Once upon a time ...
Group Blog
 
All blogs
 
ครบรอบแปดสิบปี

ทำบุญวันเกิดปีนี้ของแม่ยิ่งใหญ่กว่าปีก่อนๆที่ผ่านมา เพราะย้ายจากการทำบุญบ้าน เชิญแขกที่สนิทของแม่มาไม่ถึงสิบคน เชิญพระมาไม่ถึงสิบรูป กลายเป็นไปทำบุญที่วัด เชิญพระจากหลากหลายที่ในจังหวัดมา 99 รูปและแขกที่มาร่วมโต๊ะจีนอีกร่วมสิบโต๊ะ หลานชายตัวเล็กถามว่า ทำไมอาม่าต้องทำอะไรใหญ่โตยุ่งยากขนาดนี้ ทำไมเราไม่ออกไปกินข้าวนอกบ้านด้วยกันฉลองวันเกิด นั่นสินะ เห็นค่าใช้จ่ายที่บานปลายแล้วก็เสียดายเหมือนกันล่ะ เพราะนอกจากโต๊ะจีนที่ทำให้แขกแล้ว ยังมีของคนขับรถที่รับส่งพระอีก 5 โต๊ะ และการคาดการณ์ที่ “เผื่อขาด” ของแม่ ทำให้มีโต๊ะเหลืออีกสิบที่ แต่อาหารทั้งหมดก็เก็บมาแจกจ่ายกันต่อไป

ตอนเช้า แม่ตื่นมาสวดมนต์ ใส่บาตรหน้าบ้านแล้วก็ไปตลาด ซื้อปลามาปล่อยที่ท่าน้ำ เด็กๆสองคนชอบใจ แม่น้ำวันนี้มีน้ำเยอะเพราะมีการแข่งเรือ ทางเขื่อนเลยปล่อยน้ำออกมามาก นึกดีใจกับปลาดุก 15 กก.ที่คนขายหอบใส่กาละมังมาให้ นึกคิดเอาเองว่ามันคงจะร่าเริงเบิกบานใจไหลไปกับกระแสน้ำ ออกซิเจนคงจะเยอะดี

มีไหว้เจ้าที่ที่หน้าบ้านด้วย ระหว่างที่รอจัดโต๊ะ ตากล้องเชื้อสายจีนที่แม่จ้างมากำลังคุยอย่างภูมิใจเรื่องลูกสาวของเขาที่เพิ่งจบตรี ว่ามีบริษัทสอบบัญชีหลายที่มาจีบ ตกลงไม่รู้เลือกบริษัทไหน...เข้าใจว่าชื่อภาษาอังกฤษของบริษัทเหล่านั้นคงจะจำยาก ในวูบนั้นที่เรามองเขา เราเห็นภาพของพ่อ พ่อชอบเอาเรื่องความสำเร็จในการเรียนและการงานของลูกไปเล่าให้เพื่อนๆฟังเช่นกัน พ่อภูมิใจเสมอยามที่ลูกเรียนดีได้ไปรับรางวัลของสมาคมบนเวที เวลาลูกคนไหนเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง พ่อจะฟังเงียบๆแต่เอาไปคุยในวงกว้าง ...คิดถึงพ่อขึ้นมาจับใจในงานวันเกิดของแม่


พอไปถึงที่วัด ฝ่ายเจ้าภาพอย่างเราได้แต่วิ่งวุ่น หาจานมาจัดขนมที่ขนกันไป ตัวแทนวัดก็ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน เดินหากันเอาเอง เจ้าอาวาสท่านก็ต้องยุ่งกับพิธีการ ไม่กล้าไปรบกวนท่าน ในระหว่างที่พระสวดมนต์ ได้แต่ทำงานไป ฟังไป ดีที่เริ่มคุ้นเคยกับศัพท์บาลีหลายคำ ท่านสวดมนต์บทไหน เราไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าตอนนี้คงพูดถึงเรื่องนี้ เรื่องนั้น จับได้เป็นคำคำแล้วเอามาคิดเอง

มีแต่เรื่องการทำทาน ทั้งแม่และกองหน้าทั้งหลายร่วมกันถวายของแด่พระ แม่แจกทรัพย์คนขับรถและมอบเงินให้โรงเรียน มูลนิธิต่างๆ หน้าฉากเป็นอย่างนั้น ส่วนพวกหลังฉากอย่างเราและพี่สาว ทั้งวิ่งวุ่น ติดต่อคนส่งน้ำ ส่งน้ำแข็ง หาภาชนะใส่ขนม ใส่ข้าว เสร็จตอนพระสวดมนต์เสร็จและได้เวลาประเคนอาหารพอดิบพอดี ให้หัวใจได้สูบฉีดโลหิตแรงๆซะบ้าง

เสร็จงานก็ไปเดินดูรอบวัด ดูพระประธานที่แม่สร้างถวาย เสียดายที่เรือนไม้สักหลังนั้นมีรอยรั่วและไม่ได้ใช้งานเท่าใดนัก ทักทายคนเก่าคนแก่หลายคน ถ้าเป็นคนจีน มักจะถามว่าทำงานที่ไหน ทำอะไร ถ้าเป็นคนไทย อย่างพี่ไลที่เคยทำงานที่บ้านเมื่อนานมาแล้ว พี่ไลถามว่าทำงานที่ไหน ไม่ถามว่าทำอะไรแต่ถามว่า มีความสุขดีใช่มั้ย เป็นคำถามที่น่ารักและไม่เหมือนใคร พี่ไลดูงามแบบผู้ใหญ่ ไม่เจอกันหลายสิบปีแล้ว คนเก่าคนแก่น่ารักแบบนี้ล่ะ สุดท้าย ถ่ายรูปหมู่ของครอบครัวกันแล้วก็กลับ


ระหว่างที่ติดรถพี่สะใภ้กลับมากรุงเทพฯ เราคุยเรื่องจิปาถะกันหลายเรื่อง หลานๆสองคนมีส่วนร่วมตลอด พอใกล้ถึงกรุงเทพฯ ยัยตัวจิ๋วของบ้านเอาโทรศัพท์มือถือของเธอมาเปิดเพลง เพลงแรกที่ขึ้นมา พี่สะใภ้บอกว่า นี่เป็นเพลงประจำตัวของยัยตัวโต แต่เรากับหลานๆเรียกยัยตัวโตว่า “จิ๋ว” คือขนาดตัวน่ะไม่จิ๋วหรอก เพียงแต่มีคำสองคำมารวมกันทำให้เธอได้ชื่อเล่นนี้ขึ้นมา เพลงร้องจบแต่ละประโยค พี่สะใภ้ก็จะพูดตามทุกครั้ง ....ใจ สู้หรือเปล่า... พร้อมกับอธิบายท่อนที่สำคัญว่า ที่ "จิ๋ว" ประสบความสำเร็จด้านการกีฬาในวันนี้ มาจากการฝึกฝนซ้อมอย่างหนัก ไม่ใช่เพราะโชคช่วย เรานึกถึงแม่ที่ผ่านชีวิตมาถึงแปดสิบปี กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ แม่ก็สู้มามากเช่นกัน ถ้าเราได้ความขยันของแม่มาสักครึ่งคงจะดี

ศรัทธา : หิน เหล็ก ไฟ



....
ที่มา รู้ดี ไม่รู้ที่ไป คนเรามันเลือกเกิดเองไม่ได้
แต่เราเลือกได้จะเป็นเช่นไร
เลือกได้จะทำตามใจด้วยตัวของเรา
หลายคน เชื่อในเรื่องโชคชะตา
บางคนเชื่อมั่นในตัวเอง
ชีวิต เรากำหนดของเราเอง
จะแพ้ชนะไม่เกรงจะสักเท่าไร

....

ดูเหมือนทุกคนในรถจะเงียบกันไปช่วงขณะหนึ่ง วันสำคัญแบบนี้ ครอบครัวนี้กลับแยกเป็นสองทีม พ่อกับลูกสาวคนโตอยู่ต่างประเทศ แม่กับลูกอีกสองคนเป็นตัวแทนของครอบครัวไปร่วมงานของอาม่า แอบคิดว่าทุกคนที่อยู่ในรถ คงคิดถึงเจ้าของเพลงและพ่อของเจ้าของเพลงด้วย

เพลงต่อมาเป็นเพลง “อย่ายอมแพ้” ของอ้อม สุนิสา เราบอกยัยตัวจิ๋วว่า นี่มันเพลงรุ่นเราเลยนะ คนร้องยังอายุรุ่นเดียวกับเราเลย หลานถามว่า 18 เหรอ? เราเลยตอบว่า ประมาณนั้นแหละ ดูราวกับบรรยากาศซึมๆเริ่มจางไป พี่สะใภ้บอกว่า นี่ก็อีกเพลงของ “จิ๋ว” แหม! บ้านนี้สร้างกำลังใจในการแข่งขันให้ลูกด้วยบทเพลง แล้วก็ขอวิจารณ์ “จิ๋ว” นิดหนึ่งเถอะว่า มันเก็บกดรึเปล่า ไอ้ตอนที่แพ้เขาแล้วไม่ยอมร้องไห้ก็ช่างเถอะ แต่เวลาที่ชนะเขา หน้าตามันเฉยจัง เหมือนกับไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรสักเท่าไหร่ พี่สะใภ้ก็บอกว่า ไม่น่านะ เพราะดูจะเป็นเด็กร่าเริงทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน เป็นตัวพูดมากของห้องและกล้าต่อล้อต่อเถียงกับครู ไม่น่าจะเก็บกด แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่แสดงออกเหมือนเด็กคนอื่นเวลาที่เล่นแพ้หรือชนะในเกมส์ที่สำคัญหรือเกมส์ที่พ่อเขาชอบเรียกว่า ‘บีบหัวใจ’

เลยคุยยาวเรื่อยเปื่อยไปถึง “จิ๋ว” กับยัยตัวจิ๋วที่ไม่รู้สึกกลัวคุณครู ยัยตัวจิ๋วที่ตอนนี้เป็นเด็กชั้นประถมสองไม่ยอมร้องเพลงชาติออกเสียง เดือดร้อนถึงพี่สาว คุณครูคงไม่รู้จะจัดการยังไง เลยบอกให้พี่สาวมาบังคับน้องแทน

มีอะไรอีกหว่า... เช้าวันหนึ่ง คุณครูใส่ชุดใหม่มาสอนกระมัง แล้วถามเล่นๆกับเด็กว่าครูสวยมั้ย ยัยตัวจิ๋วมีมารยาทพอที่จะยกมือให้ครูเรียกแล้วตอบว่า ‘คุณครูจะดูดีกว่านี้ถ้าไม่ใส่แว่นแล้วไว้ผมยาว’ พี่สะใภ้เล่าแบบขำๆว่าไม่เข้าใจว่าทำไมลูกชั้นช่างกล้า

ส่วน “จิ๋ว” ผู้ที่ครูบอกว่าเธอ talkative ที่สุดในห้อง ทั้งเพื่อนทั้งครูและทั้งที่บ้านลงความเห็นเหมือนกันว่า “จิ๋ว” พูดมาก ขำขำเรื่อยไปเหมือนคนไม่ทุกข์ร้อนกับชีวิต ในวันที่เธอหายหน้าหายตาไปจากห้องเรียนนานกว่าครึ่งเดือน เอาการบ้านมาส่งคุณครูเมื่อไปโรงเรียนวันแรก ครูถามว่า รู้ได้ยังไงว่าต้องทำอะไรบ้าง เธอตอบว่า “ก็หนูเก่ง” จะตอบแบบดีดีว่าหนูมีเพื่อนดี ส่ง email มาบอกเป็นระยะก็ไม่ยักจะบอกอย่างนั้น นี่ล่ะ สไตล์ของจิ๋ว

ช่วงหลัง “จิ๋ว” go inter พี่สะใภ้บอกว่า ภาษาลูกก็ไม่ได้ดีมาก แต่ไม่รู้ว่าไปคุยกับเด็กต่างชาติได้ยังไง มีเรื่องเม้าท์คนชาติโน้นชาตินี้ได้ตลอด จิ๋วเถียงว่า เธอมีวิธีคุยของเธอได้แล้วกัน

ว่าไปแล้ว ก็คิดถึงจิ๋วอยู่เหมือนกันนะ เอาเพลงประจำตัวของจิ๋วมาลงไว้หน่อย อีกห้าปีข้างหน้า ไม่รู้ว่าจิ๋วจะเป็นยังไงบ้าง จะร้องไห้เวลาแข่งแพ้ จะชูกำปั้นแล้วร้อง Yes เหมือนนักกีฬาคนอื่นมั้ย? แต่เราว่า จิ๋วเธอมีวิถีการแสดงออกของเธอเอง...ที่ ไม่เหมือนใคร


Create Date : 07 สิงหาคม 2554
Last Update : 10 สิงหาคม 2554 20:37:15 น. 0 comments
Counter : 523 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

saifan
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add saifan's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.