:: เที่ยวเมืองสองแคว...พิษณุโลก ตอนที่ 1 ::


เมื่อพูดถึงจังหวัดพิษณุโลก เราคิดถึงอะไรกันคะ?


หลายๆคนนึกถึงความสวยงามของ "พระพุทธชินราช" หลายคนนึกถึง "กิจกรรมล่องแก่งที่ลำน้ำเข็ก" และน้ำตกที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากมาย เช่น น้ำตกแก่งซอง น้ำตกชาติตระการ แต่ก็น่าจะมีบางคนที่นึกถึง "สมเด็จพระนเรศวร" และตำนานเก่าแก่ของเมืองพิษณุโลก ที่มีความสำคัญไม่แพ้เมืองอื่นๆ


พิษณุโลก เป็นเมืองที่มีแม่น้ำน่านผ่ากลางเมือง ซึ่งเคยได้ยินเค้าเรียกกันว่าเมืองอกแตกด้วยค่ะแต่ฟังดูน่ากลัวๆเนอะ หลักฐานการสร้างเมืองพิษณุโลกมีมาแต่พุทธศตวรรษที่ 15 สมัยขอมมีอำนาจปกครองแถบนี้ แต่เดิมทีชื่อเรียกว่า "เมืองสองแคว"


วันนี้วาจะพาไปเที่ยวชมเมืองพิษณุโลกกันแบบเพลินๆ เมืองนี้เที่ยวง่าย เดินทางก็สะดวกสบายจริงๆจ้า ตามมาเลย



ออกเดินทางด้วยรถทัวร์ของบริษัทขนส่งรอบ 10 โมงเช้า จริงๆมีรถหลายบริษัทให้เลือกนะคะ แต่ด้วยความที่ลองหาข้อมูลดูแล้ว บริษัทที่มีเที่ยวรถออกทุก 1-2 ชั่วโมงตลอดทั้งวันนั้น ขับค่อนข้างไวมาก เลยขอเลือกอุ่นใจหน่อยด้วยรถของ บขส. ค่ะ ขึ้นรถที่หมอชิตนะคะ ที่ซื้อตั๋วอยู่ด้านหน้า ชั้น 1 เลย



วันนี้ได้รถแบบ 2 ชั้นค่ะ แบบ ป.1 เลือกนั่งชั้นล่างถูกใจมากเพราะกว้างแบบ สามารถนั่งบนพื้นได้เลย มีอาหารแจกบนรถเป็นข้าวกระเพราหมูสับ(อร่อยมาก) แล้วก็มีน้ำผลไม้ น้ำเปล่า กาแฟ และขนมด้วยค่ะ ค่ารถ 277 บาท (ราคาเท่าๆกันทุกบริษัท)



5 ชั่วโมงเราก็เดินทางมาถึง ขนส่งจังหวัดพิษณุโลกกันแล้วค่ะ อย่างแรกที่เราตั้งใจไว้คือจะเช่ามอเตอร์ไซต์เพื่อเอาไว้ขี่เที่ยวรอบๆเมืองค่ะ แต่ด้วยความที่จังหวัดนี้มีที่ให้เช่ามอเตอร์ไซต์เพียง 2 ร้านเท่านั้น เค้าบอกว่า ฝรั่งมาเช่าไปหมดแล้ว วันที่ไปใกล้งานแข่งเจ็ทสกีของเค้าด้วย เลยไม่มีรถให้เช่าเลย ถึงจะไม่ได้เช่ารถตามที่ตั้งใจไว้ แต่ก็ขอบคุณ สายด่วน ททท. 1672 ที่ให้เบอร์ของ ททท. จังหวัดพิษณุโลกมา และก็พยายามหาเบอร์ติดต่อของร้านเช่ารถให้ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่า _/_



หลังจากที่แพลนเกือบจะล่มเพราะไม่มีรถตามที่ตั้งใจไว้ แต่ก็นึกถึงที่พักนึงขึ้นมาค่ะเป็นที่พักที่วาคิดว่าค่อนข้างราคาสูงมาก เมื่อเทียบกับที่อื่นๆในจังหวัดพิษณุโลกนี้ แต่ด้วยทำเลที่อยู่ใจกลางเมืองใกล้กับวัดพระใหญ่ และจำได้ว่ามีบริการรถรับส่งลูกค้าในระแวกตัวเมืองฟรีจึงทำให้เราโบกรถตุ๊ก ตุ๊กๆไปที่โรงแรมนี้ทันที (จากขนส่ง ไปถึงที่โรงแรม ราคา 60 บาท)


โชคดีที่วันนี้มีห้องพักว่างค่ะ สอบถามโปรโมชั่นต่างๆแล้ว ถ้าใช้บัตรเครดิตยี่ห้อหนึ่งจะได้ในราคา 2700 บาท/คืน แต่ถ้า 2 คืนจะราคา 5000 บาท ดูจากทำเลและรถรับส่ง วาคิดว่าคงคุ้มแล้วล่ะที่พักที่นี่ เลยตัดสินใจพักโรงแรมนี้ทั้ง 2 คืน



ห้องพักที่ได้เป็นห้องพักแบบ Deluxe ค่ะห้องกว้างขวางประมาณนึง เตียงนอนใหญ่ นอนสบายไม่ปวดหลัง


มี LCD TV ติดผนัง มี Day Bed ขนาดใหญ่ เอาไว้วางของได้สะดวกสบาย มีตู้เย็นที่ใหญ่อยู่เหมือนกันนะคะ ชา กาแฟ บริการฟรี มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานทั่วไปครบค่ะ



ห้องน้ำมีส่วนของอ่างอาบน้ำ และส่วนของฝักบัวอาบน้ำแยกกันเป็นสัดส่วน ถูกใจพวก แชมพูและสบู่ของเค้ามาก กลิ่นสมุนไพรหอมมากค่ะ อาบน้ำทีนึกว่ากำลังทำต้มยำ(ขาหมู) 555555 แถมมีให้ใช้กันจุใจ 2 เซต พอเปลี่ยนวันก็มีเอามาเติมด้วยนะคะ พวกอเมนิตี้ต่างๆก็มีครบแม้กระทั่งแปรงสีฟันแหน่ะ


ห้องน้ำกับห้องนอนจะมีบานเลื่อน เปิดเป็นหน้าต่างได้นะคะ แต่ก๊อกน้ำอยู่ด้านกำแพง เลยไม่สามารถนอนแช่น้ำดูทีวีได้ แต่บานเลื่อน เป็นผ้าไหมบุด้วยพลาสติกมั๊งคะ เลิศหรูอลังกาลจริงๆ



ห้องพักตกแต่งเน้นความเป็นไทย สังเกตุจากอุปกรณ์ที่ใช้จะเป็นไม้และบุด้วยผ้าต่างๆอย่างผ้าม่านนี่ ถ้าแม่มาเห็นคงกรี๊ด เล่นเอาผ้าไหมยกพับมาทำผ้าม่านแบบนี้ ทั้งสวยทั้งไฮโซแต่วาคิดว่าด้วยสีของเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ มันทำให้บางทีห้องดูมืดๆไปหน่อยค่ะ ทั้งๆที่ห้องก็ไม่ได้แคบหรือเพราะปกติวาชอบห้องกว้างๆสว่างๆก็ไม่รู้แหะ แต่โดยรวมแล้วก็โอเคค่ะสะดวกสบายดี



มาดูในส่วนของบริเวณอื่นๆในโรงแรมกันบ้างค่ะ ที่นี่มีสระว่ายน้ำขนาดกระทัดรัด ให้บริการอยู่ด้วยค่ะ ซึ่งห้องทุกห้องจะเป็น Pool View ทั้งหมดนะคะ เพราะสระว่ายน้ำอยู่ในสนามหญ้า มองลงมาเห็นสระหมดเลยได้ลองหย่อนตัวลงไปแช่น้ำมาประมาณ 5 นาที น้ำเย็นมากกกกกกกกกกก เลยเลิกค่ะ ไม่ไหวอากาศก็ไม่ได้เย็นมากนะ ทำไมน้ำในสระถึงได้เย็นขนาดนี้ก็ไม่รู้ >.<



เก็บข้าวของได้ซักพัก ก็ลองออกไปเดินเล่นแถวๆที่พักดู ทางโรงแรมสอบถามว่าจะไปที่ไหนอย่างไร แจ้งให้พนักงานไปส่งได้ ก็เลยขอใช้บริการ ให้ไปส่งที่ห้างดังของเมืองพิษณุโลกค่ะ "ท๊อปแลนด์" ซึ่งเป็นห้างที่มีโรงแรมด้วย ซึ่งใกล้ๆมากๆกับโรงแรมของเรา และใกล้กับวัดใหญ่มากๆด้วย สามารถเดินไปเองได้เลย แต่มีรถมาส่งแบบนี้สะดวกสบายสุดๆค่ะ แอบเห็นที่ให้เช่ารถอยู่ตรงนี้พอดี แต่สอบถามก็ได้ความว่า รถหมด เช่นกัน มารู้ทีหลังว่า ร้านนี้เราโทรมาสอบถามไปแล้วรอบนึงนั่นเอง นาทีนี้อยากมาเปิดร้านให้เช่ามอเตอร์ไซต์ที่นี่จริงๆ ดูท่าทางจะลูกค้าเยอะน่าดูเหมือนกันนะเนี่ย



แอบเดินเข้าไปในห้างเดินดูของ คนเยอะน่าดู มีเคาท์เตอร์เครื่องสำอางค์มากมาย วาแอบได้ของที่ตามหามานานด้วย ดีใจที่สุดในสามโลกเลย อยากจะกรี๊ดดดดดดดดดด 55555555 เริ่มเลยเถิดออกนอกทริปตลอดเวลานะคะวาเนี่ย


เราเดินทะลุห้างท๊อปแลนด์ออกไปแล้วเดินไปเรื่อยๆ ประมาณ 5 นาทีก็เห็นป้ายเด่นเป็นสง่าของ วัดพระศรีรัตนมาธาตุวรมหาวิหาร หรือที่คนแถวนี้เรียกกันว่า วัดใหญ่ นะคะก็เลยขอเข้าไป สักการะพระพุทธชินราช พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองพิษณุโลกกันหน่อย เพื่อเป็นสิริมงคลเอาฤกษ์เอาชัยในการเที่ยวทริปนี้ของวาค่ะ



เข้าไปกราบไหว้ด้านในวิหาร มากราบไหว้กี่ครั้งก็ยังรู้สึกทึ่งในความงดงาม ของพระพุทธรูปองค์นี้ทุกครั้ง จัดเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดในประเทศไทยองค์หนึ่ง ซึ่งพระพุทธชินราชองค์นี้ มีตำนานกล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า


พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฏก หรือ พระมหาธรรมราชา พญาลิไท กษัตริย์ องค์ที่ 4 ในพระราชวงศ์พระร่วง สมัยกรุงสุโขทัย เป็นผู้สร้างพระพุทธชินราช เมื่อราว พ.ศ. 1900 ทรงโปรดให้ช่างสวรรคโลก ช่างเชียงแสน และช่างหริภุญไชย สมทบกับช่างกรุงศรีสัชนาลัย ช่วยกันหล่อ พระพุทธรูปขนาดใหญ่ 3 องค์ ได้แก่ พระศรีศาสดา พระพุทธชินราช และพระพุทธชินสีห์ จวบจนถึงวันพฤหัสบดี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 ปีเถาะจุลศักราช 717ราว พ.ศ. 1898 ได้มงคลฤกษ์ กระทำพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ เมื่อเททองหล่อเสร็จแล้ว และทำการแกะพิมพ์ออกปรากฏว่า พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา องค์พระสมบูรณ์สวยงามดี ส่วนพระพุทธชินราชนั้นได้หล่อ ถึง 3 ครั้ง ก็ไม่เสร็จเป็นองค์พระได้ กล่าวคือทองแล่นไม่ติดเต็มองค์ พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฏกจึงทรงตั้งสัตยาธิษฐานเสี่ยงเอาบุญบารมีของพระองค์เป็นที่ตั้ง ครั้นนั้นจึงร้อนถึงอาสน์พระอินทร์เจ้า จึงนฤมิตเป้นตาปะขาวลงมาช่วยทำรูปพระ คุมพิมพ์ปั้นเบ้าด้วยอนุภาพพระอินทราธิราชเจ้า ทองก็แล่นรอบคอบบริบูรณ์ทุกประการหาที่ติมิได้ พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฏก ทรงปิติโสมนัสเป้นอย่างยิ่ง จึงตรัสให้หา "ตาปะขาว" ผู้นั้น แต่ตาปะขาวได้หายตัวไปแล้ว หมู่บ้านและวัดที่ตาปะขาวหายไปนั้นได้ชื่อว่า บ้านตาปะขาวหาย และวัดตาปะขาวหาย ต่อมาจนถึงทุกวันนี้ และจากวัดตาปะขาวหายขึ้นไปทาง ทิศเหนือประมาณ 800 เมตร ได้ปรากฏหลักฐานเกี่ยวกับการหายตัวไป ของตาปะขาว เล่ากันว่ามีผู้พบเห็นว่าท้องฟ้าเปิดเป็นช่องขึ้นไป ชาวบ้านเห็นเป็นที่อัศจรรย์จึงได้สร้างศาลาขึ้นไว้ ณ พื้นดินเบื่องล่างไว้เป็นที่ระลึก เรียกว่า "ศาลาช่อฟ้า" ตราบจนทุกวันนี้


ข้อมูลจาก :: th.wikipedia.org/wiki/พระพุทธชินราช_(พิษณุโลก)



กล่าวคือเป็นพระพุทธรูปที่งดงามที่สุด เพราะเชื่อกันว่าพระอินทร์แปลงกายลงมาสร้างขึ้นนั่นเอง ได้ยินตำนานแล้วขนลุกเกรียว ใครที่ผ่านมาทางนี้ ควรจะมากราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลกันนะคะ (^^)



ด้านนอกมี วิหารพระเหลือ เป็นทองคำที่เหลือจากการสร้าง พระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา มารวมกัน หล่อเป็นพระพุทธรูปรูปปางมารวิชัยขนาดเล็ก และพระสาวกยืนอีก 2 องค์ สร้างพร้อมกับ ปลูกต้นมหาโพธิ์ 3 ต้นหรือเรียกว่าโพธิ์สามเส้า โดยสร้างวิหารพระเหลือไว้ประดิษฐานไว้ระหว่างโพธิ์ทั้ง 3 ต้น ถ้าได้มากราบไหว้แล้ว เชื่อกันว่าจะมีเงินทองจะเหลือกินเหลือใช้



วาตั้งใจว่าจะมาเจาะลึกวัดใหญ่อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ หลังจากนั่งรถรางชมเมือง เลยเดินกลับที่พัก และแพลนว่าจะแวะชิมก๋วยเตี๋ยวห้อยขากันซักหน่อย เพราะเป็นทางผ่านกลับโรงแรมพอดี


(โรงแรมโยเดียเฮอริเทจ อยู่ในซอยเล็กๆ ข้างวัดใหญ่ มีก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ขนาบข้างเต็มไปหมด) แต่พอเดินไปถึงราวๆ 5 โมงเย็น ร้านก็ปิดหมดแล้ว เลยตั้งใจจะมาใหม่วันพรุ่งนี้ให้ได้เลยจ้า



กลับเข้าที่พัก ก็วางแผนจะออกไปเที่ยวที่ไนท์บาร์ซ่า ตลาดนัดยามค่ำคืนของชาวเมืองพิษณุโลก แล้วก็กะว่าจะหาอะไรทานเป็นอาหารมื้อเย็นแถวๆนั้นค่ะ ซึ่งไนท์บาร์ซ่านี้ จะอยู่ถนนเลียบแม่น้ำน่าน เริ่มตั้งแต่ สะพานเอกาทศรถ เป็นต้นไป



ไนท์บาร์ซ่านี้ ส่วนใหญ่จะเน้นขายเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ และมีอาหารเล็กน้อย เช่นพวก ยำ หรือขนมต่างๆ ไม่ได้แตกต่างจากกรุงเทพเท่าไหร่ มีร้านอาหาร ผับ บาร์เปิดอยู่ใกล้ๆกันมากมาย ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำน่าน ถ้านั่งชิลล์ๆกันที่นี่ ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ



อันนี้ เอ่อ... ป้ายโฆษณาแถวๆนั้นค่ะ หุหุ



แวะซื้อลูกชิ้นปิ้งกินกันชิลๆ แถวๆ 7-11 ตรงไนท์ พลาซ่า (มีที่เดียวไม่หลงแน่นอน) แต่ที่เด็ดก็คือ ปลาหมึกย่างค่ะ ที่นี่เค้าใช้ปลาหมึกแห้งตัวเล็กๆเสียบไม้มาย่างนะ ไม้ละ 10 บาทได้เยอะมาก หอมมากๆ แล้วก็อร่อยด้วยค่ะ น้ำจิ้มเป็นเหมือนซอสหวานๆเปรี้ยวๆ คอปลาหมึกย่างแบบวาขอคอนเฟริมว่า ต้องลอง!!



เราตั้งใจเดินดูร้านอาหารโดยเฉพาะผักบุ้งลอยฟ้า ก็ไม่เห็นซักที เลยแวะร้านอาหารร้านนึง ที่มีคนทานค่อนข้างเยอะ อาหารจะเป็นพวกอาหารตามสั่งทั่วไปและอาหารอีสาน เมนูแนะนำของที่นี่คือ ต้ม(เท้า)ไก่ ลองสั่งมาก็รสเด็ดมากๆ จริงๆถ้าคนไม่ทาน เท้าไก่ ก็สั่งให้เค้าไม่ใส่ก็ได้นะคะ แต่ถ้าคนที่ทานได้เหมือนวา ไม่ผิดหวังแน่ๆ เพราะเปื่อยๆอร่อยมากๆ ไม่ต้องแทะเลยทีเดียว (บรรยายไปก็หิวเองเลย 55555) ส่วนอาหารอื่นๆก็ทั่วๆไปค่ะ แต่รสจัดใช้ได้เลย



ค่าเสียหายมื้อนี้ค่ะ .. 205 บาท



พออิ่มแล้วก็มารู้ทีหลังว่าร้านผักบุ้งลอยฟ้า อยู่ข้างหน้านี่เอง เสียดายไม่ได้ดูเลย ยืนดูเค้าก็ไม่ยอมโยนให้ดู เห็นว่าจะโยนกันบางครั้ง ที่มีนักท่องเที่ยวนะคะ ไม่ได้โยนกันทุกจาน



สนุกสนานเพลิดเพลิน อิ่มหนำสำราณกันเรียบร้อยแล้ว ก็โทรเรียกรถจากโรงแรมมารับกลับสบายอีกแล้ว นัดเจอกันที่ 7-11 ไนท์ เป็นอันรู้กัน


เริ่ดจริงๆ ขอบคุณมากค่า (^/^)



กลับถึงห้อง ยังอิ่มหนำสำราณกันได้ต่อ กับ ผลไม้จานใหญ่
แต่ที่นี่ไม่มีเทรินดาวน์ห้องแต่อย่างใดนะคะ ออกไปรกยังไง กลับมาก็รกอย่างงั้น



คืนนี้ก็หลับไปอย่างมีความสุข เตรียมตลุยเที่ยวในวันถัดไปจ้า





- - โปรดติดตามตอนที่ 2 จ้า - -


Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2554 17:39:21 น. 4 comments
Counter : 3946 Pageviews.

 
ห้องพักสวยมากคะ ส่วนอาหารก็ราคาถูกเนอะ น่าไปจังเลยคะ


โดย: ASDK_MK วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:11:12:57 น.  

 
รอภาคสองนะคะ ^^


โดย: มิลเม วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:12:47:57 น.  

 
แนะนำเว็บท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงาม


โดย: attractions (loveyoupantip ) วันที่: 6 สิงหาคม 2554 เวลา:22:34:34 น.  

 


โดย: register (nrokas_1 ) วันที่: 25 กันยายน 2554 เวลา:16:30:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นังนู๋วา
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 150 คน [?]








Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
15 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add นังนู๋วา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.