ภาคภาษาอังกฤษ English Version

บ้านสวน เขาเทวดา


เฮ้ หวัดดียามเช้า ( เวลาของผู้เขียน )
เป็นจั้งได๋กันบ้างล่ะจ๊ะท่านผู้อ่านชาวโรสบลายน์เกอลล์ทั้งหลาย
ในวันพุธ ที่ 22 กรกฎาคมนี้ หนูก็จะเข้าสู่วาระพิธีสอบกลางภาคเรียนที่ 1 แล้วนะคะ อย่าลืมโทร. มาอวยพรกันด้วยเด๊เจ้า
( โทรพิมพ์ นะ หรือจะโทรศัพท์ก็ได้ เอาตามที่ท่านสะดวกก็แล้วกันเด้อ
รับได้เพ ฮิ ๆ ๆ )

เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา หนูพร้อมด้วยครอบครัว ถาวรรัตน์
ก็ได้มีโอกาสไปพักผ่อนที่บ้านสวนใกล้ เขาเทวดา
อันเป็นบ้านใหม่ในอนาคตของครอบครัวเราเลยนะ
อันที่จริง ครอบครัวเราก็มีบ้านอยู่หลายหลังแล้ว คือ
บ้านแห่งแรก ที่หนูจำความได้ อยู่ที่ตำบลโพธิ์เสด็จ
อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช

แห่งที่สอง บ้านชนบทแต่ดั้งแต่เดิมของพ่อแม่
ซึ่งเป็นขนำเล็ก ๆ ริมแม่น้ำปากพนัง
และรวมไปถึงขนำในบ่อเลี้ยงกุ้งที่หนูเคยสร้างวีรกรรมตกบ่อนั่นแหละค่ะ
หากท่านผู้ใดที่ยังไม่ได้อ่านวีรกรรมนี้ก็ขอเชิญไปอ่านได้ในเรื่อง
“ประสบการณ์ยามตกบ่อ” ได้เลย แล้วท่านจะขบขัน
อ้าว คุยเพลิน บ้านหลังที่สองก็อยู่ที่ตำบลไสหมาก อำเภอเชียรใหญ่
จังหวัดนครศรีธรรมราชอีกนั่นแหละ

ส่วน บ้านหลังที่สาม ก็คือที่อยู่ของหนูในปัจจุบันนี่แหละค่ะ
แล้วจะอยู่ต่อไปอีก 8 ปี รอจนกว่าคุณแม่จะเกษียณอายุจากการทำงานเป็นนักสังคมสงเคราะห์ โรงพยาบาลสงขลา ก็จะจากบ้านหลังนี้ไปแล้ว

บ้านที่เป็นบ้านพักข้าราชการ มีทั้งแพทย์ พยาบาล รวมไปถึงตำรวจด้วย
อยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในจังหวัดสงขลา
นั่นคือ แหลมสมิหลานั่นเอง ขอเชิญชวนมาเที่ยวได้นะ ยินดีต้อนรับ
บ้านหลังนี้ก็อยู่ที่ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา

ส่วน บ้านหลังสุดท้าย ก็เป็นบ้านใหม่ที่กำลังพูดถึงอยู่
คือ บ้านสวนแสนสบายใกล้เขาเทวดา เลยโรงพยาบาลสงขลาไปนิดหนึ่ง
( ไม่รู้บอกถูกหรือเปล่านะ ค่อยให้คุณพ่อมาแก้อีกทีหนึ่ง )

อ้อ ขอแถมอีกนิดหนึ่ง บ้านที่หนู ( หมายถึงหนูคนเดียวนะ ) อยู่ในปัจจุบันและจะอยู่ต่อไปอีก 1 ปี
คือ บ้านหลังนี้หนูอยู่ตั้งแต่ม. 1 จนถึงม. 2 พอม. 3
ก็กลับมาเรียนที่โรงเรียนแจ้งวิทยาใกล้บ้านได้ 1 ปี
ก็ต้องจากครอบครัวไปเรียนต่อในโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยอีก 3 ปี
ก็จะกลับมาอยู่กับครอบครัว และเรียนต่อในมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา
คณะครุศาสตร์ เอกภาษาไทย
บ้านหลังนั้น คือ โรงเรียนการศึกษาคนตาบอดธรรมสากลหาดใหญ่ ค่ะ

ป.ล. ขอโฆษณาหน่อยนะ
ผู้ที่สนใจจะมอบทุนการศึกษา หรือบริจาคข้าวของเครื่องใช้ ตลอดจนเลี้ยงอาหารการกินต่าง ๆ
แก่นักเรียนโรงเรียนการศึกษาคนตาบอดธรรมสากลหาดใหญ่
ตำบล ควนลัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
สามารถติดต่อได้ที่ โรงเรียนการศึกษาคนตาบอดธรรมสากลหาดใหญ่
โทรศัพท์ 074 -252797
หรือต้องการสอบถามรายละเอียดอะไรเกี่ยวกับโรงเรียนนี้
สามารถโทรศัพท์มาถามหนูและคุณพ่อได้นะคะ

สวัสดีเจ้า




 

Create Date : 30 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 30 กรกฎาคม 2552 17:52:49 น.
Counter : 1474 Pageviews.  

โรส อยากร้องเพลงลูกทุ่ง ญ.ว.


หวัดดีเจ้า แฟนคลับที่น่ารักตุ๊ก ๆ คน
วันนี้ ข้าเจ้าจะแวบมาเขียนเล่าเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับข้าเจ้า
เอ๊ย หนู อีกเรื่องหนึ่ง
แหม เล่นเหนือแต่เช้าเชียว ( พอดีเพิ่งตื่น )

ก่อนอื่นขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงสำหรับพรวันเกิด
อ้อ อย่าลืมแวบไปอวยพรวันเกิดแก่คุณผมขาวบ้างนะ
ท่านไม่ได้เขียนอะไรลงบล็อค
แต่ อยากให้ท่านได้รับพรเช่นเดียวกับหนูบ้าง
หนูกลัวท่านจะเหงา

คืออย่างนี้ค่ะ หนูได้สมัครประกวดร้องเพลงลูกทุ่งชิงถ้วยเกียรติยศ
ในงาน Singing Yorwor contest ประจำปี 2552
บอกตรง ๆ ตอนที่อาจารย์พาไปคลำถ้วยรางวัลเนี่ย
ตื่นเต้นมาก

ถ้วยมี 3 แบบ แต่ที่เป็น รางวัลชนะเลิศ ถ้วยจะมีลักษณะใหญ่มหึมามาก
ใหญ่สุดจะบรรยาย จนต้องช่วยกันแบก 3 คนเห็นจะได้
( อาจจะเวอร์ไปหน่อยนะ แต่จากที่ไปคลำ ๆ ดู มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น )

ขณะที่หนูกำลังชมความอลังการของถ้วยใบนั้นอยู่ อาจารย์ก็พูดว่า
“ไม่แน่นะ เธออาจจะได้ถ้วยใบนั้นมาครองก็ได้”
หนูคิดในใจว่า ขอให้ได้ขึ้นเวทีประกวดก่อนดีกว่าค่ะ
เรื่องรางวัลหนูค่อยคิด
เพราะขณะขึ้นเวทียังสั่นแทบตาย
ไปยืนหน้าชั้นก็สั่น
เรียกได้ว่า เป็นโรคสั่นแบบทุกสถานการณ์เมื่อต้องไปยืนหน้าคนหมู่มาก
สั่นแล้วยังมือเย็นด้วย
ไม่รู้ว่าขึ้นเวทีการประกวด อากัปกิริยาของหนูจะเป็นยังไง

แล้วหนูก็ไปฝึกซ้อมร้องเพลงกับอาจารย์จีราวรรณ
อาจารย์ติงว่า
หนูยังมีลมน้อย ชอบเก็บเสียงตรงท้ายเพลง
ท่านอาจจะงง ลองไปฟังเพลง “ลึกซึ้งไม่ถึงแฟน” ดูสิคะ
หนูชอบเก็บเสียงตอนท้ายเพลง
เพราะเสียงของนักร้องจะยาว ส่วนหนูจะทำให้สั้น
เหนื่อยง่าย เพราะยังไม่ฝึกการหายใจแบบนักร้องลูกทุ่ง

แล้วหนูก็ได้อาจารย์ที่ปรึกษา 2 ท่าน
คือ พี่จุ๊บแจง และ น้องสาวสุดที่รักของหนู
อาจารย์สองท่านนี้อาจช่วยหนูได้
เพราะ พี่จุ๊บแจงเป็นนักร้องวงลูกทุ่งจามจุรีของ โรงเรียน และขับร้องเพลงร่มฟ้าแดง ซึ่งเป็นเพลงประจำโรงเรียนด้วย
ตอนนี้จบแล้ว ไปเรียนต่อที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา
คณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกนาฏศิลป์ หนูชื่นชมพี่เขามาก
ตอนนี้ออกอัลบั้มแล้ว ชื่อว่า “ลูกสาวนายหนัง”
ลองไปหาซื้อฟังกันดูนะเจ้า

ส่วนน้องสาวสุดที่รักก็ใช่ย่อย
ตอนอยู่ประถม เคยถูกอาจารย์ดึงเข้าวงลูกทุ่งของโรงเรียน
มีงานให้ไปร้องเพลงอยู่หลายที่ เสียงของเธอช่างไพเราะ ก้องกังวาน
เอาไว้วันหลัง หนูจะอัดมาให้ฟัง
( แต่ขอโทษ ตอนนี้เธอเลิกร้องเพลงแล้ว เพราะเข้า ม. 1 ต้องเรียนหนัก )
พี่สาวคนนี้เลยต้องสืบต่อจากน้อง
ก็หนูชอบและอยากร้องเพลงเป็นนี่
คือมันชอบฟังเพลงลูกทุ่งอยู่แล้ว
อีกอย่าง แม่ชอบพาขึ้นเวทีร้องเพลงตามงานแต่งงาน
ของลูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ของโรงพยาบาลสงขลา
ขณะขึ้นเวทีของโรงแรมยังสั่น มือเย็นเฉียบ
แล้วนี่ขึ้นเวทีประกวด จะสั่นขนาดไหน
มีหวังตกเวทีแน่ ๆ รับรองได้

ป.ล. สมาชิกบล็อกท่านไหนมีเคล็ดลับการร้องเพลงลูกทุ่ง
ช่วยส่งมาด้วยนะ แล้วหนูจะมาฟัง เพราะหนูอ่านไม่ออก
จบ

บ๊ายบายเจ้า แล้วค่อยเจอกันใหม่เน้อ จุ๊บ ๆ




 

Create Date : 19 มิถุนายน 2552    
Last Update : 19 มิถุนายน 2552 8:51:50 น.
Counter : 1386 Pageviews.  

ทำบุญลุง สงกรานต์ 2552

สวัสดีหลังสงกรานต์ แฟนคลับทุก ๆ ท่าน
วันนี้ หนูมีเรื่องจะมาเมาท์ ให้ทุก ๆ คนฟังตั้งหลายเรื่องแน่ะ
เชิญรับฟังได้เลยค่ะ

เริ่มจากวันที่ครอบครัวของหนูไปทำบุญให้ ลุงของหนูที่เสียชีวิตไปแล้ว
( มีพ่อ หนู และน้องสาว ไป ส่วนแม่อยู่สงขลากับคุณตา
แต่เราสามพ่อลูกไปนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านดั้งบ้านเดิมของพวกเรา
อ้อ พวกเราในที่นี้คือพ่อและพี่น้องนะ หนูไม่เกี่ยว )

นั่งรถจากสงขลา ไปนครศรีธรรมราชกันตั้งแต่บ่าย 3 โมง
ถึงโน่นก็จวนค่ำ

เมื่อไปถึงบ้านชนบทอันอบอุ่น ก็พบเจอญาติ ๆ
ซึ่งมาจากหลายจังหวัดมารวมตัวกัน ณ ที่นี้
เพื่อทำอาหารต่าง ๆ กินกัน โอ้ โฮ ลูก หลาน เหลน โหลน มากันเพียบ
เด็ก ๆ ก็เยอะ สร้างสีสันแก่บ้านหลังนี้ไม่น้อยเลย

หนูแอบคิดอยู่ในใจลึก ๆ ว่า “ถ้าคุณลุง คุณปู่ คุณย่าเห็นภาพนี้คงปลื้มใจไม่น้อย”
แล้วก็ตั้งวงรับประทานอาหารค่ำกันอย่างสุขสำราญใจ
แล้วพวกเราเด็ก ๆ ก็เล่นกันอยู่พักหนึ่ง พวกผู้ใหญ่ก็คุยกัน
แล้วก็แยกย้ายไปนอน

ที่ขนำน้อยของหนูก็เป็นที่พักพิงแก่ บรรดาญาติๆหนูหลายคน
ส่วนหนึ่งก็พักที่บ้านคุณอา ซึ่งเป็นบ้านที่เรารับประทานอาหารค่ำกันค่ะ

ตอนเช้า พวกผู้ใหญ่ก็เตรียมสำรับกับข้าวเพื่อเตรียมถวายพระ
พวกลุง ๆ ก็ตอกตะปูเพื่อจัดปะรำพิธี
เอารูปคุณลุง คุณปู่ คุณย่า ไปตั้งไว้ใกล้กัน
พวกเด็ก ๆ ก็ไปดูโทรทัศน์กันที่บ้านคุณอา

หนูรู้สึกประทับใจที่ได้เห็นภาพเหล่านี้มาก
เพราะนาน ๆ ทีจะได้พบเจอญาติ ๆ พร้อมหน้าพร้อมตากันสักที
ดีใจจริง ๆ ที่ได้เห็นความสามัคคีกันแบบนี้
บางทีถึงแม้บางคนจะเคยคิดว่า
ชนบทจะมีแต่ความไม่เจริญก้าวหน้าเท่าในเมือง
แต่สำหรับหนูคิดว่า ไม่มีความอบอุ่นใด ๆ
จะเทียบเท่าชนบทได้แล้ว
วิวทุ่งนาสวย ๆ เรือกสวนที่เขียวขจีไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ
หู งดงามตระการตาจริง ๆ
เมื่อทำบุญกันเสร็จ ก็แยกย้ายค่ะ

อีกวันที่หนูอยากจะเล่า คือ วันสงกรานต์ ที่เพิ่งผ่านมานั่นเอง
ก็ตามเคย ไปพักผ่อนหย่อนใจกันที่ขนำน้อยของครอบครัวเรา
สุดยอด มีคณะเพื่อน ๆ ของแม่เหมารถตู้คันใหญ่
มาเยี่ยมชมขนำอันสวยงาม
และอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
คณะญาติก็มา แต่ไม่คึกคักเท่าตอนทำบุญค่ะ
เพราะต่างก็ไปเยี่ยมอีกฝ่ายหนึ่งบ้าง

แต่ถึงอย่างนั้น หนูก็ยังสนุก
เพราะได้ไปเยี่ยมเพื่อน ๆ ของพ่อและแม่
รดน้ำขอพรจากญาติผู้ใหญ่ นับว่าหนูเป็นเด็กโชคดีคนหนึ่ง
ที่เกิดมาในครอบครัวนี้ เพราะได้สัมผัสชีวิตทั้งสองแบบ
คือ ในเมืองและชนบท

แต่ถึงกระนั้น หนูก็ไม่อาจเปรียบเทียบได้ว่า แบบไหนดีกว่า
คงดีคนละแบบค่ะ
ในเมืองก็ดี เพราะบ้านหนูอยู่ริมทะเล
ได้ปั่นจักรยานยามเย็นกับคุณพ่อไปชายหาด
ส่วนชนบทก็ดี ได้ตกบ่อ อ้อ นี่เป็นส่วนหนึ่งค่ะ
ส่วนที่ประทับใจที่สุด คือ ได้พบหน้าญาติ ๆ
ได้รับความอบอุ่น ได้ชมวิวทิวทัศน์ของทุ่งนา
และ ได้ ลุยโคลนในนา ด้วย

ว่าแต่ คุณแฟนคลับทั้งหลายละคะ
สงกรานต์ที่ผ่านมา ท่านได้ไปเที่ยวไหนกันบ้าง
โทรศัพท์มาบอกกันบ้างนะ

ขอเล่าแค่นี้ก่อนนะ จุ๊บ ๆ
หวัดดีเจ้า




 

Create Date : 12 มิถุนายน 2552    
Last Update : 12 มิถุนายน 2552 10:47:30 น.
Counter : 1083 Pageviews.  

โรส คนตาพิการ กลับบ้านต่างอำเภอโดยรถบัส คนเดียว


ประสบการณ์ยามขึ้นรถโพธิ์ทองกลับบ้านคนเดียว

เย็นวันศุกร์ หนูและเพื่อน ๆตาดี ในชั้นประมาณ 4 - 5 คน
พากันเดินมารวมตัวกันที่ป้ายรถเมล์แห่งหนึ่ง
หน้าโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย เพื่อส่งหนูกลับสงขลา

หลังจากที่ทราบว่า หนูจะตัดสินใจเดินทางกลับบ้านด้วยตนเอง
เพื่อน ๆ พากันตัดสินใจแทนว่า จะให้หนูขึ้นรถอะไรดี
รถสองแถว หรือ รถประจำทาง(รถโพธิ์ทอง)
จึงจะให้หนูกลับถึงบ้านโดยปลอดภัย
ในที่สุดก็แยกย้ายกันกลับ
เหลือเพียงหัวหน้าชั้นสุภาพบุรุษ ที่ยังคอยเลือกรถที่เขาคิดว่า
น่าจะปลอดภัยสำหรับหนู

ในที่สุดก็ได้รถเมล์สีเขียวคันใหญ่คันหนึ่ง
รถประจำทาง บริษัทโพธิ์ทองขนส่ง
เขาพาหนูขึ้นรถ พร้อมกับอวยพรว่า
“โชคดีนะโรส” หนูได้ยินเสียงเขาอวยพรมาจากข้างหลัง
หนูกล่าวขอบคุณเขาแล้วจึงรีบขึ้นไปหาที่นั่ง
ทีแรกล้ม ๆ ลุก ๆ เก้ ๆ กัง ๆ
เพราะเพิ่งขึ้นรถเมล์ครั้งแรกคนเดียวในชีวิต

กระเป๋ารถเมล์หญิงสาวสวยผู้ใจดีเดินมาเก็บเงินค่าโดยสาร
ทีแรกเธอจะไม่เก็บเงินหนู แต่หนูตอบเธอไปว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่อยากขึ้นรถฟรีค่ะ”
เธอจึงยอมเก็บเงินโดยดี ทั้งหมดก็ 15 บาท ค่ะ สำหรับนักเรียนนะคะ
แต่ผู้ใหญ่ 20 ค่ะ

นั่งรถไป ฟังเพลงไป คุยกับผู้โดยสารที่นั่งมาข้าง ๆ
ในที่สุดผู้โดยสารวัยกลางคนก็ลงจากรถ
หนูจึงนั่งคุยกับกระเป๋ารถเมล์ท่านนั้นต่อไป
ทราบทีหลังว่า คนขับรถและกระเป๋ารถท่านนั้นเป็นสามีภรรยากัน
มีบุตรสาวเรียนอยู่โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยเช่นเดียวกัน
แถมยังอยู่ม. 5 อีกต่างหาก แต่คนละห้องกันค่ะ
แล้วหนูก็มาถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ น่าประทับใจมาก
คุณพ่อยืนรอรับอยู่แล้ว

สัปดาห์ที่ 2 คราวนี้ชักจะคล่องตัวหน่อย ๆ แต่กระเป๋ารถเมล์เป็นผู้ชาย
หนูพยายามยื่นเงินให้ เขาก็ไม่เก็บ ปัดมือออก
บอกว่าทำไม่ลง เพราะ หนูเป็นผู้พิการทางสายตา
บอกตรง ๆ น้ำตาไหลออกมานิด ๆ ไม่เคยเจอกิริยาแบบนี้

สัปดาห์ที่ 3 ไม่ได้กลับค่ะ พ่อไปธุระ ต่างจังหวัด

สัปดาห์ที่ 4 คราวนี้สนุกมาก
คุณกระเป๋ารถเมล์หนุ่มยื่นมือมารับเงินแบบไม่มีข้อต่อรอง
แถมตอนลงจากรถ คนขับอวยพรว่า
“โชคดีนะจ๊ะ”

แต่คันที่ 2 ดีตรงที่กระเป๋ารถเมล์จูงหนูไปยืนอยู่ข้างประตูวัด
เพราะ คิวรถเมล์สุดท้าย อยู่ตรงประตูวัด ค่ะ
รู้สึกขอบคุณเขาแต่ก็ยังขัดใจที่เขาไม่เก็บเงิน
มารู้ทีหลังว่า นั่นเป็นกฎของรถโพธิ์ทองที่ว่า
เป็นดุลยพินิจของรถ ที่จะไม่เก็บเงินพระภิกษุ สามเณร และผู้พิการ ค่ะ
ก็เลยโอ เค

แต่ที่หนูคิด คือ ไม่ว่าจะพิการหรือปกติ ขอให้มีสิทธิ์เท่าเทียมกัน
อย่ายกเว้นเลย เพราะรู้สึกขัดอกขัดใจอย่างไรก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก
แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นกฎก็คือกฎ เข้าใจแล้ว
ขอให้เขาพาเรามาส่งถึงที่โดยปลอดภัยก็พอ

ก็ ขอฝากไปถึงทุก ๆ ท่านที่กำลังอ่านด้วยนะคะ
หากท่านมีบุตรที่พิการทางสายตา
ลองปล่อยให้เขาลองใช้ชีวิตแบบคนปรกติดูบ้าง
เขาจะไม่เป็นภาระของสังคมในอนาคตค่ะ

สวัสดีเจ้า




 

Create Date : 08 มิถุนายน 2552    
Last Update : 8 มิถุนายน 2552 9:32:27 น.
Counter : 1260 Pageviews.  

ความสุข และความประทับใจของข้าเพจ้า


หนูเกิดมาลืมตาดูโลกได้ 1 ข้าง เพราะหนูพิการทางสายตาแค่ข้างเดียว
แต่ จิตใจของหนูก็เปี่ยมด้วยพลังแห่งความสุขล้นเปี่ยม
เนื่องด้วยหนูมีครอบครัวดี อบอุ่น
ได้ไปเที่ยวไหนต่อไหนมากมาย
ได้สัมผัสวิถีชีวิตหลากหลายรูปแบบ ทั้งในชนบท ในเมือง
ได้ลิ้มรสประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นมาแล้ว เช่น ตกบ่อน้ำ
( น่าขำมากกว่าน่ากลัว )

ได้พบเจอถ้อยคำเยาะเย้ยถากถางมามากต่อมาก
ได้เป็นผู้ช่วยวิทยากรกับคุณแม่ ทั้งในโรงพยาบาลและนอกสถานที่
อาทิ เรือนจำ เป็นต้น

ได้สร้างความสุขให้แก่น้อง ๆ ในหอพักคนตาบอดด้วยกัน
ได้ขับร้องเพลงให้ผู้อื่นได้ร้องไห้และมีความสุข
( ไอ้ที่ร้องไห้นี่เขาร้องเองนะ หนูเปล่าผิด )

ได้ร่วมกิจกรรมของหอพักคนตาบอด ได้ออกโทรทัศน์ เป็นต้น
นับได้ว่า ชีวิตของหนูนั้นมีหลากหลายรสชาติ
โชคดีมาก ๆ ที่ได้เกิดมาในครอบครัวนี้
พ่อแม่ไม่ปิดกั้นลูกให้อยู่แต่กับบ้าน
ได้เดินลุยนาลุยสวน พ่อแม่ได้พาหนูไปทำความรู้จักญาติ ๆ ที่อยู่ในชนบท

พวกเพื่อน ๆ แม่ก็เช่นกัน หนูรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้สัมผัสกับชีวิตชนบท
ยามนั่งรถผ่านทุ่งนาอันกว้างใหญ่
แหม มันสุดจะบรรยายถึงความประทับใจ
ที่แย่งกันแผ่ออกมานอกตัวและหัวใจ นี่พูดจริงนะ
ไม่ได้โม้

ชีวิตในเมืองก็สุขไม่น้อยไปกว่าชนบทเลย
เพราะบ้านอยู่ริมทะเล แหลมสมิหลา
อันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดสงขลา
ได้ปั่นจักรยานไปกับคุณพ่อเพื่อออกกำลังกายตอนเย็น
ไปคุยกับเพื่อนพ่อชาวต่างประเทศ
หูย มีความสุข

บางครั้ง หนูก็พบเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
นั่นคือ บางวัน แม่จะเหน็ดเหนื่อยกับการทำงาน
แล้วมาเจอกับสภาพบ้านที่ไม่เป็นระเบียบ
จานที่กองสุม
ผ้าที่แช่อยู่ ลูก ๆ ไม่คิดที่จะช่วย
แม่จึงบ่นกระปอดกระแปด ลูก ๆ ก็ช่วยกันทำ
แต่หนูนั้น ความที่เป็นเด็กเครียดง่าย จึงนิ่งอึ้งไปเหมือนหุ่น
แล้วจึงค่อย ๆ ทำ เพราะนึกไม่ถึงว่าแม่จะบ่นออกมาได้ขนาดนี้
ประเภทว่าลูกเป็นลูกคุณหนู เป็นแต่ผู้รับเพียงฝ่ายเดียว
หนูคิดไปก็รู้สึกน้อยใจแม่ แต่ พอมาคิดดูอีกที ก็รู้สึกว่า
ไม่เอาน่า อย่าคิดแบบนี้ แม่คงเหนื่อย หงุดหงิด
ก็เป็นธรรมดาของคนทำงาน
ปลงซะเถอะ

แต่ความเครียดก็เข้ามาเถียงว่า ความจริงเราก็ทำอยู่หรอก
ถ้าแม่บอกว่า
“น้องโรส วันนี้ลูกซักผ้าถังน้ำเงินด้วยนะลูก
ไม่มีผ้าตกสี เดี๋ยวแม่กลับมาซักถังดำเอง”

เพราะปกติหนูจะทำอย่างนั้นเมื่อแม่บอกรายละเอียดของงาน
เดี๋ยวถ้าหนูซักหมดแล้วเกิดปนกัน แม่ก็จะยิ่งบ่นอีก
โอ๊ย ปวดหัว

แล้วเรื่องล้างจาน หนูตื่นขึ้นมาก็มานับดู ก็เห็นมีแช่อยู่แค่ 5 ใบ
เพราะปกติหนูนอนกลางวันตั้งแต่เที่ยงถึงบ่ายสองโมง
แล้วจะตื่นมาล้างจาน หากวันไหนจานน้อยก็ไม่ล้างค่ะ
นี่ไม่ได้พูดบ่นเพ้อหรือตัดพ้อแม่
แค่เล่าให้ฟังแค่นั้นแหละ
มันผ่านไปแล้ว

ความจริงมันอยู่ที่ใจเราต่างหากว่าจะเข้าข้างฝ่ายไหน
หากเข้าข้างฝ่ายดี ก็คิดว่า
“เออน่า แม่เหนื่อย ค่อยบอกแม่ทีหลังว่าทำไมไม่ทำ ปลงซะเถอะ”
กับฝ่ายไม่ดี
“ถ้าแม่บอกรายละเอียดงาน เราก็ทำ เราไม่ได้เป็นลูกคุณหนูซะหน่อย”
สุดท้าย หนูเข้าข้างทั้งสองฝ่ายค่ะ
โดยคิดแบบมีเหตุผล เพราะพ่อกับแม่เคยสอนว่า
ทุกสิ่ง ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจเรา

นี่คือ ความสุขและความประทับใจเบื้องต้นทั้งกายและใจของหนู
เด็กพิการทางสายตาคนหนึ่งในประเทศไทย

กับเด็กพิการคนอื่น ๆ ที่หนูไปสัมผัสเมื่อพักอยู่ที่หอพักเดียวกัน
แต่หนูกลับพบเจอแต่คำว่า
“ไอ้บอดอย่างเราจะทำได้รึ”
คำคำนี้มันหมายความว่าอะไร?

หนูพิ่งมาเข้าใจทีหลังเมื่อเพื่อนคนนั้นเล่าให้ฟังว่า
เขาไม่ได้ออกไปไหนเลย
ถูกกักขังอยู่แต่ในบ้าน อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง

เมื่อหนูลองปรึกษาคำว่า “ไอ้บอด” กับพ่อ
พ่อถึงกับโมโห เพราะพ่อไม่อยากให้ลูกสาวของพ่อพูดแบบนั้น
และคิดอะไรลบ ๆ แบบนั้น

ก่อนจากกัน เด็กนักเรียนตาพิการหนึ่งข้าง
โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ขอฝากกลอนสักบทนะคะ
ไม่ได้แต่งกลอนมานานแล้ว อยากรื้อฟื้นสมองบ้างน่ะ
ลองอ่านดูนะ
( อาจจะห่วยไปหน่อย ก็คนมันห่างเหินกับกลอนมานานแสนนานนี่ )

เด็กคนหนึ่งมีนามว่านุ่นนิจ
เป็นเด็กจิตไม่ฉลาดไม่โง่เขลา
ชอบที่จะมีเรื่องมาบอกเล่า
ไว้ให้เหล่าชาวบล็อกได้รับฟัง

เด็กคนนี้เกิดมาตาพิการ
แต่ใจหาญผ่านทุกข์เหมือนพวกเขา
สุขหรือทุกข์มันอยู่ที่ใจเรา
จะยิ้มแย้มเหี่ยวเฉาเราคิดเอง

เรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่ห้า
มีหน้าตาใช้ได้ไม่ใคร่สวย
ฐานะนั้นปานกลางมิร่ำรวย
แต่เปี่ยมด้วยความรักจากครอบครัว

เรียนอยู่ ณ โรงเรียนที่หาดใหญ่
คือหาดใหญ่วิทยาลัยในเมืองหรู
เป็นโรงเรียนที่มอบการเรียนรู้
แก่หนูผู้พิการทางสายตา

เรียนกับเพื่อนตาดีที่น่ารัก
อยากรู้จักทักทายสบายเหลือ
มีน้ำใจไมตรีและเอื้อเฟื้อ
มิทำตัวให้เหนือกว่าใครใคร

สุดท้ายนี้ขอบอกว่าหนูนั้น
มีความฝันอันแสนจะยิ่งใหญ่
คือเป็นครูสอนเด็กพิการไทย
ด้วยหวังให้เด็กไทยใจสู้ทน

ถึงพิการพวกเราจะไม่ท้อ
พบปัญหาก็ขอให้อย่าย่น
คนเรามีปัญหากันทุกคน
อยู่ที่ตนจะแก้กันอย่างไร

ขอบคุณมากค่ะ
โทรศัพท์มาคุยกันได้ที่
086-9638683 ค่ะ )




 

Create Date : 24 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 24 พฤษภาคม 2552 22:01:20 น.
Counter : 1778 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  

คนตาพิการ
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




คนตาพิการ

ชื่อจริง นุ่นนิจ ถาวรรัตน์
ชื่อเล่น โรส

ปัจจุบัน อายุ 23 ปี ตาพิการทั้ง 2 ข้าง กำลังเรียนหนังสือ ณ สถาบันราชภัฏ สงขลา คณะ ครุศาสตร์ ปีที่ 3 โปรแกรมภาษาไทย

โรส ชอบเขียนเรื่องราวต่างๆที่ได้ประสบ พิมพ์เป็นตัวอักษรปกติบนคอมพิวเตอร์ แล้วพ่อจึง copy นำมา Post ที่นี่

ข้อความต่างๆส่วนใหญ่เป็น ความคิด
ความเข้าใจ และจินตนาการ บนพื้นฐานของความเป็น คนตาพิการ ของ น้องโรส ทั้งหมด


E-mail คุยกับน้องโรส คนตาพิการ
Your Link HTML Free Code

english version
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add คนตาพิการ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.