ทริปนี้ค่อนข้างตื่นเต้นกับการเดินทางนิดนึง เพราะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกลางทางค่ะ
ถ้าใครอยากรู้ว่าเรื่องราวเป็นยังไง ไปอ่านที่ Blog อีกหน้าได้นะค๊า ลงที่นี่ทีเดียว เดี๋ยวจะยาว 

> คลิ๊กที่นี่อ่านนาทีระทึกใจ <

เอาล่ะค่ะ หลังจากที่รถเริ่มวิ่งต่อไปได้ วาก็ sms ไปบอกที่ช่องฟ้ารีสอร์ท ว่ารถเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย
ตอนนี้ออกเดินทางต่อแล้ว ตอนนั้นราวๆ 6 โมงเช้าแล้วค่ะ ฟ้าสว่างแล้ว เค้าก็โทรเข้ามา
สอบถามที่มือถือทันที ซึ้งใจ T___T

ไม่นานนักก็ถึงตะกั่วป่าค่ะ มีรถตู้หรูหรามารับเราที่ บขส. ตะกั่วป่า มีคุณอ้อมและคุณรงค์มารับเราค่ะ
พอมาถึงรีสอร์ท ทุกคนก็ถามใหญ่เลย ว่าโอเคไหม เป็นยังไงบ้าง
ขอบคุณมากๆที่แสดงความเป็นห่วงกันทั้งรีสอร์ทเลย ขอบคุณจริงๆค่ะ

ช่องฟ้ารีสอร์ท เป็นบูติกขนาดเล็ก ตั้งอยู่ที่ หาดบางเนียง เขาหลัก พังงาค่ะ
ซึ่งถ้าบอกว่าบางเนียงอาจจะนึกไม่ออก แต่ถ้าบอกว่า ช่องฟ้ารีสอร์ท อยู่ข้างๆ ลา ฟอร่า เขาหลัก
คงจะต้องร้องอ๋อกันเลยทีเดียว (รึเปล่า?) เข้ามาในซอยเดียวกับ ลา ฟอร่า,มุกดารา,Ramada
ไม่นานนักก็ถึง ช่องฟ้า รีสอร์ท จุดหมายปลายทางของเราวันนี้ค่ะ

วันนี้มาถึงแต่เช้า ก็เลยได้ welcome drink  เป็นชามะนาวอุ่น (น่าจะชามะนาวนะคะ เปรี้ยวๆอร่อย)
ที่ front บอกเราว่าถ้ามาบ่ายๆจะเสริฟแบบเย็น ถ้ามาเช้าๆ จะให้ทานอุ่นๆ
เก๋จังเลย รู้สึกดีมากๆที่ได้รับอะไรอุ่นๆตอนนี้ค่ะ

เช็คอินเรียบร้อยก็จะมี เมนูหมอนมาให้เลือกค่ะ มี 4 แบบให้เลือก ก็เลยเลือกมา 2 แบบ
คือแบบ ยางพาราแล้วก็แบบ หมอนรองคอ

ทีนี้ห้อง Beach Front Bungalow ของเรา ยังมีแขกอยู่
เลยให้ไปพักผ่อนที่ห้องแบบ Deluxe Room ก่อน ก็เลยถือโอกาส ถ่ายรูปมาให้ดูด้วยค่ะ

ห้องแบบนี้จะเป็นตึก 2 ชั้นนะคะ ซึ่งห้องแบบนี้จะตกแต่งเหมือนแบบ Bungalow เลย
เพียงแต่ว่าจะไม่มีอ่าง จากุชชี่ในห้องน้ำเท่านั้น แล้วบางห้องก็จะเป็น connecting ด้วยค่ะ
ห้องที่วาอยู่นี้ พิเศษคือเป็นห้องด้านหลังสุดที่ seaview ด้วยนะคะ
จะมีเพียง 2 ห้อง คือห้องริมทั้ง ชั้น 1 และชั้น 2 ที่ seaview ค่ะ
ซึ่งราคาก็จะสูงกว่าห้องในแบบเดียวกัน แต่ไม่ seaview นิดนึง :)

เท่าที่สังเกตุเห็น ที่ช่องฟ้าจะจัดเรียงห้องพักเป็นส่วนๆเข้าใจง่าย ก็เรียงตรงๆหน้ากระดาน 3 แถว
หน้าสุดคือ Beach Front Bungalow แถวต่อไปคือ Deluxe Bungalow
หน้าตาเหมือนห้อง Beach Front ค่ะแต่อยู่ถัดมาอีกแถว ไม่มีวิวทะเล
และแถวที่ 3 เป็นห้อง Deluxe Room 2 ชั้น นั่นเองค่ะ

ซึ่งวาไม่ได้เดินเข้าไปดูในแถวอื่นๆเลย  เพราะดูแยกเป็นสัดส่วน
แล้วก็ส่วนตัวมากๆ ห้องเราไม่ได้อยู่แถวนั้นเลยไม่กล้าเดินเล่นไปมาเลยค่ะ
เกรงใจแขกท่านอื่นๆ และแขกค่อนข้างเต็ม

ห้องพักเป็นแบบ Modern Tropical Style โดดเด่นด้วยตัวอาคาร ผนังสีเหลืองสดใส
สีตัดกับหลังคากระเบื้องสีส้ม ซึ่งสั่งทำเพื่อรีสอร์ทโดยเฉพาะ
โดยการ อบกระเบื้องด้วยความร้อนสูงกว่าปกติ 2 เท่าตัว
จะได้กระเบื้องที่สีสวย ทนทานกว่ากระเบื้องทั่วไป และที่สำคัญ จะไม่ทำให้หลังคาเปลี่ยนสี
เป็นสีมัวๆหมองๆ เมื่อโดนความชื้นตลอดเวลา ทำให้ช่องฟ้าดูสดใส น่ารักอยู่ตลอดเวลา

มาดู Beach Front Bungalow ของเรากันบ้างค่ะ
ห้องพักตกแต่งเหมือนห้องที่เราไปพักมาก่อน เพียงแต่ว่า เป็น Bungalow อยู่หน้าหาดเลย
และมีอ่างจากุชชี่ส่วนตัวอยู่ในห้องค่ะ สิ่งที่กรี๊ดมากๆ ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้องเลยก็คือ

เจอรูปเราที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง สอบถามได้ความว่า
ทาง ช่องฟ้า จะใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อยแบบนี้กับแขกเสมอ
ใครจะชอบไม่ชอบไม่รู้แต่วาชอบ เหมือนรู้สึกเหมือนเป็นคนสำคัญที่ได้รับการเอาใจใส่ (^____^)

วาขอพาทัวร์รอบๆห้องด้วยคลิปนี้นะคะ

การตกแต่งภายนอกห้องอาจจะดูธรรมดา ง่ายๆ ไม่ได้หวือหวาอะไร
เพราะตัวรีสอร์ท อยู่ติดชายหาดมาก และมีบริเวณที่จำกัด จึงทำให้ต้องมีการเลือกใช้วัสดุ
และของตกแต่งที่ทำให้ตัวอาคารมีความคงทนและเอื้อประโยชน์ในการใช้สอยพื้นที่ให้ได้มากที่สุด

แต่การตกแต่งภายในห้องค่อนข้างมีรายละเอียดมากมายทีเดียวค่ะ
โดยส่วนใหญ่แล้ว จะใช้เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งที่เป็นไม้
เข้ามาเติมแต่งให้ห้องดู สวยงาม อบอุ่น และนุ่มนวลขึ้น

ด้านนอกสีจัดจ้านดึงดูดตา และทำให้รู้สึก สนุกสนาน สดชื่น สำหรับการมาท่องเที่ยว
แต่ด้านในห้องนอน จะเลือกใช้สีโทนเย็น เพื่อทำให้แขกที่มาเข้าพักได้พักผ่อนทั้งกายและใจ

โดยจะมีการจุดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นอ่อนๆตลอดเวลา เผื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้เข้ามาในห้อง
มีผลไม้จานใหญ่ไว้คอยต้อนรับเมื่อมาถึง น่าทานมั๊ยคะ

และจุดเด่นของห้องพักที่วาสังเกตุเห็นก็คือ ห้องพักจะมีช่องๆ ที่ตรงกัน
ตั้งแต่หน้าห้องพักจนถึงประตูห้องน้ำด้านใน ถ้าเปิดประตูหน้าต่างทุกบาน
เราจะเห็นเป็นช่อง มองเห็นทะเลเลยค่ะ ซึ่งวาคิดเอาเองว่า นี่อาจจะเป็นที่มาของชื่อรีสอร์ท
แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ค่ะ ชื่อช่องฟ้ารีสอร์ท มาจากชื่อน้ำตกช่องฟ้า ที่คุณพ่อของเจ้าของไปพบน้ำตกอันนี้
ซึ่งมีลักษณะเป็นช่องๆ แล้วมีน้ำตกไหลลงมา เห็นเป็นช่องฟ้า เลยตั้งชื่อว่าช่องฟ้า และนำมาตั้งชื่อกิจการต่างๆ
ของครอบครัวอีกหลายอย่าง รวมถึงช่องฟ้า รีสอร์ทนี้ด้วย

แต่ความเป็นช่องๆของห้องพัก ก็สื่อความเป็นช่องฟ้าได้เป็นอย่างดี
ตามแนวคิดของสถาปนิกที่ชอบอะไรเป็นแถวๆแบบนี้ และเหมาะกับชื่อที่พักได้อย่างลงตัว

อีกอย่างที่คอหนังจะต้องกรี๊ด กับสิ่งที่มีอยู่ในห้องพัก นั่นก็คือ LCD TV จอใหญ่
ความคมชัดสูงระดับ HD พร้อมเครื่องเล่น BD ค่ะ กรี๊ดแตก
และที่ Lobby มีแผ่นภาพยนต์ BD ให้ยืมฟรีอีกด้วย ความคมชัด HDMI ระดับ 1080 กันเลยทีเดียว
เรียกว่า ฝนฟ้าตกไม่เป็นไร เปิดประตูชมทะเล ดูหนังในห้อง ก็สุดๆแล้วค่ะ
ไปลองยืมเอา transformers 2 มาดู สนุกกว่าดูในโรงหนังอีกอ่ะ 55555555

แต่รู้สึกว่า ทีวีและเครื่องเล่นแบบนี้ จะมีเฉพาะห้อง Beach Front  นะคะ
เพราะตอนที่ไปพักผ่อนที่ Deluxe Room จะเป็น TV คนละรุ่นกัน
ต้องสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่รีสอร์ทอีกครั้งค่ะ

ในส่วนของอ่างจากุชชี่นี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบ Outdoor ถ้าฝนเกิดตกขึ้นมา
เราก็ยังสามารถแช่ได้ตามปกตินะคะ เพราะตรงนี้มีหลังคาโปร่งแสง(กึ่งใส)
คลุมด้านบนอยู่ แช่กันได้ตลอดเวลาไม่ต้องกลัวฝนค่ะ

นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพักแล้ว ยังมี Facilities และบริการอื่นๆ อีกหลายอย่างค่ะ

สระว่ายน้ำของที่ช่องฟ้านี้ จะอยู่ ส่วนกลางของรีสอร์ทเลย
เป็นสระน้ำล้น (ด้านล่างเป็นสระเด็ก) ตกแต่งด้วยกระเบื้องสีเข้ม ดูทันสมัย
แต่ไม่เป็นส่วนตัวเท่าไหร่ค่ะ เพราะผู้คนต้องเดินผ่านไปผ่านมาตรงนี้
และยังอยู่ใกล้กับส่วนของห้องอาหารและชายหาดอีกด้วย

ใครที่ชอบการนวด ที่ช่องฟ้านี้ มีนวดไทยเอาไว้ให้บริการนะคะ
แต่ไม่ได้มีเป็นสปาเต็มรูปแบบ จะมีเป็นศาลาเล็กๆริมสระว่ายน้ำ
ใช้สำหรับนวดค่ะ

รถเช่า หรือ กิจกรรมต่างๆ สามารถติดต่อได้ที่ล๊อบบี้ จะมีโต๊ะเล็กๆคอยให้ข้อมูลอยู่ค่ะ
ส่วนจักรยาน มีให้บริการยืมฟรี ปั่นออกไปซื้อขนมหน้าปากซอยก็สะดวกค่ะ

ที่ช่องฟ้ามีสัญญาณ wi-fi ทั้งบริเวณ รีสอร์ท และตัวห้องพัก free ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ

เราได้รับเกียรติจากคุณโบ เจ้าของรีสอร์ทและคุณสามี มานั่งทานข้าวด้วย
และคุยด้วยอย่างเป็นกันเองค่ะ ซึ่งเจ้าของรีสอร์ท ก็จะอยู่ที่ช่องฟ้าตลอด
เพราะเป็นคนพังงา และมีบ้านอยู่ที่นี่ จึงสามารถพบเจอคุณโบได้ที่ช่องฟ้าแห่งนี้

เมื่อพูดถึงเขาหลักทำให้เราอดถามไม่ได้ว่า ที่ช่องฟ้ารีสอร์ทนี้เป็นอย่างไรบ้างตอนเหตุการณ์ สึนามิ
คำตอบที่ได้ เล่นเอาเราคิดในใจลึกๆว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เราจะไม่ถามคำถามนี้ออกไป
เพราะ ครอบครัวช่องฟ้ารีสอร์ทได้สูญเสียพนักงานไปหลายชีวิต รวมทั้งคุณพ่อของคุณโบ เจ้าของรีสอร์ทอีกด้วย
รีสอร์ทเสียหาย 100% ไม่เหลืออะไรเลย ก็เลยมีการสร้างใหม่จนเป็นในรูปแบบปัจจุบัน

เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่ช่องฟ้ารีสอรท์ จะมีการบริการและการจัดการที่ดีมาก
เทียบเท่ารีสอร์ทระดับ 5 ดาวอย่าง Ramada
(เมื่อก่อนชื่อ อะไรปาล์ม บีช ซักอย่าง แต่ภายหลังสึนามิ ได้ซื้อเชนของ Ramada มาค่ะ)
ทั้ง สิ่งอำนวยความสะดวก และคุณภาพของพนักงาน ที่ยิ้มแย้มแจ่มใส และยกมือสวัสดีแขกทุกคนทุกครั้งที่เจอกัน
เห็นชาวต่างชาติหลายๆคนที่พักที่นี่ ไหว้สวยงามหลายคนเลย สงสัยจะมาบ่อยไหว้กันบ่อยค่ะ ^^
เห็นว่าที่ช่องฟ้า รีสอร์ท เป็นรีสอร์ทที่ได้รับ ISO 9001 อีกด้วยค่ะ

ที่ช่องฟ้านี้ ส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาพักจะเป็นชาวเยอรมัน 90% เลยค่ะ เป็นที่ๆเค้าจะบอกต่อๆกัน และมาพักกันทุกปี
แม้กระทั่งหน้า Low แบบนี้แขกก็ยังเข้าพัก 90-100% ทุกวัน เพราะชาวเยอรมันมาพักทีก็ 2-3 อาทิตย์ขึ้นไป

ล่าสุด ทางช่องฟ้า เพิ่งได้รับรางวัลจาก Hotelcheck Award 2010
เป็นรางวัลที่ชาวเยอรมันโหวตให้ เป็นรีสอร์ทที่น่ามาพักที่สุด
โดยในประเทศไทยติด 3 โรงแรม 1 ในนั้นก็คือ ช่องฟ้ารีสอร์ทนี่ล่ะค่ะ
รางวัลนี้เค้าจัดโหวตกัน โดยที่ไม่ได้มีการส่งไปร่วมกิจกรรมใดใด
แต่มีแจ้งมาว่าให้ไปรับรางวัลที่เยอรมันเพียงเท่านั้น (ซะงั้น)

ถึงแม้ว่ารีสอร์ทจะมีแขกต่างชาติเต็มตลอดเวลา แต่ทางรีสอร์ท ก็ยังอยากให้คนไทยได้มาเที่ยวเขาหลัก
ได้เข้าไปสัมผัสชีวิตของคนเขาหลัก พังงา กันบ้างนะคะ แล้วจะรู้ว่า เขาหลักมีเสน่ห์ไม่แพ้ชายหาดอื่นๆเลยทีเดียว

หลังจากอาหารเย็น วามีสมาชิกครอบครัวน้องหมีเพิ่มมาอีก 2 ชีวิตค่ะ
เป็นของขวัญเล็กๆน้อยๆที่ระลึกจาก RAMADA แล้วก็ได้เสื้อของ Chongfah มา 2 ตัวอีกด้วย
ต้องขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ

ซึ่งรวมกับที่แบกไปด้วยอีก 3 ชีวิต ก็เลยมีเพื่อนเดินทางกลับบ้านเพิ่มอีก 2 ตัว
ครอบครัวใหญ่ขึ้นทุกวันเลย ดีจัง 

อ้อ...สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือห้องอาหารของรีสอร์ทค่ะ Seaborn
ห้องอาหารนี้จะให้บริการทั้งวัน ตั้งแต่มื้อเช้าถึงมื้อดึกเลยทีเดียวค่ะ

ช่วงเช้า จะเป็นไลน์บุฟเฟ่ต์อาหารเช้า ซึ่งมีให้เลือกมากมายหลากหลายสลับเปลี่ยนกันไปแต่ละวันอีกด้วย
อาหารเช้าที่นี่ถือว่าเลิศมากสำหรับวาค่ะ เพราะไม่ซ้ำซากจำเจ วัตถุดิบคุณภาพดี แถมอร่อยอีกต่างหาก
จะมีซุ้มเมนูไข่ อยู่ด้านหนึ่ง ซึ่งวาไม่พลาดที่จะลอง ออมเลทของโปรดเหมือนเดิม

มีส่วนของสลัดที่น่าทานมากๆ เพาะมีหลายอย่างให้เลือก
ไส้กรอก เบค่อน แฮม ซาลามี่มีตามปกติค่ะ
ที่เด็ดคือ มีชีสให้หยิบเป็นแผ่นๆเลยไม่อั้น
โอ้โห ของโปรด เอามาทานกับขนมปังจนจุกไปเลยค่ะ :D~ มีความสุข

แถมออมเลทก็ชีสเยิ้มมาเลย บางโรงแรมเหมือนไม่มีชีสซะงั้น
พอวันต่อๆไปวาเลยขอแบบ extra ชีส ซึ่งก็สมใจค่ะ วันต่อไปไม่ต้องสั่งเลยเค้าจำได้
จัดมาเต็มๆ กรี๊ดดดด น่ารัก ถูกใจที่สุด (^.^)

อ้อที่บอกว่าหลากหลาย ก็เพราะว่าที่นี่จะมีอาหารเปลี่ยนไปทุกวันค่ะ
วันแรกเจอต้มจืดเต้าหู้ บางวันเจอข้าวพะแนงไก่ บางวันก็เจอแกงเผ็ดอื่นๆ ซึ่งต่างชาติเค้าก็ทานกันนะคะ

มีติ่มซำ เล็กๆให้ได้ทาน แถมยังมีข้าวปั้นอีกต่างหาก
บางวันก็มีปอเปี๊ยะ หรืออาหารว่างพวก ถุงทองด้วยค่ะ
ชิมอย่างละนิดละหน่อย เล่นเอาอิ่มไปถึงเที่ยงเลยทีเดียว

ส่วนเครื่องดื่มก็จะเป็น น้ำผลไม้ค่ะ น้ำส้ม ฝรั่ง สับปะรด
แถมมีน้ำใบเตย และน้ำขิงให้ลองทานอีกด้วย คุณเชฟของที่นี่ทำเองค่ะ
เห็นมีชาวต่างชาติ สนใจหลายคนเพราะจะมีใบความรู้อยู่ข้างๆด้วย มันคือน้ำอะไร ช่วยเรื่องอะไร
ชากาแฟมีเติมได้ตลอด อิ่มกันทั้งครอบครัวค่ะ มีความสุขกับอาหารเช้าทุกวัน
จนอ้วนเป็นหมูกลับมาเลยค่ะวา 55555

ส่วนอาหารกลางวัน ก็มีให้สั่งทานได้ตั้งแต่ประมาณ 11 โมงถึง 6 โมงเย็นนะคะ
เป็นอาหารตามสั่งง่ายๆ ที่อร่อยใช้ได้ค่ะ หรือบางทีอยากจะทานอะไรเป็นพิเศษ
ก็บอกที่ครัวได้ เค้าจะได้เตรียมซื้อของมาทำให้เมื่อไปตลาด
เพราะบางวันที่ รีสอร์ทมีทำ cooking class ด้วยค่ะ ถ้ามีแขกท่านใดสนใจ
ก็จะมีช่วงเวลาไปจ่ายตลอดอยู่

ส่วนอาหารเย็นก็มีให้บริการค่ะ ทั้งอาหารตะวันตกและอาหารไทย
แต่วาได้ไปทานที่ห้องอาหาร Ocean Grill ของ Ramada แทน
ซึ่งอาหารก็อร่อยไม่แพ้กันเลยค่ะ อาหารที่คุณเชฟแนะนำ เป็นกุ้ง 5 รส
แล้วก็มี เชฟสลัด และ สเต็ก ปิดท้ายด้วย ไอศครีมเม็ดมะม่วงหิมพานต์ค่ะ

ช่วงที่วาไปถือว่าโชคไม่ค่อยดีค่ะ เพราะเหมือนพายุจะเข้าพอดีเลย ลมแรง คลื่นแรงมาก จนชายหาดปักธงสีแดง
ห้อง Beach Front นี่ได้ไอทะเลเต็มๆ วาก็แอบกลัวเสียงดัง และลมบ้างเป็นบางวัน แต่แขกเยอรมันลงไปเล่นน้ำซะงั้น
แต่ถ้าพักอยู่ในห้องแล้ว ก็จะไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยค่ะ หลับสบายทุกวัน ^^

คุณอ้อม และคุณ รงค์ ของช่องฟ้า รีสอร์ท ได้พาวาไปกราบศาลเจ้าพ่อเขาหลัก เพื่อเป็นสิริมงคลด้วยค่ะ
ซึ่งศาลเจ้าพ่อ จะตั้งอยู่บนเขา ที่อยู่ตรงข้ามกับอุทยานแห่งชาติเขาหลักนะคะ
คุณอ้อมเล่าให้ฟังว่า คนเขาหลักนับถือกันมาก ขออะไรก็สมหวัง
แต่วาไม่ได้ขออะไร แต่ขอบคุณที่รอดมาได้ และได้มากราบเจ้าพ่อค่ะ (^/^)

แล้วก็เลยไปดูเต่าทะเลค่ะ อยู่ในค่ายทหาร เป็นที่อนุบาลเต่าทะเล ก่อนที่จะปล่อยลงสู่เกาะสิมิลัน เกาะสุรินทร์
มีน้องเต่าน้อยๆน่ารักมากเลย มีตัวใหญ่ด้วยค่ะเห็นที เล่นเอาตกใจเลย

 

ด้วยช่วงที่ไปเป็นเทศกาลกินเจพอดี เลยได้มีโอกาสไปไหว้พระที่ศาลเจ้าในตะกั่วป่า
และไปดูเค้าเดินขบวนกัน ตอนแรกก็เฉยๆนะคะ เพราะไม่เคยดูไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้อะไรเลยว่างั้น
เค้าจะเริ่มเดินขบวนกันราวๆบ่ายโมง กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เลยไปหาอาหารเจ อร่อยๆทานก่อน
ทีร้านฮกกี่เหลา เป็นร้านขายอาหารเจ ที่ใหญ่มากในตะกั่วป่าค่ะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สั่งมาลองเพียบ อร่อยใช้ได้เลย อิ่มจุก! มีกุ้ง มี หมู มีหมึกด้วย
และปิดท้ายด้วย โอ่เอ๋ว ค่ะ หุหุ

ได้เวลาก็มาดูขบวนค่ะ คนเยอะมากๆ
วาก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นก็ไปแอบยืนดูหน้าสลอนอยู่ข้างๆ
จะมีม้าทรงที่มีพระเข้าทรงอยู่ บางคนก็เลียขวาน (- -) เอาเหล็กเสียบหน้า เสียบปาก มีลูกเหล็กตุ้มใหญ่ด้วย
ดูไปก็จะเป็นลม ไม่เคยเห็นของจริงใกล้ขนาดนี้เลย มือไม้อ่อนเลยทีเดียว

 

 

พอได้เวลาแล้วเค้าก็จะจุดประทัดกันค่ะ ซึ่งบ้านเจ้าภาพเริ่มก่อน จุดไป สิบแปดล้านนัด (เว่อร์!)
แต่เยอะมากๆค่ะ จึดแล้วโยนใส่คน เสื้อผ้าขาดกันไป แต่เค้าเล่าว่าเค้าจะไม่เจ็บและไม่มีแผล
เพราะได้ถือศีลกินผักตามประเพณีกันมา แต่เวลาประทัดกระเด็นมาที่ขาวานิดเดียว แทบร้องเจี๊ยกกกก!!
ไม่เชื่อก็ขอเชื่อค่ะ อยู่กันได้ยังไงนั่น ประทัดเยอะเว่อร์ เกือบครึ่งชั่วโมงได้ ได้ยินประทัดจนหูป่วยเลย
เพราะวาไม่ได้อุดหูเหมือนหูจะพิการไปเลยชั่วคราว
(กลับมากรุงเทพ ก็เกือบพิการจริงๆหูอื้อ ปวดหูซะงั้น ต้องไปหาหมอเลยค่ะ อวดเก่งไม่ยอมอุดหูไง)

 

 

จริงๆมีคลิปประทัดด้วยนะคะ แต่ว่าไม่กล้าเอาลงยูทูปเพราะไม่แน่ใจในเสียงดัง
วาเปิดฟังในกล้อง ละโพงสั่นเลย กลัวหูจะบอดไปตามๆกัน 5555555

ก่อนวันกลับก็ไปถ่ายรูปเก็บภาพประทับใจกันหน่อย ตลอดเวลาที่ไปพักที่ช่องฟ้า
ฝนตกตลอดเวลาเลยค่ะ เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเก็บรายระเอียดอะไรใดใด
ฝนหยุดก็มืดแล้วแสงไม่ค่อยพอ

 

 

อย่างเช่นล๊อบบี้ที่ใช้ไม้ตกแต่งสวยงามมาก หลังคากระเบื้องทรงสูงเด่นเป็นสง่า ก็ไม่ได้เห็นอีกเช่นเดียวกัน >.<~
มุมบ้านแบบ Beachfront ก็ได้มาแต่รูปตอนกลางคืนเบลอๆ แบบนี้ค่ะ

 

ตอนกลางคืน ใครยังไม่นอนก็มานั่งชมวิวทะเล ชิวๆได้นะคะ
มีเก้าอี้ให้นั่นจิบคอกเทล เกร๋ๆ ถ้าฝนไม่ตก

พูดถึง คอกเทล ที่นี่จะมี Happy hour อยู่สองช่วงค่ะ
ช่วงแรกก็คือช่วงชมพระอาทิตย์ตก (ตอนไปไม่ได้เห็นพระอาทิตย์เลย )

น่าจะราวๆ 5-6 โมงเย็นนะคะ คอกเทลซื้อ 1 แถม 1
อยากให้ได้ลอง เจ้าน้ำ 2 สี 3 ชั้น จำชื่อไม่ได้ (- -")
เลิฟลี่ อะไรซักอย่างมั๊งคะ อร่อยมาก เพราะรู้สึกใส่เหล้าน้อย 5555

อีกแก้วสีแดงส้มๆ เป็นช่องฟ้าซันเซตนะคะ
หวานๆเหมาะกับ คนไม่ถนัดแอลกอฮอลล์อย่างวามากค่ะ 

 

 

 

และอีกช่วงเป็นช่วงดึกๆ ก่อนบาร์ปิดนะคะ
ราคาไม่แพงได้แก้วใหญ่บิ๊กบึ้มเลยจ้า นึกอะไรไม่ออกให้เค้าแนะนำ
รับรองแจ่มแมว ^^

 

กินอิ่มนอนหลับตลอดเวลาที่อยู่ที่ ช่องฟ้า รีสอร์ท จนไม่อยากจะกลับบ้านเลยค่ะ มีความสุขมากๆ
ที่นี่เค้าดูแลลูกค้า เหมือนคนในครอบครัว เห็นได้จาก Facebook ที่มีการทักทายพูดคุยกัน
สนิทสนมเป็นกันเองตลอดเวลา แขกหลายๆคน รอคอยเวลาที่จะได้กลับที่นี่อีก
ขนาดช่วง Low ห้องพักก็เต็มตลอดเวลา สงสัยว่าที่นี่ต้องมีอะไรดี แน่ๆเลย อิอิ  

 

 

วันที่ 12 วันกลับ วาจะต้องเดินทางไปต่อที่สวัสดีวิลเล็จ หาดกะตะ ภูเก็ต
ไปสอบถามเรื่องรถโดยสารกับทางช่องฟ้า ปรากฏว่าเค้าอาสาไปส่งให้ถึงที่เลยค่ะ
เพราะฝนฟ้าตกตลอดเวลา เกรงว่าจะเดินทางลำบาก ขอบคุณมากๆเลยนะคะ

พังงา - หาดกะตะ ไกลมาก เกรงใจสุดๆเลยค่ะ >____<
(เกรงใจ แต่ก็เอานะ ไม่ใช่ไม่เอา แหะๆ)

ถ้ามีโอกาสได้แวะไปที่เขาหลัก ก็ลองแวะไปเยี่ยมช่องฟ้ารีสอร์ทดูนะคะ
ถ้าคุณได้เข้าไปสัมผัสครอบครัวช่องฟ้า แล้วคุณจะรักช่องฟ้า เหมือนที่วารักค่ะ (^^)

Chongfah I  ❤ You...

Create Date : 24 ตุลาคม 2553
Last Update : 24 ตุลาคม 2553 16:01:56 น.		7 comments
Counter : 6256 Pageviews.
Share Tweet