All Blog
กรรมสิทธิ์หัวใจ ตอนที่ ๑๓

ตอนที่ ๑๓


เสียงนุ่มทุ้มที่ดังขึ้นจากเบื้องหลังส่งผลให้คนถูกถามสะดุ้งโหยง วริณสิตาสะบัดหน้ากับไปมอง แล้วสาวน้อยก็ได้เห็นว่าพีรพัฒน์กำลังมองมาจากหน้าห้องของเขา มือใหญ่ยังจับลูกบิดค้างไว้ คุณพีคงกำลังจะเข้าไปข้างในอยู่แล้วตอนที่เธอเปิดประตูออกมา


                “เอ่อ...” วริณสิตาพูดไม่ออก สาวน้อยได้แต่กะพริบตา นึกไม่ออกเลยว่าคุณพีมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ก็ในเมื่อเธอได้ยินเสียงรถแล่นออกไป เขาน่าจะต้องไปกับคนสำคัญของเขาสิ แล้วทำไม...


                “ดึกดื่นแล้ว ฉันถามว่าเธอจะไหน ได้ยินหรือเปล่า?” เสียงถามดังอีกครั้ง แถมหนนี้คนถามยังเดินเข้ามาหาด้วย แม้สีหน้าเขาจะไม่ได้บอกเลยว่าอยู่ในอารมณ์ใด โกรธหรือไม่ แต่วริณสิตาก็เกิดอาการเกรงๆขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้


                “เอ่อ...จะ...จะ...ลงไป...หาป้าบัวศรีค่ะ”


“หาป้าบัวศรี?” ชายหนุ่มทวนคำ กระแสเสียงที่สูงขึ้นช่วงท้ายนั้นบ่งชัดถึงอารมณ์สงสัย “หาทำไม ต้องการอะไรรึเปล่า หรือว่า...ไข้ยังไม่ลด” ไวเท่าคำพูดเมื่อมือใหญ่หนายื่นมาจะอังหน้าผากให้อีกแล้ว สาวน้อยถึงกับผงะวูบไปโดยสัญชาตญาณจนแผ่นหลังชนประตูเสียงดังกึก


ชายหนุ่มชะงักมือใหญ่ไว้ทันใดและยังมิได้สัมผัสแตะหน้าผากพิสูจน์ไข้แม้กระผีก ดวงตาคมจ้องมองนัยน์ตาวาวๆที่มองเขาอย่างหวาดๆไม่ไว้ใจ


                “อะไร” แล้วยิ้มละไมผุดพรายขึ้นมา “นี่เธอยังไม่เลิกกลัวฉันอีกรึ” พีรพัฒน์ถามเมื่อตัดสินใจเลื่อนมือไปโยกศีรษะสาวน้อยแทน แต่คนถูกถามไม่ได้ตอบเขาเลยเลือกที่จะเอ่ยต่อ


“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ฉันไม่คิดจะทำอะไรเด็กในปกครองของตัวเองแน่”


และหนนี้ก็มีแววดีขึ้นมาบ้าง เพราะสาวน้อยตรงหน้าทวนคำซ้ำ


“เด็ก...ในปกครอง...งั้นหรือคะ”


                “ใช่” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ “ก็เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะ เพราะฉะนั้น ฉันจะอยู่ในฐานะผู้ปกครองของเธอ เข้าใจมั้ย” แล้วพีรพัฒน์ปิดท้ายประโยคนั้นด้วยยิ้มละไม ใช่...หลังจากใคร่ครวญมาทั้งวัน ในที่สุดเขาก็ให้คำตอบกับตัวเองได้ว่าจะอุปการะเด็กผู้หญิงคนนี้ในฐานะไหน


                ...ผู้ปกครองกับเด็กในปกครอง...


                “อืม! เอาละ ทีนี้เธอจะบอกฉันได้หรือยังว่าจะลงไปหาป้าบัวศรีทำไมกัน” พีรพัฒน์วกกลับเข้าเรื่อง แต่ทว่า...


                “เอ่อ...ไม่มีอะไรค่ะ”


                “อ้าว!” เขาร้อง ทำหน้าสงสัยขณะที่วริณสิตาได้แต่ก้มหน้างุดลงไปอีก ก็แล้วจะให้บอกได้อย่างไรเล่า ว่าเธออยากจะทิ้งห้องสวยบนคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เขาจัดให้แล้วไปนอนที่ตึกคนใช้แทน! สาวน้อยตัดสินใจใช้มุขปากหายเข้าว่า


พีรพัฒน์ผ่อนลมหายใจออกมา ดูท่า...เขาคงต้องให้เวลาอีกสักหน่อย กำแพงน้ำแข็งแห่งความแปลกหน้าคงมิได้จะละลายลงมาง่ายๆ


“เอาเถอะ ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไร กลับเข้าห้องของเธอไปพักผ่อนเถอะ มันดึกแล้ว”


เมื่อวริณสิตาพยักหน้ารับน้อยๆ เขาก็หันหลังจะเดินกลับห้องตัวเอง แต่เดินไม่เกินอึดใจร่างสูงใหญ่ก็หันกลับมา


“อ้อ! แล้วมียาที่ต้องทานก่อนนอนด้วยใช่ไหม ฉันเห็นเมื่อเช้า อย่าลืมกินนะ จะได้หาย เข้าใจไหม”


                “...ค่ะ”


                “อืม! ดี” หนนี้สั่งเสร็จก็เดินลิ่วๆไป ส่วนสาวน้อย...ก็ได้แต่มองตามแผ่นหลังที่ลับหายไปหลังประตูนัยน์ตากะพริบอยู่ปริบๆ


                ...ผู้ปกครอง...อย่างงั้นหรือ...


อือ! ดูเหมือนจะใช่ เพราะเธอเพิ่งจะโดนเข้าไปสองคำสั่งนี่


สาวน้อยคลี่ยิ้มออกมา ความอบอุ่นเกิดขึ้นในใจ เพราะอย่างน้อย...เธอก็ไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์นี้เพียงลำพังอีกแล้ว


......................


                แสงแดดยามเช้าสาดเข้าสลายบรรยากาศสลัวภายในห้องทันทีที่ชายหนุ่มผู้เจ้าของห้องดึงม่านหนาๆสีน้ำตาลให้กว้างออก พีรพัฒน์หยีตาลงเล็กน้อยเมื่อแสงจ้าสาดเข้ามา อึดใจก่อนที่สายตาจะปรับเข้ากับการเปลี่ยนแปลงความสว่างได้ เมื่อนั้นเขาจึงมองฝ่าแสงสีทองออกไปดูทัศนียภาพเบื้องนอก สุดลูกหูลูกตาคือหลังคาของบ้านหลังงามหลังอื่นๆ


คฤหาสน์ของป้าอังตั้งอยู่ในย่านบ้านพักอาศัยของคนรวย แม้แต่ละหลังจะสวยงามแต่อย่างไรก็คือทัศนียภาพของป่าคอนกรีตซึ่งค่อนข้างต่างกับบรรยากาศเขียวๆที่บ้านสวนอันคุ้นเคยของแม่เขา


พีรพัฒน์หรุบตาลงต่ำ ความจริงเจ็ดโมงเช้าอย่างนี้แดดยังไม่จัดนัก ที่สวนหย่อมหน้าบ้านจึงเห็นลุงก้านอดีตคนขับรถของป้าอังแปลงสถานภาพตนเองเป็นคนทำสวนไป ชายหนุ่มนิ่งมอง ลุงก้านเป็นคนเก่าคนแก่อีกคนที่ไม่ขอไปไหนหลังจากสิ้นบุญผู้เป็นนายอย่างป้าอัง แกเคยอาสาตัวอย่างขันแข็งว่ายังทำหน้าที่เป็นคนขับรถได้ดีแม้อายุอานามจะไม่น้อยแล้ว แน่นอนว่าพีรพัฒน์เชื่อ แต่เพราะเขาไม่เคยมีคนขับรถมาก่อน และไม่คิดว่าตัวเองจะคุ้นด้วยถ้าวันหนึ่งเกิดมีขึ้นมา ดังนั้นพีรพัฒน์จึงปฏิเสธการอาสาทำหน้าที่ของอดีตคนขับรถไปอย่างสุภาพ แต่เขาอนุญาตให้ลุงก้านอยู่ที่บ้านต่อไปได้ ด้วยหน้าที่อะไรก็ได้ที่แกอยากทำ


                ในที่สุดอดีตคนขับรถก็เลือกที่จะเป็นคนดูแลสวน


พีรพัฒน์ละตัวเองจากบานหน้าต่างเมื่อคิดว่าได้เวลาที่เขาควรจะลงไปข้างล่างแล้วทานมื้อเช้าสักที อย่างน้อยวันนี้พีรพัฒน์ก็ไม่อยากให้หุ้นส่วนอย่างหทัยรักต้องขุ่นเคืองใจด้วยการไปทำงานสาย เขาก้าวยาวๆออกจากห้อง ชายหนุ่มเผลอตัวหยุดอัตโนมัติเมื่อก้าวผ่านหน้าบานประตูลายสลักเถาองุ่น วูบหนึ่งในความคิด เขานึกอยากรู้ว่าคนที่อยู่ในห้องเป็นอย่างไร ชายหนุ่มเงื้อมือไปจะเคาะ แต่ว่า...


                คิดไปคิดมาอย่าดีกว่า พีรพัฒน์ลดมือลงมา มันคง...ไม่เหมาะหรอกถ้าเขาจะเคาะ


ชายหนุ่มตัดสินใจหมุนตัวเดินต่อไปลงบันไดสู่ชั้นล่าง


                “คุณพีจะให้ป้าตั้งโต๊ะเลยไหมคะ” นางบัวศรีเอ่ยถามทันทีที่พีรพัฒน์เดินลงมา แม่บ้านวัยหกสิบห้านั้นรอท่าเขาลงมาอยู่สักพักแล้ว เพราะมันเป็นปกติของบ้านนี้ตั้งแต่สมัยที่คุณอังกาบยังอยู่ อาหารเช้าจะถูกจัดขึ้นมาตั้งแต่เจ็ดโมงเพราะเจ้าของบ้านเป็นผู้บริหารที่ไปทำงานแต่เช้าตรู่เสมอ


ทันทีที่พีรพัฒน์พยักหน้ารับ นางบัวศรีก็หายวับเข้าไปในห้องรับประทานอาหาร และเมื่อชายหนุ่มเดินตามเข้าไปสมทบก็พบว่า ที่จริงโต๊ะอาหารถูกจัดไว้เรียบร้อยแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องเผลอเลิกคิ้วขึ้นมาก็คือ...


จานข้าวบนโต๊ะอาหารนั้นมีจัดไว้แค่ชุดเดียว


                “กับข้าวออกจะหนักหน่อยนะคะ” นางบัวศรีบอก “ถ้าคุณพีไม่ชอบ จะรับเป็นขนมปังปิ้งหรือกาแฟไหมคะ ป้าจะเตรียมให้”


                “ไม่เป็นไร” พีรพัฒน์ส่ายหน้า ปฏิเสธเบาๆ เขามองอาหารเช้าที่แม่บ้านออกตัวว่าค่อนข้างหนัก มีผัดบล็อกโครี เอ็นไก่ทอดกระเทียมกับแกงส้มดอกแค สำหรับเขา กับข้าวมื้อเช้าแบบนี้ไม่ใช่ของหนักเพราะข้าวเช้าทุกวันที่บ้านสวนก็เหมือนกับข้าวมื้ออื่นทั่วๆไป 


                “แล้ววริณสิตาล่ะ ยังไม่ตื่นหรือ” ชายหนุ่มถามเมื่อทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ขณะที่นางบัวศรีตักข้าวใส่จานให้ คนเป็นแม่บ้านคลี่ยิ้มกรุ่นกำจาย อดหัวเราะเบาๆไม่ได้เมื่อนึกถึงเจ้าคนที่ถูกถาม


ยังไม่ตื่นรึ โธ่! นึกแล้วก็ขำ วันนี้นางคงต้องขอฟ้องความจริงอะไรบางอย่างสักหน่อยล่ะ


                “โอย ไม่ใช่หรอกค่ะ รายนั้นน่ะตื่นก่อนป้าเสียอีก ตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ก็มาเคาะห้องเรียกแล้วว่ามีอะไรให้ช่วยทำไหม” ว่าแล้วก็อดที่จะส่ายหน้าด้วยความนึกเอ็นดูไม่ได้ เด็กอะไรจะตื่นขึ้นมาหุงข้าวหุงปลาตั้งแต่ยังไม่ตีห้า สมัยนี้น่ะหาไม่ได้แล้ว!


                “แล้วก็นี่แหละค่ะ ผลงาน กับข้าวกับปลาหลายอย่างนี่ เจ้าจิ๊บมันขันอาสา ออกความคิดช่วยป้าทำทั้งนั้น ไม่มีจะยอมอยู่นิ่งๆเฉยๆล่ะ มันน่ะขยันขันแข็งจริงๆ”


                ขยันขันแข็ง พีรพัฒน์พยักหน้ารับรู้ ดูท่าเด็กนั่นก็น่าจะเป็นอย่างนั้นอยู่


                “อือ แล้วนี่เขาไปไหนเสียล่ะ ทำไมไม่เห็นมาทานกับข้าวฝีมือเขา”


                “อ่า...คุณพีจะ...จะให้เจ้าจิ๊บมันขึ้นมาร่วมโต๊ะที่เรือนใหญ่ด้วยหรือคะ”


แต่ราวกับคำถามนั้นมีอะไรผิดแผกไป ชายหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นนายเหลือบตามองหน้าทันที


                “ใช่ ทำไมหรือ”


น้ำเสียงเรียบๆนั้นแม้ไม่บ่งชัดว่าขุ่นใจอะไรหรือไม่ แต่ก็ทำให้นางบัวศรีชักร้อนๆหนาวๆ


                “อ่า...จะดีหรือคะ คือป้าเกรงว่ามันจะ...”


                “จะอะไร” พีรพัฒน์ถาม น้ำเสียงเข้มขึ้นนิดอย่างสัมผัสได้ “ผมไม่ได้ให้เขามาอยู่บ้านหลังนี้ในฐานะเด็กรับใช้นะป้าบัวศรี” แล้วประโยคนั้นทำให้แม่บ้านวัย ๖๕ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะใช่ว่านางจะไม่บอก แต่นิสัยอย่างเจ้าจิ๊บนั่น ยอมฟังเสียที่ไหน


                ‘ไม่หรอกมั้งจ๊ะ คุณพีเขาคงไม่ถามถึงจิ๊บหรอก’


แล้วตอนนี้เป็นอย่างไร โธ่! เจ้าจิ๊บนะเจ้าจิ๊บ ทำป้าลำบากอีกจนได้!


ชายหนุ่มรวบช้อนและส้อมเข้าด้วยกันเสียงดังกริก


                “เด็กคนนั้นอยู่ไหน ไปตามเขามาพบผมเดี๋ยวนี้”






Free TextEditor



Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2553 16:52:07 น.
Counter : 1763 Pageviews.

4 comments
  
คอยตอนต่อไปน่ะค่ะ สนุกมาก ๆ ค่ะ
โดย: แนน IP: 113.53.119.245 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:30:18 น.
  
ติดตามค่ะ สนุกจังค่ะ
โดย: Halimeda Lover วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:37:06 น.
  
คอยตอนต่อไปน่ะคะ
โดย: O IP: 86.17.189.29 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:1:54:23 น.
  
อยู่ในฐานะผู้ปกครอง
โดย: fon IP: 49.48.110.65 วันที่: 20 ตุลาคม 2554 เวลา:23:09:44 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

parinnada
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]



แนะนำตัว
New Comments