คบกันมานานแล้ว ก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่า
เรายังรักกันอยู่ไหม
ครั้นจะถาม ไปตรงๆ ก็ไม่กล้า กลัวเขาจะหาว่า
เราไม่มั่นใจในตัวเขาเสียอีก
แล้วจะ ทำยังไง ถึงจะรู้ได้ว่าความรักระหว่างเรา
แปรเปลี่ยนเป็นอื่นไปหรือ ยัง
หันมาลองสังเกตพฤติกรรมเล็กน้อยๆ เหล่านี้
ที่คุณและ เขาทำร่วมกัน
ดูซิว่ามันต่างไปจากเดิมหรือไม่ และมีสัญญาณใดที่จะ
เป็น ตัวบ่งชี้หรือเป็นลางบอกเหตุให้คุณรับรู้ได้ว่าความ
รักหวานชื่นที่ เคยมีให้กันกำลังจืดชืด และจืดจางไม่
หวานเหมือนเก่า
สำรวจ ตรวจตราอาการที่เขาคนนั้นปฏิบัติต่อคุณใน
ขณะนี้แล้วกันว่า เขาเข้าข่ายคนรักที่กำลังเบื่อหน่าย
แฟนตัวเองอยู่รึเปล่า
1. การไปทานอาหาร
เริ่มต้นจากว่า เดิมทีคุณไปทานอาหารด้วยกันก็เพราะ
อยาก เจอหน้าค่าตาแฟนจะได้เจริญอาหาร เรียกว่ากิน
ไป สบตากันไปอย่างนี้เรียกว่าได้ สองทาง ทั้งอิ่มท้อง และอิ่มอกอิ่มใจแต่ หากวันใดที่การไปทานข้าวด้วยกัน เกิดขึ้นจากความรู้สึกที่ว่าทำไป ตามหน้าที่หรือเป็นสิ่ง
ที่ต้องทำเป็นประจำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นแหละคือ
จุดกำเนิดของการปฏิบัติต่อกันแบบขอไปที
2. ไม่สนใจใคร่รู้เรื่องราวส่วนตัวของอีกฝ่าย
เมื่อใดที่คุณเริ่มไม่ รู้สึกว่าอยากจะรู้หรือใส่ใจเรื่องราว
ความเป็นไปที่เป็นส่วนตัวของ อีกฝ่ายหนึ่งเลย
ไม่ว่าจะเป็นชีวิตความเคลื่อนไหวในเรื่องต่างๆ ทั้ง
ด้านการทำงาน ครอบครัว ญาติพี่น้องไม่มีการถามไถ่
ถึง สารทุกข์สุขดิบกันเลยทั้งๆ ที่เป็นคู่รัก เป็นแฟนกัน
3. ตั้งเงื่อนไขวางข้อแม้สารพัด
พวกที่ชอบตั้งกฎกติกา เวลาจะทำอะไรให้กันทั้งทีก็
ต้องมีข้อแม้ต่างๆ นานาสารพัดเพื่อมาแลกเปลี่ยนกัน
ไม่ให้เสียผลประโยชน์ หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิดการ
เสียเปรียบกัน อย่างนี้ถือว่าจุกจิกเกินไปเพราะประสา
คนรักกันเขาไม่หยุมหยิมคิดมาก กันละเอียดยิบชนิดที่
ฉันให้เธอเท่านั้น เธอก็ต้องให้ฉันกลับมาเท่ากับที่ฉันให้ไป
4. ละเลยวันพิเศษ หรือเทศกาลวันสำคัญ
แม้จะไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด แต่เรื่องแบบนี้คงต้องมีบ้าง
ยิ่งวันพิเศษเล็กๆ น้อยๆหรือช่วงเทศกาลสำคัญทั้งทีก็
ควรจะมีหวานให้กันสักหน่อยไม่ใช่ มาออกตัวว่าลืม
หรือจำไม่ได้ เอาเป็นว่าไม่จำเป็นถึงกับต้องหาของ
ขวัญ ล้ำค่าให้ก็แต่ขอแค่ไม่ลืมกัน และจำวันเกิด
หรือเอ่ยปากพูดคำหวานให้ เขารู้ว่าไม่ลืมวัน สำคัญ
ของหวานใจ แค่นี้ก็ปลื้มแล้ว
5. ไม่ค่อยโทรศัพท์ถึงกันเหมือนเก่า
ทำไมมือไม้มันอ่อนไปหมดก็ไม่รู้ จะหยิบโทรศัพท์มา
กดหาหวานใจทั้งทีก็จำเบอร์ไม่ค่อยได้
ไม่ มีอารมณ์อยากที่จะโทรหา เมื่อใดที่อาการโทร
ศัพท์ลิซึ่มจืดจาง ปริมาณความถี่ที่กริ๊งกร๊างหากันลดน้อยลงจนน่าใจหายหรือแค่โทรมาอย่างเสีย ไม่ได้
เพราะกลัวจะถูกต่อว่าที่ไม่ยอมโทรถึงกัน อาการเช่นนี้
ถือ ว่าส่อแววเซ็งแล้วแหละ
6. เฉยชา หากปฏิกริยาอาการเมินเฉย เฉยชา ไม่
กระตือรือล้นใส่ใจกันเหมือนเก่า
ประเภทที่แต่ก่อนตอน ทะเลาะกันก็จะเถียงกันคอเป็น
เอ็นเพื่อเอาชนะกันให้ได้ แต่ตอนนี้เริ่มเงียบเฉยชา
และปล่อยให้อีกฝ่ายกลายเป็นบ้าเป็นหลัง อยู่เพียงคน
เดียว นั่นแหละใช่เลยที่เขาเริ่มถอดใจไปกับความรัก
7. นัดเดทน้อยครั้ง นานๆ เจอกันที
คนรักกันชอบกันก็มีแต่ต้องอยากเจอ หน้า วันหยุดเมื่อ
ไหร่ก็ต้องนัดออกมาเจอกัน หรือไปเที่ยว ดูหนัง ฟัง
เพลงกันทั้งนั้นแต่ถ้าเกิดถึงวันหยุดแล้วเขากลับมีความ
รู้สึก ว่าอยากอยู่กับบ้านมากกว่าที่จะออกไปเจอหน้า
หวานใจบ่นพิรี้พิไรว่า ขี้เกียจออกจากบ้านเพราะรถติด
อ้างเหตุสารพัดเพื่อตัดบทที่จะไม่ ต้องออกไปพบเจอ
กันสัญญาณรักอันตรายกำลังเข้าใกล้คุณแล้วจริงๆ
อาการ เหล่านี้ อาจเริ่มเกิดเป็นพักๆ เท่านั้น ถ้าคุณเริ่ม
มีอาการที่ว่า มาบ้างแล้วแม้แต่ข้อเดียวขอให้รีบเปลี่ยน
แปลงมันซะ ถ้าคุณยังอยากที่จะรักษาสัมพันธ์รักครั้งนี้
ของคุณอยู่
แต่ ถ้าคุณเริ่มเบื่อของเก่า อยากลองรสชาติใหม่ๆ ดู
บ้างก็คงต้องเปิดอก พูดคุยกันให้รู้ถึงความรู้สึกว่ายัง
อยากจะคบหาดูใจกันต่อไปอีกหรือ ไม่ หรือ ต่างฝ่าย
ต่างอยากเปิดโอกาสให้ได้มีโอกาสพบเจอคนใหม่ๆ ดู
บ้าง เอาเป็นว่า ถ้ารักจืดก็อย่าลังเลที่จะพูดออกไป
เพราะถ้าปล่อยปัญหา รักร้าวไปมากกว่านี้คุณเองอาจ
จะเป็นฝ่ายที่รู้สึกผิดที่ยังรั้งตัว เขาไว้ ทั้งๆ ที่ความรัก
มันไม่เหมือนเก่าอีกต่อไปแล้ว
|