Life is short, so live it!
พระนครนอนเล่น - บางกอก



เชื่อว่าทุกคนคงมีช่วงเวลาที่แบบ โอ๊ย...เหนื่อยชิบเป๋งเลยวุ้ย ทำงานงกๆๆติดต่อกันมาหลายสัปดาห์ เสาร์-อาทิตย์ก็ต้องเอางานมาทำที่บ้าน สมองมีแต่เรื่องงานๆๆๆ จะไปเที่ยวที่ไหนไกลก็ไม่ได้ เพราะถึงจะเป็นวันหยุด ตรูก็ยังต้องทำงานน....จะตายแล้วว้อยยยยยยยย แง่งงๆแง่งงแง่งง น่าน...จะกระโดดกัดกันเลย

เราก็เป็น...เจ้าบูยิ่งเป็นใหญ่เลย เห็นท่าว่าไม่ไหวแน่ เราสองคนเลยตัดสินใจหาวิธีผ่อนคลายและพักผ่อนสมองใกล้ๆในวันเสาร์-อาทิตย์ และเมื่อไม่มีเวลาสำหรับเดินทาง ก็หาจองห้องพักมันในกรุงเทพฯนี่แหละ ง่ายดี

อันที่จริง ก่อนหน้านี้เราเคยแนะนำลูกค้าเยอรมันคนนึงไปพักที่นี่ เฮียแกชอบมากๆๆๆ พอกลับบ้านไป เขียนเมลมาขอบคุณใหญ่เลย
อีกอย่างและครั้งหนึ่งที่เคยไปพักที่แม่ริม คุณแม่เจ้าของเกสต์เฮ้าส์ "แม่ปั้นดิน พ่อทำสวน" ก็เคยแนะนำไว้ว่าสวยน่ารัก แม่เคยไปร่วมงานอะไรสักอย่างมาด้วย...เอาวะ! ได้เวลาที่จะไปลองพักกันสักหน่อยแล้ว

ทางเข้าด้านหน้า ร่มรื่นเชียว

เกสต์เฮ้าส์นี้อยู่ในซอยเทเวศน์ 1 ชื่อว่า "พระนครนอนเล่น" ซึ่งเป็นเกสต์เฮ้าส์เล็กๆขนาดไม่กี่ห้อง ลักษณะการตกแต่งภายในจะวาดลวดลายบนผนังแตกต่างกันออกไปในแต่ละห้อง เราเห็นว่าเข้าที เหมาะสมกับจุดมุ่งหมายของเราสองคน ซึ่งก็คือการหามุมสงบ ติดหนังสือไปเล่มนึง (เจ้าบูริอ่านคิดว่าตัวเองจะอ่านได้แยะ เลยติดไปสองเล่มทีเดียว คนบ้าอะไรจะอ่านหนังสือเล่มนึงจบภายในคืนเดียวฟระ เกินไปหน่อยและ) ตอนเย็นๆก็อาจจะออกไปเดินเล่นใกล้ๆในเมืองเก่า คงมีร้านรวงอะไรน่ารักๆ และเก่าแก่โบราณสถานสูงให้ได้นั่งกินอยู่หรอก ที่สำคัญคือไม่ได้บอกใครด้วยเพราะเดี๋ยวเพื่อนจะหาว่ามีปัญหาทางสมอง

นี่ส่วนของห้องอาหาร ไร้แอร์ แต่เย็นสบาย ต้นไม้แยะมาก


วินาทีแรกที่ได้ก้าวเท้าเข้าไป เราสัมผัสถึงความรู้สึกร่มรื่นของต้นไม้มากมายที่ปลูกไว้รอบๆบริเวณ พื้นที่ของเกสต์เฮ้าส์ไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่จัดสรรปันส่วนได้ลงตัว ตรงกลางเป็นสวนปูด้วยอิฐ ล้อมรอบด้วยตึกที่ใช้เป็นห้องพัก มีอาคารชั้นเดียวขนาดเล็กสำหรับให้แขกมานอนนวดและเล่นอินเตอร์เนต (ช้ามาก...เหมาะกับคนที่จะมาเพื่อชิวจิงๆ) มี reception, restaurant area อยู่ด้านหนึ่ง

มาถึงเจ้าบูเดินเตร่ไปอ่านจากข่าวของเกสต์เฮ้าส์ที่แปะอยู่ในห้องอาหาร แล้วบอกว่า ที่นี่เคยเป็นโรงแรมม่านรูดมาก่อน แล้วเค้ามาปรับปรุงรีโนเวตใหม่ทั้งหมด เพื่อทำเป็นเกสต์เฮ้าส์ในแบบที่แตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง...รู้แล้วเราก็ไม่ได้อิ๋วอิ้วอะไร เพราะตอนนี้สภาพมันให้ความรู้สึกดีมากมายเสียจนคิดย้อนกลับไปไม่ลงแล้วล่ะ

หัวเตียงลายดอกบัว

ชานหลังบ้าน เป็นสวนเล็กๆ โอบล้อมด้วยต้นไม้เขียวครึ้มเขียว มานั่งชิวตรงนี้ก็ได้

ห้องน้ำที่มีความโบราณสูง

เราได้ห้องแบบ double ชั้นล่างสุด ผนังด้านในวาดเป็นรูปดอกบัว มีประตูด้านหลังเปิดทะลุออกไปเป็นสวนส่วนตัวเล็กๆเขียวสดเชียว มีเก้าอี้ไม้เตรียมไว้ให้นั่ง ในห้องมีเครื่องเล่นซีดีของ muji (อยากได้มาก) และแผ่นซีดีเตรียมไว้ให้สองแผ่น แผ่นแรกเป็นเพลงแบบ chill out สำหรับเปิดก่อนนอน ส่วนอีกแผ่นเป็นเพลงจังหวะฉึ่งโป๊ะหน่อย เอาไว้เปิดเพิ่มความสดชื่นในตอนเช้า บนเตียงมีหมอนมากมาย ในห้องน้ำก็สะอาดสะอ้าน ใช้ท่อและก๊อกน้ำแบบเก่า ให้บรรยากาศสุดๆ (ยกเว้นแต่ว่าอ่างล้างหน้าท่อดันตันหน่อยๆเสียนี่)

พูดถึงซีดีเพลงแล้วก็นึกขึ้นมาได้ ซีดีเพลงแผ่น chill out มันเริ่ม track แรกด้วยเพลง it's only just begun.... ถ้าใครได้ดูหนังเรื่อง 1408 ที่ John Cusack แสดงนำ คงพอรู้ว่ามันมีความหมายสยดสยองยังไง (เดี๊ยนยิ่งซึ้งดีแก่ใจ เพราะเข้าไปดูในโรงถึงสองรอบ...เฮ้อชีวิต) ในหนังเรื่องนั้น John Cusack เข้าไปพักในโรงแรมห้อง 1408 ซึ่งเป็นห้องผีสิง พอเข้าไปปุ๊บ นาฬิกาวิทยุแบบดิจิตอลก็เริ่มเล่นเพลง it's only just begun... ขึ้นมา John เข้าไปถอดปลั๊กก็แล้ว ทุ่มทิ้งก็แล้ว เพลงก็ยังดังไม่ยอมหยุด เพราะฉะนั้นพอได้ยินเพลงนี้ เรากะบูถึงกับหันหน้ามาหากันแล้วหัวเราะ เพราะนึกถึงเรื่องเดียวกันเลย

ผนังน่ารักมากๆ ตรงชั้นดาดฟ้า ทางเข้าแปลงผัก

ที่นั่งเล่นแสนชิว

ประตูหน้าห้อง ที่มีเลขห้องเป็นเลขไทย เค้าตั้งใจทำไว้ให้ฝรั่งถามพนักงาน เพื่อเป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์ ให้หนิดหนมกันยิ่งขึ้น

น่ารักไหมล่า...

เราวางกระเป๋ากันปุ๊บ ก็่ส่ายตูดออกจากห้องปั๊บ ตอนเช็คอินพนักงานบอกว่า ชั้นบนสุดของที่นี่มีสวนครัวปลูกเอาไว้ให้แขกกินกันสดๆด้วย (แต่ไมได้หมายความว่าเราจะขึ้นไปดึงมันมาแทะเป็นอาหารเสียตอนนี้หรอกนะ)
เราปีนบันไดขึ้นไปดูชั้นอื่นๆของที่นี่ ซึ่งล้วนแล้วแต่วาดภาพสวยๆไว้บนผนังให้แขกดู และถ่ายรูป บนชั้นสี่ซึ่งเป็นชั้นบนสุด เค้าจัดเตรียมเก้าอี้ไม้หลายชุดไว้ให้แขกขึ้นมานั่งชิว มีหมอนหุ้มด้วยปลอกสีสันจัดจ้านเตรียมไว้ให้กองใหญ่ ใครอยากจะใช้ก็แค่เดินไปหยิบ

โครงมีไว้ให้มะระไต่

นี่ไง มะระ...

ผักกาดก็มี

นี่ต้นอะไรไม่รู้เหมือนกัน แต่ท่าทางน่าหม่ำไม่ใช่น้อย

ถัดออกไปอีกทางหนึ่งเป็นสวนครัวขนาดย่อม มีทั้งพริก มะระ ผักกาด ฯลฯ เป็นไอเดียที่เยี่ยมมากเลยสำหรับคนที่มีบ้านตึกแถว เพราะสามารถดัดแปลงดาดฟ้าที่ไม่ค่อยได้ใช้งานอะไร และส่วนใหญ่มักปล่อยให้มันรกร้างว่างเปล่า อย่างมากก็เอามาตากผ้า ลองเปลี่ยนมาทำแบบนี้เราว่ามันเวิร์กเหมือนกันนะ

ดมกลิ่นรอบๆแปลงผักจนพอใจ เราพากันออกเดินออกจากเกสต์เฮ้าไปแบบไม่ค่อยมีจุดหมายเท่าไหร่ เพราะจากการสำรวจแล้ว ร้านรวงต่างๆที่ทางเกสต์เฮ้าส์แนะนำให้เดินไปดู มักจะเปิดในตอนเช้าเสียมากกว่า เย็นย่ำ 5 โมงอย่างตอนที่เราไปถึงเค้าก็ปิดกันหมดแล้ว

เราเดินเล่นเรื่อยเลาะชมเมืองและถนนหนทางเป็นวงกลม แล้วย้อนเข้าถนนดินสอฝั่งโรงเรียนสตรีวิทย์ บ้านเรือนแถวนี้มีความโบราณและน่ารักสูงมาก เราไม่ค่อยได้ขับรถผ่านเข้ามา ก็เลยรู้สึกสนุก มีความสุขกับบรรยากาศที่แปลกตาไปจากเดิม

เดินสักพัก สายตาเหลือบไปเห็นร้านขนมหวานไทยโบราณชื่อ"ร้านขนมแม่อุดม" เป็นตึกโบราณคูหาเดียว ที่ครั้งหนึ่งจำได้ว่าเพื่อนสตรีวิทย์ เคยพามาซื้อข้าวเหนียวแก้ว ซึ่งเป็นข้าวเหนียวสีเขียวอ่อน รสชาติหวานหอม ของฮิตของร้าน

หน้าร้าน "ขนมแม่อุดม"


แต่วันนี้เราเลือกซ์้อข้าวฟ่างกวน และ ข้าวเหนียวแดงกวนมาง่ำแทน... ความน่ารักของร้านอยู่ที่เค้าจะแบ่งขนมใส่ห่อที่เล็กมากๆ ราคาห่อละ 5 บาท กินแค่ 2-3 คำก็หมด คงเป็นเพราะเปิดใกล้โรงเรียน เค้าทำห่อเล็กไว้ เด็กๆจะได้มีตังพอซื้อ และไม่กินมากเกินไปจนกินข้าวเย็นไม่ลง ขอบอกว่าข้าวฟ่างอร่อย ส่วนข้าวเหนียวแดงกวนนั้นอร่อยมากก หอมจัด แต่ไม่หวานจัด มีความนุ่มและแข็งปะปนกัน เป็นส่วนผสมที่ลงตั๊ว ลงตัว กินหมดแล้วอยากเดินกลับไปซื้ออีกจริงๆ

นี่ไง ข้าวเหนียวแดงกวนแท่งเล็กๆ

เดินยังไม่ทันถึงอนุสาวรีย์ ขนมในมือก็หมดเสียแล้ว เราข้ามถนนไปถนนดินสอฝั่งที่ว่าการกรุงเทพฯ แวะพักขาที่ร้านมนต์ กินเต้าฮวยนมสดร่วมสาบาน กับน้ำกระเจี๊ยบพุทราจีน เดินผ่านร้านโจ๊กเจ๊หงส์แล้วอยากิ๊น อยากกิน แต่อยากเก็บท้องไปกินอะไรที่ไม่เคยกินมากกว่า จะซื้อกลับบ้านก็ไม่เวิร์ก(ขี้เกียจหิ้ว) ใครไม่เคยกินโจ๊กเจ๊หงส์ขอให้ลอง เพราะเป็นโจ๊กที่มีความหอมละมุนมาก หมูเอย ตับเอย ลวกได้พอดีพอดิบ เราขอยกให้เป็นโจ๊กอันดับหนึ่งในดวงใจ...ขนาดโจ๊กแลนด์มาร์กยังสู้ไม่ได้ก็แล้วกัน ร้านเจ๊หงส์อยู่ตรงซอกเล็กๆข้างๆร้านมนต์นั่นเอง

เสร็จแล้วก็เดินออกไปทางวัด แต่ยังไม่ทันได้ข้ามถนนไปไหน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน...

และหลังจากวินาทีนั้นเป็นต้นมา ความสงบสุขของเราสองคนก็หมดไป กลายเป็นความสนุกสนานฮาเฮแทน เพราะเพื่อนเราน้ำเสียงไม่ค่อยดี เราก็เลยชวนมากินข้าวเย็นด้วยกัน ส่วนเพื่อนเจ้าบูได้ยินแล้วนึกสนุก เลยขอตามมาด้วย (รายนั้นบอกว่าเป็นอะไรที่น่าสนุกมากเลย) ตอนนั้นจำได้ว่าฮามาก เพราะตั้งใจจะมากันแค่สองคนสงบๆ ไม่บอกใคร แต่กลายเป็นว่าทุกคนรู้หมดแล้ว แถมยังจะมากินข้าวเย็นด้วยกันอีกต่างหาก ซึ่งก็นับว่าดีไปอีกแบบ เพราะที่สุดแล้วสิ่งที่เราต้องการก็คือการได้พักผ่อน ทอดหุ่ย ปล่อยอารมณ์ เลิกคิดถึงเรื่องงานสักวัน การได้เพื่อนมาเฮฮากันแบบไม่คาดหมายแบบนี้ ก็ดีเหมือนกัน

รับโทรศัพท์กันแถวๆนี้แหละ

วัดยามโพล้เพล้

ด้วยความที่เพื่อนแต่ละคนยังอยู่ไกล เราสองคนเลยเดินเล่นไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมาย จำชื่อถนนอะไรก็ไม่ได้ รู้แต่ว่าสุดท้ายเลี้ยวขวาเข้าถนนตีทอง แวะถ่ายรูปหน้าบ้านที่มีประตูไม้สีน่ารัก ทะลุออกมาเจอวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ซึ่งเป็นวัดที่เคยได้ยินแต่ชื่อ ทั้งที่ความจริงเป็นวัดหลวงที่สวยงามตระการตามาก ตอนเราไปถึงก็หกโมงแล้ว แต่เจ้าหน้าที่เค้าก็ใจดีให้เข้า และบอกว่าไปออกประตูฝั่งถนนเลียบคลองได้

ทางเข้าวัดราชบพิธฯ ก็สวยแล้ว ข้างในโบสถ์สวยกว่านี้มาก

ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าถนนเลียบคลองคือเส้นไหน แต่เราก็เข้าไปไหว้พระ (จากด้านนอก) แล้วก็เดินวนรอบๆ ถึงได้รู้ว่าที่นี่คือสถานที่เก็บพระอัฐิของพระองค์ต่างๆ (โอเค...จะซ้ำเติมกันก็ได้ แต่เดี๊ยนไม่รู้เรื่องนี้จริงๆนี่นา) มิน่าวัดถึงได้สวยงาม จัดสวนสบายตา น่ามอง เราเดินกันประมาณ 20 นาทีก็เลี้ยวซ้ายออกถนนเลียบคลอง และพบว่า...นี่คือสวนสราญรมย์!!!! (ก็ตกใจจิงๆนี่นา ไม่ใช่คนแถวนี้อ้า)

เลี้ยวซ้ายไปนิด เราเจอร้าน Pathe สาขากระทรวงมหาดไทย ดมๆจ้องๆแล้ว ตัดสินใจว่าจะนัดเจอเพื่อนๆของเราทั้งสองฝ่ายมากินที่ร้านนี้แหละ ท่าทางดีเชียว เพราะเค้าดัดแปลงบ้านเก่ามาทำเป็นร้านอาหารสะอาดตา มีความเก่าแก่นิดๆ เหมาะกับธีมการพักผ่อนของเราวันนี้พอดิบพอดี ตัดสินใจได้ก็เดินเข้าไปในสวนสราญรมย์

ร้านปาเต๊ะ

จำได้ว่าตอนสมัยเรียนมหาลัย (เกษตรโน่นน่ะ) เรานั่งรถเมล์มาเต้นแอโรบิกที่นี่...ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 2 ชม.เล่นเอาเราเฉาไปเลยก็ว่าได้ เพราะตอนนั้นที่นี่เป็นที่แรกๆที่มีการเต้นแอโรบิกในสวน เราชอบบรรยากาศ ชอบลู่วิ่งที่บอกระยะทางว่าเราวิ่งไปแล้วกี่ร้อยเมตร ชอบต้นไม้ใหญ่ ชอบสนามหญ้าเขียวๆ ชอบความสงบของที่นี่มากๆ

วันนี้เราแค่เดินเล่น ถ่ายรูป เฝ้ามองผู้คนทำกิจกรรมที่ครั้งหนึ่งเราเคยทำ เห็นรอยยิ้ม เห็นทุกคนพูดคุยกันสนุกสนานมีความสุข เราก็รู้สึกดี การได้เปลี่ยนบรรยากาศมาทำอะไรที่ไม่คาดคิด ทำให้เรารู้สึกมีความสุข และกระชุ่มกระชวย ท่าทางอะดรีนาลีจะหลั่งแยะ หึหึ

สวนสราญรมย์ที่แสนจะร่มรื่น

ทุกคนมาถึงที่ร้านได้รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ใจ เพราะทั้งๆที่ไม่เคยมีใครเคยมาร้านนี้เลยสักคน เพื่อนเจ้าบูบอกว่า ร้านนี้มีความเป็นเราสูงมาก...ก็คิดว่าเป็นคำชมนะคะ หึ

เรานั่งง่ำอาหารกันที่ร้าน Pathe ตั้งแต่ทุ่มนึงถึงสี่ทุ่ม เดี๊ยนสูบน้ำผลไม้ไป 3 แก้ว พรรคพวกดื่มด่ำกับอาซาฮี 5 ขวดบึ้ม และอาหารที่ใช้นิ้วมือและเท้านับไม่ถ้วนจาน เยอะมากกกกก ไม่เคยพบเห็นการสั่งอาหารอะไรมากมายขนาดนี้มาก่อน ส่วนสำคัญเกิดจากเพื่อนของเจ้าบู ที่กินเก่งจนน่าริษยา เพราะกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนเลย สำหรับอาหารร้านนี้เราว่าอยู่ในระดับดี บรรยากาศสบายๆ ...แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ

จากที่ว่าจะนั่งอ่านหนังสือกันเงียบๆ เราหอบหิ้วไฮเนเก้นขึ้นไปคุยกันบนดาดฟ้าเงียบๆ (ใกล้กับแปลงผักสวนครัวนั่นแหละ) เพราะที่นี่มีนโยบายไม่ให้แขกรบกวนกันและกัน ลมโกรกเย็นสบายใจไทยแลนด์ เจ้าบูอารมณ์ดีและใจดีถึงขนาดบริการนวดฝ่าเท้าที่ผ่านสงครามการเดินยาวนานให้เราด้วย พวกเราคุยกันจนถึงตีหนึ่งก็แยกย้ายสลายโต๋ เพราะถึงแก่เวลาและความมึนเมากันแล้ว...

มุมมองจากดาดฟ้าตอนเที่ยงคืน

พอกลับมาที่ห้อง ทางเกสต์เฮ้าส์เตรียมกระติกน้ำร้อนและถ้วยชา พร้อมซองชาสมุนไพรเอาไว้ให้ที่ปลายเตียง เรารินน้ำร้อนลงถ้วย ผลัดกันจิบชาสมุนไพรผ่อนคลายก่อนเข้านอน ...บอกตัวเองว่า นี่เป็นอีกหนึ่งคืนที่เรานอนหลับสนิทและแฮปปี้ดีมากๆๆ

--------------------------------------------------------


เช้าแล้ว...ที่พระนครนอนเล่น 

เอ...หรือเค้าจะตั้งชื่อเอาไว้แบบนี้ เพราะตั้งใจให้คนเมือง(คนในพระนคร)มานอนเล่นจริงๆก็ไม่รู้ (เหมือนเราสองคนไง)

เราออกไปง่ำอาหารเช้าที่ทางเกสต์เฮ้าส์เตรียมไว้ให้ ซึ่งความน่ารักคือเค้าจะเตรียมอาหารเช้าแบบออแกนิกส์เท่านั้น ทุกคนก็จะกินอะไรเหมือนกันหมด และเมนูจะต่างกันออกไปในแต่ละวัน เช้าที่เราไปเมนูก็คือ

อาหารเช้าหะแหร่ม แจ่มแจ๋ว

1. Mashed potato with egg > เอามันบดผสมกับไข่ รสชาตินุ่มละมุนลิ้น 
2. Oyster mushroom > เอาเห็นนางรมมาราดซอสรสชาติกลมกล่อม กินแทนเบคอนและแฮม อาหารสุขภาพอีกจานที่น่าสนใจ
3. papaya
4. water melon/coffee > น้ำแตงโมอึ๋มมาก เมื่อวานเราสั่งแตงโมปั่น ซึ่งไม่เหมือนที่อื่นเลยสักนิด เพราะเค้าจะปั่นทั้งเม็ด (ไม่รู้ลืมหรือตั้งใจ) และไม่ใส่น้ำตาลเพิ่มเลย เพราะฉะนั้นถ้าแตงโมเกิดจืดขึ้นมา ก็ถือว่ารับเคราะห์กรรมกันไป

จบจากอาหารเช้าที่เกสต์เฮ้าส์ เรายังไม่ยอมแพ้แค่นี้ คอกาแฟอย่างเรา ขอเดินไปลิ้มชิมรสชาติกาแฟจากร้านเก่าแก่ "เฮี๊ยะไถ่กี่" ที่เปิดมา 50 ปีแล้วหน่อยเถอะ
เราเดินตามแผนที่กันไป ซึ่งก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเพราะเหมือนมันเดินเป็นวงกลม ไปยังมุมถนนที่เราขับรถผ่านเป็นประจำ ตรงนั้นจะมีตึกแถวที่ตรงมุมปลูกต้นไม้บดบังหน้าร้านเอาไว้เสียครึ้มเชียว ด้านตรงข้ามก็คือร้านเป็ดพูนสินชื่อดังนั่นเอง (นึกออกกันแล้วใช่ม้า)

เราสามารถสัมผัสกับบรรยากาศของสภากาแฟขนานแท้และดั้งเดิมทันทีที่เดนิเข้าไป บรรยากาศเอย เสียงพูดคุยเอย รวมถึงภาชนะและลักษณะอาหาร ได้บรรยากาศเก่าแก่โบราณน่าดู ราคาก็ไม่แพงมาก ไข่ลวกใบละ 8 บาท กาแฟสด 20 บาท ถ้าใครอยากกินแซนวิชก็แค่คู่ละ 8 บาทเท่านั้น

สภากาแฟ ของแท้และดั้งเดิม

set menu กาแฟและไข่ลวกอึ๋มๆ

ความน่ารักของร้านกาแฟนี้คือเค้าจะขายทุกอย่างที่ร้านใช้ เช่นขายใบชายี่ห้อที่ไม่มีขายในซูเปอร์มาร์เก็ต ขายน้ำยาล้างจานยี่ห้อเดียวกับที่ร้านใช้ เหมือนอาเจ๊แกไปช้อปที่ Makro มาแล้วบังเอิญไม่มีที่เก็บของ เลยวางขายมันซะเลย ใครอยากซื้อก็ซื้อไป อะไรแบบนั้น

อิ่มกาแฟ ไข่ลวกกันแล้ว เรากลับไปเดินเล่นใกล้ๆเกสต์เฮ้าส์ ตรงตลาดต้นไม้เทเวศน์ เดินไปเรื่อยๆ ผ่านบ้านเก่าแก่หลังโต ที่ครั้งหนึ่งเคยมาถ่าย Print Ad. เจ้าของไม่ยอมขายแต่กลับใช้เป็นที่เช่าจอดรถ น่าเสียดายพื้นที่จัง อีกอย่างบ้านก็สวย ปล่อยร้างไว้เสียอย่างนั้น จำได้ว่าตอนมาถ่าย พวกเรายังต้องช่วยกันกวาดฝุ่นคลั่กในนั้นกันจ้าละหวั่น ห้องน้ำหรือก็ต้องใช้ร่วมกับคนเฝ้าบ้าน ซึ่งอยู่ด้านหลังอีกที...เสร็จจากครั้งนั้นเดี๊ยนแทบจะเป็นโรคหอบหืดตาย แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่แปลกแตกต่างไปจากเดิมดีอยู่เหมือนกัน

เราเดินไปจนสุด ถึงบริเวณที่มีแม่ค้ามากมายขายปลาให้คนเอาไปปล่อย จริงๆแล้วเราอยากปล่อยปลา แต่ไม่อยากปล่อยแบบนี้ เพราะเห็นปลาสวายตัวใหญ่มาชุมนุมกันแยะมาก เห็นแล้วรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก คิดว่าถ้าเผลอหล่นตุ้บลงไป ชีวาอาจม้วยมลายไปเลยก็ได้ เลยได้แต่นั่งทอดหุ่ยเหม่อลอยอยู่ริมน้ำสักพัก ค่อยเดินย้อนกลับ

ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าเทเวศน์

ขากลับเราเดินทะลุเข้าไปทางตลาดเทเวศน์ ตลาดแบบเก่าแก่ที่บนพื้นมีน้ำเฉอะแฉะเนืองนอง กลิ่นของดองเช่นหน่อไม้ ผักดอง ผสมผสานกับกลิ่นหมักหมมของผัก เนื้อ และอื่นๆที่สะสมรวมกันมานานหลายสิบปีลอยเข้าจมูก เราเดินกันไปจนถึงด้านนอก ข้ามถนน ว่าจะแวะไปซื้อข้าวเหนียวมะม่วงลูกสาว ก.พานิชย์ กินเสียหน่อย ไอ้เราก็ชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว

ร้านติดๆกันคือราดหน้า สงวนยอดผัก จริงๆแล้วไม่รู้หรอกว่าอร่อยหรือเปล่า แต่ดูท่าทางร้านเก่าแก่ได้ใจ เลยลองสั่งมากินแบบร่วมสาบานดู (กินด้วยกัน) สั่งพิเศษแล้วราคาก็แค่ 35 บาทเท่านั้น รสชาติอร่อยดี มีกลิ่นไหม้น้อยๆติดอยู่ที่เส้นใหญ่ด้วย...นี่สิของเริด

ปาท่องโก๋เสวยก็น่าสนใจ แต่พอไปถึงปาท่องโก๋ดันหมด เราเลยสั่งข้าวหมูแดงมาลองพิสูจน์กัน...รสชาติก็นับว่าใช้ได้ ไม่ถึงกับอู้อ้า หวือหวาอะไร

ขณะที่ไฮไลท์ที่เรารอมานาน ซึ่งก็คือข้าวเหนียวมะม่วง ลูกสาว ก.พานิชย์นั้น...ผิดหวังมากคับพี่น้อง มะม่วงไม่สุกดีพอ ข้าวเหนียวไม่ล้ำ เดี๊ยนขอกลับลำมากินที่ปากซอย 38 เหมือนเดิมดีก่าค่ะ เริดกว่าแยะ

เราปิดทริปกลับบ้านกันด้วยอาการหนังท้องตึง หนังตาหย่อน แต่ใจกระปรี้กระเปร่าแจ่มใสกว่าตอนขาไปอีกหลายเท่า ดูรูปที่ถ่ายไปก็ยิ้มไป


ขอบอกว่าตอนเริ่มทริป เราเกิดอาการหดหู่ ท้อแท้ชีวิตเล็กน้อย แต่การได้มาที่นี่เหมือนตอกย้ำให้รู้ว่า การที่เราได้อยู่กับคนที่ใช่จริงๆนั้น ทำให้เรารู้สึกดีมากมาย ไม่ต้องคอยระแวง ไม่ต้องคอยระวังว่าคำพูดที่ใจไม่ได้คิดว่ามันส่อเจตนาเป็นแง่ลบจะไปทำร้ายใครเข้าหรือเปล่า เพราะเขาคนนั้นรู้อยู่แล้วว่าความหมายที่แท้จริงของคำพูดเราคืออะไร เข้าใจเจตนาของเราโดยไม่ต้องอธิบายซ้ำ สุดท้ายสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือความสุข ความสงบ และรอยยิ้ม ซึ่งนี่เป็นครั้งที่เราเขียนไดอารี่แล้วมีคำว่าความสุข รอยยิ้มอยู่ในสมุดมากที่สุด

...ขอให้ทริปดีๆ มีความสุขและรอยยิ้มมากมายแบบนี้ เกิดขึ้นกับเราและทุกๆคนนะจ๊ะ...

reference:
พระนครนอนเล่น : //www.phranakorn-nornlen.com

แม่ปั้นดิน พ่อทำสวน : //www.maepundin.com > เกสต์เฮ้าส์น่ารัก ร่มรื่น เจ้าของนิสัยดี๊ดี ที่แม่ริม จ.เชียงใหม่ มีสอนปั้นดินให้แขกด้วยนะจ๊ะ ราคาที่พักพร้อมอาหารเช้า 500 บาท แต่ถ้าอยากทำกิจกรรมร่วมกับทางบ้านก็ 1,000 บาท/คน/คืน

OOM magazine

สำหรับใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศมาพักนอกบ้านในกรุงเทพฯ นอกจากเกสต์เฮ้าส์พระนครนอนเล่นแล้ว ยังมีที่เราคิดว่าน่าสนใจอยู่อีกสองแห่งคือ

1. Reflections ซ.อารีย์ เค้าทำใหม่ แต่ยังคงคอนเซ็ปต์มีห้องหลากหลายสไตล์ให้เลือกเข้าพัก ราคาตั้งแต่ 1,800 บาท
//www.reflections-thai.com

2. Arun residents อยู่ริมน้ำ ตรงข้ามกับวัดรอุณ ตกแต่งแบบบ้านไทยสมัยเก่าน่านอนมากเชียว แต่ราคาค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกัน เพราะดูเค้าจะเน้นให้ฝรั่งมาพักมากกว่า
//www.arunresidence.com

ใครจะรู้...ไปแล้วกลับมา รอยยิ้มของคุณอาจจะกว้างขึ้นกว่าเก่าอีกหลายๆเท่าก็ได้







Create Date : 29 กรกฎาคม 2551
Last Update : 3 กันยายน 2556 16:57:20 น. 10 comments
Counter : 11525 Pageviews.

 
^0^ น่าไปจังค่ะ ... เขียนเรื่องก้อสนุก ... มาขอเป็นแฟนคลับ... ไว้รีวิวบ่อยๆนะคะ


โดย: ขนมจั้ง วันที่: 31 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:41:41 น.  

 
สวยคลาสสิคดีจัง ผมว่าบางมุมของเมืองไทย
ก็ดูดีมากๆเหมือนกันเลยครับเนี่ยะ


โดย: แคปซูลสีฟ้า วันที่: 31 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:07:10 น.  

 
พระนครนอนเล่น เคยเห็นออกทีวีหลายครั้งแล้วอ่ะ เห็นที่นี่ยิ่งสวยนะ style ย้อนยุคนิดนิด ถูกใจ ไว้หาโอกาสไปเที่ยวมั่งดีฝ่า


โดย: Kitty_sweet วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:13:35:38 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:6:54:21 น.  

 
บรรยากาศน่ารักจังค่ะ
จัดได้น่ารักดีเนาะ ไว้ต้องหาโอกาสไปมั่ง


โดย: มันจะดีเหรอคะ วันที่: 19 ธันวาคม 2551 เวลา:23:33:10 น.  

 
"พระนครนอนเล่น"น่าไปนอนเล่นให้สมชื่อนะคะ จัดสถานที่ได้น่ารัก และบรรยากาศดูดีมากเลยค่ะ


โดย: สายลมลอย IP: 125.25.78.120 วันที่: 30 มิถุนายน 2552 เวลา:16:59:39 น.  

 
อ่านแล้วมีความสุขจังเลยค่ะ
เรากำลังหาข้อมูล เพื่อที่จะไปพักที่นี่
แล้วก็มาเจอ Blog นี้ยิ่งทำให้รู้สึกว่า
เราต้องรีบไปแล้วล่ะ ^^ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ
และความรู้สึกดีๆที่เอามาแบ่งปันกันนะคะ


โดย: OokAeh IP: 61.90.143.146 วันที่: 10 มิถุนายน 2553 เวลา:13:29:38 น.  

 
ดีใจที่เขียนแล้วมีคนชอบไปกับมันด้วยนะคะ


โดย: adaytrip วันที่: 19 กรกฎาคม 2553 เวลา:13:28:38 น.  

 
ขอบคุณครับ กับข้อมุลดีดีกับ ความรุ้สึกดีดี


โดย: นิค IP: 115.67.164.4 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:3:31:13 น.  

 
ดีใจที่ได้เข้ามาอ่านครับ ได้รับรู้ความรู้สึกดีๆ ได้ซึมซับบรรยากาศเก่าๆ...อื้มมมม มีความสุข
ขอบคุณนะครับที่ถ่ายทอดเรื่องราวได้สนุกละก้อน่ารักจัง ^ ^


โดย: บังเอิญผ่านมา IP: 171.7.72.170 วันที่: 9 เมษายน 2556 เวลา:16:08:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

adaytrip
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




อาโหลๆ สวัสดีจ้ะ!
อยากให้สิ่งที่เขียนในบล็อกนี้มีประโยชน์และเป็นแนวทางในการท่องเที่ยวของเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่านไม่มากก็น้อย แวะมาแล้วก็อย่าลืมทิ้งคอมเมนต์ไว้ให้อ่านกันน้า : )
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
29 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add adaytrip's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.