Once upon a time ...
Group Blog
 
All blogs
 

ติดเชื้อ ภาคสอง

ว่าไปแล้วการได้เล่นเกมส์ออนไลน์กับหลานๆ ก็มีส่วนทำให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ

เดิมที่เคยเจอกันเดือนสองเดือนครั้งและไม่ได้พูดคุยกันมาก พอมาเจอใน FB ว่าแต่ละคนมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนเขายังไง ก็เหมือนกับได้รับรู้ ได้เห็นชีวิตส่วนตัวเขามากขึ้น ดีล่ะ

หลานชายที่เคยเกือบถูกเสียบพุงกะทิ คนที่พ่อและแม่เคยเห็นว่าเรียบร้อย แต่พออยู่กับเพื่อน การพูดจาก็กวน...อยู่ไม่เบา และคำหยาบบางคำก็มีหลุดกันทั้งก๊วน เขาไม่ได้เรียบร้อยกับเพื่อนฝูงเขาเหมือนเวลาที่เขาอยู่กับเราหรอกนะคะ คุณพี่สะใภ้ เราคุยกับพี่สะใภ้เรื่องลูกสาวและลูกชายเขา ให้ได้รู้ว่าเวลาที่เด็กย่างเข้าวัยรุ่นโต้ตอบกับเพื่อนๆเขานั้น เป็นยังไงกันบ้าง

ส่วนก๊วนตัวเล็กอีกบ้าน คุณหลานชายวัยแปดขวบก็ช่างขยันโทรหา เล่นเกมส์มา level เท่ากับเราแล้วภายในหนึ่งเดือน แล้วก็มาบอกเล่าว่า อยากได้โน่น อยากได้นี่ เราพูดกันถึง free gift ว่าเราขี้เกียจไปดู ก็ส่งๆไป เดาว่าน่าจะอยากได้อะไร เขาบอกว่า เขาไปดูฟาร์มของเพื่อนบ้านทุกคนเลย จะได้รู้ว่าใครอยากได้อะไรบ้าง โห...ฟังแล้วละอาย บอกว่าเราไม่มีเวลาแบบเขานี่นา

คุยไปคุยมา ทำไมหนูอยากได้เงินเยอะจัง จะเอาไปทำอะไร ...อ๋อ จะเอาไปซื้อโน่นซื้อนี่ ไหน..หมาที่ได้มาน่ะ ลูบหัวมันได้มั้ยลูก ต้องโกยอึมันหรือเปล่า เงินในนั้น เอาไปซื้อข้าวกินได้มั้ยเวลาหิว กลับมาอยู่ในโลกของความเป็นจริงเดี๋ยวนี้ อันนี้เป็นประโยคที่เราเตือนเขาอยู่บ่อยๆ จะเข้าใจมากแค่ไหนเนี่ย แต่บางทีควรจะหันมามองตัวเองว่า ทีเราปลูกดอกโน่นดอกนี่มากมาย มันก้ไม่ใช่ของจริงเหมือนกันนั่นล่ะ แถมยังทำแต้มได้ไม่มากด้วย นี่คือสิ่งที่หลานชายบอกว่า บางรายการคะแนนต่ำ ไม่คุ้มค่ากับการปลูก

แต่การออนไลน์หรือดูเวลาที่แต่ละคนเข้าไปเล่นเกมส์ ก็พอเห็นภาพว่าตอนนี้แต่ละคนทำอะไรอยู่ที่ไหน

วันก่อน ยัยหลานสาวต้องไปซ้อมปิงปอง หลานชายกับพี่สะใภ้อยู่บ้านเรา เรานั่งเล่นเกมส์กับหลานชาย แล้วก็ไปเห็นว่าคุณพี่ชาย (พ่อเขา) เข้ามาทำอะไรในเกมส์ที่เล่น เลยสงสัยว่า อยู่ที่ไหนกันนั่นน่ะ สองพ่อลูก ทำไมถึงมีเวลามาเล่นเกมส์ พี่สะใภ้เลยโทรเช็คซะว่า ตกลงไปซ้อมปิงปองหรือไปทำอะไรกัน คือว่า ทั้งพ่อทั้งลูกก็บ้าเล่นเกมส์พอกัน หลานชายบอกว่า ระหว่างที่เจ้ซ้อม ป๊าก็จะช่วยเก็บผลผลิตให้ ^_^

พอเปิดเทอมแล้ว จะเป็นยังไงกันบ้างนะนี่ รอดูอยู่

*******

หลานชายวัยแปดขวบรายนี้เป็นเด็กเจ้าระเบียบ เราว่าเขาสืบทอดพฤติกรรมนี้มาจากพ่อของเขาอย่างเห็นได้ชัด มักจะได้ยินบ่อยๆว่าเขาจะเก็บของเล่น เก็บหนังสืออย่างเรียบร้อย ผิดกับพี่สาวที่ห่างกันสองปี รายนั้นไม่สนใจเก็บอะไรเลย

พอมาเห็นการจัดพื้นที่ใน Farmville นิสัยจริงก็ถ่ายทอดออกมาให้เห็นในเกมส์ที่เล่น หลานชายจัดวางพื้นที่ตรงนั้นตรงนี้อย่างเป็นระเบียบและมีแผนว่า ถ้ามีลูกวัวจะไว้ตรงนี้ สัตว์ตัวโน้นตัวนี้จะไว้ที่นี่

ที่ต้องบันทึกเก็บไว้อีกเรื่องคือ การที่เขาไปแชทกับคนที่เล่นเกมส์ด้วยกัน หลานชายจะเริ่มต้นด้วยคำว่า “สวัสดีครับ” ประโยคติดๆกันคือ “ทำอะไรอยู่” หลังจากนั้นไม่มีครับแล้ว คุยกันเหมือนเพื่อนเชียว ถ้าเขารู้ว่าเล่นเกมส์อยู่ ก็จะคุยเนื้อหาในเกมส์ทันที แต่รายนี้เวลาพิมพ์คำแชท เขาจะพิมพ์คำธรรมดา ไม่เหมือนยัยพี่สาวที่สะกดคำเพี้ยนๆ เช่น ทำอารายอยู่จร้า

เขามีเพื่อนบ้านรายหนึ่งที่เล่นไปถึง level 70 ตามประสาคนบ้าเกมส์ ย่อมมีความอยากจะไปถึงจุดนั้นแน่นอนอยู่แล้ว วันหนึ่ง เขามีโอกาสได้แชทกับเพื่อนบ้านรายนั้น เพื่อนบ้านที่ไม่รู้จักกัน แต่ add ผ่านต่อๆกันมาใน FB นั่นล่ะ แชทกันจนจบ ผู้หญิงคนนั้นก็ถามว่า ลูกชายอายุเท่าไหร่ คือว่า เธอเอารูปลูกน้อยของเธอมาเป็นหน้า Avatar เลยคิดว่าคู่สนทนาคงเป็นเหมือนกัน ฝ่ายเด็กชายก็...ยิ้ม ไม่ได้เฉลย แล้วเอามาเล่าให้เราฟัง

ตอนแรกก็เป็นห่วงนะ ยังคุยกับพี่ชายว่ากลัวว่าไปแชทกับใครทางเน็ตแล้วจะถูกเขาหลอก แต่นี่ดันไปหลอกเอาของชิ้นใหญ่จากใครๆมาใส่สวนตัวเอง ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน เขาได้ password ตัวเลขของเราไปแล้ว คงรอเก็บตัวอักษรเอาไปประกอบกัน จะได้ hack มาใช้ user name ของเราไปเล่นเกมส์แทน ร้ายมากๆเลยเด็กคนนี้




 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 27 พฤษภาคม 2553 23:12:39 น.
Counter : 403 Pageviews.  

ติดเชื้อ

ตอนนี้ เด็กๆสองบ้านมาสมัครเป็นสมาชิก Facebook และเล่นเกมส์กันอย่างสนุกสนาน เป็นเพราะเราแท้ๆเชียว

เด็กบ้านหนึ่งเห็นเราเล่นเก็บผัก ผลไม้ ดอกไม้ใน Farmville มาตั้งแต่ปีใหม่ ตอนนั้น ยัยตัวโตมารบเร้าบอกอยากเล่นบ้าง เราก็บอกให้ไปสมัคร แล้วก็คงลืมๆไป

คราวนี้ เมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา ตาคนรองอายุ 8 ขวบมานั่งเบียดติดๆกัน หนาย มันเล่นยังงัย ไปฉีกกระดาษมาจด //www.facebook.com ถัดจากนั้นสองวันเมื่อกลับไปบ้านกันแล้ว คุณหลานชายโทรมา สมัครยังไง ได้ FB แล้ว ต้องไปดูเกมส์ที่ไหน พ้นช่วงสงกรานต์ไปได้สองสามวัน มาเจอหลานชายขอ add ทั้ง FB และ Farmville หลังจากนั้นมาสองสัปดาห์ ขึ้นไปถึง level 20 เร็วชะมัด ที่เร็วก็เพราะคุณพี่ชายต้องช่วยลูกแน่ๆเลย รายนั้นสมัครเข้ามาพร้อมกัน เห็น level ทั้งพ่อทั้งลูกไล่มาติดๆ กัน

อา.ที่ไม่อยู่บ้าน พ่อหลานชายโทรมาหลังทำวัตรเย็นเสร็จ บอกว่า เก็บขนสัตว์ได้แล้วคร็าบ เพชรสีชมพูขึ้นมาเต็มเลย เราบอกว่าไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้ตอนนี้ หนุ่มน้อยอึกอัก คาดว่าหวังดีอยากได้ password ไปเก็บขนสัตว์ให้ แต่เรารีบตัดบทว่า พรุ่งนี้จะรีบไปเก็บนะ ขอบใจจ้า

อาทิตย์ที่ผ่านมา ทั้งยัยตัวโตและยัยตัวเล็กก็มาสมัครกับเขาบ้าง เราเลยมีของขวัญจากเด็กๆ สามคนสามเวลาหลังอาหาร ว่าไปแล้วการออกแบบเกมส์ก็ดีเหมือนกันนะ โดยเฉพาะการที่พ่อเขามาร่วมเล่นด้วย ตอนนี้คุณหลานชายไปเข้าร่วม co-op แล้ว ถ้าเขาจะได้เรียนรู้ถึงคำว่าสหกรณ์ ก็จะดีไม่น้อย ยังไงก็แล้วแต่ ทุกคนติดเชื้อเกมส์ใน Facebook ไปเรียบร้อยแล้ว

……………..

บ่ายวันหนึ่งหลังจากกินข้าวมื้อกลางวันเสร็จ มาดูชื่อคนที่ online ก็เห็นยัยตัวโตที่กำลังจะขึ้นช้้น ป. 5 อยู่ที่นั่น เธอส่งข้อความมาทักทาย หลายๆข้อความจะใช้คำในลักษณะนี้

“ทำรายจร้า”
“ไม่เปนราย”
“อารายก้อด้าย”

เห็นแล้ว คนตกภาษาไทยก็ขัดใจขึ้นมาเชียว ทำไมสะกดแบบนี้นะ แต่ก็ยังแชทกันปกติ ไอ้คำแบบนี้ หลานคงจะติดเชื้อมาจากภาษาในเน็ตแน่ๆ


……………….

รายหนึ่งที่ดูท่าจะติดเชื้ออย่างรุนแรง คือ รายที่กำลังย่างเข้าวัยรุ่น ยัยตัวโตของอีกบ้านก็เล่น FB กับเขาเหมือนกัน ช่วงหลังสงกรานต์ เห็นเธอไปเข้ากลุ่ม ...มั่นใจว่าคนไทยเกิน 1 ล้านคน ต่อต้านการยุบสภา (ถ้าจำชื่อกลุ่มผิดก็ขออภัยที่ไม่ยอมเช็คด้วยนะ) แล้วก็ไปเข้ากลุ่มอะไรทำนองนี้อีก ทำให้พอเห็นแนวว่ายัยตัวโตบ้านนั้นไปทางไหน

เย็นวันก่อน เห็นยัยตัวโตของบ้านนั้นไปเข้ากลุ่มขอให้ไอ้สัส...ตายโหง ตายห่า

อ่านชื่อกลุ่มแล้วก็..ไม่สบายใจ วิตกกังวลขึ้นมาทันทีว่า หลานเราคิดอะไรอยู่ โดนกระแสอารมณ์ของใครพาไปถึงได้คิดอยากแช่งให้ใครตายไปแบบนี้ เราอาจประมาทไปก็ได้ที่เห็นชื่อกลุ่มที่เธอเข้าไปร่วมก่อนหน้าแล้วไม่ได้คิดว่าจะมีอะไรรุนแรง ประมาทที่ปล่อยให้เวลาเพียงไม่กี่วัน ทำให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งไหลไปตามกระแสอารมณ์ของใครใคร

เราเข้าไป ‘ment ว่า เราอ่านชื่อกลุ่มที่ว่า แล้วเรา..อึ้ง (อยากถามจังว่า หนูตั้งใจที่จะให้มันเป็นไปตามชื่อกลุ่มนั้นจริงหรือเปล่า)

คนรอบๆตัวเรา มีทั้งดีและไม่ดี ไม่มีใครจะดีพร้อมไปซะหมด แม้แต่ตัวเราเองก็ยังมีอะไรที่ไม่ดีตั้งมากมาย เพียงแต่ เรารู้ตัวเราหรือเปล่าว่าเรายังมีสิ่งที่ไม่ดีอยู่ ถ้ารู้ตัว ก็จะได้แก้ไขสิ่งที่ไม่ดีของตัวเอง

การเพ่งโทษของคนอื่น จ้องแต่ความไม่ดีของเขา มันไม่ทำให้เราสบายใจไปได้หรอก ไม่เชื่อก็ลองสำรวจใจตัวเองดูสิว่า เวลาเรานึกถึงความดีของใคร หรือเรานึกถึงความไม่ดีของใคร แบบไหนที่เราสบายใจมากกว่ากัน


ถึงที่สุด เป็นเรื่องที่เธอต้องหัดเรียนรู้ว่า ทำอย่างไรเธอถึงจะอยู่ในสังคมซับซ้อนแบบนี้ได้อย่างสบายใจ เราเองจะทำอะไรได้แค่ไหน ก็ต้องพยายามต่อไป

แต่เราไม่ได้สนิทกับเธอมากมายที่จะมีเวลามาไล่เรียงความคิดความเห็นที่เธอมีต่อพวกนักการเมืองไทย คงต้องบอกกล่าวให้พี่สะใภ้คอยระมัดระวังและหาจังหวะที่เหมาะสมค่อยๆสอนกันต่อไป เพิ่งเห็นเชื้อร้ายที่แฝงตัวมากับสื่อในรูปแบบต่างๆตอนนี้เอง อาจเพราะมั่นใจกับตัวเองมากไปว่าไม่ได้หลงไปกับคำแรงๆ หรือคำหวานๆแสดงอารมณ์ของใครต่อใคร แต่ตอนนี้ ไม่มั่นใจแล้วว่า เด็กไทยเสพอะไรเข้าไปบ้าง คำบางคำที่ใครต่อใครแสดงความคิดเห็นออกมา มันอาจไปกระทบใจคนอ่าน..ด้านไหนบ้างก็ไม่รู้ หรือจะโทษว่า อยากไม่ใช้วิจารณญาณในการคิดและการเชื่อทำไมล่ะ


ยังโชคดีที่มียัยเด็กกลุ่มเล็ก 3 คนนั่นมาบ้าเล่นเกมส์กัน ยัยคนโตของบ้านนั้นเลยถูกพ่วงไปด้วย เห็นหน้าตา FB ของเธอช่วงสองวันนี้ เต็มไปด้วยสถานะต่างๆที่เกี่ยวกับ Farmville อย่างน้อย เอาเชื้อปลูกผักและดอกไม้มาแพร่ใส่ ก็ยังดีกว่าเชื้อแบบอื่นล่ะนะ


ปล. เรื่องชื่อกลุ่มใน FB นี่เป็นอะไรที่น่าสนใจ

วันก่อน เจอกลุ่ม..มั่นใจว่าคนไทยเกิน 10 ล้านคน ยังหาแฟนไม่ได้ โอย...เอาอะไรมาวัดนะ ทำไมถึงไม่มีกลุ่มประมาณว่า...มั่นใจว่าคนไทยเกิน 10 ล้านคนที่ยังไม่มีแฟน มีความสุขกาย สบายใจกว่าพวกที่มีแฟนแล้ว


ส่วนอีกกลุ่มที่ไม่แน่ใจว่ามีหรือเปล่า แต่เคยเห็นผ่านตาก็คือ ...มั่นใจว่าคนไทยเกิน 1 ล้านคน กินเกลือแล้วเค็ม




 

Create Date : 27 เมษายน 2553    
Last Update : 30 เมษายน 2553 19:56:04 น.
Counter : 482 Pageviews.  

ค่าครองชีพ ที่รำลึก

ณ ปี 2553 ที่จังหวัดบ้านเกิด


ขนมครกหน้าโรงพยาบาล 6 คู่ 10 บาท
ชอบดูคุณยายพับกระทงขนมครก กระทงของคุณยายทำง่ายๆ ใบตอง 1 ใบกับกระดาษ 1 แผ่น จีบเข้ามุมกัน 2 ข้าง ร้านนี้มีเตาขนมครกอยู่ 3 เตา เป็นลูกสาวคุณยายกับสามีและกับญาติอีกคนช่วยกันแซะ ช่วยกันหยอด จริงๆร้านพี่สาวของเธออยู่ใกล้บ้านเรามากกว่าอีก แต่เราชอบกินร้านนี้มากกว่า อร่อยกว่า มันกว่านิดหนึ่ง กินแค่ 3 คู่ก็อิ่มแล้ว แทนข้าวมื้อเช้าได้เลย

คนจังหวัดเราที่ได้กินขนมครกแป้งสดจนชิน พอไปกินขนมครกที่อื่น ให้อร่อยยังไงก็ไม่รู้สึกอร่อยเหมือนขนมครกที่บ้านเกิด ใครจะว่าเรื่องมากก็ช่างปะไร


ขนมเบื้องเชิงสะพาน หน้าร้านตัดผมผู้ชาย แผ่นละ 2 บาท
ชอบไปนั่งคุยด้วยสัก 2-3 คำ ป้าเขาจะย้อนอดีตไปถึงสมัยเรียนหนังสือด้วยกันกับน้าสาวเรา แล้วก็บ่นเรื่องขาแข้งที่ไม่ค่อยดี ถามถึงแม่และกิจการที่บ้าน

เดี๋ยวนี้ป้ารับเอาขนมอื่นมาขายด้วย เช่น ถั่วกรอบแก้วถุงเล็กๆ ถุงละ 10 บาท กะหรี่ปั๊บ เพิ่มรายได้อีกทางน่ะ ป้าขนมเบื้อง ขายไม่ถึงครึ่งวันก็ปิดร้านแล้ว ขนมเบื้องของคุณป้าคงจะเป็นขนมเบื้องโบราณอย่างที่เขาขายๆกันล่ะมั้ง ไม่ใช่ขนมเบื้องแป้งบางๆมันๆ ใส่ครีมขาวเยิ้มแบบนั้น เตาก็เป็นเตาถ่าน ถาดที่ทำขนมเบื้องก็มีแตกบางจุด เก่าแต่ไม่คิดจะเปลี่ยนสักที ทำแป้งขนมได้ทีละ 2 แผ่น อร่อยมากๆตรงที่ออกจากเตาแล้วกินเลยน่ะ ก็มันทั้งหอมและกรอบนิดๆ เป็นขนมที่ทุกคนในบ้านกินกันได้กินกันดี นับแต่พี่สาว พี่ชายมาถึงรุ่นหลานๆ

มกรา 54 ป้าขนมเบื้องไปผ่าตัดสะโพกมั้ง หลายเดือนแล้ว แล้วเลยหยุดขาย...อาจจะหยุดตลอดไป เสียดายน่ะ ป้าเคยบอกพี่สาวว่า ให้มาเรียนกับแกได้ ตั้งแต่นวดแป้งตอนตี 4 พี่สาวยังไม่ได้ไปซะที สงสัยต้องชวนกันไปเรียนอย่างจริงจังแล้ว อะไรๆก็ไม่แน่นี่นะ


โรตีที่อยู่ถัดจากร้านขนมเบื้องไปที่ถนนอีกเส้น แผ่นละ 5 บาท
ลุงขายโรตีตายไปแล้ว เมื่อก่อนจะเอากระป๋องแป้งเด็กแคร์มาใส่น้ำตาล ตอนนี้ลูกชายขายต่อ ยังขายอยู่ที่จุดเดิม

สมัยเด็กที่กินโรตี พี่ชายจะหัวหมอ เอาไข่ไปเอง เอาจานไปเอง พวกเราก็จะได้กินโรตีใส่ไข่ในราคาเดิม เราชอบกินโรตีใส่นมเฉยๆ ไม่ใส่น้ำตาล เลยไม่ได้ใช้บริการกระป๋องแป้งของลุงเลย


แยมโรลในสภากาแฟฝั่งใกล้ๆกับบ้านเก่า ชิ้นละ 5 บาท
สภากาแฟร้านนี้เปิดมาก่อนเราเกิดอีกกระมัง ก็คงจะเกิน 40 ปีไปแล้วล่ะมั้ง เจ้าของร้านตอนนี้ไม่มีลูก สืบทอดกิจการมาอย่างดี ทำขนมปังขายนิดหน่อยพอให้ได้แกล้มกับกาแฟ ไม่รู้ว่าจะปรับตัวไปขายกาแฟสดรึเปล่านะ เดี๋ยวนี้ใครๆก็ขายกาแฟสด แต่เจ้าของร้านในวัยร่วม 60 คงจะไม่เปลี่ยนใจหรอกมั้ง ลูกค้าก็ยังเป็นกลุ่มเดิม ไม่หน้าเดิมก็มีลักษณะเดิม คือ มาอ่านหนังสือพิมพ์ แล้ววิพากษ์วิจารณ์เหตุบ้านการเมืองกัน

ความที่เจ้าของร้านไม่มีลูก เธอไปรับเด็กคนหนึ่งมาเลี้ยง ไม่ใช่ญาติกันด้วย เด็กคนนั้นเติบโตไปเป็นสัตวแพทย์ ดีจริงๆ ดีทั้งเธอและเด็กคนนั้นน่ะ


ขนมจีนน้ำยาหน้ากาชาด ชุดละ 15 บาท
ร้านนี้คล้ายๆจะเป็นหาบเร่ แต่ไม่ได้หาบไปเร่ขายที่ไหน ปักหลักอยู่ที่หน้าร้านขายยาโบราณ เวลาไปรอขนมจีนก็จะได้กลิ่นยาโบราณไปด้วย ร้านนี้น่ารักเหมือนร้านขายขนมตาล คือ มาขายกันทั้งพ่อแม่และลูกสาว ขายทั้งน้ำพริก น้ำยา แกซาวน้ำและแกงไก่ กินแค่ชุดเดียวก็อิ่มไปทั้งมื้อแล้ว


เดินกลับมาอีกฟากทางตลาดริมน้ำ

หมี่กรอบสีส้มสวย อยู่ปากทางเข้าตลาดริมน้ำ ถุงละ 5 บาท ร้านนี้หลานๆชอบกิน

เดินไปอีกนิดเป็นขนมจีบ ซาลาเปาที่ครูสมัยประถมนั่งขาย ขนมจีบลูกละ 2 บาท ซาลาเปาลูกละ 3 บาท อร่อยทั้ง 2 อย่าง ครูขายแต่เช้า ทำอย่างนี้มา...30 กว่าปีแล้ว เท่าที่เราเห็นนะ ตอนนี้ขายแค่วันหยุด

จากร้านขนมจีบ เดินไปทางขวา จะมีขนมตาลในถ้วยตะไล ลูกละ 1 บาท
เหมือนกับร้านขนมจีนน้ำยา 3 คนพ่อแม่ลูกสาวช่วยกันขาย คุณป้าหยอดแป้งขนมลงเตา คุณลุงยกไปวางที่เตาแกสอีกฝั่งหนึ่ง คุณลูกสาวแซะมาใส่ถุงขาย ก็จะได้กินขนมตาลอุ่นๆตรงนั้นเลย เขาซื้อกันเยอะแยะ รอคิวกันหลายคิว ถ้าเราไปเดินตลาดคนเดียว ก็ซื้อแค่ 10 บาทพอ


ถ้าเดินไปทางซ้าย จะเป็นร้านทอดมันของญาติห่างๆของแม่ ชิ้นละ 2 บาท เราว่าอร่อยดี ไม่เหม็นคาว ญาติห่างยังไง ถ้าเราหรือพี่สาวไปซื้อ ก็มักจะได้ฟรีหรือไม่ก็ซื้อ 1 แถม 1 ราคานั้นเลย
ร้านนี้ตลก บางทีอยากจะไปไหน ก็ทิ้งร้านไว้อย่างนั้นแหละ เงินทองอะไรก็กองอยู่ในถัง มีตะกร้าวางปิดๆไว้นิดหนึ่ง เวลาที่เราไปแล้วไม่เห็นเขา ก็จะหยิบใส่ถุง วางเงินในตะกร้า ถ้าเจอน้าญาติผู้ใหญ่ เวลาเขาแถมหรือให้ฟรี จะไม่กล้าปฏิเสธ แต่ถ้าเจอญาติรุ่นเดียวกัน ค่อยปฏิเสธง่ายหน่อย


เดินออกจากตลาดริมน้ำไปเรื่อยๆ จะเจอแม่ค้าขายถั่วต้ม ปกติจะซื้อทีละ 20 บาท 2 กระป๋องซึ่งมาชั่งน้ำหนักเทียบแล้ว จะเท่ากับการบอกว่าซื้อครึ่งกิโล ถ้าครึ่งกิโลก็ 25 บาทน่ะ ข้อมูลนี้ ค้นพบโดยข้าพเจ้าเอง งกจิงๆ

แม่ค้าขายถั่วรับข้าวโพดต้มมาขายด้วย ข้าวโพดต้ม 3 ฝัก 10 บาท เดินไปอีกหน่อยก็เจอแม่ค้าต้มข้าวโพดอยู่ ขายเท่ากันนั่นล่ะ แล้วแต่อยากจะอุดหนุนใคร

มกรา 54 ข้าวโพดสามฝักขึ้นราคาเป็น 20 บาท

จะแวะซื้อน้ำเต้าหู้หน้าตึกแถวก็ได้ ใส่งาดำถุงละ 6 บาท ร้านนี้อร่อยดี ลูกเจ้าของร้านเป็นโรคอะไรสักอย่างที่ผิดปกติ แต่เจ้าของร้านน่ารัก พูดจากับลูกชายหวานเชียว ไม่มีโมโหเลย ชอบมากๆๆ

เดินไปเข้าซอยเล็กๆที่หนึ่ง ไม่ค่อยพลุกพล่าน แต่มีกล้วยหอมราคาถูกที่นั่น กล้วยหอมหวีโต หวีละประมาณ 10 -12 ลูกขึ้นไป หวีละ 15-20 บาท บางที ถ้าเป็นหน้าละมุดก็จะได้ละมุดไม่ใส่สี กิโลละ 20 บาท

ไปอีกไกลนิดหนึ่ง จะเป็นกล้วยทอดเยื้องๆวิทยาลัยเทคนิค 8 ชิ้น 10 บาท
ร้านนี้ ค้นพบโดยพี่สาว ยังไม่รู้ประวัติ แต่เห็นคุณลุง คุณป้าสองคนช่วยกันหั่น ช่วยกันทอด มีร้านกล้วยทอดอยู่ใกล้ๆกันสองร้าน ตอนแรกที่ได้ข่าวว่าแถวนั้นมีกล้วยทอดเจ้าอร่อย พี่สาวคนโตไปซื้อที่ร้านแรก ไม่ค่อยมีคน กินได้คนละชิ้นก็วาง พี่สาวบอกว่า เจ้าของร้านดูท่าดีใจมาก หยิบให้เยอะแยะเชียว พี่สาวคนรองไปสืบมาอีกที ต้องถัดไปอีกร้าน ก็เลยทำน้ำหนักกันทั่วหน้าซะ (สงสารกล้วยทอดร้านแรกนะ ถ้าทำได้ไม่อร่อยเท่า อาจต้องหาผลิตภัณฑ์อื่นมาขายน่ะ)


ข้ามแม่น้ำกลับไปฟากโรงพยาบาล

ข้าวเหนียวมูลของคุณยายที่อยู่ตึกแถวเยื้องๆกับวัด กก.ละ 80 อร่อยและนุ่มมากๆ ปีหนึ่งๆ คุณยายทำข้าวเหนียวขายช่วงหน้าข้าวเหนียวมะม่วงเท่านั้น ทั้งๆที่ข้าวเหนียวเหลือง ข้าวเหนียวสังขยาก็อร่อยไม่แพ้กัน

ถ้าคุณยายไม่ทำข้าวเหนียวขาย ตอนเช้าๆจะมานั่งเล่นอยู่หน้าร้าน คุณยายอายุมากพอสมควรล่ะ น่าจะ 80 กลางๆ แต่ใจเย็น และยังแข็งแรงดีค่ะ


ผ่านไป 2 วัดก็เจอร้านปาท่องโก๋ คู่ละ 1 บาท ร้านไหนๆก็คงราคานี้ล่ะมั้ง แต่ร้านนี้ร้านใหญ่ดี คนขายพูดจาน่ารัก แล้วเป็นเส้นทางผ่านของเราน่ะ

เดินถัดจากร้านปาท่องโก๋ จะเจอร้านก๊วยเตี๋ยวคุณลุงคุณป้า ที่เปิดร้านแต่เช้า เป็นบ้านเขานั่นล่ะ แต่ทำพื้นที่ข้างล่างขายก๊วยเตี๋ยว ชามละ 20 บาท บรรยากาศบ้านไม้เก่าๆ มีโต๊ะตั้งอยู่ประมาณ 4-5 โต๊ะ มองดูป้านั่งหั่นหมูแดงไป ดูคุณลุงทำก๊วยเตี๋ยวไป ดีมากๆเลย

วนกลับมาที่ซอยองค์การโทรศัพท์ ถ้าตอนสายๆจะมีไอติมกะทิขาย กินกับขนมปังแผ่นนุ่มๆ ขนมปังราคาชิ้นละ 5 บาทมั้ง ไอติมกิโลละ 40 บาท ปกติจะซื้อมากินที่บ้าน ไม่เคยนั่งกินน่ะ แต่ถึงบ้านก็ต้องรีบกินเพราะละลายเร็วมากๆ ละลายเสร็จก็เหมือนกินกะทิ ไม่อร่อยเท่าตอนเป็นไอติมหรอก

ลอดช่องสิงคโปร์น้ำข้น ถุงละ 10 บาท
ร้านนี้เกือบถึงบ้านแล้ว พี่สาวเฃาว่าผู้ชายเจ้าของร้านไปอยู่กรุงเทพฯ แล้วเป็นหนี้เป็นสินมากมาย กลับมาขายลอดช่องนี่ล่ะ ใช้หนี้ คงจะใช้หมดแล้วมั้งเพราะตึกแถวที่ขายของก็ของเขาเอง ทั้งสามี ภรรยาช่วยกันทำมาหากินมาหลายปีแล้ว ขายดีอยู่หรอกนะ


ค่ารถโดยสารในเมือง คนละ 10 บาท ถ้านั่งรถสองแถวหวานเย็นไปนอกเมือง คิดคนละ 15 บาท แต่เส้นทางตั้งแต่ร้านขนมเบื้องวนมาจนร้านก๊วยเตี๋ยว เดินได้นะ น่าจะสัก 2-3 กิโลเมตร สบายๆ ...


ร้านช่างทำผมประจำ ทำสีผมโดยผสม Henna ไปเอง คิดครั้งละ 120 บาทพร้อมอบไอน้ำ ในร้านมีช่างคนเดียว เป็นทั้งเจ้าของร้านและเป็นทั้งผู้ช่วย จะทำผมทีต้องโทรไปจองคิว ช่างคนนี้น่ารักมากๆ

เป็นธุระพาญาติคนโน้นคนนี้ไปหาหมอในเมืองหลวงอยู่บ่อยครั้ง หนำซ้ำยังดูแลแม่สามีที่เป็นอัมพฤกษ์อีก และก็กวนนะ บางวันเรานั่งทำผมอยู่ มีลูกค้าโทรมา เธอบอกยังไม่ว่าง เราก็มองหน้า บอกว่าระหว่างที่เราอบไอน้ำ เธอก็ทำผมไปได้นี่นา เธอบอกว่าขี้เกียจ เสร็จเป็นรายๆไปดีกว่า บางทีก็ขี้เกียจ เหนื่อยจนไม่อยากทำก็มี นานๆเป็นทีน่ะ บางทีโทรไปแล้วเธอบอกไม่ว่าง เลยแซวว่า ไม่ว่างจริงๆหรือไม่ว่างขี้เกียจกันแน่จ๊ะ แบบไหนก็รับได้ทั้งน้าน

ส่วนช่างทำผมของแม่คิดแพงกว่า คิด 150 บาทแถมไม่อบไอน้ำให้อีก ฝีมือสู้ช่างประจำของลูกสาวไม่ได้แต่แม่ชอบไปที่ร้านนั้น ร้านที่อยู่ใกล้ๆสภากาแฟ เพราะแม่เห็นว่าเธอไม่ค่อยมีลูกค้า มีลูกสาวตัวเล็กที่ต้องดูแล บางที ก็ให้เธอทำตัวเป็นแม่ค้าคนกลาง นอกจากทำผมแล้ว ก็ให้ไปซื้อโน่นซื้อนี่มาให้แม่ขายต่อ บางที แม่ก็มีอารมณ์สงสารคนแบบนี้ล่ะ


การใช้จ่ายซื้อของกับแม่ค้าพ่อค้าแต่ละร้านในบ้านเกิด มันมีตำนานให้รำลึกถึงแบบนี้ล่ะ


เก็บไว้แค่นี้ก่อน นึกได้จะมาบันทึกต่อ

.................

8 พ.ค. 53

วันนี้ แวะไปซื้อโตเกียวร้านหน้าหอนาฬิกาในตลาด เดิมอาแปะที่ขายโตเกียวขายอยู่ที่เชิงสะพานอีกฝั่งของร้านขนมเบื้อง อาแปะเป็นเพื่อนกับพ่อเรา ตอนนี้ ผู้เฒ่าทั้งสองคนก็จากโลกนี้ไปแล้ว ลูกสาวอาแปะเป็นรุ่นน้องที่ตามกันมาตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมัธยมปลาย คนที่สืบทอดกิจการคือลูกชายอาแปะ ตอนบ่าย ขายอยู่ที่จุดเดิมใกล้บ้านเขากับรถคันเดิม ตอนเย็น ย้ายมาขายในตลาด ไม่ได้ไปอุดหนุนนาน วันนี้ พบว่าลูกชายอาแปะมีลูกน้องสองคน มีเตาเพิ่มมาอีกหนึ่งเตาบนรถเข็นคันใหม่ สังขยาที่เป็นไส้โตเกียวมีเพิ่มจากเดิมสีส้มเป็นสีเขียวและสีฟ้าดอกอัญชัญ ยังขายชิ้นละหนึ่งบาทเท่าเดิม และคนก็รอกันหลายคิวเหมือนเดิม

ดีจังที่ สูตรขนมอร่อยที่อาแปะทิ้งไว้มีลูกชายมารับช่วงต่อ ดีจังเลยค่ะ


พอถึงจุดหนึ่ง เรารู้สึกว่า ทำอาชีพอะไรก็ได้ ขายของน่ะได้กำไรพอเลี้ยงตัวได้ถ้ารู้จักทำ รู้จักช่องทางที่จะขาย คนที่เราเห็นมาเมื่อหลายสิบปีก่อน แม้จะยังทำอาชีพเดิมอยู่ ก็ดูจะพอใจในงานที่มั่นคงของตัวเอง ไม่รู้ว่าในใจเขาดิ้นรนอยากจะขยับฐานะให้มันก้าวกระโดดเหมือนพวกคนในเมืองหลวงรึเปล่า ใจของใคร เราจะไปรู้ได้ยังไง แต่เราว่า เขามีความพอใจในระดับหนึ่ง ระดับที่เขาอยู่ได้อย่างสบายใจและสบายตัว

...บางที การกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิด อยู่กับค่าครองชีพและสังคมเล็กๆเรียบๆแบบนี้ ก็น่าลองอยู่เหมือนกัน




 

Create Date : 19 เมษายน 2553    
Last Update : 9 มกราคม 2554 18:21:06 น.
Counter : 598 Pageviews.  

หมากัด อย่าโกรธตอบ

ช่วงหยุดยาวสงกรานต์ที่ผ่านมา มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับลูกหมาตัวผู้สองตัวที่พี่ชายเอามาทิ้งไว้ที่ร้านของแม่ แม่น่ะไม่อยากได้มันมาร่วมชายคาหรอกแต่ไม่รู้จะขัดลูกชายสุดที่รักยังไงดี ส่วนเจ้าของหมาก็มาหามันบ้างวันสองวันครั้ง ครั้งละไม่กี่ชั่วโมงแล้วก็ไป

เราก็...เต็มใจเลี้ยงออก ถ้าไม่ยุ่งกับงานที่บ้าน แต่เผอิญว่ายุ่งมากซะด้วย มีเวลาเล่นกับมันตอนเช้ากับตอนค่ำเท่านั้นเอง เวลาที่เหลือต้องจับมันไปไว้ในกรง จริงๆแล้วสวนของแม่ก็พอจะกั้นได้ถ้ามันโตกว่านี้ แต่นี่มันลอดตรงข้างใต้ออกมาได้ เลยต้องจับใส่กรงก่อนที่จะมีใครผ่านมาคว้าเอาตัวมันไป

หลานตัวเล็กแวะมาแล้วก็ชอบปล่อยหมาออกจากกรงจัง พอมันเข้าไปฉี่ในร้าน ทั้งแม่ทั้งพี่สาวก็โวยวายน่ะสิ หลานชายตัวเล็กบอกว่า ป๊าสอนว่า ให้จับมันมาดมแล้วตี มันจะได้ไม่มาฉี่ที่นี่อีก อืม..เราจำวิธีนี้ได้ตอนเด็ก แต่ตอนนี้ชักไม่เห็นด้วย เลยถามกลับว่า เวลาที่หนูฉี่ราดบนที่นอน ถ้าจับหนูมาดมฉี่แล้วตี ต่อไปหนูจะไม่ฉี่ลงที่นอนอีก..รึเปล่า? หลานยิ้มเขินๆ บอกว่า ยังฉี่ต่อถ้าป๊าไม่อุ้มไปเข้าห้องน้ำตอนดึก

ได้ร่องรอยแดงเป็นเส้นตามมือและน่องมาหลายรอย การเล่นของมันคือกัดเอาตรงๆนั่นล่ะ เหมือนกับว่าจะมันเขี้ยว กัดแล้วติดใจ หลบไม่ทันก็โดนไป โดนแต่ละครั้งเป็นรอยถลอกบ้าง เลือดไหลซิบๆบ้าง พี่สาวมองๆแล้วก็ว่า เธอจะเป็นพิษสุนัขบ้ามั้ยนี่ แล้วก็ห้ามไม่ให้เล่นกับมัน บางทีไม่ได้เล่นอะไรสักหน่อย แต่มันอยากเล่นกับเราก็มากัดเราเฉยเลย

นึกถึงเพื่อนรุ่นน้องที่เป็นผู้บริหารระดับสูงที่หนึ่ง บอกว่าเพิ่งเคยเลี้ยงหมา วันวันอยู่กับหมาโกลเด้นสองตัวที่บ้าน เลี้ยงไว้ในห้องแอร์ เวลาเรียกหมา เขาใช้สรรพนามแทนตัวหมาว่า “เขา” คงเหมือนคนยุคนี้ที่เรียกหมาว่า “เค้า” เค้าอย่างโน้น เค้าอย่างนี้

ส่วนเราน่ะเหรอ สรรพนามแทนตัวก็ต้อง “มัน” น่ะสิ และถ้าเวลาโมโหเกิด จะเพราะมันเอาจมูกเปื้อนดินมาแต้มกับเสื้อหรือกางเกงเรา หรือจะเพราะมันคาบรองเท้าเราไปกัดจนวิ่งตามไปรอบบ้าน หรือจะเพราะมันแว้งกัดหลังมือเราอย่างแรงตอนที่จับมันเข้ากรง หรืออะไรก็ตามแต่ มันที่ว่าก็อาจจะกลายเป็น “ไอ้....” และ “มึง” ก็ได้

เรียกหมาว่า “เค้า” คงหวานดีพิลึกนะ

ส่วน “ไอ้...” ที่ว่า ยามตะโกนเรียกมันมาหาด้วยเสียงสูงปรี๊ดหรือเวลาที่มันซนจนเราโดนแม่ว่าและต้องมาเสริมคำว่าไอ้ตามด้วยชื่อมัน มีอยู่สองไอ้ คือ ไอ้สีนิลกับไอ้น้ำตาล

ตอนแรกใครตั้งชื่อน้ำตาลว่าสีนวลก็ไม่รู้ แต่ชื่อสีนวลเป็นชื่อที่เรียกแล้วสลดใจเพราะนึกถึงหมาที่เคยเลี้ยงไว้สมัยเด็ก เลยเปลี่ยนชื่อมันเป็นน้ำตาลแทน น้ำตาลมันชอบทำหน้าให้เราสงสารเรื่อยเลย แต่วันหลังๆมันชักดุ อุ้มเข้ากรงก็จะรู้ เลยแว้งกัดซะเจ็บไปหลายครั้ง และมันชอบเรียกร้อง ร้องอยู่นั่นล่ะเพื่อให้ปล่อยมันออกไปจากกรง พอออกมาวิ่งที่สวน ก็มันนี่ล่ะที่กัดต้นไม้ของแม่พังไปหลายต้น กระโดดไปนอนบนกอตะใคร้จนราบไปครึ่งหนึ่ง เป็นความสนุกของมันที่ได้กระโดดสูงแล้วล้มตัวลงไปบนใบไม้นุ่มๆ หรือไม่ก็แทะต้นกล้วยเอาบ้างเวลาหาอะไรกัดไม่ได้ นี่แม่มัวยุ่งๆกับงานที่บ้าน สงสัยว่าพอมาเจอต้นราบๆทั้งหลาย แม่คงจะบ่นไปลั่นบ้านเป็นแน่

ส่วนสีนิลแรงเยอะกว่าน้ำตาล กินเก่งกว่า นอนอืดกว่า อาจจะเคลื่อนไหวช้ากว่าน้ำตาลนิดหนึ่งแต่เวลากัดกัน มันกัดได้แรงกว่า

ฟันมันคมและมันก็เล่นซนกันได้แทบทั้งวัน เวลามันกัดเราหรือไปกัดอะไรจนเสียหาย ก็มีปรี๊ดบ้างนะ นึกถึงอารมณ์ปรี๊ดที่ว่าก็ขอบใจมัน เออ...อย่างน้อยก็ดีที่ช่วยทำให้เรารู้สึกตัวว่าไม่ได้เฉยเกินไป เพราะรู้สึกเฉยๆเฉื่อยๆชอบกลพักนี้

แล้วอย่าหวังว่าจะมาอยู่ห้องแอร์ อยู่ open air ไปนั่นล่ะ ส่วนอยากไปคลุกดินคลุกฝุ่นให้ตัวเหม็นก็ตามสบาย สกปรกมาก็อาบน้ำกันทีหนึ่ง

พันธุ์อะไรหว่า พี่ชายบอกว่ามีเชื้อลาบราดอร์ เดี๋ยวดูไปเรื่อยๆละกัน แต่น่าสงสารมันเหมือนกัน เพราะถ้าเราไม่อยู่ คงไม่มีใครเล่นกับมัน เล่นกันไปสองตัวละกันนะ








29/5/10

และแล้ว น้ำตาลก็จากไป ไวเกินไปนิด
มันกระโดดลงจากรถตอนที่พี่ชายเอาไปวิ่งแล้วแง้มกระจกไว้ เขามารู้ตอนไปถึงที่สนามแล้ว มีคนรู้จักกันบอกว่า เห็นมันกระโดดลงมาตอนติดไฟแดงและมีเด็กนุ่งกางเกงขาสั้นอุ้มมันไป

อยู่ที่ไหนก็ได้นะน้ำตาล ขอให้เจอคนที่เขารักและดูแลดีดีแล้วกัน

ข้างฝ่ายสีนิล เหมือนจะซึมไป ติดคนมากขึ้น สังเกตได้ว่ามันจะต้องมานอนเล่นใกล้ๆกับที่เรานั่ง ทั้งที่อยู่อีกมุมหนึ่งก็ได้ เฮ้อ...ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก เป็นทุกข์ รู้รึเปล่า




 

Create Date : 17 เมษายน 2553    
Last Update : 29 พฤษภาคม 2553 17:03:26 น.
Counter : 605 Pageviews.  

ขอร้องแกมบังคับ

แม่ชอบบังคับให้คนโน้นคนนี้ทำอะไรให้ บังคับไปซะทุกเรื่อง เช่น แม่จะไปวัดที่... วันนี้ ให้ทุกคนไปเจอกันที่นั่น ไอ้เราก็อยากจะทำธุระส่วนตัวบ้าง (จริงๆคือ ทำความสะอาดห้อง นอนเล่นและอ่านหนังสือ) ก็ปฏิเสธ แต่แม่บอกว่าต้องไป ให้ติดรถพี่ชายบ้าน...ไป แล้วก็วางหูโทรศัพท์ตัดบทซะ เซ็งเลย

เย็นวันนี้ โทรมาบอกว่าห้ามไปบอกใครนะ แล้วก็พูดถึงหน้าที่ match maker ของแม่ หลังจากที่พยายามมาหลายปีกับลูกสาวแล้วไม่สมหวัง คราวนี้เล็งไปที่หลานสาว เราก็เตือนๆว่า ถ้าหลานไม่อยากเข้าใกล้ ไม่มาพูดคุย ก็ให้รู้ตัวด้วยว่าไปทำอะไรกับเขาไว้ เขาถึงแสดงปฏิกิริยาแบบนั้นออกมา

แล้วเราก็บอกว่า เราไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมแม่ถึงคิดว่าอะไรหรือใครที่แม่ชอบ ทุกคนจะต้องเห็นด้วยกับแม่ ก็ดูอย่างเรื่องการเลี้ยงหมาสิ ทะเลาะกันมาตั้งแต่เรายังเด็กแล้วเรื่องนี้ จนถึงป่านนี้ แม่ก็ยังไม่ชอบหมาอยู่ดี ทั้งๆที่เราชอบหมาออก อะไรที่เราชอบและเห็นว่ามันน่ารัก ทำไมแม่ถึงเห็นไม่เหมือนกัน เขาเลยนิ่งไปนิดหนึ่ง แล้วหัวเราะ เปลี่ยนเรื่องพูดว่าทำอะไรกินตอนเย็น

เออ...เราเลยสงสัยว่า แล้วแม่ไปคุยโทรศัพท์ที่ไหน ทำไมมันถึงเงียบจัง ปกติพี่สาว 2 คน ต้องอยู่แถวๆนั้น ไม่ตรงที่กินข้าวก็ตรงที่ดูทีวี แม่บอกว่า แม่โทรมาจากในห้องส้วม เฮ้อ... (ก็เป็นเรื่องที่ห้ามไปบอกใคร เรื่องวางแผนจับคู่ให้หลานน่ะ)




 

Create Date : 06 มีนาคม 2553    
Last Update : 6 มีนาคม 2553 20:31:12 น.
Counter : 520 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  

saifan
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add saifan's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.