Group Blog
 
All Blogs
 
เมื่อไร"แร้ง"จะกลับใจ ??? - น้อมเศียรเกล้า

มีสัตว์ปีกอยู่ ๒ จำพวก ที่ถูกเอามากระทบเปรียบเปรยว่า “แย่” ในโลกนี้ นั่นก็คือ นกแร้ง กับ นกกา

ความจริงแล้วถึงแม้ว่า บ้านเราจะหาดูนกแร้งได้ยากอยู่ก็ตาม แต่หลายๆคนพอได้ยินคำว่า “แร้ง” ก็จะนึกได้ทันที ว่าเป็นนกขนาดใหญ่ มีจงอยปากเหมือนกับนกเหยี่ยว ลำคอไม่มีขน หางสั้น หัวเล็ก น่าจะมีสายตาที่ดีพอตัวอยู่ แต่ก็ดูเจ้าเล่ห์นัก ไม่สง่างามเหมือนกับเหยี่ยว

ในหนังสือการ์ตูนที่ฉันได้อ่านสมัยเมื่อตอนเป็นเด็ก แร้งจะถูกวางบทบาทให้เป็นตัวร้ายอยู่เสมอ ภาพที่ติดอยู่ในความทรงจำอีกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับแร้งก็คือ พวกมันมักจะคอยบินตาม คนหรือสัตว์ที่หลงอยู่ในทะเลทราย ที่มีท่าทีว่าจะไม่รอดอยู่เป็นประจำ นอกจากนี้แร้งยังชอบอาหารสกปรก ซากศพหรือของเน่าเสียอะไรเทือกนั้น

ส่วนนกกาในบ้านเราหาดูไม่ยาก เพราะที่ไหนๆก็มีกา นกกาเป็นนกมีสีดำสนิท อยู่ทีไหน ไม่ว่าจะเกาะอยู่บนต้นไม้ หรือกำลังบิน ก็จะส่งเสียงร้องยาว ว่า กา…. กา การกระทบกระเทียบเปรียบเปรยเกี่ยวกับกาในบ้านเราก็ไม่ค่อยจะสู่ดีนัก เป็นต้นว่า "ใจดำเหมือนอีกา", "สาวไส้ให้กากิน" เป็นต้น



ผลงานทางวรรณกรรมทางธรรมะของพระคุณเจ้า พระพรหมโมลี (วิลาศ ญาณวโร ป.ธ.๙) ในหนังสือ “วิมุติรัตนมาลี” ท่านกล่าวถึง ชีวิตของสัตว์ที่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร ว่า... ล้วนแต่เป็นชีวิตที่ตกอยู่ในกองทุกข์ เพราะไม่ว่าจะเกิดในภพภูมิ ที่เป็นสุขคติ หรือ ทุคติ ก็ย่อมต้องประสบกับทุกข์อยุ่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น ชาติทุกข์ ชราทุกข์ มรณทุกข์ หรือ ปกิณณกทุกข์ (ทุกข์ที่จรมา) เป็นต้น



ท่านกล่าวว่าแม้สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็ยังไม่สนับสนุนการเวียนว่ายต่ายเกิดในภูมิต่างๆเลยแม้แต่น้อย

บางครั้งสมเด็จฯท่านถึงกับต้องอุปมาภพ หรือ ภูมิต่างๆว่าเป็นของโสโครก น่ารังเกียจเลยก็มี เช่น เปรียบเทียบกับคูถ (อุจจาระ) เป็นต้นย่อมเป็นสิ่งน่ารังเกียจ แม้มีปริมาณเล็กน้อย ก็ส่งกลิ่นเหม็นอันร้ายกาจ



จริงอยู่ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ได้ทรงตรัสสอน ในอนุบุพพิกกถา เรื่อง สวรรค์ และการเข้าถึงความเป็นเทวดา ว่าเป็นเรื่องดี แต่บุคคลใดก็ตามเมื่อบารมีแก้กล้าพร้อมที่จะรับธรรมะขั้นสูงและละเอียดอ่อนมากขึ้นแล้ว พระองค์ก็จะตรัสสอน พรรณาคุณค่าแห่งพระนิพพานเป็นลำดับ

กระนั้นแม้นพระสัพพัญญูเจ้าจะได้ทรงประกาศคุณความดีของพระนิพพานอยู่เสมอ

บรรรดาที่ตั้งใจพยายามปฏิบัติเพื่อการเข้าถึงพระนิพพานนั้น กลับหาได้ยากมาก

ส่วนใหญ่มีการประพฤติปฏิบัติเพื่อการเวียนวนอยู่ในภพชาติ โดยที่ตนเองก็มีความพอใจเช่นนั้น ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนแต่อย่างใด เช่นยังมีความต้องการสุขในโลกต่างๆ เป็นต้นว่า ความสุขในทรัพย์สินศฤงคาร ความสุขในเทวสมบัติ ฯลฯ

ยกเว้นมีบ้างเหมือนกัน ที่เสียสละยอมเวียนว่ายตายเกิด เพื่อปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเพื่อโปรดสัตว์ ได้แก่พระโพธิสัตว์วงศ์ เป็นต้น



ในวรรณกรรม วิมุตติรัตนมาลี ท่านอุปมาความพอใจในภพภูมิต่างๆไว้ว่า หากมีเทวดาตนหนึ่งมีความกรุณาเหาะมาป่าวประกาศ ในท่ามกลางแร้งสันนิบาติว่า “ดูรา เหล่าแร้งผู้น่าสงสารทั้งหลายเอ๋ย ที่ฝั่งโน้น มีอาหารอันประณีตโอชารส ปรากฏมีกลิ่นหอมต่างๆ ขอให้พวกท่านทั้งหลายจงพากันพยายามไปเลือกกิน ให้เป็นที่อิ่มหนำสำราญเถิด”

พวกเหล่าแร้งทั้งหลาย คงจะมองหน้ากันเลิ่กลั่ก นึกชมและขอบคุณเทวดาอยู่ในใจว่า เออท่านผู้นี้มีสุ้มเสียงไพเราะ รูปร่างงดงามดี ทั้งมีจิตใจดี อุตส่าห์มาบอกพวกเรา แต่ก็คงเพียงเท่านี้! เพราะธรรมดาแร้งหาได้สนใจอาหารอันประณีต สด สะอาด มีกลิ่นหอม แต่อย่างใดไม่



ตรงกันข้าม ! หากมีแมลงหวี่ แมลงวันพากันมาประกาศในสันนิบาตแห่งแร้งว่า ที่ป่าช้าแห่งโน้น มีสุนัขใหญ่ตายส่งกลิ่นเหม็นเน่าอยู่หลายตัว ข่าวนี้คงจะทำให้เหล่าแร้งเกิดปิติใจเสียยิ่งกว่า

“เมื่อไรแร้งจะกลับใจ” จึงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นว่า ปุถุชนทั้งหลาย ที่ยังยินดีอยู่ในชาติภพ หรือ ติดอยู่ในสมบัติแห่งวัฏภูมินี้ จะกลับใจกลายเป็นผู้ยินดีในวิมุตติรส กล่าวคือ พระนิพพาน ได้หรือไม่ และถ้าได้ จะต้องทำอย่างไร ? เป็นเรื่องที่ชวนขบคิดและน่าศึกษา



เรื่องต่อมาเป็นเรื่องของ นกกา ภาษาชาวบ้านเรียกนกกา ว่า “อีกา” เหตุที่คนทั้งหลายไม่ชอบกาเพราะ กามีความไม่ดี ๑๐ ประการได้แก่

๑ กำจัดความดีผู้อื่น
๒ คะนอง ไม่สำรวม
๓ ทะยานอยาก
๔ กินมาก
๕ หยาบช้า
๖ ไม่มีกรุณา
๗ มีเรี่ยวแรงไม่มาก
๘ ร้อง ส่งเสียงเอ็ดอึง
๑๐ ทำการสะสม


(อังคุตตร ทสกนิบาต)



สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงยกเรื่องกาขึ้นมาเทศน์ เปรียบเทียบภิกษุลามก หรือ คฤหัสถ์ลามก ว่ามีลักษณะ ๑๐ ประกาเรเช่นเดียวกันกับกาเสมอ คือ

กำจัดความดีของผู้อื่น- คือ พยายามลบล้างความดีของผู้อื่น เห็นใครดีกว่าตนเป็นทนไม่ได้ พยายามพูดเพื่อลดคุณงามความดีของผู้อื่นให้น้อยลงไป

คะนอง -ไม่สำรวม กาย วาจา เหมือนอีกา มีกิริยาไม่น่าเอ็นดู อยากทำอย่างไรก็ทำตามใจชอบ

ทะยานอยาก- ทำอะไรก็นึกแต่ผลตอบแทน ไม่คำนึงถึงศีลธรรมและระเบียบวินัย

กินจุ- ไม่มุ่งคิดที่จะทำประโยชน์ มุ่งแต่ที่จะกินแล้วก็นอน แล้วก็กิน

หยาบช้า- คือเป็นคนลามก มีใจหยาบช้า คนอื่นจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ขอให้ตนมีความสุขสบายก็แล้วกัน

ไม่มีกรุณา- ไม่สงสารใคร คิดแต่ประโยชน์ของตน

ไม่มีเรี่ยวแรง- ไม่มีกำลังที่จะทำความดี เมื่อได้ฟังผู้อื่นพูดเรื่องทำความดีแล้ว หมดกำลังใจ แต่หากใครพูดถงปัจจัยตาลุกโพลง

ร้อง- อยากได้อะไรของใครก็พยายามพูดเลียบเคียงเพื่อให้เขาให้ตน

ไม่มีสติ- ไม่นึกถึงกาลข้างหน้าข้างหลัง ขาดเหตุผลขอให้ได้พูดคิดทำตามใจชอบ

สะสม- คือได้มาเท่าไรก็เก็บ ไม่มีเอื้อเฟื้อแบ่งปันใคร

(ที่มา : หนังสือ ท่านถาม- เราตอบ โดย พระปรีชา ชยวุฑฺโฒ)



ลักษณะเฉพาะตัวของแร้งและกาเช่นนี้ จึงเป็นที่มาของการกระทบกระเทียบเปรียบเปรย ถึงความไม่บริสุทธิ์ ความสกปรก ความไม่สำรวมของบุคคล เป็นต้น...

การไม่ยินดีในวิมุตติรสคือพระนิพพานนี้ อุปมาเหมือนแร้ง ที่ไม่สนใจในอาหารปราณีต แต่กลับติดใจในอาหารเน่าเสียทั้งหลาย และการเปรียบเทียบกากับภิกษุลามก คฤหัสถ์ลามก คิดว่า ไม่น่าจะเป็นการกระทบกระเทียบเปรียบเปรยรุนแรงจนเกินไป เพราะพระธรรมเทศนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั้นมีแก่บุคคลหลายระดับ

การอุปมาอุปไมยเป็น สมมติเทศนา เช่นการ แสดงธรรม ว่าด้วย บุคคล สัตว์ สตรี พราหมณ์ กษัตริย์ มาร พรหม เทวดา เป็นต้น จึงปรากฏ มีอยู่เป็นอันมาก ทั้งนี้เป็นพระมหากรุณาธิคุณ กอปรกับพระปัญญาธิคุณ ทำให้ผู้ที่ได้ฟังเกิดความเข้าใจง่าย แล้วได้บรรลุธรรมวิเศษ



ส่วนการไม่ยินดีในพระนิพพานนั้นอธิบายได้ว่าเป็น เพราะ “กรรมเก่าของโยคีบุคคล ทั้งที่เป็นกุศลและอกุศล ดลบันดาลให้เกิดเป็นอุปสรรคแห่งมรรคผล เป็นเหมือนหมู่มารคอยปิดกั้นมรรคผลนิพพานไว้ จึงทำให้ สังขารุเบกขาญาณของโยคีบุคลนั้น มีอาการมืดมนมองไม่เห็นพระนิพพานสันติบท”

(วิมุตติรัตนมาลี หน้า ๕๖๐)



ดังนั้น “คำถามที่ว่า เมื่อไรแร้งหรือกาจะกลับใจ” คำตอบอาจจะอยู่ที่การเริ่มต้นเรียนรู้ และศึกษาธรรมะในพระพุทธศาสนาเสียก่อนว่า มนุษย์ เกิดมาทำไม ชีวิตคืออะไร เกิดมาจากไหน ตายแล้วจะไปไหน เป็นต้น ซึ่งเกี่ยวกับหลักธรรมในทางพระพุทธศาสนามากมาย

แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับว่า แต่ละคนจะเลือกเลือกรูปแบบของชีวิต ซึ่งเรียกว่าการออกแบบชีวิต ให้พ้นจากการเป็นแร้งหรือกาหรือไม่ และวิธีใด

หรือไม่......คำถามว่า “เมื่อไรแร้งจะกลับใจ” อาจเป็นคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบ แต่อาจจุดประกายความคิดให้คนหลายๆคนกลับมาทบทวนเรื่องราวความจริงของชีวิตให้มากขึ้นก็เป็นได้



เนื้อหาโดย : น้อมเศียรเกล้า
ขอขอบพระคุณภาพประกอบชุด "วอนสกุณากลับใจ" จาก : อินเตอร์เน็ต



Create Date : 14 ตุลาคม 2553
Last Update : 20 สิงหาคม 2554 14:34:11 น. 5 comments
Counter : 3336 Pageviews.

 
เรื่องนี้เนื้อหาชวนให้คิด และภาพประกอบสวยงามทุกภาพครับ

ผมเป็นคนเชื่อกรรม จึงคิดว่ากรรมนั้นเองที่ทำให้ สัตว์นั้นเกิดเป็น นกแร้ง และนกกา
จึงต้องมีนิสสัยประจำสันดานเช่นนั้น และจะเป็นอยู่ที่ชาติ จึงจะพ้นกรรมนั้น
เมื่อพ้นแล้วจึงอาจจะไปเกิดเป็นสัตว์อย่างอื่น หรือเกิดเป็นมนุษย์

ผมจึงไม่ประนามนกแร้งและนกกาครับ
ให้ความเมตตาและเห็นใจ เช่นเดียวกับสัตว์ชนิดอื่นครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 15 ตุลาคม 2553 เวลา:6:25:54 น.  

 
ที่แร้งและกาถูกประณามจากคน ถึงขนาดนำไปเปรียบเปรย น่าจะเป็นจากนิสัยของแร้งและกามากกว่าค่ะ

คนเราก็เช่นกันจะรุ่งเรือง หรือ ตกต่ำ ก็เกิดจากการกระทำของตน

ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยม blog ค่ะ เพิ่งจะได้หัดทำ เป็นโอกาสที่ดี ที่จะนำ บทความที่น้อมเขียน ภาพที่น้อมถ่าย และภาพที่น้อมชื่นชม มารวบรวมไว้ที่เดียวกัน

บทความที่เขียนไว้ คิดว่ามีเกือบร้อย จะพยายามนำมาฝากกันค่ะ


โดย: น้อมเศียรเกล้า วันที่: 15 ตุลาคม 2553 เวลา:9:43:02 น.  

 
มาทักทาย มาเยี่ยมชมค่ะ

ภาพสวย ......คำงาม และให้แง่คิด
ขอแอดนะคะ....ชอบอ่านเรื่องแนวนี้ค่ะ








"ปาฏิหาริย์ไม่ใช่การเดินบนน้ำ หรือบินอยู่บนอากาศ
แต่ปาฏิหาริย์คือ การเดินอยู่บนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว"
.........ท่าน ติช นัท ฮันท์




โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 15 ตุลาคม 2553 เวลา:13:38:43 น.  

 
ความเลวของกาแจกแจงได้ชัดเจน
แต่ความ "แย่"ของแร้งไม่ชัดนัก
. กลับมีความสามารถ,ความดีมากกว่า
-แข็งแรงมาก บินได้สูงที่สุดในบรรดานกทั้งหลาย
-ทำความสะอาดโลก ไม่เบียดเบียนใครๆ
-รู้จักรอคอย มีระเบียบ รักพวกพ้อง ฯลฯ

อย่ารังเกียจแร้งเลย
แร้งศูนย์ไปจากเมืองไทยหลายสายพันธ์แล้ว
สายพันธ์ที่เหลืออยู่ก็มีจำนวนน้อยลงทุกที
ที่เห็นๆในข่าวล้วนบินมาจากที่ไกลๆ


โดย: P2wichai วันที่: 15 ตุลาคม 2553 เวลา:23:29:48 น.  

 
แหม ก็ไม่ได้รังเกียจนะคะ
ว่ากันไป ตามนิสัยของ แร้งกา...
เอามาเขียนเพราะคนชอบเปรียบเทียบ ขนาดพระไตรปิฏกยังกล่าวไว้

แต่น้อมว่ามันต้องมีเหตุนะคะ ที่คนชอบว่า แร้ง กา มาตั้งแต่โบราณ

เช่นอาจจะขี้ขโมย สกปรกอะไรทำนองนี้



โดย: น้อมเศียรเกล้า วันที่: 16 ตุลาคม 2553 เวลา:13:34:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

น้อมเศียรเกล้า
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Friends' blogs
[Add น้อมเศียรเกล้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.