พล่าม........(1)

วันว่างๆ พอปล่อยความคิดโลดแล่นแบบไร้จุดหมายหน่อยละกัน 55+

บลัดดี้มันเดย์ กับ เรื่องของห้องน้ำ



เข้าใจว่าคงมีชื่อเสียงไม่แพ้อาหาร เพราะเกือบร้อยทั้งร้อย เมื่อเค้ารู้ว่าผู้เขียนเคยอยู่เมืองจีน จะต้องถามเกือบทุกคนว่า "ห้องน้ำที่โน้นเป็นยังไงบ้างว่ะ" หรือ "ได้ข่าวว่ามันแย่มากเลยนี่หว่า" คืออยากจะบอกให้ทราบกันตรงนี้เลยว่า "มันก็ไม่ได้แย่เหมือนกับเกียรติศัพท์ที่ได้ยินน่ะ........ทำนองนั้นมั้ง" ใช่ ถ้าเราอยู่ในเมืองเศรษฐกิจใหญ่ๆ (อย่างเช่นกวางโจว) ถึงแม้ว่าวันไหนเราก็จะมีการเตรียมตัวที่ดี มันก็ต้องมีบ้างแหละ ที่เราอาจเกิดปวดอย่างกระทันหัน แต่มันก็มีทางเลือกในการเข้าห้องน้ำ เช่นตึกใหญ่ๆสูงๆที่สามารถเนียนแอบเข้าไปทำธุระของเราได้ หรือห้องน้ำสาธารณะที่มีอยู่ทั่วเมืองก็ได้ (แต่อยากจะสารภาพว่า ไม่เคยเข้าไปใช้เลยครับ เพราะกลัวเรือดำน้ำคนอื่น 555+)

แต่ใครที่เคยมาอยู่ที่นี้แล้ว ไม่มีเรื่องเล่าในห้องน้ำ ก็อาจจะเรียกว่ามาไม่ถึงเมืองจีนก็ว่าได้ อย่างตัวผู้เขียน ก็อาจจะมีอยู่เรื่องสองเรื่องเหมือนกัน ซึ่งน่าแปลกว่า มันเกิดขึ้นนอกเมืองกวางโจวหมดเลย เอาล่ะ เพื่อให้เป็นการไม่เสียเวลา เรื่องแรกเกิดเมื่อตอนไปกุ้ยหลิน ช่วงที่ไปนั้นคือช่วงประมาณเดือนสิบเอ็ด (ก็คือหนาวพอใช้ได้แล้ว) ไอ้เราที่อุตสาห์ทำธุระหนักเสร็จเรียบร้อยแล้วในตอนเช้า แต่พอช่วงหลังเที่ยงมันก็เกิดปวดขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่กำลังจะเตรียมตัวล่องแม่น้ำเจ๋อเจียง บริเวณท่าที่จะขึ้นเรือ มันก็มีห้องน้ำตั้งกันเป็นแถวๆอยู่ (เสียดายที่ไม่กล้าถ่ายรูปมาด้วย) สภาพนั้นถูกสร้างด้วยสังกะสี (เพื่อช่วยให้มโนภาพได้ดีขึ้น มันเหมือนกับห้องน้ำชั่วคราวของสถานที่ก่อสร้าง) แต่ที่ทำให้มันมีความพิเศษคือ ประตูมันมีความสูงแค่ประมาณ 60 ซม. !!! แล้วที่สำคัญมันติดตั้งเอาไว้ตรงกลางๆของกรอบประตูพอดี คือถ้าพอเราจะนั่งทำธุระ มันก็จะปิดหน้าเราพอดีเลย (เออดี จะได้ไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นใคร) แต่พอเขยิบลงมาจากหน้าและตัวของเราแล้ว...โล่งครับ....ประมาณว่าคนข้างนอกสามารถมองลอดเข้ามาได้เลย (คนสร้างมันคงคิดว่า ไม่เห็นหน้าก็โอเคแล้วมั้ง....ฮ่วยยยยยย)

มีอีกเรืองนึง อันนี้เป็นเรื่องของเพื่อนที่ชวนไปเที่ยวฮาร์บิ้นมาเมื่อปีที่แล้ว (แต่ผู้เขียนไม่กล้าไป เพราะใครที่เคยไปมา ก็คงจะรู้ว่ามันหนาวววนรกแค่ไหน) แล้วด้วยความหนาวระดับเทพขนาดนี้ ก็เป็นธรรมดาที่คนจะต้องปัสสาวะบ่อยเป็นพิเศษ ดังนั้น ห้องน้ำสาธารนะจึงอุดมไปด้วยผู้คนที่ต่อแถวกันเพื่อเข้า เพื่อนของผู้เขียน (ซึ่งเป็นผู้ชาย) ก็ต่อแถวด้วย มันก็สังเกตุเห็นว่ามีควันพวยพุ่งออกมาจากห้องน้ำ (เหมือนคนทำกับข้าวในนั้นยังไงยังงงั้น) และพอถึงคิว มันก็ถึงจะบรรลุธรรมว่า ควันนั้นก็มาจากไออุ่นของน้ำปัสสาวะของมนุษย์นี้เอง (555+) ยัง....ยังไม่ถึงท่อนฮุค นอกจากนั้น เมื่อเจ้าเพื่อนมันเดินไปถึงโถปัสสาวะแล้ว ก็ได้เจอกับประติมากรรมชั้นยอด ที่สร้างสรรค์โดยนักท่องเที่ยวหลายชีวิต นั้นก็คือน้ำแข็งยอกน้ำแข็งย้อยสีเหลือง ที่เกิดขึ้นมาจาก.........โอเค คงนึกภาพออกกันแล้วน่ะ 555+

ความจริงมันก็ยังมีอีกน่ะ เช่นห้องน้ำสโลปในซัวเถา ที่ใครใช้ห้องแรกสุดจะถือว่าโชคดีอย่างที่สุด เพราะเรือดำน้ำและแม่น้ำเหลืองของผู้ปล่อย จะไหลไปรวมกับห้องที่สองและห้องที่สาม...สี่ต่อไป จนสุดห้องสุดท้าย (เฮือกกก) แค่คิดก็อร่อย เอ้ยคลื่นไส้แล้ว 55+

แต่รู้สึกว่าเรื่องมันจะยาวไปหน่อยแล้ว เดี๋ยวจะกลายเป็นการพล่ามแต่เรื่องห้องน้ำอย่างเดียวไป 555+ Ok, let's move on!!

บลัดดี้มัยเดย์ กับ อัลบั้มใหม่ของอลานิส



โอ้ เย้ เธอกลับมาแล้วๆ......แค่นี้แหละ 555+ เพราะคุณอลานิสถือว่าเป็นศิลปินคนโปรดของผู้เขียนเลยทีเดียว ที่บอกว่าเป็นศิลปินคนโปรดนั้นก็เพราะว่า เธอเป็นศิลปินที่ผู้เขียนค้นพบด้วยตัวเองโดยบังเอิญ เมื่อตอนไปเดินเล่นที่ Tower Record (ที่เปลี่ยนเป็น CD Warehouse และ....เจ๊ง T_T) อัลบั้มแรกที่ซื้อนั้นเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก Jagged Little Pill ที่บัดนี้เป็นอมตะไปแล้ว (และก็ยังเอามาเปิดเล่นอยู่บ่อยๆเวลานั่งเล่นอินเตอร์เน็ต) ถึงแม้ว่า เธออาจจะได้ผ่านช่วงที่ดีที่สุดของเธอไปแล้ว แต่ด้วยอายุเพียงแค่อายุ 33 ปี มันก็ไม่ได้หมายถึงปลายทางของอาชีพน่ะ ว่าไหม อย่างอัลบั้มล่าสุดที่ชื่อว่า Flavors Of Entanglement ก็ไม่ได้ทำให้แฟนเพลงผิดหวัง(มาก)แต่อย่างไร โดยเพลงที่เด่นๆก็มีอย่าง Underneath ที่เป็นป๊อปใสๆดนตรีติดหู หรืออย่าง Not as We ที่มีท่วงทำนองเปียโนที่สอดคล้องกับเสียงหวานๆของเธอ โดยที่ยังให้ความรู้สึกเศร้าเหมือนกับเพลง Uninvited ในอัลบั้มก่อนของเธออีกด้วย

ถ้าจะให้จัด The Greatest Hit ของเธอ (ใครขอว่ะ 55+) ก็คงจะได้ประมาณนี้ละน่ะ

"All I Really Want"
"Hand in My Pocket"
"You Learn"
"Ironic"
"Sympathetic Character"
"So Pure"
"Joining You"
"Hands Clean"
"So Unsexy"
"Everything"
"Not As We"
"In Praise of The Vulnerable Man"


บลัดดี้มัยเดย์ กับ Cliché



Cliché (noun)

1. A phrase or expression that is overused and has thus lost its original impact; a trite saying; a platitude.
2. Anything other than a phrase or expression (such as a plot device, etc) that is similarly overused.


ถ้าแปลเป็นไทย มันก็จะหมายความว่า การแสดงออกที่ถูกใช้ซ้ำซากๆ จนทำให้สูญเสียความหมายที่แท้จริงไป เราอาจจะได้ยินบ่อยๆ (ในบล็อคหนังแห่งนี้ก็ใช้เยอะ 55+) สำหรับคนที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับหนัง ที่ถูกสร้างซ้ำๆซากๆกันออกมา เปลี่ยนตัวนักแสดงและเนื้อเรื่องนิดหน่อย แต่พล็อตและจุดมุ่งหมายนั้นยังเหมือนเดิม

ความเห็นของมนุษย์น้อยๆคนนี้ คิดว่า Cliché นั้นสำคัญต่อมนุษย์ชาติมากเลยทีเดียว เพราะทุกวัน คนต้องต้องอาศัยความซ้ำซากน่าเบื่อเหล่านี้แหละ ในการผ่านพ้นไปในแต่ละวัน ซิ่งการกระทำเหล่านี้ เปรียบเสมือนสิ่งเติมเต็มในช่องว่างของชีวิตของแต่ละคน ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ไม่ใช่ว่าเราจะต้องทำอะไรให้มัน Cliché กันไปทุกๆวัน เพราะเราๆเองก็มีสิทธิ ที่สามารถทำอะไรที่มันแปลกใหม่ออกไปจากชีวิตประจำวันได้ แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก ที่เราจะต้องใช้เวลานั่งครุ่นคิดตลอดทุกวันว่า สิ่งไหนที่ทำแล้ว มันจะไม่ Cliché

เพราะฉนั้น ถ้าทุกคนคิดว่า พอถึงตอนกลางคืน เปิดทีวีแล้วจะเจอแต่ละครน้ำเน่า แล้วเห็นแต่พระเอกชอบตบจูบ, นางเอกซื่อบื้อ, คนใช้น่าถีบ, หรือนางร้ายเสียงห้าร้อยแปดสิบเดสิเบล จะเอือมระอากับความ Cliché ในสังคม และทิศทางของการแสวงหาความบัญเทิงในประเทศไทย อยากจะให้หยุดคิดเสีย เพราะอย่างน้อยนี้มันอาจจะเป็นทางออกให้กับคนอีกหลายๆคน (ที่ไม่ใช่คุณ) อีกหลายๆคนที่ความหวังในวันพุธ, พฤหัสคือ การกลับไปดูละครทีวี แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุด ใช่ว่าเราทุกคนจะต้องถูกล็อคติดกับเก้าอี้ เพื่อจะต้องนั่งดูในสิ่งที่ไม่อยากซะหน่อย เพราะอย่างน้อยเราก็ยังมีทางเลือกละ จริงไหม

บลัดดี้มัยเดย์ กับ ซับนรก #1



เป็นความคิดเล่นๆที่มาจากการที่เราซื้อแผ่นผีมา แล้วเปิดเจอซับไทยนรกทุกที สมมุติว่าหนังไทยของเราเกิดเข้าสู่ยุคเฟื่องฟู และกลายเป็นกระแสฮิตขึ้นมา อาจจะผลิตกันถึง 300 เรื่องต่อปี (เว่อร์ไปมั้งพี่ 55+) คนอเมริกันก็เลยต้องขวนขวายหาซื้อหนังไทยกันทุกวิธีทาง (แผ่นผีของเราชอบอ้างว่ามาจากแม่สาย หรือจากมาเลย์ ของเค้าก็อาจจะอ้างว่ามาจากแคนาดา หรือเม็กซิโกก็ได้ 555+) คนทำซับของเราอาจจะผูกใจเจ็บแค้นมาจากซับไทยเห่ยๆที่ได้เคยดูมา ก็เลยแปลเป็นซับอังกฤษนรกให้พวกเค้าดูบ้าง ตัวอย่าง

สมชาย: บ้าจริงๆ เมื่อกี้ฉันปล่อยไก่ตัวเบอเร่อเลยว่ะ แม่งน่าขายหน้าชะมัดยาดเลย!
Somchai: Dammit! I just released an enormous chicken. I would like to sell face!


คิดไม่ออกแล้ว 555+ เอาไว้พล่ามวันอื่นต่อละกัน......



Create Date : 26 พฤษภาคม 2551
Last Update : 26 พฤษภาคม 2551 23:43:45 น. 15 comments
Counter : 1600 Pageviews.

 
ว่าแล้วก็เปลี่ยนธีมบล็อคเป็น Zooey Deschanel ซะเลย (แค่เปลี่ยนรูปจะถือว่าเป็นการเปลี่ยนธีมไหมเนี่ย 555+)

แฟนๆหนังของเธอคงจะเสียดายไปตามๆกัน เพราะเธอน่าจะพลาดบทที่สำคัญที่สุดบทหนึ่งในชีวิตเธอไปซะแล้ว นั้นก็คือการเล่นเป็นนักร้อง icon ของวงการร็อค Janis Joplin ได้ข่าวว่า (ยังไม่คอนเฟริม) runner-up ของ American Idol ปีที่แล้วอย่าง Katharine McPhee จะได้เล่นแทน (เสียงเธอโอเคเลยน่ะ แต่การแสดงมันจะได้ไหมเนี่ย)



โดย: [][]บลัดดี้อโลนอินเดอะดาร์ค[][] IP: 124.120.62.177 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:14:46 น.  

 
The Way We Were, Three Days of the Condor, The Electric Horseman, Tootsie, Out of Africa, The Firm และล่าสุดอย่าง The Interpreter อาจจะเป็นผลงานที่พิสูจน์ให้เห็นถึง ความสามารถในการดึงเอาการแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุด ออกมาจากตัวของนักแสดง ในหนังทุกๆเรื่องที่เขาได้กำกับ น่าเสียดายว่า การเดินทางที่น่าจดจำของเขาี้ ต้องหยุดลงเพียงแค่วันนี้...

Sydney Pollack เสียชีวิตในวัย 73 ปี ด้วยโรคมะเร็ง นอกจากที่เขาจะเป็นผู้กำกับฝีมือดีแล้ว เขายังเป็นนักแสดงสมทบที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กันอีกด้วย ทั้งในหนังเรื่องล่าสุดอย่าง Michael Clayton หรือ Eyes Wide Shut ต่างก็ทำให้ผู้ชมได้เห็นหน้าค่าตา และฝีไม้ลายมือของผู้กำกับคนคนนี้ สุดท้ายนี้ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ชอบในผลงานของเขา หรือจะเกี่ยวข้องในชีวิตส่วนตัวของเขา ก็ขอแสดงความเสียใจกับทุกๆคนในมาณ.ที่นี้ด้วยครับ



"I don't value a film I've enjoyed making. If it's good, it's damned hard work" - Sydney Pollack (1934 - 2008)



โดย: [][]บลัดดี้อโลนอินเดอะดาร์ค ๒[][] IP: 124.120.62.177 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:09:23 น.  

 
- เรื่องส้วมนี่ ใครๆ เค้าก็พูดกันทำนองนั้น (มั้ง)เห็นพูดทีไร ก็ประมาณว่า "เมิงต้องไปลองเอง ถึงจะรู้" ..เล่าซะเห็นภาพเลยพี่ ....อีกเรื่อง ส่วมปิดหน้านี่ได้ใจจิงๆ ถ้าเป็นผู้หญิงเข้าไปทำธุระนี่ คง.....โอ้ว ไม่อยากคิด . 555

- อัลบั้ม ของเจ้ อลานิส นี่ผมไม่ค่อยได้ฟังเลยฮะ ทั้งๆ ที่มีอยู่ชุดนึง (จำบ่ได้แฮะ - -")..ปกซีดีนี่ ถ้าไม่มีหน้าเธอ อยู่ด้วย ผมล่ะคิดว่าเป็นวง เมทัลได้เลยนะนั่น ...ดูหม่นๆ จังเนอะ

- Cliché ละครไทยก็ดีนะฮ สร้างเสริมประสบการชีวิต..
- ซับนรก ... รอแผ่นมาสเตอร์ดีกว่ามั้ย ...//ฮาดีพี่ ต้องมีอีกแน่เลย


โดย: ฮาโร โตเพราะไข่ IP: 203.153.163.34 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:57:24 น.  

 
ขอบคุณที่แนะนำ islands ฮะพี่ ไม่เคยฟังเลยอะ เห็นในเว็บว่ามา เป็นวงจาก แคนนาดา งั้นรึ ประเทศนี้นี่ ยอมรับ่าเค้าทำเพลงป๊อบปูล่า มากมายหลายคณะแล้วฮะ ชอบๆๆ อย่างนี้ต้อง หามาฟังแล้วล่ะ..


โดย: ฮาโร โตเพราะไข่.. IP: 203.153.163.34 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:00:31 น.  

 
ก๊าก เขียนเรื่องห้องน้ำ

ขำอีกเรื่อง ก๊ากกก ฉานกะชอบ แอนนาอิส มอร์รีเซสม๊ากกกกกกกกก ไอดอลฉานนเลยอะ ชอบ เพลง IRONic อ่า

นี้ อาคุงหล่อน ฉานอัพหนังเรื่องใหม่แหละ


โดย: Bernadette วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:18:24:02 น.  

 
ขอบพระคุณงั๊บบบบ เดี๊ยวกะหาฟังอัลบัมใหม่ของอานาอิสแหล้วววววววววว


โดย: Bernadette วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:18:25:09 น.  

 
เพิ่งกลับมาจากหลังเขา..
ไปฝึกวับากมา 4 วัน 3 คืน
นอนกระต๊อบ
ปีนเขาลงห้วยเข้าถ้ำมา..
รอดชีวิตมาได้..แข็งแรงดี
แต่มาโยนกระเป๋า+เสื้อผ้าเข้าเครื่อง
แล้วเปลี่ยนกระเป๋าไปทำงานที่ขอยแก่ย
28-30 พค...กลับมางวดนี้
เข้ามาเยี่ยมBloddyMondayก่อนใครเลยนะ
เปลี่ยนเรื่องเป็นThai sub titleซะแล้ว
วว่าด้วยเรื่องสุขาเสียด้วย
ส้วมที่สนามบินที่เซียะเหมินก็OKค่ะ
lสะอาดกว่าสุวรรณภูมิอีก
เปลี่ยนกระดาษรองที่โถเองด้วย

ชอบนักร้องขบถ(เล็กๆ)Alanisคนนี้เหมือนกัน

ไม่รู้จะได้ up blog ตัวเองหรือเปล่า..
ยังมีงานอีกเยอะ..upไปก็คงไม่ได้เยี่ยมใครแฮะ
บ้านเมืองวุ่นวาย..เราก็วุ่นวายไปด้วย
ไปนะคะ..ฝากกรุงเทพฯด้วย


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:11:20 น.  

 
ฮาโร่ ไข่โ..เอ้ยโตเพราะไข่

อลานิสนี่ถือเปน idol เราเลยน่ะ มีช่วงนึงที่บ้าผลงานเธอมากๆ ไปทาว์เวอร์ เร็คคอร์ดหาซื้อ concert หรืออะไรอื่นๆที่เกี่ยวกับเธอหมดเลย ผลก็คือข่วงนั้นเงินหมด ไปไหนไม่ได้เลย 55+

ส่วน Islands ตอนแรกเราก็ไม่รู้จักหรอกน่ะ โหลดมาแล้วก็เปิดฟังระหว่างเล่นคอม แต่ฟังๆไปมันก็มันดีน่ะ ก็เลยโหลดอัลบั้มเก่ามาฟังอีกอัน สรุปว่าชอบเลยล่ะ

แบร์
แหมๆ ไอด้อลคนเดียวกันเลยนะเนี่ยย สำหรับเพลง เราชอบทุกๆเพลงที่เขียนไว้ข้างบนหมดเลยน่ะ ไม่มีอันไหนดีกว่าอันไหน...ส่วนที่อัพใหม่ ไปอ่านแล้วครับ


เริงฤดีนะ
แหะๆๆ เขินจังง มาเยี่ยมก่อนเลยเหรอคับ ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วย เดินทางบ่อยๆ ขอให้ปลอดภัยน่ะครับ


โดย: [][]บลัดดี้อโลนอินเดอะดาร์ค ๓[][] IP: 124.120.62.177 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:59:23 น.  

 
Ironic เพลงโปรดนัมเบอร์วันของเราเลย บลัดดี้

ก็โลกนี้มัน Ironic นี่นะ

เรื่องรูปห้องน้ำน่สนุกมากๆ ไม่อยากจะบอกว่าบ้านเราก็น่าจะมีบ้างงิ

Cliché เต็มที่กับชีวิต เพราะจริงๆมันมีความหมายอย่างไร ใครจะไปรู้(ว่ะ)



โดย: mr.cozy วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:59:40 น.  

 
แวะมาลิ้มเลีย ซูอี้ ที่รัก


โดย: nanoguy IP: 125.24.114.165 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:1:48:17 น.  

 
RIP สำหรับซิดนีย์ พอลแล็ค ผมดูหนังของปู่แกเยอะเหมือนกัน ที่ชอบก็คือ Tootsie กับ Out of Africa ที่เคยเห็นแกแสดงก็เรื่อง Eyes Wide Shut ส่วนห้องน้ำที่เมืองจีนน่ะ ลือเลื่องครับ แต่บางที่ก็ดี บางที่นี่ สุดยอด


โดย: Johann sebastian Bach วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:08:02 น.  

 
แวะมาเข้าห้องน้ำเอ้ย..แวะมาชมจ่ะ

ส/ค ได้รับแล้ว
ฝากข้อความไว้ที่แปะมือ..



โดย: renton_renton วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:18:19:06 น.  

 
ห้องน้ำกับเรานี้เป็นศัตรูกันตลอดกาลอ่ะ

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aguileraanimato&month=12-2007&date=29&group=2&gblog=4

เกลียดห้องน้ำสกปรก เกลียดส้วมซึม มากๆๆๆ
ชอบส้วมในห้าง
ไม่รู้น่ะ เราอาจเป็นโรคจิต แต่เกี่ยวกับห้องน้ำนี้ขอเหอะ พิถีพิถันสุดๆเคยปวดแถวหอตัวเอง แต่วิ่งไปถ่ายในมหาลัย เพราะไม่ชอบส้วมในห้อง



แอลลานิส กลับมาแล้ว เย้ๆๆๆ
พึ่งโหลดมาฟังครับ เหอๆๆๆ ชอบแค่ not as we อ่ะ
เพลงอื่นมันดูโรยรินกันจริง
ถ้าความรักทำให้เธอดูละมุนแบบนี้ เราก้หวังให้เธอกลับมากราดเกรี้ยวกราดกระสุนใส่เป็นวลีแบบอัลบั้ม ยาคุมกำเนิด ดีกว่า

เพลงอลานิสที่เราชอบ อัลบั้มแรก นี้ชอบมากๆครับ เกือบทุกเพลงเลย ชอบตรงที่มันทั้งดิบ ทั้งอ่อนหวาน
เข้มแข็ง มีสติ ฉลาด มันเหมือนกวีที่เขียนไว้ตำกำแพงห้องน้ำ หรือโวหารที่กล่าวกันในวงเหล้าเลยน่ะ
มันทั้งดิบ ทั้งกระฉุดจริงๆ
ชอบ
you ought know
ironic
you learn
head over feet
perfect
right through you
hand in my pocket
forgiveen

อัลบั้มต่อมา ยังไม่เคยฟังครับ อยากลองเหมือนกัน เค้าบอกว่ามันไม่ชวนเสนาะหูแล้วอ่ะ

เพลงยุคหลังชอบ hands clean ครับ เนื้อเพลงเก๋กราดมากๆ

เรื่อง คลีเช่ อ่ะ เราเฉยๆน่ะ เบื่อเหรอ ก็แค่ชั่วคราวอ่ะ
แต่ก็ไม่ได้ติดกับมันอะไรมาก


โดย: AguileraAnimato วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:15:47 น.  

 
อะ เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าอลานิสจะออกอัลบั้มใหม่อะ หน้าปกหลอนง่ะ ชอบเพลง Uninvited กับ Hands Clean แต่ที่ชอบมากๆ เลยก็ Crazy ที่เอาของ Seal มา cover อะ อยู่ในอัลบั้มรวมฮิตสักอัน เปรี้ยวมาก ชอบสุดๆ

ส่วนเรื่อง cliche ไม่มีความเห็น เพียงแต่ชอบคำนี้อะ เวลาพูดแล้วดูไฮโซดี

เร็วๆ นี้จะอัพของตัวเองมั่งละ เพราะจะมีเหตุการณ์สำคัญ อิอิ


โดย: Moonlight Mile IP: 72.75.149.66 วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:7:45:47 น.  

 


หนูปะ....โห กินข้าวไม่ลงเลย เล่าเรื่องส้วมเนี่ย
หนูแปะ..ช่าย ช่ายคุณน้าจายร้าย แงงงงง เอามาเล่าอีกน่ะ แงงงงง


โดย: ปรานทยา วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:17:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BloodyMonday
Location :
Imaginationland, Valley of Bliss China

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






-= M & M in Nutshell =-


Gentlemen Broncos (2009)


You could have brain tumor by watching this contaminated turd. Nothing in Gentlemen Broncos pays off, it’s incoherent mess, and chock-full of incredibly annoying characters. You will not only loath this movie, but it also makes you want to punch someone who responsible for this abomination in the face.

BloodyMonday Rating:



Fantastic Mr. Fox (2009)


Imagine if Akira got Live-Action treatment by... say Alfonso Cuarón, you know how awesome it might be? That’s what happened to "Fantastic Mr. Fox". Wes Anderson's auteur perfectly captured the quirkiness and blissful tone of the material. Its stop-motion technique might be a little crude and... somewhat unsophisticated, but that's the charm of it. You’ll feel like pop-up book unveiled before your eyes. This is an exceptional animation of the year.

BloodyMonday Rating:



Planet 51 (2009)


ถ้าถามว่าสนุกไหม? ก็โอเค ทุกอย่างถอดแบบมาจาก Shrek มุขที่อ้างอิงวัฒนธรรมป็อป ตัวละครสมทบที่น่าสนใจกว่าตัวเอก กราฟฟิคที่สอบผ่านฉลุย (ถ้าไม่ไปวัดกับพิกซาร์) แต่ถ้าถามว่าต้องดูไหม? ..... เอาเป็นว่าเวลาชั่วโมงครึ่ง ทำอะไรที่มีประโยชน์กว่านี้ได้เยอะแยะ

BloodyMonday Rating:



It's Complicated (2009)


รู้สึกสนุกกับการได้เห็นป้าเมอรีล เข้าโหมดแอ๊บเด็ก (อีกแล้ว) ในขณะเดียวกัน อเล็กซ์ บอลด์วิน และ จอห์น ครากินสกี้ ก็ขโมยซีนได้ตลอด แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหนังยาว 2 ชั่วโมงมีเรื่องให้เล่าแค่ 15 นาที... It's Complicated อาจเหมือนคนกินไวอากร้าแล้วเข้านอน คึกตลอดคืนแต่มันจะมีประโยชน์อะไร?

BloodyMonday Rating:



Up in the Air (2009)


Up in the Air is a blockbuster movie for people who think blockbuster movies are dumb, as it chock full of brilliantly written dialogue, and acting showcase for three talented actors (especially star-making turn by Anna Kendrick). But in the end, there's little to love, not so much story to chew on (plus disappointing third act), and no real connection to the meaning of human interaction as it intended to be.

BloodyMonday Rating:



I Love You, Beth Cooper (2009)


Cliché-ridden plot about a bunch of annoying characters get together in one idiotic circumstance, "I Love You, Beth Cooper" is shameless exploitation & biggest insult to 80s teen flicks. It's like memorizing magic trick from internet, hoping to perform like David Copperfield. Neither sense of wonder nor magic flare happens here. Only good thing is, it makes me wanna cleanse my soul with genuine 80s teen movie night marathon.

BloodyMonday Rating:



Everybody's Fine (2009)


Meh. The movie serious lack of originality & characters development. Only Robert De Niro comes out fine in this schmaltzy, "Lifetime" movie-of-the-week plot.

BloodyMonday Rating:



Paper Heart (2009)


Twee delight... That's only two words I can think of right now.

BloodyMonday Rating:



Adam (2009)


A perfect companion to Mary & Max (one of the best animation of 2009), Adam is star-crossed love story (pun intended) between Adam, Asperger's Syndrome bearer, and Beth, free spirit woman. The picture wouldn’t be this intimate without stunning performance by Hugh Dancy. On the other hand, the lack of depth on why Beth would love someone like Adam, preventing me from wholeheartedly embraces her choice in the end (which is nice & perfect but requires a leap of faith). Otherwise, this is touching romantic film, which putting its feet firmly on the ground, making the world full of hope and seems nicer place to live.

BloodyMonday Rating:



The Invention of Lying (2009)


Expected to be like “Click” or “Yes Man”, where high-concept plot turned into endless gags, with moral lesson (forcefully) shoving down your throat. But "The Invention of Lying" is thinking man’s film. The whole concept is not seeing how first lying man exploits the ability. But it's about him finding the way not to lie, in order to find genuine happiness. Great stuff.

BloodyMonday Rating:



Give ‘Em Hell Malone (2009)


This is one damn frustrating experience. It’s like watching an infant trying to stand up and walk. They would take a few steps then fall their asses. In fact, kiddie film like “Bugsy Malone” has done better job paying a tribute to film noir than this borefest.

BloodyMonday Rating:



Zombieland (2009)


ถ้าอังกฤษมีหนังซอมบี้ฮาแตกอย่าง Shaun of the Dead แล้ว ทำไมอเมริกาจะมีบ้างไม่ได้... Zombieland คือการผสมผสานระหว่างบรรดาหนังซอมบี้เก่าๆ เข้ากับทัศนคติของคนสร้างที่อาจดูหนังแนวนี้มากเกินความจำเป็น จนสามารถสร้างหนังซอมบี้ที่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองเป็น และเล่นสนุกไปกับกฏพื้นฐานของซอมบี้ได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยกความดีให้สี่นักแสดงนำ โดยเฉพาะ วู้ดดี้ ฮาเรลสัน (เขาเกิดมาเพื่อบทนี้) ที่ช่วยกันสร้างมนต์เสน่ห์ ให้กับการเดินทางในโลกไร้มนุษย์ได้อย่างเต็มที่

ถึงแม้พลังงานที่ขับเคลื่อนจะมาหมดเอาดื้อๆในองค์สุดท้าย เมื่อฉากใหญ่ในสวนสนุกถูกทำขึ้นเพื่อแสดงฉากการฆ่าซอมบี้เด็ดๆ (ซึ่งไม่ใช่จุดเด่นสำหรับเรื่องนี้เลย) แต่โดยรวมแล้วมันก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัว ที่บรรดาแฟนซอมบี้จะมาพลาดหนังเรื่องนี้... อ้อ แล้วหนังยังมีดารารับเชิญสุดเซอร์ไพรซ์ ที่สร้างเสียงฮาที่สุดในเรื่องได้จากประโยคสุดท้ายอีกด้วย

BloodyMonday Rating:



Frequently Asked Questions About Time Travel (2009)


เมื่อเพื่อนสามคนก๊งเบียร์กันในผับแล้วเจอสาวฮ็อต (แอนนา ฟาริส) ที่อ้างว่ามาจากอนาคตจนเกิดรอยแยกของเวลา ทำให้ทั้งสามต้องท่องไปทั้งโลกในอนาคตและอดีตจนวุ่นวาย...

หนังมีไอเดียกิ๊บเก๋ ทำออกมาได้สนุกสนานสไตล์ซิตคอมอังกฤษ โดยเฉพาะการนำกฏเหล็กต่างๆจากหนังที่เกี่ยวกับการท่องเวลา (ดูเหมือนว่า Back to the Future จะเป็นแรงบรรดาลใจหลัก) มาปู้ยี้ปู้ยำอย่างเมามัน ถึงแม้ว่าตลอดเวลาการรับชมจะให้ความรู้สึก เหมือนตัวเองกำลังดูซีรี่ย์ทางโทรทัศน์ แต่มันก็คือตอนที่ฮาที่สุดของซีซั่น แถมเอฟเฟ็คที่ใช้ก็มีคุณภาพจนคาดไม่ถึง

BloodyMonday Rating:



Looking for Eric (2009)


มีความรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มองโลกในแง่ดีเกินบรรยากาศโดยรวม จริงอยู่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ลงเอยด้วยดีในตอนสุดท้ายนั้น สามารถสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนดู แต่จากสถานการณ์ในเรื่องและบริบทที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มันยากที่จะทำใจเชื่อในสิ่งที่เห็น โดยเฉพาะพล็อตรองเกี่ยวกับปืน ซึ่งถ้าถูกตัดออกไปและหนังยังดำเนินเรื่องอย่างที่เป็นอยู่ Looking for Eric ก็น่าจะเป็นหนังฟีลกู้ดที่อบอุ่นที่สุดเรื่องหนึ่งของปีเลยทีเดียว

BloodyMonday Rating:


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
26 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add BloodyMonday's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.