces her choice in the end (which is nice & perfect but requires a leap of faith). Otherwise, this is touching romantic film, which putting its feet firmly on the ground, making the world full of hope and seems nicer place to live.

BloodyMonday Rating:



The Invention of Lying (2009)


Expected to be like “Click” or “Yes Man”, where high-concept plot turned into endless gags, with moral lesson (forcefully) shoving down your throat. But "The Invention of Lying" is thinking man’s film. The whole concept is not seeing how first lying man exploits the ability. But it's about him finding the way not to lie, in order to find genuine happiness. Great stuff.

BloodyMonday Rating:



Give ‘Em Hell Malone (2009)


This is one damn frustrating experience. It’s like watching an infant trying to stand up and walk. They would take a few steps then fall their asses. In fact, kiddie film like “Bugsy Malone” has done better job paying a tribute to film noir than this borefest.

BloodyMonday Rating:



Zombieland (2009)


ถ้าอังกฤษมีหนังซอมบี้ฮาแตกอย่าง Shaun of the Dead แล้ว ทำไมอเมริกาจะมีบ้างไม่ได้... Zombieland คือการผสมผสานระหว่างบรรดาหนังซอมบี้เก่าๆ เข้ากับทัศนคติของคนสร้างที่อาจดูหนังแนวนี้มากเกินความจำเป็น จนสามารถสร้างหนังซอมบี้ที่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองเป็น และเล่นสนุกไปกับกฏพื้นฐานของซอมบี้ได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยกความดีให้สี่นักแสดงนำ โดยเฉพาะ วู้ดดี้ ฮาเรลสัน (เขาเกิดมาเพื่อบทนี้) ที่ช่วยกันสร้างมนต์เสน่ห์ ให้กับการเดินทางในโลกไร้มนุษย์ได้อย่างเต็มที่

ถึงแม้พลังงานที่ขับเคลื่อนจะมาหมดเอาดื้อๆในองค์สุดท้าย เมื่อฉากใหญ่ในสวนสนุกถูกทำขึ้นเพื่อแสดงฉากการฆ่าซอมบี้เด็ดๆ (ซึ่งไม่ใช่จุดเด่นสำหรับเรื่องนี้เลย) แต่โดยรวมแล้วมันก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัว ที่บรรดาแฟนซอมบี้จะมาพลาดหนังเรื่องนี้... อ้อ แล้วหนังยังมีดารารับเชิญสุดเซอร์ไพรซ์ ที่สร้างเสียงฮาที่สุดในเรื่องได้จากประโยคสุดท้ายอีกด้วย

BloodyMonday Rating:



Frequently Asked Questions About Time Travel (2009)


เมื่อเพื่อนสามคนก๊งเบียร์กันในผับแล้วเจอสาวฮ็อต (แอนนา ฟาริส) ที่อ้างว่ามาจากอนาคตจนเกิดรอยแยกของเวลา ทำให้ทั้งสามต้องท่องไปทั้งโลกในอนาคตและอดีตจนวุ่นวาย...

หนังมีไอเดียกิ๊บเก๋ ทำออกมาได้สนุกสนานสไตล์ซิตคอมอังกฤษ โดยเฉพาะการนำกฏเหล็กต่างๆจากหนังที่เกี่ยวกับการท่องเวลา (ดูเหมือนว่า Back to the Future จะเป็นแรงบรรดาลใจหลัก) มาปู้ยี้ปู้ยำอย่างเมามัน ถึงแม้ว่าตลอดเวลาการรับชมจะให้ความรู้สึก เหมือนตัวเองกำลังดูซีรี่ย์ทางโทรทัศน์ แต่มันก็คือตอนที่ฮาที่สุดของซีซั่น แถมเอฟเฟ็คที่ใช้ก็มีคุณภาพจนคาดไม่ถึง

BloodyMonday Rating:



Looking for Eric (2009)


มีความรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มองโลกในแง่ดีเกินบรรยากาศโดยรวม จริงอยู่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ลงเอยด้วยดีในตอนสุดท้ายนั้น สามารถสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนดู แต่จากสถานการณ์ในเรื่องและบริบทที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มันยากที่จะทำใจเชื่อในสิ่งที่เห็น โดยเฉพาะพล็อตรองเกี่ยวกับปืน ซึ่งถ้าถูกตัดออกไปและหนังยังดำเนินเรื่องอย่างที่เป็นอยู่ Looking for Eric ก็น่าจะเป็นหนังฟีลกู้ดที่อบอุ่นที่สุดเรื่องหนึ่งของปีเลยทีเดียว

BloodyMonday Rating:


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
17 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add BloodyMonday's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.