Group Blog
รวมเรื่อง วิชชาธรรมกาย
น้อมลิขิต
360 เที่ยววัดทำบุญ
ที่นี่มีคำตอบ
มิสฮัมเบิล
บ้านรับรอง (ชายคา)
All Blogs
ความงามที่น่าใฝ่หา
ฉลองวันเกิดแบบชาวพุทธ
เรือพายเก่า
"พร"ประเสริฐแห่งชีวิต
+++++ การซ่อมแซมโบสถ์และโบราณสถาน +++++++
ขั้นตอนการสร้างโบสถ์ (ฉบับปรับปรุง)- น้อมเศียรเกล้า
จิตรกรรมฝาผนังของวัดไทย - น้อมเศียรเกล้า
พิธีพุทธาภิเษกพระ-คืออะไร เพื่ออะไร เป็นพุทธพิธีหรือไม่ เริ่มมีสมัยใด ต่างกับปลุกเสกอย่างไร ?
หอไตร..........."ธรรมเจดีย์" ที่ควรบูชาและรักษา
วิธีการเก็บรักษาคัมภีร์โบราณ
Book Review : "กิร ดังได้สดับมา"
BOOK REVIEW : "พบกันเวลาคิดถึง" หนังสือสอนเด็กให้รับมือกับความเศร้า
เจดีย์ บุญเขตอันเยี่ยม (ตอน: แนวคิดการออกแบบพระเจดีย์)-น้อมเศียรเกล้า
"เจดีย์"บุญเขตอันเยี่ยม (ตอน มิติทางสถาปัตยกรรม)-น้อมเศียรเกล้า
อยู่ก็รัก จากก็คิดถึง - น้อมเศียรเกล้า
ส.ค.ส ๒๕๕๕ ด้วยรัก..จากน้อม
ธรรมะของมหาสมุทร (ความถ่อมตน) - น้อมเศียรเกล้า
รองเท้าในวัด- น้อมเศียรเกล้า
..............แผล....................
แม้เห็นครั้งแรกก็เลื่อมใส : บุพเพสันนิวาส ( การอยู่ร่วมกันในกาลก่อน )
+*-.++-*. สุขสันต์วันแก่ +*.-*+.*+
กำลังใจ สู้ภัยน้ำท่วมและอันตรายของชีวิต
ความแตกต่างของ "สร้างภาพ" กับ "รักษาภาพ" (นิยามโดยมิสฮัมเบิล)
+*-+** ลำนำแห่งสายน้ำ -+*-..*-+*.
หญิง-ชายกลายเป็นอสูรกายขณะขับรถ
คำโบราณว่า "แม้เสียงจิ้งจกร้องทัก ยังต้องหยุดฟัง"
จ่าฝูงนำ ลูกฝูงตาม
ไม่สำรวมในการบริโภค รับประทานอาหารจุบจิบถือได้ว่า "ไม่สำรวมในศีล"
ปรารถนา หรือ ไม่ปรารถนาดี ? (ตอน ๒/๒ จบ)-น้อมเศียรเกล้า
ปรารถนา หรือ ไม่ปรารถนาดี ?- น้อมเศียรเกล้า
อิสรภาพเกินโลกสาม (so much,very much Free...)
การขอขมา-กิจของผู้มีบุญบารมีจะพ้นทุกข์ (ตอน ๓/๓ จบ)
การขอขมา-กิจของผุ้มีบุญบารมีจะพ้นทุกข์ (ตอนที่๒/๓)
การขอขมา-กิจของผุ้มีบุญบารมีจะพ้นทุกข์ (ตอนที่๑/๓)
ส.ค.ส ๒๕๕๔
ให้แล้วให้เลย กลับคืน ๑๐๐ บาท - น้อมเศียรเกล้า
ไม่อยากเสียคนก็..อย่าไปรักอะไรให้มากนัก - น้อมเศียรเกล้า
"เพื่อน" กับ คนที่"ไม่ใช่เพื่อน"- น้อมเศียรเกล้า
"กาลกิณี"กับ"สีเสื้อ"- น้อมเศียรเกล้า
เมื่อก่อน..และ..เดี๋ยวนี้ - น้อมเศียรเกล้า
คำพรพระ- น้อมเศียรเกล้า
เสื้อแห่งความสุข เมล็ดพันธุ์จากบ้านที่ไม่เคยมีคนตาย และจอกทองคำของพระราชา
ทำบาปเพราะความจำเป็น (จะหลอกตนเองไปถึงไหน)- น้อมเศียรเกล้า
วันนี้วันพระ.. พายเถิดหนาพ่อพาย - น้อมเศียรเกล้า
จามรีรักษาขน - น้อมเศียรเกล้า
สวัสดีจ่ะ....ความโสด (ไม่โสดห้ามเข้ามาอ่าน)- น้อมเศียรเกล้า
เกลียด..ทำไม- น้อมเศียรเกล้า
วิธีเพาะบ่มความฉลาด (ปัญญาบารมี) - น้อมเศียรเกล้า
.อุบาสิกา-สตรีผู้มีบุญ เกินจะพรรณา - น้อมเศียรเกล้า
น้อมเล่าเรื่อง "เปรตจัดหัวนอนกับผู้เพ่งโทษ" - น้อมเศียรเกล้า
วาจาสุภาษิต ย่อมมีผลแก่ผู้ปฎิบัติ เหมือนดังดอกไม้งาม..(ตอนจบ)
...วาจาสุภาษิต ย่อมมีผลแก่ผู้ปฎิบัติ เหมือนดังดอกไม้งาม ที่มีทั้งสีสวย และกลิ่นอันหอม...
ธุดงควัตร ไม่ต้องรอเป็นพระ ก็สามารถฝึกปฏิบัติได้ - น้อมเศียรเกล้า
สำเภาพยาบาท - น้อมเศียรเกล้า
เมื่อไร"แร้ง"จะกลับใจ ??? - น้อมเศียรเกล้า
ธรรมาธรรมะสงคราม (สงครามกับนักฆ่า ภายใน) - น้อมเศียรเกล้า
ความเข้าใจเรื่อง "พรหมจรรย์" - น้อมเศียรเกล้า
"เจดีย์"บุญเขตอันเยี่ยม (ตอน มิติทางสถาปัตยกรรม)-น้อมเศียรเกล้า
รวบรวมและเรียบเรียงโดย
: น้อมเศียรเกล้า
ขอบพระคุณข้อมูล/ภาพประกอบจาก
:
1.ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
2.//krookong.net
3.@Single Mind for Peace
4.น้อม360
5.ภาพประกอบอื่นๆจากอินเตอร์เน็ต
เจดีย์
ถือเป็นปูชนียสถานหรือวัตถุเพื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้าหรืออาจจะหมายถึงตัวแทนของพระพุทธองค์ มีความมุ่งหมายให้เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุหรือบรรจุพระบรมธาตุ
เจดีย์จึงเป็นประธานในวัด
ต้นกำเนิดของเจดีย์มาจากอินเดียเรียกว่า สถูป ในภาษาบาลี หรือ ถูป ในภาษาสันสกฤต แต่เดิมก่อนมีพระพุทธศาสนาเป็นที่ฝังอัฐิ ในล้านนาเรียกเจดีย์ว่า กู่ เช่น กู่เต้า กู่กุด ต่างจากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือนิยมเรียกเจดีย์ว่า ธาตุ เช่น พระธาตุพนม ในทางพุทธศาสนาแบ่งเจดีย์ออกเป็น 4 ประเภท คือ ธาตุเจดีย์ ธรรมเจดีย์ อุเทสิกเจดีย์ และบริโภคเจดีย์ ต่อมาสามัญชนหรือบุคคลชั้นปกครองได้นิยมนำอัฐิเจดีย์ของผู้มีเกียรติสูง บรรจุไว้ในเจดีย์ด้วยแต่ต่างวัตถุประสงค์กัน
(โชติ กัลยาณมิตร, 2539:94 97)
"สถาปัตยกรรมที่เรียกว่าเจดีย์นั้นไทยเราเรียกรวมถึงสถาปัตยกรรมในรูปอื่นที่สร้างขึ้นเพื่อความมุ่งหมายอย่างเดียวกันด้วยดังเช่นพระปรางค์ ในงานวิทยานิพนธ์
เรื่องThe Origin and Developement of Stupa Architecture in India
โดย Sushila Pant พิมพ์เมื่อ ค.ศ. 1976 กล่าวว่า สิ่งที่ไทยนิยมเรียกว่าเจดีย์นั้น มิได้เรียกเหมือนกันไปหมดทุกภาค ในสถาปัตยกรรมแบบล้านนานั้นชาวภาคเหนือเรียกว่า กู่ แทนคำเรียกว่าเจดีย์ เช่นกู่เต้า กู่กุฏิ ฯลฯ แต่ถ้าเป็นสถาปัตยกรรมแบบภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยแล้วชาวภาคอีสาน นิยมเรียกว่า ธาตุ เช่น ธาตุพนม ธาตุบัวบก ฯล"
ลักษณะและรูปแบบทางสถาปัตยกรรม
พระเจดีย์ในประเทศไทย จากหลักฐานที่ปรากฏที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดเท่าที่พบได้ในปัจจุบันคือสมัย ทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๘) ซึ่งส่วนใหญ่พังทลายเหลือแต่แนวฐาน จึงต้องสันนิษฐานรูปแบบจากพระสถูปจำลองขนาดเล็ก หรือจากภาพปูนปั้นเหนือผนังถ้ำบางแห่งหรือจากภาพสลักบนใบเสมาสมัยเดียวกัน ทำให้พอเห็นได้ว่ามีองค์ประกอบสำคัญ ๔ อย่าง คือ ฐาน องค์ระฆัง บัลลังก์ และยอด
ภาพสถาปัตยกรรมของเจดีย์ในยุคสมัยต่างๆ
รูปทรง
รูปทรงของเจดีย์อาจแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆดังนี้
เจดีย์ทรงระฆัง :
เจดีย์ที่มีองค์ระฆังเป็นลักษณะเด่นโดยมีฐานรองรับอยู่ส่วนล่างเหนือองค์ระฆังเป็นส่วนยอดมีบัลลังก์รูปสี่เหลี่ยม,ปล้องไฉนและปลีทรงกรวยแหลม
เจดีย์ทรงปราสาท :
ปราสาทหมายถึงเรือนที่ซ้อนหลายชั้นหรือมีหลังคาลาดหลายชั้นซ้อนกันเจดีย์ทรงปราสาทในประเทศไทยมีทั้งลักษณะเรือนธาตุซ้อนชั้นหรือหลังคาซ้อนชั้น
เจดีย์ทรงปรางค์ :
เป็นเจดีย์ที่มีทรงคล้ายดอกข้าวโพดประกอบด้วยส่วนฐานรองรับเรือนธาตุส่วนยอดเป็นชั้นซ้อนลดหลั่นกันขึ้นไปซึ่งคลี่คลายมาจากรูปแบบของปราสาทขอมแต่เจดีย์ทรงปรางค์โปร่งเพรียวกว่าปราสาทแบบขอม
เจดีย์ทรงยอดดอกบัวตูม :
เจดีย์ทรงนี้เรียกชื่อตามลักษณะของยอดเจดีย์ที่คล้ายดอกบัวตูมบางองค์ทากลีบบัวประดับตรงดอบัวตูมด้วยบางครั้งเรียกว่า เจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ เป็นความนิยมที่สร้างกันมากในสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี
เจดีย์ทรงเครื่อง :
เจดีย์ทรงเครื่องเป็นเจดีย์ที่ประดับลาย*เฟื่องรอบองค์ระฆังเพื่อแสดงลักษณะเด่นพิเศษจากเจดีย์องค์อื่น
เจดีย์ทรงเครื่องนี้มักสร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์แก่ผู้ทรงเกียรติเช่น ที่วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงสร้างถวายเป็นพระราชอุทิศ แด่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 (ด้านทิศตะวันออก) และสร้างขึ้นเป็นส่วนพระองค์โดยเฉพาะ (ด้านทิศตะวันตก)
ขยายความลักษณะพิเศษก็คือการประดับองค์ระฆังด้วยปูนปั้นเป็นลายเฟื่องนั้น น่าจะสื่อความหมายเช่นเดียวกับพระพุทธรูปทรงเครื่อง ที่มีความเชื่อกันว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีความหมายมาจากความเชื่อจักรพรรดิราชาที่มีอยู่ทั้งในพุทธศาสนาทั้งในมหายานและเถรวาท
(หนังสือพจนานุกรม สถาปัตยกรรมและศิลปเกี่ยวเนื่อง ของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์โชติกัลยาณ มิตร)
*ลายเฟื่องคือลายไทยอย่างหนึ่งที่มีแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติรอบตัว***
เจดีย์ย่อมุม :
ปรางค์ :
ลักษณะและรูปทรงของพระปรางค์
พระปรางค์ในประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากศิลปะสถาปัตยกรรมขอมมีลักษณะจำแนกเป็น 4 แบบ คือ
1.ทรงศิขร เป็นปรางค์รูปแบบดั้งเดิม สร้างขึ้นตามแบบแผนเดิมของขอมเน้นคติความเชื่อว่าเป็นการ จำลองภูเขา และ สวรรค์ชั้นฟ้า ตัวอย่างได้แก่ปราสาทนครวัด ประเทศกัมพูชา ปราสาทหินพนมรุ้ง บุรีรัมย์ เป็นต้น
2.ทรงงาเนียม มีลักษณะคล้ายงาช้าง ลักษณะใหญ่แต่สั้นตอนปลายโค้งและค่อนข้างเรียวแหลม ถือเป็นประดิษฐกรรมของช่างไทยโดยมีการพัฒนาจากรูปแบบเดิมจนมีลักษณะเฉพาะของตนเองในสมัยอยุธยาตอนต้นตัวอย่างได้แก่ ปรางค์เหนือปราสาทพระเทพบิดรวัดพระศรีรัตศาสดารามกรุงเทพฯ พระปรางค์วัดพระศรีมหาธาตุเมืองเชลียงสุโขทัย เป็นต้น
3.ทรงฝักข้าวโพด มีลักษณะ ผอมบางและตรงยาวคล้ายฝักข้าวโพดส่วนยอดนั้นจะค่อยๆเรียวเล็กลง ก่อนรวบเป็นเส้นโค้งที่ปลายเป็นลักษณะเฉพาะของพระปรางค์สมัยต้นรัตนโกสินทร์ ตัวอย่างเช่น วัดเทพธิดารามกรุงเทพฯ วัดมหาธาตุฯ กรุงเทพฯ เป็นต้น
4.ทรงจอมแห มีลักษณะคล้ายแหที่ถูกยกขึ้น ตัวอย่างได้แก่วัดอรุณราชวรารามธนบุรี
ปรางค์อาจถือเป็นรูปแบบหนึ่งของเจดีย์ เช่นเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ (เจดีย์ยอดทรงดอกบัวตูม) ของสมัยสุโขทัยเช่นเจดีย์ทรงระฆัง ของสมัยสุโขทัยก็มี ของสมัยกรุงศรีอยุธยาหรือสมัยรัตนโกสินทร์ก็มี
เจดีย์แบ่งตามประเภทและตำแหน่งที่ตั้งของอาคาร
(www.phuttha.com)
พระเจดีย์ที่ใช้ประกอบในผังเขตพุทธาวาส โดยทั่วไปแยกออกได้เป็น 5 ประเภทตามตำแหน่งที่ตั้งและหน้าที่ คือ
1.
เจดีย์ประธาน
หมายถึง พระเจดีย์ที่ถูกกำหนดให้เป็นอาคารหลักประธานของวัด จึงมักเป็นพระเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่สุดในผัง ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ ณ บริเวณกึ่งกลางผังหรือบนแนวแกนหลักด้านหลังพระอุโบสถหรือพระวิหาร ตำแหน่งเจดีย์ประธาน เช่น วัดกุฎีดาว อยุธยา, เจดีย์ประธาน วัดโสมนัสวิหาร
2.
เจดีย์ทิศ
(เจดีย์ประจำมุม) หมายถึง พระเจดีย์รองสำคัญในผังที่ถูกกำหนดให้ตั้งประกอบในผังที่ทิศทั้ง 4 หรือมุมทั้ง 4
เจดีย์วัดใหญ่ชัยมงคล
3.
เจดีย์ราย
หมายถึง พระเจดีย์ขนาดย่อมที่ประกอบในผังในฐานะพระเจดีย์รอง โดยจะวางอยู่เรียงรายรอบอาคารประธาน เจดีย์ราย วัดพระศรีสรรเพชญ์ อยุธยา, เจดีย์ราย วัดพระเชตุพนฯ กรุงเทพฯ
เจดีย์รายวัดพระเชตุพนฯ
4.
เจดีย์คู่
หมายถึง พระเจดีย์ที่ทำเป็นคู่ ตั้งอยู่ด้านหน้าอาคารสำคัญอย่างพระอุโบสถหรือพระวิหาร หรือพระปรางค์ เจดีย์คู่ วัดชิโนรส ธนบุรี เจดีย์คู่ วัดไชยวัฒนาราม อยุธยา
เจดีย์คู่วัดพระแก้วมรกต
5.
เจดีย์หมู่
หมายถึง พระเจดีย์ที่สร้างเป็นกลุ่มหรือหมู่ในบริเวณเดียวกัน โดยเน้นความสำคัญของทั้งกลุ่ม ไม่ได้เน้นที่องค์ใดองค์หนึ่ง
เจดีย์หมู่13องค์วัดอโศการาม
ภาพแสดงองค์ประกอบของเจดีย์
องค์ประกอบของเจดีย์โดยทั่วไป ประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังแสดงในรูปต่อไปนี้
1.
ลูกแก้ว
องค์ประกอบส่วนที่ตั้งอยู่บนปลายยอดสุดของพระเจดีย์นิยมทำเป็นรูปทรงกลมเกลี้ยง บางแห่งทำเป็นรูปคล้ายหยดน้ำ ซึ่งเรียกว่า หยดน้ำค้าง
2.
ปลี
องค์ประกอบของยอดพระเจดีย์ส่วนที่ทำเป็นรูปกรวยกลมเกลี้ยงคล้ายปลีกล้วยต่อจากส่วนของปล้องไฉนขึ้นไป บางแห่งยืดปลีให้ยาวแล้วคั่นด้วย บัวลูกแก้ว ตอนกลางทำให้ปลีถูกแยกเป็น 2 ส่วน ซึ่งจะเรียกส่วนล่างว่า ปลีต้น และส่วนบนว่า ปลียอด"
3.
บัวกลุ่ม
ชื่อเรียกองค์ประกอบชุดหนึ่งซึ่งทำเป็นรูปบัวโถ ต่อซ้อนให้มีขนาดลดหลั่นกันขึ้นไปอย่างบัวลูกแก้ว สำหรับใช้เป็นส่วนของปล้องไฉน ในเจดีย์ย่อเหลี่ยม
4.
ปล้องไฉน
ชื่อเรียกส่วนปลายที่เป็นยอดแหลมของพระเจดีย์ ซึ่งทำเป็นบัวลูกแก้วคั่นเป็นข้อๆใหญ่เล็กลดหลั่นลงตลอดแท่ง ตรงเชิงฐานรับด้วย บัวถลา ก่อนวางเทินบน ก้านฉัตร
5.
ก้านฉัตร
องค์ประกอบทางโครงสร้างของพระเจดีย์ที่ทำเป็นรูปทรงกระบอกกลม ทำหน้าที่เทินรับปล้องไฉนให้ตั้งฉาก
6.
เสาหาน
องค์ประกอบอย่างหนึ่งที่ทำหน้าที่ช่วยเสริม ก้านฉัตร ในการรับน้ำหนักของ ปล้องไฉน และ ปลี นิยมทำเป็นรูปทรงกระบอกกลมหรือแปดเหลี่ยมขนาดเล็กแต่สูงเท่ากับก้านฉัตร วางล้อมก้านฉัตรในตำแหน่งของทิศประจำทั้ง 8
7.
บัลลังก์
องค์ประกอบสำคัญที่ทำเป็นรูป ฐานปัทม์ 4 เหลี่ยม หรือ4 เหลี่ยมย่อมุม หรือ กลม หรือ 8เหลี่ยมวางเทินเหนือหลังองค์ระฆัง เพื่อตั้งรับ ก้านฉัตร และ เสาหาน
8.
องค์ระฆัง
องค์ประกอบส่วนที่สำคัญที่สุดของพระเจดีย์ในฐานะตัวเรือนของอาคารที่ทำเป็นรูปทรงกลมปากผายคล้ายระฆังคว่ำปากลงในงานสถาปัตยกรรมไทยองค์ระฆังนี้มีทั้งแบบทรงกลม ทรง 8 เหลี่ยม และทรง4เหลี่ยมย่อมุมตามคตินิยมของแต่ละยุคสมัย
ที่แตกต่างกัน
9.
บัวคอเสื้อ
องค์ประกอบตกแต่งที่ทำเป็นรูปกระจังปั้นทับลงบนส่วนของสันบ่าองค์ระฆัง
*บัวคอเสื้อ คือ ปูนปั้นตกแต่งลวดลาย*
10.
บัวปากระฆัง
ชื่อเรียกส่วนประกอบที่ทำเป็นรูปบัวคว่ำบัวหงายบางแห่งปั้นปูนประดับเป็นรูปกลีบบัว
11.
บัวโถ
ชื่อเรียกองค์ประกอบสำคัญที่เป็นลักษณะเฉพาะของเจดีย์ย่อเหลี่ยมที่ทำเป็นรูปบัวมีกลีบขนาดใหญ่ดอกเดียวเทินรับองค์ระฆังแทนบัวปากระฆังในเจดีย์ทรงกลมบ้างเรียกว่า บัวคลุ่ม ก็มี
12.
มาลัยเถา
ชื่อเรียกองค์ประกอบชุดหนึ่งที่ทำเป็นชั้นของ บัว หรือ ลูกแก้วคล้ายพวงมาลัยซ้อนต่อกันขึ้นไป
3 ชั้น ใต้บัวปากระฆัง
ฐาน
ฐานมีหลายชื่อ แต่สำหรับหมุ่ช่างจะเรียกว่าฐานบัว ซึ่งพัฒนามาจากฐานหน้ากระดานโดยเพิ่มองค์ประกอบบัวคว่ำและบัวหงายลงไป
13.
ฐานสิงห์ หรือฐานเท้าสิงห์
เป็นฐานที่ช่างยกย่องว่าเป็นฐานชั้นสูงกว่าฐานอื่น ฐานเท้าสิงห์ ซ้อนกัน 3 ชั้น ใช้เป็นชุดของมาลัยเถา สำหรับเจดีย์ย่อเหลี่ยม
14.
ฐานปัทม์
เป็นองค์ประกอบสำคัญทางโครงสร้างของพระเจดีย์ที่ทำหน้าที่รับน้ำหนักอาคารทั้งองค์หรือใช้เสริมองค์พระเจดีย์ให้ดูสูงขึ้นเหตุที่เรียกว่า ฐานปัทม์ เนื่องเพราะโดยทั่วไปฐานชนิดนี้ก่อรูปด้วยลักษณะของฐานบัวชุดบัวคว่ำและบัวหงาย (ปัทม์หมายถึง ดอกบัว)
***
การประดับฐานปัทม์เช่นครุฑ หรือมารทำให้ส่วนที่ประดับครุฑต้องคอดเข้าจึงมีที่เรียกส่วนนี้อีกชื่อหนึ่งว่า เชิงบาตร หรือ เอวขัน
***
ภาพแสดงพระปรางค์วัดอรุณ ที่เชิงบาตรประดับด้วยมารแบก กระเบื้องเคลือบสีลายดอกไม้ ใบไม้ ฯลฯ
ภาพแบบฐานเชิงบาตรมารแบกโดยรองศาสตราจารย์สมใจ นิ่มเล็ก
15.
ฐานเขียง
เป็นชื่อเรียกฐานหน้ากระดานเกลี้ยงๆชั้นล่างสุดขององค์พระเจดีย์ ซึ่งแต่ละองค์แต่ละรูปแบบอาจจะมีฐานเขียงได้ตั้งแต่1-5 ชั้น ซ้อนลดหลั่นกันขึ้นไปแล้วแต่จะกำหนด
ภาพฐานเขียงภูเขาทอง
กรุณาติดตามชม..."เจดีย์บุญเขตอันเยี่ยม" ตอนต่อไปค่ะ
Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2555 19:22:20 น.
7 comments
Counter : 52531 Pageviews.
Share
Tweet
ภาพที่ 2 เป้นภาพเจดีย์ที่วัดไหนคะ สมัยไหน ขอบคุณค่ะ
โดย: ju IP: 118.172.180.160 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:11:40:29 น.
ขอบคุณมากเลยค้าบ ข้อมูลนี้ผมใช้สอบ วิชาประวัติศาสตร์ศิลปะและโบราณคดีไทยด้วย
มีประโยชน์มากๆครับ ^^
โดย: เนทนะจ๊ะ IP: 125.25.200.93 วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:2:49:46 น.
ภาพที่ 2 เป็นภาพของวัดแคนอก นนทบุรีค่ะ
โดย:
น้อมเศียรเกล้า
วันที่: 17 เมษายน 2555 เวลา:0:04:23 น.
เย้ๆ มีงานส่งแล้ว ขอบคุณค่ะ
โดย: ชบา IP: 110.77.193.137 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:22:41:59 น.
ขอบคุณมากคะ ช่วยได้เยอะเลย
โดย: sasi IP: 180.183.239.44 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:1:44:25 น.
ข้อมูลมีประโยชน์มากถึงมากที่สุดเลยค่ะ พรุ่งนี้สอบวิชาหลักการมัคคุเทศก์ เต็มแน่นอนค่ะ
โดย: นิรนามค่ะ IP: 49.230.67.108 วันที่: 23 ธันวาคม 2557 เวลา:1:03:17 น.
ข้อมูลเยี่ยมมากค่ะ
โดย: aoipp IP: 110.171.166.155 วันที่: 8 กรกฎาคม 2558 เวลา:9:22:01 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
น้อมเศียรเกล้า
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [
?
]
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add น้อมเศียรเกล้า's blog to your web]
Links
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.