Once upon a time ...
Group Blog
 
All blogs
 
Year End 2011 Record

เป็นหวัดข้ามปี

นานๆทีจะป่วยหนัก อาการเดียวกับปีใหม่ที่แล้วเลย ไอแรงจนนอนไม่หลับ ปีนี้น้ำมูกน้อยหน่อยแต่หายใจไม่คล่อง และเป็นหวัดยาวนาน ร่วมอาทิตย์ก็ยังไม่หาย เพราะทำงานหนักทุกวัน กว่าจะได้เข้าที่นอนก็สามสี่ทุ่มไปแล้ว แถมมีการบ้านก่อนนอน ง่วงยังไง เหนื่อยยังไงก็ต้องทำ ทำการบ้านเสร็จร่วมชั่วโมงถึงจะนอนได้ แย่จัง อีกอย่าง ไม่ได้กินยาเลย ไม่มีเวลาแม้แต่จะไปหาหมอหรือไปซื้อยากิน (ถึงได้ยามา คนกินยายากอย่างเราคงจะกินบ้าง ไม่กินบ้างนั่นแหละ สุดท้ายไปหาหมอตอนใกล้จะหายดี แล้วบอกหมอว่า ขอยาน้อยๆเพราะไม่ชอบกินยา เปลี่ยนเป็นยาอมได้ยิ่งดี )

ปีนี้เหนื่อยจัง ไตรมาสสุดท้ายนี่เหนื่อยมากๆ เหนื่อยกาย เหนื่อยใจ ปัญหาคาราคาซังของที่บ้าน ทำเอาหมดแรงไปเยอะ แล้วก็มีปัญหาใหม่ (ใหญ่??) รออยู่ข้างหน้า เรื่องราวของคนรอบตัวทั้งนั้น

ในความวุ่นวายที่เกิดขึ้น สามอนงค์กลับทำงานกันได้เข้าขามาก (เรียกชื่อตามร้านก๊วยเตี๋ยวที่เพื่อนที่ทำงานตั้งชื่อให้) สามอนงค์คือพวกเราพี่น้องสามสาวนี่ล่ะ ทำงานห้าวันเต็มที่แล้วยังมาใช้แรงงานกันที่บ้านอีก เราห่างกับพวกพี่สาวเป็นรอบ เมื่อก่อนเหมือนคนละรุ่น คุยอะไรกันก็ไม่ได้ พอเราแก่ตัวทันเขา อารมณ์เย็นลงพอจะรับอารมณ์แรงๆของคนหนึ่งได้และรับความไร้ระเบียบของอีกคนหนึ่งได้ มันก็เลยอยู่ด้วยกันได้ (มั้ง) ป่วยปีนี้ เอาตัวเองไปขังเดี่ยว ไม่นอนกับใคร จะได้ไม่มีใครเดือดร้อนติดเชื้อเราไป พี่สาวสองคนเริ่มปวดเมื่อยเนื้อตัวเพราะความชรา คนโตหันมาเดินตอนเช้าแล้ว อย่างน้อยได้วันละครึ่งชั่วโมงก็ยังดี คนรองยังหาวิธีที่จะลดไขมันในเส้นเลือดและไตรกลีเซอไรด์ด้วยการหลีกเลี่ยงอาหารและกินวิตามิน แต่เราบอกว่า วิธีที่ดีที่สุดคือไปออกกำลังกาย ไม่ต้องไปฟิตเนสที่ไหน เอาขาไปเดินแค่นั้นล่ะ

เรื่องเงินๆทองๆบ้าง

พี่สาวคนรองนี่ ทุกเม็ดไม่มีพลาด คือ... หนี้ทุกบาท ทุกสตางค์ ใครติดใคร เขาติดใคร เราติดเขา เขาสามารถจัดแจงได้หมด เห็นแล้วก็ ตามประสาน้องคนเล็กไง ที่ไปไหนใครๆก็จ่ายให้ ยิ่งพี่สาวคนโตนี่ จ่ายไม่อั้น จะของกินของใช้ พี่ชายอีกสองคนก็เป็นเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ออกเพราะเราเกรงใจพี่สะใภ้ แต่กับพี่สาวคนรองนี่ สุดๆล่ะ ... จริงๆแล้ว การที่เขาเป็นคนแบบนี้ ก็ช่วยให้ที่บ้านประหยัดอะไรไปเยอะ อุปกรณ์ไฟฟ้าหลายชิ้นได้มาฟรีเพราะการบริหารคะแนนบัตรเครดิตของเขา การจัดซื้อของใช้ในบ้าน ก็เขาทั้งนั้น ควรจะต้องเห็นใจเขาซะมากกว่านะ

น้าเป็นหนี้แม่ ตอนไตรมาสสี่ มารู้เพราะจะแลกเงินให้น้าใช้ง่ายๆ เวลาเราให้เงินเดือนน้า เรามักจะทำแบบนั้น พอไปแลกกับแม่ แม่บอกไม่ต้องแลกเพราะเดี๋ยวน้าต้องเอาเงินมาคืนแม่ ฟังแล้วเหนื่อยใจ เงินที่ให้น้า ตั้งใจให้เขาใช้จ่ายโดยไม่ต้องพึ่งเงินขายของ แต่เขาอยากได้มากกว่านี้ เลยไปซื้อของมาขายอีก น้าแก่แล้วแถมยังขายของไม่ดีอีก จริงๆคือ ทำการค้าไม่รุ่ง ปัญหาเลยหมุนวน เห็นแล้วนึกถึงแม่เพื่อนที่ทำงานคนหนึ่ง คล้ายๆกัน ไม่ขายจะดีซะกว่า... อีกเรื่องคือ น้าไปเป็นเจ้าภาพกฐินตกค้างในปีนี้ ตามประสาวัดต่างจังหวัด จะวัดกันที่มูลค่าเงิน น้าทุ่มลงไปหมดตัว (ทั้งที่ตัวเองก็ไม่มีเงินเก็บมากมาย) นะ.. ความเชื่อของใครของมัน เราพยายามพูดให้น้อยที่สุดก็พอแล้ว พอสิ้นปี ให้เงินมากกว่าเดิม ถือเป็นโบนัสเหมือนที่เราได้จากที่ทำงาน เห็นน้าซื้อนม ซื้อขนมมาใส่บาตรแล้วรู้สึกดีแฮะ อาศัยทำบุญทางอ้อมแบบนี้ล่ะ อย่างน้อย น้าน่าจะพอมีเงินให้อั่งเปาเด็กๆตอนตรุษจีน หวังว่าอย่างนั้น


เรื่องอะไรอีกดี??

ชีวิตก็ไปเรื่อยๆ มีพอใจบ้าง ไม่พอใจบ้าง ดิ้นรนหาทางทำอะไรทั้งหลายเพื่อหลีกเลี่ยงกับความเปลี่ยนแปลง สุดท้าย ความเปลี่ยนแปลงก็หมุนไปทั้งเรื่องงานและเรื่องที่อยู่จนกลายเป็นเราอยู่นิ่งกับที่ไปซะ

ดูคล้ายอารมณ์มันผ่อนลงไป ไม่หวือหวามาก ที่เคยไม่พอใจคนในบ้าน ทั้งนิสัย ทั้งความไร้ระเบียบ ทั้งอะไรต่างๆ ระดับความไม่พอใจมันลดลง คนบ้านไหนจะเป็นยังไง ใช้คำพูดแบบไหน ทำตัวยังไง ก็เรื่องของเขา ส่วนที่บ้านฝั่งธนฯ เดี๋ยวนี้ทำความสะอาดบ้านได้แบบเฉยๆ เห็นแล้ว ยังมีแรงทำก็ทำ ไม่มีแรงทำก็ทิ้งเอาไว้ แต่ส่วนใหญ่จะทนไม่ค่อยได้ ก็จะทำไป ทำเพราะสมควรทำ หรือเป็นเพราะแบบฝึกหัดชิ้นหนึ่งคือไปขัดส้วมสาธารณะช่วงขาดคนงานก็เป็นได้

ความผูกพันกับผู้คนมันน้อยลง เขาจะดีกับเรา เขาจะอยู่กับเราหรือเขาจะไม่อยู่ มันไม่ได้รู้สึกอะไรมาก จะเพื่อนฝูง จะญาติมิตร รวมไปถึงสิ่งของทั้งหลายด้วย มีเพื่อนคนหนึ่งเคยถามความรู้สึกเราเมื่อสองปีมาแล้ว คงเห็นว่าเราพูดน้อยลง ง้อคนน้อยลง เราบอกว่าเราเฉยๆ เพื่อนถามว่ากดเอาไว้หรือเปล่า เราบอกว่าเปล่า จะว่าไม่แคร์ก็ไม่เชิง มีเรื่องมา ช่วยได้ก็ช่วยกัน แต่ความรู้สึกไม่อินเหมือนสมัยเรียน สมัยนั้นถึงไหนถึงกัน สมัยนี้ไม่ใช่แล้ว ทางใครทางมัน พาดผ่านกันก็สัมพันธ์กันเป็นช่วงๆ เธอบอกว่าเราเปลี่ยนไป เปลี่ยนแบบนี้ เธออาจไม่ชอบก็ได้มั้ง

หลานๆก็เติบโตไปตามวัย ยัยจิ๋วจะเป็นยังไงก็ไม่รู้ บางที อาจต้องปรับความเข้าใจ เปิดใจหรืออะไรก็แล้วแต่กับพ่อของเธอ ไม่งั้น ที่ตั้งเป้าหมายไว้ คงจะสะดุดหรืออาจจะชะงักก็ได้ เราจะช่วยอะไรได้บ้างมั้ยน้อ?? ยัยกุ้งแห้งจะไปอเมริกา ยังไม่รู้ว่าจะไปรัฐไหน อยากตามไปส่งจังเลย ไปเก็บตัวสักปี เธอคงได้เรียนรู้และพัฒนาอารมณ์มากขึ้น หวังว่าอย่างนั้น...

ส่วนเพื่อนฝูงที่ว่าผูกพันน้อยลง แต่ก็เถอะนะ อาทิตย์สุดท้ายของปี ได้ไปกินข้าวกับเพื่อนเก่าแถวอโศก มีงอนนิดหนึ่งโดยที่เธอไม่รู้ตัวเพราะรายนั้นนัดแล้วเบี้ยวประจำ เราบอกไปตรงๆว่ายกเลิกนัดคนอื่นแล้วตั้งใจมาตามนัดของเธอ แต่ไม่เป็นไร ไม่มาก็ไม่มา (คบมานานจนรู้แล้วว่าต้องวางใจยังไง) สุดท้ายก็มา มาเลี้ยงชานมไข่มุกแล้วไปนั่งกินข้าวที่ Black Canyon บรรยากาศดีแฮะ ไว้ปีหน้าไปอีก แล้วก็ได้ระบายปัญหาที่บ้านยาวเหยียดที่ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง ไม่มีทางออกหรอกแต่เธอก็ได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แค่นั้นเอง เพื่อนอีกคนโทรมาร่ำลาสิ้นปี มาขำเรื่องที่เราเป็นผู้หญิงคนเดียวที่นั่งรถกลับออฟฟิศคืนนั้นร่วมกับผู้ชายขี้เมาทั้งหลาย แต่ก็กลับมาด้วยความปลอดภัย แม้จะมีแวะกลางทางปล่อยให้คนเมาลงไปอาเจียน เรื่องที่ดูน่ากังวล พอผ่านไปแล้วมันก็ขำขำได้ หรืออาจเป็นเพราะการแต่งหน้าแต่งตัวของเรา ไม่ดึงดูดความรู้สึกคงค้างของพวกที่เพิ่งบอกลาน้องๆโคโยตี้มาก็เป็นได้

มีเพื่อนบางคนที่นานๆเจอกันที แต่เวลาที่ได้คุย ก็ยังได้ความรู้สึกดีดีกลับมา คนหนึ่งคุยกันบ่อยช่วงน้ำท่วม เราอยู่จังหวัดเดียวกัน ต้องคอยส่งข่าวน้ำทางนี้กับน้ำทางนั้น รายนี้เก่งมาก เพราะจัดการกั้นน้ำไว้ได้เป็นเดือนไม่ให้เข้ามาในที่ทำงาน การงาน ธุรกิจไม่เสียหาย อีกคน คุยกันทีไรหนีไม่พ้นเรื่องบ้านเมือง ก็...บ้านเมืองของเรานี่นะ ยังมีอีกหลายคน ทั้งเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ทำงานเก่า พี่คนหนึ่งที่ไม่เคยสื่อสารกันทางเน็ตส่งข้อความมาตอนปีใหม่ น่ารักจัง ตอนช่วงน้ำท่วมก็โทรมาถามไถ่ เราสิ ไม่ค่อยน่ารักเลย ไม่ได้ติดต่อใครๆซะบ้าง หรือแม้แต่เพื่อนบ้าน คุณน้ารปภ.ตัวอ้วนกลมยังดีเหมือนเคย พี่รปภ.ที่หอพักนี่เก่งสุดยอด พายเรือก็ได้ จับปลาก็ได้ ซ่อมเครื่องไม้เครื่องมือก็ได้ ปลูกต้นไม้ก็เก่ง เผอิญต้นไม้แกตายเพราะน้ำ เดี๋ยวต้องมาขอจากต้นที่เคยให้เราไปขยายพันธุ์ต่อ คุณน้าข้างบ้านฝั่งธนฯก็น่ารัก มาอวยพรปีใหม่ เดี๋ยวนี้มีจับแขนจับมือ นานๆเจอกันที แต่คุณน้ายังเรียกเราว่าอาจารย์ ไปเอามาจากไหนนะว่าเราเป็นอาจารย์น่ะ?? ภาพที่คุณน้าเห็นเราวันหยุดทีไร ก็จะกางเกงขาสั้นตัวเก่าๆ พร้อมผ้าขี้ริ้วหรือไม่ก็แปรงขัดพื้นในมือ หัวกระเซิง หน้ามันเยิ้ม ไม่ยักจะมีภาพอาจารย์ซักนิด

อืม... ที่ร้านของแม่ มีคนแปลกหน้า (ลูกค้า) หลายคนในปีนี้ ที่พบเจอกันเพียงชั่วคราว แต่พูดจากับเราดีเหลือเกิน มีผู้ใหญ่อวยพรปีใหม่ให้ร่ำรวย (หน้าเราก็ยิ้ม แต่ในใจเราขอ.. ขออีกอย่างได้มั้ยคะ ^_^) อีกคนที่จำได้แม่นเพราะเขาคุยนานมาก ก่อนออกจากร้าน เขามองไปรอบๆ มองหน้าเราแล้วบอกว่า ร้านนี้ดีจังที่มีแม่ค้าแบบนี้ (เราฟังเขาคุยเรื่องเก็บป่าให้เทวดา ปล่อยน้ำให้ไหล สัตว์มีกี่ประเภท-เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน... แค่เป็นผู้ฟังที่ดีเท่านั้นเอง)

อ้อ...และคงมีอีกหลายคนที่ผ่านมาเยือน blog ของเรา มีคนแวะเวียนมาบ่อยครั้งหรือหลายคนก็ไม่รู้ แต่เราถือว่ามาเยี่ยมเยียนก็แล้วกัน เพื่อนร่วมเดินทางไกลอีกกลุ่มหนึ่งของเรา ขอให้ได้ความรู้สึกดีดีกลับไปด้วยละกัน หรือถ้าจะร่วมเดินทางสายนี้ด้วยกัน ก็จะยินดีเป็นอย่างยิ่ง


ปิดท้ายก่อนปีใหม่ด้วยการตามน้องสองคนไปฟัง ดร.สนอง บรรยายว่าจะ count down กันแบบไหน อย่างไร และให้เอาศีลคุมใจ โชคดีจังที่มีกัลยาณมิตร มีเพื่อนดีดีแบบนี้ในเส้นทางการเดินทางไกล ทั้งทางโลกและทางธรรม ก็พอจะหล่อเลี้ยงใจไม่ให้แห้งแล้งเกินไปนัก




Create Date : 04 มกราคม 2555
Last Update : 19 มกราคม 2555 20:00:08 น. 0 comments
Counter : 547 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

saifan
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add saifan's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.