ครั้งเดียวก็เกินพอ...เอาส์ชวิทซ์
จริง ๆ แล้ว หลัง ๆ มานี่ ไม่เคยไปเยี่ยมเยียน เวปผู้จัดการ ของ นายสนธิ เค้าเลย เนื่องจากมีความเกลียดชัง นายคนนี้เป็นการส่วนตัว แต่เผอิญ เห็นคำว่า เอาส์ชวิทซ์ แล้ว อดรนทนไม่ได้ ต้องขอเข้าไปอ่านหน่อย เราเป็นคนชอบหนังแนวสงครามโลกมากมากเลยค่ะ ชอบแทบทุกเรื่อง ไม่รู้เป็นไง โดยเฉพาะ เรื่อง บันทึกของ ANNE FRANK ตามมาด้วย Schindler's List และ Saving Private Ryan อย่างเรื่องหลังสุดดูเป็น 10 20 รอบก็ว่าได้เอาส์ชวิทซ์ เป็นเสมือนแบ๊คกราวนด์ ของความเลวร้าย ในช่วงสงครามโลก เป็นอย่างมาก เป็นเหมือน สัญลักษณ์ ที่เมื่อเห็นแล้ว ก็รู้สึก เศร้าสร้อย และ หดหู่ เหลือเกิน ขออนุญาตก๊อปเวปผู้จัดการมาทั้งกะบิก็แล้วกันนะคะ ถึงจะไม่ชอบเจ้าของมันก็เหอะครั้งเดียวก็เกินพอ...เอาส์ชวิทซ์ โดย นพวรรณ สิริเวชกุล คำที่ว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ เพิ่งจะประจักษ์แก่ดิฉันก็เมื่อครั้งที่ได้ไปเยือน พิพิธภัณท์ค่ายกักกันชาวยิว เอาส์ชวิทซ์ เบอร์เคเนาน์ (Auschwitz Birkenau) ที่ประเทศโปแลนด์ นี่เองค่ะ ที่นี่ได้รับการประกาศจากสหประชาชาติให้เป็น มรดกโลกทางด้านประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ปี 1979 และถูกจัดตั้งให้เป็นพิพิธภัณท์โดยรัฐบาลโปแลนด์เมื่อปี 1947 หลังจากกองทัพแดงของรัสเซียบุกเข้ายึดและช่วยเหลือเชลยศึกชาวยิวที่ยังพอมีชีวิตรอดในวันที่ 27 มกราคม 1945 และถือเป็น ค่ายกักกันของนาซีที่ใหญ่ที่สุด มีเนื้อที่ถึง 191 เฮกเตอร์ (30.80ไร่) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของโปแลนด์ โดยจุดประสงค์แรกของการตั้งค่ายนี้ขึ้นมาในปี 1940 เพื่อเป็นที่คุมขังนักโทษทางการเมืองชาวโปลิช หลังจากที่กองทัพนาซีเคลื่อนพลเข้ามาครอบครองโปแลนด์ พร้อม การประกาศสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สำเร็จ ต่อมามีการขยายพื้นที่ออกไปให้ใหญ่ขึ้น จนกระทั่งมีที่คุมขังอยู่ 3 แดน คือ เอาส์ชวิตซ์ 1 เอาส์ชวิตซ์ 2 และเบอร์เคเนาน์ และ เอาส์ชวิตซ์ 3และโคโนวิตซ์ นอกจากนั้นยังมีค่ายกักกันย่อยในเครือเดียวกันอีก 40 แห่ง จากเริ่มต้นที่ใช้พื้นที่นี้ เพื่อคุมขังนักโทษการเมืองชาวโปลิชเท่านั้น เมื่อเวลาผ่านไป กองทัพนาซีก็เริ่มทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นที่กักกันผู้คนจากทั่วทั้งยุโรปที่มีเชื้อชาติยิว ไม่ว่าจะเป็นคนจากโซเวียต ยูโกสลาเวีย ฝรั่งเศส ออสเตรีย เยอรมัน โรมาเนีย และแน่นอนชาวยิวจากโปแลนด์ และ เปลี่ยนชื่อจาก Oswiecim มาเป็น Auschwitz ออกเสียงตามภาษาเยอรมัน กระทั่งในปี 1942 เอาส์ชวิตซ์กลายเป็น สถานที่ทำลายล้างชาวยิวในยุโรปที่ใหญ่ที่สุด โดยการสังหารที่เลื่องลือกันมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ก็คือ การเข้าห้องรมแก๊สพิษ ทันทีที่เหยื่อเดินทางมาถึง โดยไม่มีการลงทะเบียนรายชื่อหรือนับจำนวนเข้าไปอยู่ในค่ายกักกัน ซึ่งทุกวันนี้จึงกลายเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ถึงจำนวนของเหยื่อที่ถูกสังหารโหดในครั้งนั้นว่า อยู่ในจำนวนใดที่แน่นอน...แต่ที่แน่ๆ...นับล้าน ล้านคนแน่นอน ค่ะ ในหนังสือคู่มือนำชมเอาส์ชวิตซ์ ได้พูดถึงปี 1942 ว่า เอาส์ชวิตซ์กลายเป็นสถานที่สังหารหมู่ที่ใหญ่ที่สุด โดยเหยื่อกลุ่มแรกที่มาถึงนั้น เดินทางมาจากสโลวาเกีย และฝรั่งเศส หลังจากนั้นเป็นคนจากเบลเยี่ยมและฮอลแลนด์และในฤดูถัดมาก็เป็นคราวของชาวเยอรมันและนอร์เวย์ ลิทัวเนีย และสุดท้ายก็เป็นผู้คนจากทั่วทั้งทวีปยุโรป..... จากหนังสือโหยหาสันติภาพ ฉบับภาษาไทยที่ถอดความจากบันทึกลับเรื่อง Five Chimneys ที่เขียนโดย แพทย์หญิง โอลกา เลงเยล (Olga Lengyel) นั้น ทำให้เราย้อนรำลึกเหตุการณ์ต่างๆ ได้ราวกับเป็นหนึ่งในผู้ร่วมสมัย แห่งความโหดร้ายนั้น ความตอนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้เล่าถึง ความโหดร้ายของนาซี ที่เธอต้องสูญเสียลูกชายทั้งสองรวมทั้งพ่อและแม่ของตัวเอง ไปตั้งแต่แรกที่เดินทางมาถึงค่ายกักกันแห่งนี้... สิ่งเดียวที่ทำให้เธอมีความหวังจะมีชีวิตรอดต่อไปคือ หาสามีของตัวเองที่เป็นแพทย์เช่นเดียวกันให้พบและอยู่เพื่อเป็นสายลับต่อต้านนาซี!!... ในบันทึกของแพทย์โอลกาได้เล่าว่าระยะแรกผู้ถูกลงโทษประหารชีวิตในค่านเบอร์เคเนาน์ จะถูกนำตัวไปยิงทิ้งที่ป่าแบรซินสกี หรือไม่ก็ถูกนำตัวเข้า บ้านสีขาว ซึ่งก็คือ ห้องรมแก๊สพิษนั่นเอง.. ต่อมาหลังจากปี 1941 มีการ สร้างเตาเผาศพขนาดใหญ่จำนวน 4 เตา เพื่อใช้เผานักโทษประหาร โดยเตาเผาแต่ละเตานั้นมีช่องเปิดปิดขนาดใหญ่ถึง 120 ช่อง แต่ละช่องบรรจุศพได้ 3 ศพ นั่นหมายความว่าทุกครึ่งชั่วโมงสามารถเผาศพได้มากถึง 360 ศพ และแน่นอนว่า เตาเผานี้ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง..... แม้กระนั้นก็ตามเตาเผาศพขนาดใหญ่ที่ว่านี้ก็ยังทำงานไม่ทัน บางครั้งถึงกับต้องนำร่างไร้วิญญาณไปเผาที่ หลุมเผาศพ ที่มีลักษณะเป็นหลุมยาวประมาณ 60 หลา กว้าง 40 หลา...เพียงแค่ระยะเวลา 3 เดือนที่คุณหมอโอลกาบันทึกไว้ถึงจำนวนผู้ถูกเผาระหว่างเดือนพฤษภาคม กรกฎาคม ปี 1944 มีมากถึง 1,314,000 คน ลองนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น หลายคนถูกพามาที่ค่ายเอาส์ชวิตซ์แบบไม่รู้มาก่อนว่าจะถูกพามาที่นี่ สภาพห้องบรรทุกมนุษย์ล้อเหล็กที่แล่นมาตามราง จอดสนิทตรงหน้าแคมป์ จากนั้นวงดนตรีออร์เคสตราบรรแลงต้อนรับ ทั้งที่นักดนตรีผู้บรรเลงนั้นก็สวมใส่เสื้อผ้าที่สุดแสนจะซ่อมซ่อ ร่างกายซูบผอม... ผู้มาใหม่ถูกคัดเลือกโดย เจ้าหน้าที่หน่วยเอสเอส ของนาซี ให้ใครอยู่ฟากซ้าย หรือใครควรจะไปอยู่ฟากขวา... แน่นอน มันคือการชี้ชะตาชีวิตของมนุษย์ ณ เวลานั้น ชะตากรรมของผู้ไปทางซ้ายคือ ห้องอาบน้ำและบ้านสีขาว ...ส่วนผู้อยู่ซีกขวา คือผู้ต้องผจญต่อชะตากรรมที่สุดแสนจะทรมานในค่ายกักกันนี่ต่อไป... ผู้ไปทางซ้ายจะถูกนำตัวไปที่อุโมงค์ใต้ดินที่เรียกกันว่า Local b ที่มีลักษณะเหมือนห้องอาบน้ำ จุคนได้กว่าสองพันคน เมื่อไปถึงผู้อำนวยการห้องในชุดขาวจะแจกผ้าเช็ดตัวคนละผืนและสบู่สำหรับอาบน้ำ เมื่อทุกคนถอดเสื้อผ้าออกหมดและ เดินเข้าสู่ห้องอาบน้ำอย่างไม่รู้ว่า ความตายกำลังรอพวกเข้าอยู่เบื้องหน้า อุณหภูมิห้องเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อากาศภายในห้องเริ่มไม่พอจะหายใจ บนเพดานห้องมีช่องสี่เหลี่ยมที่ปล่อยก๊าซพิษด้วยกระบอกฉีดไซโคลนบี Cyclon- B ออกมา บางคนยังไม่สิ้นใจสนิท ก็จะถูกนำร่างเข้าสู่เตาเผาศพ ถือเป็นการปิดฉากชีวิตเชลยสงคราม..... ส่วนผู้ที่ไปทางขวานั้นเล่า...ชีวิตของเขาเหล่านั้นก็ไม่ได้สุขสบายอย่างที่คิดหวัง...ทุกคนถูกเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สวมชุดที่ดูเก่าและขาดมากที่สุด รองเท้าก็แทบไม่มีสวมใส่...ต้องทำงานหนักตลอดวัน...อาหารที่ได้รับไม่ต้องพูดถึงหลักโภชนาการเพราะไม่สามารถเปรียบเทียบได้...แค่ มีชีวิตรอดเพื่อเห็นแสงตะวันอีกวันหนึ่งก็ถือว่าดีแล้ว.... ความทุกข์ทรมานที่นาซีทำกับเชลยชาวยิวชาติต่างๆ นั้นเหลือคณานับ นับตั้งแต่นำร่างของพวกเขาเหล่านั้นเป็นตัวทดลองยาชนิดต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็กแฝด คนแคระ และผู้หญิง..... ปัจจุบันแม้ว่าสงครามโลกครั้งที่สองจะสิ้นสุดและนาซีเยอรมันเป็นฝ่ายพ่ายแพ้สงครามไปแล้วก็ตาม...แต่ร่องรอยของซากแห่งความสูญเสียนี้ยังมีให้เห็นกันอยู่ค่ะและแม้ว่ารัฐบาลโปแลนด์จะจัดให้พื้นที่แห่งนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำเพื่อเตือนให้ทุกผู้คนบนโลกใบนี้ตระหนักถึงความเลวร้ายของสงคราม ความสูญเสียที่มนุษย์กระทำต่อมนุษย์ด้วยกันเอง. .แต่...ก็ยังมีคนบางพวกบางเหล่า ที่ฝักใฝ่และกระหายสงครามอยู่ร่ำไปนะคะ.... เพื่อไม่ให้ดูรันทดเกินไป ตอนจบของบล๊อคนี้ ขอแนะนำให้อ่านหนังสือเรื่องนี้นะคะ ดีมากมาก และถ้าได้ดูหนังด้วยก็จะยิ่งดีค่ะ แต่อาจจะหายากหน่อย เรายังไม่เคยเห็นวางขายตามร้านทั่วไปเลยค่ะ อีกเล่ม ที่กำลังอ่านอยู่ ซื้อมาตั้งแต่ งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ปีที่แล้ว อ่านไม่จบเสียที "เมียนาซี The NAZI Officer's WIFE" ค่ะ ยังไม่แนะนำ เพราะว่ายังอ่านไม่จบ ส่วนอีกเล่ม ซื้อเพราะมันลดราคา ขายถูกเหมือนให้ฟรี ที่ร้านขายหนังสือเก่า ๆ ที่เชียงใหม่ ฝรั่งชอบเอาหนังสือมาขายราคาถูก ๆ และหน้าปกมันมีรูป เอาส์ชวิทซ์ ด้วย
Create Date : 30 มิถุนายน 2550
Last Update : 1 กรกฎาคม 2550 12:50:53 น.
20 comments
Counter : 651 Pageviews.
โดย: MoneyPenny วันที่: 30 มิถุนายน 2550 เวลา:22:28:31 น.
โดย: ป้ากิโล (Geerorogunso ) วันที่: 30 มิถุนายน 2550 เวลา:22:48:53 น.
โดย: JewNid วันที่: 1 กรกฎาคม 2550 เวลา:9:19:53 น.
โดย: ป้าหู้เองค่ะ (fifty-four ) วันที่: 1 กรกฎาคม 2550 เวลา:17:35:00 น.
โดย: หอมกร วันที่: 2 กรกฎาคม 2550 เวลา:7:25:47 น.
โดย: พลทหารไรอัน วันที่: 3 กรกฎาคม 2550 เวลา:3:15:47 น.
โดย: วิตามินโซดา วันที่: 4 กรกฎาคม 2550 เวลา:8:39:28 น.
โดย: หอมกร วันที่: 4 กรกฎาคม 2550 เวลา:13:57:01 น.
โดย: yoko วันที่: 4 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:02:39 น.
โดย: หอมกร วันที่: 5 กรกฎาคม 2550 เวลา:7:26:40 น.
โดย: oHLa วันที่: 5 กรกฎาคม 2550 เวลา:8:50:29 น.
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 5 กรกฎาคม 2550 เวลา:15:24:34 น.
โดย: แมวจอมกวน วันที่: 6 กรกฎาคม 2550 เวลา:3:25:59 น.
โดย: หอมกร วันที่: 6 กรกฎาคม 2550 เวลา:7:51:43 น.
โดย: หอมกร วันที่: 6 กรกฎาคม 2550 เวลา:7:53:13 น.
โดย: Dublina วันที่: 7 ตุลาคม 2550 เวลา:5:07:47 น.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [? ]
สมัคร blog มานานโคด ๆ แต่ยังไม่ได้ริสร้างอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน วันนี้ว่าง ๆ วันพ่อ รู้สึกคิดถึงพ่อมากมาย เลยมาคิดเริ่มสร้างบ๊อคซะที จะได้เป็นสิริมงคลในวันนี้น๊ะ เจิม & เริ่มเขียนบ๊อค 5 ธันวา 2006 Latest Blogs ✿ เมิงทำเหี้ยไรกันคะ เมิงรักชาติจริงเหรอคะ ?? ✿ เที่ยวเเบบกิน ๆ ที่ตลาดสามชุก กะ ดูปลาน่ากลัว ที่บึงฉวาง ✿ NooTTY ShoP Promotion #2 ✿ NooTTY ShoP Promotion ✿ Longchamp Lover ✿ เหลืองเเดงเเบ่งข้าง ตอน 2 ✿ หนังสือร่วมสมัย หนังสือต้องห้าม หนังสือเเปล ✿ ไจโกะ ✿ Longchamp กระเป๋าที่เมื่อก่อนไม่เคยเห็นว่าสวย เเต่ก็ซื้อมาใช้ 3 ใบเเล้ว ✿ Please do not make me PARANOID , Thanks ✿ อารมณ์ดี ที่ สวนผึ้ง ราชบุรี ✿ Style Matter With Me ✿ Lancome Absolute เบต้า White Serum + Renergie Nui Night Cream ✿ ปุ๊กกี้ On Credit Card ✿ เสินเจิ้น เมืองที่เราไม่ปลื้ม เเละ อากาศร้อนโคตร ๆ ที่เกาะฮ่องกง ✿ เมื่อยัยหมาชั้นมีเห็บ ✿ ปุ๊กกี้ คิตตี้ On ThE BaG ✿ Coach Purse Spray & Bath and Body Works from เเมวจอมกวน ✿ วันเกิด กับ การเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ ✿ พาหมาเที่ยว ตามรอยพาตูบเที่ยวไทย ✿ My Wish List "LOUIS VUITTON RICHARD PRINCE HEARTBREAK JOKES" ✿ กุญเเจ กะ กระเป๋า มีประโยชน์จริง ๆ ไหมนะ ? ✿ Seize the Day ฉวยมันเอาไว้ ✿ ขนมหมาน่าเอ็นดู ✿ KOSE , Sr Ives , RMK , Chanel เพียบ ✿ วันสบาย ๆ นวดน้ำมันหอม White Tea สูดกลิ่น sandalwood คลายเครียด ✿ น่ารัก น่าพัก ของพี่พลอย จริยะเวช ✿ กระเป๋าเดินทางของคุง NooTTy ✿ Mix & Match by NooTTY ✿ ชีวิตกับการเดินทาง บ่นไปเรื่อยของหญิงวัยเกิอบกลางคน ✿ Shopping (again) @สวนลุมไนท์บาซ่า กะ เเกงป่าเนื้อที่ไม่อร่อยเลย ✿ เรียนถ่ายรูป กะ ตากล้องดอทคอม ✿ Shopping @Zara & เมื่อชั้นกลายเป็นคนช่างประดิดประดอย ✿ MODEL co ColourBOX Blush ของเเถมจากการชอบอ่านหนังสือ ✿ เยือนครัวชมวาฬ บ่อนอก ประจวบ กะ เที่ยวหัวหิน (อีกรอบ) ✿ Longchamp กระเป๋าที่ไม่เคยเห็นว่าสวย เเต่ก็ซื้อมาใช้จนได้ ✿ เรื่องประทับใจกะนักเขียนคนโปรด คุณพี่พลอย จริยะเวช ✿ หาดเจ้าสำราญ กะ เด็กน้อยน่ารัก ✿ 5 things to do in Hauhin ✿ คอนเสิร์ต Honda Summer Festival ที่หัวหิน ทำให้รู้ว่า ตัวเองกลายเป็นคนในยุค Generation X ✿ Magazine หัวนอก , , Shopping online .. วัตถุนิยม Vs เรื่องไร้สาระ ✿ CaNoN IXY 910IS ทำให้ดิฉันอยากเรียนถ่ายรูปเเบบเป็นเรื่องเป็นราว ✿ ถึงไม่ได้ไปเองก็เขียน Blog ได้ เยือน "ภูฎาณ" ด้วยภาพถ่ายเเละของฝาก ✿ บันทึกจากภาพถ่าย กับ PhotoScape ✿ "MAC New Collection VS GOYARD" Shopping in Labour Day ✿ Enjoy The MagaZine & a little NerVouS witH a b00k selleR ✿ อำลาบริการโทรเลขจากไปรษณีย์ไทย ✿ จดหมายจากเเมนยู 1995 ✿ เปิดกรุ Shopping กระเป๋า เสื้อ กางเกง , Goyard , Zara , MNG , Citizen of Humanity ✿ ThiNgS To Do ToDaY ✿ Remember Me ? by Sophie Kinsella ✿ ตะลุยมาเก๊า ฮ่องกง เสินเจิ้น 5 วัน 4 คืน ✿ สาว ๆ คนไหนเคยใช้ครีมรกเเกะจากเมืองออสซี่ ยี่ห้อ CATHERINE ช่วยเเวะหน่อยจ้า ✿ เเละเเล้วชั้นก็เสียเงินให้เธอจนได้ BBaG Balenciga
I read the book a long time ago.
Now there's a new museum in Berlin called Silent Room. It's built to commemorate the departed by a moment of silence kha.