๑๖. ขอบฟ้าราตรี // ปิยะพร ศักดิ์เกษม

ขอบฟ้าราตรี

เขียนโดย : ปิยะพร ศักดิ์เกษม

สำนักพิมพ์ : อรุณ


รายละเอียด

...ด้วยสาเหตุแค่เรื่องรักมีหญิงสาวอีกมากมายที่ชีวิตต้องล้มคว่ำ

เมื่อลุกขึ้นมาได้ก็เดินหลงทางไร้จุดหมาย...

หญิงสาวเหล่านั้นร้อยทั้งร้อยล้วนขาดครอบครัวอบอุ่นให้พักพิง

หรือหากมีก็ไม่รักและไม่รู้คุณค่าของสิ่งที่ตนเองมี

บางคนถึงขั้นไม่รักและไม่รู้คุณค่าของตัวเองด้วยซ้ำ

ทว่าในชีวิตนี้เธอมีเวลามีความฝันอีกมากมายให้สร้างและสานต่อให้สมบูรณ์...

คนอย่างฉฎาจะไม่มีวันจมปรักคร่ำครวญอยู่กับเรื่องที่ผ่านพ้นไปแล้วอย่างแน่นอน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่เธอเห็นชัด

และตัดสินใจแล้วว่า ไม่มีแก่นสารเป็นเพียงภาพมายา...

...เป็นภาพมายาที่เธอเป็นผู้สร้างขึ้นอย่างงดงาม

เมื่อมันแตกทำลายลงในวันนี้การไปวิ่งไล่กอบกู้เศษภาพนั้น

มาเก็บงำทะนุถนอมหรือเอามาปะติดปะต่อใหม่

เป็นเรื่องไร้สาระและทำให้ยิ่งเสียดายเวลาในชีวิตมากขึ้นไปอีก

เวลาในชีวิตของฉฎามีค่า...มีไว้เพื่อสิ่งที่สูงส่งมากกว่านี้...

สิ่งนั้นคือความรักจากครอบครัวที่เธอรักและรักเธอโดยไม่มีข้อแม้...

เรื่องย่อเพิ่มเติม

ฉฎาเพิ่งจบปริญญาโทมาหมาดๆทั้งยังมีตำแหน่งหน้าที่การงานดีๆรองรับ รอแค่สอบบรรจุอย่างเป็นทางการเท่านั้นอีกทั้งชายหนุ่มที่อยู่ในใจเธอมาโดยตลอดอย่างตรองก็เพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศด้วย

เรื่องของเรื่องน่าจะดำเนินไปด้วยดีจวบจนกระทั่งชายหนุ่มเผยชื่อว่าฉฎาคือหญิงเดียวที่ครองใจเขามาตลอดให้มารดาได้รับรู้มารดาของเขาซึ่งหมายตาหญิงสาวคนหนึ่งนามชาลิสาไว้ให้สมรสสมรักกับลูกชายจึงร่วมมือกับฝ่ายแม่และหญิงสาวว่าที่สะใภ้ทำทุกวิถีทางให้ฉฎาพ้นไปจากเส้นทางชีวิตลูกชายเริ่มตั้งแต่ใช้เส้นสายเบียดเบียนตำแหน่งหน้าที่การงานที่ควรเป็นของฉฎาไปให้ว่าที่สะใภ้รวมถึงให้ลูกชายหลอกล่อฉฎาไปพบตนที่บ้านเพื่อพูดจาเหยียบย่ำน้ำใจ

ในเวลาเดียวกันฉฎาก็เป็นที่หมายปองของอีกหนึ่งหนุ่มในเครื่องแบบมาตลอดและยาวนานไม่แพ้ชายหนุ่มคนแรกซึ่งก็คือโชดกเพียงแต่ตรองได้ขอร้องเขาเอาไว้ว่าอย่ามายุ่งเกี่ยวหรือข้องแวะกับฉฎาและด้วยความที่เป็นเพื่อนซึ่งสนิทสนมกัน โชดกจึงต้องทำใจไม่เดินหน้าผูกสัมพันธ์กับฉฎา
ทว่าโชคชะตาก็พัดพาให้โชดกไปปฏิบัติหน้าที่ราชการในท้องที่เดียวกันกับฉฎาและมีโอกาสช่วยเหลือหญิงสาวและครอบครัวเป็นระยะๆจนกระทั่งฉฎาไว้วางใจและไว้เนื้อเชื่อใจ คบหาสมาคมกับเขาฉันเพื่อนแท้หรือมิตรแท้

ระหว่างชายหนึ่งที่เธอให้ใจและยอมรับนับถือมาตลอดแต่มีครอบครัวของเขาเป็นอุปสรรคขวากหนามยิ่งใหญ่ กับชายหนึ่งที่แต่เดิมไม่ถูกชะตาแต่กลับได้เห็นน้ำใจและความดีในเนื้อแท้ของเขา
ฉฎาจะตัดสินใจอย่างไร


ความรู้สึกส่วนตัวหลังอ่าน

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สืบเนื่องมาจาก “ในวารวัน” – “ตะวันเบิกฟ้า” มายังขอบฟ้าราตรีนะครับซึ่งท่านผู้อ่านจะอ่านเรียงลำดับหรือจะอ่านขอบฟ้าราตรีก่อนก็ได้นะครับไม่มีปัญหาทั้ง๓เรื่องนี้ดำเนินเรื่องผ่านตัวละครหลักอย่าง “แม่วัน”...

อ่านที่จริงอ่านเรื่องนี้ตั้งแต่เดือนเมษาปีที่ผ่านมาเพราะติดตามชุดแม่วันมาตลอด แต่ได้นำมาอ่านซ้ำครั้งนี้อีกเลยถือโอกาสรีวิวซะเลย

ก่อนอื่นต้องการบอกก่อนว่าเรื่องย่อด้านบนนั้นอุ้มสมเอามาจากเว็บร้านอมรินทร์ ด้วยขี้เกียจย่อเองคิดว่าจะเล่าคร่าวๆในบันทึกหลังอ่านละกันขอบอกว่าเรื่องย่อด้านบนนั้นเล่าถึงส่วนหนึ่งของเรื่องนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเองกล่าวคือจากอ่านเรื่องย่อก็คงจะคิดว่าเรื่องนี้เป็นแนวน้ำเน่า ธรรมดานางเอกถูกกีดกันความรัก

แต่ของจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่

โทนของเรื่องไม่ได้เน้นเรื่องของความรักต่างชนชั้นเสียเท่าไหร่...นั่นเป็นแค่ประเด็นรองสิ่งที่ผู้ประพันธ์ต้องการนำเสนอนั้นคือ...

เรื่องนี้เป็นแนวดราม่าสร้างสรรค์สังคม เล่าถึงตัวละครที่สู้ชีวิต ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆรวมไปถึงการโง่งมตกอยู่ในกิเลสตัณหา จนโงหัวไม่ขึ้นและเรื่องยาเสพติด...อ่านแล้วรู้ซึ้งถึงกรรมดีและกรรมชั่วเลยละเรื่องนี้ดำเนินเรื่องช้าๆ แต่สละสลวย ตามสไตล์อาเอียด-ปิยะพร ศักดิ์เกษมผู้ประพันธ์ ซึ่งเป็นนักเขียนอีกท่านที่อุ้มสมชื่นชอบและเป็นแรงบันดาลใจให้อุ้มสมอยากเขียนนิยาย (อีกท่านคือคุณพงศกร)

เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ดำเนินเรื่องที่ชลบุรีในปีพ.ศ.๒๕๑๗ จบลงที่พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งชลบุรีก็เป็นที่ที่อุ้มสมโตมาทำให้เป็นอีกเหตุผลที่ชอบเรื่องนี้....คุณเอียดใส่เรื่องราวของชลบุรีในอดีตไปมากมายอย่างไม่น่าเบื่อ ทั้งเรื่องของอาหารดังเจ้าอร่อย อาทิ หมูสะเต๊ะอพอลโล่ ขนมจีบซาลาเปาตลาดกลาง หอยทอดสูตรเมืองชลเป็นต้น

รวมไปถึงเทศกาลสำคัญอย่างการไหว้พระพุทธสิหิงค์พระพุทธรูปประจำเมืองชลซึ่งจะจัดงานเป็นประจำทุกปี ในช่วงสงกรานต์ซึ่งในเรื่องก็สมมติให้นางเอกของเราและคนอื่นๆ ไปเที่ยวงานกัน แล้วหนูฉฎานางเอกบังเอิญสอยดาวได้จักรยานมา เล่นเอาคุณยายวันต้องเอาเงินไปทำบุญยกใหญ่ ประโยคที่คุณวันพูดกับฉฎาน่าจะประมาณว่า...

“ฉฎาโชคดีมากแล้วยายก็จะทำให้หนูโชคดีอีกด้วยการได้รับบุญมากๆ ไงลูก”

เรื่องความรักของฉฎาที่มีอุปสรรคก็เพราะความที่ฉฎาเป็นเพียงหลานสาวเศรษฐีบ้านนอกขอกนาทำให้รักของ ฉฎา และ ตรอง มีปัญหา ในขณะเดียวกันก็ยังมีผุ้ชายอีกคนเข้ามาในชีวิตฉฎาและตามจีบฉฎา ซึ่งก็คือ รองสารวัตร โชดก จอมกวนโอ๊ยและขึ้นชื่อเรื่องเจ้าชู้ (ก่อนไปเมืองนอกตรองของให้โชดกเว้น ฉฎาไว้สักคนเพราะตรองรักฉฎาจริงๆ) สามคนนี้ต่างเป็นเพื่อนกันมาแต่เด็ก ในวัยเด็ก (จากเรื่อง ตะวันเบิกฟ้า)ฉฎาได้เป็นเด็กเชิญขันหมากจึงถูกโชดกล้อเลียนว่า “กุมารทอง”และตรองก็ห้ามโชดกว่าอย่าล้อน้อง ...ซึ่งก็จะให้ผู้อ่านได้ทายกันว่าใครคือพระเอกของฉฎา ...แต่สุดท้ายก็ผิดขาด(ส่วนตัวอุ้มสมเชียร์โชดก)

ฉากที่ชอบอีกฉากนึงก็เป็นฉากที่โชดกแกล้งเล่าเรื่องผีให้ฉฎาฟังและฉฎาก็ดักทางเขาถูกรวมไปถึงตอนที่โชดกแสร้งให้จ่าลูกน้องคนสนิทไปจับตัวฉฎาโดยไม่มีความผิดใดๆมายังโรงพัก

เรื่องนี้อาจจะไม่ค่อยมีฉากโรแมนติคของพระนางเท่าใดนักเพราะผู้แต่งก็บอกแต่เนิ่นๆว่า “เรื่องนี้ไม่มีพระเอก”...แต่ก็อย่างมีคู่รองให้อมยิ้ม

ชอบคู่ของ ปีทอง และ ฉมา มากมายโรแมนติคแบบเล็กๆ อ่านแล้วอมยิ้มในความรักของคนสองคนที่ดูเหมือนเพื่อนสนิทเล่นหัวกันตลอดแต่ความรักความผูกพันมีให้กันมากกว่าคำว่าเพื่อน

ปีทองต้องการชวนฉมาไปทำงานที่เมืองนอกด้วยกันเพื่ออนาคตที่ดีของคนทั้งคู่ แต่ทั้งฉมา ฉฎา ครูฉันท์ เทวี และคุณวัน ต่างก็มี“โซ่” ที่ร้อยรัดพันเกี่ยวไม่ให้ทุกคนไปไหนได้ !

โซ่เส้นที่ว่าก็คือ เทวัญ ลูกชายคนเล็กของคุณวันน้าเล็กของใครหลายๆคน หากใครที่ติดตามตะวันเบิกฟ้ามาคงจำได้ดีว่า เทวัญเป็นชายหนุ่มอารมณ์ดี เข้ากับคนง่าย ไม่ถือตัว ชอบเล่นอะไรสนุกๆ มีแต่คนรัก (เคยแอบคิดด้วยว่าอยากให้คุณเอียดเขียนเรื่องที่เทวัญเป็นพระเอกบ้าง)ทว่า...มาขอบฟ้าราตรี เทวัญกลายเป็นคนที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจแห่งยานรกติดยาเสพติดอย่างสาหัส และรุนแรง ยากที่จะเลิกได้ กลายเป็นที่รังเกียจของผู้คน...สงสารเทวัญและตัวคุณวันผู้เป็นแม่รวมไปถึงเทวี พี่สาวมากมาย

ฉากที่เศร้าและสะเทือนใจเล็กน้อยก็ตอนที่เทวัญกลับมาติดยาอีกเทวีจำต้องหายาให้น้องเพื่อไม่ให้เทวัญออกอาละวาด...ทั้งๆที่เทวีไม่อยากทำอย่างนั้นเลยแต่ก็จำต้องทำเพื่อน้องตัวเอง และเพื่อเกียรติยศของคุณวัน

ยาเสพติดนั้นไม่เข้าใครออกใครจริงๆ...มันทำร้ายทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้เสพและผู้ใกล้ชิด ผลพวงที่ตามมามันช่างเจ็บปวดรวดร้าวทรมานไปทั้งตัวและหัวใจ

ตัวละครอีกตัวที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือ...ทวินันท์

ทวินันท์ ลูกสาวคนเล็กของคุณวันผู้เย่อหยิ่ง จองหอง ถือตัว หลงตัวเอง หูเบา และตกอยู่ภายใต้อำนาจแห่งกิเลสตัณหา

ทวินันท์ไม่ชอบสองพี่น้องฉฎา ฉมามาตั้งแต่ไหนแต่ไรอันเนื่องมาจาก ไมชอบ เทวี และ ครูฉันท์พี่เขย เพราะคิดว่าเทวีและพี่เขย มาปอกลอกคุณวัน ไม่ไปไหน หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้ว เทวีครูฉันท์ยอมละทิ้งอนาคตที่ดีเพื่อมาดูแลคุณวันต่างหาก...ทวินันท์ไม่เคยคิดเช่นนั้น เพราะได้รับแรงยุยงมาจาก ไพลินและ พวงรัตน์ สายเลือดของพวกไม่สำนึกในบุญคุณ ใจบาป ไพลิน...นางจิ้งจอกพวงรัตน์...นางงูพิษ ที่คอยยุยงส่งเสริมทวินันท์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร

ระหว่าง...ตักเตือน ว่าขานไม่เห็นด้วย เพราะหวังดี

กับ...ชื่นชม เห็นดีงามด้วยทุกอย่างเพราะหวังดี(ประสงค์ร้าย) ทวินันท์กลับนิยมอย่างที่สองมากกว่า...

และทวินันท์นี่ละก็มีส่วนร่วมมือกับทางฝ่ายตรองให้ทำให้ฉฎารู้สึกเสียหน้าหารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วทวินันท์นี่ละก็จะเป็นอีกคนที่พวกผู้ดีเหล่านั้นรังเกียจเพราะก็มีสายเลือดคุณวันเช่นกัน...

เหตุผลที่ทั้งทวินันท์และเทวัญเป็นเช่นนี้นั้นคุณวันรู้ดีว่าส่วนหนึ่งก็มาจากตนเช่นกัน...

ทวินันท์ และ เทวัญเป็นลูกหลงของคุณวันอันเนื่องมาจาก เมื่อมีสองคนนี้ คุณวันก็กลายเป็นเศรษฐีนีอันเกิดจากการก่อร่างสร้างตัวของตัวเองได้แล้ว ทำให้คุณวันต้องวุ่นวายอยู่กับงานจึงไม่ค่อยได้มาดูและ เทวีจึงเป็นคนเลี้ยงดูสองคนนี้เอง อันเป็นผลให้ทวินันท์ชอบทำให้คนกลัว...มากกว่าทำให้คนเกรง ชอบใช้ “พระเดช” มากกว่า “พระคุณ”เพราะตั้งแต่เกิดมาก็มีบริวารห้อมล้อมแล้ว

ประโยคอีกประโยคที่ชอบมากๆก็มาจากบทสนทนาของคุณวัน และ เทวี ลูกสาวคนโต ซึ่งคุยกันเรื่องทวินันท์อาจไม่เป๊ะนักเพราะจำไม่ค่อยแม่น ไม่ได้เปิดหนังสือ

“แม่ขอโทษเทวีแม่ผิดเองที่เลี้ยงนันท์ไม่ดี นันท์ถึงได้เป็นคนหูเบา เห็นแก่ตัวแบบนี้”

“คุณแม่อย่าโทษตัวเองค่ะ เทวีต่างที่ผิดเพราะเทวีเป็นคนเลี้ยงนันท์เอง”

ฉากที่ชอบมากๆ คงเป็นฉากที่ทวินันท์ โกรธจนลืมตัวอันเกิดจากความหูเบา โง่งมของตัวเอง โดยการเผาพริกเผาเกลือสาปแช่งเทวี ฉฎา และฉมา ...ว่าถ้าคิดร้าย หรือมาผลาญเงินคุณวันขอให้ชีวิตตกต่ำทำอะไรก็ไม่เจริญตลอดไป และพูดราวกับว่า เทวี นั้นเป็นลูกชู้ ทำเอาคุณวันถึงกับ ‘น็อตหลุด’ หลังจากที่อดทนมานาน ซึ่งสาแก่ใจผมมาก

“...แม่รู้เช่นเห็นชาตินันท์ชัดเจนแล้ว..ทั้งหมดนี้ไมใช่เรื่องอะไรเลย...แต่เป็นเรื่องเงิน!นันท์หวงสมบัติแม่ แม่ยังไม่ตายนะ อย่าเพิ่งทำตัวเป็นแร้ง”

“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะมันอิจฉาหลานอิจฉาเทวี มันจะอิจฉาเทวีทำไมถ้าอิจฉาเทวีนักก็มารับใช้แม่สิ ...แล้วดูมันพูดเข้ามันทำอย่างกับแม่มีชู้แล้วเทวีเป็นลูกชู้ ! พุทโธ่! เทวีเป็นลูกแม่กับพ่อนะเป็นมาก่อนมันด้วย”

หลังจากที่อุ้มสมโมโหคุณวันมานานว่าทำไมไม่จัดการลูกสาวตัวดีมาคราวนี้ชื่นชมคุณวันมาก หมดความอดทนจนถึงกับเรียกทวินันท์ว่า “มัน” เลยทีเดียว

จุดจบของทวินันท์รวมทั้งนางจิ้งจอกและนางงูพิษนั้นก็สาแก่ใจผมยิ่งนัก

ชื่นชมการตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวของฉฎา เป็นนางเอกอีกคนทีใจเด็ดใจแกร่งเหลือเกิน...นับถือ

มนุษย์เรานั้นต่างล้วนปรารถนาที่จะก้าวข้ามเส้นขอบฟ้านั้นให้จงได้หารู้ไม่ว่าถ้าหากหลงผิด เส้นขอบฟ้าที่ว่านั้นอาจเป็นเพียงภาพมายา มีแต่ความมืดมิด...ประดุจขอบฟ้ายามราตรีที่ไม่มีวันไปถึง!

โดยรวมแล้วประทับใจกับเรื่องนี้มากๆครับ เรียกได้ว่าแทบหาที่ติไม่เจอเลยทีเดียว ชอบมากมาย

หากใครต้องการอ่านนวนิยายดราม่า สร้างสรรค์สังคม อ่านแล้วซาบซึ้งและอิ่มเอมใจผมยินดีและภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่จะแนะนำนวนิยายเรื่องนี้ให้ทุกคนอ่านครับ...

สวัสดีครับ...

อุ้มสม

๒๐ ม.ค. ๒๕๕๖






Create Date : 20 มกราคม 2556
Last Update : 17 เมษายน 2556 13:12:32 น.
Counter : 5502 Pageviews.

10 comments
  
รีวิวน่าอ่านจังค่ะ ชอบในวารวันมากจนอ่านรวดเดียว แต่เรื่องนี้เราแอบเคืองที่ไม่มีพระเอกง่ะ
โดย: โตขึ้นจะกลายเป็นยุง วันที่: 20 มกราคม 2556 เวลา:22:35:08 น.
  
เสียดายเห็นเล่มนี้ในงานหนังสือคราวก่อนโน้นแล้วค่ะ แต่ไม่ได้ซื้อมา ที่บูธนายอินทร์ตอนนั้นเขาบอกว่าซื้อ 4 เล่มลด 30% ก็ได้ของปิยะพร ศักดิ์เกษมทั้ง 4 เล่ม เลือกเล่มนี้ไว้แล้วด้วยค่ะ แต่วางไว้เสียก่อนเพราะคิดว่าเพิ่งออกใหม่ๆ (ตอนนั้น) ค่อยซื้อทีหลังก็ได้ เสียดายจัง
โดย: กุลธิดา (kdunagin ) วันที่: 21 มกราคม 2556 เวลา:2:30:11 น.
  
รีวิวได้ละเอียดลออดีจังค่ะ
เล่มนี้อ่านแล้ว...ชื่นชอบเช่นเคยค่า...
โดย: แม่ไก่ วันที่: 21 มกราคม 2556 เวลา:11:08:29 น.
  
ชุดนี้ ตั้งใจจะอ่านอยู่ค่ะ
โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ วันที่: 21 มกราคม 2556 เวลา:18:15:48 น.
  
คุณโตขึ้นฉันจะกลายเป็นยุง : ถ้าชอบในวารวัน ผมรับรองว่าต้องชอบเรื่องนี้ครับ

คุณกุลธิดา : งานคราวนี้ลองไปสอยมาดูนะครับ ^^

คุณแม่ไก่ : เป็นอีกเรื่องของปิยะพร ที่ติดตาตรึงใจครับ

คุณพุดน้ำบุศย์ : อ่านทั้งชุดแล้วจะยิ่งได้อารมณ์ และเต็มอิ่มเลยละครับ

คุณปิยะพร : ขอบพระคุณที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆนะครับ ค่อนข้างเห็นด้วยเรื่องของการตลาดครับ...
โดย: อุ้มสม วันที่: 21 มกราคม 2556 เวลา:19:44:34 น.
  
เล่มนี้หวานเย็นยังไม่ได้อ่านเลยค่ะ แปะโป้งไว้ก่อนนะคะ แบบว่า... ดองไว้เยอะแล้วอะค่ะ
โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 21 มกราคม 2556 เวลา:20:40:07 น.
  
อ่านแล้วครับ ชอบมากเช่นกัน
ตอนนี้กำลังติดตาม "ดั่งลมหวน"อย่างเข้มข้นเลยครับ
โดย: สามปอยหลวง วันที่: 22 มกราคม 2556 เวลา:8:37:46 น.
  
ไม่เคยอ่านงานของคุณปิยะพระเลยค่ะ (แต่คุ้นๆว่าเคยดูละครดอกไม้ในป่าหนาว ที่จอยศิริลักษณ์เล่น) ตอนนี้กำลังตามเก็บอยู่ค่ะ งานคุณปิยะพรมีเยอะจริงๆ ^^
โดย: Sab Zab' วันที่: 22 มกราคม 2556 เวลา:10:59:36 น.
  
คุณหวานเย็น : เรื่องนี้แนะนำเลยครับผม

คุณสามปอยหลวง : ดั่งลมหวน ผมรอรวมเล่มครับ เสียดายคุณเอียดบอกว่าไม่ทันงานหนังสือนี้...

คุณsab zab : ของคุณเอียดสนุกหลายเรื่องครับ ...คุณปิยะพร ถ้าหากดูงานทั้งหมดๆ ถ้าเทียบกับนักเขียนรุ่นเดียวกันอย่างกิ่งฉัตร ดวงตะวัน หรือ คนอื่นๆ ถึงว่าไม่เยอะมากนะครับ ออกมาปีนึงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น บางครั้งก็เกือบสองปีกว่าจะออกเรื่องใหม่...แต่คุณภาพคุ้มค่าการรออยมากมาย
โดย: อุ้มสม วันที่: 22 มกราคม 2556 เวลา:17:25:03 น.
  
อ้าว....ดั่งลมหวน ไม่ทันงานหนังสือ

อกหัก อีกแล้วสิเนี่ย..
โดย: Serverlus วันที่: 22 มกราคม 2556 เวลา:19:58:59 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อุ้มสม
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 231 คน [?]



แฟนเพจ "อุ้มสม"
มกราคม 2556

 
 
1
2
3
4
7
9
10
11
12
17
21
22
23
24
25
26
29
30
 
 
All Blog