Once upon a time ...
Group Blog
 
All blogs
 

รวมญาติ

ตรุษจีนหรือปีใหม่ก็ดูจะเหมือนกัน คือ มานั่งรวมกัน กินข้าวด้วยกัน ต่างกันแค่ ตอนปีใหม่ไม่มีพิธีไหว้บรรพบุรุษ และทุกคนไม่ได้พร้อมหน้าพร้อมตาในเวลาเดียวกันได้แบบนี้

ปีนี้โชคดีที่วันไหว้เป็นวันหยุด แต่ถึงจะวันหยุด ตอนบ่ายพวกเด็กๆแต่ละบ้านก็ต้องรีบกลับไปเรียนพิเศษกัน ดนตรี กีฬา ดูจะเป็นกิจกรรมภาคบังคับสำหรับเด็กยุคนี้ไปซะแล้ว

และเราก็ยังไม่ได้รูปมาทำ Family Tree เพราะแต่ละคนอยากจะเอารูปที่ตัวเองดูดีกว่านี้มาแปะ เลยรอๆๆๆ ให้ส่งไฟล์กันมาเองแล้วกัน


แม่ก็ยังวุ่นวายทำกับข้าวฝีมือตัวเองอยู่เหมือนเคย แล้วก็อารมณ์เสียเหมือนเคย แต่เหมือนระดับความร้อนจากการไม่พอใจมันลดลงไปบ้างแล้ว เมื่อก่อนแม่โวยวายมาก มาเจออารมณ์ร้อนๆของพี่สาวอีกคนก็เลยร้อนกันไปใหญ่ แม่เย็นลงคงเพราะอายุมากแล้วมั้ง เรี่ยวแรงเริ่มไม่ค่อยมี ส่วนเราเอง ก็เย็นนะ เย็นลงมากมาย หลายครั้งที่โมโหจัง พักหนึ่งก็หาย จะหายเร็วหรือหายช้า ก็ยิ้มกับตัวเองทุกครั้งไปว่าวิทยายุทธ์ยังไม่แก่กล้านะเธอ

จริงๆแล้วมีเรื่องไม่พอใจอยู่ทั่วไปได้ทุกวัน เห็นคนโน้นคนนี้ไม่มาช่วยทำงานก็ไม่พอใจแล้ว คงเป็นพวกมีเกณฑ์มาตรฐานว่างานส่วนรวม ทุกคนควรจะมีส่วนร่วม แต่เมื่อหลายคนไม่ยอมมาร่วมลงแรง ก็ไม่ได้สนใจ กลับจะเพลินกับการเช็ดโน่นเช็ดนี่ เอาจานชามออกมาล้าง ตระเตรียมโต๊ะเพื่อกินข้าวร่วมกัน จัดหาจานชามช้อนส้อมเพิ่มเติม แล้วก็ล้างๆๆๆๆ เพลินกับการล้างจานกองใหญ่ ท่าทางจะติดมาจากตอนไปอยู่ที่บุญญาวาสแน่เลย เพิ่งมาสังเกตตอนหลังที่เวลาเห็นชามกองใหญ่แล้วจะเข้าไปช่วยเก็บกวาดเพื่อเอามาทำความสะอาดได้อย่างเต็มอกเต็มใจ

ไม่รู้พี่สะใภ้แปลกใจหรือเปล่าที่เราวางตัวเองเป็นมือวางอันดับหนึ่งที่ล้างจานชามในคราวนี้ ปกติเขาจะเป็นคนทำตลอด คราวนี้เขาทำเพียงจัดแบ่งกับข้าวให้แต่ละบ้าน แต่ตอนที่เจอกัน ก็แซวเขาว่า ดีจังที่มา มาช่วยกันรองรับอารมณ์ร้อนๆของแม่หน่อย ...และเราว่าสัมพันธภาพระหว่างเรากับพี่สะใภ้คนนี้ดีขี้นนะ เหมือนแต่ก่อนจะสัมพันธ์กันตามหน้าที่ซะมากกว่า

ไหว้พ่อเสร็จก็แจกซองเด็กๆ เด็กบ้านหนึ่งเก็บอาการ รับซองแล้วก็ไหว้ขอบคุณ อีกบ้านยังไม่ทันรับก็ทวงเอาทวงเอา ดุไปนิดหนึ่ง (คงจะฟังหรอกนะ) แล้วสุดท้ายก็ต้องให้ เตรียมมาแล้วนี่ แต่ที่ไม่ได้เตรียมคือ ไม่คิดว่าพี่ชายจะเตรียมเงินใส่ซองมาให้น้องสาวด้วย ปกติพี่สะใภ้จะเตรียมมาให้ทุกปี ปีนี้พี่ชายเป็นคนมอบให้ เอาน่า ใครให้ก็เหมือนกัน พี่ชายทั้งสองบ้านเตรียมมาให้ทั้งแม่และทั้งน้า เราเองก็ดีใจที่น้ามีความสุขกับการได้ให้เงินแต๊ะเอียเด็กๆ คงเป็นเงินที่น้าสะสมจากการที่เราส่งให้เขาทุกเดือน สุดท้าย เงินทองก็หมุนไปเวียนมาระหว่างบ้านนี้ บ้านโน้นนั่นแหละ

มีหลานรุ่นโตที่ควรจะทำงานทำการกันได้แล้ว แต่ยังไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันกันสักที ไม่รู้ว่าจะมีอะไรมาเปลี่ยนให้คนเหล่านี้พึ่งตัวเองกัน เห็นแล้วก็ได้แต่ปลง

กลางคืนวันนั้น แม่ต้องทำพิธีไหว้กลางแจ้งอีก กว่าจะได้นอนก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว ยังตื่นตีห้ากว่าๆมาวิ่งได้เหมือนเคย พี่สาวก็แปลกใจว่า ทำไมเธอทำได้ อืม...ก็ไม่รู้เหมือนกัน มันก็มีขี้เกียจอยู่บ้างหรอก แต่มันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำให้ตัวเองนี่

หมดไปอีกหนึ่งเทศกาลของการรวมญาติ บางที ก็ไม่รู้นะว่ามีญาติเยอะกับญาติน้อย แบบไหนจะดีกว่ากัน อยากเลือกแบบกลางๆ มีญาติแต่พอดีและอยู่กันด้วยความเย็นอกเย็นใจ จะเลือกได้มั้ยเนี่ย




 

Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2553 17:13:32 น.
Counter : 475 Pageviews.  

Family Tree

เป็นโครงการข้ามปีที่ยังไม่ได้ทำเลย เก็บรายชื่อพี่และหลานๆพร้อมวันเดือนปีเกิดมาแล้ว แล้วก็...แปะไว้ก่อน

จริงๆตั้งใจจะทำเป็นภาพลายเส้นแล้วใส่กรอบให้พี่ชายแต่ละบ้าน ส่วนของพี่สาวไม่ต้อง รวมไว้ที่แม่ที่เดียว ผ่านมาเกือบปี ยังไม่คืบหน้าไปไหนเลย

ก็...คิดว่าตรุษจีนปีนี้ จะถ่ายรูปทุกคนเก็บเอาไว้ แล้วไปทำซะทีนะ เริ่มทำรุ่นเรานี่ล่ะ จริงๆอยากทำย้อนไปถึงรุ่นอากงอาม่าด้วยซ้ำ อยากรู้ว่ามีญาติอยู่ที่ไหนกันบ้าง ต้องไปสัมภาษณ์หลายบ้านเลยมั้ง

หวังว่าอีกสักสิบปีข้างหน้า เมื่อหลานๆแต่งงานมีครอบครัวของตัวเอง คงจะมีใครสานต่อ update Family Tree ที่ขยายกิ่งก้านออกไปในตอนนั้นด้วย





เราว่า Family Tree ของเรา น่าจะดูง่ายกว่าของคุณ Donald นะ




 

Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2553 20:10:09 น.
Counter : 2034 Pageviews.  

หนี้สิน

เมื่อวาน คุณนายแม่โทรมา ถามว่า โอนเงินไปต่างประเทศหรือเปล่า ก็เลย...งง มีอะไรเหรอ นึกว่าแม่ไปดูข่าวอะไรเกี่ยวกับถุกหลอกให้โอนเงิน เลยมาเตือนลูกสาว แม่ชอบเป็นอย่างนี้ล่ะ ตื่นเต้นกับข่าวแบบนี้ เว้นแต่พวกถูกหลอกเอาทอง (เขาเรียกว่าตกทองรึเปล่านะ) ให้ซื้อล๊อตเตอรี่ ที่แม่ไม่ค่อยห่วงเพราะรู้ว่ายัยนี่ไม่น่าตกหลุมโลภพรรค์นี้

อ้อ...เรื่องโอนเงินต่างประเทศ โอนไปช่วยคนที่เฮติ แม่เรียกชื่อประเทศไม่ถูกน่ะ เกริ่นมานิดหนึ่ง เราเลยบอกว่า คนไทยที่ยากจนก็มีเยอะแยะ แม่สนใจช่วยมั้ย แม่หัวเราะ บอกว่าโอนให้หน่อยนะ 500 บาท แล้วก็วางหูไป


พอบ่าย พี่สาวแวะมาค้างด้วย เลยพูดถึงเรื่องยุ่งๆที่เกิดขึ้นมาร่วมสองสัปดาห์ จบลง (ด้วยดี?) ไปแล้ว เหตุเกิดจากลูกชายอีกคนเอาโฉนดของแม่ไปจำนองกับธนาคารเพื่อเป็นหลักประกันเงินกู้ แล้วก็กลายเป็นหนี้เน่า ธนาคารโทรมาบอกจะทำเรื่องฟ้อง เจ้าของโฉนดเลยเพิ่งรู้เรื่อง หนี้ไม่เน่าแล้วเพราะคุณนายรับปากจ่ายทั้งต้นทั้งดอก ไถ่โฉนดคืน แหม!! ถ้าเน่าสักนิดคงไม่ต้องจ่ายเยอะขนาดนี้

พี่สาวเสียดายเงินมากแค่ไหน เราไม่รู้ คืนวันนั้นที่เขาโทรมาบอกด้วยน้ำเสียงกลุ้มใจ เราเฉยๆ หรือเป็นเพราะมันไม่ใช่สมบัติของเราก็ไม่รู้นะ นึกนึกว่า ถ้าจู่จู่สมบัติของเรามันหายวับไปกับตา จะเป็นยังไงบ้างมั้ยนี่ ก็นึกไป ถึงเวลาคงรู้เองว่าจะเป็นอะไรหรือไม่เป็นอะไร

โทรไปหาแม่หลังจากวันนั้น แม่บอกยุ่งๆๆ จะคุยกับช่าง วันวันแม่มีแต่เรื่องงาน จ้างช่างมาซ่อมโน่นซ่อมนี่ ส่วนเรื่องหนี้ แม่บอกไม่มีอะไร เดี๋ยวจะไปจ่ายให้ทั้งหมด เราว่าแม่คงรู้ตัวล่ะว่าลูกคนนี้เป็นแบบนี้ จะกลับไปแก้ไขอะไรคงไม่ได้แล้ว คงต้องเลี้ยงกันไปจนกว่าใครจะจากกันไปสักข้างหนึ่งกระมัง ก็ไม่รู้ว่า แม่ไปเซ็นชื่ออะไรทิ้งไว้ที่ไหนอีกรึเปล่า ว่าไปแล้ว มีลูกแบบนี้ซักคนในบ้านเอาไว้ลับสมอง ประลองอารมณ์ก็ดีเหมือนกัน วันดีคืนดีก็มีปัญหามาให้ช่วยแก้

แม่หาทางเอาเงินจากน้าชายที่ยืมไปมาชดเชยกับหนี้เงินกู้ของลูกชาย น้าชายก็แย่มาหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าเขาไปหาเงินที่ไหนมาจ่ายคืนแม่ สงสารเขาเหมือนกัน เรื่องนี้ ทำเอาน้าสาวงอนไม่ยอมคุยกับแม่

น้าชายมีลูกอยู่หลายคน ไม่รู้ว่าลูกแต่ละคนช่วยกันแค่ไหน ดูเหมือนต่างคนต่างเอาเข้าตัวน่ะ หนี้ของพ่อคือของพ่อ ไม่เกี่ยวกันแม้ทุกคนจะใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินที่พ่อกู้มาก็ตาม พี่สาวเปรียบเทียบให้ฟังถึงบ้านเราสมัยก่อน ที่ทุกคนในบ้านต้องช่วยกัน พอจำได้อยู่นะ ที่ต้องปิดบัญชีถอนเงินสะสมจากบัญชีของเราและพ่อมาสมทบ ตอนนั้นเพิ่งเริ่มทำงานปีแรก ได้เงินเดือนปุ๊บถอนมาชำระหนี้จนหมดบัญชี เป็นอย่างนี้อยู่หลายเดือน ทุกคนทำอย่างนั้น หนี้ของที่บ้านถึงหมดไปเร็วมาก เร็วจนธนาคารไม่ค่อยชอบลูกค้าแบบนี้

เรื่องเงินเรื่องทองระหว่างพี่น้องนี่มันน่าปวดหัวชะมัด เราจะเจอกับเขาบ้างมั้ยนะ

ปล. วันนี้ เพื่อนคนหนึ่งที่ไปร่วมทริปเฉพาะกิจกับพี่ที่เป็นผู้บริหารระดับสูง แก่กว่าพวกเราสองสามปี แล้วเขาเล่าให้ฟังว่า โบนัสที่ได้หมดไปกับการใช้หนี้ให้พ่อของเขา พ่อเขาไปลงทุนด้านอสังหาฯแล้วขาดทุนสมัยปี 40 เราฟังแล้วก็ โอ้โฮ..มันยาวนานมาก สิบกว่าปีแล้วนะ เขาบอกว่า ตัวเองโชคดีที่พ่อส่งให้ไปเรียนต่างประเทศ กลับมามีงานที่มั่นคง มีหนี้สินก็ต้องใช้กันไป ฟังฟังแล้ว เราว่า...เขาน่ารักจัง




 

Create Date : 24 มกราคม 2553    
Last Update : 26 มกราคม 2553 20:53:37 น.
Counter : 421 Pageviews.  

Monster เหนื่อยใจ

มักจะเรียกตัวเองตลกๆอยู่เสมอว่าเป็น Monster ตัวร้ายของบ้าน เพราะ.....เจ้าระเบียบมั้ง ห้ามวางของเกะกะ ถ้วยชามกินเสร็จต้องล้าง ห้ามดองทิ้งไว้ในอ่าง ขยะเต็มต้องเก็บไปทิ้ง ห้ามยัดจนล้นออกนอกถัง ห้องน้ำต้องขัดต้องล้าง พัดลมต้องเช็ดหน้ากากไม่ให้ขี้ฝุ่นเกาะหนาเกินไป เช่นเดียวกับการทำละลายน้ำแข็งในตู้เย็น พอมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก็จะโวยวาย อย่าง slip Credit card ที่ส่งรายเดือน เคยมีบางครั้งที่ส่งมาแล้วไปหมกกับกองหนังสือของหลานสาว ที่กองมาเป็นปีก็ยังไม่เก็บเข้าชั้น ก็จะ...โกรธมากมาย ทำให้เสียโอกาสในการขอยกเลิกค่าธรรมเนียม (ยกเลิกได้แต่ VAT น่ะเสียไปแล้วเพราะข้ามเดือน)

หลายปีมานี้เมื่อห่างบ้านไป ไม่ได้อยู่ทุกวัน บางอาทิตย์ก็ไม่ได้กลับไป กลับไปที ก็เจอเรื่องเดิมๆที่เคยกวดขัน ถ้าเจอหน้าก็จะโวยวายเหมือนเดิม หลังๆเริ่มเหนื่อย บางทีก็ไม่เจอใคร เจอแต่ผลงานที่ฝากไว้ ชักจะเหนื่อยใจ โมโหแต่ละครั้งนำมาซึ่งความเหนื่อยใจ ครั้นจะทำเองก็...คนที่อยู่ทุกวันสิควรจะต้องทำ ไม่ใช่เรา เว้นแต่การขัดห้องน้ำของตัวเองที่ยังทำอยู่ นอกนั้นก็บอกหลานชายบ้าง หลานสาวบ้างให้ทำกันหน่อย บอกทีก็ทำที บางทีก็ไม่ทำ ดูใครๆจะมีธุระยุ่งกันทุกคนยกเว้นเรา

ถึงทุกวันนี้ก็ยังเหนื่อยใจเมื่อกลับไปเห็น พื้นมีร่องรอยของฝุ่นหนา หลานชายที่ยังเรียนหนังสือไม่จบตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนดก็บอกว่าเขาไม่มีเวลา (คนช่างสังเกตอย่างเราก็...ทำไมมีเวลานอนเล่นทั้งวัน ทำไมมีเวลาฟังเพลง) ไม่ได้รื้อฟื้นเรื่องราวในอดีตว่า สมัยที่เราเรียนหนังสือยังถูบ้านได้อา.ละ 2 ครั้ง ถูห้องของพ่อเธอด้วย และไม่ได้มาอวดตัวกับหลานสาวว่า สมัยที่ชั้นทำงาน แม้เลิกงานดึกๆ วันหยุดก็ต้องหาเวลามาทำความสะอาดบ้านเช่นกัน มันไม่ได้ลำบากยากเย็นอะไรหากตั้งใจที่จะทำ

หลายเดือนที่ผ่านมา กลับไปเห็นน้ำแข็งเกาะตู้เย็น ก็จะกดทำละลาย เทน้ำทิ้งให้ ห้องน้ำที่ไม่ยอมขัดก็เป็นเรื่องของคนที่ใช้ น่าแปลกที่ผู้หญิงบางคนแต่งตัวสะสวยออกไปนอกบ้านได้ แต่หน้าตาของห้องนอนและห้องน้ำกลับเดินสวนทางกับหน้าตาของเจ้าของ เรากลับมาคิดคิดว่า ที่เคยสอน ที่เคยอบรมมาระหว่างที่อยู่ร่วมกัน เขาไม่ได้ทำเพราะมันเป็นสิ่งที่ควรจะทำหรือไง แต่ทำเพราะต้องมาร่วมชายคากับคนเจ้าระเบียบอย่างเรากระมัง พอห่างเหินจากอาจารย์ฝ่ายปกครองอย่างเรา ถึงกลับไปเป็นคุณหนูตามเดิม

บางที คุณหนูอาจมีเรื่องอย่างอื่นแทรกเข้ามาก็ได้ เพราะกลับไปบ้านทีไร กว่าคุณหนูจะกลับถึงบ้าน ก็ดึกดื่นไปซะทุกคืน ไม่มีคำอธิบายใดใดทั้งสิ้นและมีกระแสของความร้อนแผ่ออกมา หากพูดไปมีแต่จะเป็นเรื่องเป็นราว นึกๆว่าแต่ละอย่างที่พร่ำสอนมาในช่วงเวลาที่เคยอยู่ด้วยกัน ในห้วงเวลาที่มีโอกาสได้พูด สิ่งดีดีเหล่านั้นได้ถูกให้ไปจากใจแล้ว หากเธอไม่ได้ซึมซับมันเข้าไป คงต้องแล้วแต่เธอกระมัง

วันศุกร์ลาป่วยกลับมาพักที่บ้าน เจอชามกองอยู่ กลิ่นเหม็นเปรี้ยว ก็ล้างไป ขยะล้นมาจนจะออกนอกถังอยู่แล้ว ยังไม่นับที่กองไว้หน้าบ้านตรงต้นไม้ หาถุงมาใส่ใหม่ซะ ไม่พอใจในภาพที่เห็นน่ะแน่นอน แต่เหนื่อยที่จะพูด เอาน่ะ ยังมีแรงก็ทำไป

เมื่อพี่สาวที่ใกล้ครบรอบวันเกิดปีที่ 50 บ่นขึ้นมาเรื่องฝุ่น นั่งมอง ถามไถ่หลานชาย อืม...ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ เราทำเองก็ได้ ถูบ้านไปดูอารมณ์ตัวเองไป โกรธหรือเปล่า..ก็ไม่ใช่ เกลียดหรือเปล่า...ก็ไม่เชิง แต่ยังเหนื่อยๆอยู่ เหนื่อยใจกับลูกสาวลูกชายของคนสองคน ที่ถูกเลี้ยงมาให้เป็นเจ้านายคน ยังไม่นับว่าวันดีคืนดี มาแบมือขอสตางค์ จะไปสมัครฟิตเนส ควรจะตอบยังไงดีนะ วิ่งรอบหมู่บ้านแทนได้มั้ย เพราะคนที่ถูกขอก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน

บ้านสะอาดเชียวเมื่อถูเสร็จ บ้านสะอาดก็ใจสบาย เช็ดหน้ากากพัดลมด้วย พอจะตัดปัญหาเรื่องฝุ่นไปได้บ้าง อย่างน้อยเมื่อพี่สาวกลับมา คงจะสบายใจเหมือนเรา คนที่ถูบ้านให้ ก็ออกมานอนสบายใจที่อื่นเรียบร้อยแล้ว อาทิตย์หน้ากลับไป จะได้ออกกำลังกายด้วยการทำความสะอาดบ้านอีกหรือเปล่านี่? (ลืมแนะนำข้อนี้ไปล่ะ ว่าการถูบ้านก็เป็นการออกกำลังกายอย่างดีเช่นกัน)

.........

มกรา 54

กลับไปบ้านฝั่งธน ยังต้องทำอะไรๆที่คนในบ้านละเลยอยู่เหมือนปีก่อน คราวนี้มีถังพลาสติกใบใหญ่ที่เขาเอาขยะมาทิ้ง กลิ่นในถังแรงมากคงเพราะใส่ขยะเปียกไว้นานและไม่เคยล้าง ไม่อยากเชื่อตัวเองเหมือนกันว่าตัดสินใจเอา mask กันหวัดมาสวมแล้วลงนั่งขัดถังใบโตนั่น

ขัดรั้วที่มีนกมาเกาะและขี้ใส่อยู่บ่อยๆ ขัดพื้นหน้าบ้าน ทำละลายน้ำแข็ง เช็ดโต๊ะ จัดเอกสาร ทำโน่นทำนี่ไปเรื่อย

เดือนที่แล้วกลับไป พบว่าน้ำนองเต็มพื้น เกิดจากปั๊มน้ำที่ไม่ค่อยดีและคนในบ้านไม่ใส่ใจ สงสารตู้หนังสือที่ไม่รู้จะรับสภาพนี้ได้นานเท่าไหร่ ตอนนั้นบ่ายแก่ๆแล้ว หิวข้าวกลับมา ตั้งใจกินข้าวที่ซื้อมาตอนเข้าบ้าน แต่กว่าจะวิดน้ำ ถูพื้นเสร็จก็ร่วมชั่วโมง ถึงจะกินข้าวลง โมโหจนหายโมโห ที่ต้องโมโหเพราะมีร่องรอยว่าคนทำรู้ว่าน้ำมันนอง แต่ก็ทิ้งบ้านไปอย่างนั้น

อีกครั้งที่ไม่เกี่ยวกับคนในบ้าน แต่เป็นข้างบ้าน คล้ายว่าเขาจะเสียงดัง หรือไม่ก็รถแขกบ้านเขามาจอดขวางจนเราเข้าบ้านไม่ได้ ส่วนหน้าบ้านเขาเอาต้นไม้มาวางกันจนจอดรถหน้าบ้านได้ยาก เรียกแล้วเรียกอีกให้มาเลื่อนรถ ตอนเข้าบ้านได้ โมโหสุดขีด ไม่มีคำว่าขอโทษสักคำ โน่น นั่น นี่ พอรู้จัวว่าโมโห เริ่มกระแทกข้าวของ ก็มีข้อแม้ผุดขึ้นมาว่า "ถ้ายังไม่หายโมโห ต้องไปถูบ้าน" ไม่รู้คิดขึนมาได้ไง ลงโทษที่โกรธแล้วระงับอาการทางกายไม่ได้ด้วยวิธีนั้น กว่าจะถูบ้าน (ที่ตัวเองแทบไม่ได้อยู่) เสร็จ ก็เหนื่อย เพราะเวลาเราถูบ้าน ต้องถูสองรอบ แม้อารมณ์โกรธมันจางไปตอนไหนก็ไม่รู้แล้ว แต่งานยังไม่เสร็จ เลยต้องทำจนเสร็จ นับจากนั้นเลยเข็ดกับข้อแม้กระทันหันแบบนี้

และ...แม้ยังมีความไม่พอใจกับสภาพที่เห็นที่บ้าน แต่อารมณ์กลับไม่หงุดหงิดเท่าปีก่อน ไม่มีการกระแนะกระแหนเหน็บแนมใคร ทำให้แล้วก็แล้วกัน ไม่ต้องไปบอก ไปเขียนให้ใครทำอะไรต่อ ถังขยะที่ล้างไป คนที่ใช้อยู่ย่อมรู้ว่ามันสะอาด มันไม่มีกลิ่น แต่ถ้าเขาจะทำแบบเดิม เราจะไปทำอะไรได้ ล้างให้ได้ก็ล้างไป ไม่อยากล้างก็ไม่ต้องล้าง แปลกใจกับตัวเองเหมือนกัน แต่ก็...ดูท่า Monster ตัวนี้จะดีขึ้นนะ




 

Create Date : 17 มกราคม 2553    
Last Update : 9 มกราคม 2554 18:43:44 น.
Counter : 538 Pageviews.  

Year End 2009 Record

ปีนี้เริ่มต้นด้วยเรื่องที่ดี เรียนรู้เรื่องเรื่องเดียวได้ทั้งปีอย่างสนุกสนาน ใช้เวลาในการอ่าน การฟังและศึกษาด้วยการทดลองทำ งานนี้ไม่มีที่สิ้นสุด ดูหนทางจะยาวไกลจนหลายครั้งนึกสงสัยว่า สำหรับเรา มันสิ้นสุดได้จริงๆหรือ?

เรื่องงานก็เปลี่ยนแปลงได้ทั้งปี มีจุดให้ฉุกคิดก่อนกลางปี ทำใจได้ตอนนั้นก็สบายใจ อะไรที่จะเกิดขึ้นดูไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป ปลายปีเปลี่ยนสถานที่ เปลี่ยนผู้คน เปลี่ยนหน้าที่งาน ราวกับจะทดสอบว่า รับได้จริงจริงหรือเธอ โธ่เอ๋ย รับได้หรือรับไม่ได้ ก็ต้องรับอยู่ดี รับไม่ได้ก็ดิ้นรนหาความเปลี่ยนแปลงไปสิ ชีวิตงานมันเป็นอย่างนั้นแหละ

สุขภาพทางการเงินค่อยๆเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ไม่หวือหวาน่าตกใจแต่น่าพอใจ มานั่งทำ Cash Flows ทุกไตรมาส พบว่ามันโตขึ้นใช้ได้ ปีนี้น่าลงทุนในตลาดทุนจะตาย กองทุนทองก็น่าลง มองมาตั้งแต่ปีก่อนแล้วก็มองมันผ่านไป (จริงๆไม่ได้มองมากเพราะเอาเวลาไปศึกษาเรื่องหนึ่งอย่างจริงจัง จนเรื่องอื่นดูไม่สำคัญไปงั้นแหละ) ลงทุนแค่ LTF เพื่อลดหย่อนภาษีกับตราสารหนี้นิดหนึ่ง lส่วนหุ้นนี่น่ะ ต้องตามติดยิ่งกว่าคนรักซะอีก ต่อให้ทำตัวเป็น VI ก็ตาม เมื่อไม่มีเวลา ไม่สนใจ ไม่มีใจให้กัน ก็คงต้องหยุดไว้ก่อน

สุขภาพกายก็ดี ผลการตรวจสุขภาพดีขึ้น HDL สูงขึ้นมากมาย คงเป็นเพราะวิ่งทุกวันหยุด เพิ่มวันออกกำลังกายมา 2 วัน ทำให้ดีขึ้นแยะเชียว ไปแข่งเดินเร็วกับที่ทำงานเพื่อชิงรางวัลรองเท้าวิ่งคู่ใหม่ ได้มาสมใจ และอาจเพราะเดินเยอะขึ้น ทั้งตอนเช้ามืดและที่ไหนๆ การเดินมากขึ้น คงจะทำให้สุขภาพดีขึ้นด้วยกระมัง แต่ก็มีผลการตรวจบางเรื่องที่ทำให้ต้องระวัง คล้ายร่างกายมีตำหนิเล็กๆอยู่หนึ่งจุด จุดที่ว่าจะพัฒนาไปเป็นอะไรหรือเปล่าก็คงต้อง Follow up ต่อไป

สุขภาพใจดีขึ้นมากมาย ขอบคุณใครบางคนที่ทำให้ได้หันมาดูแลรักษาใจอย่างจริงจัง จนสร้างภูมิต้านทานต่อความทุกข์และความเปลี่ยนแปลงรอบๆตัวได้ดีขึ้น ภูมิต้านทานที่ว่ายังรวมไปถึงต้านทานต่อคนที่ทำให้ได้มาเดินบนเส้นทางนี้อย่างไม่ตั้งใจด้วย

แล้วเราก็พบว่า คนเราลืมง่าย จู่จู่นึกถึงใครบางคนขึ้นมา แล้วดันนึกชื่อไม่ออกขึ้นมาซะงั้นแหละ รู้แต่มีต้นไม้ต้นหนึ่งที่ปลูกเอาไว้แทนตัว นึกนานเป็นวัน นึกออกแล้วก็งั้นๆ เลยเป็นบทเรียนให้สำหรับเรื่องอื่นๆ คนอื่นๆ ว่า หมดเหตุที่ทำให้ต้องคิดถึง มันก็ลืมไปได้เอง

เพื่อนฝูงกลุ่มเดิมก็ยังคบกันเหมือนเดิม เพื่อนเก่าบางคนกลับมาสนิทสนมกันอีกเพราะมีความสนใจเรื่องเดียวกัน เพื่อนสนิทบางคนกำลังจะห่างไปเพราะเรื่องงาน ปีนี้รู้จักเพื่อนกลุ่มใหม่ ไม่ได้คุยกันบ่อยหรือเจอกันบ่อย แต่ให้ความอบอุ่นใจที่มีคนเดินบนเส้นทางเดียวกัน มีเพื่อนร่วมกิจกรรมไปฟังธรรม ไปฝึกจิตฝึกใจด้วยกัน แค่นี้ก็ดีมากมายแล้ว

ส่วนคนที่ผูกพันในครอบครัว แต่ละคน แต่ละบ้านก็มีเรื่องราวหลากหลายของตัวเอง ทั้งงาน ทั้งเด็ก บางบ้านเริ่มต้นจะปลูกบ้านหลังใหม่ บางบ้านวุ่นวายกับธุรกิจของตัวเอง บางคนเดินทางได้ทั้งปี จุดเกาะเกี่ยวคือแม่ แม่ดูแก่ลงไปมากในวัยที่ใกล้ 80 ร่างกายแม่เสื่อมไปเยอะ แต่ใจแม่ยังไม่ยอมเสื่อม ยังคิดยังสร้างอะไรๆได้ไปซะทุกวัน นึกอยากให้แม่วางเรื่องวุ่นวายรอบตัวลงบ้าง ทำยังไงดีน้า

แต่ก็ขอบคุณผู้คนเหล่านี้ ที่ทำให้ชีวิตของเราไม่ยากลำบากเกินไป ว่าไปแล้ว ดีเกินไปด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับหลายชีวิตรอบข้าง

ขอบคุณครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ทั้งที่ยังอยู่และล่วงลับไปแล้วที่ทำให้ได้ปรับความคิดความเห็นของตัวเองมาให้ถูกที่ถูกทาง ไม่หลงไปตกหลุมไหนนานเกินไปน่ะค่ะ




 

Create Date : 31 ธันวาคม 2552    
Last Update : 31 ธันวาคม 2552 14:37:52 น.
Counter : 424 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  

saifan
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add saifan's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.