Group Blog
 
All blogs
 

07/07/07


คอนเสิร์ต Live Earth ทรูวิชั่นส์ถ่ายทอดสด 24 ชม.



ก่อนอื่น แวะไปอ่านที่นี่ก่อนจะเข้าใจมากขึ้นค่ะ

An Inconvenient Truth

ทรูวิชั่นส์ ถ่ายทอดสด คอนเสิร์ต Live Earth 24 ชั่วโมง จาก 7 ทวีป 9 เวที เพื่อเชิญชวนประชาคมโลกร่วม ตระหนักถึงความสำคัญในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน

นายอรรถพล ณ บางช้าง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายรายการ บริษัท ทรู วิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทรูวิชั่นส์ ในฐานะผู้เสนอรายการสาระบันเทิงที่หาชมที่อื่นไม่ได้ รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนในการนำเสนอคอนเสิร์ตครั้งยิ่งใหญ่ Live Earth ซึ่งจะมีผู้ชมกว่า 2 พันล้านคนทั่วโลก โดยคอนเสิร์ตครั้งนี้เป็น การร่วมมือระหว่าง Al Gore และ Alliance for Climate Protection ให้ทุกคนตระหนักถึง ภาวะโลกร้อน คอนเสิร์ตนี้ถือเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นของแคมเปญระยะยาวในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน

นอกจากการถ่ายทอดสดคอนเสิร์ต Live Earth แล้วยังจะนำเสนอรายการสารคดีสั้นที่ ให้ความรู้เกี่ยวกับภาวะโลกร้อน วิธีป้องกัน และต่อสู้กับวิกฤติ นี้ ทางช่อง True X-ZYTE, True Explore 1, True Explore 2 และ True Explore 3 โดยเริ่มออกอากาศตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายนจนถึง 30 กันยายน 2550

นอกจากนี้ Live Earth จะมีการประกาศแนวทางการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือ Green Event Guidelines เพื่อเป็นคู่มือสำหรับผู้เข้าชมคอนเสิร์ตในการร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เช่น วิธีต่างๆ ในการประหยัดพลังงานง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน การไม่สร้างมลภาวะเพิ่ม Live Earth รณรงค์ให้ผู้เข้าชมคอนเสิร์ตทุกคน เดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ และในทุกเวทีของคอนเสิร์ต Live Earth จะมีระบบการใช้พลังงาน และการจัดเก็บขยะอย่างถูกต้อง เพื่อเป็นแม่แบบในการจัดคอนเสิร์ตครั้งอื่นๆ ต่อไป

Live Earth เป็นคอนเสิร์ตระดับโลกจากโปรดิวเซอร์ เควิน วอลล์ ที่เคยสร้างประวัติศาสตร์ความยิ่งใหญ่กับ Live 8 คอนเสิร์ตซึ่งนำศิลปินจากทั่วโลกมารณรงค์ต่อสู้กับความยากจน Live Earth ยังเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ SOS ซึ่งใช้สื่อหลากหลาย อาทิ หนัง ทีวี วิทยุ อินเทอร์เน็ต และหนังสือ เพื่อปลุกกระแสการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน

คอนเสิร์ตเริ่ม 10.00 น. ใน วันที่ 7 กรกฎาคม 2007 ทางช่อง True Music (ช่อง 69) ที่เดียวทรูวิชั่นส์ ถ่ายทอดสด 24 ชั่วโมง คอนเสิร์ตระดับโลก Live Earth ที่นำเสนอการแสดงของสุดยอดศิลปินระดับโลก กว่า 100 คน อาทิ Madonna, Red Hot Chili Peppers, The Police, Bon Jovi, Roger Waters, Linkin Park , Alicia Keys, Faith Hill และ John Mayer จาก 7 ทวีป 9 เวที คือ นิวยอร์ก, ลอนดอน, ซิดนีย์, โยฮันเนสเบิร์ก, รีโอเดจาเนโร, โตเกียว, ฮัมบูร์ก, อิสตันบูล และเซี่ยงไฮ้

สำหรับใครที่ไม่มี cable TV ก็สามาถดูการถ่ายทอดสดผ่านทาง //liveearth.msn.com/concerts
ก็ได้นะ

อิ อิ และที่สำคัญ 07/07/07 เป็นวันสำคัญของโลกด้วยจ้ะ



ขอบวกอีกเรื่อง ที่สำคัญมากมากทีเดียวในความรู้สึกของ ปชช ชาวไทย ก๊อปมาจากพันทิพย์เลยค่ะ

ใครเป็นขาประจำ YOU-TUBE บ้าง?

มีโอกาสได้เห็นการเผยแพร่เรื่องราวที่ลบหลู่ดูหมิ่นพระเจ้าอยู่หัวของพวกเราคนไทยบ้างไหม ?

มีทั้งเรื่องราวที่ บิดเบือน เป็นเท็จ ใช้ภาพและถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม ที่เชื่อว่าพวกเราคนไทยคงจะรับไม่ได้ และยอมไม่ได้

ภาครัฐก็พยายามเจรจา ชี้แจง ขอร้อง และพยายามทุกวิถีทางแล้ว ที่จะให้นำสิ่งที่ไม่เหมาะสม และเป็นเท็จเหล่านั้นออกเสีย แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองจาก YOU-TUBE แต่อย่างใด

การปิด YOU-TUBE ก็คงทำให้มีเพียงคนไทย ในประเทศไทยเท่านั้นที่ไม่ได้เห็น ในขณะที่ทั้งโลกก็ยังรับข่าวสารที่ผิดๆอยู่ โดยที่ไม่มีใครเข้าไปแก้ไขอะไรได้

เราจะยอมให้เป็นแบบนี้ต่อไปหรือ?

หากคุณเป็น หนึ่งในพลัง ที่จะร่วมกันหาทาง ช่วยปกปักษ์ป้องกันสิ่งที่เลวร้ายแบบนี้ไม่ให้แพร่หลายไปอย่างผิดๆอีกต่อไป และร่วมกันทำอะไรสักอย่างหนึ่งเพื่อพระเจ้าอยู่หัวของคนไทยให้เข้าไปพบกันที่

//www.webmaster.or.th/youtube

ทิ้ง e-mail address และความเห็นของคุณ ไว้ เราอาจสามารถหยุดยั้งเรื่องนี้ร่วมกันได้ หากพวกเรามีจำนวนมากพอ

แต่... เรามีเวลาถึงวันที่ 7 กรกฎาคม นี้เท่านั้น!




 

Create Date : 05 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 5 กรกฎาคม 2550 23:38:53 น.
Counter : 388 Pageviews.  

ครั้งเดียวก็เกินพอ...เอาส์ชวิทซ์

จริง ๆ แล้ว หลัง ๆ มานี่ ไม่เคยไปเยี่ยมเยียน เวปผู้จัดการ ของ นายสนธิ เค้าเลย เนื่องจากมีความเกลียดชัง นายคนนี้เป็นการส่วนตัว แต่เผอิญ เห็นคำว่า เอาส์ชวิทซ์ แล้ว อดรนทนไม่ได้ ต้องขอเข้าไปอ่านหน่อย

เราเป็นคนชอบหนังแนวสงครามโลกมากมากเลยค่ะ ชอบแทบทุกเรื่อง ไม่รู้เป็นไง โดยเฉพาะ เรื่อง บันทึกของ ANNE FRANK ตามมาด้วย Schindler's List และ Saving Private Ryan อย่างเรื่องหลังสุดดูเป็น 10 20 รอบก็ว่าได้

เอาส์ชวิทซ์ เป็นเสมือนแบ๊คกราวนด์ ของความเลวร้าย ในช่วงสงครามโลก เป็นอย่างมาก เป็นเหมือน สัญลักษณ์ ที่เมื่อเห็นแล้ว ก็รู้สึก เศร้าสร้อย และ หดหู่ เหลือเกิน

ขออนุญาตก๊อปเวปผู้จัดการมาทั้งกะบิก็แล้วกันนะคะ ถึงจะไม่ชอบเจ้าของมันก็เหอะ



ครั้งเดียวก็เกินพอ...เอาส์ชวิทซ์
โดย นพวรรณ สิริเวชกุล

คำที่ว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ เพิ่งจะประจักษ์แก่ดิฉันก็เมื่อครั้งที่ได้ไปเยือน พิพิธภัณท์ค่ายกักกันชาวยิว เอาส์ชวิทซ์ เบอร์เคเนาน์ (Auschwitz Birkenau) ที่ประเทศโปแลนด์ นี่เองค่ะ

ที่นี่ได้รับการประกาศจากสหประชาชาติให้เป็น มรดกโลกทางด้านประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ปี 1979 และถูกจัดตั้งให้เป็นพิพิธภัณท์โดยรัฐบาลโปแลนด์เมื่อปี 1947 หลังจากกองทัพแดงของรัสเซียบุกเข้ายึดและช่วยเหลือเชลยศึกชาวยิวที่ยังพอมีชีวิตรอดในวันที่ 27 มกราคม 1945 และถือเป็น ค่ายกักกันของนาซีที่ใหญ่ที่สุด มีเนื้อที่ถึง 191 เฮกเตอร์ (30.80ไร่) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของโปแลนด์ โดยจุดประสงค์แรกของการตั้งค่ายนี้ขึ้นมาในปี 1940 เพื่อเป็นที่คุมขังนักโทษทางการเมืองชาวโปลิช หลังจากที่กองทัพนาซีเคลื่อนพลเข้ามาครอบครองโปแลนด์ พร้อม การประกาศสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สำเร็จ

ต่อมามีการขยายพื้นที่ออกไปให้ใหญ่ขึ้น จนกระทั่งมีที่คุมขังอยู่ 3 แดน คือ เอาส์ชวิตซ์ 1 เอาส์ชวิตซ์ 2 และเบอร์เคเนาน์ และ เอาส์ชวิตซ์ 3และโคโนวิตซ์ นอกจากนั้นยังมีค่ายกักกันย่อยในเครือเดียวกันอีก 40 แห่ง

จากเริ่มต้นที่ใช้พื้นที่นี้ เพื่อคุมขังนักโทษการเมืองชาวโปลิชเท่านั้น เมื่อเวลาผ่านไป กองทัพนาซีก็เริ่มทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นที่กักกันผู้คนจากทั่วทั้งยุโรปที่มีเชื้อชาติยิว ไม่ว่าจะเป็นคนจากโซเวียต ยูโกสลาเวีย ฝรั่งเศส ออสเตรีย เยอรมัน โรมาเนีย และแน่นอนชาวยิวจากโปแลนด์ และ เปลี่ยนชื่อจาก Oswiecim มาเป็น Auschwitz ออกเสียงตามภาษาเยอรมัน

กระทั่งในปี 1942 เอาส์ชวิตซ์กลายเป็น สถานที่ทำลายล้างชาวยิวในยุโรปที่ใหญ่ที่สุด โดยการสังหารที่เลื่องลือกันมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ก็คือ การเข้าห้องรมแก๊สพิษ ทันทีที่เหยื่อเดินทางมาถึง โดยไม่มีการลงทะเบียนรายชื่อหรือนับจำนวนเข้าไปอยู่ในค่ายกักกัน

ซึ่งทุกวันนี้จึงกลายเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ถึงจำนวนของเหยื่อที่ถูกสังหารโหดในครั้งนั้นว่า อยู่ในจำนวนใดที่แน่นอน...แต่ที่แน่ๆ...นับล้าน ล้านคนแน่นอน ค่ะ

ในหนังสือคู่มือนำชมเอาส์ชวิตซ์ ได้พูดถึงปี 1942 ว่า เอาส์ชวิตซ์กลายเป็นสถานที่สังหารหมู่ที่ใหญ่ที่สุด โดยเหยื่อกลุ่มแรกที่มาถึงนั้น เดินทางมาจากสโลวาเกีย และฝรั่งเศส หลังจากนั้นเป็นคนจากเบลเยี่ยมและฮอลแลนด์และในฤดูถัดมาก็เป็นคราวของชาวเยอรมันและนอร์เวย์ ลิทัวเนีย และสุดท้ายก็เป็นผู้คนจากทั่วทั้งทวีปยุโรป.....

จากหนังสือโหยหาสันติภาพ ฉบับภาษาไทยที่ถอดความจากบันทึกลับเรื่อง Five Chimneys ที่เขียนโดย แพทย์หญิง โอลกา เลงเยล (Olga Lengyel) นั้น ทำให้เราย้อนรำลึกเหตุการณ์ต่างๆ ได้ราวกับเป็นหนึ่งในผู้ร่วมสมัย แห่งความโหดร้ายนั้น

ความตอนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้เล่าถึง ความโหดร้ายของนาซี ที่เธอต้องสูญเสียลูกชายทั้งสองรวมทั้งพ่อและแม่ของตัวเอง ไปตั้งแต่แรกที่เดินทางมาถึงค่ายกักกันแห่งนี้... สิ่งเดียวที่ทำให้เธอมีความหวังจะมีชีวิตรอดต่อไปคือ หาสามีของตัวเองที่เป็นแพทย์เช่นเดียวกันให้พบและอยู่เพื่อเป็นสายลับต่อต้านนาซี!!...

ในบันทึกของแพทย์โอลกาได้เล่าว่าระยะแรกผู้ถูกลงโทษประหารชีวิตในค่านเบอร์เคเนาน์ จะถูกนำตัวไปยิงทิ้งที่ป่าแบรซินสกี หรือไม่ก็ถูกนำตัวเข้า ‘บ้านสีขาว’ ซึ่งก็คือ ห้องรมแก๊สพิษนั่นเอง..

ต่อมาหลังจากปี 1941 มีการ สร้างเตาเผาศพขนาดใหญ่จำนวน 4 เตา เพื่อใช้เผานักโทษประหาร โดยเตาเผาแต่ละเตานั้นมีช่องเปิดปิดขนาดใหญ่ถึง 120 ช่อง แต่ละช่องบรรจุศพได้ 3 ศพ นั่นหมายความว่าทุกครึ่งชั่วโมงสามารถเผาศพได้มากถึง 360 ศพ และแน่นอนว่า เตาเผานี้ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง.....

แม้กระนั้นก็ตามเตาเผาศพขนาดใหญ่ที่ว่านี้ก็ยังทำงานไม่ทัน บางครั้งถึงกับต้องนำร่างไร้วิญญาณไปเผาที่ หลุมเผาศพ ที่มีลักษณะเป็นหลุมยาวประมาณ 60 หลา กว้าง 40 หลา...เพียงแค่ระยะเวลา 3 เดือนที่คุณหมอโอลกาบันทึกไว้ถึงจำนวนผู้ถูกเผาระหว่างเดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม ปี 1944 มีมากถึง 1,314,000 คน

ลองนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น หลายคนถูกพามาที่ค่ายเอาส์ชวิตซ์แบบไม่รู้มาก่อนว่าจะถูกพามาที่นี่ สภาพห้องบรรทุกมนุษย์ล้อเหล็กที่แล่นมาตามราง จอดสนิทตรงหน้าแคมป์ จากนั้นวงดนตรีออร์เคสตราบรรแลงต้อนรับ ทั้งที่นักดนตรีผู้บรรเลงนั้นก็สวมใส่เสื้อผ้าที่สุดแสนจะซ่อมซ่อ ร่างกายซูบผอม...

ผู้มาใหม่ถูกคัดเลือกโดย เจ้าหน้าที่หน่วยเอสเอส ของนาซี ให้ใครอยู่ฟากซ้าย หรือใครควรจะไปอยู่ฟากขวา... แน่นอน มันคือการชี้ชะตาชีวิตของมนุษย์ ณ เวลานั้น

ชะตากรรมของผู้ไปทางซ้ายคือ ห้องอาบน้ำและบ้านสีขาว...ส่วนผู้อยู่ซีกขวา คือผู้ต้องผจญต่อชะตากรรมที่สุดแสนจะทรมานในค่ายกักกันนี่ต่อไป...

ผู้ไปทางซ้ายจะถูกนำตัวไปที่อุโมงค์ใต้ดินที่เรียกกันว่า Local b ที่มีลักษณะเหมือนห้องอาบน้ำ จุคนได้กว่าสองพันคน เมื่อไปถึงผู้อำนวยการห้องในชุดขาวจะแจกผ้าเช็ดตัวคนละผืนและสบู่สำหรับอาบน้ำ เมื่อทุกคนถอดเสื้อผ้าออกหมดและ เดินเข้าสู่ห้องอาบน้ำอย่างไม่รู้ว่า ความตายกำลังรอพวกเข้าอยู่เบื้องหน้า

อุณหภูมิห้องเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อากาศภายในห้องเริ่มไม่พอจะหายใจ บนเพดานห้องมีช่องสี่เหลี่ยมที่ปล่อยก๊าซพิษด้วยกระบอกฉีดไซโคลนบี Cyclon- B ออกมา บางคนยังไม่สิ้นใจสนิท ก็จะถูกนำร่างเข้าสู่เตาเผาศพ ถือเป็นการปิดฉากชีวิตเชลยสงคราม.....

ส่วนผู้ที่ไปทางขวานั้นเล่า...ชีวิตของเขาเหล่านั้นก็ไม่ได้สุขสบายอย่างที่คิดหวัง...ทุกคนถูกเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สวมชุดที่ดูเก่าและขาดมากที่สุด รองเท้าก็แทบไม่มีสวมใส่...ต้องทำงานหนักตลอดวัน...อาหารที่ได้รับไม่ต้องพูดถึงหลักโภชนาการเพราะไม่สามารถเปรียบเทียบได้...แค่ มีชีวิตรอดเพื่อเห็นแสงตะวันอีกวันหนึ่งก็ถือว่าดีแล้ว....

ความทุกข์ทรมานที่นาซีทำกับเชลยชาวยิวชาติต่างๆ นั้นเหลือคณานับ นับตั้งแต่นำร่างของพวกเขาเหล่านั้นเป็นตัวทดลองยาชนิดต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็กแฝด คนแคระ และผู้หญิง.....

ปัจจุบันแม้ว่าสงครามโลกครั้งที่สองจะสิ้นสุดและนาซีเยอรมันเป็นฝ่ายพ่ายแพ้สงครามไปแล้วก็ตาม...แต่ร่องรอยของซากแห่งความสูญเสียนี้ยังมีให้เห็นกันอยู่ค่ะและแม้ว่ารัฐบาลโปแลนด์จะจัดให้พื้นที่แห่งนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำเพื่อเตือนให้ทุกผู้คนบนโลกใบนี้ตระหนักถึงความเลวร้ายของสงคราม ความสูญเสียที่มนุษย์กระทำต่อมนุษย์ด้วยกันเอง..แต่...ก็ยังมีคนบางพวกบางเหล่า ที่ฝักใฝ่และกระหายสงครามอยู่ร่ำไปนะคะ....



เพื่อไม่ให้ดูรันทดเกินไป ตอนจบของบล๊อคนี้ ขอแนะนำให้อ่านหนังสือเรื่องนี้นะคะ ดีมากมาก และถ้าได้ดูหนังด้วยก็จะยิ่งดีค่ะ แต่อาจจะหายากหน่อย เรายังไม่เคยเห็นวางขายตามร้านทั่วไปเลยค่ะ



อีกเล่ม ที่กำลังอ่านอยู่ ซื้อมาตั้งแต่ งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ปีที่แล้ว อ่านไม่จบเสียที "เมียนาซี The NAZI Officer's WIFE" ค่ะ ยังไม่แนะนำ เพราะว่ายังอ่านไม่จบ ส่วนอีกเล่ม ซื้อเพราะมันลดราคา ขายถูกเหมือนให้ฟรี ที่ร้านขายหนังสือเก่า ๆ ที่เชียงใหม่ ฝรั่งชอบเอาหนังสือมาขายราคาถูก ๆ และหน้าปกมันมีรูป เอาส์ชวิทซ์ ด้วย






 

Create Date : 30 มิถุนายน 2550    
Last Update : 1 กรกฎาคม 2550 12:50:53 น.
Counter : 571 Pageviews.  

อัล กอร์....โดนซะแล้ว


Copy บทความนี้มาจาก หนังสือ IMAGE เล่มล่าสุด Volume 20 No.4 April 2007

และอ้างถึง บล๊อคเก่าดั้งเดิมของเรา เกี่ยวกับหนังสือเรื่อง An Inconvenient Truth ค่ะ



อุตส่าห์กลายเป็นฮีโร่แสนเท่บนเวทีออสการ์ครั้งล่าสุด ด้วยการขึ้นไปคว้ารางวัลหนังสารคดียอดเยี่ยมจาก An Inconvenient Truth แต่แค่ไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง คุณพี่ อัล กอร์ อดีตรองประธานาธิบดีอเมริกันผู้โด่งดังในฐานะนักแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน ก็มีอันต้องพลาดท่าโดนแฉว่า ครอบครัวของเขาในเบลล์มี๊ด แนชวิลล์ นั่นแหล่ะที่เป็นนักผลาญพลังงานและก่อปัญหาโลกร้อนตัวดีนัก



ผู้แฉข้อมูลเด็ดที่ว่านี้คือ องค์กรเล็ก ๆ ชื่อ Tennessee Centre for Policy Research ซึ่งเกิดปิ๊งไอเดียเจ็บด้วยการไปแอบหยิบใบเสร็จค่าไฟของบ้านกอร์มาดูว่า อดีตท่านรอง ฯ ปฏิบัติตนสมคำเทศนาหรือเปล่า แล้วก็พบว่า ปีที่แล้วครอบครัวของกอร์บริโภคไฟฟ้า 221,000 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง....ซึ่งสูงกว่าปริมาณเฉลี่ยของชาวอเมริกันถึง 20 เท่า !

เมื่อข่าวแพร่สะพัด มันก็กลายเป็นประเด็นร้อนฉ่าทางการเมืองทันที เหล่าฝ่ายคอนเซอร์เวทีฟออกมาร่วมรุมกระหน่ำกอร์อย่างสนุกสนานตามเว็บไซด์และบล๊อกทั้งหลาย ขณะที่ฝ่ายเสรีนิยมก็รีบประณามองค์กรจอมแฉดังกล่าวว่า ไม่มีหัวนอนปลายเท้า เชื่อถือไม่ได้ แถมยังไม่บริสุทธิ์ใจ เพราะมีสายสัมพันธ์กับกลุ่มการเมืองฝ่ายขวาที่มี บริษัทพลังงานเอ็กซอนโมบิล หนุนหลังอยู่

ส่วนที่ปรึกษาของกอร์นั้นเล่าก็ออกโรงโต้บ้างว่า แค่ค่าไฟในใบเสร็จไม่อาจใช้เป็นหลักฐานปรักปรำกอร์ได้หรอก เพราะจริง ๆ แล้วพลังงานซึ่งใช้กันในแถบบ้านกอร์นั้นเกิดจากการผลิตแบบ "กรีนพาวเวอร์" คือ ทั้งจากเซลล์แสงอาทิตย์ ลม และก๊าซมีเทนทั้งสิ้น ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อโลกตรงไหนเลย

เรื่องนี้จะคลี่คลายลงอย่างไร หรือจะบานปลายไปท่าไหนอีกต้องติดตามกันต่อไป และท้ายที่สุดแล้วพี่กอร์จะกลับมาสานฝันบนถนนการเมืองด้วยการลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยหน้าหรือไม่.....

ก็ต้องตามข่าวอย่างใกล้ชิดอีกเช่นกัน

อึ่มมม ยังไงกันดีน๊ะ




 

Create Date : 09 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 29 มิถุนายน 2550 18:16:58 น.
Counter : 395 Pageviews.  

~~การเมือง กับ แฟชั่น~~


วันนี้มีข่าวดีที่ ห้องราชดำเนิน เปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกที่ไม่มีล็อคอินสามารถเข้ามาอ่านเวปบอร์ดได้ เย เย

อิฉันสบายใจแล้ว เพราะจะได้ไม่โดนคนรอบข้างโดยเฉพาะที่ออฟฟิศหาว่าเป็นพวกคนกลุ่มน้อย ห้องราชดำเนิน
ทีนี้วันนี้คุยกันเรื่องเบา ๆ ดีกว่าไหม

ในต่างประเทศโดยเฉพาะที่อเมริกา แฟชั่นเข้ามามีบทบาทต่อการเมืองเป็นอย่างมาก เอ พูดผิดหรือเปล่าฟระ น่าจะพูดว่าการเมืองเข้าไปมีบทบาทต่อแฟชั่นมากกว่า มีดีไซน์เนอร์ชื่อดัง เช่น Marc Jacobs ออกแบบเสื้อยืด หมวก กระเป๋า ที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับนักการเมือง ล่าสุดที่เราเห็นก็จะมีของ Hillary Clinton

HILLARY TRIES ANEW GAMBIT TO RAISE FUNDS
Marc Jacobs Tees Flying Off Shelves




ก่อนหน้านั้นสำหรับโปรดักท์ของ Marc Jacobsก็จะมีเสื้อยืดที่มีรูป อัลกอร์ ดิ๊ก เชนี



อ่า บ้านเราเมืองเราก็มีกะเค้าเหมือนกัน เป็นของคุงสนติ๊ ลิ้มทองกุล จากเวปแมเนเย่อ อันนี้เค้าทำขายเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนกัน แต่ไม่ยักกะเห็นใครใส่แฮะ สงสัยใส่เฉพาะตอนที่ไปฟังรายการ เมืองไทยรายสัปปะดา ที่สวนลุม กระมัง

อ่า ไม่อยากเอารูปมาลงให้รกบล๊อคเรา ใครอยากดูก็ไปดูที่เวปของเค้าก็แล้วกันนะก๊ะ

จริง ๆ แล้วฟากการเมืองอีกฝั่งเค้าก็มีเสื้อออกมาขายเหมือนกัน แต่ไม่หลากหลายมากนัก เวลาเดินตามท้องถนนไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ น่าจะใส่กันเวลาไปชุมนุมทางการเมืองมากกว่า

เผอิญว่าในห้องราชดำเนิน มีสมาชิกเค้าอยากจัดทำเสื้อสดุดีวีรกรรมของท่านศาสดาสนติ๊ ก็เลยเป็นแรงบันดาลใจให้เรามาเขียนบล๊อคเรื่องนี้ค่ะ

ใครมีรูปหรือแบบเสื้อที่เกี่ยวข้องกับการเมืองที่ทำในบ้านเรา ในวงเล็บที่ไม่เกี่ยวกับ คุณยามเฝ้าแผ่นดิน ส่งรูปมาให้เราหน่อยนะคะ ที่ chompunoot@hotmail.com ค่ะ




 

Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 29 มิถุนายน 2550 18:18:48 น.
Counter : 551 Pageviews.  

บทสัมภาษณ์อดีตนายกทักษิณจากหนังสือ TIME




อาจจะเชยไปหน่อยที่เพิ่งมาอัพเรื่องบทสัมภาษณ์ของอดีตนายกทักษิณกะหนังสือ TIME เมื่อหลายวันก่อน จริง ๆ แล้วก็ได้อ่านที่เค้าแปลเป็นภาษาไทย

เพิ่งจะได้อ่านที่เป็นภาษาอังกฤษในเวปไซด์ของ TIME เราฝากเพื่อนซื้อแมกกาซีนเล่มนี้มาด้วย ค่อนข้างหายากเลยทีเดียว Asia Book สาขาที่เราไปบ่อย ๆ เค้าบอกว่า ฉบับนี้หมดเร็ว เหลืออยู่ไม่กี่เล่มที่สาขาอื่น เราเลยต้องฝากเพื่อไปซื้อมาให้ ด้วยความอยากรู้ว่า ที่เค้า ๆ ว่ากันว่า มีประโยคที่จาบจ้วงสถาบันน่ะมันเป็นยังไง ภาษาปะกิตเราก็ไม่ได้แข็งแรงอะไร แต่อ่านแล้วก็ไม่เห็นรู้สึกถึงข้อหาดังกล่าวนั้นเลยนะ

คัดลอกมาจากหนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ

คำต่อคำ:'ทักษิณ'สัมภาษณ์ผ่านไทม์ ปฏิเสธข้อกล่าวหาทุกประเด็น

2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 16:30:00

เมื่อวันที่ 25 มกราคม นางฮันนาห์ บีช หัวหน้าศูนย์ข่าวของไทม์ ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้พูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่กรุงโตเกียวในเรืองต่างๆ ดังต่อไปนี้

ไทม์: คุณอ้างว่า ตัวคุณและพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเก่าของคุณ ได้รับความนิยมอย่างสูง แต่เหตุรัฐประหารที่เกิดขึ้น แทบไม่มีประชาชนออกมาคัดค้านเลย

ทักษิณ: ก็เหมือนกับการปฏิวัติ 17 ครั้งที่เคยเกิดขึ้นในไทย โดยตอนแรกประชาชน จะรู้สึกตกใจ และเริ่มแสดงความกังวลออกมา จากนั้นก็จะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯคณะปฏิรูปการปกครอง คนไทยเป็นคนมีวินัย และเชื่อฟัง แต่พวกเขาก็ยังจับตาดูว่ารัฐบาลใหม่จะทำอะไร และจะคืนประชาธิปไตยให้ประชาชนเมื่อไร แต่ความอดทนของคนก็มีขีดจำกัด

ไทม์: รัฐบาลใหม่ได้แสดงความรับผิดชอบต่อนโยบายที่มีการโต้แย้งกันมาก ทั้งเรื่องการควบคุมเงินทุน ที่นำมาใช้เมื่อเดือนธันวาคม และการแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เพื่อจำกัดการเข้าถือครองหุ้นบริษัทไทยของนักลงทุนต่างประเทศ คุณคิดเห็นอย่างไรกับความเคลื่อนไหวเหล่านี้

ทักษิณ: ไม่มีใครสามารถใช้ลัทธิกีดกันได้อีกต่อไป ไทยต้องพร้อมที่จะก้าวสู่ยุคโลกาภิวัตน์ คุณไม่สามารถปฏิเสธมันได้ อะไรก็ตามที่ไปสวนกระแสเรื่องที่เปิดกว้างอย่างมากอยู่แล้ว จะทำให้เกิดความสับสน และไม่แน่นอน ซึ่งจะทำให้นักลงทุนถอนตัวออกไป

ไทม์: คุณได้พบปะกับบรรดาผู้นำธุรกิจหลายคนในญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นนักลงทุนรายใหญ่สุดในไทยมาเป็นเวลาช้านาน คุณบอกอะไรพวกเขาบ้าง

ทักษิณ: ผมบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในไทยคืออาการติดขัดเพียงชั่วคราว ซึ่งท้ายที่สุดแล้วประชาธิปไตยจะมีชัยเหนือทุกสิ่ง และการลงทุนของพวกเขาจะได้รับผลตอบแทน

ไทม์: คณะมนตรีความมั่นคง(คมช.) อ้างว่า กลุ่มผู้ภักดีของคุณอยู่เบื้องหลังเหตุลอบวางระเบิดหลายจุดในกรุงเทพมหานครช่วงปีใหม่ คุณจะตอบโต้อย่างไร

ทักษิณ: ผมขอปฏิเสธความเกี่ยวข้องใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างสิ้นเชิง ส่วนผู้กระทำต้องถูกลงโทษตามกฏหมาย การชี้มาที่ผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐานและปราศจากการสอบสวน เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

ไทม์: นอกจากนี้ คมช. ยังอ้างว่า คุณและรัฐบาลของคุณ มีพฤติกรรมทุจริต

ทักษิณ: ข้อกล่าวหาต่างๆ ไม่มีหลักฐานอะไรเลย ผมซักถามรายละเอียดของโครงการต่างๆ ก่อนที่คณะรัฐมนตรีจะมีมติอนุมัติ โดยในการปฏิวัติทั้ง 17 ครั้งที่ผ่านมา คอร์รัปชั่นเป็น 1 ในข้ออ้างที่ใช้กัน แต่ผู้นำในการปฏิวัติบางคน ก็ลงเอยด้วยการคอร์รัปชั่นยิ่งกว่าเก่า ไม่ว่าอย่างไร การคอร์รัปชั่นก็ไม่หายไปจากเมืองไทย เพราะมันอยู่ในระบบ

ไทม์: คุณวิพากษ์คมช.ในเรื่องปิดกั้นสื่อ แต่คุณก็ถูกกล่าวหาว่า มีพฤติกรรมแบบเดียวกันในช่วงที่คุณบริหารประเทศ

ทักษิณ: เพราะสื่อตีพิมพ์ข้อมูลที่ไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับผม หนังสือพิมพ์ไม่ควรตีพิมพ์ หากข้อความทั้งหมดไม่ใช่ความจริง เพราะจะทำลายชื่อเสียงของผู้อื่น ฉะนั้นผมจึงติเตียนพวกเขา โดยใช้คำพูดที่แข็งกร้าวในบางครั้งล

ไทม์: คุณทำมากกว่าการใช้คำพูดที่แข็งกร้าว คุณฟ้องหนังสือพิมพ์ที่ตีพิมพ์เรื่องที่คุณไม่พอใจ

ทักษิณ: นั่นเป็นทางเดียวที่ผมสามารถทำได้ทางกฏหมาย แต่ผมไม่เคยแทรกแซงการทำงานของสื่อ หรือยุติการดำเนินการของพวกเขา

ไทม์: ประชาธิปไตยในไทยเติบโตแค่ไหนแล้ว

ทักษิณ: หากไม่มีประชาธิปไตย ไทยก็ก้าวหน้าไปไม่ได้ เพราะหากไม่มีประชาธิปไตย เราก็ทำให้บรรดานักลงทุนเชื่อใจ และมั่นใจในการพัฒนาประเทศไม่ได้ หากคุณมองย้อนไปถึงพัฒนาการของความเจริญแล้ว เส้นโค้งแรกของความเจริญคือกองทัพ หรือเกมแห่งเกียรติยศ โค้งที่สองคือการเป็นประเทศอุตสาหกรรม หรือเกมแห่งความมั่งคั่ง ส่วนเส้นโค้งปัจจุบัน คือเกมแห่งองค์ความรู้ หรือเทคโนโลยีสารสนเทศ(ไอที) เราต้องแข่งขันในเกมแห่งองค์ความรู้ ไม่ใช่เกมแห่งเกียรติยศ แต่คมช.ต้องการทำให้ประเทศถอยหลังกลับไปสู่จุดนั้น ซึ่งเป็นเรื่องไม่ดี คุณควรจะพาประเทศก้าวไปข้างหน้า

ไทม์: คุณจะหวนกลับมาเล่นการเมืองอีกหรือไม่

ทักษิณ: ผมมีความรู้สึกหลายอย่าง หลังจากหลุดจากตำแหน่งโดยการปฏิวัติ ในทางลบ ผมรู้สึกว่าเป็นโชคร้ายของประเทศไทย และระบอบประชาธิปไตยของไทย ทั้งความเชื่อมั่นที่ผมพยายามสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยความยากลำบาก หลังจากวิกฤติการเงินเมื่อปี 2540 ก็สูญหายไป แต่ในทางบวก ผมก็คิดว่า โอ ...ตอนนี้ผมเกษียณได้แล้ว ผมสามารถมีเวลาเป็นของตัวเอง มีเวลาให้ครอบครัว ไปพบปะเพื่อนฝูง และพักผ่อนได้เต็มที่ ชีวิตคนมันสั้น ถ้าคุณสามารถสร้างความสุขให้ตัวเอง และครอบครัวของคุณได้ ก็เป็นสิ่งที่ดี ในวันนี้ ผมค่อนข้างมั่นใจว่าหากผมลงเลือกตั้งอีก ผมชนะแน่นอน แต่ผมไม่มีความทะเยอทะยานทางการเมืองแล้ว ผมเรียกมันว่า การวางมือ


มาลงเรื่องนี้จะมีใครหาว่าเราเป็นลิ่วล้อทักษิณไหมเนี่ยยยย




 

Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 29 มิถุนายน 2550 18:20:10 น.
Counter : 517 Pageviews.  

1  2  3  

ปุ๊กกี้&คิตตี้
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สมัคร blog มานานโคด ๆ แต่ยังไม่ได้ริสร้างอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

วันนี้ว่าง ๆ วันพ่อ รู้สึกคิดถึงพ่อมากมาย เลยมาคิดเริ่มสร้างบ๊อคซะที จะได้เป็นสิริมงคลในวันนี้น๊ะ เจิม & เริ่มเขียนบ๊อค 5 ธันวา 2006


Latest Blogs
เมิงทำเหี้ยไรกันคะ เมิงรักชาติจริงเหรอคะ ??
เที่ยวเเบบกิน ๆ ที่ตลาดสามชุก กะ ดูปลาน่ากลัว ที่บึงฉวาง
NooTTY ShoP Promotion #2
NooTTY ShoP Promotion
Longchamp Lover
เหลืองเเดงเเบ่งข้าง ตอน 2
หนังสือร่วมสมัย หนังสือต้องห้าม หนังสือเเปล
ไจโกะ
Longchamp กระเป๋าที่เมื่อก่อนไม่เคยเห็นว่าสวย เเต่ก็ซื้อมาใช้ 3 ใบเเล้ว
Please do not make me PARANOID , Thanks
อารมณ์ดี ที่ สวนผึ้ง ราชบุรี
Style Matter With Me
Lancome Absolute เบต้า White Serum + Renergie Nui Night Cream
ปุ๊กกี้ On Credit Card
เสินเจิ้น เมืองที่เราไม่ปลื้ม เเละ อากาศร้อนโคตร ๆ ที่เกาะฮ่องกง
เมื่อยัยหมาชั้นมีเห็บ
ปุ๊กกี้ คิตตี้ On ThE BaG
Coach Purse Spray & Bath and Body Works from เเมวจอมกวน
วันเกิด กับ การเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ
พาหมาเที่ยว ตามรอยพาตูบเที่ยวไทย
My Wish List "LOUIS VUITTON RICHARD PRINCE HEARTBREAK JOKES"
กุญเเจ กะ กระเป๋า มีประโยชน์จริง ๆ ไหมนะ ?
Seize the Day ฉวยมันเอาไว้
ขนมหมาน่าเอ็นดู
KOSE , Sr Ives , RMK , Chanel เพียบ
วันสบาย ๆ นวดน้ำมันหอม White Tea สูดกลิ่น sandalwood คลายเครียด
น่ารัก น่าพัก ของพี่พลอย จริยะเวช
กระเป๋าเดินทางของคุง NooTTy
Mix & Match by NooTTY
ชีวิตกับการเดินทาง บ่นไปเรื่อยของหญิงวัยเกิอบกลางคน
Shopping (again) @สวนลุมไนท์บาซ่า กะ เเกงป่าเนื้อที่ไม่อร่อยเลย
เรียนถ่ายรูป กะ ตากล้องดอทคอม
Shopping @Zara & เมื่อชั้นกลายเป็นคนช่างประดิดประดอย
MODEL co ColourBOX Blush ของเเถมจากการชอบอ่านหนังสือ
เยือนครัวชมวาฬ บ่อนอก ประจวบ กะ เที่ยวหัวหิน (อีกรอบ)
Longchamp กระเป๋าที่ไม่เคยเห็นว่าสวย เเต่ก็ซื้อมาใช้จนได้
เรื่องประทับใจกะนักเขียนคนโปรด คุณพี่พลอย จริยะเวช
หาดเจ้าสำราญ กะ เด็กน้อยน่ารัก
5 things to do in Hauhin
คอนเสิร์ต Honda Summer Festival ที่หัวหิน ทำให้รู้ว่า ตัวเองกลายเป็นคนในยุค Generation X
Magazine หัวนอก , , Shopping online .. วัตถุนิยม Vs เรื่องไร้สาระ
CaNoN IXY 910IS ทำให้ดิฉันอยากเรียนถ่ายรูปเเบบเป็นเรื่องเป็นราว
ถึงไม่ได้ไปเองก็เขียน Blog ได้ เยือน "ภูฎาณ" ด้วยภาพถ่ายเเละของฝาก
บันทึกจากภาพถ่าย กับ PhotoScape
"MAC New Collection VS GOYARD" Shopping in Labour Day
Enjoy The MagaZine & a little NerVouS witH a b00k selleR
อำลาบริการโทรเลขจากไปรษณีย์ไทย
จดหมายจากเเมนยู 1995
เปิดกรุ Shopping กระเป๋า เสื้อ กางเกง , Goyard , Zara , MNG , Citizen of Humanity
ThiNgS To Do ToDaY
Remember Me ? by Sophie Kinsella
ตะลุยมาเก๊า ฮ่องกง เสินเจิ้น 5 วัน 4 คืน
สาว ๆ คนไหนเคยใช้ครีมรกเเกะจากเมืองออสซี่ ยี่ห้อ CATHERINE ช่วยเเวะหน่อยจ้า
เเละเเล้วชั้นก็เสียเงินให้เธอจนได้ BBaG Balenciga


หลังไมค์ถึงคุณปุ๊กกะคิตกดที่นี่

momokafamily.com

ติดตามชม HAVE SOmE TEE !! ที่นี่ เร็ว ๆ นี้


Friends' blogs
[Add ปุ๊กกี้&คิตตี้'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.