Group Blog
 
All Blogs
 
เมื่อก่อน..และ..เดี๋ยวนี้ - น้อมเศียรเกล้า

ว่ากันว่า..บุคคลผู้ยังอยู่ในวัยเยาว์ มักจะมองชีวิตไปเบื้องหน้า เป็นต้นว่า อาจจะจินตนาการถึงสิ่งที่ตนเองอยากจะมี และอยากจะเป็นในอนาคต ชีวิตของบุคคลในวัยเยาว์จึงเต็มไปด้วยความใฝ่ฝัน,แรงปรารถนาและกำลังใจอย่างล้นเหลือ

ต่างจากบุคคลที่ผ่านร้อนผ่านหนาว และชีวิตกำลังก้าวย่างลงจากจุดสูดสุด นั่นก็คือ"วัยชรา" กลับจะมองชีวิตในทิศทางที่ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง คือมองย้อนไปยังวันวานและมีห้วงคำนึงถึงอดีตอันหวานหอม

ไม่น่าแปลกใจหากคุณโตเป็นผู้ใหญ่และอยู่กับครอบครัว เช่นคุณพ่อและคุณแม่ที่ชราแล้ว ก็มักจะได้ยินท่านพูดถึงแต่ความหลังเสมอ เป็นต้นว่า พูดถึงคุณเมื่อยังอยู่ในวัยเด็กบ้าง พูดถึงตัวท่านเองเมื่อครั้งยังสนุกสนานอยู่ในวัยหนุ่มสาวบ้าง

หลายท่านอาจลืมไปว่าท่านทั้งสองชรามากแล้ว จนกระทั่งรู้สึกตัวว่า ท่านเริ่มพูดถึงความหลังบ่อยครั้งมากขึ้นนั่นแหละ จึงอาจจะรู้สึกสะท้อนใจและเริ่มใจหาย

...เพื่อนของฉันคนหนี่งซึ่งเป็นคนสวยมาก เธอมีความมั่นใจสูง แล้วก็มักจะแต่งตัวตามสมัยนิยมจนเป็นที่สะดุดตากับคนอื่นๆ วันหนึ่งเธอถือเอาถาดอาหารเข้ามาวางบนโต๊ะที่ฉันและเพื่อนคนอื่นกำลังนั่งอยู่ บ่นกระฟัดกระเฟียด ว่ามีผู้หญิงสูงวัยคนหนึ่งชำเลืองมองเธออย่างไม่เป็นมิตร แล้วก็ทำปากเบะว่า “ช่วยไม่ได้ ก็คนมันสวย (พูดถึงตัวเอง) อยากแก่เองทำไม”

รุ่นพี่ที่นั่งอยู่ด้วยกัน จึงสอนกลับเธอไปว่า “อีฟ วันหนึ่ง อีฟก็ต้องแก่ และสวยน้อยลงกว่าเดิมอย่างนั้นแหละ” เพื่อนของฉันจึงได้เลิกบ่นไป

ความมัวเมาในวัยหนุ่มสาว และมัวเมาในความงาม ปรากฏมีอยู่มากในบุคคลทั่วไป หากใช้ชีวิตอย่างประมาท ไม่เร่งประกอบคุณงามความดี ให้ควรค่าแก่การได้เกิดเป็นมนุษย์ ซึ่งมีเวลาอยู่บนโลกอันจำกัด ถึงมีชีวิตอยู่ก็ถือว่าตายไปแล้ว

พระคาถาจากพระเถรีผู้ทรงคุณอันประเสริฐซึ่งจะนำมาเสนอต่อไปนี้ จะเป็นเครื่องเตือนใจให้เราท่านทั้งหลายดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาทในกาลทุกเมื่อ




จาก : อัพปาลีเถรีคาถา ๒๖/๔๘๐

เมื่อก่อน......ผมของเรามีสีดำคล้ายกับสีปีกแมลงภู่มีปลายงอน
เดี๋ยวนี้.....กลายเป็นเช่นเชือกปอเพราะความแก่ชรา

เมื่อก่อน.....มวยผมของเรามีกลิ่นหอม ดุจอบด้วยดอกมะลิเป็นต้นเต็มไปด้วยดอกไม้
เดี๋ยวนี้.....มีกลิ่นเหม็นเหมือนขนกระต่าย เพราะความแก่ชรา

เมื่อก่อน.....ผมของเรามีปลายอันงดงาม วิจิตรด้วยหวีและเครื่องปักผม เหมือนป่าไม้อันปลูกเป็นแถวงามสะพรั่ง
เดี๋ยวนี้....กลายเป็นผมโกร๋นในที่นั้นๆ

เมื่อก่อน.....ผมของเราประดับด้วยทองคำอันละเอียด มีกลิ่นหอม
เดี๋ยวนี้.....ล้านตลอดหัวเพราะความแก่ชรา




เมื่อก่อน...คิ้วของเรางดงามคล้ายรอยอันนายช่างเขียนดีแล้ว
เดี๋ยวนี้..กลายเป็นคิ้วคดเคี้ยวเหมือนเถาวัลย์เพราะความแก่ชรา

เมื่อก่อน...นัยน์ตาของเราดำขลับเหมือนนิลมณี รุ่งเรืองงาม
เดี๋ยวนี้..ถูกความชราครอบงำไม่น่าดูเลย

เมื่อก่อน...จมูกของเราโด่งงามเหมือนเกลียวหรดาล
เดี่ยวนี้..กลับห่อเหี่ยวไปเหมือนจมหายเข้าไปในศีรษะ

เมื่อก่อน..หูของเรางดงาม เหมือนตุ้มหูที่ทำเสร็จเรียบร้อยดี
เดี๋ยวนี้...หย่อนยานเหมือนเอาเถาวัลย์ห้อยไว้ เพราะความชรา



เมื่อก่อน...ฟันของเราขาวงามดี เหมือนสีดอกมะลิตูม
เดี๋ยวนี้...กลายเป็นฟันหักและมีสีเหลืองเพราะความแก่ชรา

เมื่อก่อน..เราพูดเสียงไพเราะ เหมือนเสียงนกดุเหว่าที่ร่ำร้องในป่าใหญ่
เดี๋ยวนี้..คำพูดของเราพลาดไปทุกคำ เพราะความแก่ชรา

เมื่อก่อน..คอของเรากลมเกลี้ยงเหมือนสังข์ที่ขัดดีแล้ว
เดี๋ยวนี้...เหี่ยวย่นเพราะความชรา

เมื่อก่อน แขนทั้งสองของเรางดงาม เปรียบดังกลอนเหล็กอันกลมนั้น
เดี๋ยวนี้...ลีบคดดุจฝักแคฝอย เพราะความแก่ชรา




เมื่อก่อน...มือทั้งสองของเราประดับด้วยแหวนทองคำงดงาม
เดี๋ยวนี้...เหมือนเหง้ามันเพราะความแก่ชรา

เมื่อก่อน..ถันทั้งคู่ (หน้าอก)ของเราเต่งตั่งกลมชิดสนิทกันและมีปลายงอนขึ้นงดงาม
เดี๋ยวนี้...กลับหย่อนเหมือนลูกน้ำเต้า เพราะความแก่ชรา

เมื่อก่อน...กายของเราเกลี้ยงเกลางดงาม เหมือนแผ่นทองที่ขัดดีแล้ว
เดี๋ยวนี้..สะพรั่งไปด้วยเส้นเอ็นอันละเอียด เพราะความแก่ชรา



เมื่อก่อน...ขาอ่อนทั้งสองของเรางดงามเปรียบเหมือนงวงช้าง
เดี๋ยวนี้...เป็นปุ่มเป็นปมเหมือนข้อไม้ไผ่ เพราะความแก่ชรา

เมื่อก่อน..แข้งทั้งสองของเราประดับด้วยกำไลทองอันเกลี้ยงเกลางดงาม
เดี๋ยวนี้..กลับเหี่ยวแห้งเหมือนต้นงา เพราะความแก่ชรา

เมื่อก่อน..เท้าทั้งสองข้างของเรางดงามเหมือนปุยนุ่น
เดี่ยวนี้..กลับแตกเป็นริ้วรอยงองุ้มดังเถาวัลย์ เพราะความแก่
ชรา



ดังข้างต้นมีที่มาจากอัพปาลีเถรีคาถา ซึ่งภิกษุณีอัมพปลีรึพึงถึงอดีตเมื่อท่านยังเป็นสาวมีรูปร่างสวยงามมากจนเป็นที่กล่าวขวัญ

ภายหลังเมื่อท่านฟังธรรมจากพระพุทธองค์ได้เกิดความเบื่อหน่ายในอาชีพและสังขารของร่างกายจนได้ออกบวชและบรรลุธรรมขั้นสูงสุด

คนเราทุกคนหากไม่หลับตาอำลาโลกไปก่อนวัยอันควร ก็ต้องพบกับจุดที่ร่างกายมาถึงยังความเสื่อมเช่นนี้ ไม่มีผู้ใดล้วงพ้นไปได้

บุคคลผุ้มีปัญญาพึงยกตนให้พ้นจากความมัวเมาทั้งหลาย เพราะความมัวเมาทำให้ประมาทพลาดจากความดี

พึงระวังตนไม่ให้ประมาทในอารมณ์และพึงไม่ประมาทในธรรมทั้งปวง ดังพุทธพจน์สุดท้ายที่มีว่า

“ ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราเตือนท่าน สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด"



บทความธรรมะและถ่ายภาพโดย : น้อมเศียรเกล้า


Create Date : 27 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 19 สิงหาคม 2554 23:13:26 น. 2 comments
Counter : 1459 Pageviews.

 
สาธุ...

สาธุ...

สาธุ...


โดย: กรรกรรัตนะ IP: 118.173.195.84 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2553 เวลา:13:59:48 น.  

 
เราไม่ควรนึกถึงอดีตด้วยความอาลัย เพราะมันผ่านพ้นไปแล้ว ไม่หวนกลับมาอีก

เราไม่ควรนึกถึงอนาคตด้วยความวิตกกังวล เพราะมันยังมาไม่ถึง

เราควรทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เท่าที่เราจะทำได้ครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 2 ธันวาคม 2553 เวลา:6:46:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

น้อมเศียรเกล้า
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Friends' blogs
[Add น้อมเศียรเกล้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.