All Blog
ตอนที่ 17 +++ ความในใจที่ไม่กล้าบอกใคร +++




+++ต่อเรื่อง+++






“แล้วมิวตัดสินใจจะทำยังไงต่อไปล่ะลูก” กรถามมิวหลังจากที่ฟังมิวเล่าจบ

“ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ อาจจะไปอยู่ระยองกับป๊าซักพัก” นักร้องหนุ่มตอบ

“แล้วเรื่องเรียนต่อล่ะ ได้ยินว่ามิวสอบโควตาได้แล้วไม่ใช่เหรอลูก” ลุงหมอถามบ้าง

“ยังไม่รู้เหมือนกันครับ มิวว่าจะหาโอกาสคุยกับป๊าอีกที”

“เห็นน้านีย์บอกว่า พักนี้เจ้าโต้งมันขยันมากเลยนะ พยายามจะเข้าที่เดียวกับมิวให้ได้”

“เหรอครับน้ากร ถ้าได้อย่างนั้นคงวิเศษไปเลย แต่ว่า.......” สีหน้านักร้องหนุ่มสลดลง

“น้าว่า เราคงต้องคุยกับป๊าของมิวแล้วแหละ ค่อยๆอธิบายให้เค้าเข้าใจ” กรบอก

“มันจะได้ผลเหรอครับ ป๊าของผมน่ะ....”

“คนเป็นพ่อเป็นแม่นะมิว ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความสุขของลูกหรอก เชื่อน้าสิ
ซักวันป๊าของมิวจะต้องเข้าใจ และยอมรับในสิ่งที่มิวเป็น สิ่งที่มิวรัก” กรบอกมิวอย่างมั่นใจ

“เหมือนน้ากร กับน้านีย์”

“ใช่มิว เหมือนกับน้าสองคน เมื่อก่อนน้านีย์อาจจะคิดไปอีกอย่าง หวังอีกอย่าง แต่เอา
เข้าจริง ถ้าทำให้โต้งมีความสุข พวกน้ายอมทุกอย่าง แล้วมันก็ได้ผล น้าได้โต้งคนเดิม
กลับมา แล้วยังได้มิวมาเป็นลูกรักของน้าอีกคน มิวรู้มั้ย ตั้งแต่เกิดเรื่องแตง มิวเป็นสิ่ง
วิเศษสุดที่เกิดขึ้นกับครอบครัวน้า มิวให้ชีวิตใหม่แก่ครอบครัวของน้า แล้วมันมีค่ามาก”
นักร้องหนุ่มโผเข้าซบร่างผู้ป่วยที่นอนพักฟื้นอยู่บนเตียง น้ำตาไหลอาบสองแก้ม

“โอ๊ย.......” กรบ่นเจ็บ

“ขอโทษครับน้ากร” นักร้องหนุ่มรีบเขยิบตัวหนีออกมา กลัวทำให้แผลของกรอักเสบ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้น

“มากันแล้ว รีบเช็ดน้ำตาเร็วเข้า เดี๋ยวโต้งสงสัย” ลุงหมอบอกทั้งกรและมิว ที่มี
คราบน้ำตาอาบแก้มทั้งคู่ พอดีกับจังหวะที่สุนีย์และโต้งเข้ามาพอดี

“อ้าวมิว มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย แล้วทำไมไม่โทรหากันบ้างเลย” โต้งถามเชิงบ่น

“ก็.............เอาน่า เราอยู่นี่แล้วไง ไม่เจอกันหลายวัน พอเจอก็บ่นซะแล้ว” มิวพ้อ

“ก็คนมันคิดถึงนี่ ขอโทษก็ได้”

“ไม่ต้องหรอก มิวดีใจนะ ที่โต้งคิดถึงมิว ไปเหอะ ไปคุยกันข้างนอก” แล้วมิวก็จูงมือโต้ง
ออกไปคุยกันนอกห้องพัก ทิ้งให้ผู้ใหญ่คุยกันตามประสา



“ไปอยู่ระยองหลายวัน มิวเป็นไงบ้าง” โต้งถามมิว เมื่อทั้งคู่มานั่งตรงเก้าอี้ยาวเรียบร้อยแล้ว

“ก็ดี เล่นทะเล หนุกดี” นักร้องหนุ่มตอบ

“ไม่ได้เจอหน้ากัน ไม่เหงาบ้างหรอ” โต้งยังคงถามต่อไป

“เหงาจนน่ากลัว” มิวตอบสั้นๆ

“แล้วมันเป็นไง เหงาจนน่ากลัว” โต้งกระตือรือร้นถาม

“ก็โต้งลองนึกถึงหน้าป๊าเราดิ แล้วพยายามเกลี้ยกล่อมให้เราไปเรียนที่โน่น”

“แล้วมิวตอบป๊ามิวไปยังไงล่ะ”

“ไม่ได้ตอบอะไร แค่เห็นหน้าป๊าเราก็กลัวแล้ว แม่เราก็ไม่ได้ว่าไงด้วย เจอเรื่องนี้เข้า
ยิ่งทำให้เราคิดถึงอาม่ามากขึ้น” มิวแต่งเรื่องตอบโต้ง ซึ่งไม่ต่างจากเรื่องจริงมากนัก
นั่นเพราะลึกๆแล้ว มิวก็ไม่อยากโกหกโต้ง อีกทั้งคิดตามที่น้ากรบอก ว่าตนควรแบ่ง
ปันเรื่องให้คนที่ตนรักร่วมแก้ไขและฝ่าฟันไปด้วยกัน นักร้องหนุ่มจึงยอมเล่าอะไรให้
โต้งร่วมฟังและรับรู้บ้าง ถึงจะไม่ทั้งหมดก็ตาม

“อย่ายอมเชียวนะมิว ยังไงเราก็ไม่ยอมจากกับมิวอีกแล้ว” ชายหนุ่มตอบอย่างรวดเร็ว
แต่พอหันไปเห็นแววตาสีน้ำเงินของมิวที่สะท้อนความคิดถึงอาม่าก็อดสงสารไม่ได้

ในใจของนักร้องนำวงออกัสต์ตอนนี้กำลังสับสนและคิดสลับไปสลับมาทั้งเรื่องอาม่า เรื่อง
ข้อตกลงกับป๊า และเรื่องโต้ง แววตาสีน้ำเงินสะท้อนความหม่นหมอง เศร้าและโหยหาออกมา
จนเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลที่นั่งอยู่ข้างๆสังเกตได้ และรู้สึกสงสารจับใจ โต้งนั้นไม่รู้ ว่ามิว
เก็บเรื่องอะไรไว้ในใจ แต่ก็สัมผัสได้ถึงความเหงาที่เชี่ยใส่มิวอยู่ลึกๆ โต้งไม่รู้จะช่วยคนรัก
ที่นั่งข้างๆได้อย่างไร ในเมื่อมิวยังไม่ยอมเล่า สุดท้าย ร่างสูงจึงค่อยๆดึงร่างโปร่งของมิวที่อยู่
ทางขวามือของตนมาอิงบ่าเบาๆ แขนขวาประคองกอดร่างที่แนบลำตัว ใบหน้าของนักร้องหนุ่ม
ซบอยู่กับไหล่ขวาของโต้ง น้ำตาค่อยๆไหลรินออกมาจนเปียกเสื้อนักเรียนของโต้งไปหมด

“มิวมีอะไรก็เล่าให้โต้งฟังนะ เราอยู่เคียงข้างมิวเสมอ” ชายหนุ่มปลอบโยนคนรักของตน
ในขณะที่มิวยังคงไม่ยอมเล่าให้โต้งฟัง แต่ในใจก็อบอุ่นขึ้นที่มีคนรักอยู่ข้างกายและตนยัง
คงสามารถที่จะกอดร่างนั้นไว้และฟุบหน้าร้องไห้ได้







เวลาล่วงผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง นักร้องหนุ่มยังคงฟุบหน้าน้ำตาซึมอยู่ที่ไหล่ขวาของโต้ง
ร่างสูงประคองกอดร่างโปร่งที่นั่งอิงบ่าขวาของตนอย่างทะนุถนอมและห่วงใย ถึงแม้ว่าชาย
หนุ่มจะไม่อาจรู้ได้ว่า ความทุกข์ที่ถาโถมหัวใจของคนรักคือเรื่องอะไร แต่โต้งก็แอบดีใจ ที่
อย่างน้อย บ่าของตนยังพอเป็นที่พักพิงให้กับมิวได้


“เธอดูดิ เด็กผู้ชายสองคนนั่งกอดกัน ยังกับคู่รักแน่ะ” เสียงผู้หญิงที่เดินผ่านคุยกับเพื่อน

“อย่าพูดดังไป เด็กผู้ชายสมัยนี้ก็เป็นงี้แหละ ยิ่งหน้าตาดี ยิ่งมักกลายพันธุ์” อีกคนพูดบ้าง

“แต่ดูเหมือนจะร้องไห้ปลอบใจกันมากกว่ามั้ง หรือแกว่าไง อาจจะเป็นญาติกันก็ได้”

“ญาติที่ไหนเค้าอิงแอบกันขนาดนี้ล่ะ เชื่อชั้น เกย์ชัวร์”

เสียงสนทนาแล่นผ่านโสตประสาทของชายหนุ่มผมเกรียน โต้งอึ้งไปบ้างกับสิ่งที่ได้ยิน
พลางนึกถึงสิ่งที่เคยคุยกับสุนีย์ ทำให้ชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้าใจหัวอกแม่ตน
มากขึ้น แล้วกับความรู้สึกของมิวล่ะ อย่างที่คุณบีเคยบอก มิวเป็นนักร้องที่กำลังจะมีชื่อเสียง
แล้วถ้าผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของตนกับมิว แล้วมิวจะทำยังไง หรือเรื่องเหงาที่เชี่ยใส่
มิวจะเป็นเรื่องนี้กันนะ นัยน์ตาสีน้ำตาลทอดมองเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินที่หยุดร้องไห้ไปแล้ว
และกำลังหลับตาอยู่ โต้งอมยิ้มและร้องเพลง”หลับตา”อยู่ในใจ แต่ก็อดต่อว่าตนเองไม่ได้ ว่า
เรื่องทุกข์ใจของตน มิวกลับรับรู้และร่วมต่อสู้ไปกับตนได้เสมอ แต่พอเป็นเรื่องของมิว ตน
กลับทำได้เพียงใช้ไหล่เป็นที่พักให้มิวแค่ชั่วคราวเท่านั้น คิดอย่างนั้นแล้ว โต้งจึงโมโหตัวเอง
เผลอทิ้งน้ำหนักที่มือขวา ข้างที่กำลังกอดเอวของมิวอยู่ทำให้กดถูกชายโครงบริเวณใกล้แผล
ผ่าตัด ทำเอานักร้องหนุ่มสะดุ้งโหยง


“โอ๊ย.....” นักร้องนำวงออกัสต์อุทานเสียงดัง ทำเอาผู้คนที่เดินผ่านหันมามอง

“ขอโทษมิว เจ็บมากปะ เราไม่ได้ตั้งใจ” โต้งรีบขอโทษมิว

“ไม่เป็นไรโต้ง แผลเก่าน่ะ” นักร้องหนุ่มเผลอตอบ

“แผลเก่า มิวไปมีแผลมาตั้งแต่เมื่อไหร่” โต้งแปลกใจสงสัย

“เอ่อ....เล่นน้ำมากจนเอวเคล็ดน่ะโต้ง ไม่มีอะไรหรอก” มิวตอบปัด แล้วแกล้งก้มหน้ามองพื้น

“หรอ .... เอ่อ....มิว” โต้งพยายามจะถามเรื่องของมิวอีก

“ฮึ....” นักร้องหนุ่มตอบสั้นๆ ตายังคงจ้องมองพื้น

“มิวไม่มีอะไรจะเล่าให้เราฟังอีกหรอ เกี่ยวกับเรื่องของมิวน่ะ” โต้งเองก็ก้มมองพื้นเช่นกัน

“ก็........” มิวอ้ำอึ้งไม่ยอมตอบ

“มิวมีอะไรปิดเราอยู่ใช่ปะ” โต้งแกล้งถามลอยๆ แต่ทำเอามิวสะดุ้งเหมือนกัน

“เราไม่อยากโกหกโต้ง ......... อย่าทำหน้าอย่างงั้นดิ” มิวอึ้งเมื่อเห็นแววตาบึ้งสีน้ำตาล

“มิวไม่ไว้ใจเรา ไม่เชื่อใจเรา ไม่........” โต้งโมโหลุกขึ้นยืน จะเดินหนี

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะโต้ง เราแค่........” มิวลุกตามจับแขนโต้งไว้

“มิวมีเรื่องปิดบังเรา ไม่ยอมบอกเรื่องทุกข์ใจของมิวกับเรา เราเป็นแฟนกันนะมิว”

“โต้ง เราขอโทษ ไม่ใช่เราไม่อยากบอกโต้ง แต่ว่า......” สีหน้ามิวเศร้าซึมอย่างเห็นได้ชัด

“ ไม่เป็นไรมิว เราเชื่อว่าซักวันมิวจะพร้อมบอกกับเรา” โต้งกระชับมือมิวมาถือไว้
“สัญญานะ ว่ามิวจะไม่แบกทุกข์ไว้คนเดียว เมื่อมิวพร้อม มิวต้องบอกกับเรานะ”

“โต้ง.....ขอบคุณนะ” น้ำตาแห่งความตื้นตันที่คนรักเข้าใจรินอยู่ข้างแก้มนักร้องหนุ่ม

“หยุดขี้แงได้แล้ว เข้าไปข้างในกันเหอะ ยังไม่ได้คุยกับพ่อเลย”

“อือ.....” แล้วมิวกับโต้งก็เดินจูงมือกันเข้าไปในห้องพักของกร

...................

..................


“จริงๆเหรอเอิร์ธ” เสียงหญิงเอ่ยถามเพื่อนชายที่นัดเจอกันที่ร้านหนังสือ

“จริงๆ จะโกหกไปทำไมเล่า ทั้งเราและพวกไอ้เจ๋งน่ะ ไปเจอมันมาจริงๆ” เอิร์ธบอก

“แล้วทำไมมิวเค้าต้องปิดหญิงด้วยล่ะ”

“เค้าคงกลัวว่าความจะแตกล่ะมั้ง” เจ๋งพูดบ้าง

“ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ดีซะอีก โต้งจะได้รักมิวยิ่งขึ้น” หญิงแสดงความเห็น

“แต่มิวเค้าว่าอะไรนะ ไม่อยากให้เรื่องบุญคุณมาเป็นเงื่อนไขให้โต้งรัก”

“คิดอะไรแปลกๆของเค้าเนี่ย ว่าแต่ ทำไมรู้เรื่องตั้งหลายวันแล้วเพิ่งมาบอกล่ะ”

“ก็ไม่ค่อยว่าง ช่วงนี้ผีเข้า ตั้งใจเรียนเป็นพิเศษ” เอิร์ธบอกหญิง

“ผีอะไรยะ เข้าสิงแล้วจะตั้งใจเรียน” หญิงแขวะเพื่อน

“ผีเด็กเรียนใฝ่ดีมั้ง กลัวจะสอบไม่ได้ไง” เจ๋งตอบขำๆ

“เอาเหอะ แค่คิดจะตั้งใจเรียนก็ดีมากแล้วล่ะ แล้วนี่มีแผนอะไรกันรึยังล่ะ”

“ก็มีแล้ว แต่เอาไว้วันวาเลนไทน์ซะก่อน” เอิร์ธบอก

“ก็วันนั้น โต้งจะเซอร์ไพร้ส์มิวด้วยการร้องเพลงให้ฟังไงล่ะ” หญิงบอก

“แน่แหละ ก็เรื่องนั้นนะ เรากับไอ้เอิร์ธหลอกถามมาจากมิวเอง ว่าอยากได้อะไรจากโต้ง”

“จริงดิเจ๋ง ร้ายกาจเหมือนกันนะเนี่ย มิน่า โต้งถึงคิดเซอร์ไพร้ส์มิว ที่แท้ก็พวกนายนี่เอง”

“ที่จริงเราว่าไอ้โต้งมันก้อยากเซอร์ไพร้สมิวเหมือนกันแหละ แต่เพราะนิสัยเฉื่อยชาของมัน”

“พวกนายก็เลยแอบช่วยยุซะงั้น ก็ดีเหมือนกัน เพราะถ้าหญิงแกล้งไปถามโต้งว่าจะมีอะไร
เซอร์ไพร้ส์มิววันวาเลนไทน์รึเปล่า โต้งก็คงตอบว่า......” หญิงแกล้งหยุดพูดให้เพื่อนต่อ

“ไม่รู้เหมือนกัน” เจ๋งและเอิร์ธตอบพร้อมกัน

“แล้วพวกนายจะบอกโต้งเรื่องตับของมิวปะ” หญิงถาม

“ไม่บอกหรอก เพราะเราสัญญากับมิวไว้แล้ว” เจ๋งพูด

“แต่จะเอาคลิปเสียงของมิวให้ไอ้โต้งดูแทน” เอิร์ธพูดต่อ

“ก็ดี เร็วกินต่อเหอะ จะได้รีบกลับบ้าน ไปดูหนังสือสอบกันได้แล้ว”

“คร้าบบบคุณหญิง ไปเว้ยเอิร์ธ แดรกนมบ้านมรึง ไอ้แหวกับเขาทรายรอนานแล้ว”

“เออ จริงดิ เริ่มจะมืดแล้วด้วย เดี๋ยวไอ้สองตัวนั่นคอยนาน ป่านนี้บ่นหิวข้าวแล้วมั้ง”

“โชคดีนะสองหนุ่ม” หญิงโบกมือลาเพื่อน แล้วไปขึ้นรถกลับบ้าน

................

...............







สองทุ่มแล้ว สุนีย์กับโต้งและมิวออกจากโรงพยาบาลพร้อมกัน นักร้องหนุ่มติดรถของสุนีย์
กลับบ้าน โต้งยังคงน้อยใจมิวอยู่ เรื่องที่มิวปิดบังบางอย่างกับตน ทำให้ไม่ยอมขออนุญาตแม่
ไปนอนค้างที่บ้านมิว มิวเองก็คอยชำเลืองมองไปที่โต้งเป็นระยะ แต่หนุ่มผมเกรียนก็แกล้งทำ
เป็นไม่สนใจ นักร้องนำวงออกัสต์จึงได้แต่ก้มหน้ามองพื้น จนรถเลี้ยวเข้ามาในซอยบ้าน


“ขอบคุณครับน้านีย์” มิวบอกลาสุนีย์เมื่อรถจอดหน้าบ้าน แล้วลงจากรถ

“จะไม่บอกลาโต้งเค้าหน่อยเหรอ” สุนีย์แกล้งถามมิว

“เอ่อ.......คือ.......” มิวอึกอักเล็กน้อย

“รีบกลับบ้านเหอะแม่ เดี๋ยวจะดึก โต้งต้องอ่านหนังสือสอบอีก” เสียงโต้งดังจากเบาะข้างๆ

“งั้นน้าไปก่อนนะมิว ขอบใจมากนะลูก”

“ครับน้านีย์” เสียงนักร้องหนุ่มตอบแผ่วๆ แล้วรถก็เคลื่อนออกไป



บรรยากาศในรถเงียบงันไปพักใหญ่ ระหว่างที่ขับรถอยู่ สุนีย์คอยเหลียวไปมองลูกชาย
เป็นพักๆ โต้งยังคงไม่พูดอะไร ได้แต่มองข้างทางโดยไม่สนใจมองแม่ตนเองเลย


“มีอะไรกันรึเปล่าโต้ง ดูผิดปกติไปนะ” ผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกชายเมื่อขับรถใกล้ถึงบ้าน

“เปล่าแม่ ไม่มีอะไร” โต้งปฏิเสธ

“อย่าปิดแม่เลยน่า บอกมาเหอะ งอนมิวเค้าเรื่องอะไร” สุนีย์ยังถามต่อไป

“ไม่มีอะไรจริงๆแม่” โต้งยังคงยืนกราน

“ก็ถ้าไม่มีอะไรจริง จะมานั่งหน้าบึ้งแบบนี้รึไง อีกอย่าง ถ้าเป็นเมื่อก่อน เราต้องขอแม่
ไปนอนค้างบ้านมิวแล้ว แต่นี่อะไร จู่ๆก็เร่งให้แม่กลับบ้านไวๆ”

“ก็ไม่มีอะไรหรอกแม่ โต้งแค่น้อยใจมิวนิดหน่อยน่ะ”

“น้อยใจเค้าเรื่องอะไรล่ะ” สุนีย์เอ่ยถามโต้ง เมื่อเลี้ยวรถเข้ามาในบ้านแล้ว

“ก็โต้งกับมิวเป็นแฟนกันใช่ปะ เวลาที่โต้งมีเรื่องทุกข์ใจ มิวเค้าจะคอยช่วยปลอบใจโต้ง
หาทางทำให้โต้งสบายใจได้ แต่พอมิวมีเรื่อง มิวกลับเก็บเอาไว้ในใจคนเดียว ทำเหมือน
กับว่า .... มิวเค้าไม่เชื่อใจให้โต้งร่วมฟันฝ่าปัญหาไปกับเค้างั้นแหละ”

“แม่รู้ ว่าโต้งคงน้อยใจมิวมากแน่ๆ แต่บางครั้งโต้งก็ต้องรอให้มิวเค้าพร้อมก่อนนะ”

“โต้งก็รู้ และหวังว่ามิวจะพร้อมบอกับโต้งเร็วๆ แม่ก็รู้ มิวน่ะ ทำอะไรตั้งหลายอย่างเพื่อ
โต้ง แต่โต้งกลับไม่เคยมีโอกาสที่จะทำอะไรเพื่อมิวบ้างเลย”

“แค่ได้รักโต้งและเห็นโต้งมีความสุข มิวเค้าก็พอใจมากแล้วแหละ”

“นั่นก็ใช่ แต่นั่นยิ่งทำให้โต้งรู้สึกแย่ โต้งอยากเป็นที่พึ่งให้กับมิวได้ ไม่ใช่แค่เอาไหล่ให้
มิวเค้าไว้อิงแค่นั้นหรอกนะ มันเจ็บนะแม่ ที่ช่วยอะไรคนที่ตนรักไม่ได้”

“แล้วโต้งคิดว่ามิวไม่เจ็บเหรอ มิวเค้าคงมีเรื่องอยากจะเล่าให้โต้งฟังมากมายเลยล่ะ เชื่อสิ
เค้าคงอยากจะปรับทุกข์และปรึกษาปัญหากับเรามากแน่ๆ แต่ก็คงคิดว่า จะพลอยทำให้เรา
เป็นทุกข์ไปด้วย สำหรับมิวน่ะ เค้าคงอยากจะเห็นรอยยิ้มของเรามากกว่า ถึงอยากจะเล่า
ใจจะขาด แต่ก็กลัวเราไม่มีความสุข ในใจมิวเองก็คงสับสนและอัดอั้นตันใจอยู่เหมือนกัน”

“แล้วแบกปัญหาไว้ลำพังนี่นะแม่ ไม่ยุติธรรมเลย เค้าไม่คิดบ้างรึไงว่าโต้งเองก็.............”

“แม่รู้ แต่เชื่อแม่นะ โต้งต้องมีโอกาสได้ทำอะไรเพื่อมิว เพื่อความรักของเราแน่ๆ แล้วพอ
ถึงตอนนั้น โต้งก็จะภูมิใจที่ได้ทำมัน อย่าลืมสิ ตราบใดมีรักย่อมมีหวัง”

“นี่มันเนื้อร้องในเพลงของมิวนี่แม่ แม่รู้ได้ไงเนี่ย” โต้งถามมารดาอย่างสงสัย

“คนเป็นแม่ก็ควรรู้สิ ว่าลูกชอบดูอะไร ชอบฟังอะไร ที่ผ่านมา แม่ละเลยเรื่องพวกนี้ไปมาก
ขอโทษนะ ไปเหอะ เข้าบ้านได้แล้ว จะได้ทำอะไรให้กิน”

“จริงดิ ลืมไปเลยว่ายังไม่ได้ทานข้าวเย็น แม่เร็วเหอะ โต้งหิวข้าวแล้ว” ไม่ทันขาดคำ
เสียงท้องร้องก็ดังขึ้น ชายหนุ่มรีบเก็บสัมภาระของตนแล้ววิ่งไปเปิดประตูบ้านทันที

..........

..........


“มันไม่ยุติธรรมกับโต้งเค้านะมิว” เสียงของหญิงสาวดังขึ้นในห้องนอนของชายหนุ่มที่กำลัง
เก็บสัมภาระของตนอยู่ ในจังหวะที่เจ้าของห้องหยิบตัวต่อไม้ออกมาจากกระเป๋าพอดี

“แต่เราว่าดีแล้วล่ะหญิง ตอนนี้เราก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ..... โอ๊ย” มิวคลำที่แผลผ่าตัด

“เจ็บแผลอะดิ แล้วยังมาบอกว่าไม่เป็นไรอีก คิดดูสิ ขนาดหญิง มิวยังไม่ยอมบอกเลย”

“ก็......” นักร้องหนุ่มก้มหน้ามองพื้นพลางถอนหายใจลึกๆอย่างเคย

“ไหนมิวเคยบอกว่าหญิงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมิวไง”

“หญิง เราขอโทษ” น้ำเสียงของนักร้องหนุ่มแผ่วๆ เหมือนทุกครั้งที่รู้สึกผิด แล้วลุกเอาตัว
ต่อไม้ไปวางไว้บนลำโพงข้างหัวเตียงเหมือนเดิม

“ที่มิวควรจะขอโทษไม่ใช่หญิง แต่เป็นโต้ง ถ้าโต้งเค้ารู้ว่ามิวทำเพื่อเค้าขนาดนั้น แต่ไม่
ยอมบอกล่ะก็ ได้โกรธมิวนานแน่ๆ” ใบหน้าของหญิงยังคงยิ้มเสมอ

“ก็อยากจะบอกอยู่หรอกนะ แต่เรื่องมันไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิหญิง” มิวหันกลับมาคุยต่อแล้ว
นั่งลงบนเตียงแทน ในขณะที่หญิงก็ย้ายไปนั่งบนเก้าอี้หน้าคอมพิวเตอร์

“มีอะไรอีกหรอ เกี่ยวกับป๊ามิวรึเปล่า” สีหน้าหญิงถึงจะยังยิ้มแต่ก็แฝงความกังวล

“โหยหญิง ยังกะพยาธิในท้องแน่ะ เดาถูกไปซะหมด” มิวแกล้งพูดติดตลกกลบเกลื่อน

“ไม่ขำเท่าไหร่นะมิว พวกเจ๋งบอกว่ามิวทะเลาะกับป๊าในวันก่อนผ่าตัดใช่ปะ”

“อือ....” สีหน้าอมทุกข์กว่าเดิม มือซ้ายกระชับสร้อยจี้เงินไว้

“เล่าให้หญิงฟังได้ปะ” เสียงหญิงสาวคาดคั้น

“แล้วหญิงจะเอาไปเล่าให้โต้งฟังรึเปล่าล่ะ”

“ก็แล้วทำไม มิวถึงไม่เล่าให้โต้งฟังล่ะ”

“เรากลัวน่ะหญิง กลัวว่า ถ้าโต้งรู้แล้ว เราจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มแห่งความสุขของโต้งอีก”

“แต่โต้งคงอยากจะรู้ และต้องการรู้ โต้งน่ะ เค้าอยากแชร์ความทุกข์ของมิวเหมือนกันนะ”

“แต่ว่า......”

“เอาอย่างงี้ เอาไว้หลังมินิคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้มเรียบร้อยแล้ว มิวค่อยเล่าก็ได้”

“ก็ดีเหมือนกัน อยากจะให้งานมันออกมาดีซะก่อน ก่อนจะมีเรื่องอื่นให้กลุ้ม”

“แล้วเพื่อนๆในวงล่ะ จะบอกพวกนั้นมั้ย”

“เรื่องผ่าตัดตับน่ะหรอ ไม่ดีกว่า ขืนไปเข้าหูพี่อ๊อด มีหวังโดนด่าตาย”

“ก็ตามใจ แต่มิวเจ็บอยู่ยังงี้ จะซ้อมไหวหรอ”

“ก็ต้องไหวแหละ ทำไงได้ อีกแค่แปดวันเองนะ”

“ดูแลตัวเองดีๆก็แล้วกัน หิวมั้ย เดี๋ยวหญิงเรียกป้าอรให้”

“ไม่เป็นไรหญิง อิ่มน้ำเกลืออยู่เลย เออจริงดิ แล้วหญิงได้บอกเฮียรึเปล่า”

“เปล่า ยังไม่ได้บอก เดี๋ยวเฮียแกเผลอเอาไปเล่าให้เจ๊หลิวฟัง ทีนี้เรื่องได้ถึงหูพี่อ๊อดแน่”

“ขอบคุณนะหญิง”

“ไม่ต้องมาขอบคุณหรอกมิว แต่มิวสัญญาแล้วนะ ว่าหลังเปิดอัลบั้ม จะเล่าทุกเรื่องให้
โต้งฟัง รวมทั้งพวกเพื่อนๆในวงด้วย”

“อือ สัญญา”

“งั้นเดี๋ยวหญิงเข้าบ้านก่อนนะ จำไว้นะมิว ตราบใดมีรัก ก็ย่อมมีความหวัง อย่าแบกทุกข์ไว้
คนเดียว ทุกคนพร้อมช่วยมิวเสมอ สู้ๆ”

“จะพยายามคร้าบบ “

หญิงสาวออกไปจากบ้านแล้ว แต่นักร้องหนุ่มยังคงไม่หายกลุ้มใจ เค้ากลับไปนั่งที่เก้าอี้หน้า
คอมพิวเตอร์ กดคีย์บอร์ดได้สองโน้ต แล้วถอนหายใจลึกๆ

“เรื่องมันไม่ง่ายน่ะสิหญิง” พูดจบนักร้องหนุ่มก็ลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็เดินกลับ
เข้ามาในห้อง หยิบตัวต่อไม้ขึ้นมาดู แต่อาจเป็นเพราะมือเปียก ทำให้ตัวต่อไม้หลุดจากมือ
หล่นไปบนที่นอน จมูกที่โต้งทำให้ก็หลุดออกมา

“ให้มันเพลง บนทางเดินเคียง” เสียงโทรศัพท์มือถือของมิวดังขึ้น นักร้องหนุ่มหยิบขึ้นมา
อ่านชื่อผู้ที่โทรเข้ามา จากนั้นก็กดรับสาย

“ว่าไงโต้ง.....”

.......

.......






“ว่าไงโต้ง” นักร้องหนุ่มรับสาย

“ตอนนี้มิวว่างปะ มีเรื่องอยากจะคุยด้วยหน่อย” โต้งพูดผ่านสาย

“อือ.....มีอะไรหรอ”

“เอ่อ....อ๋อ...คือจะถามว่า พรุ่งนี้มิวมีซ้อมรึเปล่า” โต้งตะกุกตะกักตอบ

“พรุ่งนี้หรอ ดูเหมือนจะต้องซ้อมจนดึกเลยน่ะ ทำไมหรอ”

“ไม่มีอะไร ก็แค่จะชวนไปหาอะไรกินหน่อยน่ะ ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร แค่นี้นะ” โต้งรีบวางสาย

“เดี๋ยวก่อนโต้ง เดี........” ไม่ทันได้พูดต่อเพราะโต้งตัดสายไปก่อน มิวพยายามกดโทรศัพท์
หาโต้งอีกหลายครั้ง แต่ปลายทางก็ไม่ยอมรับสาย

“เป็นอะไรของเค้านะ หรือยังงอนเราอยู่วะ” มิวบ่นเบาๆพลางจ้องมองตัวต่อไม้บนลำโพง
แล้วล้มตังลงนอนช้าๆก่อนจะค่อยๆปิดเปลือกตาทับนัยน์ตาสีน้ำเงินที่ซ่อนความเศร้าเอาไว้

........

........

“หญิงพอจะรู้ปะ ว่ามิวเค้ามีปัญหาอะไรกันแน่” โต้งเอ่ยถามหญิง ในช่วงเย็นของวันรุ่งขึ้น
หลังจากโทรนัดให้มาเจอกันที่สยามฯเมื่อตอนเช้า

“หญิงก็ไม่รู้เหมือนกันนะโต้ง เมื่อคืนลองถามแล้ว มิวเค้าก็ไม่ยอมบอก” หญิงตอบ

“แล้วทำไงเราถึงจะรู้ล่ะหญิง” สีหน้าชายหนุ่มแสดงออกถึงความเซ็ง

“อันนี้โต้งคงต้องรอซักอาทิตย์นึงแล้วแหละ”

“ทำไมล่ะ”

“ก็มิวเค้ารับปากว่า หลังมินิคอนฯเปิดอัลบั้ม เค้าจะเล่าทุกเรื่องให้โต้งฟัง”

“แล้วทำไมต้องรอด้วยล่ะ อยากรู้ใจจะขาดอยู่แล้วเนี่ย” น้ำเสียงโมโหเล็กน้อย

“เพราะมิวเค้าหวังดีกับโต้งน่ะสิ” หญิงตบบ่าชายหนุ่มเบาๆเพื่อปลอบโยน

“ยังไงเหรอหญิง” โต้งที่สีหน้าดีขึ้นถาม

“ก็โต้งกำลังจะมีสอบแอดมิชชั่นใช่ปะ ทั้งเสาร์นี้ และเสาร์ที่มิวเล่นมินิฯด้วย”

“อือ...แล้วไงล่ะ”

“มิวเค้าคงไม่อยากให้โต้งไปกังวลเรื่องอื่นมากกว่าเรื่องสอบอะดิ โต้งจะได้ทำได้เต็มที่ไง”

“แต่ว่า....”

“อีกอย่าง มิวเค้าก็จะได้วางปัญหาของเค้าไว้ก่อนได้ชั่วคราวด้วย ถ้าโต้งไปคะยั้นคะยอถาม
แทนที่มิวจะพะวงเรื่องงานอย่างเดียว กลับต้องมาห่วงเรื่องปัญหาส่วนตัว แล้วยังความรู้สึก
ของโต้งเพิ่มไปอีก แล้วอย่างงี้ มิวเค้าจะมีแก่ใจร้องเพลงไหวเหรอ จริงปะ”

“แต่ว่า....”

“มิวเค้าห่วงโต้งนะ โต้งกำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย แล้วถ้าโต้งมารับรู้ปัญหาของมิวเค้า
ตอนนี้ เชื่อแน่เลยว่าโต้งต้องไม่มีแก่ใจดูหนังสือสอบ แล้วคนที่เสียใจที่สุดก็คือตัวโต้งเอง”

“แต่ว่า.....”

“โอ๊ยยย พอเหอะ หยุดแต่ว่า..ได้แล้ว ถ้าโต้งรักและเชื่อใจมิว ก็ต้องอดทนอีกนิดนึง
อาทิตย์กว่าเอง พอถึงวันนั้น มิวเค้าก็จะบอกโต้งเองแหละน่า”

“แต่ะ...” โต้งหยุดคำไว้เมื่อเห็นสีหน้าของหญิง

“ไม่แต่ว่าก็ได้ ก็แค่อยากให้เค้ารู้ว่าเราเป็นห่วงและคิดถึงเค้ามาก ก็เท่านั้น “

“มิวเค้าก็คงคิดถึงโต้งมากเหมือนกัน ไม่งั้นไม่พกตัวต่อไม้ไปด้วยหรอก”

“แล้วจากนี้ เราควรจะทำไงดีล่ะหญิง”

“ก็ตั้งใจดูหนังสือสอบให้เต็มที่ จะได้สอบผ่าน แล้วก็ขยันซ้อมเพลง”หลับตา”ด้วยล่ะ”

“แต่เมื่อคืนนี้เราแกล้งตัดสายโทรศัพท์มิวเค้าอะดิหญิง แล้วก็ไม่รับสายมิวเค้าด้วย”

“แล้วโต้งทำอย่างงั้นทำไมล่ะ มิน่า...เมื่อเช้าเห็นมิวมองมือถือซึมๆ”

“จริงดิหญิง ก็ตอนนั้นคนมันกำลังงอนอยู่อะ แล้วจะทำไงดีเนี่ย”

“ก็โทรไปง้อเค้าสิ กับโต้งน่ะ มิวใจอ่อนจะตายไป” พอหญิงพูดจบ โต้งก็ลองพยายาม
กดโทรศัพท์หามิวหลายครั้ง แต่ติดต่อไม่ได้เพราะว่านักร้องหนุ่มปิดเครื่องอยู่

“ติดต่อไม่ได้เลยหญิง สงสัยจะปิดเครื่องอะ ทำไงดีล่ะ” โต้งเริ่มกระวนกระวาย

“กี่โมงแล้วล่ะโต้ง” หญิงถามโต้งเพราะวันนี้หญิงลืมพกนาฬิกา

“จะหกโมงแล้วหญิง” ชายหนุ่มตอบหลังจากชำเลืองมองนาฬิกาสีดำที่ข้อมือซ้าย

“คงจะกำลังซ้อมอยู่น่ะโต้ง เห็นเอ๊กซ์บอกเหมือนกันว่าช่วงนี้ต้องซ้อมหนักทุกวัน เพราะ
ใกล้วันงานเต็มทีแล้ว คงโดนพี่อ๊อดบังคับปิดเครื่องแน่ๆเลย”

“งั้นเราไปหาที่ห้องซ้อมดีปะ” ท่าทางโต้งกระตือรือร้น

“อย่าดีกว่า รบกวนคนอื่นเค้าด้วย เดี๋ยวโดนดุล่ะแย่เลย มิวยิ่งขาดซ้อมมาหลายวันด้วย”

“แล้วจะทำยังไงดีล่ะทีนี้” สีหน้าโต้งกลับมาแสดงความเซ็งอีกครั้งนึง

“โต้งรีบไปดูหนังสือเถอะ แล้วคืนนี้ค่อยโทรหามิว เอาไว้มิวกลับถึงบ้านแล้วเราโทรบอก”

“เอาอย่างงั้นก็ได้ ขอบใจนะหญิง งั้นไป เดี๋ยวเราไปส่งที่บ้าน” โต้งชวน

“แล้วไม่รีบไปดูหนังสือรึไงเล่า” หญิงถามอย่างห่วงแทน

“นี่ไง ในกระเป๋านี่แล้ว ข้อสอบเก่าที่แวนเก็งไว้ให้วันก่อน” ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ

“แล้วพ่อกับแม่จะไม่ว่าเอาเหรอโต้ง พ่อโต้งเพิ่งจะได้กลับบ้านไม่ใช่เหรอไง”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยโทรบอก ปล่อยให้พ่อกับแม่ทานข้าวด้วยกันสองคนซะบ้าง”

“จะดีหรอ” หญิงยังคงกังวล

“ดีสิ เดี๋ยวบอกแม่ว่ามาดูหนังสือบ้านมิว แล้วก็บอกว่ามาซ้อมเล่นคีย์บอร์ดด้วยไง”

“ก็แล้วทำไมไม่ไปซ้อมที่บ้านตัวเองล่ะ”

“อ้าว ก็บ้านเราไม่มีคีย์บอร์ดนี่นา ใช้ของมิวแหละดีแล้ว”

“ตามใจ งั้นแวะหาอะไรทานกันก่อนดีปะ”

“ไม่ดีกว่า แกล้งไปฝากท้องกับป้าอรดีกว่า”

“เล่นง่ายเนอะ จะเอาไงก็เอา ก็โต้งน่ะแฟนมิวนี่ ไม่ใช่หญิงซะหน่อย”

“จริงดิหญิง หญิงว่า ป้าอรรู้เรื่องที่เรากับมิวเป็นแฟนกันรึเปล่า”

“ถ้าถามหญิงนะ หญิงว่าป้าแกรู้แล้วแหละ แต่แกไม่พูด”

“ทำไมล่ะ”

“ก็ป้าอรแกรักมิวมากน่ะสิ ทั้งรักและยอมรับทุกอย่างที่เป็นมิว”

“ถ้าป๊ามิวเป็นอย่างป้าอรก็คงจะดีเนอะหญิง เราใจคอไม่ดียังไงไม่รู้ ยังกับว่า
ป๊ามิวเค้าจะมาพรากเรากับมิวจากกันงั้นแหละ” สีหน้าโต้งเป็นกังวลชัดเจน

“อย่าคิดมากเลยน่า เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเอง” หญิงสาวพูดให้ชายหนุ่มสบายใจ

“คำพูดคุ้นๆนะ เหมือนกับวันนั้นที่คอนโดไอ้เอิร์ธเลย”

“ยังนึกออกอยู่อีกหรอ แล้วจำได้ปะ ว่าทำอะไรหญิงไว้บ้าง”

“เอ่อ....ก็.....เราขอโทษนะหญิง” โต้งส่งแววตาวิงวอนมาหาหญิง

“ช่างเถอะ เรื่องมันแล้วไปแล้ว เรารู้ว่าโต้งไม่ได้ตั้งใจ”

“แต่เราว่าหญิงตั้งใจนะ ตอนที่จับมือเราไปที่.....เอ่อ ....ที่ตรงนั้นน่ะ” โต้งสะอึกคำพูดตัวเอง

“โต้ง.....ขืนพูดอีกที หญิงจะไม่ช่วยเรื่องมิวเลยนะ” น้ำเสียงเริ่มตึงเล็กน้อย

“เราขอโทษ งั้นไปเหอะ เดี๋ยวจะถึงบ้านค่ำเกิน”

“แล้วสมมติว่าป้าอรไม่ได้เตรียมอะไรไว้ให้ทานล่ะโต้ง จะทำไง”

“ก็ไปฝากท้องที่บ้านหญิงอะดิ ถามได้” ชายหนุ่มยิ้มคึกคัก

“หลังจากที่ปากเสียเมื่อกี้เนี่ยนะยะ ยังกล้าขอข้าวบ้านคนอื่นเค้ากินอีก”

“เหอะน่า ก็หญิงพูดเองไม่ใช่เหรอ ว่ามิวอยากเห็นรอยยิ้มของเรา งั้นหญิงก็ช่วยสงเคราะห์
หน่อยแล้วกันนะ ถือซะว่าทำเพื่อมิวไง”

“ได้ทีเลยนะพ่อคุณ เอาเหอะ ไปเรียกรถซักทีสิ” หญิงไล่ให้โต้งไปเรียกรถ ส่วนตัวเอง
ก็กดโทรศัพท์กลับไปที่บ้านของตนเองเพื่อถามดูว่าป้าอรอยู่รึเปล่า หลังจากวางหูก็เป็น
จังหวะที่รถแท็กซี่ที่โต้งเรียกมาจอดพอดีจึงพากันขึ้นรถมุ่งหน้ากลับบ้าน



.......



......









Create Date : 02 มีนาคม 2553
Last Update : 5 มีนาคม 2553 14:56:38 น.
Counter : 424 Pageviews.

1 comments
  
พี่ติตามอ่านนะจ้ะ ต้องขอชมว่าแต่งเก่งจังชอบ เป็นกำลังและจะรอผลงานต่อไปนะ
โดย: หนึ่ง IP: 202.149.25.235 วันที่: 17 มีนาคม 2553 เวลา:19:27:20 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Niramitr
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



สาวก"รักแห่งสยาม"

New Comments