All Blog
“ยออุน โดดเดี่ยวไร้เทียมทาน” (ฟิค Warrior Baek Dong Soo) ตอนที่27
“ยออุน โดดเดี่ยวไร้เทียมทาน” (ฟิค Warrior Baek Dong Soo) ตอนที่27



ที่ผาน้ำตก

“เจ้าคิดอย่างนั้นหรอ.........เจ้าคิดว่าข้ามีความสุขกว่าเจ้าอย่างนั้นหรอ........เจ้ารู้อะไรมั้ย........พ่อของเรามีความรู้ด้านดูดวงชะตา เขาดูดวงชะตาข้า และบอกว่าข้าเป็นดาวพิฆาตมาเกิด ...... เขา......เขาคิดจะฆ่าข้า ตั้งแต่ข้ายังเป็นเด็กทารก แต่แล้ว........ แม่ของข้าต้องเอาตัวมาปกป้อง......จนนาง........นางแลกชีวิตของนางกับชีวิตของข้า” ชอนจุหนุ่มพูดถึงอดีตของตนทั้งน้ำตา ซอนัมซุนที่ยืนอยู่ใกล้ๆก็ฟังอย่างตั้งใจ

“เขาฆ่าแม่ของเจ้าอย่างนั้นหรอ”

“แม่ของข้ายอมตาย เพื่อให้เค้าไว้ชีวิตข้า.............แต่เจ้ารู้อะไรมั้ย...........ข้าต้องเติบโตมาอย่างปราศจากความรักจากคนๆนั้น โดยไม่เคยรู้เลยว่าแม่ข้าตายยังไง จนกระทั่งข้าโตขึ้น และรู้เรื่องจากคำบอกเล่าของพวกชาวบ้าน เจ้าลองเดาสิ.....ว่าข้าทำยังไง” ยออุนยังคงมีน้ำตาอาบแก้ม น้ำตาแห่งความรักที่มีต่อบิดาผู้จากไป บิดาคนเดียวกันกับชายตรงหน้า

“เจ้าฆ่าคนๆนั้นแก้แค้นให้แม่ของเจ้างั้นเหรอ” ซอนัมซุนมีสีหน้าตกใจระคนแปลกใจ

“ใช่............ข้าคิดจะฆ่าเค้า...........แต่สุดท้าย......ท่านพ่อกลับเป็นฝ่าย..........ฆ่าตัวตายซะเอง”

“คนๆนั่น.........ฆ่าตัวตายอย่างนั้นเหรอ...........เค้าฆ่าตัวตาย...........ตาย.......ทั้งๆที่เค้ายังไม่เคยรู้ว่าเค้ายังมีข้าอีกคนอย่างนั้นเหรอ.............ทำไม.......... เค้าถึงได้......”

“เค้าบอกว่าข้าคือดาวพิฆาต เป็นดาวเพชฌฆาตที่เกิดมาเพื่อล้างผลาญชีวิตผู้คน ตอนที่ข้าจะฆ่าเค้า เค้าจึงขอตายต่อหน้าข้า เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาเพชฌฆาตของข้า เค้าตาย ด้วยดาบของข้า สิ้นใจทั้งน้ำตา”

“นั่นแปลว่าเขารักเจ้า ต่อให้ชีวิตรันทดวัยเด็กของเจ้าเป็นเรื่องจริง แต่เขาก็ยังรักเจ้า ยอมตายเพื่อเจ้า ยออุน........นั่นยิ่งกลับทำให้ข้าต้องการฆ่าเจ้ามากยิ่งขึ้น............ ข้าจะฆ่าคนที่ยอโชซังรัก เมื่อคนๆนั้นไม่เคยรักข้ากับท่านแม่เลย”

“ไม่ใช่อย่างนั้น........ ข้าว่า........... ท่านพ่อยังคงห่วงใยแม่ของเจ้าเสมอ ถึงท่านจะไม่รู้ว่ามีเจ้าอยู่อีกคนก็ตาม”

“อย่าโกหก................ เอาไว้ข้าฆ่าเจ้าแล้ว เจ้าช่วยไปบอกคนๆนั้นด้วยละกัน ว่าเขายังมีลูกชายอีกคน มีทายาทอีกคน ชื่อ ซอ-นัม-ซุน”

“แต่ข้าไม่อยากสู้กับเจ้าแล้ว ข้าเบื่อหน่าย และเหนื่อยมามากแล้ว กับการเป็นมือสังหาร ข้าอยากวางมือ อยากมีชีวิตที่สงบสุข” พูดจบ ยออุนก็เก็บดาบทั้งสองเล่มคืนฝัก พลางล้วงเอาป้ายชื่อของตนออกมา

“เจ้าเห็นนี่มั้ย ป้ายชื่ออันใหม่ของข้า ชื่อที่ข้าอยากใช้ ลี-พยอง-อัน ความสงบสุข ทำไมวะ.........ทำไมข้ากับเจ้าถึงต้องมาเข่นฆ่ากันด้วย ในเมื่อเราสองคนเป็น.......”

“ข้าไม่นับญาติกับเจ้า.... ข้ามีแต่ความแค้น สิ่งที่พ่อของเจ้าสร้างไว้ เจ้าต้องรับภาระ ยออุน ถึงเจ้าจะเก่งกว่าข้า แต่ตอนนี้เจ้าได้รับบาดเจ็บ เจ้าเห็นฝีมือของจุงวอนกับจุงยุนแล้ว ดาบคู่ปีศาจของคู่แฝดนรก รุกรับประสานอย่างล้ำเลิศ เพลงดาบคู่สองมือของเจ้า ถึงจะรับมือได้ และอาจเอาชัยคู่แฝดได้ แต่ก็คงต้องแลกด้วยการบาดเจ็บ ถึงตอนนั้น ข้าก็สังหารเจ้าได้ไม่ยากเย็น เจ้าพร้อมจะตายรึยังล่ะ”

“แล้วหนุ่มน้อยคนนั้นล่ะ เป็นใคร อายุยังน้อยอยู่เลย ดาบอสูรไม่มีวิชาดาบคู่สองมือ แล้วทำไมเค้าถึง..........”

“ข้าสืบข่าวของเจ้ามาก่อน ก็เลยให้ลูกศิษย์ของข้า ลองฝึกใช้ดาบคู่สองมือแบบเดียวกับเจ้า และก็ต้องยอมรับนะ ฝีมือดีทีเดียว อายุแค่นี้ แต่ฝีมือกลับทัดเทียมกับเจ้าจางแทซันนั่นเลยล่ะ”

“คิดไม่ถึง......ว่าเจ้าจะรับลูกศิษย์ไว้ด้วย ได้ยินกิตติศัพท์มาว่าค่อนข้างโหดร้ายป่าเถื่อน สงสัยจะไม่เป็นความจริง”

“ฮยอนวูก็เป็นเด็กกำพร้าเหมือนข้า พ่อแม่เป็นศิษย์สำนักดาบอสูรที่ถูกฮงแทจูกวาดล้าง ตอนนั้นเค้ายังแบเบาะ ข้ารับไว้เป็นศิษย์และถ่ายทอดเพลงดาบให้ เพื่อจะได้สืบทอดวิชาดาบสำนักดาบอสูรต่อไป”

“ซอนัมซุน..... ข้ากับเจ้าไม่จำเป็นต้อง............”

“หยุดพูดเถอะ ไม่มีประโยชน์”

“แต่ข้าไม่อยากสู้กับเจ้า กับพวกเจ้าเลยนะ เจ้าดูสิ เด็กนั่น คู่แฝดอีก พวกเค้าอายุพอๆกับข้าเอง ทำไมเจ้าจะต้องเลือกเส้นทางมือสังหารให้พวกเค้าด้วย”

“เจ้าไม่เข้าใจ ถ้าฆ่าเจ้าได้ สำนักดาบอสูรจะได้ก่อตั้งขึ้นใหม่ เป็นองค์กรลับสังกัดพระหมื่นปี ไม่ต้องหลบซ่อนอีกต่อไป เราจะมีชีวิตที่สุขสบาย”

“ที่แท้ พระนางก็อยู่เบื้องหลังเจ้านี่เอง สมแล้วที่เป็นคนรักเก่ากันมาก่อน”

“ถ้ากำจัดเจ้าได้ แล้วคนแซ่ถังนั่นสังหารเพ็กทงซูสำเร็จ การโค่นบัลลังก์พระราชาคงไม่ยาก พระนางได้เถลิงอำนาจเมื่อไหร่ ข้ากับพระนางก็จะสามารถ............ เจ้าก็รู้นะ สานสัมพันธ์ในอดีตให้กลับมา” พูดจบก็ไม่รอช้า ส่งสัญญาณให้คู่แฝดนรกจู่โจมยออุนทันที ดาบคู่ปีศาจประสานกันอย่างร้ายกาจ ชอนจูหนุ่มที่เก็บดาบไปแล้วเพราะไม่อยากสู้กับพี่ชายต่างมารดา และบรรดานักดาบหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่าทั้งสาม จึงได้แต่ใช้ป้ายชื่อเหล็กแทนอาวุธรับมือเพลงดาบแทน เหมือนจะเสียเปรียบด้านอาวุธ แต่วิชาป้ายชื่อกลับสำแดงอานุภาพได้ดีเกินคาด อาจเพราะว่าเป็นวิชาที่แปลกประหลาดสำหรับคู่แฝด ที่ฝึกซ้อมเพลงดาบคู่มาเพื่อต่อสู้กับวิชาดาบด้วยกันเท่านั้น เมื่อเจอวิชาประหลาดที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ทำให้ไม่สามารถคาดเดาวิธีการรุกรับของชอนจูหนุ่มได้

จุงวอนกับจุงยุนยืนขนาบไปทางด้านซ้ายและด้านขวาของยออุน ต่างถือดาบไว้แล้วพุ่งเข้าหมายจะโจมตีชอนจูหนุ่ม แต่ชอนจูผู้เก่งกาจที่สุดแห่งสำนักโคมดำก็อาศัยวิชาป้ายชื่อที่ตนลักจำมาได้อย่างชำนาญ โบกสะบัดต้านดาบคู่ได้ คู่แฝดนรกต่างแปฃกใจที่ป้ายชื่อธรรมดากลับแข็งแกร่งยิ่งนัก และเมื่อคู่แฝดอยู่ในระยะและได้โอกาส ชอนจูหนุ่มก็กระโดดกางขาถีบไปที่ยอดอกของคู่แฝดที่อยู่ทางด้านซ้ายและขวาของตนได้พร้อมๆกัน จนทั้งจุงวอนและจุงยุนกระเด็นห่างออกไป

ยออุนอาศัยจังหวะที่คู่แฝดกำลังสับสนกับวิชานี้ แอบซัดเข็มทองสกัดจุดใส่ต้นแขนขวาของแฝดพี่ที่ชื่อจุงวอนซะก่อน ทำให้จุงวอนไม่อาจขยับแขนขวาได้ ก่อนจะก้มหลบดาบของจุงยุนแล้วเกร็งพลังที่นิ้วชี้กับนิ้วนาง จี้สกัดจุดที่บริเวณใต้ท้องน้อยของแฝดน้อง ทำให้เกร็งไปทั้งตัวและไม่อาจเคลื่อนไหวลำตัวท่อนล่างได้ แต่จุงยุนอาศัยความไวขว้างดาบใส่ยออุน ชอนจูรูปงามตวัดป้ายชื่อคล้องดาบยาวไว้แล้วเอามาถือไว้ในมืออย่างชำนาญ ก่อนจะควงดาบรับวิชาดาบคู่ที่จู่โจมจากบนอากาศ ดาบยาวของแฝดน้องหมุนตามแรงเหวี่ยงของดาบคู่แบบเวียนซ้ายก่อนที่ชอนจูหนุ่มจะอาศัยจังหวะที่สบช่องว่างในการบุกของฮยอนวู สวนหมัดใส่กลางอากาศ หนุ่มน้อยพยายามพลิกตัวกลางอากาศแต่เพราะเท้าที่ลอยอยู่จึงหมุนตัวผิดจังหวะ แม้จะหลบหมัดของยออุนได้แต่ก็ต้องล้มคว่ำไปด้านข้างแทน กระนั้นก็ยังอาศัยเวลาสั้นๆ ขว้างดาบคู่ในมือใส่ชอนจูหนุ่ม แต่ยออุนก็ใช้ดาบของแฝดน้องสกัดดาบที่พุ่งเข้าใส่จนกระเด็นหล่นพื้น ก่อนจะพุ่งดาบใส่ฮยอนวูที่กำลังลุกขึ้น ถึงหนุ่มน้อยหลบได้ทัน แต่ก็หลบไม่พ้นเท้าของยออุนที่กระโดดถีบร่างเตี้ยนั้นจนกระเด็นหงายหลังล้มลงไปกองกับพื้น

ซอนัมซุนเห็นลูกน้องคนสนิทและสิษย์รักถูกเล่นงานด้วยวิชาที่ตนไม่เคยเห็นก็อดตกใจไม่ได้ มองกูคู่แฝดที่คนพี่ถูกฝังเข็มที่แขนจนใช้การไม่ได้ ขณะที่คนน้องก็สูญเสียการทำงานของขาทั้งสองข้าง ลูกศิษย์ก็ล้มคะมำไม่เป็นท่าหลังจากจู่โจมเพียงครั้งเดียว ด้วยความโกรธจึงวิ่งกึ่งกระโดดและเงื้อดาบจะฟาดใส่น้องชายต่างมารดา แต่ยออุนก็ใช้ดาบยาวรับสภาวะดาบเอาไว้ได้อย่างไม่ยากเย็น

“เจ้าเก่งกว่าที่ข้าคิดไว้มากจริงๆ อุน ไม่เคยคิดว่า เจ้าจะใช้ป้ายชื่อแทนอาวุธได้ด้วย”

“เป็นวิชาของท่านคอมซา ที่ข้าแอบฝึกมาน่ะ”

“ข้าอุตส่าห์ตั้งใจจะดวลเพลงดาบกับเจ้า สู้อุตส่าห์ใช้เวลาหลายปีคิดค้นกระบวนท่ามากำราบดาบเทพยดาและดาบนภาโดยเฉพาะ เอาเถอะ.......... ข้าจะดวลกับเจ้าตัวต่อตัว ยออุน........... ลงมือ”

“เจ้าแน่ใจหรอ.......ซอนัมซุน ว่าพระนางจองซุนจะกลับมาสานสัมพันธ์กับเจ้าจริงๆ ถึงพระนางยอม คิมฮันกู คิมควีจีก็คงไม่ยอมหรอก ครั้งก่อนที่สั่งให้อดีตชอนจูเล่นงานเจ้า ก็คือคิมฮันกู ที่บงการฮงแทจูอีกที”

“อย่ามาหลอกข้า ใต้เท้าคิมรับปากฟื้นฟูสำนักดาบอสูร รับปากแต่งตั้งข้าเป็นหัวหน้าราชองครักษ์ และยังเงินทองมหาศาล ส่วนนาง นางก็ให้ของแทนใจข้ามา พวกนั้นไม่มีทางทรยศข้าหรอก”

“อย่าโง่ไปหน่อยเลย พวกนั้นแค่หลอกใช้เจ้า หลอกให้เราพี่น้องเข่นฆ่ากันเอง”

“ข้าไม่สนใจ ทั้งคอมซา ทั้งอดีตชอนจู ทั้งยอโชซัง ล้วนผิดต่อข้า ในเมื่อเจ้าเกี่ยวพันกับพวกนั้นทุกคน ยังไง ข้าก็ต้องฆ่าเจ้าอยู่ดี เจ้าอาจเอาชนะกระบวนท่าอสูรเหวี่ยงของข้าได้ งั้นก็ลองรับมือกระบวนท่าสุดยอดไม้ตายของเพลงดาบอสูรดู อสูรฟ้าสังหาร.......อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

ยออุนไม่อยากสู้กับพี่ชายต่างมารดาเป็นทุนเดิม จึงได้แต่กระโดดหลบถอยไปด้านหลังเรื่อยๆ กระบวนท่าอสูรฟ้าสังหารน่ากลัวกว่าที่คิดมาก ซอนัมซุนอาศัยฝีเท้าที่วิ่งอย่างรวดเร็ว ประสานกับการฟาดดาบที่รุนแรง สร้างสภาวะดาบที่อำมหิตขึ้นมาได้ ทุกครั้งที่จอมดาบอสูรฟาดดาบ จะคล้ายกับมีกระแสลมที่คมราวกับพายุมีดซัดเข้ามาใส่ ชอนจูหนุ่มอาศัยความรวดเร็วกระโดดหลบอย่างคล่องแคล่ว แต่บางจังหวะก็ถูกลมดาบฟาดใส่จนเสื้อผ้าถูกกรีดขาดและมีริ้วรอยตามร่างกาย มีอยู่จังหวะหนึ่งที่ร่างโปร่งกระโดดหลบไม่ทันเพราะใกล้หน้าผาเกินไป ทำให้พายุดาบที่เกิดจากกระบวนท่าอสูรฟ้าสังหารบางส่วนกรีดถูกใบหน้าซีกขวาที่มีรอยแผลเป็นอยู่แล้ว กลับซ้ำรอยแผลเดิมทั้งสามรอยจนเลือดไหลซึมอาบใบหน้าทีเดียว แต่ยออุนก็ยังไม่ยอมชักดาบออกมาต้านรับ เพราะถ้าเป็นดาบดาวหางที่ทั้งแข็งแกร่งและคมกริบล่ะก็ คงสามารถรับการจู่โจมของพายุดาบนี้ได้อย่างง่ายดาย

ถอยไปจนติดกับต้นไม้ ชอนจูหนุ่มสังเกตเห็นไม้พลองท่อนหนึ่งวางพิงอยู่ น่าจะเป็นไม้ไผ่ที่ชาวบ้านที่ขึ้นมาหาของป่าลืมทิ้งไว้ สภาพเก่าหน่อย แต่ก็กระชับมือดี ยออุนหยิบมันขึ้นมา พลางหวนนึกถึงช่วงเวลาเกือบสองปีที่ตนไปใช้ชีวิตเป็นหมอชาวบ้านในหมู่บ้านห่างไกล ครั้งนั้น หมอหนุ่มเคยหยิบเอาจอบเสียมมาฝึกวิชาต่างอาวุธ หวนนึกถึงสมัยที่เคยฝึกวิชาบนเขาก็มีเพลงยุทธไม้พลองเป็นพื้นฐานดีอยู่แล้ว หวนนึกถึงการที่ได้อ่านบันทึกสรรพาวุธที่เพ็กทงซูเรียบเรียงขึ้นมาสำเร็จเมื่อครั้งที่ตนเคยตายจากไป แล้วนำเอาความรู้เหล่านั้นมาประมวลเข้าด้วยกัน กระชับพลองด้วยสองมือแล้วควงเป็นวงกลม

แรงลมจากการควงไม้พลองเป็นกระแสลมหมุนวน ยิ่งยออุนควงไม้พลองเร็วขึ้นกระแสลมหมุนวนก็ยิ่งแรงขึ้น ซอนัมซุนใช้กระบวนท่าอสูรฟ้าสังหารอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าลมดาบที่คมบาดเนื้อจะถูกลมหมุนวนของไม้พลองพัดหายไปได้ สร้างความขุ่นเคืองแก่จอมดาบอสูร ยออุนใช้โอกาสที่พี่ชายต่างมารดากำลังตะลึงกับการหันมาใช้ไม้พลอง รีบจับปลายไม้พลองด้านหนึ่ง หันอีกด้านใส่ซอนัมซุน พร้อมกับหมุนไม้พลองในทางยาว พุ่งปลายไม้พลองที่หมุนเร็วนั้นใส่จอมดาบอสูร ซอนัมซุนพยายามใช้ดาบฟันไม้พลองที่กำลังหมุนให้หักแต่ต้านสภาวะของแรงปั่นไม้พลองไม่ได้ จึงเปลี่ยนเป็นถือดาบตรง แทงปลายดาบไปที่จุดศูนย์กลางการหมุนของปลายไม้พลอง จนไม้ไผ่นั้นแตกเป็นสองซีก ชอนจูหนุ่มใช้จังหวะนั้น ถือไม้พลองสองซีกต่างดาบคู่ ใช้ออกด้วยกระบวนท่าไม้ตายของดาบนภาด้วยมือขวา ไม้ตายดาบเทพยดาด้วยมือซ้าย สยบกระบวนท่าดาบอสูรพลางกรีดแขนและลำตัวของซอนัมซุนจนบาดเจ็บ ดาบอสูรหล่นลงพื้น คมของไม้ไผ่จี้ที่ลำคอของซอนัมซุน สยบพี่ชายต่างมารดาได้สำเร็จ

...

..

บริเวณพุ่มไม้ใกล้ผาน้ำตก คิมควีจีกับลูกน้องคนสนิทจำนวนไม่น้อยแอบซุ่มดูการต่อสู้ของยออุนกับซอนัมซุนอยู่ ทันทีที่เห็นจอมดาบอสูรพ่ายแพ้ต่อชอนจูสำนักโคมดำ คิมควีจีก็หยิบหน้าไม้ออกม้า บอกลูกน้องว่าเป็นคำสั่งของคิมฮันกู ว่าถ้ามีโอกาส อย่าปล่อยให้สองคนพี่น้องสกุลยอรอดชีวิตไปได้ พวกสำนักดาบอสูร รวมทั้งยออุนห่วงการประลองมากเกินไปจนไม่ทันสังเกตความเคลื่อนไหวที่พุ่มไม้แต่อย่างใด ญาติผู้พี่ของพระหมื่นปีง้างหน้าไม้ที่ทำพิเศษ มีประสิทธิภาพการยิงสูง ใส่ลูกดอกเหล็กที่เคลือบยาพิษเอาไว้ แล้วเล็งไปที่กลางหลังของซอนัมซุน

“ลงมือสิ ..... ยออุน.... เจ้ารออะไรอยู่” ซอนัมซุนหยิ่งทะนงไม่ร้องขอชีวิต แต่ยออุนไม่ได้ตอบคำ กลับทิ้งไม้ไผ่ลงบนพื้น เดินไปถอนเข็มทองจากแขนของจุงวอนแฝดนรกผู้พี่ แล้วไปจี้นิ้วดรรชนีคลายจุดให้จุงยุนแฝดผู้น้อง คู่แฝดเห็นยออุนช่วยเหลือตนจึงหยุดลงมือ แล้วเดินไปเก็บอาวุธของตนก่อนจะเดินไปสมทบกับฮยอนวูที่ลุกขึ้นและกำลังปัดฝุ่นตามลำตัวของตนเองอยู่

“ข้าบอกแล้ว ว่าไม่อยากทำร้ายพวกเจ้า แค่นี้ก็ล้มตายกันมากพอแล้ว” ยออุนบอกพี่ชายต่างมารดา

“ข้ายอมแพ้เจ้า......ยออุน เจ้าใช้ทั้งเพลงดาบนภาและเพลงดาบเทพยดาเอาชนะดาบอสูรของข้าได้ คนของสำนักดาบอสูรมีศักดิ์ศรี เมื่อข้าแพ้เจ้า หากเจ้าต้องการอะไร อยากให้ข้าทำอะไร ถ้าข้าทำได้ ข้าจะรับปาก” ซอนัมซุนบอกยออุนที่ยืนใช้ซีกไม้ไผ่มีคมจี้ลำคอของตนอยู่ใกล้ขอบผา โดยไม่ทันสังเกตความเคลื่อนไหวด้านหลัง

“คือ......ข้าอยากให้..........” ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ยออุนก็กระโดดเข้ามาประชิดซอนัมซุน ผลักจอมดาบอสูรให้พ้นทาง ลูกดอกอาบยาพิษจากหน้าไม้ของคิมควีจีพุ่งเข้าใส่แล้วปักเข้าที่อกข้างซ้ายของชอนจูหนุ่มเต็มแรงจนกระเด็นล้มลงไปที่ขอบผา กระแสน้ำบวกกับพื้นหินที่ลื่นมากทำให้ร่างโปร่งไหลไปตามกระแสน้ำจนร่างท่อนล่างตกลงไปจากหน้าผา แต่ก็พอมีแรงยึดก้อนหินไว้ได้ไม่ให้ร่างของตนร่วงตกลงไป

ทันทีที่รู้ตัว พวกดาบอสูรทั้งคู่แฝดและฮยอนวูต่างเตรียมตั้งรับ คิมควีจีและบรรดาลูกน้องรู้ดีว่าฝีมือห่างไกลกับคน

ของสำนักดาบอสูรมาก เมื่อเสียโอกาสซุ่มจู่โจม จึงถือดาบขึ้นสู้ บางคนอารักขาคิมควีจีให้รีบหนีไป มีลูกน้องคนสนิท

คนหนึ่งสั่งการแทน ขุนนางคนนั้นสั่งให้พวกที่ถือหน้าไม้และธนูให้ยิงธนูและลูกดอกเข้าใส่วงต่อสู้ของยออุนกับพวกดาบ

อสูร แต่พวกฮยอนวูและคู่แฝดก็อาศัยเพลงดาบที่รวดเร็วต้านไว้ได้ไม่ยากเย็นนัก ลูกดอกบางลูกก็ถูกร่างกายของนักดาบ

สำนักดาบอสูรอยู่บ้าง แต่ก็เพียงผิวเผินและปราศจากยาพิษ ฮยอนวูอาศัยความปราดเปรียว กระโดดลอยตัวปีนขึ้นต้นไม้ แล้วกระโดดข้ามไปยังต้นที่อยู่ใกล้กับมือธนู แล้วกระโดดลงมาจู่โจมจากด้านบน ไม่นานนัก ก็สังหารมือธนูได้ทั้งหมด ขณะที่จำนวนที่เหลือต่างถือดาบไปสู้กับคู่แฝด ไม่นานนักแฝดนรกจุงวอนและจุงยุนก็สังหารเหล่าลูกน้องที่เหลือของคิมควีจีจนหมดสิ้น แต่ก็จนปัญญาจะไล่ล่าคิมควีจีกับพรรคพวกที่เหลือที่หนีไปไกลแล้ว

“ทำไม.......ยออุน....ทำไม....... เจ้ารับลูกดอกแทนข้าทำไม........” ซอนัมซุนตะคอกร่างโปร่งที่กำลังพยายามใช้แขนขวายึดก้อนหินก้อนนั้นเอาไว้ ลูกดอกยังคงปักคาอยู่ที่อกข้างซ้าย เจ้าสำนักดาบอสูรใช้สองมือของตนช่วยยึดแขนข้างนั้นไว้อีกแรง ป้องกันไม่ให้ร่างโปร่งตกลงไปใต้หน้าผาสูง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะซอนัมซุนเองก็บาดเจ็บจากการถูกลูกดอกยิงใส่แขนเช่นเดียวกัน อาการบาดเจ็บ ทำให้กำลังแขนของนักดาบลดลงไปมาก ชอนจูหนุ่มไอเป็นเลือดก่อนจะหันมาตอบ

“เพราะเจ้าเป็นพี่ชายของข้า...............พี่......ชาย............” พูดจบมือที่ยึดก้อนหินไว้ก็อ่อนแรง ร่วงลงไปยังน้ำตกเบื้องล่าง

...

..



TBC




Create Date : 31 ตุลาคม 2557
Last Update : 31 ตุลาคม 2557 18:43:20 น.
Counter : 2098 Pageviews.

16 comment
“ยออุน โดดเดี่ยวไร้เทียมทาน” (ฟิค Warrior Baek Dong Soo) ตอนที่26
“ยออุน โดดเดี่ยวไร้เทียมทาน” (ฟิค Warrior Baek Dong Soo) ตอนที่26




โชคดีที่ได้รับยาปรุงสูตรพิเศษจากถังชุนมาก่อน ทำให้ควันพิษสีม่วงของถังอี้ดูเหมือนจะไม่ส่งผลหรือมีอันตรายต่อชายหนุ่ม เพ็กทงซูหยิบวัตถุคล้ายไม้ธูปดอกใหญ่ออกมา จุดไฟที่ปลายไม้นั้น ควันสีเขียวอมฟ้าจางๆลอยออกมา เมื่อควันสีเขียวนี้เจือจางในอากาศรวมกับควันสีม่วง ปรากฏว่าควันทั้งสองสีต่างสลายสภาพของกันและกัน กลายเป็นควันสีเทาจางๆและดูเหมือนจะไม่หลงเหลือพิษสภาพแต่อย่างใด เจ้าแห่งพิษท่าทางแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มออกมา

“ฝีมือเจ้าลูกชายของข้าสินะ.....”

“อา..........ของดีใช่มั้ยล่ะ ถ้าถังชุนไม่ช่วย ข้าคงถูกพิษของท่านเล่นงานแย่ไปแล้ว”

“ทำไมชุนยี้ถึงยอมช่วยเจ้ารับมือข้า”

“เพราะเขามีบางอย่างอยากให้ข้าช่วยบอกกับท่าน”

“ชุนยี้ไม่อยากเจอหน้าข้าอย่างนั้นเหรอ.....”

“ข้าว่า............เค้าดูเหมือนมีบางอย่างลำบากใจที่จะพูด บางอย่าง ที่ทำให้เค้าไม่กล้าพูดกับพ่อของตนเอง”

“เกี่ยวอะไรกับเจ้าซามูไรหนุ่มมัตสึโมโต้นั่นรึเปล่า”

“ท่านรู้...............”

“ข้าไม่ได้โง่...........แต่.............ทำไมถึงต้องให้เจ้ามาช่วยพูดแทนล่ะ เจ้ากับเค้าไม่ได้..............หรือว่า.....”

“ท่านสงสัยอะไรเหรอ”

“เจ้ากับชอนจูนั่น....มีความสัมพันธ์กันยังไงแน่...........ถ้าเป็นแค่เพื่อนธรรมดา......ทำไมต้องลงทุนเสี่ยงตายเพื่อเจ้านั่นขนาดนั้นด้วย...............ข้าคงไม่ได้สงสัยอย่างไร้เหตุผลหรอกนะ........ว่าเจ้ากับชอนจูนั่น มีความสัมพันธ์กันไม่ต่างอะไรกับความสัมพันธ์ของชุนยี้กับมัตสึโมโต้หนุ่ม........ว่าไงล่ะ”

“ถ้าใช่....แล้วจะยังไง............ถ้าไม่ใช่............แล้วจะทำไม”

“ข้าไม่เข้าใจ.........ทำไมยอดนักสู้อย่างพวกเจ้า ถึงได้กลายเป็นพวกวิปริตผิดเพศ เพราะอะไรถึงได้........”

“ความรักไม่ใช่เรื่องวิปริต......ประมุขถัง.............จริงอยู่........พวกข้า.......อาจจะมีความรักที่แตกต่างจากคนทั่วไป ที่ชายกับหญิงต้องรักกัน แต่รักก็คือรัก ข้าอธิบายไม่ได้ว่าทำไม....... แต่พวกเราต่างรู้ว่าเรารักกันมากแค่ไหน”

“เจ้ายอมตายเพื่อชอนจูคนนั้นได้จริงๆอย่างนั้นเหรอ”

“ใช่...” น้ำเสียงมุ่งมั่นแสดงความจริงใจจนถังอี้หวั่นไหว

“แล้วชอนจูคนนั้น ยอมตายเพื่อเจ้าได้อย่างนั้นเหรอ”

“หลายครั้งแล้ว ที่อุนยอมเสียสละชีวิตเพื่อข้าได้... ไม่ใช่แค่ข้ากับอุน ข้าเชื่อว่า มัตสึโมโต้ เซจิ กับถังชุนก็เช่นเดียวกัน ต่างฝ่ายต่างเสียสละเพื่อกันและกันได้ พวกเค้าสองคนรักกันจริงๆ”

“เพ็กทงซู..........เดิมทีข้าแค่นึกสนุกอยากหยั่งเชิงฝีมือของเจ้า...... แต่ตอนนี้........ ข้าชักอยากจะฆ่าเจ้าขึ้นมาจริงๆแล้ว” เจ้าแห่งพิษเก็บกล้องยาสูบ พลางล้วงแส้สีดำเมื่อมออกมาถือเอาไว้

“เพราะอะไร”

“เจ้าหยามเกียรติสกุลถังของข้า...... ต่อให้เรื่องของถังชุนจะเป็นเรื่องจริง แต่ข้าก็ยอมรับไม่ได้ เจ้าเองก็เช่นกัน ข้าไม่มีทางยอมรับพวกที่เป็นอย่างพวกเจ้าเด็ดขาด ยิ่งพวกเจ้ารักกัน ก็สมควรรับโทษตายจากข้า......มาเถอะ............เพ็กทงซู ถ้าเจ้ารอดตายจากแส้อสรพิษของข้า ข้าจะยอมให้ขี้ผึ้งมรกตแก่เจ้า ไปใช้รักษาคนรักของเจ้า”

“ประมุขถัง............ทำไมท่านถึงได้ใจแคบนักล่ะ เรื่องความรัก มันห้ามกันไม่ได้หรอกนะ”

“ข้าไม่ได้ห้ามพวกเจ้ารักกัน ข้าแค่คิดว่า........พวกที่รักกันผิดจารีตแบบนี้ สมควรรับการลงทัณฑ์ ก็เท่านั้น มันเป็นกฏของสกุลถัง ที่ถูกตราขึ้นมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง บรรพบุรุษท่านนึงไปสวามภักดิ์ราชสำนัก แล้วเกิดตกหลุมรักขันทีคนนึงเข้า สุดท้าย ก็ถูกประหารทั้งคู่ สกุลถังเราจึงห้ามลูกหลานทุกคน มีความรักที่ผิดจารีต ทั้งชายและหญิง กว่าร้อยปีที่ผ่านมา ประมุขตระกูลถังก็รักษากฎข้อนี้มาตลอด แต่ข้าให้โอกาสเสมอ ถ้าเจ้าเปลี่ยนใจข้าได้ ถ้าเจ้ามีชัยเหนือประมุขสกุลถังได้ เจ้าก็ล้างกฎได้ ข้าว่า....... ชุนยี้ก็รู้กฎข้อนี้ดีอยู่แล้ว เขาเป็นลูกชายคนเดียวของข้า เขาย่อมไม่กล้าสู้กับข้า ชุนยี้จะหวังดีเรื่องขี้ผึ้งมรกต หรือจะหลอกใช้เจ้ารึเปล่า ข้าไม่รู้ แต่ถ้าเจ้าเอาชนะแส้อสรพิษในมือข้าได้ ข้าก็จะยอมตามที่พวกเจ้าขอทุกอย่าง”

“ท่านรับปากแล้วนะ......งั้น............รับมือ” เพ็กทงซูกระโดดจู่โจมทันที ตั้งใจจะแค่ฟันแส้ให้ขาด หรือสะกิดมือให้หลุดจากการถือแส้ ก็จะถือว่าเอาชนะถังอี้ได้ แต่แส้อสรพิษก็ปราดเปรียวสมชื่อ การเคลื่อนไหวของแส้อสรพิษ ราวกับงูร้ายที่เลื้อยไปมาอย่างรวดเร็ว ล้วนสกัดกระบวนท่าจู่โจมของจอมดาบหนุ่มได้หมดสิ้น เพ็กทงซูตวัดดาบหมายจะฟันด้านบน แต่อสรพิษนั้นกลับเลื้อยได้เร็วกว่า มันเลื้อยไปตามดาบของเพ็กทงซู แส้ที่รัดข้อมืออยู่นั้นสร้างความเจ็บปวดแก่จอมดาบหนุ่มจนเกือบจะต้องทิ้งดาบ แต่เพ็กทงซูก็เลือกที่จะกระโดดหมุนตัวตามลีลาการเลื้อยของเจ้าอสรพิษ ทำให้สามารถหลุดจากพันธนาการรัดตรึงของแส้ได้ แต่แส้กลับวกกลับ งูร้ายสีดำเลื้อยขึ้นไปบนอากาศ ก่อนจะทิ้งตัวฟาดมายังบริเวณหัวไหล่และอกด้านซ้ายของเพ็กทงซูเต็มแรง จนทำให้จอมดาบหนุ่มถึงกับกระอักเลือดออกมา

...

..

เวลาเดียวกัน ในพระราชวังมีการจัดงานเลี้ยงต้อนรับเฟยหลุนราชทูตคนใหม่จากต้าชิง พระเจ้าจองโจต้องเสด็จมาลานพิธีอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะไม่มีราชวงศ์องค์ใดที่อาวุโสหรือทรงฐานันดรพอจะเป็นผู้แทนพระองค์ ถ้าไม่นับพระหมื่นปีจองซุนซึ่งพระราชาไม่อาจทรงวางพระทัยได้กับพระปิตุจฉาบางองค์ที่เป็นพระธิดาของอดีตพระราชาพระเจ้ายองโจ สามองครักษ์ยังคงอารักขาอยู่ใกล้ชิดเช่นเคย ด้านขวาของพระที่นั่ง เป็นเก้าอี้ของขุนนางคนสนิทฮงกุกยง ที่ถืออภิสิทธิ์พกดาบติดตัวมาด้วย ขณะที่รอบนอกของลานพิธีก็มีพ่อครัวหลวงคอยปรุงอาหารถวายและดูแลเหล่าขุนนาง ซึ่งมีอยู่สองคนที่แปลกหน้าสำหรับห้องเครื่อง ฮักซาโมอาศัยความชำนาญในการแล่เนื้อได้เป็นอย่างดีขณะที่ฮวางจินกิก็ใช้มีดหั่นผักได้อย่างชำนาญ

บรรดาขุนนางของโชซอนส่วนใหญ่ก็กำลังอิ่มเอมกับอาหารโอชะตรงหน้า มีเพียงคิมฮันกูที่ดูจะให้ความสนใจอาหารน้อยไปนิดเพราะคอยมองไปที่ด้านหน้าประตูใหญ่ตลอดเวลาราวกับรออะไรบางอย่าง คิมควีจีก็ไม่ได้อยู่ในงาน สร้างความกังวลให้ฮงกุกยงไม่น้อย ขณะที่ด้านนอกพระราชวัง ทั้งกูฮยางและฮวางจินจูต่างขี่ม้าหาข่าวไปทั่ว ทั้งคู่เลือกจะสวมชุดที่รัดกุมแบบผู้ชายคอยตามสืบความเคลื่อนไหวของพวกขุนนางต้าชิงที่ตามราชทูตมา รวมทั้งกองกำลังพิเศษที่คิมควีจีแอบตั้งขึ้น กูฮยางที่แต่งเป็นชายสร้างความแปลกตาห็จินจูไม่น้อย แต่ก็ช่วยให้นางเคลื่อนไหวสะดวกขึ้นและขี่ม้าได้คล่องแคล่ว ส่วนที่บ้านของคิมควีจีเอง จางแทซันก็คอยซุ่มดูความเคลื่อนไหวไม่ให้คลาดสายตา

บริเวณที่ประทับของพระเจ้าจองโจ มีมหาดเล็กและนางกำนัลแปลกหน้ารวมตัวอยู่บ้าง ส่วนหนึ่งเป็นคนใหม่ ที่เข้ามาทดแทนคนของฮงพงฮันที่ถูกจับตัวไป ถึงจะมีสายลับมูยองเกบางคนแฝงกายรวมอยู่ด้วยแต่ฮงกุกยงกับสามองครักษ์ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร รู้แต่ไว้ใจได้เพราะทุกคนยังคงภักดีกับชอนจูของตนเองและรับคำสั่งให้หน้าที่สายลับพร้อมกับปกป้องราชวงศ์ด้วย ในขณะที่มีอยู่สองคนที่พวกฮงกุกยงและพวกซังกักยงกอล แทยงรู้จักดี ถึงจะไม่คุ้นเคยก็ตาม มัตสึโมโต้ เซจิ อยู่ในเครื่องแบบมหาดเล็ก ถึงจะดูรุ่มร่ามแต่ก็ซ่อนอาวุธได้เป็นอย่างดี แต่อีกหนึ่งคนที่สร้างความประหลาดใจให้กับพวกฮงกุกยงหรือแม้แต่กับพระราชาเองก็คือถังชุน เจ้าแห่งพิษน้อยอยู่ในชุดนางรำ ซึ่งมีหน้าที่ร่ายรำและสร้างความสำราญให้เหล่าขุนนาง รวมทั้งคิมฮันกูด้วย

มูยองเกสืบพบว่าชางยางมีลูกศิษย์ชื่อชางลี ซึ่งคาดว่าจะเป็นผู้ลอบปลงพระชนม์พระราชา แต่ไม่มีรู้ว่าชางลีคนนี้หน้าตาเป็นยังไง ไม่รู้ว่าเป็นชายหรือหญิงด้วยซ้ำ และไม่รู้ว่าจะปลอมตัวมาเป็นใครหรืออะไร อาจเป็นองครักษ์เหมือนครั้งก่อนที่ฮงแทจูลอบส่งลูกน้องปลอมตัวเข้ามา หรืออาจเป็นมหาดเล็ก หรือแม้แต่เป็นนางกำนัล ฮงกุกยงสั่งตรวจสอบข้าหลวงฝ่ายในเกือบทุกคนและไม่พบพิรุธ เว้นแต่นางในตำหนักพระหมื่นปีจองซุนและตำหนักองค์หญิงฮวาวาน พระปิตุจฉาของพระเจ้าจองโจผู้เคยมีพระคุณอภิบาลพระเจ้าจองโจเมื่อครั้งดำรงพระยศองค์ชายลีซาน

“ทำไมวันนี้....องค์หญิงฮวาวานถึงเสด็จมาร่วมงานได้วะ ตั้งแต่ฝ่าบาทพระราชทานยาพิษประหารจองฮูกยอมเมื่อปีก่อน องค์หญิงก็เก็บพระองค์ไม่ยุ่งเรื่องราชสำนักอีกเลยไม่ใช่หรอ” ซังกักแอบกระซิบถามยงกอล

“นั่นดิ..........ลูกบุญธรรมถูกฝ่าบาทประหาร เห็นทีแรก องค์หญิงทรงเสียพระทัยมาก ทั้งยังกริ้วไปทั่ววัง ขนาดพระพันปียังทรงรับไม่ได้ แล้วทำไม ถึงทรงยอมมาร่วมงานเลี้ยงต้อนรับราชทูตต้าชิงล่ะ” ยงกอลเองก็สงสัย

“ได้ยินโชริปเล่าว่า พระองค์เคยเป็นพระสหายกับใต้เท้าเฟยหลุนราชทูตคนใหม่มาก่อนตั้งแต่ยี่สิบกว่าปีก่อน ฝ่าบาทจึงจำเป็นต้องทูลเชิญพระปิตุจฉามาร่วมงาน” แทยงบอกเพื่อนๆ

“แต่พวกเราไม่ได้ตรวจสอบนางในตำหนักองค์หญิงฮวาวานเลยนะ แล้วสมมติว่า มีนักฆ่าปลอมตัวมาล่ะ ยิ่งองค์หญิงทรงบาดหมางกับฝ่าบาทอยู่ด้วย” ซังกักพยายามตั้งข้อสงสัย เพราะไม่ไว้ใจพระปิตุจฉาแต่แรก

“มีแค่ซังกุงคนสนิทที่มาร่วมงาน แล้วก็เป็นแค่ซังกุงแก่ๆคนเดียวเอง อย่าวิตกไปเลยน่า” ยงกอลบอกเพื่อนซี้

“แค่หญิงชราคนเดียวเอง ต่อให้เป็นมือสังหารจริง พวกเราสามคนก็จัดการได้อยู่แล้ว ห่วงเจ้าราชทูตนั่นดีกว่า ไม่รู้เจ้าซามูไรหนุ่มนั่นกับถังชุนจะเอาอยู่มั้ย หากเจ้าทูตนั่นคิดปองร้ายฝ่าบาทขึ้นมา” แทยงเตือนสติเพื่อน

“คนร้ายที่นี่ข้าไม่ห่วง ข้าห่วงข่าวที่แม่นางหมอหญิงบอกมากกว่า ถ้าคิมควีจีมีแผนร้ายและพระหมื่นปีทรงร่วมมือด้วยจริง เราจะรับมือลำบาก เพราะหนนี้ ฝ่ายโน้นไม่ยอมให้แผนรั่วไหลเลย ขนาดพวกมูยองเก ยังสืบไม่ได้” ฮงกุกยงร่วมวงสนทนา ขณะที่คิมฮงดูที่แกล้งทำเป็นวาดภาพก็คอยแอบสังเกตคนรอบข้างพระราชาอีกทางหนึ่ง

“จะว่าไป ถังชุนแต่งหญิง ก็สวยเหมือนกันนะ ข้าอยากเห็นอุนแต่งหญิงบ้างจัง” ซังกักบอก

“ข้าว่า ถ้าอุนแต่งเป็นหญิงจริง อาจจะงามกว่าแม่นางจีซอน หรือจินจู หรือจางมีด้วยซ้ำ” ยงกอลบอก

“ก็งามขนาดนั้น ขนาดมีแผลเป็นนะ ...... แค่มองตา ก็เกือบจะทำให้หลงรักแล้ว” แทยงเสริมเพื่อน

“ข้าแอบได้ยินว่า เหตุผลที่ทงซูท้าสู้กับถังอี้ในคืนนี้ ก็เพราะต้องการยาวิเศษอะไรซักอย่างจากถังอี้มารักษาแผลเป็นที่หน้าของอุน ทงซูน่ะ เสียใจมาตลอดที่ทำร้ายใบหน้าของอุนจนมีแผลเป็น เขาก็เลยต้องการที่จะรักษาใบหน้าของอุนให้ได้ และโอกาสก็มีเพียงคืนนี้ ขนาดต้องยอมเสี่ยงตายดวลตัวต่อตัวกับถังอี้ตามลำพังก็ยอม” ยงกอลอธิบาย

“หมายความว่า......ทงซูจะต้องรักอุนมากจริงๆ ไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบเพราะสูญเสียแม่นางจีซอนไปงั้นสิ” แทยงถาม

“ห้าปีที่ผ่านมา นับจากเหตุการณ์ที่อุนกลายไปเป็นมือสังหารสำนักโคมดำ ตลอดครึ่งเดือนที่ผ่านมา ข้าว่า นั่นคือช่วงเวลาที่ทงซูมีความสุขที่สุดแล้ว เพราะที่ผ่านมา หากไม่นับสามปีที่เจ้านั่นไปฝึกวิชากับท่านคอมซา ช่วงเวลาที่เหลือ ก็มีแต่เรื่องให้กังวล ลำบากใจ และสูญเสีย ขนาดมีแม่นางจีซอนอยู่เคียงข้าง แต่ข้าก็ไม่เคยเห็นทงซูร่าเริงและมีพลังชีวิตเท่านี้มาก่อน คนที่ทำให้เขามีความสุขได้จริงๆ ก็อาจจะมีอุนคนเดียว” ฮงกุกยงร่วมแสดงความคิดเห็น

“สังเกตมั้ย.... ว่าหลายวันนี้ ทงซูดูร่าเริงผิดปกติ ยังกะกินอะไรผิดสำแดงหรือผีเข้าอย่างงั้นแหละ” ซังกักถาม

“ก็คงเพราะมีอุนอยู่ใกล้ๆมั้ง สองคนนั่น พักหลังมักจะทำให้ข้าอึ้งอยู่เรื่อย” ยงกอลบ่นเบาๆ

“หมายถึงเรื่องที่พวกนั้นแอบพลอดรักกันสองคนในห้องนอนทงซูน่ะหรอ” แทยงเปรย

“พวกเจ้าไปแอบเห็นพวกนั้น ทำอะไรกันมาอย่างนั้นเหรอ” ฮงกุกยงสนใจฟังทันที

“ก็..........พักหลัง ข้าเห็นพวกนั้น จับไม้จับมือกันบ่อยขึ้น กอดกันบ่อยขึ้น นั่งคุยกันสองต่อสองบ่อยขึ้น แถมทงซูยังแอบหอมแก้มอุนอีกต่างหาก ทีกับแม่นางจี๙อน ยังไม่เห็นเคยทำแบบนี้เลย” ยงกอลเล่า

“คืนก่อนนะ ข้าออกเวรและกลับมาที่นี่ เดินผ่านห้องนอนของเจ้าพวกนั้น ข้าได้ยินเสียงด้วย” แทยงเล่าบ้าง

“เสียงอะไรวะ” คนอื่นๆถามพร้อมๆกัน

“ก็เสียงเหมือนกับตอนที่ผู้ชายกับผู้หญิง....แบบว่า.......อย่างนั้นกันยังไงล่ะ” แทยงบอก

“แล้ว.......คือ.........” ยงกอลพูดต่อไม่ออก ได้แต่ทำสีหน้าฉงน

“อย่าเสียงดังไป....... อยู่ในวัง ในโชซอน เรื่องพวกนี้ ยิ่งรู้น้อยก็ยิ่งดี ข้าไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่” ฮงกุกยงเตือนเพื่อนๆ ว่าอย่าให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปในวังหลวง เพราะผิดจารีตใหญ่หลวง

“แต่ข้าก็ยังสับสนเรื่องอุนกับทงซู ว่ามันเป็นไปได้ไง แต่มันก็เป็นไปแล้ว ทีแรก ทงซูเหมือนจะชอบแม่นางจีซอน แต่ที่จริงแล้ว เจ้านั่นกลับหลงรักอุน รักฝังใจมานานปี จะว่าเพราะความใกล้ชิดสนิทสนมกัน แต่ว่าพวกเรา ก็สนิทกันไม่ต่างจากทงซูกับอุน แล้วทำไมพวกเราถึงไม่เหมือนเจ้าพวกนั้นล่ะ” ซังกักถามความเห็นเพื่อนๆ

“เรื่องแบบนี้ คงต้องมากกว่าความสนิท ความไว้ใจ และฝากชีวิตเพื่อกันและกันล่ะมั้ง อุนน่ะ เคยเสี่ยงตายช่วยชีวิตทงซูหลายครั้ง เคยร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันหลายครั้ง ต่อสู้กันก็นับพันครั้ง แถมยังยอมตายเพื่อกันและกันอีกต่างหาก ข้าว่า ถ้าตอนนั้น อุนไม่ยอมตายใต้ดาบของทงซู ทั้งคู่ก็อาจจะยังไม่รู้ใจตัวเอง บางครั้ง เรื่องของความรัก มันก็อธิบายด้วยตรรกะแบบที่พวกเรารู้จักไม่ได้” ยงกอลตอบซังกัก

“พูดยังกะเคยมีความรักอย่างนั้นแหละ ยงกอล เจ้าเองก็ไม่เคยรักใครมาก่อนไม่ใช่หรอวะ ถ้าให้โชริปพูด ยังจะน่าเชื่อหน่อย เพราะสนิทกับเจ้าพวกนั้นที่สุด แถมยังมีความรักด้วย อีกหน่อย ท่านราชเลขาก็คงขอจางมีแต่งงานยังไงล่ะ” แทยงเย้าเพื่อน แต่โชริปกำลังสนใจความเคลื่อนไหวของราชทูตต้าชิงมากกว่า

“แทยง......เจ้าผิดแล้วล่ะ ใครบอกล่ะ ว่ายงกอลไม่เคยมีความรัก ข้าแอบสังเกตเห็น ว่าเจ้ายงกอลน่ะ กำลังแอบชอบคุณหนูตระกูลฮงแห่งพงซานอยู่” ซังกักแซวเพื่อน

“เจ้าหมายถึง แม่นางฮงอึนบี น้องสาวของโชริปอย่างนั้นหรอ ซังกัก อะไรกันวะยงกอล เจ้าไปแอบชอบน้องสาวของโชริปได้ยังไงวะ” แทยงบ่น

“ถึงแอบชอบก็เท่านั้นแหละ แทยง แม่นางอึนบีน่ะ ได้รับเลือกเป็นซังกุงพิเศษ ว่าที่พระสนมวอนบิน เตรียมถวายตัวหลังวันประสูติพระพันปี ข้าหมดหวังแล้วล่ะ” พูดจบก็หันไปมองว่าที่พระญาติของพระราชา

“ข้าไม่ได้เสนอน้องสาวตัวเองให้ฝ่าบาทนะ ซังกัก แทยง อย่ามองข้าด้วยสีหน้าอย่างนั้นสิ ข้าโตมากับพวกเจ้า ไม่สนิทกับนางด้วยซ้ำ แต่พระพันปีเคยรู้จักกับท่านพ่อของข้ามาก่อน พระนางก็เลยทรง.........”

“ข้าเชื่อเจ้า....โชริป ข้าก็เคยได้ยินแม่นางอึนบีพูดแบบนี้เหมือนกัน ตอนที่ท่านพ่อของเจ้าพาแม่นางไปเฝ้าพระพันปีตั้งแต่ปีก่อน ข้าก็แค่..................”

“เราเป็นองครักษ์ ยงกอล หน้าที่มาก่อนความรัก” ซังกักให้สติเพื่อน

“ข้ารู้....ซังกัก ข้าแค่............... นึกอิจฉา...อุน.... ที่เลือกชีวิตอิสระของตัวเองได้ รักใครก็ได้ตามใจปรารถนา และสามารถท่องไปในโลกกว้างได้อย่างเสรี” ยงกอลบอก

“เหมือนเมฆขาวที่ล่องลอยอยู่บนฟ้า.......” แทยงเสริมกึ่งเปรียบเปรย

“เหมือนเมฆ............” โชริปเปรยเบาๆ สามองครักษ์และราชเลขาฮงกุกยงกำลังคุยกันเพลิน จนกระทั่งได้ยินเสียงดังมาจากตำหนักด้านใน

“ตำหนักพระหมื่นปีไฟไหม้ แย่แล้ว ตำหนักพระหมื่นปีไฟไหม้ .................”

“ตำหนักพระพันปีไฟไหม้.............. ช่วยด้วย..............ตำหนักพระพันปีไฟไหม้.................”

“อารักขาฝ่าบาท............” ฮงกุกยงตะโกนเสียงดังท่ามกลางความโกลาหลของผู้คน องครักษ์จำนวนมากถูกเกณฑ์ไปดับเพลิงที่ตำหนักพระหมื่นปีและตำหนักพระพันปี งานเลี้ยงถูกประกาศยกเลิก เหล่าขุนนางต่างแยกย้าย คิมฮันกูมุ่งหน้าไปตำหนักพระนางจองซุน ราชทูตต้าชิงก็เข้ามาทูลลาฝ่าบาทก่อนจะเดินทางกลับจวนที่พัก

พระเจ้าจองโจยังคงประทับอยู่ที่ลานพิธีมีองครักษ์และมหาดเล็กล้อมรอบ รวมถึงองค์หยิงฮวาวานที่ประทับอยู่ด้วยกัน พระราชารับสั่งให้ซังกักและยงกอลไปถวายความปลอดภัยพระพันปีเฮคยอง จึงเหลือเพียงแทยงกับโชริปที่คอยถวายอารักขา

...

..


TBC




Create Date : 30 กันยายน 2557
Last Update : 30 กันยายน 2557 22:07:17 น.
Counter : 874 Pageviews.

7 comment
“ยออุน โดดเดี่ยวไร้เทียมทาน” (ฟิค Warrior Baek Dong Soo) ตอนที่25
“ยออุน โดดเดี่ยวไร้เทียมทาน” (ฟิค Warrior Baek Dong Soo) ตอนที่25


บริเวณผาน้ำตก  สถานที่นัดประลองของยออุนและซอนัมซุน

“เจ้าพร้อมที่จะตายรึยัง..........ชอนจู” ทายาทสำนักดาบอสูรเอ่ยกับชอนจูสำนักโคมดำที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่

“ซอนัมซุน สำนักดาบอสูรของเจ้า ไม่เคยข้องเกี่ยวกับฮันยางมาก่อน ทำไมถึงต้องพากันมาถึงที่นี่ด้วย”

“ข้ามีธุระสองสามเรื่องที่ต้องสะสาง เรื่องแรก ก็คือการล้างแค้นคนสองคน แต่เสียดาย ที่พวกมัน ตายไปหมดแล้ว”

“คงจะเป็นท่านคอมซา กับอดีตชอนจูสำนักโคมดำสินะ”

“รู้ดีเหมือนกันนี่นา เมื่อเจ้าเฒ่าสองคนนั่นตายไปแล้ว งั้นก็ต้องเป็นเจ้า กับเจ้ามูซานั่น ที่ต้องใช้เลือดล้างดาบอสูรของข้าแทน ดาบอสูรของข้า ต้องเหนือกว่าดาบนภา กับดาบเทพยดา และข้า ก็จะขึ้นเป็นจอมดาบอันดับหนึ่งแห่งโชซอน”

“แล้วเรื่องพระนางจองซุนล่ะ เป็นเหตุผลที่ทำให้เจ้ามาฮันยางด้วยใช่มั้ย”

“สมกับเป็นชอนจูสำนักโคมดำ งั้นเจ้าก็ย่อมรู้ว่า ข้ากับนาง เคยรักกันมาก่อนตั้งแต่สมัยเด็ก ถ้าไม่ใช่เพราะพระราชาเฒ่าบังคับนางแต่งงานล่ะก็ ป่านนี้ ข้ากับนางก็ต้องมีลูกด้วยกันไปแล้ว”

“แต่เรื่องนั้น ตระกูลคิมเป็นฝ่ายเลือกเอง นางเต็มใจเป็นพระมเหสีของพระเจ้ายองโจเอง อีกอย่าง ที่อดีตชอนจูสำนักโคมดำคิดสังหารเจ้า ก็เพราะเป็นคำสั่งจากฮงแทจู ศิษย์ร่วมสำนักของเจ้าเอง”

“ใครจะอยากเป็นเมียของผัวที่แก่คราวปู่ เจ้าเฒ่านั่น ทำให้นางต้องเจ็บช้ำใจถึงสิบเจ็ดปี ตอนนี้มันตายไปแล้ว ข้าก็มีสิทธิที่จะทวงคนรักของข้าคืน แต่พระราชาองค์ปัจจุบันดันเป็นอุปสรรค ถ้าไม่มีพระราชาองค์นี้ ข้ากับนางก็จะครองคู่กันได้ และถ้าคิดจะกำจัดพระราชาลีซานให้ได้ล่ะก็ ก็ต้องกำจัดเจ้ากับเพ็กทงซูให้ได้ซะก่อน”

“อย่างนั้นเหรอ......คิดว่าจะทำได้มั้ยล่ะ” พูดจบชอนจูหนุ่มก็รีบลุกอย่างรวดเร็ว ราวกับจับปฏิกิริยาบางอย่างได้

“อย่าพูดมากเลย......รับดาบ” ซอนัมซุนถือดาบพุ่งใส่ยออุนอย่างรวดเร็ว ร่างโปร่งกระโดดหลบได้ทัน พร้อมชักดาบคู่ออกมา ดาบสั้นเล่มเก่าที่เคยใช้มานานซึ่งเป็นดาบที่ยออุนจ้างให้ช่างตีขึ้นตั้งแต่สมัยเด็ก กับดาบกึ่งยาวอีกเล่มที่เป็นของอดีตชอนจูคนแรกของสำนักโคมดำ ดาบดาวหางที่ทั้งคมกริบและแข็งแกร่ง ส่วนดาบสั้นอีกเล่ม ชอนจูหนุ่มแอบซ่อนไว้เพื่อใช้เป็นไม้ตายสุดท้าย

ร่างกำยำร่ายเพลงดาบอสูรได้อย่างน่ากลัว ชื่อเพลงดาบอสูร คงจะได้มาจากกระบวนท่าที่โหดร้ายหมายเอาชีวิตฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น ร่างดปร่งสามารถใช้เพลงดาบคู่ของตนตั้งรับได้อย่างชำนาญและไม่มีทีท่าจะเพลี่ยงพล้ำแต่อย่างไร

“เพลงดาบที่แสนวิเศษ ชอนจู กระบวนท่าของเจ้าช่างงดงาม เพลงดาบไม่ธรรมดาจริงๆ” พูดไประหว่างต่อสู้ แต่ดูเหมือนลมหายใจจะเป็นปกติดี ไม่แสดงอาการเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย เป็นยอดนักสู้ที่อึดและแข็งแกร่งมากจริงๆ

ตีลังกาหมุนและฟาดดาบห้าครั้งติดต่อกันได้อย่างหนักหน่วง รุนแรง และรวดเร็ว ชอนจูหนุ่มที่เป็นฝ่ายรับมาตลอดโดยไม่ยอมบุกถึงกับเซถอยไปด้านหลัง เพียงเท่านี้ ประมุขหนุ่มรูปงามแห่งสำนักโคมดำก็ทราบได้ทันทีว่า คู่ต่อสู้ตรงหน้า ผ่านการฝึกฝนมาอย่างโชกโชน มีจิตสังหารที่แรงกล้า และมีเพลงดาบที่เหนือกว่าอดีตชอนจูของตนเองเสียอีก ถ้าเป็นสมัยก่อน ตนเองอาจจะพลาดท่าเสียทีและจบชีวิตภายใต้คมดาบอสูรไปแล้วก็เป็นได้ แต่เพราะประสบการณ์ที่พัฒนาขึ้น ยออุนจึงยังยืนหยัดได้อยู่

“ร้ายกาจมาก กระบวนท่าอสูรเหวี่ยงของข้า เจ้ายังรับมือได้ ทั้งๆที่หลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครรอดตายจากท่านี้ของข้ามาก่อน เห็นท่าว่าข้าคงจะฆ่าเจ้าไม่ได้ง่ายๆซะแล้ว.... งั้นเอาอย่างงี้ เจ้าลองรับมือกับค่ายกลดาบปีศาจของวิชาสำนักดาบอสูรดูก็แล้วกัน” ซอนัมซุนหยุดต่อสู้กับยออุน แล้วให้นักดาบอีกแปดคนที่แต่งกายด้วยสื้อผ้าสีสันแตกต่างกันออกมา นักดาบทั้งแปดยืนประจำตำแหน่งการเคลื่อนไหวคล้ายกับใยแมงมุม ชายคนนึงมีอาวุธประหลาดคล้ายโซ่ที่มีตะขอเกี่ยว มีหนึ่งคนที่ถือเคียว อีกคนถือกรงเล็บเหล็ก มีคนหนึ่งถือขวานใหญ่ ยออุนเห็นคนตัวใหญ่ถือค้อนยักษ์ คนที่ยืนอยู่หลังชายร่างยักษ์เหมือนจะถือดาบสั้นคู่คล้ายของยออุน ชอนจูรูปงามพยายามมองว่าเป็นบุรุษหรือสตรีกันแน่ แต่เห็นไม่ค่อยชัด และมีสองคนที่ใช้ดาบยาว ถึงอาวุธของทั้งแปดคนจะแตกต่างกัน แต่ท่าทางที่ใช้เป็นวิชาดาบอย่างไม่ต้องสงสัย

“แปดรุมหนึ่งอย่างนั้นเหรอ เล่นวิธีสกปรกจนได้นะ ซอนัมซุน ไหนเจ้าท้าข้ามาดวลดาบยังไงล่ะ”

“ข้าก็ไม่ได้บอกนี่......ว่าจะสู้กันตัวต่อตัวและจะไม่รุมเจ้าน่ะ อย่าห่วงไปนักเลย ท้ายที่สุด เจ้าต้องตายด้วยเพลงดาบของข้าอย่างแน่นอน ดาบนภาของเจ้า ต้องสิ้นชื่อด้วยดาบอสูรของข้า”

“อา........งั้นก็ลองดู” ร่างโปร่งกระโดดหมุนตัวแล้วกางดาบออกราวกับพญาหงส์เหินเวหามาร่ายรำอยู่บนฟ้า ใช้ออกด้วยวิชาดาบดาราสวรรค์ ซึ่งเป็นเพลงดาบที่คนในสำนักดาบอสูร ไม่เคยมีใครพบเห็นกระบวนท่านี้มาก่อน นักดาบทั้งแปดต่างผลัดกันจู่โจมชอนจูหนุ่ม แต่ชอนจูหนุ่มคนนี้ ได้ชื่อว่ามีเพลงดาบที่ไร้เทียมทาน ดาบดาราสวรรค์ก็สำแดงอานุภาพได้อย่างน่าอัศจรรย์ หนึ่งในแปดนักดาบใช้โซ่ที่มีตะขอเกี่ยวจู่โจมพันดาบดาวหางไว้ ทำให้ดาบดาวหางไม่สามารถเคลื่อนไหวตามทิศทางที่ยออุนคิดได้ แต่ยออุนเพียงใช้มือซ้ายหมุนดาบดาวหางที่ถืออยู่ ให้ตัวดาบหมุนรอบตัวเองโซ่ที่เกี่ยวดาบไว้ก็ขาดสะบั้นลงและใช้ด้ามดาบกระแทกตะขอที่ลอยอยู่กลางอากาศให้พุ่งไปกระแทกใส่เจ้าของเอง แถมยังสามารถใช้ดาบที่อยู่ในมือขวารับการโจมตีของเคียวที่ฟาดมาอย่างรวดเร็ว และใช้มือซ้ายที่เป็นอิสระแล้วเหวี่ยงดาบดาวหางไปฟันถูกสีข้างของคนที่ใช้เคียวพอดี เพียงเวลาสั้นๆ ชอนจูสำนักโคมดำก็สังหารนักดาบฝ่ายศัตรูได้สองคน

คนที่ใช้กรงเล็บ กระโดดลอยตัวสูงพลางใช้กรงเล็บตะปบใส่ร่างโปร่งที่ยืนสงบนิ่งอยู่ ท่าร่างกระโดดดูเฉียบขาด รวดเร็วราวกับพญาเหยี่ยวกางกรงเล็บตะปบเหยื่ออันโอชะ น่าเสียดายที่เหยื่อของพญาเหยี่ยวตัวนี้ ไม่ใช่กระต่ายป่าผู้อ่อนแอ หากแต่เป็นพญาหงส์ผู้ปราดเปรียว เข้มแข็ง และเปี่ยมพลังชีวิต ราวกับนกอมตะในนิทานปรัมปรา ร่างโปร่งตีลังกาไปด้านหลัง ทำให้กรงเล็บตะปบพลาด แต่นักสู้สำนักดาบอสูรก็ไม่ปล่อยเวลาให้เนิ่นช้า เหวี่ยงกรงเล็บไปด้านข้าง เรี่ยพื้น หมายจะตะปบให้ถูกขาของชอนจูหนุ่ม แต่ยออุนกลับเตะสวนไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่า สนับแข้งที่ทำจากโลหะชนิดพิเศษบวกกับแรงเตะที่หนักหน่วงของอดีตนักฆ่า แข็งแกร่งเพียงพอจะกระแทกด้ามยาวของกรงเล็บให้กระเด็นหลุดมือของนักสู้ที่เป็นเจ้าของ ชอนจูหนุ่มกรีดดาบลงหมายใจจะสังหารคู่ต่อสู้ให้ตายใต้คมดาบของตน แต่ขวานเล่มเขื่องก็เหวี่ยงมาใกล้ศีรษะของตนทำให้ต้องก้มหลบ และกรีดลำตัวถูกนักสู้ฝ่ายศัตรูได้หนึ่งแผลบางๆ

หลบพ้นแรงเหวี่ยงของขวานเล่มใหญ่ได้หวุดหวิด แต่ค้อนยักษ์อันหนักก็ฟาดมาในทิศตรงกันข้าม ชอนจูหนุ่มยกดาบขึ้นต้านแรงฟาดของค้อนยักษ์ แต่ด้วยแรงและน้ำหนักมหาศาล อดีตนักฆ่าหนุ่มถึงกับกระเด็นผละไปด้านหลัง โชคดีที่ยออุนรู้จักหลักการยืมแรงต้านแรงจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็เสียจังหวะรุกเลยหมดโอกาสจู่โจมสังหารซ้ำเจ้าของกรงเล็บนั้น ขณะที่ทั้งขวานและค้อนยักษืกลับเริ่มเป็นฝ่ายจู่โจมอีกครั้ง ด้วยน้ำหนักมหาศาลบวกกับพลังโจมตีที่รุนแรงทำให้ยออุนไม่กล้าปะทะตรงๆได้แต่อาศัยความคล่องแคล่วรวดเร็วหลบการโจมตีของอาวุธหนักทั้งสอง หาจังหวะและโอกาสใช้ความได้เปรียบด้านความเร็วและท่าร่างที่ปราดเปรียวเอาชัยศัตรู

แม้จะเสียกรงเล็บที่เป็นอาวุธคู่ใจ และบาดเจ็บจากการถูกดาบของยออุนกรีดใส่ แต่นักสู้คนนั้นก็ยังกลิ้งตัวหลบออกไปได้และลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว เขาควักมีดสั้นออกมาถือและไปยืนด้านข้างของนักสู้อีกคนที่ใช่ค้อนยักษ์ ชายที่ถือขวานเล่มใหญ่ กับคนที่ถือค้อนสบตากัน จากนั้น ทั้งสองก็พุ่งหาชอนจุหนุ่มอย่างรวดเร็ว แม้รูปร่างออกจะใหญ่โตไปไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับร่างโปร่งที่คล้ายจะบอบบาง แต่ชายที่ถืออาวุธขนาดใหญ่ทั้งสองคนกลับเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าที่ยออุนคาดคิด ค้อนเหวี่ยงใส่ร่างท่อนบนคงหมายจะฟาดกะโหลกชอนจูหนุ่มให้แตก ขณะที่ชายอีกคนก็เหวี่ยงขวานโจมตีทางด้านล่าง ด้วยความตั้งใจจะฟันขาของคู่ต่อสู้ให้ขาดกระจาย ชอนจูหนุ่มกระโดดลอยตัวแล้วพุ่งไปเป็นแนวนอน ศีรษะพุ่งไปด้านหน้า ขณะที่ขาสองข้างอยู่ด้านหลังแล้วหมุนตัวไปพร้อมกัน สามารถลอดระหว่างอาวุธทั้งสองได้อย่างเหลือเชื่อ พร้อมกับกรีดดาบคู่ในมือของตนใส่ข้อมือของนักสู้ร่างใหญ่ทั้งสองคน ก่อนจะไปหยุดยืนไม่ห่างนัก

เคร้งงงงงงงง.........เสียงค้อนและขวานหล่นลงบนพื้น ข้อมือของนักสู้ทั้งสองคนชุ่มไปด้วยเลือด เสียเลือดและบาดเจ็บจนไม่อาจจะยกอาวุธขึ้นได้อีก แต่นักสู้สองคนก็ยังพอมีเรี่ยวแรงเหลือบุกอดีตนักฆ่าหนุ่มได้ ยออุนแทงดาบคู่ใส่ทรวงอกของคนทั้งคู่เต็มแรง แม้ว่าจะโดนแทงและเหลือมือข้างเดียว แต่นักสู้ร่างใหญ่ทั้งสองคนก็ไวจนสามารถใช้มือและแขนที่เหลือจับและยึดมือของยออุนไว้ได้ทั้งสองข้างจนไม่สามารถหลุดจากพันธนาการของคนทั้งคู่ได้ คนที่เคยใช้กรงเล็บได้โอกาส รีบถือมีดพุ่งเข้าใส่ชอนจูหนุ่มทันที

ฉึกกกกก..............เสียงถูกแทง แม้ชอนจูหนุ่มจะยกขาเตะสวนแต่ก็ยังถูกแทงที่สีข้างเบาๆไม่ลึกมาก ขณะที่เท้าสองข้างของร่างโปร่งก็รัดคอของศัตรูที่เป็นคนแทงตนด้วยท่ากรรไกรไขว้ ยออุนบิดขาและเท้าของตนจนมีเสียงดังกร๊อบ......คอของคนที่เคยใช้กรงเหล็บหักและสิ้นใจตายทันที ในเวลาเดียวกับที่เพลงดาบดาราสวรรค์ก็คล้ายจะสยายปีกกรีดลำตัวของนักสู้ร่างใหญ่ที่ยึดปีกเอาไว้สองข้างจนสามารถเป็นอิสระจากพันธนาการได้ในที่สุด

กำจัดฝ่ายตรงข้ามไปได้อีกสามคนอย่างต่อเนื่อง แต่อดีตนักฆ่าฝีมือไร้เทียมทานก็เริ่มได้รับบาดเจ็บ บาดแผลที่สีข้างแม้จะไม่ลึกมาก แต่ก็เจ็บแปลบไม่น้อย ซอนัมซุนที่ดูอยู่มีอาการขุ่นใจไม่น้อยที่เห็นลูกน้องมือดีของตนถูกสังหารไปถึงห้าคน แต่ก็แอบดีใจอยู่บ้างที่เห็นยออุนได้รับบาดเจ็บ

“ข้าว่า..........ฝีมือเจ้า เหนือกว่าเจ้าชอนจูเฒ่านั่นอีกนะ......... ใช่มั้ย.....ยออุน”

“เจ้ารู้จักชื่อจริงของข้า งั้นก็คงจะรู้ประวัติของข้าด้วยล่ะสิ” ยออุนพูดไปก็ยังคงระแวดระวังนักดาบอีกสามคนที่เหลือ คนที่ใช้ดาบคู่เหมือนกับตนเองที่ครั้งแรกดูไม่ชัดว่าเป็นชายหรือหญิงนั้น ที่แท้ก็เป็นหนุ่มน้อยคนหนึ่ง เขาตัวเตี้ยกว่ายออุนเล็กน้อย ร่างโปร่งคล้ายกันแต่ก็ดูบึกบึนกว่านิดหน่อย ไว้ผมสั้นกว่าปกติทั่วไป ชอนจูหนุ่มทันสังเกตตอนที่หนุ่มน้อยคนนี้แอบยิ้มฟันคู่หน้าเด่นออกมาบ้างพอเป็นเสน่ห์น่าเอ็นดูจนอดคิดไม่ได้ว่านี่คือนักฆ่าของสำนักดาบอสูรจริงหรือ ขณะที่นักดาบอีกสองคน มีใบหน้าเหมือนกันราวฝาแฝด แววตาดุร้ายภายใต้รูปหน้าหล่อเหลา ชอนจูหนุ่มประเมินว่านักดาบฝาแฝดหนุ่มสองคนนี้ฝีมือไม่ธรรมดา อาจจะระดับใกล้เคียงกับจางแทซันหรือเหนือกว่าเล็กน้อยเพราะความหนุ่มแน่นด้วยซ้ำไป

“ทายาทของยอโชซัง...........ใช่มั้ย”

“พูดเหมือนรู้จักท่านพ่อของข้าอย่างนั้นแหละ......... เจ้ารู้จักชื่อของพ่อข้าจากซอกึมซุน แม่ของเจ้า...งั้นล่ะสิ”

“สืบเรื่องของข้ามาดีเหมือนกันนี่........ยออุน”

“หลานชายของจอมดาบอสูรซอนัมฮง...... ลูกชายกำพร้าที่ถูกแม่เลี้ยงมาโดยลำพัง”

“อา.....ข้าเป็นลูกไม่มีพ่อ...... คงไม่เหมือนกับเจ้าสินะ...........ยอโชซังคงเอาใจใส่เจ้าเป็นอย่างดี”

“ดูเจ้าจะสนใจพ่อของข้ามากเลยนะ.............ซอนัมซุน.........ซอกึมซุนแม่เจ้า........เคยบอกมั้ย ว่าพ่อบังเกิดเกล้าของเจ้าคือใคร” แม้จะดูเหมือนระวังจะถูกรุมจู่โจมจากนักดาบคู่แฝด แต่ชอนจูหนุ่มก็ใจจดใจจ่อ กับคำตอบไม่น้อย

“เจ้าดูตื่นเต้นนะ.......ยออุน......ใบหน้าเจ้าคล้ายข้ามาก ข้าว่า.....เจ้าก็น่าจะเดาคำตอบได้อยู่แล้วนี่” ซอนัมซุนแอบสังเกตเสียงลมหายใจที่เปลี่ยนไปของยออุน สังเกตบาดแผลที่สีข้าง และเตรียมจู่โจมอีกครั้ง

“แม่ของเจ้า......แค้นพ่อของข้ามากนักเหรอ” ปากพูดพลางใช้นิ้วจี้สกัดจุดบริเวณบาดแผลที่สีข้างเพื่อห้ามเลือด

“แค้นหรอ..........เปล่าเลย...........นางไม่เคยแค้นเจ้านั่นแม้ซักนิด...........แต่เจ้ารู้มั้ย..............นางยิ่งคิดถึงยอโชซังมากเท่าไหร่......ข้าก็ยิ่งเกลียดมันมากเท่านั้น..........ข้าเกลียด..........คนที่ทำให้พวกข้าสองแม่ลูกต้องทรมานถึงสิบกว่าปี”

“ทำไม............ทำไมเจ้าถึงต้องเกลียดคนๆนั้นด้วย...........ในเมื่อเจ้าก็รู้ว่า.....เขาเป็นพ่อบังเกิดเกล้าของ.......”

“เค้าไม่ใช่พ่อข้า.............ข้าเป็นลูกไม่มีพ่อ.............ข้าเป็นแค่เด็กกำพร้าที่เติบโตมาโดยลำพัง แต่ข้าเกลียด เกลียดคนที่แย่งความรักของแม่ข้าไป แม่ข้าต้องทรมานกับความคิดถึง ทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีหวัง ทั้งๆที่รู้ว่าคนๆนั้นเป็นพวกเดียวกับศัตรูที่ฆ่าท่านตา แต่นาง.....ก็ยังเฝ้าคิดถึงคนที่ไม่คิดจะตามหาพวกเราสองแม่ลูกเลย” พูดจบ ซอนัมซุนก็เริ่มบุกยออุนอีกครั้ง คราวนี้ ทายาทจอมดาบอสูรใช้กำลังหนักกว่าเดิม แรงฟาดดาบหนักหน่วงกว่าเก่า จนชอนจูหนุ่มเซถอยหลัง

“นั่นเพราะเค้าไม่รู้ว่ามีเจ้าอยู่อีกคน...........ท่านพ่อ........ท่านไม่เคยที่จะ........” พูดยังไม่จบประโยค ดาบอสูรก็ฟาดใส่ตนอีกครั้งจนยออุนต้องกลิ้งหลบไปด้านซ้าย ครั้งนี้ดูราวกับว่าชอนจูหนุ่มเลือกที่จะเป็นฝ่ายตั้งรับโดยไม่คิดที่จะรุกแม้แต่น้อย

“อย่ามาแก้ตัวแทนคนๆนั้นเลย........ ยออุน...... เจ้าไม่มีวันเข้าใจหรอก เด็กผู้ชายกำพร้าพ่อที่เติบโตมาพร้อมแม่ที่ใจสลายตามลำพังมันลำบากขนาดไหน ตอนเด็กๆ ท่านแม่กับข้าต้องเจออะไรกันมาบ้าง ข้าต้องโดนคนอื่นๆรังแกโดยไม่มีใครคอยปกป้อง ขณะที่เจ้าโตมาอย่างอบอุ่น มีเจ้านั่นคอยห่วงใย” ซอนัมซุนส่งสายตาให้ลูกน้องฝาแฝดสองคนที่บุกเข้ามาพร้อมกัน นักดาบฝาแฝด หนึ่งแทงหนึ่งฟัน หนึ่งรุกหนึ่งป้องกัน หนึ่งจู่โจม หนึ่งคอยสกัด ต่างประสานเพลงดาบกันได้อย่างรวดเร็วเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ยออุนที่เป็นฝ่ายตั้งรับ ก็ปรับกระบวนท่าแทบจะไม่ทัน ดาบประสานของทั้งคู่เชื่อมเป็นหนึ่งราวกะคนๆเดียวกัน พอชอนจูหนุ่มคิดจะรุกกลับบ้าง ก็กลับถูกป้องกันได้ทั้งหมด จนตัวเองต้องเป็นฝ่ายกระโดดถอยออกมาทางด้านหลังเพื่อหลบหลีกการรุมจู่โจมที่น่ากลัวนั้นเสียก่อน

...

..

..

ด้านหน้าประตูเมืองทิศตะวันออก จอมยุทธสูงวัยท่านหนึ่งกำลังนั่งอย่างสง่างามบนเก้าอี้ไม้หรูหราสมฐานะของผู้นำตระกูลถังแห่งเสฉวน ชื่อเสียงของชายชราผู้นี้โด่งดังจนแม้แต่พระเจ้าจองโจยังมีพระประสงค์จะพบ เจ้าแห่งพิษถังอี้ถือกล้องยาสูบที่ทำจากทองคำ มีอัญมณีประดับอยู่จำนวนหนึ่งแสดงความโอ่อ่า สูบยาที่ผลิตจากสมุนไพรสูตรพิเศษ และพ่นควันออกมาช้าๆ สายตาคมกริบจ้องไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินเข้มเบื้องหน้า ดาบยาวที่ข้างเอว แม้จะสร้างความสะท้านให้กับผู้อาวุโสท่านนี้เล็กน้อย แต่ชายชรายังคงยิ้มที่มุมปากได้

“เจ้าคิดจะรับมือข้าตามลำพังจริงๆรึ ........ เพ็กทงซู” ถังอี้เอ่ยปากก่อน

“ข้า.........เพ็กทงซู มีสิ่งที่กลัวอยู่แค่สองอย่าง..... และหนึ่งในนั้น ไม่มีท่านอยู่...ประมุขถัง”

“สมกับเป็นยอดผู้กล้าวัยหนุ่ม มูซาเพ็กทงซู จอมดาบอันดับหนึ่งแห่งโชซอน ศิษย์เอกของคิมกวางเทค”

“ทำไมท่านถึงท้าสู้กับข้าที่หน้าประตูเมือง” เพ็กทงซูเป็นฝ่ายเอ่ยถาม

“ข้าก็แค่นึกสนุก เดิมที ข้ามาฮันยางนี่ ก็เพื่อจะแก้แค้นให้ลุกชายของข้า............. แต่ดูเหมือนว่า ไอ้ลุกชายตัวแสบ มันจะยังไม่ตาย ข้าก็ไม่อยากมาเสียเที่ยว ไหนๆก็มาถึงที่นี่ ลองซ้อมมือกับยอดฝีมือแห่งโชซอนซักหน่อย ก็คงจะดีไม่น้อย”

“ไม่ใช่ว่าท่านร่วมมือกับทูตต้าชิงคนใหม่ คิดเล่นงานราชวงศ์โชซอนของเราหรอกเหรอ”

“ฮ่าฮ่า ฮ่า........... อาณาจักรแห่งนี้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้า พวกขุนนางต้าชิงจะคิดทำอะไร ข้าก็ไม่สนใจ แต่ก็....ใช่...........เจ้าอาจพูดถูกบางส่วน ทูคนนั้น อยากกำจัดเจ้าและชอนจูสำนักโคมดำจริงๆ เขาวานข้าให้ร่วมมือ ไหนๆข้าก็อยากจะลงมือกับพวกเจ้าอยู่แล้ว........ อีกอย่าง ดูเหมือน พวกเจ้าก็ประสงค์จะพบข้าอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

“ถ้าข้าชนะ............ ข้าขอของบางอย่างที่ท่านพกติดตัว........จะได้หรือไม่”

“เจ้าอยากได้อะไรล่ะ........ยาพิษ..........ยาถอนพิษ.............หรืออะไรล่ะ”

“ขี้ผึ้งมรกต”

“รู้ด้วยว่าสิ่งนั้นอยู่กับข้า.......... เจ้าลูกชายของข้าคงจะเป็นคนบอกล่ะสิ ได้ข่าวว่า พวกเจ้าช่วยชีวิตเขาเอาไว้ คงจะมีใครที่เจ้าอยากใช้ขี้ผึ้งมรกตรักษาใช่มั้ย”

“อา...........แล้วท่านจะตกลงหรือไม่”

“ขี้ผึ้งมรกตถือเป็นโอสถทิพย์ที่หาได้ยาก ใช้สมานรอยแผลให้เนียนสนิท เชื่อมต่อกระดูกและอวัยวะได้ เจ้ากล้าเสี่ยงตายมาขอยาตัวนี้ จากข้า............. แปลว่า คนๆนั้น ต้องมีความสำคัญกับเจ้ามาก บอกได้มั้ย ว่าเป็นใคร”

“เขาคือคนอีกหนึ่งคนที่ท่านอยากจะประมือด้วย แต่ไม่สะดวกจะมาในคืนนี้ ชอนจูสำนักโคมดำยังไงล่ะ”

“เจ้าหมายถึง ชอนจูหนุ่มคนนั้นน่ะหรอ ข้าก็หลงคิดว่าเป็นหญิงงามที่เจ้ารักสุดหัวใจเสียอีก........ เอาเถอะ ทีแรก ข้าก็ไม่อยากลดตัวมาประลองกับเด็กรุ่นหลังอย่างเจ้าหรอกนะ แต่ได้ยินว่า เจ้าเคยเอาชนะอดีตชอนจูมาก่อน แล้วยังเป็นคนที่สังหารเฉาต้าเหยด้วย ก็ถือว่าคู่ควรกับการที่จะให้ข้าลงมือ”

“แล้วตกลงว่า.............ถ้าข้าชนะท่าน.......ท่านจะยอมมั้ย”

“ถ้าเจ้าชนะข้า...........ข้าจะแบ่งขี้ผึ้งมรกตให้เจ้าก็ได้..........เพ็กทงซู............เชิญลงมือก่อน”

จอมดาบหนุ่มถือดาบมั่นด้วยสองมือ แล้วเดินวนรอบๆจอมยุทธเฒ่าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โดยไม่มีท่าทีตั้งรับ แต่ในความเป็นจริง ถังอี้กลับระแวดระวังและพร้อมโต้กลับตลอดเวลา ดาบยาวของเพ็กทงซูพุ่งจู่โจมก่อน ถังอี้ใช้กล้องยาสูบทองคำต่างอาวุธ แม้จะดูเหมือนไม่ยาวนักแต่ก็คล่องแคล่วปราดเปรียว สิ่งที่จอมดาบอันดับหนึ่งแห่งโชซอนต้องคอยระวังไม่ใช่แค่ตัวกล้องยาสูบเท่านั้น หากแต่เป็นกลุ่มควันจางๆสีม่วงที่ลอยออกมา จากที่ถังชุนเคยเล่าให้ฟัง เจ้าแห่งพิษถังอี้นิยมใช้พิษที่อยู่ในกล้องยาสูบจู่โจมศัตรูด้วย ควันสีม่วงเป็นพิษที่ปรุงพิเศษตำรับเฉพาะของตระกูลถัง หากเผลอสูดดมหรือหายใจเข้าไปก็อาจจะสิ้นลมหายใจได้อย่างรวดเร็ว แม้แต่ฝ่ามือและกรงเล็บคมของประมุขถังเองก็มีพิษผสมอยู่ หากพลาดท่าถูกทำร้ายแม้เพียงเล็บกรีดหรือฝ่ามือฟาดใส่ พิษก็จะซึมไปทั่วร่างกายจนขาดใจตายได้ทีเดียว

แม้จะมีผมขาวประปรายจนเป็นสีดอกเลาแสดงออกถึงความชรา แต่ร่างกายกำยำ แข็งแกร่งกลับแสดงให้เห็นว่าเหนือกว่าชายวัยฉกรรจ์ทั่วไปมากนัก การต่อสู้ที่โชกโชนการฝึกฝนและประสบการณ์ที่สั่งสมมาของจอมยุทธเฒ่า ทำให้เพ็กทงซูไม่สามารถประมาทคู่ต่อสู้ตรงหน้าได้เลย แม้จะบุกจู่โจมหลายครั้ง แต่จอมดาบหนุ่มก็ไม่อาจทำร้ายหรือแม่แต่สร้างความประหวั่นให้แก่ถังอี้ได้เลย สุดยอดจอมยุทธแห่งแผ่นดินจีนที่แม้แต่มัตสึโมโต้ เคนตะซามูไรอันดับหนึ่งแห่งแดนอาทิตย์อุทัยยังไม่กล้าท้าประลองคนที่อดีตชอนจูสำนักโคมดำยังให้ความยำเกรง เพ็กทงซูอาจได้เปรียบเรื่องความหนุ่มและความอึดกว่า แต่สู้กันอยู่นานสองนานเพลงดาบเทพยดาของเขาก็ยังไม่อาจแสดงอานุภาพเหนือเจ้าแห่งพิษได้


.....


..


TBC




Create Date : 30 สิงหาคม 2557
Last Update : 30 สิงหาคม 2557 21:15:33 น.
Counter : 1590 Pageviews.

5 comment
“ยออุน โดดเดี่ยวไร้เทียมทาน” (ฟิค Warrior Baek Dong Soo) ตอนที่24
“ยออุน โดดเดี่ยวไร้เทียมทาน” (ฟิค Warrior Baek Dong Soo) ตอนที่24



“ท่าทางเจ้าจะมีเรื่องกังวลมากกว่าข้าอีกนะ........อุน”      เพ็กทงซูเอ่ยถามชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างๆในห้องนอนเดียวกัน

“เจ้าแอบฟังเสียงหายใจของข้าอีกแล้วนะ............ทงซู”

“อา........เจ้ากังวลเรื่องซอนัมซุน อย่างนั้นเหรอ”

“อา..ใช่.......ถ้าคนๆนั้นเป็นพี่ชายต่างมารดาของข้าจริงๆ แล้วข้าจะทำยังไง.......บอกตรงๆนะ............ข้าไม่อยากสู้กับคนผู้นั้น.......ถ้าเค้าเป็นพี่ชายข้าจริงๆ........ข้าก็ไม่อยากให้เค้าเป็นศัตรู............ข้าไม่ได้กลัวเพลงดาบของเค้า.........แต่กลัวสายเลือดของเค้า..........ตอนที่สู้กับเจ้าเมื่อสองปีก่อน......ข้าต้องต่อสู้ด้วยหัวใจที่เจ็บปวด จนอยากจะจบชีวิตใต้คมดาบของเจ้า..........แต่ครั้งนี้..........ข้าสับสน........ข้าไม่อยากทำร้ายเค้า.........แต่ข้าก็ไม่อยากตาย...........ข้าไม่รู้ว่าจะสู้ด้วยวิธีไหนดี”

“อุน.........ไม่ต้องกลัวนะ............ข้ายังรักษาหน้าเจ้าไม่หาย ยังไง ข้าก็ไม่ปล่อยให้เจ้าเป็นอะไรแน่ๆ”

“นั่นแหละที่น่าห่วง... เราต้องประลองกับประมุขถังให้ทันวันพระจันทร์เต็มดวง แล้วยังนัดดวลของข้ากับซอนัมซุนอีก เวลากระชั้นเกินไป ทำไมถึงได้บังเอิญอย่างนี้นะ ถ้า....เกิดสมมติว่า เวลาที่ข้าสู้อยู่กับ............” ยออุนอึกอัก

“พี่ชายของเจ้า....”

“ใช่........ถ้าเกิดเป็นเวลาเดียวกับที่เราจะต้องสู้กับประมุขถัง แล้วจะทำยังไง ข้ามีลางสังหรณ์บางอย่างว่า นี่ไม่ใช่เหตุบังเอิญ ที่ถังอี้ ร่วมทางมาพร้อมทูตต้าชิงคนใหม่ โชริปบอกว่าชื่อ.....เฟยหลุน...ใช่มั้ย”

“อา..........ฟังจากโชริปว่า...........ดูเหมือนฝ่าบาทจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับในคืนพระจันทร์เต็มดวงพอดีด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้น ข้าก็ต้องเข้าเฝ้าถวายอารักขา แต่เรื่องสู้กับถังอี้แล้วขอขี้ผึ้งมรกตก็รอช้าไม่ได้ แล้วยังเรื่องดวลดาบของเจ้าอีก....อุน.............เรามีกันแค่สองคน แต่ยอดฝีมือที่เข้ามาเมืองหลวงน่ะ มีถึงสามคน แล้วจะแบ่งเวลาจัดการยังไงดี”

“พรุ่งนี้...ข้าคงต้องไปยืมนกอินทรีย์ตัวใหม่มาจากกูฮยางแล้วล่ะ”

“นกอินทรีย์...........เอามาทำอะไรเหรอ”

“ส่งข่าวขอความช่วยเหลือ”

“จากใคร.......ช่วยอะไร”

“ถ้าข้าต้องดวลดาบกับซอนัมซุน...ขณะที่เจ้าก็ต้องประลองกับประมุขถัง.........แล้วเจ้าคิดว่า ใครจะมีฝีมือพอที่จะอารักขาฝ่าบาทได้ล่ะ”

“ถ้าเฟยหลุนเป็นยอดฝีมือที่เหนือกว่าชางยางจริงๆล่ะก็......โชริป ซังกัก ยงกอล แทยง สี่คนรวมกัน ก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าเฒ่านั่น ไหนยังต้องระวังพวกของคิมควีจีอีก ซาโมกับท่านอาจินกิก็คงต้องคอยตรวจตรา ข้านึกไม่ออกจริงๆ”

“แต่ข้าคิดออกอยู่สองคน ถ้าพวกเค้าสองคนยอมช่วยเหลือล่ะก็ ฝ่าบาทต้องทรงปลอดภัยแน่นอน”

“ใครเหรอ....อุน........เจ้าคงไม่ได้หมายถึง..........สองคนนั้นหรอกนะ.......พวกนั้นไม่ใช่ชาวโชซอน จะยอมช่วยหรอ”

“มัตสึโมโต้เป็นญี่ปุ่น หากต้าชิงร่วมมือในแผนการร้ายของพระหมื่นปีจริง จะส่งผลไม่ดีต่อกลุ่มการค้าของตระกูล เมื่อไม่มีพระอัยกาใต้เท้าฮงพงอันสนับสนุนแล้ว เซจิย่อมไม่อยากให้ตระกูลมัตสึโมโต้เสียประโยชน์เพิ่มไปอีกแน่นอน ตรงกันข้าม หากเค้ายอมช่วยเหลือฝ่าบาท การเจรจาการค้าอาจเอื้อผลประโยชน์มากกว่าก็ได้ ขณะที่ถังชุน ย่อมต้องช่วยเซจิอย่างเต็มที่ เชื่อข้าเถอะ......... สองคนนี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด”

“งั้นพรุ่งนี้ ข้าจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทแต่เช้า เจ้าก็ให้นกอินทรีย์ส่งข่าวแจ้งสองคนนั่นก็แล้วกัน........... ว่าแต่.....ทำไมต้องยืมนกอินทรีย์ตัวใหม่จากกูฮยางล่ะ”

“เจ้าลืมไปแล้วหรอ...ทงซู...... นกอินทรีย์ตัวเก่าน่ะ ถูกเจ้าจับกินไปตั้งแต่ห้าปีที่แล้วยังไงล่ะ”

“จริงด้วย.... ก็ตอนนั้น..... ช่างเถอะ... คิดถึงเรื่องอดีตบางเรื่องก็เจ็บปวดเปล่าๆ ว่าแต่...ตอนนี้ เจ้ากับข้าก็ตื่นแล้วทั้งคู่.... นอนไม่หลับแล้วด้วย.... จะทำอะไรกันดีล่ะ...... อุน”

“สมกับเป็น....เพ็กทงซูแลยเนาะ............เจ้าเป็นคนที่ร่าเริงและมีความสุขเสมอ แม้ในสถานการณ์คับขัน ไม่มีอะไรที่เจ้ากลัวจริงๆเลยนะ.....เพ็กทงซู”

“อุน...ข้า เพ็กทงซู....... มีสิ่งที่กลัวอยู่สองอย่าง........ อย่างแรก คือการปราศจากเจ้าเคียงข้าง.............อย่างที่สอง............กลัวไม่ได้รับความรักจากเจ้ายังไงล่ะ...........อุน” พูดไปก็อมยิ้มตาม ส่งแววตาเว้าวอนออดอ้อนที่ทำให้คนที่เคยเย็นชาที่สุดคนนึงต้องยอมใจอ่อนอีกเช่นเคย

ในความมืดของห้องนอนเล็กๆยามราตรี สุดยอดนักดาบสองคนสามารถปรับสายตาได้อย่างรวดเร็ว ร่างสูงถอดเสื้อผ้าได้เร็วกว่าอีกเช่นเคย ร่างโปร่งเองก็อยากคลายความกังวลจากเรื่องราวที่ทำให้วุ่นวายใจ บางที การระบายออกทางอารมณ์ทางเพศก็อาจเป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่งเหมือนกัน เสื้อผ้าถูกเจ้าของถอดออกจนเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า ร่างโปร่งที่ดูเหมือนจะผอมบาง แต่ก็ยังมีมัดของกล้ามเนื้อ ร่องรอยของบาดแผลที่เกิดจากการต่อสู้ ฝึกฝน ตลอดถึงความทรงจำและเรื่องราวในชีวิตมากมายอยู่บนร่างเปลือยเปล่านั้น ขณะที่ร่างสูงดูคล้ายจะบึกบึนและมีพลังกว่า บาดแผลก็มีมากกว่า แต่ก็ไม่มีรอยไหนที่จะน่ากลัวเท่ากับรอยถูกแทงบนอกข้างซ้ายของร่างโปร่งได้เลย

ร่างสูงและร่างโปร่งแนบชิดติดกัน เนื้อสัมผัสเนื้อ หนังสัมผัสหนัง แนบติดกลมกลืนราวกับเป็นร่างเดียวกัน ร่างสูงอยู่ด้านบน ขณะที่ร่างโปรงนอนราบอยู่บนพื้นห้อง ริมฝีปากของเพ็กทงซูประทับไล้เลียงไปตามใบหน้าที่งดงามเกินกว่าอิสตรีของยออุน ชิวหาของจอมดาบหนุ่มเลื้อยเข้าไปพันกับชิวหาของชอนจูหนุ่มรูปงามที่นอนอยู่ด้านล่าง ริมฝีปากประทับกันราวกับจะดึงดูดตรึงกันไว้อย่างนั้น

นิ้วมือของร่างโปร่งด้านล่างจิกกดไปบนแผ่นหลังของร่างสูงด้านบนตามจังหวะการประทับของริมฝีปากที่มีต่อกัน เพ็กทงซูค่อยๆใช้มือสองข้างของตน ช้อนขาทั้งสองของชอนจูหนุ่มให้ยกขึ้นคร่อมเอวของตนเอง จอมดาบหนุ่มค่อยๆใช้นิ้วดรรชนีทะลวงปากถ้ำให้กว้างขึ้น

“อ๊า....อะ.....อ้ะ......” เสียงครางของร่างโปร่งด้านล่างดังขึ้นเบาๆ ความเจ็บปวดคล้ายกับมีคนมาสะกิดรอยแผลที่เริ่มแห้งสนิทให้เปิดปากแผลกว้างยิ่งขึ้นก็ไม่ปาน

เมื่อปากถ้ำเปิดกว้างพอประมาณแล้ว พญามังกรของเพ็กทงซูก็ค่อยๆเลื้อยมุดเข้าไปในถ้ำ ช้าๆ ค่อยๆ ไม่รีบร้อน เจ้าของถ้ำเพิ่มแรงกดที่นิ้วมือหนักขึ้น เหงื่อเริ่มออก ยิ่งพญามังกรเบียดตัวเข้าถ้ำแรงเท่าไหร่ เจ้าของถ้ำก็จะยิ่งครางหนักขึ้น ร่างสูงเริ่มขย่มตัวเพื่อสอดดันพญามังกรให้เข้าไปได้ลึกที่สุด ขณะที่ร่างโปร่งก็โยกตัวต้อนรับพญามังกรที่บุกเข้ามา แม้ภายในถ้ำจะแคบและมืดมิด แต่เจ้ามังกรร้ายก็เบียดแทรกทะลวงหินผาตามผนังถ้ำให้กระเพื่อมไหว หินผาในผนังถ้ำที่แข็งแกร่ง ถูกผิวสัมผัสของพญามังกรที่มุดเข้ามาก็เริ่มหลอมตัวจอ่อนระทวยลงไป ราวกับช่วยกระตุ้นให้พญามังกรมุดถ้ำได้สะดวกยิ่งขึ้น พญามังกรมุดเข้ามาได้หนึ่งหุน เจ้าของถ้ำก็เพิ่มแรงจิกที่นิ้วมือยิ่งขึ้น จนกระทั่งเจ้ามังกรบุกเข้ามาในถ้ำได้ทั้งตัว

“อ้า......อ่ะ......อ้ะ..........” ร่างสูงเป็นฝ่ายครางบ้าง ก่อนที่พญามังกรจะพ่นพิษเข้าไปในถ้ำ พิษมังกรสีขาวเปียกไปทั้งในถ้ำและลำตัวของเจ้ามังกรเอง เมื่อพญามังกรพ่นพิษจนหมด เพ็กทงซูก็เริ่มหอบ และฟุบตัวลงบนร่างโปร่งที่นอนอยู่เบื้องล่าง ยออุนเองก็หอบไม่แพ้กัน พญามังกรที่ไร้พิษก็อ่อนกำลังลง ลำตัวหดเล็กลงจนสามารถถอยออกมาจากถ้ำได้ไม่ยากเย็นนัก ชอนจูหนุ่มนอนรอเพียงครู่สั้นๆ ร่างที่ทับอยู่ก็พลิกตัวลงไปนอนข้างๆแทน ก่อนจะหันมายิ้มให้ร่างโปร่งด้วยความผ่อนคลาย อีกฝ่ายก็ยิ้มรับเช่นเดียวกัน ก่อนจะหันไปมองหน้ากันและกัน ตาประสานตา ประหนึ่งว่าใจประสานใจ

“ขอบใจนะ” ชายหนุ่มทั้งสองต่างพูดออกมาพร้อมๆกัน แล้วยิ้มให้กันอีกครั้ง ต่างนึกขอบคุณอีกฝ่ายที่มอบความสุขให้กับตน เป็นความสุขที่ประหลาด แต่ก็เต็มไปด้วยความอิ่มเอมและเบิกบานใจ จากนั้นก็พากันคว้าผ้ามาผลัดเพื่อไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวก่อนจะกลับมานอนข้างกันและต่างจับมือของกันและกันไปตลอดทั้งคืน

...

..

หลายวันผ่านไป..............................

เป็นไปตามที่ยออุนคาดการณ์เอาไว้ วันพระจันทร์เต็มดวงมาถึง ชอนจุหนุ่มมีนัดดวลดาบกับนักดาบทายาทสำนักดาบอสูร ผู้ที่อาจจะเป็นพี่ชายต่างมารดา เพราะมีใบหน้าละม้ายคล้ายตน ทั้งยังเกิดจากสตรีผู้เคยเป็นคนรักเก่าของบิดาอีกด้วย ที่สำคัญ .... ยออุนยังไม่รู้ว่า....ซอนัมซุนจะรู้หรือไม่ ว่าพวกตนเป็นพี่น้องกัน และจุดประสงค์ที่แท้จริงของนักดาบอสูรผู้นี้คืออะไรกันแน่ ที่น่าห่วงกว่าเรื่องสู้กับพี่ชายตนเอง ก็คือเรื่องที่เพ็กทงซูต้องประลองกับประมุขตระกูลถังแห่งเสฉวนตามลำพัง เพื่อช่วงชิงขี้ผึ้งมรกตมาใช้รักษาแผลเป็นบนใบหน้าของตน การรอดตายจากพิษของเจ้าแห่งพิษถังอี้ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว แต่การที่จะต้องเอาชนะโดยไม่ทำร้ายฝ่ายตรงข้ามเป็นอะไรที่ควบคุมได้ยากยิ่งกว่า ที่สำคัญคือ การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่การต่อสู้ทางด้านเชิงยุทธเท่านั้น แต่ต้องเอาชนะทัศนคติแง่ลบของถังอี้ที่มีต่อความรักระหว่างชายกับชายอีกด้วย เพราะนั่นจะเป็นสิ่งที่ทำให้ถังชุนกับบิดาเข้าใจกันได้ในที่สุด เพราะถังชุนอุตส่าห์ยอมรับปากลอบเข้าวังเพื่อแอบอารักขาพระเจ้าจองโจแล้ว ดังนั้นงานนี้ จอมดาบอันดับหนึ่งแห่งโชซอนจึงมีภาระที่หนักอึ้งไม่ใช่น้อยและยออุนเองก็ไม่สามารถแบ่งเบาภาระนี้ด้วยได้เลย

“จะไปแล้วเหรอ..........อุน” เพ็กทงซูเอ่ยเรียกเมื่อเห็นยออุนเตรียมตัวตั้งแต่เช้าโดยยังไม่ได้รับประทานอะไรเลย

“อา........ ข้าจะแวะไปสำรวจผาน้ำตกซะหน่อย ซอนัมซุนได้พาพวกศิษย์เก่าดาบอสูรมาฮันยางจำนวนนึง ไม่รู้ว่ามาทำไม ข้าจะแอบไปดูเผื่อไว้ก่อนจะได้ป้องกันทัน”

“ข้ามั่นใจฝีมือของเจ้า เพลงกาบดาราสวรรค์ของเจ้าไร้เทียมทานจริงๆ จะต้องเอาชนะดาบอสูรได้ไม่ยากเย็นแน่ๆ”

“ข้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น เจ้าเองก็ต้องระวังตัวให้ดีนะ กระบวนท่าใหม่ที่พวกเราคิดค้นด้วยกันเพื่อเอาชนะแส้อสรพิษของประมุขถังน่ะ เป็นไม้ตายที่เสี่ยงมาก แต่ถ้าเจ้าทำได้สำเร็จ ก็จะสามารถสยบเจ้าแห่งพิษได้อย่างรวดเร็วโดยที่ท่านผู้นั้นยังไม่ทันได้ใช้พิษ เพราะถ้าหากประมุขถังใช้พิษขึ้นมาล่ะก็ เจ้าแย่แน่”

“ไม่ต้องห่วงน่า.....อุน....ข้าจะใส่ชุดเกราะที่โชริปออกแบบมาเป็นพิเศษ ป้องกันได้ทั้งควันพิษและคมอาวุธ วางใจนะ ข้าไม่เป็นไรหรอก ห่วงก็แต่ในวังเท่านั้นเอง”

“จริงสิ.............ข้าบอกเจ้ารึยัง...ทงซู.............ว่าทั้งเซจิกับชุนจะปลอมตัวเข้าไปในวัง”

“อา.......เจ้าบอกว่า เซจิจะปลอมเป็นมหาดเล็ก ส่วนถังชุนจะปลอมเป็น....... เจ้าแน่ใจนะ...อุน”

“มีแต่ปลอมตัววิธีนี้แหละ ถึงจะตบตาฝ่ายโน้นได้ เจ้าลองคิดดูสิ...ทงซู....... จะมีใครคาดคิด ว่านางกำนัลจะมีวิชายุทธสูงส่ง ยอดฝีมือธรรมดาน่ะ สู้ถังชุนไม่ได้หรอก”

“ข้าก็เพิ่งรู้ ว่าที่แผ่นดินใหญ่น่ะ มีวิชาแปลงโฉมล้ำเลิศขนาดนี้”

“ข้าก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าถังชุนแปลงโฉมแล้วจะเป็นยังไง แต่เจ้าก็รู้ ว่าเค้าก็เหมือนข้า เป็นผู้ชายร่างบางและมีใบหน้าที่สวยงามราวหญิงสาว ข้าว่า.....คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก”

“อยากรู้จัง.........อุน.....ถ้าเจ้าแปลงโฉมเป็นอิสตรีซักคนนึง จะงดงามแค่ไหนนะ”

“อย่าฟุ้งซ่าน.....ทงซู...........ข้าไปก่อนดีกว่า คืนนี้........ข้าหมดธุระกับซอนัมซุนแล้ว จะรีบไปที่ประตูเมือง”

“อย่าช้านะ เดี๋ยวจะไม่ทันเห็นข้าเอาชนะถังอี้”

“มั่นใจขนาดนั้นเชียว”

“ข้าเคยถูกหนึ่งในพิษที่ร้ายกาจที่สุด แล้วรอดตายมาได้ บวกกับยาปรุงสูตรพิเศษของถังชุน เจ้าไม่ต้องห่วงนะ ข้าเอาอยู่ ว่าแต่ เจ้าจะให้ข้าพูดประโยคนั้นกับถังอี้แทนถังชุนจริงๆเหรอ”

“อา.....ข้าก็ไม่เข้าใจ ว่าคำพูดง่ายๆแบบนั้น ทำไมชุนถึงไม่ยอมพูดเอง หรือว่าไม่กล้า.......”

“ข้าว่าเค้ากลัวมากกว่ามั้ง........กลัวแววตาผิดหวังเสียใจของคนเป็นพ่อมากกว่า ถังชุนไม่ใช่คนกลัวตาย แต่เค้าคงจะรักท่านพ่อของเค้ามาก คงไม่กล้าสู้หน้าและละอายที่ทำให้ท่านพ่อของตัวเองผิดหวัง”

“เจ้าจะบอกว่า พวกเราสองคนโชคดีรึไง ที่กำพร้าพ่อน่ะ แต่ก็จริงของเจ้านะ ข้าอาจจะเคยเย็นชาต่อพ่อของตัวเอง เพราะตั้งแต่สมัยเด็ก ข้าก็ถูกเค้าทำร้ายมาตลอด แถมเค้ายังเคยคิดฆ่าข้าและทำให้แม่ของข้าตายด้วย แต่ตอนที่เค้าจากไป ข้าก็รู้สึกเสียใจมากจริงๆ ข้ากับท่านพ่อยังไม่เคยมีความทรงจำดีๆร่วมกันเลย”

“อุน.........ข้ากับเจ้านี่ก็ โชคร้ายกันคนละแบบนะ ข้าไม่เคยเห็นหน้าท่านพ่อกับท่านแม่ แถมเกิดมาก็พิการ เกือบถูกฆ่าตายก็หลายหน แต่เรื่องเหล่านั้น ทำให้ข้าเข้มแข็งขึ้น ถึงจะไม่เคยรู้จักพ่อของตัวเอง แต่ข้าก็รู้ว่า ท่านมีตัวตนอยู่ในใจข้าเสมอ และก็ใช่อย่างเจ้าว่า........อย่างน้อยข้าก็รู้สึกโชคดี ที่ไม่ต้องจูงมือเจ้าไปหาท่านพ่อแล้วบอกท่านว่าเจ้าคือคนรักของข้า หรือไปสู่ขอเจ้าจากท่านอาโชซัง เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำได้มั้ย”

“เรื่องของเรามันผิดจารีตอย่างร้ายแรง ถ้าพระนางจองซุนและพรรคพวกรู้เข้า อาจถือเป็นข้ออ้างกำจัดข้าและเจ้าออกจากโชซอนเลยก็เป็นได้ พวกเราสองคนแค่โชคดี ที่คนที่รู้เรื่องนี้ มีแต่เพื่อนและคนสนิทของเราเท่านั้น”

“ข้าว่า...หนนี้ เจ้าดูกังวลแปลกๆนะ......อุน... ปกติ เจ้าจะสงบ สุขุม และก็เยือกเย็นกว่านี้มาก สองครั้งที่ข้าเห็นเจ้าต่อสู้กะจิตกะใจไม่ปกติ ก็ตอนที่ข้าทำร้ายใบหน้าเจ้า และก็ตอนที่เจ้าคิดจะตายใต้คมดาบของข้า ส่วนครั้งอื่นๆ ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะฝีมือร้ายกาจแค่ไหน เจ้าก็สามารถสงบจิตใจได้ดีเสมอมา แต่ครั้งนี้ ข้ารู้สึกว่าหัวใจเจ้าเต้นแรงและหายใจถี่กว่าที่เคย อุน............ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากสู้กับซอนัมซุน........แต่ถ้าเป็นแบบนี้ และเจ้านั่นอยากฆ่าเจ้าขึ้นมา ข้ากลัวว่า............”

“ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน............... คงต้องให้ได้เจอกันก่อน ถึงตอนนั้น ข้าอาจจะรู้ก็ได้”

“รับปากกับข้านะ....อุน........... ว่าเจ้าจะไม่เป็นไร และกลับมาหาข้า มาเคียงข้างข้า สัญญาสิ.....อุน”

“เพ็กทงซู............ข้า..........ข้า.........ข้ารับปากเจ้า ขนาดเจ้ายังกล้าจะเอาชนะถังอี้ได้เลย ข้าก็ต้องเอาชนะซอนัมซุนได้สิ”

“ข้าไม่กลัวเจ้าจะแพ้ซอนัมซุน... ข้ากลัวเจ้าแพ้ตัวเองต่างหาก สัญญากับข้านะ....เจ้าต้องไม่เป็นไร”

“อา.......” ชอนจูหนุ่มรับปากคนรัก แต่ในใจก็ยังหวาดๆ กลัวการเผชิญหน้ากับพี่ชายร่วมสายเลือด

...

..

ย่ำค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวง พระจันทร์เริ่มโผล่มาบนขอบฟ้า บนผาน้ำตกชอนจูหนุ่มสำนักโคมดำนั่งขัดสมาธิอยู่บริเวณริมหน้าผา พยายามสงบใจ ซอนัมซุนกับพรรคพวกยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ทายาทสำนักดาบอสูรจ้องมองใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกันกับตนของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ กำลังคิดถึงสิ่งที่ตนได้รู้มาจากการไปเยือนจวนของใต้เท้าคิมควีจี

“ซอนัมซุน..............นึกไม่ถึง ว่าเจ้าจะยังไม่ตาย” คิมควีจีเอ่ยทักทาย

“นางให้เจ้ามา......” ซอนัมซุนมองเครื่องประดับที่วางอยู่บนโต๊ะและจำได้ว่าเป็นของใคร

“พระนางประสงค์จะพบกับเจ้า ............ ดูเหมือน จะยังมีความทรงจำถึงเจ้าอยู่นะ”

“นาง...........นางยังจำข้าได้ ทั้งๆที่นางเป็นถึง.........”

“ตอนนี้ทรงเป็นพระหมื่นปีแห่งโชซอน เจ้าอย่าได้บังอาจ.............. แต่เอาเถอะ.......... เจ้ายังอยากพบพระนางอยู่มั้ยล่ะ”

“ทำยังไง.......เจ้าจะให้ข้าทำยังไง” ซอนัมซุนมีท่าทางตื่นเต้น

“กำจัดศัตรูให้พระนาง.......... ศัตรูที่คอยขัดขวางการครองอำนาจของพระนาง หากเจ้าทำสำเร็จ พระนางจะตอบแทนเจ้าอย่างแน่นอน หากเจ้าฆ่าพวกมันได้ เจ้าก็จะได้พบพระนาง”

“นางจะให้ข้าฆ่าใคร” ซอนัมซุนไม่มีทีท่าลังเล

“คนแรก .... คือจอมดาบอันดับหนึ่งแห่งโชซอน สมญาว่า มูซาเพ็กทงซู อีกคนคือชอนจูสำนักโคมดำ ยออุน”

“ชอนจูสำนักโคมดำงั้นหรอ ข้ามีนัดดวลดาบกับเขาอยู่แล้ว เมื่อครู่เจ้าบอกว่า มันชื่ออะไรนะ...”

“ยออุน.... เจ้ายออุนกับเจ้าเพ็กทงซูเป็นลูกชายของอดีตห้าองครักษ์ที่เป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน เจ้าน่าจะเคยได้ยินชื่อ ดาบเทพยดาคอมซาคิมกวางเทคมาก่อนนะ เจ้านั่นเป็นพี่ใหญ่ของพี่น้องห้าคน และเป็นอาจารย์ของเจ้าเพ็กทงซูด้วย”

“คิมกวางเทค..งั้นเหรอ.....ดีล่ะ ถ้ามันมีลูกศิษย์ ข้าก็จะได้แก้แค้นแทนท่านตาของข้าที่ถูกฆ่าตาย แล้วเจ้ายออุนล่ะ เจ้าบอกว่า พ่อของมันเป็นน้องร่วมสาบานกับคิมกวางเทคด้วยใช่มั้ย”

“ใช่........พ่อของมันชื่อว่า.............”

“ยอโชซังรึเปล่า..........พ่อของเจ้านั่น คือยอโชซังใช่มั้ย”

“เจ้ารู้จักอย่างนั้นหรอ ข้าได้ยินมาว่า เจ้ายออุนกับเจ้ามีใบหน้าคล้ายกัน คงไม่ได้เกี่ยวข้องกันหรอกนะ”

“นั่นไม่ใช่เรื่องของท่าน.......... ถ้าเจ้านั่น เป็นลุกของยอโชซังจริงๆล่ะก็ งั้นคืนพระจันทร์เต็มดวง ก็จะเป็นวันตายของมัน”

..

..

 TBC




Create Date : 22 สิงหาคม 2557
Last Update : 23 สิงหาคม 2557 0:58:16 น.
Counter : 1246 Pageviews.

6 comment
“ยออุน โดดเดี่ยวไร้เทียมทาน” (ฟิค Warrior Baek Dong Soo) ตอนที่23
“ยออุน โดดเดี่ยวไร้เทียมทาน” (ฟิค Warrior Baek Dong Soo) ตอนที่23




ที่ลานกว้างด้านหลังบ้านของซาโม  สุดยอดนักสู้ทั้งสองคนแห่งโชซอนต่างฝึกซ้อมเพลงดาบเหมือนที่เคยฝึกมาบนเขาตั้งแต่วัยเยาว์ ร่างสูงทั้งกระโดดทั้งหมุนตัวฟาดดาบด้วยท่วงท่าที่สง่างามราวกับพญาราชสีห์ยามต่อสู้ปกป้องถิ่นที่อยู่ในทุ่งหญ้าสีเหลืองทองอร่ามอันกว้างใหญ่ ขณะที่ร่างโปร่งก็แทงดาบคู่สลับกับการโบกสะบัดดาบ เหวี่ยงซ้ายเหวี่ยงขวาหมุนโค้งวนและฟันไขว้ไปมา ยามที่ชอนจูหนุ่มกระโดดฟันดาบ ความงดงามของกระบวนท่า เป็นราวกับพญาหงส์ฟ้ากำลังร่ายรำเหนือบึงน้ำสีเขียวมรกตอันลุ่มลึก

เพื่อนๆต่างมาแอบมองชายหนุ่มทั้งสองรำดาบพร้อมๆกัน พวกโชริปและสามองครักษ์กลับมาพอดี ต่างโห่ร้องชมเชยความสวยงามของเพลงดาบเทพยดาและเพลงดาบดาราสวรรค์ของคนทั้งคู่

“ทงซูน่ะ....ใช้เพลงดาบเทพยดาของท่านคอมซาแน่ๆล่ะ แต่อุนน่ะ ใช้วิชาอะไรวะ” ซังกักถามโชริป

“ข้าก็ไม่รู้ ดูคล้ายๆวิชาดาบคู่แบบที่อุนเคยใช้ แต่มองอีกทีก็ไม่เหมือน บางท่ากลับไปคล้ายเพลงดาบของอดีตชอนจูมากกว่า เจ้าคิดว่าไงฮงดู เจ้าเคยเห็นการต่อสู้และวาดภาพบันทึกเพลงดาบของชอนจูทั้งสองแห่งสำนักโคมดำมาแล้วนี่นา”

“ขอรับ.....แต่นี่เป็นเพลงดาบชุดใหม่ที่ยออุนผสานวิชาดาบทั้งสองเข้าด้วยกัน ก่อนหน้านี้เขาบอกท่านอาซาโมไปแล้ว ว่าชื่อเพลงดาบอะไรซักอย่างนี่แหละ”

“เพลงดาบดาราสวรรค์......ฮงดู ไม่ยอมจำเลยนะ ช่างสวยงามเหมือนดาวบนฟ้าจริงๆเลย” จินจูดูจนเพ้อ

“สมเป็นสุดยอดนักดาบอันดับหนึ่งแห่งโชซอนทั้งคู่จริงๆเลย” ยงกอลก็ดูจนเพ้อเช่นกัน ขณะที่คิมฮงดูจะหยิบพู่กันออกมาวาดภาพ พลันมือของโชริปก็มาห่มไว้ก่อน

“อย่าเลยฮงดู..............เพลงดาบที่งดงามราวกับเทวดาร่ายรำแบบนี้ ควรจะบันทึกไว้ในความทรงจำเท่านั้น”

“ก็จริงนะ.............ช่างงดงามจริงๆ ข้าเคยวาดภาพการต่อสู้มามาก แต่ภาพเฃพวกนั้น แฝงแววแห่งการเข่นฆ่าสังหาร แต่การร่ายรำของเพ็กทงซูกับยออุน.....มันช่าง.............งดงาม บริสุทธิ์ ราวกับพญาราชสีห์และพญาหงส์หยอกล้อกันก้ไม่ปาน”

จินจูกับชายหนุ่มทั้งห้าดูการร่ายเพลงดาบจนตาค้าง คล้ายจะต่อสู้กัน แต่ก็คล้ายจะเกื้อหนุนกันไปพร้อมๆกันด้วย ความงดงามที่เห็นทำเอาฮักซาโมกับฮวางจินกิที่เพิ่งตามมาดูต่างตะลึงไปทั้งคู่

“พอก่อนเถอะ........” ซาโมออกคำสั่ง

“ทำไมล่ะ...ขอรับ” ยออุนเป็นฝ่ายถาม

“ก็.............เอางี้......สมัยที่พวกข้าห้าคนพี่น้องฝึกยุทธด้วยกันน่ะนะ ท่านพี่มักจะสั่งให้เราคนใดคนนึงแสดงกระบวนท่าจู่โจม แล้วพวกที่เหลือก็คิดกระบวนท่าแก้หรือสยบท่าจู่โจมของคนนั้น สลับกันไปมา ข้าก็เลยคิดว่า........เอ่อ............ถ้าให้เจ้าบ้าทงซูแสดงกระบวนท่าจู่โจมหรือบุกใส่อุน..........แล้วอุนก็คิดท่ามารับ.........จากนั้นก็ให้อุนแสดงท่าบุก....แล้วก็ให้ทงซูคิดหาท่ารับ สลับกันไปมาแบบนี้ พวกเจ้าก็น่าจะพัฒนาฝีมือได้มากขึ้นอีก แล้วก็ให้ไอ้เจ้าทโมนพวกนี้ได้เห็นด้วย จะได้จำไปฝึก เอาไว้คอยอารักขาฝ่าบาทยังไงล่ะ”

“เป็นความคิดที่ไม่เลวเลยนะ.........ว่าไง....อุน.......เจ้ายินดีแสดงไม้ตายให้เจ้าพวกนี้ดูรึเปล่า” ร่างสูงถามร่างโปร่ง

“ก็...ไม่น่าจะเป็นอะไร พวกนี้มีแต่คนกันเอง เติบโตมาด้วยกัน ขอแต่อย่าบันทึกเอาไว้ก็แล้วกัน ถึงนายท่านจะจากไปแล้ว แต่ข้าก็ยังอยากแสดงคารวะต่อวิชาของนายท่านอยู่”

“เอาตามนั้น............ฮงดู.............เข้าใจนะ” ซาโมบอกฮงดูที่เข้าใจเช่นเดียวกัน

เพ็กทงซูแสดงกระบวนท่าบุกจู่โจมให้ยออุนได้ชมก่อน จากนั้นยออุนก็คิดท่ารับมาแก้ท่าบุกของจอมดาบหนุ่ม จากนั้นชอนจูหนุ่มก็กลับเป็นฝ่ายแสดงท่าบุกบ้าง เพ็กทงซูก็คิดท่ารับออกมาแก้ท่าบุกนั้น ภูมิปัญญาของนักดาบหนุ่มทั้งสองคนไม่มีใครด้อยไปกว่ากันเลย ต่างแสดงปฏิภาณให้เห็นอย่างเต็มที่ อานุภาพของเพลงดาบเทพยดาที่เพ็กทงซูใช้ กับเพลงดาบดาราสวรรค์ที่ยออุนคิดค้นขึ้นมานั้นยิ่งทวีความสุดยอดมากขึ้นกว่าเดิม

จอมดาบหนุ่มลูกศิษย์ของดาบเทพยดาคิมกวางเทคแสดงท่าไม้ตายที่ครั้งนึงจอมดาบแขนเดียวสามารถเอาชัยเหนือดาบนภาของอดีตชอนจูในการประลองครั้งสุดท้ายแต่ยั้งมือให้เสียก่อนออกมาให้ชอนจูหนุ่มรูปงามได้เห็น ยออุนมองกระบวนท่านั้นแล้วก็หวนนึกถึงการประลองในครั้งนั้นขึ้นมา แล้วก็ต้องยอมรับว่าลุงบุญธรรมของตนสามารถพัฒนาเพลงดาบที่สามารถแก้วิชาดาบนภาได้อย่างแยบยล แสดงถึงสติปัญญาที่เหนือกว่าอดีตชอนจูอยู่เล็กน้อย เพียงเสี้ยวแห่งเวลาก็มีโอกาสสังหารอดีตนายของตนได้ ยิ่งมองกระบวนท่าที่เพ็กทงซูแสดงออกมา ก็อดทึ่งกับความสามารถในการจดจำและอดชื่นชมชายคนรักของตนไม่ได้

“เยี่ยมมาก.........ทงซู นี่คือหนึ่งในสามกระบวนท่าที่อาจารย์ของเจ้ามีโอกาสลงมือสังหารนายท่านของข้า เจ้าลองแสดงให้ข้าดูอีกสองท่าพร้อมกันเลยได้มั้ย”

“เจ้าคิดว่า จะหาทางเอาชนะสุดยอดท่าไม้ตายของดาบเทพยดาทั้งสามท่าได้อย่างนั้นเหรอ......อุน”

“อา.......ก็ต้องลองดู”

ร่างสูงกระชับดาบยาวอย่างมั่นคงด้วยมือขวาข้างเดียวให้เหมือนกับที่คิมกวางเทคเคยทำ แล้วตวัดดาบด้วยท่าบุกจู่โจมที่รวดเร็ว แข็งแกร่ง และแม่นยำยิ่งนัก สองท่าต่อเนื่องนี้ ทำเอาฮักซาโมและฮวางจินกิที่ถือว่ามีประสบการณ์ต่อสู้โชกโชนกว่าคนอื่นต้องหงายหลังยอมแพ้ไปเลย

“กระบวนท่าของท่านพี่สุดยอดจริงๆ สมแล้ว ที่เป็นคอมซา ดาบเทพยดาแห่งโชซอน”

“ข้าเคยได้ยินนายท่านชื่นชมความล้ำเลิศของเพลงดาบของท่านคอมซาอยู่เหมือนกัน แต่ข้าว่า ......... ทงซูน่ะ.......เหนือกว่าท่านเซียนดาบไปแล้วนะขอรับ” ฮวางจินกิเอง ก็อดชื่นชมในเพ็กทงซูไม่ได้

“ถ้าท่านพี่กวางเทคกับท่านพี่ซากย็องได้มาเห็นเจ้าใช้เพลงดาบในตอนนี้ ต้องดีใจจนน้ำตาไหลแน่ๆเลย จินกิ ข้าว่าเจ้าพูดถูก ทงซูน่ะ เหนือกว่าท่านพี่แล้วจริงๆ” ซาโมเองก็น้ำตาคลอเช่นกัน ที่ได้เห็นความสำเร็จในวิชายุทธของเพ็กทงซู เด็กน้อยที่ตอนเด็กเกือบจะต้องพิการ

“เจ้าจะคิดท่าตั้งรับได้หรอ..........อุน...........ไหวแน่นะ” แทยงถามยออุนแทนเพื่อนคนอื่นๆที่คิดคล้ายๆกัน แต่อดีตหัวหน้านักฆ่าหนุ่มกลับอมยิ้ม ก่อนจะเดินออกมายืนกลางลาน รอให้เพ็กทงซูกลับไปนั่งที่เดิม

ร่างโปร่งกระชับดาบคู่ด้วยท่าที่ตนถนัด จินตนการว่าเพ็กทงซูกำลังใช้สุดยอดท่าไม้ตายของวิชาดาบเทพยดาจู่โจมตน แต่ไม่ว่าดาบของเพ็กทงซูจะพุ่งมาทางไหน ยออุนก็สามารถใช้ดาบออกมารับได้ทุกครั้ง ดาบซ้ายในมือว่องไวและสามารถสกัดดาบของฝ่ายตรงข้ามได้ทุกทิศทาง ในขณะที่ดาบขวา นอกจากจะใช้รับเพลงดาบเทพยดาได้แล้ว ยังแฝงกระบวนท่าตอบโต้กลับได้อย่างเหลือเชื่อ ในเสี้ยวจังหวะเวลาสั้นๆช่วงหนึ่ง ยออุนพลิกดาบซ้ายที่เหมือนจะเป็นดาบที่ใช้ตั้งรับมาตลอดนั้นฟันปาดเข้าไปที่แขนขวาของนักดาบในจินตนาการ ก่อนจะใช้ดาบที่อยู่ในมือขวา แทงซ้ำเข้าไปอีกรอบเข้าตำแหน่งท้องน้อยของฝ่ายตรงข้ามพอดี

ร่างสูงที่นั่งชมอยู่ลุกยืนขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทั้งตื่นเต้น ทั้งแอบตระหนกใจ ในความร้ายกาจของเพลงดาบที่คนรักคิดค้นขึ้น มือสองข้างเย็นขึ้นด้วยความผวา ความเชื่อมั่นในวิชาดาบของตนหล่นวูบลงไป ท่าสุดยอดไม้ตายนี้ ไม่เคยมีใครเอาชนะได้มาก่อน ความเชื่อมั่นในฝีมือของตนจางหายไป คิดตามว่า หากตนเอง ต้องมาต่อสู้ชนิดเอาเป็นเอาตายกับยออุนจริงๆ แล้วใช้กระบวนท่านี้ ก็คงจะถูกยออุนสังหารคร่าชีวิตไปแล้ว จอมดาบอันดับหนึ่งอดตื่นกลัวและอดชื่นชมอดีตนักฆ่าอันดับหนึ่งไม่ได้

ความเงียบปกคลุมทั่วลานฝึก เพราะทุกคน ไม่มีใครที่จะเคยคาดคิดว่า เพลงดาบเทพยดาที่สูงส่ง จะมีผู้เอาชนะได้ ทั้งตะลึงในกระบวนท่าเพลงดาบดาราสวรรค์ที่ยออุนแสดงให้ดู และตะลึงในสติปัญญาและความสามารถของยออุนที่โดดเด่นล้ำหน้าเพื่อนๆทุกคนไปไกลโข หวนนึกถึงสมัยที่ยออุนยังเป็นนักฆ่าและอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับพวกตนนั้น หากเป็นศัตรูที่ไม่คิดออมมือให้ล่ะก็ พวกของตนก็คงจะจบชีวิตไปหลายครั้งแล้ว

“สุ.......สุด........สุดยอดมากเลยขอรับ...........เพลงดาบดาราสวรรค์......สุดยอดมากจริงๆ” คิมฮงดูเป็นคนแรกที่มีสติและกล่าวชมยออุนเป็นคนแรก ขณะที่หมอหนุ่มไม่ทันได้ใส่ใจคนอื่นๆ เพราะมีสายตาไว้จับจ้องคนๆเดียว

“ข้ายอมแพ้เจ้าแล้ว.....อุน................เจ้าสามารถเอาชนะเพลงดาบของท่านอาจารย์ได้ ด้วยเพลงดาบที่เจ้าคิดขึ้นเอง ข้า.....ข้าคิดไม่ออกจริงๆ ว่าข้าจะเอาชนะกระบวนท่าเมื่อครู่นี้ของเจ้าได้ยังไง ถ้าสู้กันจริงๆ ข้าก็คงจะตายด้วยน้ำมือของเจ้าไปแล้วแน่ๆ เจ้า.....เจ้า..............”

“ทงซู...........ข้าคิดกระบวนท่านี้ได้ เพราะข้าเคยเห็นท่านคอมซาใช้กระบวนท่านี้มาก่อน ข้าก็เลยคิดค้นกระบวนท่าใหม่นี้ขึ้นมาได้ หากเป็นเมื่อก่อน ข้าก็คงโดนสยบภายใต้กระบวนท่านี้เช่นเดียวกัน ข้าแค่โชคดีกว่าเท่านั้นเอง เจ้าไม่เห็นต้องยอมแพ้ข้าเลยนี่นา อีกอย่าง...... เจ้าก็รู้ ว่าข้าไม่มีวันทำร้ายเจ้าอยู่แล้ว”

“แต่ว่า........”

“ถ้าสู้กันจริงๆครั้งต่อไป เจ้าก็รู้นี่ ว่ากระบวนท่านี้ ข้าจะใช้กับเจ้าซ้ำไม่ได้อีก เพราะเจ้าจะเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วที่จะป้องกันการโจมตีของข้า ถึงจะตอบโต้ข้ากลับไม่ได้ แต่ข้าก็คงลงมือสังหารเจ้าไม่ได้อย่างแน่นอน”

“ถึงรอดจากการจู่โจมของเจ้าได้ แต่ก็อาจจะต้องบาดเจ็บแน่ๆเลย”

“อย่าดูถูกตัวเองอย่างนั้น....ทงซู......เจ้ามีสัญชาตญาณต่อสู้ที่วิเศษ ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะแพ้ข้าหรอกน่า เจ้าแค่กำลังตกใจ ที่เห็นวิชาดาบเทพยดาของท่านคอมซาถูกกำราบลง เพราะเจ้าคิดเสมอ ว่าเจ้าจะไม่สามารถเหนือไปกว่าอาจารย์ของเจ้า ทั้งๆที่จริงๆแล้ว เจ้าเหนือกว่าดาบเทพยดาคิมกวางเทคมานานแล้ว”

“อุน..........ข้าว่า...........เจ้าต่างหาก ที่เป็นจอมดาบอันดับหนึ่งแห่งโชซอน”

“แต่ถ้าข้าเลือกได้............ข้าอยากเป็นคนรักอันดับหนึ่งของจอมดาบอันดับหนึ่งแห่งโชซอนมากกว่า” อดีตหัวหน้าหนุ่มรูปงามของสำนักโคมดำพูดเบาๆพลางอมยิ้ม ทำเอาจอมดาบหนุ่มที่กำลังกลัดกลุ้มยิ้มตอบ ก่อนจะเดินมาตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ

“คืนนี้นอนเป็นเพื่อนข้านะ” เพ็กทงซูกระซิบให้ยออุนได้ยินคนเดียว

“อา.......” ชอนจูหนุ่มยิ้มรับ พลางหันไปอีกทางเพื่อหลบไม่ให้อีกฝ่ายเห็นแก้มที่แดงระเรื่อ

“เป็นอะไร....อุน...เหนื่อยหรอ แก้มแดงเชียว” ยงกอลที่อยู่ในทิศที่ยออุนหันมาพอดีเอ่ยถาม

“อา.........คงจะเหนื่อยนิดหน่อยน่ะ” ตอบแบบแกล้งรับเพื่อกลบความเขิน แต่คนข้างๆก็รู้ทันซะแล้ว

“เหหห.....เจ้าบ้าสองคนนี่ พวกเจ้าน่ะ เก่งเกินไปแล้วรู้มั้ย.... ข้า.....ข้าดีใจจริงๆ ท่านพี่ทั้งสามบนโลกโน้น และก็เจ้าแทเพียว อีกคน มองลงมาจะต้องมีความสุขและปลาบปลื้มไม่น้อยไปกว่าข้าแน่ๆ ข้าเลี้ยงพวกเจ้ามาให้เป็นสุดยอดนักสู้ เป็นคนเก่ง เป็นคนดี เป็นผู้กล้าที่คอยปกป้องพระราชาและโชซอน ข้ามีความสุขจริงๆนะ ถึงแม้พวกเจ้าทั้งสองคนจะ..........ช่างเหอะ ซ้อมแค่นี้พอแล้ว.......พวกเจ้าไปพักผ่อนเถอะ” ซาโมปาดน้ำตาแห่งความดีใจที่เห็นความสำเร็จด้านวิทยายุทธของหลานชายทั้งสองคน

...

..

“ท่านแน่ใจเหรอท่านพ่อ...........ว่าแผนของท่านจะสำเร็จ” พระนางจองซุนกำลังสนทนากับคิมฮันกูในตำหนัก

“ตอนนี้เราพึ่งพวกญี่ปุ่นไม่ได้ ก็เหลือแต่ต้องอาศัยทูตต้าชิงคนใหม่นี่แหละ”

“แล้วเจ้าถังอี้นั่น.....ยอมล่อพวกเพ็กทงซูให้เราจริงๆหรอ..........คราวก่อนลูกชายมันก็ทำพลาดไปทีแล้ว”

“ไม่ต้องกังวล ถังอี้จะไปท้าดวลกับพวกมันสองคนที่หน้าประตูเมือง ขณะที่ฝ่าบาทต้องเสด็จออกต้อนรับท่านทูตต้าชิงด้วยพระองค์เองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงตอนนั้น ชางลีจะเป็นคนลงมือด้วยตัวเอง”

“ข้าไม่ชอบใจเลย ที่เราต้องอาศัยฝีมือพวกต่างชาติเนี่ย...”

“พวกนั้นจะได้สืบสาวมาไม่ถึงเรายังไงล่ะพะย่ะค่ะ เรื่องนี้ คิมควีจีรับปากแล้ว ว่าสำเร็จอย่างแน่นอน”

“คิดไม่ถึง ครั้งที่แล้ว พวกเราแกล้งร่วมมือเพื่อจะหลอกใช้ฝ่าบาทกำจัดพระญาติตัวเอง แต่คราวนี้ พวกเราจะต้องลงมือเองและต้องสำเร็จให้ได้ ว่าแต่....เจ้าชางลีเนี่ย....ฝีมือเป็นยังไงบ้าง”

“ฝีมือดีอยู่ มันเป็นศิษย์ของชางยาง เพื่อนเก่าของกระหม่อมที่ถูกอดีตชอนจูฆ่าตาย และก็ยังเป็นคนสนิทของใต้เท้าเฟยหลุนทูตต้าชิงคนใหม่ด้วย ท่านทูตคนนี้ จะมาจัดการกับชอนจูนั่นแทนเรายังไงล่ะพะย่ะค่ะ”

“ได้ยินว่าจักรโลหิตของท่านทูตร้ายกาจนัก หวังว่าคงจะได้เห็นหัวของเจ้ายออุนนั่นซักทีนะ ท่านพ่อ”

“พะย่ะค่ะ...........คราวนี้ จะไม่ทรงผิดหวังอย่างแน่นอน”

“คิมควีจีขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ.....” เสียงของนายทหารดังเข้ามาจากนอกประตู

“เข้ามาได้” พระนางจองซุนรับสั่งเรียก

“มีข่าวอะไรรึ....ควีจี” คิมฮันกูถามหลานชาย

“ขอรับท่านอา...... พระหมื่นปี กระหม่อมสืบได้ข่าวของคนๆนึงพะย่ะค่ะ”

“ใคร.......” พระหมื่นปีและคิมฮันกูถามพร้อมกัน

“เป็น..ซอ.......ซอนัมซุนพะย่ะค่ะ” คิมควีจีกราบทูลเสร็จแต่ไม่กล้บสบพระเนตรพระนางจองซุน

“มันตายไปแล้วไม่ใช่หรอ....” คิมฮันกูอุทานเสียงดัง ขณะที่พระนางจองซุนกำลังรอฟัง

“มันยังไม่ตาย.......แล้วตอนนี้....ก็กำลังเดินทางมาที่ฮันยางด้วยพะย่ะค่ะ” แอบชำเลืองมองพระหมื่นปีที่กำลังตื่นเต้น

“เจ้ารู้ได้ยังไง.......” พระนางเป็นฝ่ายถาม

“ตอนที่ข้าเดินทางไปคยอนจู ได้เห็นป้ายประกาศจับมันเข้า ก็เลยให้คนไปตามสืบ จนกระทั่ง ได้ยินพวกขุนนางท้องที่บอกว่า มันกำลังเดินทางมุ่งมาที่ฮันยาง ป่านนี้ น่าจะถึงแล้วพะย่ะค่ะ”

“เป็นคนๆนั้นจริงๆเหรอ........เค้ายังไม่ตายจริงๆเหรอ”

“พระหมื่นปี....” คิมฮันกูเรียกสติพระนาง

“ท่านพ่อ............พาคนๆนั้นมาพบข้าที”

“แต่ตอนนี้......ทรงเป็นถึงพระมเหสีของอดีตพระราชา เป็นพระหมื่นปีของโชซอน จะทรง.....”

“ข้าอยากพบเค้า..........สิบแปดปีแล้วนะท่านพ่อ ข้าทำเพื่อสกุลคิม เพื่อโนรอนมาโดยตลอด ตอนนี้ ข้าแค่อยากจะพบเค้าเท่านั้น ควีจี เจ้าพาเค้าไปที่บ้านเจ้าได้มั้ย เอานี่ไปให้เค้าดูด้วย” พระนางส่งเครื่องประดับชิ้นนึงให้คิมควีจีรับไว้

“ฝีมือเจ้านั่นเป็นยังไงบ้าง.......แล้วก่อนหน้านี้ มันไปอยู่ที่ไหน” คิมฮันกูถามคิมควีจี

“ได้ยินว่า สิบกว่าปีที่ผ่านมา มันเร้นกายฝึกวิชาอยู่ในป่า สองปีก่อน หลังจากสำนักโคมดำปิดตัว พวกศิษย์เก่าสำนักดาบอสูรก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง พวกมันรับจ้างฆ่าคน ทั้งปล้นทั้งฆ่าไปทั่ว มีค่าหัวมากเอาการอยู่ ส่วนเรื่องฝีมือ ข้าไปได้ยินมาว่า มันเอาชนะจางแทซันได้ล่ะขอรับ...ท่านอา”

“จางแทซัน อดีตนักล่าเงินรางวัลที่ไปทำงานให้เจ้ายออุนอย่างนั้นน่ะเหรอ แสดงว่า...เจ้าซอนัมซุนคงมีฝีมือสูงส่ง ไม่แน่ อาจจะใช้มันจัดการเจ้ายออุนนั่นให้เราอีกแรงก็ได้ ฮ่าฮ่าฮ่า”

...

..


TBC




Create Date : 17 สิงหาคม 2557
Last Update : 17 สิงหาคม 2557 22:04:57 น.
Counter : 1259 Pageviews.

5 comment
1  2  3  4  5  6  

Niramitr
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



สาวก"รักแห่งสยาม"

New Comments