เกริ่นไว้ Blog ที่แล้วว่า วาได้ ibis 99 มา 2 คืน แบบเว้นฟันปลา
แล้วอยู่ๆวาก็โชคดีค่ะ ได้ที่พักมาคั่นกลางพอดิบพอดี จากการส่ง ปณ. ร่วมสนุก
กับหนังสือ Voyage แล้วก็ได้ ที่พัก เมลาตีบีช มา ประกาศลงหนังสือ
เล่ม มิถุนายน 53 ต้นเดือน แต่วอเชอร์มาถึงมือวาจริงๆ
ปาไป 27 ก.ค. 53 (เดินทาง 29 เฉียดฉิวมาก)
เมลาตี บีช รีสอร์ต นี้ อยู่ที่
อ่าวเชิงมน ค่ะ ถ้าเราเล็งกันตามแผนที่แล้วเนี่ย
ก็ขับตรงมาเรื่อยๆ ผ่านบ่อผุด แล้วก็เลี้ยวซ้ายขึ้นเขาค่ะ ก่อนมาเรามาเซอร์เวย์ก่อน
เพราะกลัวหาไม่เจอ แล้วก็จริงๆค่ะ ซับซ้อนได้อีก
google บอกว่า 8.6 กิโล แต่วารู้สึกว่ามันไกลอยู่นะ แต่พอเริ่มชิน
เราก็จะจับจุดได้เองว่า ต้องไปทางไหน แต่ถ้าไม่มีรถ ขอบอกว่า ลำบากค่ะ
แต่ถ้ามีมอเตอร์ไซต์แบบวาล่ะก็ ถึงไหน ถึงกันเล้ยย
เกาะแผนที่แน่นๆ แล้วเราก็มาถึงจนได้ค่ะ เมลาตี บีช รีสอร์ต แอนด์ สปา
รีสอร์ตที่เช็คราคาก่อนมาแล้ว เป็นรีสอร์ตที่แพงที่สุดในชีวิตที่วาเคยไปนอนมาเลย *0*
Rate ใน Agoda ราวๆ 8000 บาทกว่าๆ Rate ในเว็บของเค้าเลย หมื่นกว่าบาทเท่านั้นเอง (- -")
ทางเข้าเป็นต้นไม้แนวยาวมากๆ โอว... ทางเข้า รีสอร์ตที่สมุย หรือ ทางเข้า น้ำตก 7 สาวน้อยคะ? 555
มาถึงแล้วด้านในสวยงามมากๆค่ะ ตอนแรก ยามกักไว้ก่อน พอบอกว่า มาพักที่นี่
เค้าก็ปล่อยเข้ามาอย่างนอบน้อม จริงๆก็แอบเกรงใจนะ คงไม่เคยมีใคร
บิดมอเตอร์ไซต์มาพักแบบนี้ไง 5555
มาถึงก็เจอ พนักงาน ยืนรอต้อนรับ ช่วยถือของ และ ยกมือไหว้เราอย่างนอบน้อม
พร้อมทั้งถามว่า คุณ จ จ จ เจ เจจนน สินี รึเปล่าครับ
เลยตอบไปว่าค่ะ ใช่แล้ววววว
(ในใจแอบคิด เย้ยย รู้ได้ไงอ่ะ เลิศอ่ะ หน้าผากเราก็ไม่ได้ติดป้ายชื่อไว้นะ )
พอเดินเข้ามาถึงได้รู้ว่า มีป้ายต้อนรับทุกคนที่นี่ แล้วดูชื่อสิ
คนไทยคนเดียวในปฐพีเลยทีเดียว เค้าก็คงเดาได้ ณ จุดนี้ เพราะเราพูดภาษาไทย (- -")
เราก็เข้าไปเช็คอินค่ะ พนักงาน 4 คน ยืนขึ้น แล้วยกมือไหว้พร้อมกันทุกคนเลย
เย้ยยย เขิลลล ... ยื่นคูปองที่ได้มาไป แล้วเค้าก็ให้นั่งรอค่ะ
ไม่นานนักก็มี น้ำมาเสริฟ จำได้ว่าอร่อย แต่จำไมได้ว่าน้ำอะไร
แต่ที่จำแม่นเลยคือ แก้วกลิ้งหนีได้ด้วยอ่ะ ตอนมาเสริฟ ตกใจมาก
นึกว่าน้ำจะเหวี่ยงออกมาและอ่ะ มีผ้าเย็นมาด้วยค่ะ เย็นชื่นจายยย 5555
แต่ที่เหวอที่สุดก็คือ มีพวงมาลัยมาคล้องคอให้ด้วยค่ะ !!!
ถ้าเป็นคนต่างชาติ คงจะอินๆ และตื่นเต้น แต่วาตื่นเต้นเหมือนกัน แต่เขินมากกว่า
รีสอร์ตระดับแบบนี้เค้าทำอะไรกันแบบนี้ด้วย เพิ่งรู้ ไม่เค๊ย ไม่เคย 5555
แล้วเค้าก็พาเรา นั่งรถกอล์ฟ ไปส่งที่ห้องพักค่ะ แบบว่า ไกลมากกกกกก
เค้าบอกว่าถ้าเดินจะใกล้กว่านี้ แต่รถต้องอ้อมเอา ไม่นานนัก ก็มาถึงค่ะ
เป็นห้องแบบ Grand Deluxe หรือถูกที่สุดนั่นเอง ซึ่งจะมี type นี้เยอะที่สุดในรีสอร์ต
แบ่งเป็น 2 แบบค่ะ คือ ชั้น 1 และ ชั้น 2
1st Floor Estimated Floor Area 95 sq.m. (มีสวน)
2nd Floor Estimated Floor Area 77 sq.m. (มีระเบียง)
ของวา ได้อยู่ชั้น 2 ค่ะ ไม่มีสวน แต่มีระเบียง
*0* เตียงนอนขนาด 4 คนโอบ *0*
อุปกรณ์ครบครัน ทีวี DVD
(ไม่แน่ใจว่ามีให้ยืมหรือเปล่านะคะ ไม่ได้ไปถามไกลมาก ขี้เกียจเดิน 55)
พร้อมกับตู้เสบียง ทรานฟอร์เมอร์ 5555
ในนี้จะมี มินิบาร์ และ นู้น นี่ นั่น เต็มไปหมดค่ะ
มีโต๊ะทำงานให้ด้วยค่ะ อ้อมี wifi ฟรี เร็วปรู๊ดดดดดดด ขอ pass ได้ที่ front นะคะ
เตียงนอนอีกมุมนึง มองไปทางหน้าประตูไม่มีอะไรค่ะ บริเวณห้องกว้างมากๆ
เดย์เบด ใหญ่โต นอนได้อีกคนนึง สบายๆเลย
ไปดูกันต่อที่ห้องน้ำดีกว่าค่ะ บริเวณก็ไม่ได้น้อยหน้า ห้องนอนเลย
เพียงแต่แคบกว่าหน่อย ตรงหน้าห้องน้ำเป็นตู้เสื้อผ้านะคะ มีชุดคลุม
รองเท้าแตะ ในห้อง นอกห้อง กระเป๋าสะพาย ไฟฉาย ตู้เซฟ
แต่วางของรกแล้วเลยไม่ได้ถ่ายรูปมา แล้วพอเปิดประตูเข้าไปก็กรี๊ดกันอีกรอบ ห้องน้ำอลัง กว้างมากๆ
สมารถเดาะตระกร้อเล่นได้เลยเถอะ ^^
เดินต่อไปจะเป็นส่วนเปียกค่ะ จะมีฝักบัวธรรมดา และ แบบฝนตก
ห้องออกแบบได้เรียบมากๆ กว้างสุดๆ อาบได้ทีละ 4-5 คนทีเดียว เอิ๊กกกกก
ไฮไลท์ของห้อง อยู่ในห้องน้ำนี่ล่ะค่ะ เพราะถ้าเราหันหลัง
เราก็จะเจอบานหน้าต่างไม้ พอเลื่อนออกไป ก็จะเจออ่างน้ำอยู่ ริมระเบียงค่ะ
โอ้ จอร์จ อาบทีก็ต้องมีอายบ้าง อะไรบ้างนะคะเนี่ยยย
ตรงนี้มีธูปหอม ที่เค้าเรียกว่า กำยาน รึเปล่า วางอยู่ด้วยค่ะ
แต่ไม่ได้จุด ตกดึก ยุงต้องแยะน่าดู เลย
อันนี้เป็นระเบียงห้องนะคะ มีโซฟา หนานุ่มอยู่ตรงนี้ด้วย
จำได้ว่านั่งไป 2 ครั้งเอง บริเวณกว้างเกิน ใช้สอยพื้นที่ไม่ครบเลยทีเดียว
สำรวจห้องรอบๆแล้ว ก็ไปสำรวจตามจุดต่างๆค่ะ
ในห้องน้ำจะมีน้ำเปล่าฟรี 2 ขวด ไดร์เป่าผมในห่อนั่น
ซึ่ง น้ำเปล่า ขอฟรีได้เรื่อยๆนะคะ รวมทั้งน้ำแข็งด้วย
เค้าจะเอามาส่งถึงห้องเลยจ้า
อุปกรณ์ต่างๆ มากันแบบครบเซต มาแต่ตัวกะเสื้อผ้าพอค่ะ
ในตู้มีน้ำแอบอยู่อีก 2 ขวด ข้างๆที่ต้มน้ำร้อนค่ะ
ห้องพัก มีพัดลมเพดานด้วยน๊า เอาไว้เปิดตอนที่อยากสูดอากาศด้านนอก
แต่ส่วนใหญ่จะปิดตลอด แล้วเปิดแอร์เอา แหะๆ
สำรวจในห้องจนทั่วแล้ว ทีนี้ก็เกิดอยากออกไปเที่ยวข้างนอกขึ้นมา
จริงๆวางแผนไว้แล้วว่าจะ นอนกลิ้งในห้องหรูๆตลอดทั้งวันให้คุ้มมมม
แต่ก็อยากออกไปซื้อขนม แล้วก็หาอะไรใส่ท้อง
เพราะเช้านี้ยังไม่ได้กินอะไรเลย เลยออกไปข้างนอกดีกว่า
ก่อนไป คว้าแผนที่เล็กๆที่เค้าให้มาดู ก่อนจะออกไปข้างนอก
จะเดินไปที่ front ยังไง ลานจอดรถไปทางไหน คือมันกว้างมาก
จนต้องมีแผนที่อ่ะ คิดดู (*-*) นี่ถือเป็นข้อเสียของที่นี่สำหรับวานะคะ เดินไกลเกิ๊นนน
หลังจากออกมาได้แล้ว ก็เดินทางเข้าเมืองค่ะ ขับมอเตอร์ไซต์ไปเรื่อยๆตามแผนที่
ก็ไปโผล่ตรงหาดเฉวง ที่เป็นหาดที่คึกคัก และดูเจริญที่สุด แอบเห็น Swensens ด้วย งิงิ
ขับไปเรื่อยๆก็เลย ตรงไป ละไม ไปเที่ยวหินตา หินยาย กันดีกว่า
ขับไปเรื่อยๆ ไกลมากกกกกกกกกกกกกกกกกค่ะ
แล้วอยู่ๆก็เห็นหินก้อนนี้ค่ะ โอ้ว สวยจัง แต่ก็แอบน่ากลัวๆ
เพราะเป็นทางโค้ง ข้างหน้าเป็นทะเล แถมเป็นหินๆ หน้าผา
อยู่บนมอเตอร์ไซต์ก็เลย แอบกดรูปมาได้ 1 รูปถ้วน
มีป้ายเขียนว่า Big Rock
แวะเติมน้ำมัน เช็คพอยท์ กันก่อน
ออกไปอีกไม่นานก็เจอ ป้ายหินตา หินยาย อยู่ใน ชุมชน
แบบว่า เกือบเลยแหน่ะค่ะ เป็นซอยเล็กๆที่ต้องเล็งป้ายกันดีๆเลยทีเดียว
มีที่จอดรถเอกชน บริการค่ะ กว้างขวางดีเหมือนกัน
วาเอามอเตอร์ไซต์มา จอดตรงนี้จ้า
จอดรถแล้ว ก็เดินลงไปที่หาดกันค่ะ ระหว่างทางมีของขายเยอะมาก
โดยเฉพาะ ขนม กาละแมร์ มีให้ ชิม ให้ ช๊อป กันให้สนุก เพียบค่ะ
เดินลงไปเรื่อยๆก็จะเจอ เวิ้งๆค่ะ ก็ งง ไหนหว่า หินตาหินยาย
มองไปหมองมาก็เจอหินตา อยู่ทางขวามือค่ะ ไกลๆ โอ้ว ที่เค้ามากันนี่คือ
มันเห็นไกลๆแบบนี้เหรอเนี่ย เพิ่งรู้
เราเลยเดินลงไปข้างล่าง ก็เลยได้ภาพนี้มาค่ะ
ตอนนี้ก็นั่งกิน ข้าวเหนียวไก่ย่างที่ซื้อมาจากปั๊มน้ำมันเมื่อกี้
อร่อยเอร็ดเลยทีเดียว อิ่มแล้วก็ไปล้างมือในน้ำทะเล
นั่นเลยเป็นครั้งแรก และครั้งเดียว ที่วาได้แตะน้ำทะเลสมุย
แล้วก็เดินตามๆเค้าไป งงๆ พยายามเดินหาหินยายค่ะ
ไม่มีป้ายบอกหรืออะไรเลย แต่มาถึงนี่แล้ว ก็ต้องหาให้เจออ่ะ
ก็มารู้ว่ามันต้องเสี่ยงเดินลงมาข้างล่าง เพื่อจะได้เห็นภาพเต็มๆ
เหมือนที่คนอื่นถ่ายรูปมา เพราะลำพังเดินไปเดินมา แล้วไม่มีข้อมูลมาก่อน
ก็ไม่เจอแน่ๆ เห็น นักท่องเที่ยว ต่างชาติ เดินมาเห็นหินตา แล้วก็กลับ จบ!
หลายคนเลยทีเดียวเชียว
ตรงนี้มีคนมาตกปลาด้วย กล้ามาก เพราะที่ยืนก็เทๆ แคบๆ
อยู่นานไม่ดีแน่ๆ เค้าเหวี่ยงๆ เกือบโดนหัวเราอยู่แล้ว เลยกลับกันดีกว่าค่ะ
ออกมา ก็แวะซื้อ กาละแมตรงลานที่จอดรถค่ะ
เพราะไม่รู้จะซื้อร้านไหน ชิมแล้วก็ อืม พอได้แหล่ะ
วาไม่ได้กินอยู่แล้วไม่ชอบหวาน ขนาดเค้าบอกว่าไม่หวานมากแล้วนะ
ก็เลยซื้อมา 3 ถุง 150 บาท ร้านข้างหลัง น้องธันวา นั่นอ่ะค่ะ
แต่กลับถึงบ้านที่ กทม. นี่ หากะละแมไม่เจอนะ
สงสัยจะลืมไว้บนรถทัวร์ เพราะจำได้ว่า เอาขึ้นไปอยู่เลยนะ อดกิน!
ได้ เฉาก๊วย มาดับร้อน 1 ถ้วย เพราะชื่อร้านเค้าน่ารักดี " เฉาก๊วย ติดเกาะ "
ขับรถต่อเรื่อยๆเจอป้ายนี้เลยมั่วๆตามเข้าไป ดูสิว่ามีอะไรในนี้
พอเข้าไปก็เห็นว่าที่นี่ออกแนว สวนสัตว์ค่ะ
มีแนวๆซาฟารี มีนั่งช้าง รู้สึกช้างจะพาไปน้ำตกเดินเลาะป่าไป
แต่วาไม่ได้ใช้บริการใดใด พยายามเดินไปน้ำตก แต่เหนื่อยมากๆ
ขึ้นๆ ปีนๆไปไม่มีจุดหมาย เลยกลับลงมาดีกว่า กลับที่พัก
นอนในห้องหรูๆของเราดีกว่า ตอนนี้เพิ่งคิดได้ว่า ร้อน และเหนื่อยมาก
ห้องพักอย่างเริ่ด ทำไมเราไม่อยู่ในห้องว๊า >[]<
ขากลับผ่าน รีสอร์ตกำลังสร้างค่ะ ท่าทางเหมือนวัด (- -)
มีอะไรที่บ่งบอกว่า ไทยแท้สุดๆ อย่างโดมอันนี้เด่นๆ น่าจะเป็นล๊อบบี้
วาว่าหน้าตาเหมือนหมวกของ ทหารสมัยก่อน ในหนังมากๆ
แล้วก็มีออกแนว สวนอุทยาน ที่พักเหมือน ตำหนัก แบบนั้นเลย
พอดี ที่พักนี้อยู่ใกล้ 7-11 ที่เราแวะซื้อขนม
ก่อนเข้าไปที่ เมลาตีนะคะ ไม่ไกลกันมาก เลยมีเวลายืนพิจารณา
กลับถึงที่พักก็เจอ ผลไม้......... กะละมังนึง! เยอะมากๆค่ะ กินไม่หมด
ตกเย็นเราก็ไปเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำกันค่ะ สระริมทะเล คนไม่ค่อยเยอะ สนุกสนานมากๆ
มีแต่ชาวต่างชาตินุ่ง บิกินี่ทั้งนั้นเลย เราก็อย่าได้แคร์เอามั่ง สงสารคนแถวนั้นจัง
อันนี้หน้าหาดนะคะ หาดไม่ค่อยสวยแต่น้ำใส เค้าเขียนว่า หาดเมลาตีค่ะ ส่วนตัวสุดๆ
ตรงหน้าหาดนี้ เราจะมองเห็นเกาะพะงันด้วยค่ะ พอฟ้ามืด จะเห็นแสงสีมากมายเลย
วาไปเล่นน้ำ น้องๆก็พักผ่อน ชิล ชิล รอค่ะ
เล่นน้ำกันจนมืด สระว่ายน้ำสีสวยจังเลยยย
ตรง pool bar ก็สวยไม่แพ้กันจ้า ชอบบบบบ ถ้ายุงไม่กัด อาจจะนอนมองดาวที่นี่ต่อ เอิ๊กๆ
พอกลับเข้าที่พัก ก็เจอที่นอนเรา พร้อมนอนแล้วจ้า
เค้าเข้าห้องเราบ่อยมากนะ รู้ได้ไงว่าเราไม่อยู่ตอนไหนหว่า เหอๆๆๆ
แต่เราขอไป ลัลล๊าที่ อ่างน้ำริมระเบียงก่อน มืดแล้วคงไม่มีใครมอง
แต่ก็ยังกลัวตาแมว เลยใส่บิกินี่อาบน้ำแทนซะงั้น
อาบน้ำเสร็จ ฟ้าร้องฮึ่มๆๆๆๆๆๆๆ เลยคว้า อาหารญี่ปุ่นขึ้นมารองท้อง
เพราะถ้าฝนตก แล้วเปลี่ยวๆขนาดนี้ คงออกไปหาอะไรกินไม่ไหว
แต่จนแล้วจนรอด ฝนก็ไม่ตกค่ะ สรุปเลยได้ออกไปกิน " ชายสี่ หมี่เกี๊ยว "
กันตอน 4 ทุ่ม เพราะหิวม๊ากกกก แต่ไม่ได้เอากล้องไป เอาเงินติดตัวไป 100 บาท
เผื่อโดนปล้น จะได้มีตังให้เค้าไปแค่นั้น รอบคอบมะ 55555
กลับมาก็นอนสบายอิ่มท้องแล้วค่ะ ตื่นเช้ามาอย่างสดใส ได้เวลาอาหารเช้า กิ๊บกิ๊วววว
อาหารเช้าเราจะต้องทานกันที่ห้องอาหารด้านในค่ะ (มีห้องอาหารริมทะเลอีกอันด้วย)
คนเยอะพอประมาณ ขนาดเรามาแต่เช้านะเนี่ย..
พนักงาน เดินมายกมือไหว้ แล้วถามว่า จะเอา zone ปลอดบุหรี่ หรือ สูบบุหรี่ค๊า
แต่จริงๆเค้าพูดอังกฤษใส่มาก่อนเลย สงสัย ตามปกติแล้วไม่ค่อยได้ใช้ภาษาไทย
เพราะเท่าที่เห็น นอกจากเรา คนไทยก็มีแต่พนักงานเท่านั้น >[]<
รับอะไรเบาๆก่อนเลยค่ะ 555555
ไลน์อาหาร อลังการงานสร้างสุดๆ ตื่นตาตื่นใจมากค่ะ
แบบอาหารดูดีมีคุณภาพมากๆ น้ำนี่มีเยอะมากๆ แถม สั่งเป็นน้ำผลไม้คั้นสด
น้ำผลไม้แบบ สมู๊ตตี้ได้อีกด้วย แต่ไม่กล้าสั่งอ่า กลัวมาแล้วกินไม่หมด ><
มีอาหารที่สั่งทำหลายอย่าง เช่น หมี่ผัดแบบจานนี้ หรือก๋วยเตี๋ยวอะไรยังไงก็มีค่ะ
จำพวกไข่ก็มีคนทำให้นะคะไปสั่งได้เลย เหมือนที่อื่นๆ
ข้าวต้มก็มีค่ะ แต่ก็มีแต่ข้าวกับหมู วาว่ามันจืดๆไปหน่อยนะอันนี้
มีเครปด้วยค่ะ ขนมปังนี่เยอะมาก 10 กว่าชนิด เนยชีส
อะไรมากมาย แต่วาไม่ได้แตะเลย อิ่มง่ะ
มีอันนึงที่วาตื่นตาตื่นใจมากๆก็คือ น้ำผึ้งค่ะ มากันทั้งรัง ไม่กล้ากินอ่ะ >.<
ไลน์อาหารแบบไกลๆไม่กล้าถ่ายรูป
ไลน์ ขนมปัง น้ำ ชา กาแฟ สลัด คอนเฟรค โยเกิต
ปิดท้ายอาหารเช้าด้วย โยเกิตฟรุตสลัด ผลไม้มีคุณภาพมากกกกกกก
แหมเห็นอาหารเช้าแล้วก็หิวขึ้นมาทีเดียวเชียว
ก่อนออกมาแวะดูเค้าแกะสลักสบู่ค่ะ สวยมากๆ เห็นว่าเอาไปลงสีเพิ่มด้วย
เท่าที่นั่งดู งานละเอียดมากๆ แต่ก็ไม่ได้อุดหนุนเค้ามา แหะๆ
อิ่มแล้วไปเดินเล่น ชมสวน แล้วก็ไปเดินดูชายหาดกันดีกว่าค่ะ
เดินไปแล้วเห็นป้ายค่ะ ว่ามีสระว่ายน้ำอีกอันอยู่ในซอกๆนึง
แล้วก็เลยตามป้ายไปดูกัน
ไปถึงก็เจอ สระว่ายน้ำอันนี้ค่ะ เป็นขั้นบันไดลงเรื่อยๆ ลึกสุดอยู่ที่ 1.65 เมตรแหน่ะ
แว๊ก เกือบมิดหัวเลย สระนี้น่ากลัวไม่เล่นดีกว่า มิน่าแอบเห็นฝรั่งมาเล่นตรงนี้ มันลึกกว่านี่เอง