Once upon a time ...
Group Blog
 
All blogs
 

Fill in Energy

อาจจะไม่ถึงขนาด Top Up แต่ก็..น้องๆก็แล้วกัน

หลายเดือนที่ผ่านมา ฟุ้งซ่านซะมาก แล้วก็เซ็งๆ งานก็ยุ่งมาก คนก็ยุ่งมากกว่า เบื่อไปซะหลายเรื่อง แต่ด้านครอบครัวกลับเสริมแรง มีกระแสเย็นมาจากฝั่งนั้น หันไป entertain ตัวเองด้วยการอ่านหนังสือนิยายที่ไม่ได้อ่านมานานแล้ว เลยฟุ้งไปใหญ่อีก

แค่สองสัปดาห์ที่ผ่านมา คุณดังตฤณเปิดโอกาสให้มีการส่งการบ้าน แม้กดไม่ทันใครเขา เพียงได้เห็นก็ดีใจแล้ว ได้ฟังเสียงที่ท่านสอนคนอื่นก็ดีใจ ขอบคุณครูบาอาจารย์ที่ส่งแรงมาให้

วันก่อนไปอ่านที่พี่ตุลย์โพสต์ แล้วก็น้ำตาซึม ตั้งใจค่ะ ตั้งใจ


ชีวิตไม่ได้เป็นทุกข์เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แต่ชีวิตเป็นทุกข์เพราะไม่รู้ว่าสติอยู่ตรงไหน

ชีวิตที่สติเจริญขึ้น ไม่ใช่ชีวิตที่บังเอิญ แต่เป็นชีวิตที่ตั้งใจเจริญสติ

สติเจริญขึ้นไม่ได้ด้วยการอยากได้นั่นอยากได้นี่ แม้อยากได้ความสงบสุข ก็เท่ากับสร้างความกระวนกระวายอันเป็นทุกข์

สติเจริญขึ้นไม่ได้ด้วยการล็อกเวลานั่งสมาธิเดินจงกรม แต่สติเจริญขึ้นเพราะรู้ว่า ระหว่างวันภาวะใดเกิดขึ้นบ่อยๆในตน แล้วรู้ให้ได้เรื่อยๆว่าภาวะเหล่านั้นเกิดขึ้นแล้วต้องหายไปเป็นธรรมดา ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบ

คนส่วนใหญ่ไม่มีกำลังใจอันเป็นต้นทุนในการดู จึงควรสวดมนต์ นั่งสมาธิ เดินจงกรม เพื่อให้รู้สึกว่า มุมมองที่ถูกต้องเริ่มต้นกันอย่างไร

ฟังวิธีนั่งสมาธิ เดินจงกรม แผ่เมตตา ในแบบที่จะเป็นต้นทุนให้เจริญสติได้ที่
//soundcloud.com/dungtrin




 

Create Date : 08 กันยายน 2556    
Last Update : 8 กันยายน 2556 20:53:19 น.
Counter : 631 Pageviews.  

น้องชาย

ปี 2013

จะว่าน้องชายก็ไม่เชิง ไม่ได้รู้สึกสนิทเหมือนเป็นคนในครอบครัว แต่ก็..ด้วยวัยที่ห่างกันหนึ่งรอบ และการล้อเลียนต่างๆ พอจะกล้อมแกล้มเป็นน้องชายก็ได้

น้องผู้ชายที่รู้จักกันมากว่าห้าปี เริ่มแรกๆก็ไม่มีอะไรคุยกันมาก อาจจะมีเรื่องการเมืองที่คุยกันได้ยาว เขาเขียนกลอนแปดเรื่องการเมืองลง FB ได้แทบทุกวันในวันที่อัดอั้นตันใจ อยากพูดแต่พูดไม่ได้ เป็นนักอ่าน นักคิด (ฟุ้งซ่าน) นักกีฬา เล่นกีฬาได้หลากหลายประเภทได้ดี นักฟังเพลง ที่รู้ใจเราว่าเพลงไหนที่เราจะชอบแน่ๆ (นึกถึงเพลงลูกอมของวัชราวลี รายนี้บรรยายเป็นฉากๆ และตบท้ายว่าพี่ต้องไปฟังนะ แล้วพี่จะชอบ) รายการที่เราต้องนัดเวลากันมาเจอหน้าจอ หนึ่งในนั้นคือ หนังพาไป

เป็นคนที่มีน้ำใจและมีฝีมือ รถเสียทีไร ได้เขามาแก้ปัญหาให้แทบทุกครั้ง หรือแม้แต่ป่วยไข้ไม่สบาย วันที่น่าจะเป็นไส้ติ่ง แล้วเขารู้ว่าเราขับรถไปคนเดียว เขาเดินมายืนตรงหน้า พยายามทำหน้าให้จริงจัง แล้วบอกว่า พี่มีอะไร เรียกผมได้นะครับ Smiley

อีกอย่างที่เป็น คือ เป็นนักค้นคว้า ถ้าไม่รู้จะค้น จะศึกษาแล้วมาคุยกันใหม่...

ผ่านไปสักพัก เขารู้ว่าเราสนใจทางธรรม หาข้อโต้เถียงสารพัดมาท้าทาย เรื่องหนึ่งที่ตอบไปแล้วเขาเลิกถามคือเรื่องของพระเวสสันดร

เพราะเราถามกลับว่า เชื่อใช่มั้ยที่เป็นชาติสุดท้ายก่อนท่านมาเป็นพระพุทธเจ้า

ถ้าเชื่อว่าเป็นชาติสุดท้ายจริง ก็ต้องเชื่อว่า พระนางมัทรี กัณหาและชาลี ต่างอธิษฐานมาเพื่อร่วมสร้างบารมีกับพระเวสสันดร เพราะที่ได้ฟังมา เป็นอย่างนั้น

คุยอะไรต่อมิอะไรกันอีกบ้าง แต่ไม่ใช่เรื่องการปฏิบัติธรรม ซึ่งเราบอกว่า เราตอบไม่ได้หรอก เราไม่สนใจ

คนช่างสงสัยไปบวช 1 เดือน ตอนที่ไปโกนผม แอบอธิษฐานว่า ขอให้เขามีสัมมาทิฐิ

ผ่านไปอีกสองปี เจอกันวันก่อน เขาถามเรื่องพระรูปโน้นรูปนี้ที่เป็นข่าว เราไม่ยักสนใจ ทั้งหลวงพ่อและพอจ.ชยสาโรสอนว่า คนที่เป็นชาวพุทธจริง ไม่มีหรอกที่จะเสื่อมศรัทธาจากศาสนาพุทธ ไปนับถือศาสนาอื่น ที่มาโวยวายบอกว่าเสื่อมศรัทธานั่น ไม่ใช่พุทธแท้

คืนวันนั้น หน้าร้านอาหารอิตาเลียน สองคนนั่งคุยกันเรื่องเป้าหมายชีวิต เขาบอกว่า เป้าหมายชีวิตของเขาก็เป็นเช่นเดียวกับเรานั่นล่ะ

น้องชายถามเรื่องการปฏิบัติ ถามเรื่องการรู้สึกตัว ทำยังไงเวลาหลงไปคิด ได้ศัพท์ใหม่ไปหลายคำ เช่น วิหารธรรม แต่ดูเขายังไม่จริงจัง เหมือนถามไปงั้นๆ เพราะบอกว่าผมยุ่ง ให้รู้แบบนี้ ผมทำไม่ได้หรอก

ปี 2015

เดือนกุมภา ใกล้จะถึงวันแต่งงาน จู่จู่เขาก็ส่ง Line มาในเวลาทำงาน ถามเรื่องวิปัสสนากับสมถะ คุยกันยาวพอสมควร จนถามว่า ไปหาผู้รู้มั้ยเพราะเรายังไม่เก่ง ยังไม่รู้มากพอ แต่ก่อนไป เอาซีดีไปฟังก่อน จะลองฟังมั้ย? เมื่อตอบรับว่าจะลองดู ก็ให้ไป ทำใจว่าเขาอาจไม่ฟัง

อีกสองวันโทรมา..กระจ่างเลยครับ ที่เคยสงสัยมามากมาย พลวงพ่อตอบคำถามได้หมด

เราไม่ได้เจอกับเขาบ่อยนักหรอก ทักทายกันตาม social media บ้าง แต่การคุยกันหลังจากที่เขาฟังซีดีไปสองวัน และรู้ว่า 'ทาง' ที่ถูกคือทางไหน แค่นี้ก็พอแล้ว

เรารู้ว่าเขาเป็นคนทำอะไรจริงจัง ถ้าเขาจะเดินไปได้จนสุดทางก็คงปลื้ม...

ถ้อยคำสนทนา รื่นกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา พี่กับน้อง เดินบนเส้นทางเดียวกันแล้วนะ  Smiley





 

Create Date : 16 กรกฎาคม 2556    
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2558 19:21:05 น.
Counter : 372 Pageviews.  

เป็นโสดยังไง

ไปอ่านกระทู้ว่าคนโสด แก่ตัวไปจะอยู่ยังไง

ก็แก่ตัวไปทุกวันอยู่แล้วนี่นะ จริงๆก็แก่แล้วล่ะ เป็นยายคนได้แล้ว Smiley

ไม่ได้วางแผนว่า ถ้าเป็นโสดจะต้องอยู่ยังไง คือ ไม่ได้สนใจว่าโสดหรือไม่โสด แต่คงเพราะรู้ตัวว่าต้องโสดล่ะมั้ง 

รู้แต่เก็บเงิน เก็บมาตลอดตั้งแต่ทำงานปีแรก เอาเงินส่งตัวเองเรียนบ้าง หาทุนเรียนบ้าง แล้วก็เก็บ เก็บ เก็บ แต่ไม่ค่อยทำให้มันงอกเงยสักเท่าไหร่ ไม่ค่อยเก่งเรื่องลงทุน ลงแล้วก็รอปันผล ดอกเบี้ยอีกนิดหนึ่ง สนใจแต่ยอดเงินต้น อันนี้ไม่ค่อยมีฝีมือ เลยต้องเก็บไว้ให้มาก รั่วให้น้อย แล้วก็กระจายความเสี่ยง ประกันชีวิตบ้าง ออมหลายๆแบบบ้าง ลงทุน เสี่ยงบ้าง ไม่เสี่ยงบ้าง

แต่นอกจากลงทุนด้วยการเพิ่มเงินลงทุน ยังลงทุนด้วยการแจกจ่าย ส่งให้น้าเป็นรายเดือน และแบ่งไปบริจาคเป็นระยะ มีงบรายเดือนในการทำทานและเพิ่มเติมบางส่วนเพื่อให้ได้ฝึกความสละออก นี่ก็เป็นการลงทุนชั้นดีในชีวิตนี้

บางคนบอกต้องมีบ้าน มีรถ อืม..มีอยู่แล้ว บ้านก็อาศัยเขาอยู่ จะบ้านแม่ บ้านพี่ชาย บ้านตัวเองก็มีล่ะแต่ไม่อยู่  ไปเช่าบ้านคนอื่นอยู่ ไม่ยักเดือดร้อนเรื่องนี้ ส่วนรถ นอกจากรถคันเดิมที่คนรอบข้างถามด้วยความเป็นห่วงว่าเปลี่ยนได้หรือยัง ยังฝันว่าจะได้ขี่รถจักรยานยามแก่ ยามไม่มีงานทำ จะได้ขี่จักรยานชิลชิลเช้าเย็น หวังให้ข้อเท้าข้อเข่ายังดีถ้ามีชีวิตอยู่ถึงตอนนั้น Smiley

แล้วก็ทำสุขภาพให้ดี ดูแลตัวเองไม่ให้อ้วนเกิน ตอนนี้ก็อ้วนอยู่ แต่ไม่ให้มากไปกว่านี้ นึกถึงน้าที่อ้วนจัด เวลาอยู่ที่โรงพยาบาล เกรงใจคนเฝ้าไข้น่ะ ยกตัวลำบากมาก ทั้งอาหารและการออกกำลังกาย อันนี้ต้องดูแลตัวเอง

สุขภาพใจนี่สำคัญสุด บางคนพูดถึงการปฏิบัติธรรม ช่วยได้มากในเรื่องของจิตใจ จะโสดหรือไม่โสด จะแก่หรือเด็ก ใจที่แข็งแรง..สำคัญสำหรับทุกคน ทุกวัย แต่ยิ่งแก่จะยิ่งใจน้อย หงุดหงิด ยึดมั่นในความคิดความเห็นมาก อันนี้ ผู้สูงอายุหลายคนมักไม่รู้ตัว ซึ่งต้องเตือนตัวเองให้บ่อย ไม่งั้น ตัวเองรับมือกับตัวเองยังไม่ไหว ยังพาคนรอบข้างมาเหนื่อยใจไปด้วย

ใจที่ดี นอกจากสร้างกำลังใจด้วยตัวเองแล้ว คนรอบข้างก็สำคัญ บนทางที่เดินไป จึงต้องมีเพื่อน ญาติ พี่น้อง ที่เป็นที่พักใจยามหัวใจอ่อนแอ ยามร่างกายอ่อนล้า ช่วยกันประคับประคอง โชคดีที่มีพี่สาวพี่ชายให้พึ่งพา (ถ้าจำเป็น) มีเพื่อนหลายกลุ่มที่ยังพออุ่นใจว่า หากเรายื่นมือไป จะมีอีกหลายมือยื่นกลับมา และที่สำคัญมากอีกอย่างสำหรับเราคือ ครูบาอาจารย์ แค่ได้นึกถึง ใจที่อ่อนแอก็มีกำลังเพิ่มมาทีละนิด ทีละนิด ใจที่หลงฟุ้งไปถึงไหนต่อไหน ก็กลับมาอยู่กับร่องกับรอย

แค่นี้ก็พอแล้ว จะเป็นโสดทำไม หรือใครจะมาสนใจว่าทำไมไม่สละโสด ไม่ยักจะสนใจ Smiley

 

.....

อาทิตย์ที่ผ่านมา กลับบ้านไปให้พี่สาวนวด นวดบ่าทั้งสองข้างที่ปวดมาจากนอนตกหมอน (ไม่เพราะเครียดก็เพราะตกหมอนมั้ง) รู้สึกดีจัง... ยังไม่นับเสื้อตัวใหม่ที่ซื้อมาให้ ขนมที่ชอบ สละอมเปรี้ยวที่แกะมาให้น้องสาวจานใหญ่ วัตถุดิบเพื่อให้ได้ทำกับข้าวใส่บาตรและ....สารพัด Smiley

 




 

Create Date : 21 เมษายน 2556    
Last Update : 13 พฤษภาคม 2556 20:33:46 น.
Counter : 461 Pageviews.  

ศีลอด ปี 2

ปีที่สองเองเรอะ

เริ่มมาหลายเดือนแล้ว กับการงดอาหารเย็นทุกวันพระ อืม..ไม่ใช่ จริงๆคือ เป็นการงดอาหารหลังจากมื้อกลางวัน แต่ไม่ได้เคร่งมาก ยังกินนมบ้าง น้ำเต้าหู้บ้าง อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ของขบเคี้ยว และงดเว้นวันที่ต้องอยู่กับแม่ ซึ่งนานนานทีจะตรงกัน ส่วนวันที่ตรง ก็ดันมีเหตุ ให้พี่ชายมารับแม่ไปกินข้าวนอกบ้าน กลับมาอีกทีก็เย็นแล้ว ไม่มีอารมณ์ทำกับข้าวและบังคับให้เรากิน ขอบคุณเหตุบังเอิญ

ยังรักษาความตั้งใจไว้ได้ แม้จะมีบางวันที่อยาก...แรง บางครั้งก็เสียดาย ไปอบรมที่โรงแรม เขามีขนมช่วงบ่ายแต่กินไม่ได้ และอีกหลายวันที่อยากกิน ข้ออ้างสารพัดที่ผุดขึ้นมาว่าปวดท้องแล้วนะ หมดแรงแล้วนะ ...แล้วนะ ยังผ่านวันนั้นมาได้ ก็แค่สัปดาห์ละวันเอง

ปีนี้ ก่อนเข้าพรรษาสักเดือน มีข้อแม้กับตัวเองอีกข้อคือ ไม่เอาหลังชนที่นอน จนกว่าจะถึงเวลานอน คือ จะงีบหลับท่าไหนในระหว่างวันก็ได้ แต่ไม่ใช่ท่านอนราบ 180 องศา จนกว่าจะถึงเวลานอนคือห้าทุ่มน่ะ (ยกเว้นตอนเล่นโยคะหรือตอน sit up แบบนั้นไม่นับ)

ได้ผลดีมากคือตอนวันหยุดที่กลับบ้าน เพราะจะมีที่นอนน่านอนแต่กติกาที่ว่าทำให้ไม่ได้นอน ต้องนั่งบ้าง เดินบ้าง สารพัด แต่นั่งหลับได้นะ นั่งหลับโดยฟุบกับโต๊ะได้ ..หวังว่า จะช่วยแก้ความขี้เกียจของตัวเอง ไม่งั้นมันจะซึมนาน

ลองดูสิว่า จะทำได้จนถึงออกพรรษาเลยรึเปล่า

.......

ข้อแม้เรื่องหลังชนที่นอน มีหลุดๆช่วงหลัง นอนก่อนห้าทุ่ม พอหลุดไปวัน ก็หลุดมาอีกหลายวัน แต่โดยรวมแล้วก็พอไปไหว 

ส่วนเรื่องกิน วันออกพรรษาเป็นวันเสาร์ มองปฏิทินแล้วก็..ออกเลยเถอะ อยู่กับแม่ ต้องโดนบังคับแน่ๆ อีกอย่าง ช่วงเช้ากินอะไรไปนิดหนึ่ง คาดว่าพี่สาวจะมาแต่กว่าจะซื้ออะไรมาคงหลังเที่ยง เอาไงดี? 

พอใกล้บ่ายโมง ทุกคนก็มา พี่สาวมีขนมจากใต้มาฝากด้วย แต่เอาตัวออกห่าง ไม่อยู่ในห้องนั้น ไม่งั้นคงไหลไปกับถุงขนม...

แล้วก็แปลก แม่ไม่ยักอยากทำกับข้าวตอนบ่าย เย็นก็ไม่ทำเพราะเขามีกับข้าวเจเหลืออยู่ แค่บ่นๆ ถามว่ากินข้าวหรือเปล่า วันนั้นเลยได้อดยาวตั้งแต่ตอนสาย ไม่แตะนม น้ำหวานอะไรทั้งนั้น กินน้ำชาไปเรื่อยๆ บ่ายโมงถึงบ่ายสาม ใจมันไหว กายมันหวิวนิดหนึ่ง หลังบ่ายสามก็สบาย    

วันก่อนหน้า ฟังอ.อมราเล่าถึงลูกศิษย์ พอจ.สิงห์ทอง ท่านอดอาหาร 31 วัน อดแล้วก็ยังทำข้อวัตรปกติ งานทางวัดก็ยังทำ เลยได้กำลังใจ Smiley  แต่แค่วันเดียวเอง ถ้ามีโอกาส จะทดลองเพิ่มวันดูบ้าง 


สรุปว่าสองเรื่องใหญ่คือกินกับนอน ยังเหมือนเดิม ทำไปเรื่อยๆไม่มีกำหนด งดอาหารเย็นทุกวันพระและไม่นอนก่อนเวลา  หวังว่าจะสร้างกำลังใจให้ตัวเองไปเรื่อยๆ (เกือบหลุดเมื่อวันออกพรรษาไปแล้วล่ะ)  





 

Create Date : 07 เมษายน 2556    
Last Update : 23 ตุลาคม 2556 9:08:23 น.
Counter : 475 Pageviews.  

เป็นคนแบบนี้

หมดความสงสัยแล้วว่า ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้ Smiley

เมื่อวานไปฟังธรรม ที่ที่เมื่อคราวก่อน ที่เป็นวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ แล้วฝนตกหนักมาก ทำเอาใครบางคนใส่รองเท้าผิดคู่ ทิ้งคู่เบอร์เล็กสีเดียวกันไว้ให้ โชคดีที่มีรองเท้าใส่เข้าห้องน้ำ ก็เลยขอคู่นั้นใส่กลับซะ ข้อเตือนใจในการไปฟังธรรมที่ที่มีคนมากๆ คือ ใส่รองเท้าคู่เก่าที่ไม่ต้องเสียดายถ้าจะมีใครใส่สลับไป และมีสัญญาจากสมัยมัธยมกลับมาเตือนว่า เราเคยตั้งใจใส่รองเท้าคนอื่นกลับบ้าน แม้จะมีข้ออ้างว่าคนอื่นเอารองเท้าเราไปก่อนก็ตาม...

เมื่อวาน ได้ประโยคเด็ดมา เรื่องการบันทึกข้อมูล พระอาจารย์เปรียบจิตที่เกิด-ดับ เหมือนคอมพิวเตอร์ที่ shut down แต่มันไม่ได้ปิดตัวเฉยๆ มัน save ข้อมูลก่อนดับด้วย เราเลย..อ๋อ

จริงๆเคยอ่านอะไรทำนองนี้มาก่อน แต่มันยังไม่เข้าใจ พอเริ่มเห็นว่าเกิด - ดับเป็นยังไง มาฟังอีกครั้ง ก็เข้าใจมากขึ้น

เลยไม่ต้องสงสัยว่าทำไมตัวนี้ถึงเป็นคนอย่างนี้ เป็นคนแบบนี้ เป็นมาเนิ่นนานแค่ไหนไม่อาจรู้ได้ แต่นิสัยที่ค่อยๆสะสมมาเป็นเวลานาน ทำให้เป็นคนอย่างนี้ เป็นคนแบบนี้ นั่นล่ะ

จิตที่สั่งสมอนุสัย ทั้งราคะ ทั้งโทสะ สั่งสมมานาน แต่ละขณะที่หลงไปตามอารมณ์

เกิด ... บันทึกข้อมูล ... ดับ

เกิด ... บันทึกข้อมูล ... ดับ

เกิด ... บันทึกข้อมูล ... ดับ

ข้อมูลแต่ละขณะที่ถูกบันทึก ทำให้เป็นคนแบบนี้ เวลาเจออะไร เราเคยสงสัยว่า ทำไมล่ะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมต้องรู้สึกแบบนี้ ทำไมทำแบบนี้ ทำไมบังคับไม่ได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะมันเป็นแบบนี้ อนุสัยมันเป็นแบบนี้ อยากดีก็ไม่ดีได้ทันใจเพราะข้อมูลมันถูกบันทึกมาแบบนั้น เจอเหตุที่ผสมกับอนุสัย มันก็เลยออกผลมาแบบนั้น มันมีเหตุ มีผลในตัวเอง

ขนาดเจอดอกไม้ยังชอบใจ เจอลมพัดไหวก็ชอบใจ เห็นพระจันทร์ก็ชอบใจ ชอบแล้วไม่รู้สึกตัว นี่ก็ถูกบันทึกไปแล้ว

เจอคนที่ไม่ชอบใจ เห็นหน้าแล้วอารมณ์ขุ่นมัว ไม่รู้สึกตัว นี่ก็ถูกบันทึกไปอีกเหมือนกัน

 

ความชอบใจและไม่ชอบใจ ผลักดันให้เอาร่างกายไปทำ ไปพูดสารพัด มันก็เลยก่อเหตุขึ้นมาเรื่อยๆ 

วัฎฎะมันเป็นแบบนี้ จะมีแรงถีบตัวเองให้พ้นไปจากวงจรได้แค่ไหน อ่อนแอแบบนี้น่ะ ...

ทางที่จะไม่ให้จิตบันทึกข้อมูลแบบเดิม คือ ให้บันทึกสติ ยิ่งบันทึกสติบ่อย มันจะเป็นกลางกับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น จะได้ไม่หลงไปทำอะไรๆตามความเคยชินที่เคยสะสมมา จะได้ไม่หลงไปสร้างกรรม ผูกมัดตัวเองกับสังสารวัฎนี้ (นี่เราสรุปเอง)

บันทึกสติ แทนการบันทึกอนุสัยเดิมๆ

แต่ละขณะ แต่ละขณะ ให้สติมาแทนที่อนุสัยเดิมเดิม

หนทางกลับบ้านจะได้สั้นลง  

Smiley  Smiley




 

Create Date : 25 มีนาคม 2556    
Last Update : 26 มีนาคม 2556 20:20:43 น.
Counter : 505 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  

saifan
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add saifan's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.