All Blog
ตอนที่ 12 +++ การตัดสินใจของหนุ่มขี้เหงา +++


+++++ต่อเรื่อง+++++





“น้องมิวมีแฟนรึยังคะ” เสียงใสๆอมเปรี้ยว ซ่อนความพรั่นพรึงไว้ภายในของนักข่าวสาวดังขึ้น

“ยังไม่มีครับ” เสียงใสๆอมหวาน ซ่อนความประหม่าของนักร้องหนุ่มตอบออกไป


“แล้วเพื่อนสนิทล่ะคะ มีบ้างรึเปล่าเอ่ย อย่าบอกพี่นะคะว่ายังไม่มี หน้าตาหล่อไม่เบาอย่างน้องมิว คงต้องเคยมีบ้างแหละ” น้ำเสียงคาดคั้นอยากเอาชนะมากๆ


“ยังไม่เคยจริงๆครับพี่” น้ำเสียงยังคงประหม่าหวาดหวั่นเช่นเดิม


“เริ่มจะมีชื่อเสียงบ้างแล้ว เคยมีสาวๆตามกรี๊ดน้องมิวบ้างรึเปล่าคะ”


“ก็มีบ้างครับ”


“แล้วรู้สึกยังไงบ้างคะ”


“ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ก็ดีครับ แปลกๆดี แต่ก็ดีใจที่มีคนฟังชอบเพลงของเรา”


“ในวงออกัสต์นี่ เป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนกันหมดเลยใช่มั้ยคะ”


“ครับ โรงเรียนเซ้นต์นิโคลัส มีทั้งเพื่อนรุ่นเดียวกัน แล้วก็รุ่นน้องด้วย”


“เคยได้ยินมาว่า อยู่โรงเรียน น้องมิวมักถูกแซวว่าเป็นเกย์บ้างเป็นสาวบ้างใช่มั้ยคะ”


“เอ่อ...............................ก็มีบ้างมั้งครับ” เหงื่อเริ่มผุดออกมาตามรูขุมขนของนักร้องหนุ่มร่างโปร่ง


“แล้วรู้สึกยังไงบ้างล่ะคะ”


“เฉยๆครับ ไม่ได้คิดอะไร” น้ำเสียงมิวเริ่มสั่น ระแวง ท่าทางไม่ชอบใจนักข่าวคนนี้เอาซะเลย


“เหรอคะ................................อือ...................น้องมิวรู้สึกยังไงกับผู้ชายที่รักเพศเดียวกันคะ” คำถามเริ่มจู่โจมเพิ่มขึ้นทุกที


“ถ้าคนเราจะรักกัน จะเป็นเพศไหนก็ไม่สำคัญมั้งครับ” คำตอบของมิวฟังดูเชื่อมั่น แต่แฝงความหงุดหงิดอยู่บ้าง


“เหรอคะ...................” นักข่าวสาวจ้องมองใบหน้านักร้องหนุ่ม ยังกับว่าค้นหาอะไรบางอย่างภายใต้แววตาสีน้ำเงินคู่งามนั้น


“ครับ” มิวตอบสั้นๆ แต่ในใจอดคิดกังวลไม่ได้ นักร้องหนุ่มถึงกับก้มหน้ามองโต๊ะด้วยความตื่นกลัว


“น้องมิวหน้าหวานขนาดนี้ นอกจากสาวๆที่แอบกรี๊ดแล้ว เคยมีผู้ชายมาขายขนมจีบบ้างรึเปล่าเอ่ย” คำถามที่ทำให้มิวถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นมามอง


“ไม่มีครับ”


“ค่ะ งั้นคำถามสุดท้ายแล้วกันนะคะ น้องผู้ชายอีกคนในรูปนี้เป็นอะไรกับน้องมิวเหรอคะ แล้วสองคนไปเที่ยวที่ไหนกันมาเอ่ย” นักข่าวสาวส่งรูปคู่ของมิวกับโต้งที่ถูกถ่ายหน้าโรงแรมม่านรูดให้นักร้องหนุ่มดู


“เราเป็นแค่เพื่อนกันครับ” มิวตอบประหม่า น้ำเสียงสั่น มือเย็นเฉียบ ไม่กล้าสบตานักข่าวคนนั้นอีกต่อไป


“ขอบคุณนะคะ พี่ไปก่อนแล้วกัน ข่าวของออกัสต์จะลงฉบับต้นเดือนหน้านะคะ ดีค่ะ”


“สวัสดีครับ” นักร้องหนุ่มยกมือไหว้ลาตามมารยาท แต่ในใจกลับว้าวุ่นอย่างแรง

...........
...........

“แล้วมิวจะทำยังไงล่ะ” โต้งเอ่ยถามหลังจากฟังมิวเล่าจบ


“ไม่รู้ดิ แต่คุณบีบอกว่าจะจัดการให้ ไม่รู้ว่าทำยังไงเหมือนกัน”


“อืมม.................ท่าทางนายนั่นก็ไม่เบาเหมือนกัน ทำธุรกิจพวกนี้ ก็คงเจนจัดและมีวิธีการล่ะมั้ง แต่มิวไม่ต้องกลัวนะ เราอยู่เคียงข้างเสมอ” โต้งตบบ่าเบาๆปลอบใจ


“ก็เพราะมีโต้งนี่แหละ เราถึงได้เข้มแข็ง ค่ำแล้ว โต้งกลับบ้านเถอะ”


“ว้า!!!! ไล่กันแล้วหรอ ว่าจะขอค้างคืนที่นี่ซักหน่อยอะ ได้ปะ” แววตาออดอ้อนเจ้าเล่ห์ของโต้ง ทำเอามิวส่ายหน้าทีเดียว


“ไม่ได้ พรุ่งนี้ต้องไปเรียนหนังสือ ใกล้สอบแล้วด้วย ไหนโต้งยังจะต้องช่วยน้านีย์ดูแลน้ากรอีก รีบกลับเหอะ พวกน้านีย์อุตส่าห์เห็นใจเข้าใจ แต่ใช่ว่าเราจะทำอะไรตามใจตัวเองได้นะโต้ง”


“คร้าบบบบผมมม ทราบแล้วครับ แต่มิวสัญญาว่าจะเล่นเปียโนให้ฟังไงอะ เล่นให้ฟังก่อนดิ เพลงจบแล้วเราค่อยกลับบ้าน” ชายหนุ่มกระพริบตาไปมา แววตาสีน้ำตาลสะท้อนกับแสงนีออนเป็นระยะๆ ในที่สุด มิวก็ต้องเคาะเปียโนเป็นเสียงดนตรีบรรเลงเพลงล่าสุดที่พึ่งอัดเสร็จ


“เพลงเพราะดีเนาะ แต่งได้ไงอะ” โต้งถามคำถามนี้อีกครั้งด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หลังจากที่มิวเล่นจบลง นักร้องหนุ่มอดยิ้มตามไม่ได้ แล้วก็ตอบออกไป


“ก็ถ้าไม่มีโต้ง ก็คงไม่มีเพลงนี้หรอก ฟังแล้วโต้งว่าไง” คำตอบเดิมๆ แต่คนถูกถามลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาใกล้คนถาม


“ก็ไม่รู้เหมือนกัน” คำตอบสั้นๆ แต่ร่างสูงใช้สองแขนประคองร่างโปร่งให้ยืนขึ้น ริมฝีปากของโต้งค่อยๆขยับไปหาเรือนโอษฐ์สีชมพูของมิวอย่างช้าๆ ก่อนจะบรรจงจุมพิตลงไปเบาๆ ชายหนุ่มทั้งสองดูดดื่มกันและกันอยู่สักระยะ ก่อนจะถอนริมฝีปากจากกัน


“ถึงบ้านแล้วเราโทรหานะ” โต้งบอกกับมิว ก่อนจะเดินไปเลื่อนประตูเลื่อนที่มิวปิดเอาไว้ให้กว้างขึ้น เพื่อให้ร่างสูงของตนลอดผ่านไปได้ แล้วเดินกลับออกไปทางปากซอย




.....




.....




.....







“ตกลงตามนี้นะ เดี๋ยวให้บีคัดเลือกนางแบบจากโมเดลลิ่งซักคนมาเล่นเอ็มวีเพลงนี้แล้วกัน แล้วพี่ให้บีรับผิดชอบการถ่ายทำทั้งหมดเลยด้วย อย่าให้ผิดหวังล่ะ”
คุณเอลุกขึ้นยืน แล้วตบบ่าน้องชายเบาๆ ก่อนจะเดินออกไปจากที่ประชุม


“มันจะเวิร์กแน่หรอครับคุณบี ผมยังไม่ได้บอกโต้งเลยน่ะ เรื่องจะเอาเค้ามาเล่นเป็นพระเอกเอ็มวีเนี่ย ไม่รู้จะยอมรึเปล่าอะดิ”
นักร้องนำวงออกัสต์ปรึกษากับโคโปรดิวเซอร์หนุ่มเมโทรอยู่ในห้องประชุมต่อ


“ก็คุยซะสิมิว นี่เป็นวิธีที่เวิร์กที่สุดแล้วนะ หรืออยากให้แม่นักข่าวนั่นเอาภาพไปลงก่อนล่ะ”


“ก็จริง.............................แต่ว่า.......................” มิวยังคงลังเล


“ฟังนะ ถ้าโต้งเค้าเป็นพระเอกเอ็มวีให้เพลงของเรา เรื่องที่มีคนไปได้รูปเราสองคนหน้าโรงแรมนั่น เราก็จะอ้างได้ว่าไปดูสถานที่ไง เข้าใจปะ”
คุณบีช่วยมิวหาหนทางแก้ปัญหาเรื่องภาพถ่ายของนักข่าวสาวคนนั้น


“ครับ งั้นผมจะลองคุยกับโต้งดูแล้วกัน” สีหน้ามิวยังคงไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่


กลับจากการประชุมเรื่องถ่ายเอ็มวีเพลงกันและกัน นักร้องหนุ่มก็ลากลับบ้านทันที วันนี้ออกัสต์ไม่ต้องซ้อมเพลง
เพราะว่า วันพรุ่งนี้ และวันมะรืน มิวและเพื่อนๆม.หกจะต้องเข้าสอบโควต้าเพื่อเรียนต่อในมหาวิทยาลัย พี่อ๊อดจึงใจดีให้งดซ้อมสามวัน
ร่างโปร่งเดินมาเรื่อยๆจนมาถึงบ้านของตัวเอง หันไปมองหญิงที่มานั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงเก้าอี้ขาวหน้าบ้านตนแล้วก็ยิ้มให้กัน


“วันนี้ไม่ซ้อมเพลงหรอมิว” หญิงเอ่ยปากถามเพื่อนสนิทบ้านตรงข้าม


“เปล่าหญิง พี่อ๊อดใจดีให้หยุดดูหนังสือ นี่หญิงก็...........”


“ใช่สิ...............หญิงก็ต้องอ่านหนังสือเหมือนกัน ม๊าอยากให้ได้โควตาบัญชี จะได้เรียนที่เดียวกับมิวด้วยไง เรามาสู้ด้วยกันนะ” หญิงยิ้มหวานใส่


“อยากเรียนที่เดียวกับเรา แล้วรวมถึงเจ้าคิ้วหนาด้วยรึเปล่าล่ะ” มิวแกล้งแซวเพื่อน


“ไม่เกี่ยวกับหมอนั่นซักหน่อย ดูดิ๊ งดซ้อมทั้งที จะโทรมาบอกหรือมาชวนไปทานข้าวซักหน่อยก็ไม่ได้ แย่ชะมัด” หญิงบ่นหน้าเซ็ง


“ตื๊ดดดดดด.....” ไม่ทันไรเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น หญิงดูชื่อผู้โทรเข้าแล้วหันมามองหน้ามิว


“ตายยากใช่มั้ยล่ะ บ่นถึงปุ๊บ ไอ้เอ๊กซ์มันโทรมาปั๊บเลย คุยกันดีๆล่ะ เข้าบ้านก่อน” มิวเดินเข้าบ้านไปทันที


เหลือบมองมาจากหน้าต่างในห้องนอน นักร้องหนุ่มเห็นหญิงที่ตอนนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เดินออกไปทางหน้าปากซอยด้วยใบหน้าชื่นบาน


“เห็นหญิงมีความสุขแล้วดีจังนะ” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นมาจากประตูห้อง นักร้องหนุ่มรีบหันไปมองตามเสียง


“โต้ง......................มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” มิวทักทายคนรักทันทีเมื่อหันหน้ามาเจอกัน


“ซักครึ่งชั่วโมงได้แล้วมั้ง คืนนี้เรานอนค้างบ้านมิวด้วยนะ ขอแม่ไว้แล้ว พรุ่งนี้จะได้ออกไปพร้อมกันเลยไง”
โต้งพูดจบก็เดินรี่เข้าไปสวมกอดมิวทันที นักร้องหนุ่มกอดคืนโต้งเช่นกัน จากนั้นก็จูงมือกันลงมาทานข้าวเย็นที่ป้าอรเตรียมไว้แล้ว

...........
...........

“ห้าวันได้แล้วเนี่ย ไม่เจอหน้ากันเลย มิวซ้อมเพลงเลิกดึกทุกวัน แล้วพรุ่งนี้จะสอบได้หรอ” โต้งถามมิวขณะที่ข้าวอยู่ในปาก


“ไม่รู้ดิ ไม่รู้เหมือนกัน คงผ่านมั้ง ช่างเหอะ กินก่อนดีกว่า” มิวตอบแล้วทานต่อไป


“ฉลาดอย่างมิวอะ ผ่านอยู่แล้วล่ะ ของเราอะดิ ไม่มั่นใจเลยซักนิด” โต้งเองก็กังวลเช่นกัน


“ไว้พรุ่งนี้ก็รู้เองล่ะน่า จริงดิ โต้ง..............................เรามีอะไรจะขอให้โต้งช่วยหน่อยได้ปะ” มิวมองหน้าคนรักแล้วยิ้มเจื่อนๆให้


“มิวอยากขออะไรเราล่ะ ถ้ามิวขอ เราช่วยทุกอย่างแหละ อย่าขอดาวกับเดือนแล้วกัน” โต้งยิ้มลอยหน้ากวนๆใส่มิว


“แหวะโต้ง เราไม่งี่เง่าอย่างนั้นหรอกน่า แค่อยากให้โต้งเล่นเอ็มวีเพลงกันและกันให้เท่านั้นเอง” สีหน้านักร้องหนุ่มเป็นกังวลหลังจากพูดจบ


“กันและกันหรอ แต่เพลงนี้มัน..............................” ท่าทางโต้งไม่ค่อยพอใจ


“เรารู้ เพลงนี้เราตั้งใจแต่งให้โต้ง แต่ว่า นักข่าวคนนั้นมีรูปเรากับโต้งที่โรงแรม ก็เลยคิดว่า ถ้าถ่ายเอ็มวีแล้วให้โต้งเล่น น่าจะแก้ปัญหาได้”


“ความคิดนายบีอะดิ เอาเถอะ ถ่ายก็ถ่าย งั้นมิวเล่นเป็นนางเอกได้ปะ” สีหน้าโต้งเปลี่ยนจากหงุดหงิดเล้กน้อยเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที


“บ้าหรอ ใครจะยอมให้เล่นล่ะ คุณบีเค้าจะคัดตัวนางเอกมาเอง เราแค่ร้องเฉยๆ”


“เอาอย่างงั้นก็ได้ ก็ดีเหมือนกัน ทำเพื่อเพลงของเรา” โต้งยิ้มตาหวานสะท้อนนัยน์ตาสีน้ำตาลให้มิวอีกครั้ง


“ขอบคุณนะ” มิวยิ้มให้โต้งด้วยแววตาหวานสะท้อนแววตาสีน้ำเงินคืนให้โต้งเช่นกัน จากนั้นทั้งคู่ก็ทานข้าวต่อแล้วขึ้นไปดูหนังสือเตรียมสอบ




.....




.....




.....





ผ่านพ้นการสอบไปอย่างทุลักทุเล บรรดาออกัสต์รุ่นม.หกดูเหมือนว่า นอกจากแวนแล้ว ไม่มีใครมั่นใจเอาซะเลย

เย็นวันจันทร์หลังจากเลิกเรียน มิวและเพื่อนๆรวมทั้งรุ่นน้องต่างพากันไปหาพี่อ๊อดที่ออฟฟิศ เพราะวันนี้พี่แกจะชี้แจงเรื่องเอ็มวี


“สรุปว่า เราจะเริ่มถ่ายทำเอ็มวีกันวันเสาร์นี้เลยนะ จะได้เสร็จทันวางแผงอัลบั้มของพวกเราไงล่ะ” พี่อ๊อดเริ่มเล่าให้ฟัง


“แล้วได้นางเอกแล้วเหรอครับ” นักร้องนำถามพี่อีอด ท่าทางมิวจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ


“อืมมม ใช่ เห็นคุณบีบอกว่าอยู่ม.หกเหมือนกับพวกเรานี่แหละมิว รู้สึกจะชื่อ อะไรนะ ของกินซักอย่างเนี่ยแหละ
คลับคล้ายคลับคลา ....... พี่ลืมไปแล้วอะ ไว้ค่อยถามมาให้อีกทีนะ” พี่อ๊อดตอบออกไป


“ครับพี่” มิวตอบรับ แต่ในใจกลับนึกถึงชื่อเพื่อนผู้หญิงคนนึงขึ้นมาได้
“คงไม่บังเอิญขนาดนั้นมั้ง” นักร้องหนุ่มบ่นออกมาเบาๆ พอแค่ตนเองได้ยินคนเดียว


เสร็จการซ้อม นักร้องหนุ่มขอลากลับบ้านตามลำพัง พึ่งจะสามทุ่มแต่มิวมีธุระบางอย่างที่ต้องไปทำ
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลังจากที่รับโทรศัพท์เมื่อช่วงค่ำ ปฏิกิริยาของมิวก็เปลี่ยนไป


“สวัสดีครับลุงหมอ” นักร้องหนุ่มนึกถึงโทรศัพท์ที่ตนรับสายเมื่อช่วงค่ำ


“มิวเหรอลูก คือลุงหมอจะโทรมาบอกว่า เรากำหนดวันผ่าตัดได้แล้วนะ อาทิตย์หน้านี้เลย ว่าแต่เรื่องที่ลุงบอกว่าไงล่ะลูก”


“เอ่อ...............ผมโทรคุยกับป๊าไว้แล้วครับ เดี๋ยวนัดวันมาเซ็นใบอนุญาตได้เลยครับ” มิวโกหกลุงหมอ


“งั้นก็ดีเลย วันเสาร์นี้มิวให้พ่อมาเซ็นชื่อที่โรงพยาบาลนะลูก ลุงจะนัดสุนีย์ไว้”


“อย่าให้โต้งรู้นะครับ วันนั้นโต้งมีงาน ผมจะแอบชิ่งไปโรงพยาบาลก่อน”


“งั้นก็ได้ มิวอย่าลืมนัดแนะกับสุนีย์ล่ะ แค่นี้ก่อนนะ ลุงมีคนไข้”


“ครับลุงหมอ สวัสดีครับ” นักร้องหนุ่มวางสายด้วยสีหน้าไม่สบายใจเท่าไหร่


ตื่นจากภวังค์ รถแท็กซี่ก็พานักร้องนำวงออกัสต์กลับถึงบ้านแล้ว มิวลงจากรถแล้วเดินเข้า
บ้านอย่างเหม่อลอย สองเท้านำร่างโปร่งไปนั่งที่หน้าเปียโน ด้วยความกลุ้มใจที่ไม่กล้าคุยกับป๊า
มิวจึงบรรเลงเปียโนเพลงดาราเพื่อระบายความรู้สึกอึดอัดในใจ เมื่อจบเพลงก็โทรศัพท์เข้ามือถือของสุนีย์.....


“ให้มันเป็นเพลง บนทางเดินเคียง ที่จะมีเพียงเสียงเธอกับฉัน....” เสียงโทรศัพท์มือถือของโต้งดังขึ้น
ในช่วงย็นวันอังคาร หลังจากเรียนพิเศษเสร็จแล้ว


“ว่าไงมิว” ชายหนุ่มรับสายโดยไม่ต้องดูชื่อผู้ที่โทรเข้า


“ว่างปะ มีอะไรจะบอก” เสียงนุ่มๆของนักร้องหนุ่มดังลอดผ่านโทรศัพท์มือถือออกมา


“ได้ดิ ที่ไหนล่ะ” โต้งตอบผ่านโทรศัพท์หลังจากมาหยุดยืนอยู่หน้าร้านหนังสือการ์ตูน


“ตอนนี้โต้งอยู่แถวสยามปะ เราอยู่หน้าร้านดังกิ้นเนี่ย”


“งั้นเดี๋ยวเจอกันที่ร้านเดิมแล้วกัน อยากกินโดนัทแกล้มไอติมพอดีเลย”


“กินเก่งระวังอ้วนนะ หมดหล่อแล้วเราไม่สนด้วย” น้ำเสียงยั่วโมโหเล็กน้อย


“ไม่มีซะหรอก ต่อให้เราขี้เหร่กว่านี้ มิวก็รักเราอยู่แล้ว” น้ำเสียงยียวนกลับไปบ้าง


“งั้นแค่นี้นะ แล้วเจอกัน”


“คร้าบบบบบ”


ที่ร้านประจำของทั้งคู่ โต้งสั่งไอศกรีมถ้วยใหญ่มาทานร่วมกับโดนัทที่มิวซื้อมา เย็นนี้ร้านเงียบผิดสังเกต
คงเพราะมีกิจกรรมที่ลานเซนเตอร์พ้อยต์ ทำให้วัยรุ่นมากมายไปรวมกันอยู่ที่นั่น มิวกับโต้งจึงมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น


“ไหนว่ามีเรื่องจะบอกไง เห็นกินเอากินเอา ไม่เล่าอะไรซักที” โต้งที่กินไม่ทันเริ่มตัดพ้อ


“ก็คราวนี้เราหิวจริงๆนี่ ทุกทีโต้งแย่งกินหมด ครั้งนี้ขอแล้วกัน” นักร้องหนุ่มยิ้มกวนๆแบบที่โต้งชอบทำ


“โห...........เอาจริงหรอเนี่ย ก็ได้ ยอมให้มิวก็ได้” โต้งหยิบช้อนของตนตักไอศกรีมไปจ่อที่ปากมิว
แต่นักร้องหนุ่มไม่ทันระวัง ไอศกรีมก็เลยเลอะขอบปากกับจมูกไปทั่ว


“อะไรอะโต้ง ดุดิ เลอะหมดเลย” มิวบ่นเล็กๆ รอฟังเสียงโต้งอ้อนขอโทษ
แต่ชายหนุ่มเหลือบมองไปรอบร้าน หันซ้ายหันขวาไม่เห็นคนอื่นจึงกระ หยิ่มใจขึ้นมา


“ขอโทษอะมิว เดี๋ยวเราเช็ดให้นะ” โต้งไม่ได้หยิบผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษทิชชู่ แต่ใช้นิ้วชี้
ของตนปาดไอศกรีมที่เลอะรอบริมฝีปากของนักร้องหนุ่ม แล้วไปจ่อใกล้ๆกับปากสีชมพูอิ่มของมิว
นักร้องหนุ่มเหลียวมองรอบข้างบ้างเหมือนกัน มองดวงตาสีน้ำตาลของคนตรงข้ามที่ยิ้มเยิ้มอยู่ก็เข้าใจ
ก่อนจะคว้านิ้วที่มีไอศกรีมนั้นมาเข้าปากและดูดเบาๆ ทำเอาหน้าของโต้งที่กำลังเยิ้มเขินแดงขึ้นมาทีเดียว


“จั๊กจี๋อะมิว ไม่เอาแล้ว ไม่เล่นดีกว่า” โต้งถอนนิ้วออกมาแล้วเอาทิชชู่เช็ดปากมิวซักที


“แน่ะ ก็โต้งเริ่มก่อนเองนี่นา เจ้าเล่ห์นักนะ แกล้งกันชัดๆ” น้ำเสียงเคืองอยู่บ้าง


“เราไม่ได้แกล้งมิวซักหน่อย ตั้งใจจะป้อนจริงๆต่างหาก แต่พลาดซะก่อน” น้ำเสียงงอนง้อ


“เหรอคร้าบบบบ ก็ได้ ขอบคุณนะ ป้อนใหม่ดิ ให้โอกาสแก้ตัว” แววตาประกายเห็นได้ชัด


“อะ ที่แท้ก็อยากให้เราป้อนเหมือนกันนี่มิว บอกแต่แรกก็ป้อนให้ดีๆนานแล้วล่ะ” พูดจบก็ตักไอศกรีม
ป้อนมิวอีกครั้ง คราวนี้คนป้อนก็บรรจงป้อน คนรับก็อ้าปากรออย่างมีความสุข


“อร่อยปะ” โต้งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


“เป็นไอศกรีมที่หวานที่สุดเลยล่ะ เดี๋ยวเราป้อนให้โต้งบ้างนะ” นักร้องหนุ่มมองหน้าโต้งที่กำลังหลับตา
และอ้าปากคอยอยู่แล้ว มิวจึงแกล้งหยิบโดนัทชิ้นโตยัดเข้าปากของโต้งแทน


“อะ แกล้งกันนี่มิว แน่ะ ยังหัวเราะอีก อย่างนี้ต้องเอาคืน” โต้งหยิบโดนัทครึ่งชิ้นในปาก
พยายามเอาใส่ปากของมิวบ้างเป็นการเอาคืน


“ไม่เอาอะโต้ง ไม่เล่นแล้ว เราขอโทษก็ได้ อะ ไม่เอา อย่าดิ บอกว่าอย่าไง อะ ยอมก็ได้”
สุดท้ายโดนัทอีกครึ่งชิ้นนั้นก็เข้ามาอยู่ในปากนักร้องหนุ่ม สมใจโต้งที่นั่งหัวเราะอยู่อย่างผู้มีชัย


“ตกลงว่ามิวมีอะไรจะบอกเราหรอ” โต้งเริ่มเอ่ยปากถามหลังจากหยุดแกล้งกันแล้ว


“ก็กำหนดวันถ่ายเอ็มวีอะดิ วันเสาร์นี้แล้วนะ คุณบีให้เรามาบอกโต้ง ฝากให้ดูแลกันดีๆ”


“เสาร์นี้แล้วเหรอเนี่ย ก็เหลืออีกสามวันกับอีกสี่คืนอะดิ ว่าแต่ ใครเล่นเป็นนางเอกล่ะ”


“ไม่รู้เหมือนกัน พี่อ๊อดยังไม่ได้บอก ถามคุณบี คุณบีก็ยังไม่พูด บอกแต่ว่าเป็นเด็กใหม่ที่แคสต์ผ่านน่ะ”


“เสียดายจังที่ยังไม่รู้ เผื่อจะเคยเจอกันแถวสยามฯไง แต่ไม่เป็นไรหรอก ทำเพื่อเพลงของเรา ยังไงก็ได้”


“ทำเป็นพูดหวาน อย่าไปหวานในเอ็มวีนักล่ะ” น้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย


“ที่แท้ก็แอบหึงหวงนี่เอง ฮ่าฮ่าฮ่า ไหนมิวเคยว่าไม่หึงเราไง” โต้งถามไปยิ้มไปอย่างพอใจ


“ก็ใครมันจะทำใจได้ง่ายๆล่ะ อะนะ เราเชื่อใจโต้งเสมอแหละ แต่ถ้ามันบาดตานักก็คงมีบ้าง”


“ขอบคุณนะ” โต้งขอบคุณด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม


“ขอบคุณทำไมล่ะ” มิวแกล้งถามหน้างงงง


“ขอบคุณที่มิวหึงเราไง มันทำให้เรารู้สึกภูมิใจเลยล่ะ ขอบคุณนะ” โต้งส่งยิ้มอบอุ่นมาให้มิว


“บ้า ............... เรื่องแค่นี้ต้องขอบคุณกันด้วย คนอื่นเขินกันพอดีอะดิ ไม่เอาแล้ว ไม่พูดดีกว่า”


“ว่าแต่..................มิวนัดเรามาบอกแค่เรื่องนี้อะเหรอ” โต้งถามต่ออย่างสงสัย


“เปล่า บอกแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวแหละ” มิวตอบสีหน้าเรียบเฉย


“ไม่มั้ง ถามจริง นัดเรามาเนี่ย ไม่มีเหตุผลอื่นเลยหรอ” สีหน้าคาดหวังคำตอบบางอย่าง


“ก็อยากเห็นหน้าโต้งไง คงต้องซ้อมหนักแล้วคุยเรื่องอัลบั้มอีกหลายวันน่ะ ก็เลย................”
มิวหยุดคำพูดไว้แค่นั้น ดวงตาสีน้ำเงินของมิวสะท้อนไปที่นัยน์ตาสีน้ำตาลของโต้ง ตาสองคู่ประสานกัน
ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาอีก ทั้งคู่จ้องกันอยู่อย่างนั้น ความห่วงหาอาทรสะท้อนให้กันและกันอย่างอบอุ่น
มือทั้งสองคู่ประสานกันอยู่กลางโต๊ะที่บัดนี้ไอศกรีมไม่เหลือแล้ว เหลือเพียงมือของคนใส่นาฬิกาสีเขียวและดำ
เท่านั้น มือประสานมือ ตาประสานตา และใจประสานใจ ทำให้กันและกันของทั้งคู่เหนียวแน่นยิ่งขึ้น


“เราไปส่งมิวที่บ้านนะ” โต้งเอ่ยปากขอร้อง


“อือ...................” มิวเรียกพนักงานมาเก็บค่าไอศกรีม จากนั้นก็เรียกรถกลับบ้าน


โต้งกลับไปแล้ว มิวเหลือบดูนาฬิกาลูกตุ้มเรือนเก่าของอากง ทุ่มนึงแล้ว นักร้องหนุ่มคิดในใจ
“ป่านนี้ป๊าคงกลับเข้าบ้านแล้วมั้ง” คิดในใจแล้วก็กดโทรศัพท์หาพ่อของตน




.....






.....







ด้วยมือที่สั่นเทา ด้วยใจที่เต้นระส่ำ นักร้องหนุ่มกดหมายเลขโทรศัพท์ไปยังปลายทางที่
ระยอง ที่ซึ่งครอบครัวของตนอยู่ที่นั่น ป๊า แม่ น้องมายด์ รวมทั้งญาติคนอื่นๆที่มิวแทบไม่เคยพบหน้า



“โทรมาซะมืดค่ำ มีอะไรรึเปล่า” น้ำเสียงของป๊าหงุดหงิดเพราะพึ่งจะได้เลิกงาน


“เปล่าครับป๊า คือมิวแค่......................” น้ำเสียงสั่นเทิ้มเพราะความไม่กล้า


“ถ้าเปล่าแล้วโทรมารบกวนทำไมล่ะ แค่นี้นะ ป๊าเหนื่อย” พูดจบ ปลายสายจากระยองก็วางหู
ทันที ทิ้งให้คนโทรหายืนนิ่งอย่างอ้างว้าง ผิดหวัง และเสียใจ


“นี่แปลว่าป๊าไม่คิดจะใส่ใจเราเลยใช่มั้ยเนี่ย” มิวบ่นเสียงเบาๆ ก่อนที่น้ำตาจะรินออกมาอย่างช้าๆ ผ่าน
นัยน์ตาสีน้ำเงิน นักร้องนำวงออกัสต์ปาดคราบน้ำตานั้นทิ้งไป แล้วกดโทรศัพท์อีกครั้ง


“ฮัลโหล มิวเหรอลูก” เสียงผู้หญิงรับสาย คราวนี้เป็นแม่ของมิวเอง


“แม่เหรอครับ ป๊าไม่อยู่แล้วหรอ” น้ำเสียงยังคงมีร่องรอยความสะอื้นอยู่บ้าง


“อีขึ้นเหล่าเต๊งนอนหลับไปแล้วล่ะ มิวมีอะไรรึเปล่าลูก” น้ำเสียงของแม่แสดงความห่วงใย


“คือว่า................................คือ..............................” มิวยังคงอ้ำอึ้งไม่กล้าบอกออกไป


“ว่าไงจ๊ะ” น้ำเสียงอ่อนโยนของผู้เป็นมารดา ทำให้มิวใจชื้นขึ้นมาบ้าง


“คือว่า แม่........เอ่อ.............แม่ครับ..............อาทิตย์นี้มิวต้องเข้าผ่าตัดครับ” ในที่สุดก็พูดออกไป


“หา..........ว่าไงนะ” น้ำเสียงตื่นตกใจอย่างมากของแม่ ทำเอาคนโทรหาใจระส่ำไม่แพ้กัน


“ว่าใหม่อีกทีซิมิว ใคร ใครผ่าตัดอะไร”


“มิวเองแม่ มิวจะผ่าตัดวันอาทิตย์นี้แล้ว”


“แล้วเราเป็นอะไร ทำไมต้องผ่าตัดด้วยล่ะ เล่ามาให้แม่ฟังซิ”


“คือว่า.............................มิวยังไม่พร้อมจะเล่ารายละเอียดให้ฟังนะแม่ แต่ว่า แม่เข้ากรุงเทพฯมาเซ็นใบ
ยินยอมให้มิวหน่อยได้ปะ” น้ำเสียงขอร้องอ้อนวอนของมิวทำเอาแม่ตัดสินใจไม่ถูก


“แต่เรื่องแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะ ยังไงเราปรึกษาป๊าก่อนดีมั้ย”


“ป๊าคงไม่ยอมง่ายๆหรอกครับ แต่มิวมีความจำเป็นต้องผ่าตัดจริงๆนะ”


“เอางี้ ............................ ไว้แม่คุยกับป๊าเรา แล้วจะโทรไปหาอีกทีแล้วกัน ผ่าอะไรกัน ต้องเซ็นชื่อด้วย
แปลว่าไม่ใช่ผ่าธรรมดาใช่มะ ก็เห็นป๊าเค้าว่าอาทิตย์ก่อนที่แวะไปเยี่ยมยังเห็นแข็งแรงดีนี่นา”


“มิวไม่ได้ป่วยเป็นอะไรครับ แต่มิวอยากช่วยชีวิตอีกคนนึง นะครับแม่ แม่อนุญาตมิวนะ”


“ไว้แม่จะโทรไปแล้วกัน แค่นี้นะลูก มืดแล้ว ที่นี่ยังหนาวอยู่เลย ที่นู่นคงหนาวเหมือนกัน
ดูแลตัวเองดีๆนะ” น้ำเสียงของแม่ยังคงห่วงใย


“ครับ งั้นแค่นี้นะ สวัสดีครับ”


วางสายโทรศัพท์จากแม่แล้ว สีหน้าของมิวเริ่มดีขึ้น นักร้องหนุ่มเข้าไปลาป้าอรที่
ทำงานอยู่ในครัว ก่อนจะขึ้นข้างบนเพื่อทำธุระส่วนตัวและพักผ่อนซักที
.................
.................
แต่ละวันของนักร้องหนุ่มผ่านไปด้วยใจที่ไม่ค่อยจะสงบนัก ซ้อมร้องเพลงแต่ละครั้ง ก็
ออกมาไม่ได้ดังใจคาดหวังของเพื่อนๆและทีมงานในค่าย มิวใจจดใจจ่อรอโทรศัพท์จากแม่อยู่หลายวัน
จนในที่สุด แม่ก็โทรเข้ามาหาบอกว่าบ่ายวันเสาร์จะพาป๊าและน้องมายด์มาเยี่ยมถึงกรุงเทพฯ ข่าวที่ได้รับ
ทำให้นักร้องนำวงออกัสต์ทั้งตื่นเต้นและตื่นกลัวไม่น้อย





.....





.....





.....





“ให้มันเป็นเพลง บนทางเดินเคียง ที่จะมีเพียงเสียงเธอกับฉัน” เสียงโทรศัพท์มือถือของโต้งดังขึ้น
ในบ่ายวันศุกร์หลังเลิกเรียน ชายหนุ่มคว้ามือถือขึ้นมาตอบรับปลายสายทันที


“ว่าไงมิว” เสียงของโต้งพูดออกมาด้วยประโยคที่คุ้นเคย


“คืนนี้โต้งมานอนค้างบ้านเราได้ปะ พรุ่งนี้เช้าจะได้ตื่นแต่เช้าแล้วออกมาพร้อมกันเลย”


“ได้สิ แต่ว่าเรายังไม่ได้บอกแม่เลยนะ ว่าจะถ่ายเอ็มวีน่ะ” น้ำเสียงของชายหนุ่มมีความวิตกซ่อนอยู่บ้าง


“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เราโทรบอกน้านีย์ตั้งหลายวันแล้ว
แล้วก็ขออนุญาตให้โต้งมานอนค้างที่นี่เรียบร้อยแล้วด้วย” น้ำเสียงของมิวกระหยิ่มยินดี


“จริงดิ ก็ได้ งั้นเดี๋ยวเราแวะกลับบ้าน แล้วไปหาเลยนะ”
โต้งตอบรับแล้วเก็บกระเป๋านักเรียน จากนั้นก็เดินเรียกรถกลับบ้านของตน


“จะรีบไปไหนวะโต้ง” เสียงของเพื่อนสนิทดังเข้าหูให้ได้ยิน


“กลับบ้านก่อนโว้ย พรุ่งนี้กรูมีธุระแต่เช้ามืด ไปแดรกชาบ้านมรึงไม่ได้” โต้งบอกเพื่อน


“สุนีย์มารับแล้วเหรอวะ” เสียงกวนโอ๊ยของแหวดังขึ้นอีกคน


“ไร้สาระไม่หายนะมรึง วันนี้กรูกลับบ้านเองโว้ย”


“ก็ไอ้แหวมันแดรกขี้เป็นอาหาร ก็เลยปากหมาแบบนี้แหละ แต่ไอ้โต้ง
วันนี้พวกกรูไม่ได้จะไปแดรกชาบ้านไอ้เอิร์ธมัน แค่จะไปกินข้าวเฉยๆ
เพราะพรุ่งนี้มันต้องพาหวานใจมันไปทำงาน” เจ๋งเข้าร่วมการสนทนาอีกคน


“หวานใจคนไหนวะ เฮ้ย!! จริงดิ ไม่ค่อยได้คุยกันหลายวัน มัวแต่อ่านหนังสือสอบ
ตกลงเค้าตกปากรับคำเป็นแฟนกับมรึงแล้วเหรอวะ” โต้งถามเอิร์ธด้วยความดีใจ


“ก็ยังหรอก เค้ายังคงแคร์มรึงอยู่ แต่ก็บอกว่าจะพยายามตัดใจให้หมด
เหมือนอย่างที่หญิงเค้าตัดใจจากแฟนมรึงอะแหละ กรูยังต้องพยายามต่อไป”


“อือ.........สู้ๆนะเว้ย มรึงเป็นคนดี เป็นเพื่อนที่ดี กรูเชื่อว่าซักวันโดนัทจะใจอ่อน” โต้งให้กำลังใจเพื่อน


“ใจเว้ย...............แวะไปกินข้าวกับกรูก่อนปะ คืนนี้งดชา พรุ่งนี้ต้องไปรับโดนัทแต่เช้า”


“ไหนเหรอวะ” โต้งถามอย่างสงสัย


“ไม่รู้ดิ เค้าไม่ได้บอก บอกแค่ให้ไปรับแต่เช้ามืด จะไปทำงานแถวถนนเพชรบุรี
ใกล้ๆกับโรงแรมที่พวกเราไปช่วยมิวนั่นแหละ”


“งานอะไรเหรอวะ” โต้งยังสงสัยไม่เลิก


“กรูว่าแล้วว่ามรึงต้องไม่รู้ ตั้งแต่ก่อนคริสต์มาสแล้วเว้ย ที่โดนัทไปแอบเข้าสังกัดโมเดลลิ่ง
สวยเลือกได้แบบนั้น ก็ต้องอยากเป็นนางแบบอยู่แล้ว โดนัทบอกกรูว่าเค้าอยากจะบอกมรึงแต่เชี่ยเอ๊ย!!
มรึงไม่ค่อยใส่ใจเค้าเลย สุดท้าย ก็เลยไม่ได้บอกมรึงไงล่ะ” เอิร์ธเคลียร์ข้อสงสัยให้โต้ง


“เข้าใจแล้ว ตอนนี้กรูคงเชี่ยกับเค้ามากสินะ” โต้งพูดอย่างไม่สบายใจ


“มันไม่ใช่ความผิดของมรึงหรอกโว้ย ก็มรึงไม่ได้รักเค้า ยังไงซะ ตอนนี้ไอ้เอิร์ธมันก็ทำคะแนนอยู่
แล้วท่าทางจะไปได้สวยกว่ามรึงซะด้วย” เจ๋งปลอบใจเพื่อนโต้ง และให้กำลังใจเอิร์ธไปในตัว
............
............
โต้งกลับเข้าบ้านเพื่อเก็บสัมภาระไปบ้านมิว นอกจากเสื้อผ้าไม่กี่ชุดแล้ว
ชายหนุ่มยังหยิบหนังสือการ์ตูนเล่มโปรดไปด้วย จากนั้นก็เดินลงมาที่ชั้นล่าง
เห็นกรกำลังเตรียมตัวเข้านอน ในขณะที่สุนีย์ก็นั่งตรวจรายงานของนิสิตอยู่ที่โต๊ะกินข้าว


“ไงจ๊ะ พระเอกมิวสิควิดีโอ ตั้งใจทำงานนะลูก หาประสบการณ์ให้ตัวเอง”


“ฮะแม่ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเสร็จดึกรึเปล่าสิครับ ถ้ายังไง โต้งขออนุญาตนอนค้างบ้านมิวอีกคืนนึงนะ”


“ยังไงก็โทรมาบอกก่อนแล้วกัน แม่จะได้ไม่ต้องห่วง จะรีบไปไม่ใช่หรอ ไปเถอะ
เดี๋ยวถึงบ้านมิวดึก” สุนีย์แกล้งตอบโต้งไปอย่างนั้นเอง ทั้งๆที่ในใจก็รู้อยู่ว่า คืนพรุ่งนี้ ทั้งมิว และกร
รวมทั้งสุนีย์เองจะต้องไปนอนที่โรงพยาบาลอย่างแน่นอน แต่เพราะรับปากมิวว่าจะไม่ให้โต้งรู้เรื่อง
ก่อนจะผ่าตัดเสร็จ ทำให้คนเป็นแม่ต้องจำใจปิดบังความจริงกับลูกชายที่รักของตน




Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 5 มีนาคม 2553 14:59:12 น.
Counter : 492 Pageviews.

2 comments
  
ขอบคุณครับ
โดย: AyoiMak IP: 158.108.86.147 วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:19:04 น.
  
สนุกดี
พรุ่งนี้โต้งไปถ่าย MV เจอโดนัทอีกแล้ว
เบื่อยายโดนัทจิงๆ
มิวเป็นคนดีจริงๆเลย
โดย: minmin IP: 180.180.106.101 วันที่: 2 มีนาคม 2553 เวลา:14:13:31 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Niramitr
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



สาวก"รักแห่งสยาม"

New Comments