Group Blog
All Blog
|
กรรมสิทธิ์หัวใจ ตอนที่ ๑๐ ตอนที่ ๑๐ อ๊าย! หทัยรักร้อง ใบหน้าสวยที่แต่งด้วยเครื่องสำอางชั้นเลิศบูดบี้เพราะความขัดเคืองใจเมื่อกดมือถือต่อสายกลับไปอีกครั้งก็ดันกลายเป็น ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่คุณเรียก ไปเสียแล้ว! อ๊าย! อ๊าย!ๆๆ นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเนี่ย! แล้วก็ส่งเสียงแหลมอีกหลายครั้งให้สากับความขัดใจทำเอาหนุ่มใหญ่วัย ๕๓ ที่เพิ่งเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาถึงกับมุ่นคิ้วอย่างสงสัย อะไรกันน่ะลูก? เอะอะเสียงดัง คุณพ่อ! ไม่จำเป็นที่คุณอมรจะต้องถามอะไรอีก หทัยรักก็ลุกพรวดจากโต๊ะทำงาน เม้มริมฝีปากจนบางเฉียบแบบคนอัดอั้นยามจ้องหน้าผู้เป็นบิดา ก็ ท่านประธานกรรมการใหญ่ ของคุณพ่อน่ะสิคะ ทำตัวแย่ แย่! แย่ที่สุด! เฮ้ย... คุณอมรลากเสียงยาว ก้าวพรวดๆเข้ามาหาลูกสาวที่ยืนหน้าหงิกชนิดไม่ห่วงจะหมดสวย ทั้งสีหน้าและบุคคลิกของคุณอมรที่มักจะวางเรียบเฉยต่อหน้าบุคคลอื่นได้เสมอ กลับอันตรธานไปได้ ง่ายดายยิ่งกว่าแสงแวบวับของฟ้าแลบเสียอีก แม้จะเป็นนักธุรกิจมากประสบการณ์ ผ่านปัญหาอุปสรรคมาโชกโชน ทว่าคุณอมรกลับแพ้ราบคาบอยู่อย่างเดียว... ...ลูกสาว... ทำไมถึงไปพูดอย่างนั้นเล่าลูก? คุณอมรถาม ก็มันจริงนี่คะ! หทัยรักเถียง คุณพ่อทราบมั้ยคะ ว่าจู่ๆอีตา...อีตาบ้านั่นก็บอกว่าคงเข้ามาประชุมบอร์ดไม่ทัน! โธ่! ไม่เอาน่าลูก เรื่องแค่นี้ รถมันอาจจะติดก็ได้ เขามาไม่ทัน งั้นเดี๋ยวพ่อก็แจ้งเลื่อนการประชุมเป็นตอนบ่ายก็ได้ มันไม่อย่างงั้นสิคะคุณพ่อ รักยังไม่ทันพูดอะไรเลย เขาก็บอกว่า เขาไม่ต้องการให้การประชุมต้องเลื่อนหรือล้มเลิก ให้กรรมการคนอื่นประชุมไปได้เลยโดยไม่มีเขา นี่แหละค่ะ ประสาทที่สุด! หทัยรักพ่นออกไปเป็นชุดอย่างสุดทน แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าที่พีรพัฒน์บอกมาจริงๆก็สามารถทำได้! การประชุมวิสามัญสามารถดำเนินได้ถ้ามีผู้ถือหุ้นมาเข้าประชุมกันแทนหุ้นได้เกินจำนวนหนึ่งในสี่แห่งทุนของบริษัท! แต่... แต่มันจะเรื่องบ้าอะไรกันเล่า ในเมื่อเขาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด! เขาก็น่าจะรู้สิว่าตัวเองสำคัญที่สุด แล้วนี่อะไร ไม่ใส่ใจเลย! และที่น่าคลั่งแค้นกว่านั้นน่ะหรือ... ฮึ! แล้วมากกว่านั้นนะคะคุณพ่อมากว่านั้น หทัยรักยังพ่นต่อไปอย่างอัดอั้น เขากล้าปิดมือถือใส่รักค่ะคุณพ่อ เขาปิดมือถือใส่รัก! ดูเหมือนจะเรื่องนี้เองที่ทำให้หทัยรักหัวฟัดหัวเหวี่ยงจนแทบกรี๊ด เฮอะ! ถ้าไม่ใช่ว่าตอนนี้เขากลายเป็นเจ้าของมรดกนับร้อยล้านของคุณป้าอังล่ะก็ แค่หางตา อย่านึกว่ารักจะแล! ใช่! และนั่นก็เป็นเหตุผลใหญ่ ใหญ่ที่สุด เลยด้วยที่คุณอมรอยากให้หทัยรักสนิทชิดเชื้อกับพีรพัฒน์ แม้ความจริงหลังสิ้นคุณอังกาบ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับคนอย่างคุณอมรที่จะทำให้เอพีกรุ๊ปเปลี่ยนจากมือพีรพัฒน์มาอยู่ในมือเขาแทน แต่นั่นไม่ใช่การวางแผนชีวิตที่ดี ฐานะเขาตอนนี้ก็ร่ำรวยสุขสบายอยู่แล้ว แต่แน่นอน...คนที่เขาอยากให้ร่ำรวยและสุขสบายยิ่งกว่าก็คือ...แก้วตาดวงใจที่ชื่อหทัยรักนั่นแหละ โธ่! ใจเย็นๆน่าลูกสาวคนสวยของพ่อ คุณอมรปลอบประโลม ลูบผมลูกสาวเบาๆ สิ่งที่เขาอยากให้หทัยรักได้ครอบครองไม่ใช่แค่เอพีกรุ๊ป แต่รวมถึงคฤหาสน์ ที่ดินและทรัพย์สินทุกอย่างของคุณอังกาบ และแน่นอน นาทีนี้การเข้าไปครอบครองด้วยสิทธิของ ภรรยา ดูจะเป็นวิธีที่ดี ถูกต้องและสง่างามต่อลูกสาวของเขาที่สุด พอมีคนเอาใจแสดงความรักใคร่ หทัยรักก็ค่อยอารมณ์ดีขึ้น แต่ถ้าว่ากันแล้วความโทโสต่อผู้ชายบ้าๆที่บังอาจปิดโทรศัพท์ใส่สาวสวยอย่างเธอ อารมณ์ขึ้งๆก็ยากจะหายไปได้ปุบปับเหมือนกัน! หทัยรักจ้องมองบิดา เมื่อยี่สิบห้านาทีที่แล้ว ทั้งเธอและคุณอมรต่างก็นั่งอยู่ในห้องประชุมกันทั้งคู่ แต่หลังจากที่ไม่มีวี่แววว่าพีรพัฒน์จะโผล่มาสักทีหทัยรักจึงได้เลี่ยงออกมาแล้วจัดการโทร.ตามเขา แล้วก็เป็นอย่างที่เห็นกันนี่แหละ! คุณพ่อคะ เดี๋ยวรบกวนคุณพ่อแจ้งเลือนการประชุมเลยนะคะ หทัยรักพูดขณะที่หันไปคว้ากระเป๋าถือผ้าไหมทอแสนหรูยี่ห้อ JIM THOMSON เปิดออก แล้วจัดการหย่อนมือถือใส่ลงไป ได้สิ คุณอมรตอบ ว่าแต่...รักจะออกไปไหนล่ะลูก หทัยรักเงยหน้าขึ้นมา จะไปไหนงั้นหรือคะ หทัยรักย้อนคำถาม มือขาวๆหยิบแว่นกันแดดออกจากกระเป๋าก่อนสวมเข้ากับใบหน้าด้วยทีท่าของสาวมั่น รักก็จะไปจัดการผู้ชายบ้าตาถั่วที่บังอาจปิดมือถือใส่รักน่ะสิคะ! หลังจากได้พบหมอ รอรับยาและชำระค่ารักษาพยาบาลซึ่งทั้งหมดนั่นกินเวลาเข้าไปถึงเกือบสิบโมงสี่สิบห้า ดังนั้นกว่าที่พีรพัฒน์จะพาวริณสิตากลับมาถึงบ้านจึงล่วงเลยมากว่าสิบเอ็ดโมงสิบห้าเลยทีเดียว เอาละถึงแล้ว ชายหนุ่มบอกเบาๆขณะวนรถเข้าจอดเทียบตรงบันไดหินอ่อนหน้าบ้าน ขอบพระคุณคุณพีมากค่ะ สาวน้อยที่นั่งข้างๆกระพุ่มมือไหว้อย่างอ่อนน้อม ถ้อยประโยคที่ตอบกลับมาดูจะเบากว่าของเขาหลายเท่านัก แต่ดวงตาของสาวน้อยค่อนข้างแดงจัด พีรพัฒน์ไม่แน่ใจว่านั่นเป็นเพราะพิษไข้ ฤทธิ์ของยาแก้ไข้ หรือความดื้อของคนไข้กันแน่ที่เอาแต่ทนฝืนอาการจะหลับมิหลับแหล่มาตลอดทางถึงเพียงนั้น เขาไม่รู้ว่าควรจะเสียใจ โมโห หรือท้ายสุดคือ...นึกขำ ว่าจนถึงขนาดนี้แล้วเด็กคนนี้ก็ยังไม่ยอมจะไว้ใจเขาสักที คิดๆก็น่าตีพิลึก! ไม่เป็นไร ชายหนุ่มตอบ นางบัวศรีนั้นออกมายืนคอยอยู่ตรงบันไดหน้าอย่างใจจดใจจ่อเหมือนเคยแล้วก็ได้แต่ชะเง้อคอน้อยๆตามวิสัยใคร่รู้ วริณสิตาค่อยๆเปิดประตูรถออกมา มีถุงใส่ยาสีขาวถือติดอยู่ในมือ แต่ก่อนที่สาวน้อยจะดันประตูรถปิดให้ พีรพัฒน์ก็ไม่วาย เอียงหน้าลงมา จ้องตาสาวน้อยแล้วก็... เดี๋ยวทานข้าว ทานยาแล้วก็นอนพักเสียนะ เขาออกคำสั่ง ส่วนคนถูกสั่งก็ได้แต่พยักหน้าและรับคำ ค่ะ เสียงแผ่วๆ ทว่าอากัปกิริยาเจี๋ยมๆสุดแสนจะเจียมเนื้อเจียมตัวแบบนั้นทำให้พีรพัฒน์นึกจับทางอะไรได้อีก อ่อ! แล้วก็นอนพักน่ะบนเตียงนะ ไม่ใช่ บนพื้น เข้าใจไหม หนนี้คงรับคำออกมาเป็นคำพูดไม่ไหว วริณสิตาได้แต่ก้มหน้าลงไปมองพื้น พีรพัฒน์จึงไปเอ่ยวาจากับนางบัวศรีที่ยืนชะเง้อคออยู่แทน ป้าบัวศรี ขะ...คะ คุณพี นางบัวศรีกระวีกระวาดเข้ามาใกล้ๆประตูรถ พีรพัฒน์เลยเอียงหน้าลงอีกนิดก่อนออกคำสั่ง ดูแลวริณสิตาด้วย ผมต้องไปทำงานละ ค่ะๆ นางบัวศรีรีบรับคำก่อนจัดการปิดประตูรถให้พีรพัฒน์อย่างว่องไวเลยทีเดียว
พีรพัฒน์เปิดโทรศัพท์มือถืออีกครั้งเมื่อตอนที่เขาหักพวงมาลัยรถเข้าสู่ถนนเส้นหลักเรียบร้อยแล้ว ไม่ทันจะถึงนาทีที่เปิดให้ติดต่อได้ด้วยซ้ำ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ชายหนุ่มส่ายหน้าน้อยๆ เขาคงไม่จำเป็นต้องเดาหรอกว่าใครโทร.มา พีรพัฒน์จัดการสวมหูฟังบลูทูธก่อนกดรับสาย ครับ ว่ายังไงครับ เฮอะ! จะว่างงว่าไงกันล่ะครับไอ้คุณพี เสียงห้าวๆคุ้นหูพร้อมสรรพนาม ไอ้ ที่สุดแสนจะคุ้นเคยทำให้พีรพัฒน์ถึงกับหัวเราะขำ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่คิดอย่างงั้น ขำ ขำ คนปลายสายได้แต่ประชด เอ็งรู้บ้างมั้ย ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับข้าบ้าง ฮะ? อ้าว! พีรพัฒน์ร้อง ก็ถ้าเอ็งไม่บอก จะรู้ได้ยังไงล่ะครับ ไอ้คุณซ้ง คนถูกเรียก ไอ้คุณซ้ง ได้แต่ทำเสียงชิชะมาตามสัญญาณคลื่นโทรศัพท์ก่อนจะบอกในสิ่งที่พีรพัฒน์พอจะเดาได้อยู่แล้ว คุณรักเขามาที่นี่ เสียงของชายหนุ่มนามว่า ซ้ง หรือ สมศักดิ์ บอกกล่าว เขามาตามหาท่านประธานกรรมการใหญ่ของเอพีกรุ๊ป แต่บังเอิ๊ญเบ้จำเป็นของพีแอลเอสไม่รู้ว่ะว่าท่านประธานหายหัวไปไหน เท่านั้นแหละเอ็งเอ๊ย! รู้รึเปล่าคุณรักเขาเกือบฉีกอกข้าแหกเป็นชิ้นๆ พีรพัฒน์หัวเราะขำ เบ้จำเป็น ใช่ สมศักดิ์ใช้คำได้ถูกทีเดียว เพราะอย่างน้อยก็เดือนนี้ทั้งเดือนนั่นแหละที่เขาขอให้สมศักดิ์แบ่งเวลามาช่วยดูแลพีเอสแอลแทนเขาก่อน แล้วทำไมเอ็งถึงไม่ยอมให้เขาฉีกไปเล่า พีรพัฒน์ว่า เขาจะได้เห็นถึง หัวใจ ของเอ็งสักทีไง เฮอะ! ตลกฝืดแล้วไอ้พี สมศักดิ์สวน แต่ต่างคนต่างก็รู้ดี ว่าในคำพูดที่คล้ายจะเย้าเล่นของพีรพัฒน์มีความจริงเจืออยู่ สมศักดิ์นั้นเป็นเพื่อนสนิทของเขา เป็นหุ้นส่วนหนึ่งในสามคนที่ช่วยกันสร้าง พีแอลเอส ซิเคียวริตี้ ซิสเต็มส์ ขึ้นมา เขากับสมศักดิ์เรียนวิศวะด้วยกันมาสี่ปี ซึ่งตลอดสี่ปีที่ผ่าน ไม่ใช่แค่เพียงพีรพัฒน์ แต่เป็นทุกคนในรุ่นต่างหากที่รู้ว่าสมศักดิ์นั้นแอบชอบสาวสวยเชียร์ลีดเดอร์ ดาวเด่นของมหาวิทยาลัยที่ชื่อ...หทัยรัก ทว่าด้วยความเป็นหนุ่มตี๋ขี้อายและเจ้าเนื้อ ทำให้สมศักดิ์มองว่าตัวเองต่ำต้อยไม่คู่ควรพอจะจีบคนสวยไฮโซระดับดาวมหาวิทยาลัยแม้แต่นิด! กระทั่งตอนนี้ ตอนที่มันเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญของบริษัทรักษาความปลอดภัยบนเครือข่ายและระบบคอมพิวเตอร์อย่างพีแอลเอส เป็นเจ้าของกิจการร้านทองอันใหญ่โตของครอบครัวที่เยาราช มันก็ยังคงคิดว่าตัวเองต่ำต้อยอยู่นั่นเอง! ว่าแต่ เอ็งไม่คิดจะแจกแจงแถลงไขให้รู้หน่อยหรือไง ว่าทำไมข้าถึงต้องมาโดนคุณรักด่าแทนเอ็งด้วยฮึ สมศักดิ์ถาม ใจจริงพีรพัฒน์ก็อยากตอบ ว่าเป็น คราวซวย ของสมศักดิ์เองที่หทัยรักคิดว่าเขาจะหายไปอยู่ที่พีแอลเอส แต่ตรองดูแล้วคิดว่ามันออกจะกวนบาทาไปสักหน่อย ไหนๆสมศักดิ์ก็เจอลูกวีนของหทัยรักไปอย่างช่วยไม่ได้แล้ว เออ! โทษทีเพื่อน กับเรื่องนั้น มันเป็นเหตุสุดวิสัย ก็แล้วมันสุดวิสัยยังไงเล่าโว้ย เล่ามาสิวะ พีรพัฒน์หรี่ตา เขาน่าจะเหลือเวลามื้อกลางวันอีกสักพักก่อนจะต้องเข้าไปที่เอพีกรุ๊ปตามคำที่บอกไว้ และแน่นอน ในความรู้สึกเขาตอนนี้ มื้อกลางวันกับเพื่อนอย่างสมศักดิ์น่ะเข้าท่ากว่ามื้อกลางวันกับ...อดีตดาวมหาวิทยาลัยที่เกือบแหกอกเพื่อนเขาไปแน่นอน งั้น...เอ็งออกมากินข้าวกลางวันด้วยกันสิซ้ง แล้วข้าจะเล่าให้ฟัง อะไรนะ! สมศักดิ์เงยหน้าขึ้นมองพีรพัฒน์ มืออูมๆเผลอค้างตะเกียบคีบเส้นบะหมี่สีเหลืองซึ่งเกือบจะเอาเข้าปากไปแล้วถ้าหูดันไม่ได้ยินอะไรเสียก่อน อุปการะเด็ก? สมศักดิ์ถามอีกครั้งแต่พีรพัฒน์ไม่ได้ตอบ เขาไม่ใช่คนชอบย้ำอะไรนักหนา หากพูดครั้งเดียวแล้วฟังไม่รู้เรื่องคนฟังก็หมดโอกาสเสียแล้วล่ะ แต่แน่นอน เพื่อนซี้อย่างสมศักดิ์รู้นิสัยข้อนี้ของเขาดี และที่ถามย้ำไม่ใช่ไม่แน่ใจ แต่ไม่อยากจะเชื่อมากกว่า ฮ่าๆ แล้วก็หัวเราะออกมาจนได้ นี่เอ็งนึกยังไงของเอ็งเนี่ยถึงเอาเด็กมาอุปการะ นึกอยากจะมีลูกโดยไม่ต้องหาแม่ของลูกรึไงวะ สมศักดิ์ว่าอย่างติดตลก เพราะอายุอานามพวกเขาตอนนี้ ก็ ๓๒-๓๓ นั่นแหละ เพื่อนในรุ่นก็ทยอยแต่งงานมีลูกมีเต้าเข้าสู่สภาพสร้างครอบครัวกันไปแยะ ไอ้คนตรงหน้านี่ก็อาจจะอยากเอาอย่างบ้างก็เป็นได้ แต่จะตลกในความคิดก็ตรงที่ ไอ้พีมันดันไปหาลูกแทนที่จะหาเมียเท่านั้นเอง! สมศักดิ์หัวเราะขำ ไม่ใช่อย่างงั้นโว้ย มันเป็นเรื่อง...เรื่องที่ช่วยไม่ได้ต่างหาก พีรพัฒน์พยายามบอก แต่เหมือนคนตรงหน้าไม่ได้สนใจประโยคเขาสักนิด สมศักดิ์ดูสนุกสนานกับความคิดของตัวเองมาก ตาที่หยีเล็กอยู่แล้วยิ่งหยีเล็กลงไปอีกเมื่อถามต่อไปอย่างสำราญอารมณ์ แล้วเด็กที่เอ็งไปเอามาอุปการะเนี่ย ผู้หญิงผู้ชายวะ ผู้หญิง โฮ้...ลูกสาวเว้ย เหอๆ ครั้งนี้หัวเราะต่ำๆ ในหัวสมศักดิ์จินตนาการพีรพัฒน์ในมาดคุณพ่อหวงลูกสาวไปแล้วอย่างขบขัน แล้ว...กี่ขวบวะ ถามต่อขณะส่งเส้นบะหมี่ที่ค้างในอากาศอยู่นานเข้าปากเสียที อาจจะชืดๆไปสักนิดแล้ว แต่เมื่อซดน้ำซุปตามพร้อมๆกับแกล้มด้วยเรื่องขำๆของไอ้พี รสชาติบะหมี่หมูแดงร้านประจำที่อยู่ห่างจากพีแอลเอสมาสองตึกนี่ก็อร่อยพอถูไถละ สิบเจ็ด พรืด!!! สมศักดิ์แทบพ่นบะหมี่ออกทางจมูก แต่คนที่ซวยเพราะน้ำซุปกระเด็นใส่สูทกลับเป็นคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า เฮ้ย!ๆ ขอโทษๆ พีรพัฒน์ข่มอารมณ์หลับตาขณะสมศักดิ์ละล่ำละลัก ลนลานคว้ากระดาษทิชชูบนโต๊ะมาเช็ดเศษบะหมี่ออกจากไหล่ให้ แต่ว่าเมื่อกี้ เมื่อกี้เอ็งว่าเอ็งอุปการะเด็กอายุเท่าไหร่นะ สิบเจ็ด ชายหนุ่มกัดฟันตอบ โหย! ไอ้พี สมศักดิ์คราง ทำหน้าเหมือนตัวเองพานพบสมบัติล้ำค่าของมวลมนุษยชาติไม่มีผิด เอ็งนี่สุดยอด! หยุดเลยนะไอ้ซ้ง พีรพัฒน์ชี้หน้า หยุดความคิดอกุศลของเอ็งไปเลย เขาว่าขณะดึงกระดาษทิชชูอีกแผ่นออกมาปัดเศษหมี่ที่ยังค้างอยู่ให้หลุดไป ยายของเด็กคนนี้เขียนจดหมายมาขอความอุปการะจากป้าอังโดยที่ไม่รู้ว่าป้าเสียไปแล้ว พีรพัฒน์บอก อือฮึ หนนี้สมศักดิ์นั้นตั้งใจฟัง ถึงขั้นจดจ่อตาไม่กะพริบ เขาป่วยหนัก พีรพัฒน์ว่าต่อไป ก็เลยขอร้องให้ป้าอังช่วยอุปการะเลี้ยงดูหลานสาวของเขาหน่อย โดยที่เขาจะยกหลานสาวให้เป็นสิทธิ์ขาดของป้าอัง ฮือฮึ แล้ว? ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจก่อนเอ่ยต่อไปอีก ช่วงที่จดหมายมาถึงเป็นช่วงงานศพป้าอังพอดี ป้าบัวศรีเขาเห็นข้ายุ่งๆก็เลยไม่ได้เอาจดหมายให้ทันที กระทั่งจัดการเรื่องวุ่นๆทุกอย่างเสร็จนั่นแหละถึงได้รู้ พอมีโอกาสไปดูก็ปรากฏว่า...ยายของเขาตายไปแล้วสองอาทิตย์ ฮื้อ! สมศักดิ์ร้อง น่าสงสาร อือ พีรพัฒน์เผลอพยักหน้า ความรู้สึกไม่ดียังติดอยู่ในใจว่าเขานั้นละเลยเรื่องนี้เกินไป แต่จมอยู่กับความรู้สึกผิดไม่เท่าไหร่ คนอีกฝ่ายก็ดั๊น... หึๆ หัวเราะออกมา หน้าตาเป็นไงวะเด็กเอ็งเนี่ย สมศักดิ์ถาม หึ หึๆ พีรพัฒน์เองก็แค่นยิ้มเหมือนจะขำ ก่อนจะขยำทิชชูที่อยู่ในมือแล้วปาใส่สมศักดิ์ทันทีทันใด คิดอกุศลไม่เลิกนะไอ้ซ้ง! เฮ้ย! คนถูกประทุษร้ายร้องเสียงดัง เอี้ยวตัวหลบขวับแต่ก็ไม่ทัน ก้อนกระดาษทิชชูเลยยังพุ่งเข้าหน้าไปอยู่ดี โธ่!ๆ ไอ้พี เอ็งน่ะซีที่คิดอกุศล ข้ายังไม่ได้พูดอะไรเลย แต่สีหน้าเอ็งมันฟ้อง รู้เอาไว้นะโว้ย ที่อุปการะเด็กนั่น ข้าไม่ได้คิดนอกคิดในอะไรทั้งนั้นนอกจากไอ้ที่เขาวอนขอความเมตตาจากป้าอัง แค่นั้น เข้าใจ๋? ไม่กินเด็กว่างั้น? เอ๊ะ! ไอ้นี่ เฮ้ย!ๆ เออ เอาน่าๆ ข้าก็ล้อเล่น จริงๆก็รู้อยู่ว่าคนอย่างเอ็งมันไม่เจ้าชู้ แต่ว่า...ถามตรงๆหน่อยเถอะนะ สมศักดิ์หรี่ตา เด็กผู้หญิงอายุสิบเจ็ดน่ะไอ้พี โตขนาดนั้น แล้วเอ็งจะบอกคนอื่นว่าอุปการะเขาใน ฐานะ อะไร ไหนบอกซิ? เจอประโยคนั้นเข้าไปพีรพัฒน์ก็ได้แต่อึ้ง เพราะถ้าจะเอาแบบใจจริง นั่น ก็เป็นคำถามที่เขายังหาคำตอบที่เหมาะไม่ได้เหมือนกัน! ....................... Free TextEditor เลี้ยงต้อยหรือเปล่า
โดย: fon IP: 49.48.110.65 วันที่: 20 ตุลาคม 2554 เวลา:21:20:05 น.
|
parinnada
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?] แนะนำตัว
Friends Blog
Link |