ตอน ม.1 เรียนยิมนาสติก หลายๆท่าที่ฝึกนาน กว่าจะผ่านก็ทำให้ครู (เพื่อนพี่สาว) เหงื่อตก แต่ท่าที่ทำได้คะแนนเต็มคือ สะพานโค้ง ไม่ใช่แค่นอนแล้วดันตัวขึ้นแต่ยืนแล้วโค้งลงไป
หลายปีก่อนตอนเรียนโยคะ ครูให้ทำท่านี้ อาจเป็นเพราะหลายท่าที่เรียนโยคะทำให้ข้อมือแข็งแรง ก็เลยทำได้แต่แบบลุ้นๆ พอเลิกเล่นโยคะ ก็ทำไม่ได้แล้ว
การย้ายที่อยู่ ทำให้ได้ออกกำลังกายบ่อยขึ้น ช่วงแรก พอจะดันตัวขึ้น จะต้องลุ้นมาก 1, 2, 3 หลายครั้งที่นับ 3 ไปแล้วก็ยังดันตัวไม่ขึ้น 2 เดือนหลังนี้ไม่ได้ขี่จักรยานอย่างเดียว แต่ไปเล่นท่าที่ใช้ข้อมือและแรงแขน พอดันตัวขึ้น ก็โค้งขึ้นมาแบบไม่ต้องมาลุ้น ไม่ต้องมานับเลข ค้างอยู่สักพักแล้วก็ค่อยๆลง ครั้งแรก ครั้งสองและอีกหลายๆครั้งก็เป็นอย่างนี้ ง่ายกว่าตอนเล่นโยคะสมัยโน้นอีก คาดว่าเพราะความแข็งแรงของข้อมือและแขนของตัวเอง
เพราะทำเหตุตรง ผลถึงได้อย่างนี้ ..สรุปกับตัวเองไว้อย่างนั้น การทำเหตุแบบนับเลข แล้วตั้งใจผลักตัวเองขึ้นมา ไม่ใช่เหตุที่ตรง มันถึงขึ้นได้บ้าง ไม่ได้บ้าง หรือขึ้นมาแล้วไม่ทันหายใจก็หมดแรงดันตัวเอง ลงไปนอนซะก่อน
ปีนี้ย่างเข้าปีที่ 8 ที่เดินบนเส้นทางสายนี้ แต่ก็เหมือนจะกลับไปเริ่มที่จุดเริ่มต้น เป็นเพราะความเหลวไหล ไม่เอาจริงเอาจัง เคยคิดว่าตัวเองทำเหตุดีแล้ว ที่เหลือเป็นเรื่องของผล การคิดแบบนั้นถูกแต่วิธีการทำเหตุยังไม่ถูก และยังไม่พอ
เริ่มต้นนับหนึ่งอีกครั้ง กับการสร้างสะพานโค้ง.. เพื่อข้ามโลก ให้กับตัวเอง