Group Blog
 
 
ตุลาคม 2562
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
16 ตุลาคม 2562
 
All Blogs
 

Go SYDNEY เฮ้ย....มีดีกว่าที่คิด!!...ตอนที่ 1 By ดช.จุ่น

                วันนี้ ดช.จุ่น จะพาเพื่อน ๆ ข้ามทวีปไปเที่ยว ทวีป ๆ หนึ่ง  ซึ่งมีคนไทยไปเที่ยว ไปเรียนต่อ และไปทำงานที่นั่นกันเยอะมากครับ  เดากันได้แล้วใช่มั๊ยล่ะ   ใช่แล้ว!!   ทวีปออสเตรเลีย  ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของประเทศออสเตรเลีย นั่นเอง   ได้แรงบันดาลใจจากเพื่อนของ ดช.จุ่น ได้มีโอกาสไปทำงาน และพักอาศัยอยู่ที่ประเทศนี้  เขาเล่าให้ฟังว่ามันเจริญอย่างโน้นอย่างนี้  มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีสถานที่เที่ยวสวย ๆ เยอะแยะ ก็เลยคิดว่า “ถ้ามีโอกาสน่าจะลองไปเที่ยวสักครั้งหนึ่ง”   และถ้าใครอยากไปเที่ยวที่ประเทศออสเตรเลีย เมือง ซิดนีย์ ผมแนะนำให้ไปในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ต่อด้วยฤดูหนาว  เพราะอากาศจะเย็นสบายมาก ไม่หนาวเกินไป ประมาณ 10 ต้นๆ ถึง 20 องศา น่าจะเหมาะสำหรับคนไทย
                เราจะได้สัมผัสบรรยากาศที่เมืองไทยไม่ค่อยมี ทั้งยังสามารถเดินเที่ยวได้แบบไม่ค่อยเหนื่อย เสมอหนึ่งว่าสายลมหนาวนั้น คอยช่วยพยุงขาทั้งสองข้างของเราไว้ ให้เดินต่อ.. เดินต่อ.. และเดินต่อไป ด้วยรอยยิ้ม และมีความสุขกับการเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ ที่เราไม่เคยเห็นครับ
                ประเทศออสเตรเลียนั้น แบ่งออกเป็น 6 รัฐ ได้แก่ รัฐนิวเซาท์เวลส์,รัฐควีนส์แลนด์,รัฐเซาท์ออสเตรเลีย,รัฐแทสเมเนีย,รัฐวิกตอเรีย และรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย จัดได้ว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในระบบเศรษฐกิจ  บางคนอาจเข้าใจผิดว่า เมืองซิดนีย์เป็นเมืองหลวงของประเทศนี้  คุณด้วยอ่ะดิ!! ไม่แปลกหรอกครับ เพราะตอนแรกผมก็คิดแบบคุณนั่นละ....555   จริงแล้วเมืองหลวงของประเทศออสเตรเลีย คือ เมือง แคนเบอร์รา  สถานที่ราชการจะอยู่ที่นั่นเกือบทั้งหมด แล้วจะมาเล่าให้ฟังทีหลัง  O.K. เรารู้จักประเทศนี้กันคร่าวแล้ว  ไปเที่ยวกันดีกว่า  Let GO!!!!

                ครั้งนี้มีโอกาสได้นั่งเครื่องบินแบบบินตรงไปประเทศออสเตรเลียเลย ก็สะดวกดีนะ ไม่ต้องไปรอเปลี่ยนเครื่องอีกเป็น ชั่วโมง ๆ   แต่ขนาดบินตรง ยังใช้เวลาตั้ง 10 กว่าชั่วโมง  แบบว่าลงเครื่องนี่ แทบเดินไม่เป็นเลย หุ หุ  ก็ทำใจไว้ตั้งแต่แรกแล้ว  มันบินข้ามทวีป  ก็นานแบบนี้ละ   แต่ร่างกายก็ยังเมื่อยล้าอยู่ดี  เพราะต้องนั่งอยู่กับที่นาน ๆ  ใครเคยไปคงทราบดี  เมื่อเครื่องบินบินไปได้สักประมาณ 4 – 8 ชม.  เราก็จะเห็นผู้โดยสารหลาย ๆ คน ต่างก็ลุกขึ้นเดินไปเดินมา บ้างก็ยืนอยู่กับที่นั่งคุยกันไปเป็นการฆ่าเวลา  บ้างก็เดินไปห้องน้ำ เพื่อยึดเส้นยึดสายกัน   แล้วตัวเราล่ะก็ลุกบ้างดิครับ...รอไร!!!

              ผมคิดว่ามันเป็นความโชคดีของผมเหมือนกันนะ  เพราะตอนเราไปยืนยึดเส้นอยู่ที่ริมหน้าต่าง หน้าห้องน้ำ กัปตันก็ส่งเสียงตามสายมา  แปลได้ว่า  “ขณะนี้เราบินอยู่เหนือเทือกเขาหิมาลัย” ทุกคนในเครื่องต่างรีบเปิดหน้าต่าง และมองลงไปเบื้องล่าง   ผมอยู่แถวหน้าต่างพอดี  จึงมองลงไปเช่นกัน  สิ่งที่เห็นนั้น มันเป็นก้อนสีขาว ๆ เกาะตัวกันเป็นกลุ่ม ๆ ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง (กะด้วยสายตา) มันกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้างพอสมควร  ภายหลังจึงทราบว่าเทือกเขานี้จะมีหิมะปกคลุมเกือบทั้งปี มียอดเขาที่สูงที่สุดในโลกคือยอดเขาเอเวอเรสต์ เป็นจุดกำเนิดของระบบแม่น้ำที่สำคัญของโลกหลายสาย เช่น แอ่งแม่น้ำสินธุ แม่น้ำคงคา แม่น้ำสาละวิน และแม่น้ำโขงประมาณนี้   อึม... พึ่งรู้เหมือนกัน  มันก็เป็นความประทับใจไปอีกแบบที่เราได้เห็นเทือกเขาแห่งนี้จากมุมสูง ซึ่งน้อยคนจะได้เห็น  (เสียดายมาก ไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้) ถ้าไม่ขึ้นเครื่องบินมาแบบพวกเรา หลังความประทับใจพวกเราก็แยกย้ายกันไปนอนพักผ่อนต่อ  เพราะอีกหลายชม. กว่าเครื่องจะลง  +++คร่อกฟี้ ๆ

               และแล้วเราก็มาถึงประเทศออสเตรเลีย ซะที  (เมื่อยมาก..จะบอกให้)  แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกัน เพราะมองจากบนเครื่องบินก่อนเครื่องลง ผมเห็นความสวยงานของ SYDNEY HARBOUR BRIDGE และ OPERA HOUSE  เมื่อเดินออกจากเครื่องเราก็ได้สัมผัสกับลมหนาวเย็นสบาย  แค่เราสวมเสื้อแจ๊คเก็ต หรือเสื้อยีนส์ ก็เอาอยู่แล้วครับ ไกด์พาเราผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ซิดนีย์ ก็ใช้เวลาไม่นานนัก  หลังจากผ่านด่านเสร็จ จำได้ว่าเป็นเวลาประมาณบ่าย ๆ ของที่ซิดนีย์  เราก็ขึ้นรถโค้ชเพื่อไปยังสถานที่เที่ยวที่แรกของเรา  นั่นคือ จุดชมวิวที่สวยที่สุดของมหานครซิดนีย์  บ้างเรียกว่า  Mrs Macquarie's Point เพราะที่นั่นมีเก้าอี้  ซึ่งทำมาจากหินทราย แล้วนำมาแกะสลักเป็นม้านั่งชมทิวทัศน์ ไกด์บอกว่า มันสร้างขึ้นมาในปี ค.ศ. 1810  เพื่อให้กับภรรยาของผู้สำเร็จราชการคนแรกของรัฐนิวเซาท์เวลส์ จึงทำให้เป็นที่มาของชื่อเรียกของ Mrs Macquarie's Chair หรือแปลว่า ที่นั่งของคุณนายแมคควารี่  และเป็นจุดชมทิวทัศน์ของ “SYDNEY HARBOUR BRIDGE & OPERA HOUSE” ที่สวยมากๆ ที่หนึ่งครับ

เรามีเวลาพอสมควรที่จะชื่นชมทิวทัศน์ของมหานครแห่งนี้  จากจุดชมวิวที่ดีที่สุด ทำให้ผมรู้สึกเพลิดเพลิน พลันทอดอารมณ์มองดูสิ่งก่อสร้างสมัยใหม่ กับวิวที่ธรรมชาติสร้างสรรค์มาให้พวกเราได้ชื่นชม  มันช่างกลมกลืนกันแบบไม่มีที่ติ   มันดูสบายตา  ไม่มีความย้อนแย้งในตัวของมันเอง ยิ่งได้สัมผัสอากาศหนาวด้วยแล้ว  มันทำให้ผมอยากนั่งอยู่บริเวณนั้นนาน ๆ เลย บอกได้คำเดียว “ประทับใจมาก ๆๆ” ครับ

ภาพ Mrs Macquarie's Chair  Cr. postcard Sydney.com

           ได้เวลาต้องไปที่อื่นแล้วจร้า... ในใจยังอยากอยู่อีกสักพักหนึ่ง  แต่ก็ต้องบอกลาสถานที่ประทับใจแห่งนี้เสียแล้ว ผมว่าสุดท้ายแล้ว เราก็ได้แต่เก็บภาพประทับใจ เอาไว้ในความทรงจำที่ดีของตัวเราเองครับ!!   O.k. ไปกันต่อ  ไกด์พาเราเดินลัดเลาะไปถนนสายหนึ่ง บริเวณข้างทางทั้ง 2 ข้าง เต็มไปด้วยตึกสูงที่ทันสมัย ผสมกลมกลืนกับตึกเก่าที่มีสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ของเมืองซิดนีย์  ดูแปลกตาดี (แบบว่าพูดตรง ๆ ไม่เคยเห็น 555) สักพักเราก็เดินมาถึงย่านเมืองเก่าของซิดนีย์ ชื่อว่า ย่าน The Rocks เป็นชุมชนบนถนนเก่าแก่ใต้สะพาน Sydney Harbour Bridge  คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างมาเดินเล่น ชิล ๆ  เพื่อเลือกซื้ออาหารและสินค้าแฟชั่น Handmade ในตลาดกลางแจ้ง Rocks Markets แห่งนี้กันแทบทุกวันครับ

ภาพ ย่าน The Rock Cr. tripadvisor

 

            เรามีเวลาเดินดูสินค้าพื้นเมือง และซื้อของไม่นานนัก เพราะต้องรีบเดินไปที่ท่าเรือของอ่าวซิดนีย์ เพื่อล่องเรือชมอ่าวซิดนีย์กัน  ตอนนั้นเวลาประมาณบ่ายคล้อยแล้ว  อากาศเริ่มเย็นลงกว่าเดิม ผมต้องหยิบเสื้อยีนส์ที่ค่อนข้างหนาหน่อยขึ้นมาสวมก่อนล่องเรือ  เรือที่พาเราไปล่องอ่าวในครั้งนี้ เป็นเรือขนาดย่อม จุคนได้ประมาณ 60 – 70 คน รอบตัวเรือเป็นระเบียงให้นักท่องเที่ยวสามารถออกไปชมทิวทัศน์รอบ ๆ อ่าวซิดนีย์ได้  ด้านในตัวเรือ มีโต๊ะเก้าอี้ไว้รองรับให้นักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องการออกไปชมบรรยากาศข้างนอกได้นั่งอยู่ด้านใน ซึ่งอากาศจะอุ่นกว่าด้านนอก เรือใช้เวลาล่องประมาณ 45 – 60 นาที

         หลังจากเรือแล่นออกจากท่าเทียบเรือแล้ว  ผมก็เดินออกไประเบียงด้านนอก เพื่อชมทัศนียภาพของอ่าวซิดนีย์ เรือพาเราล่องรอดใต้สะพาน Sydney Harbour Bridge  ไกด์เล่าให้เราฟังว่า  สะพานแห่งนี้เป็นสะพานเหล็กถักทรงโค้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก  เริ่มสร้างในปี คศ. 1923  แล้วเสร็จ ม.ค. 1932 ใช้เวลาสร้างนานถึง 8 ปี ปัจจุบันสะพานแห่งนี้กลายเป็นอีกหนึ่ง Landmarks ของซิดนีย์  นอกจากนี้ สะพานฮาร์เบอร์ ยังมีกิจกรรม ที่เรียกว่า Bridge Climb เป็นการปีนขึ้นไปจุดสูงสุดของสะพาน เพื่อชมวิว และถ่ายรูปรอบๆ อ่าวซิดนีย์ สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 134 เมตร  ลองดูไหมละ? 555

            เรือพาเราแล่นแหวกสายน้ำในอ่าวซิดนีย์ไปเรื่อย ๆ ระหว่างทางล่องเรือนั้น  สายลมหนาวพัดมากระทบกับใบหน้าของเราจนรู้สึกเย็นทั่วหน้าไปหมด  แต่มันก็คุ้มที่จะยื่นหน้ายื่นตาออกไปดูความสวยงามในครั้งนี้ไม่ใช่หรือ  เพราะด้านนอกบริเวณระเบียงของเรือ เราสามารถมองเห็น OPERA HOUSE ตั้งโดดเด่นอยู่กลางอ่าวได้อย่างชัดเจน บวกด้วยอาคารบ้านเรือน ที่เรียงรายตั้งอยู่บริเวณรอบ ๆ ริมอ่าวก็สวย ๆ เกือบทุกหลัง มีทั้งบ้านที่สร้างแบบสมัยใหม่ สลับไปมากับบ้านที่เป็นรูปแบบสมัยดั่งเดิมของคนที่อาศัยอยู่ที่นี่  มันก็ดูสวยไปอีกแบบครับ

         เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ เกือบครึ่งชั่วโมง ผมมองไปที่ท้องฟ้าเห็นพระอาทิตย์เริ่มอัสดงตรงปลายขอบฟ้า แสงแดดเปลี่ยนเป็นสีทองส้ม  อากาศเริ่มเย็นลงอีก  แต่บรรยากาศบนเรือนั้นสุดยอดจริง ๆ   เผลอแป๊บเดียว...เรือก็แล่นวกกลับพาเรากลับมาที่ท่าเรือกินเวลาทั้งหมดก็ร่วม ๆ หนึ่งชั่วโมงได้   หลังจากนั้นพวกเราก็ได้ไปทานข้าว และก็เข้าที่พัก เป็นการจบวันแบบใบหน้าเปื้อนยิ้มกันไปทุกคนครับ
 
Cr.  Journey..เจอนั่น  By ดช.จุ่น

 




 

Create Date : 16 ตุลาคม 2562
0 comments
Last Update : 5 เมษายน 2564 9:22:50 น.
Counter : 1186 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สมาชิกหมายเลข 5499033
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ความสุขมีอยู่ทุกที่ อยู่ที่ว่าเราจะมองเห็นมันหรือเปล่าเท่านั้นเอง
New Comments
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 5499033's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.