บทที่ 26 ความจริงของกิ่งดาว
บทที่ 26 ความจริงของกิ่งดาว

ช่อทิพย์จ้องมองรูปถ่ายในกรอบบนโต๊ะเขียนหนังสือในห้องนอน จ้องมองใบหน้าอันสดใสของเธอและเพื่อนรักอีกสามคน กิ่งดาว กล่อมแก้วและณภัทร์ อยากจะหวนกลับไปยังคืนวันอันหอมหวานและอบอุ่นเหล่านั้นอีกสักครั้ง เธอเดินหลงทางมาไกลแสนไกล แต่ยังดีที่มีชายหนุ่มคนนั้นกลับมาจูงแขนเธอออกไปจากเงามืด และพาก้าวเดินไปสู่หนทางที่เธอควรจะมุ่งไปมากกว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...เธอสัญญาว่าจะไม่ยอมแพ้ต่ออะไรง่ายๆ อีกแล้ว

เมื่อตัดสินใจได้แน่วแน่แล้วหญิงสาวก็รีบกดโทรศัพท์หาณภัทร์ทันที หลังจากที่เคยไต่ถามเพื่อนหนุ่มเกี่ยวกับเรื่องที่เธอขาดส่งงานไปหลายวิชาว่าจะมีผลอะไรหรือไม่

“ฉันถามอาจารย์ให้แล้วนะ อาจารย์ยืดเวลาให้อีกหนึ่งอาทิตย์ มีรายงานสองเรื่องที่เธอต้องทำ ฉันพอมีข้อมูลอยู่ให้เธอไปเรียบเรียงเอาอีกที แล้วก็รีบมาส่ง...”

“จริงเหรอภัทร์...ขอบใจมากนะ” ช่อทิพย์คลี่ยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ

“แล้วก็ปลายเดือนนี้เราก็จะสอบกันแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้แกแวะมาเอาแลคเชอร์กับฉันนะช่อ” ณภัทร์บอก

“ได้จ้ะ...ขอบคุณมากนะภัทร์” หญิงสาวบอกพร้อมรอยยิ้ม ตอนนี้เธอได้หลุดพ้นออกมาจากเงามืดเสียที


“หนูทำให้หลานชายของย่าเปลี่ยนไปมากนะช่อทิพย์...” นางสินีนาฏเอ่ยเบาๆ ขณะที่ช่อทิพย์กำลังนั่งช่วยอีกฝ่ายพับชุดนางรำอยู่ หลังจากที่เรียนเสร็จแล้ว ชานนท์ก็รีบพาหญิงสาวมาหาผู้เป็นย่าทันที ด้วยที่เขาเข้าใจว่านางสินีนาฏจะช่วยทำให้จิตใจของช่อทิพย์ดีขึ้น และอาจจะยังช่วยพูดให้เธอเข้าใจในตัวตนเขามากขึ้นด้วย

ช่อทิพย์ระบายยิ้มบางๆ ทอดสายตาออกไปมองร่างสูงโปร่งของชานนท์ที่กำลังเตะฟุตบอลอยู่กับพวกเด็กๆ หน้าเรือนทรงไทยหลังงาม รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเขา มันเคยทำให้ช่อทิพย์เป็นสุขเมื่อได้เห็นมัน เฉกเช่นที่เขาทำให้เธอสามารถยิ้มและสุขใจได้ แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาอันแสนสั้นก็ตามที

“ชานนท์เป็นเด็กมีปัญหา เค้าน่าสงสารมาก... พ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่ยังเด็ก ย่าอยากจะให้หนูยกโทษให้กับหลานย่าในสิ่งที่เขาทำลงไป เพราะหัวใจที่ยังสับสนว้าวุ่นหรืออาจจะเพราะยังไม่เข้าใจและรู้ค่าในความรักที่แท้จริงจะได้ไหม...” คำร้องขอของหญิงสูงวัยทำให้ดวงตากลมใสต้องเบิกกว้างขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้าสวยหวานค่อยๆ เลือนหายไป หญิงสาวเอนหน้ามาหานางสินีนาฏช้าๆ พร้อมกับถอนหายใจเบาๆ

“ช่อไม่ขอรับปากได้มั้ยคะ...” ช่อทิพย์บอกช้าชัด นางสินีนาฏตั้งใจฟังอีกฝ่ายด้วยสีหน้าจริงจัง

“ที่ผ่านมา...หนูได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง หนึ่งในนั้นคือการรู้จักรักและรู้จักคุณค่าในตัวของเราเอง... แต่ว่า...เราทุกคนอยู่ได้ด้วยความรักและความหวัง เหมือนกับที่หนูหวังไว้ว่า สักวัน...ชานนท์เขาจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม... และในที่สุด มันก็เกิดขึ้น...” หยดน้ำตาใสๆ ค่อยๆ รินไหลลงมาจากดวงตาที่ไหวระริกทั้งสองข้าง นางสินีนาฏเอื้อมมือไปแตะบ่าหญิงสาวเบาๆ ด้วยความอาทร

“แต่ก็นั่นแหละค่ะ... คนเรา เมื่อมีความสุข ก็ไม่ควรจะลืมเมื่อตอนเราทุกข์ ช่อขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงใจของชานนท์ดีกว่า”

นางสินีนาฏคลายยิ้มมาดมั่นพร้อมกับพยักหน้าเนิบนาบสองสามครั้ง สายตาอันพร่าเลือนของหญิงสูงวัยจ้องมองดวงหน้าของหญิงสาวคราวหลานด้วยความชื่นชม ก่อนที่ชานนท์จะรีบวิ่งดุ่มๆ ขึ้นมาในสภาพเหงื่อท่วมตัวด้วยความกระหายน้ำ ช่อทิพย์รีบส่งน้ำหวานเย็นๆ ให้เขา ทั้งสองนั่งคุยกันอย่างมีความสุข ขณะที่สุทธิดาได้เพียงแต่มองทั้งคู่อยู่ห่างๆ แค่ได้เห็นพวกเขาทั้งสองกลับมาเป็นเหมือนเดิม ได้รู้ว่าชานนท์รักผู้หญิงคนนี้ด้วยใจจริง เธอก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว


กิ่งดาวพยายามเพ่งมองคำถามในกระดาษข้อสอบอีกครั้ง แต่ทว่าดวงตามันก็กลับพร่ามัวจนแทบมองอะไรไม่เห็น ก่อนที่แรงดันบางอย่างจากช่อท้องจะค่อยๆ พุ่งขึ้นมาตามหลอดอาหารและมาจุกอยู่ที่คอ หญิงสาวรีบดันตัวลุกพรวดพราดจากเก้าอี้ จนนักศึกษาทั้งห้องต้องหันมามองอย่างตกใจ ร่างแบบบางเอาสองมือปิดปากไว้ รีบวิ่งดุ่มๆ ลงบันไดตรงเข้าสู่ห้องน้ำหญิงอย่างรวดเร็ว

ของเหลวจำนวนหนึ่งพุ่งออกมาจากปากของกิ่งดาว หญิงสาวอาเจียนเอาอาหารเช้าที่ทานไปออกมาจนหมด อีกทั้งยังรู้สึกอ่อนเพลียและเวียนหัวอย่างมาก แต่ก็พยายามประคับประคองร่างเดินกลับเข้าสู่ห้องสอบอีกครั้ง

“ไม่สบายเหรอกิ่งดาว...” อาจารย์ที่คุมสอบเดินมาถามพร้อมกับลูบแผ่นหลังหญิงสาวเบาๆ

“ไม่เป็นไรค่ะ...คือ เมื่อกี้หนูต้องขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้ขออนุญาตอาจารย์ก่อน”

“ไม่เป็นไรจ้ะ ถ้าไม่สบายก็ไปพักที่ห้องพยาบาลได้นะ ครูจะให้เธอมาสอบทีหลัง” กิ่งดาวยิ้มบางๆ ให้กับครูสาว ก่อนจะยืนยันอีกฝ่ายด้วยสายตาอันแน่วแน่ เมื่อเห็นว่าลูกศิษย์มีความตั้งใจที่จะสอบให้เสร็จ ผู้เป็นครูก็ไม่ขัดใจอะไร


เทพพิพิธชะเง้อคอมองหาร่างแบบบางของหญิงสาวที่เขาเฝ้าคิดถึงอยู่ทุกวันด้วยความร้อนใจ ขณะที่เหล่านักศึกษาหญิงจากคณะบริหารธุรกิจกำลังเดินกรูกันลงมาจากตึกเมื่อถึงเวลาพักเที่ยง ก่อนที่สองตาของชายหนุ่มจะเบิกกว้างอย่างดีใจเมื่อแลเห็นกิ่งดาวกำลังสาวเท้าเดินลงบันไดมาอย่างเนิบนาบ
กล่อมแก้วคลี่ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเห็นร่างสูงสง่าของเทพพิพิธมายืนรออยู่หน้าตึก ไม่คาดคิดว่าเขาจะมารอเธอ... หรือเขาจะแอบมีใจให้เธอแล้วนะ...

ร่างปราดเปรียวรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาชายหนุ่มด้วยความปลื้มใจ ก่อนจะชะงักงันเมื่ออีกฝ่ายกำลังเดินเข้าไปหากิ่งดาวพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง

“ดาว...เที่ยงนี้ไปทานข้าวกับผมนะ” ชายหนุ่มยื่นมือหมายจะคว้าแขนกิ่งดาวไว้ แต่อีกฝ่ายก็รีบสะบัดตัวหนีทันที

“ฉันไม่มีอะไรต้องคุยกับนาย...เลิกยุ่งกับฉันซะทีเถอะเทพ...” กิ่งดาวรีบสาวเท้าเดินหนีอีกฝ่ายแต่เทพพิพิธก็ตามมาติดๆ ก่อนที่ร่างเพรียวลมของใครบางคนจะมาขวางหน้ากิ่งดาวไว้

สายตาของกล่อมแก้วอัดแน่นไปด้วยความขุ่นเคืองอาฆาต ความปรารถนาดีและมิตรภาพที่เคยมีต่อกันได้เลือนหายไปจนหมดสิ้น

กิ่งดาวสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง ก่อนรีบเดินหนีไปให้เร็วที่สุด ขณะที่เทพพิพิธได้แต่ทอดสายตามองร่างแบบบางของผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจเดินจากไปด้วยความอาวรณ์ ชายหนุ่มไม่มีทางรู้เลยว่ากล่อมแก้วกำลังรู้สึกเจ็บปวดใจมากแค่ไหน ที่เขาไม่แม้แต่จะหันมาชายตาแลเธอเลยแม้แต่หางตา...


“ทำไมวันนี้ดาวกินน้อยจังล่ะจ้ะ...กับข้าวไม่อร่อยเหรอ?” สุรเดชเลิกคิ้วถามคนฝั่งตรงข้ามที่เอาแต่เขี่ยอาหารในจาน กิ่งดาวยิ้มเรียบๆ ส่งให้ก่อนดูดน้ำเย็นๆ ในขวด

“วันนี้ดาวไม่ค่อยหิวน่ะ...”

“แต่ก็ต้องกินนะดาว... ดาวไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว อย่างน้อยก็ต้องกินเพื่อลูกบ้าง...” รอยยิ้มอันอบอุ่นของสุรเดชทำให้หญิงสาวต้องก้มหน้ามองหน้าท้องตัวเอง ก่อนเอามือลูบเบาๆ พลันนั้น...หยดน้ำตาก็ทำท่าว่าจะรินไหลลงมาอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อนึกไปถึงใบหน้าของเทพพิพิธ หญิงสาวรีบประคับประคองลมหายใจให้เป็นปกติ เงยหน้าขึ้นและก้มหน้าก้มตาฝืนทานอาหาร ก็เหมือนกับที่สุรเดชว่า...ตอนนี้เธอไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว...


ณภัทร์ต้องหยุดชะงักกลางทางเมื่อมีใครบางคนร้องเรียกจากด้านหลัง ชายหนุ่มร่างเพรียวลมรีบหันกลับไปทันที ก่อนที่เทพพิพิธจะรีบวิ่งเหยาะๆ ตรงเข้ามาหาคนที่ยืนหอบตำราอยู่กลางทางเดิน

“มีเรื่องอะไรเหรอเทพพิพิธ?” ณภัทร์ยิ้มบางๆ พร้อมกับเลิกคิ้วสูง มองใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยความกังวลของอีกฝ่าย

“เรามีเรื่องอยากให้ภัทร์ช่วยหน่อย...” บอกอีกฝ่ายเสียงค่อย

“เอาไว้ไปคุยกันที่ห้องสมุดได้มั้ย พอดีฉันกำลังจะเอาหนังสือไปคืน ส่งช้าเกินกำหนดมาหลายวันแล้ว ป่านนี้ค่าปรับคงบานเป็นดอกเห็ดแล้วมั้ง...” ณภัทร์ยิ้มกว้างก่อนที่เทพพิพิธจะพยักหน้ารับ

วันนี้ห้องสมุดคนน้อย เทพพิพิธรอจนกระทั่งณภัทร์จัดการธุระของตนเองเสร็จก่อนที่เขาจะเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับกิ่งดาวโดยมีสุรเดชเข้ามาเกี่ยวข้องอีกคน

“เป็นไปไม่ได้...ฉันไม่เชื่อว่ายัยดาวจะยอมหมั้นกับสุรเดช” ณภัทร์เบิกตากว้างจนแทบถลน นี่ถ้าหากว่าไม่เชื่อใจเทพพิพิธล่ะก็ ชายหนุ่มคงต้องได้เดินไปถามกิ่งดาวให้รู้แล้วรู้รอดแน่นอน

“ดาวบอกว่า...บอกว่าลูกในท้องของดาวเป็นลูกของเดช...” เทพพิพิธก้มหน้านิ่ง ขบกรามแน่นด้วยความเจ็บปวดใจอย่างถึงที่สุด สิ่งที่ได้ยินทำเอาณภัทร์ต้องอ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

“บ้าไปแล้ว...ยัยดาวต้องบ้าไปแน่ๆ” พูดแล้วก็ต้องนิ่งคิดกับคำพูดของตัวเอง กิ่งดาวจะมีเหตุผลอะไรที่จะต้องบอกว่าลูกในท้องของเธอเป็นลูกสุรเดช ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้รับคำตอบจากคนตรงหน้า... เพราะเทพพิพิธมีกล่อมแก้วแล้วยังไงเล่า...

ณภัทร์ค่อยๆ ระบายลมหายใจออกช้าๆ ก่อนเงยหน้าขึ้นจ้องสองตาของเทพพิพิธตรงๆ “ฉันจะบอกอะไรให้นะเทพพิพิธ...วันที่ดาวรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง ในวันนั้นฉันเป็นคนพาดาวไปตรวจที่คลินิกเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมา ดาวกับฉัน เราคุยและปรึกษากันตลอด ฉันแน่ใจ...ว่าลูกในท้องของดาว คือลูกของนาย...เทพพิพิธ”

คำพูดของณภัทร์เสมือนเป็นเชื้อไฟให้หัวใจของชายหนุ่มกลับมาลุกโชนอีกครั้ง เขาคลี่ยิ้มด้วยความมุ่งมั่น ว่าสักวันจะต้องทำให้เรื่องทุกอย่างจบลงด้วยดีให้ได้ เขาจะไม่ยอมให้คนอื่นมาอ้างตัวว่าเป็นพ่อของลูกเขาเด็ดขาด

“ไม่จริง...แกอย่ามาสร้างเรื่องโกหกให้เทพเขาเข้าใจผิดนะณภัทร์ แกทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร” น้ำเสียงกร้านกร้าวของกล่อมแก้วที่ดังขึ้นทำเอาสองหนุ่มต้องหันไปหาเจ้าของเสียงอย่างตาขวาง เจ้าหน้าที่ห้องสมุดเริ่มมองมายังทั้งกลุ่มด้วยความไม่พอใจ

“ฉันสร้างเรื่องเหรอกล่อมแก้ว... ฉันเป็นคนเล่นละครไม่เก่งเธอ และฉันก็ไม่ใช่คนที่หักหลังแม้กระทั่งเพื่อนรักของตัวเองเหมือนเธอ” กล่อมแก้วกำมือแน่นด้วยความขุ่นเคืองขณะที่ณภัทร์เองก็ต้องเชิดหน้าจ้องตาอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมง่ายๆ

“เธออาจจะทำให้ดาวยอมหนีไปจากชีวิตของเทพพิพิธได้... แต่ฉันกับเทพพิพิธนี่แหละที่จะทำให้ดาวกลับมาเผชิญหน้ากับความจริงให้ได้”



Create Date : 27 ธันวาคม 2554
Last Update : 27 ธันวาคม 2554 12:25:59 น.
Counter : 472 Pageviews.

7 comments
  
มาอัพแล้วนะครับ ขอโทษทีที่มาช้าไปหน่อย ^^
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 27 ธันวาคม 2554 เวลา:12:30:04 น.
  
ปมเริ่มคลีคลายแล้วซิคะ น่าสนุกจัง ไม่ทราบว่ากี่ตอบจนคะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนเหมือนเดิมนะคะ
โดย: vicky IP: 60.241.137.56 วันที่: 29 ธันวาคม 2554 เวลา:8:27:29 น.
  
ครับ เรื่องนี้มีประมาณ 33 บท อีก 7 บทครับ ^^ ก็จะจบแล้ว

ตอนจบมีหักมุมนิดหน่อย
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 29 ธันวาคม 2554 เวลา:16:34:26 น.
  
ขอโทษนะครับ...คงจะอัพช้าไปหน่อย...
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 12 มกราคม 2555 เวลา:17:54:38 น.
  
รออ่านอย่างใจจดใจจ่อครับ อยากอ่านมากๆๆ
โดย: NUI IP: 119.46.130.232 วันที่: 17 มกราคม 2555 เวลา:14:41:24 น.
  
ขอบคุณ คุณ NUI ที่ยังติดตามนะครับ ^O^ ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับที่ทิ้งไว้นานเลย

ความจริงบทต่อไปพิมพ์ได้ครึ่งบทแล้วหละครับ ผมให้สัญญาเอ้า เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเย็นๆ จะอัพให้เลย... ^^
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 18 มกราคม 2555 เวลา:12:54:03 น.
  
ครับผมยังไงก็จะรอ แฮ่ๆๆๆ
โดย: nui IP: 119.46.130.232 วันที่: 19 มกราคม 2555 เวลา:11:17:18 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผีเสื้อสีดำ
Location :
ศรีสะเกษ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า...

ทำไม่ได้
ธันวาคม 2554

 
 
 
 
1
3
4
5
6
7
8
9
10
12
13
14
15
16
17
19
20
21
22
23
24
25
26
28
29
30
31
 
All Blog
MY VIP Friend