All Blog
ตอนที่ 01 +++ ทุติยบทแห่งความรัก +++



เป็นฟิคที่มีผมกับน้องปอนด์ร่วมกันแต่งไว้ใน //www.thelittlespace.com เวบไซต์สำหรับFCรักแห่งสยามและออกัสต์

ทีแรกก็ช่วยกันแต่งอยู่ 2 คน แต่น้องปอนด์ต้องไปต่างประเทศ จึงเหลือผมแต่งอยู่แค่คนเดียวเอง

บอร์ดlittlespaceกำลังจะปิดตัวลง z,จึงเอาฟิคที่แต่งไว้มาลงในblogนี้...ขอให้ผู้อ่านทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ทุกคน มีความสุขกับฟิคนี้นะครับ








เริ่มเรื่องจากส่วนแรกที่แต่งโดยน้องปอนด์นะครับ



........................................................................




+++ เริ่มเรื่อง +++




สวัสดีวันปีใหม่แล้วววว (เพลงปีใหม่ ที่บรรเลงเบาๆ ในห้องของมิวว)

"หืมม ปีใหม่แล้วสิน่ะ . . . " มิวพูดอย่างค่อยๆ ระหว่างกำลังนั้งเล่งคอม

"มิว!!!" เสียงหญิงตะโกนอย่างเสียงดัง จากหน้าบ้านของมิวว

"มิวว อยุ่ป่าวว หญิงเองง มาเปิดประตูให้หน่อยดิ"

มิวจึงขานรับอย่างรวดเร็ว "อืมๆ เด๋ว รอแป๊ปน่ะหญิง"

ตึง ตึง ตึง ตึง !!! เสียงวิ่งลงบันไดอย่างรวดเร็วว

แคว๊กก เสียงประตูเหล็กเก่าๆ ที่ถึงเปิดออกโดนมิวว



. . .



. .



.



"อ่าวว จ้องไรอยู่ละหญิง จะเข้ามาป่าวว เปงรัยเป่าเนี่ย" มิวถามด้วยความสงสัย

"ป่าวๆ ก้อไม่ได้เห็นมิวเสียนาน เหอะๆ ผอมลงเยอะนิ..."

"หึ หึ" มิวหัวเราะอย่างเบาๆ



เมื่อหยิงและมิวขึ้นมาถึงบนห้อง



"ว่าแต่ ไม่เด๋วนี้ หญิงไม่ค่อยเห็นมิวเรยอะ ไปไหนมาหรอ??"

"ก้อไม่ได้ไปไหนน่ะ อยู่บนห้องนี้แหละ แค่อยากอยู่คนเดียวอะ"

"อืม"

หญิงได้เดินสำรวจรอบห้องที่ดูเปลี่ยนไปอย่างน่าอัศจจรย์. . .

มีหลายอย่างหายไปจากห้องของมิว

"มิวๆ ไอ้ตุ๊กตาไม้หัวกลมๆ อะ มันหายไปไหนแล้วหรอ"

. . .

"อืม.... ก้อ ห้องมันรกอะ เรยจับของเก่าๆ ใส่กล่อง ทิ้งไว้ในห้องเก็บของนู่น"

กรี๊งงงงงงง (โทรศัพท์หญิงดังขึ้น)

"ฮาโยวว อ่า.. อืมๆ เด๋วจาไปเรย "

"จาไปไหนหรอ??" (มิวถามขึ้นด้วยความสงสัย)

"ไปสยามอะ เพื่อนชวนไปหาไรกิน มิวไปปะ "

"อืม ไปด้วยดิ หิวพอดีเรย ว่าแต่"

"แต่.. อะไรหรอมิว"(หญิงทำหน้าสงสัย "สงสัยถามเรื่องโต้งแน่เรยย ")

. . .

. .

.

"คือ . . . หยิงเลี้ยงเป่า เรามะมีตังอะ "

"แหม กับมิวหญิงต้องเลี้ยงอยู่แร้ว ไปเถอะ เด๋วจาช้า!!"

บืน!! รถคันใหม่ของหญิงถูกสตาร์ต และขับออกไปอย่างเร็วว



ณ ร้านสมตำร้านประจำ....



"เอ่อ แล้วเมื่อไหร่ไอหญิงจะมา" โต้งถามขึ้น

"เด๋วก้อมาแหละ มันช้าแบบนี้ประจำ" ...



ทันใดนั้น

"มิวๆ รอนี้ก่อนน่ะ เด๋วหญิงไปบอกเพื่อนก่อนว่ามิวมาด้วย"

"ฮืมๆ ไปเถอะ ว่าแต่ เร็วๆน่ะ หิวจาตายแระ "



. . .

. .

.

"เอ้า หญิงมาเร็วๆดิ โต้งรอน้าน นาน หิวแระเนี่ย"

หญิงเงียบลง และก้มหน้าลง พร้อมกับพูดว่า

"คือ เรามีไรจะบอกอะ "

. .

"ไรของแกอะไอหญิง พูดมาดิ"

..

"คือ เราพาเพื่อนมาคนนึง เราให้เขามากินด้วยได้ปะ"

. .

"เออ เท่านี้ก้อจบ แหม นึกว่าเรื่องเป็นเรื่องตาย ทัมหน้าเสียเครียดเชียว"

"ให่มันมานั้งข้างไอโต้งละกัน"

. .

. .

.

"มิว ไปเหอะ เพื่อนเราหรออยู่อะ"

ด้วยความหิว มิวจึงรีบเข้าไปในร้านโดยเร็ว และเข้าไปนั้งในที่ ที่เพื่อนๆของหญิงได้เตรียมไว้ให้ แต่หารู้เรยไม่ ว่าคนที่นั้นข้างนั้น คือใคร . . .

"ไอหญิงๆ นี้มึงพาแฟนไอโต้งมาหรอ เด๋วมันก้อเปงเรื่องหรอก"เพื่อนสาวกระซิปบอกหญิง

. . .

"มิวว" โต้งเรียกมิว ด้วยความคาดไม่ถึงว่า เพื่อนคนที่หญิงจะพามานั้นคือ ... มิว

. . .

"หม่ำๆ หา !!! มีไร " มิวกิงปีกไก่โดยไม่ได้มองหน้ากินมามอง

แต่แล้ว เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น. . .

" ต ต ต โต้ง"

น้ามตาจากความเจ็บปวดที่มิวได้รับ เริ่มไหลรินออกมา

"หญิง เราขอตัวน่ะ" มิวรีบหลุกออกจากที่นั้ง แล้ววิ่งจากไปโดนเร็ว

. . .

. .



.





Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 5 มีนาคม 2553 15:06:20 น.
Counter : 579 Pageviews.

5 comments
  

ต่อด้วยส่วนที่ผมแต่งนะครับ

..........................................



+++ ต่อเรื่อง +++



มิววิ่งออกไปจากร้านโดยไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่จ้องมอง ทว่า..หลังจากที่มิววิ่งออกไปแล้ว ทุกสายตาก็เปลี่ยนเป้า หันมามองที่โต้ง ซึ่งนั่งนิ่งไม่พูดกับใคร ได้แต่ก้มหน้ามองใต้โต๊ะ น้ำตารื้นๆซึมออกมา

" นั่นมันเด็กเซ้นต์นิโคลัสที่เคยเดินเที่ยวกับมรึงไม่ใช่หรือวะ ที่เป็นนักร้องน่ะ " เอิร์ธเอ่ยขึ้นหลังจากที่ทุกคนนิ่งเงียบไปนาน

" แล้วทำไมพอมันเห็นมรึงแล้วถึงต้องรีบวิ่งหนีไปด้วยว่ะ หรือพวกมรึงมีเรื่องอะไรกัน ตกลงมรึงเป็นเกย์ใช่มั้ยเนี่ย " เจ๋งถามขึ้นมาบ้างหลังจากพอจะเข้าใจอะไรบางอย่าง " แล้วไอ้นั่นเป็นแฟนใหม่มรึงจริงๆอย่างที่ไอ้แหวบอกใช่ป่ะ " เจ๋งยังคงถามต่อ

" ไอ้ห่า....โยนขี้ให้กรูอีกแล้ว " แหวรีบแก้หน้าแต่ทุกคนยังคงจ้องมาที่โต้งอย่างต้องการคำตอบ ในขณะที่หญิงก็ได้แต่ก้มหน้านิ่ง ไม่กล้าสบตาจอยที่จ้องหน้าโต้งสลับกับหน้าหญิงเป็นระยะๆ

" ไอ้หญิง ชั้นคุ้นว่าคนเมื่อกี้เป็นเพื่อนแถวบ้านที่แกชอบไม่ใช่เหรอว่ะ อย่าบอกนะ ว่าที่ผ่านมา แกแอบชอบเกย์ จริงเหรอเปล่าว่ะ ตกลงมันเป็นไงกันแน่เนี่ย " จอยเอ่ยปากถามหญิง ทำให้คนอื่นๆเปลี่ยนไปหันมองหญิง โดยเฉพาะเอิร์ธที่ดูเหมือนจะสนใจเป็นพิเศษ

" เค้าไม่ใช่แฟนกรู พวกมรึงนี่แม่ง..ไร้สาระ " โต้งทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นต่อมาหลังจากที่จอยยิงคำถามใส่หญิง จากนั้นก็ลุกจากไปอีกคนโดยที่ไม่สนใจเพื่อนๆแม้แต่น้อย
โต้งมองซ้ายมองขวาอยู่หน้าร้าน จากนั้นก็วิ่งออกไปทางถนนเพื่อจะขึ้นรถไปที่ไหนสักแห่ง

" โต้ง .... รอเราด้วย " หญิงตัดสินใจวิ่งตามโต้งออกไปจากร้าน ปล่อยให้เพื่อนๆมองตาค้างและคิดกันไปต่างๆนานา

หลังจากที่มิววิ่งออกไปจากร้านส้มตำอย่างไม่มีจุดหมายแน่ชัด ทั้งๆที่ตัวเองก็หิวข้าวจนแสบไส้ แต่ก็ไม่ค่อยมีเงิน เพราะซื้อของขวัญปีใหม่ฝากป๊า น้องมายด์ และญาติๆที่ระยองหมดเงินไปโข กว่าป๊าจะโอนเงินเดือนมาให้ก็ต้องคอยอีก 2 วัน ส่วนเงินค่าตัวร้องเพลงก็เผลอฝากพี่อ๊อดไว้ พี่แกก็ดันไปเที่ยวกับเพื่อนซะอีก ก็เลยเหลือเงินพกติดตัวแค่ไม่กี่ร้อย ป้าอรก็กลับไปเยี่ยมบ้าน แถมเพื่อนๆในวงก็ติดต่อใครไม่ได้ เพราะหลังจากงานปาร์ตี้ส่งท้ายปีเก่าที่วงออกัสต์ขึ้นไปแสดงเมื่อ 2 คืนก่อน เพื่อนๆก็แยกย้ายกันไปเที่ยวกับครอบครัว เหลือรุ่นน้องบางคนที่อยู่เที่ยวปีใหม่ในกรุงเทพฯ



ในที่สุด มิวก็ตัดสินใจเดินเที่ยวในสยามไปเรื่อยๆ บรรยากาศช่วงสายที่สยามของวันนี้ไม่ค่อยคึกคักอย่างที่มิวคิด คงเป็นเพราะเมื่อคืนมีการฉลองกันจนดึกดื่น บรรดาร้านรวงก็พากันปิดไปเสียหมด นักเที่ยววัยรุ่นทั้งหลายก้คงยังสลบสไลกับความเพลียเพราะตะลอนเที่ยวมาค่อยคืน มิวเดินน้ำตาคลอมาเรื่อยๆ พลันคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้ของตนเองกับโต้ง มิวมั่นใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเรียกว่าความรัก มั่นใจว่าตนเองรักโต้งเกินกว่าความเป็นเพื่อนสนิท เพราะถ้าจะว่าไป ก่อนหน้านี้ มิวกับโต้งไม่ได้พบกันมาถึง 6 ปี มิวเองก็มีเพื่อนสนิทในวงหลายคนโดยเฉพาะเอ๊กซ์ แต่กลับไม่มีใครเข้าใจความเหงาของมิวและปลอบใจมิวได้ดีเท่าโต้ง ในขณะที่โต้งเองก็มีเพื่อนในกลุ่มหลายคน แต่ไม่มีใครสัมผัสถึงความว้าเหว่และคิดถึงของโต้งได้เหมือนกับมิว



“ เราคงคบเป็นแฟนกับมิวไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่า เราไม่ได้รักมิวนะ “ เสียงพูดของโต้งยังคงดังก้องอยู่ในหูของมิว แม้ว่ามิวจะเฝ้าคิดถึงคำพูดนี้ของโต้งมาหลายวันนับตั้งแต่งานคริสต์มาสที่ลานสยามดิส ยิ่งเวลาอยู่ลำพังในห้องนอน แล้วนั่งมองตัวต่อไม้ที่มีจมูกสวมไม่พอดีตัวนั้น น้ำตาของมิวก็พลันไหลออกมาทุกครั้ง จนในที่สุด มิวก็ต้องเก็บมันใส่กล่องเพราะไม่อาจทนมองได้อีก แต่ถึงจะเก็บใส่กล่องไปแล้ว ภาพความทรงจำเมื่อครั้งวัยเยาว์ที่โต้งซื้อตัวต่อไม้มาฝาก แล้วให้มิวเล่นเกมหาของ ยังคงลอยวนอยู่ไม่จางหาย รอยยิ้มของโต้งที่มีความสุขขณะที่มิวหาชิ้นส่วนตัวต่อทีละชิ้น ความผิดหวังของโต้งที่รู้ว่าจมูกของมันหายไป จนกระทั่งรอยยิ้มของโต้งในคืนที่โต้งยื่นจมูกของตัวต่อไม้ให้มิวในคืนคริสต์มาสที่ผ่านมา ไม่เคยลบเลือนไปจากความทรงจำของมิวเลย แล้วมิวก็ยิ้มได้ทั้งน้ำตาทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องเหล่านั้น มิวตอบตัวเองไม่ได้ ว่าที่จริงแล้ว ตนเองอยากจะลืมหรืออยากจะจำไว้กันแน่ มิวกลัวว่าตนเองจะทนไม่ได้ ถ้าวันนึงตนเองต้องสูญเสียคนที่รักไปอีก แต่ก็อยู่ไม่ได้ถ้าจะไม่รักใครเลย ความเหงามันทำร้ายมิวอีกครั้งนึงแล้ว



มิวยังคงเดินต่อไป จนมาหยุดอยู่หน้าร้านของเล่นที่มีตัวต่อไม้ไร้จมูกขายอยู่ แต่ไม่ได้กำหนดราคาไว้ มิวยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจ เดินไปถามราคากับพี่คนขายในร้าน



“ พี่ครับ ตัวต่อไม้หน้าร้านนี่ ขายยังไงครับ “ มิวถามพี่คนขายเพื่อหยั่งเชิงราคา

“ มันไม่ครบส่วนนะน้อง อาทิตย์ก่อน พี่ยกส่วนจมูกให้น้องผู้หญิงคนนึงไปแล้ว ตื๊อเหลือเกิน ก็เลยใจอ่อนให้ไป ไอ้ตัวที่เหลือนี่ก็เลยขายไม่ออก “ พี่คนขายตอบไปพลางบ่นเสียดายเงินที่ต้องสูญไป



“ งั้นพี่ช่วยขายให้ผมได้มั้ยครับ “ มิวพูดพลางล้วงกระเป๋า แล้วนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่มีเงินพอแน่ๆ

“ น้องใช่นักร้องนำวงออกัสต์ใช่ป่ะ เอายังงี้แล้วกัน ไหนๆก็ขายไม่ออกแล้ว น้องมาถ่ายรูปกับเซนต์ชื่อไว้ให้พี่หน่อยแล้วกัน แล้วพี่ยกตัวต่อนี่ให้ไปเลย “ พี่คนขายบอกมิวออกไป



“ ขอบคุณมากครับ “ มิวตอบพี่คนขายด้วยรอยยิ้ม





หลังจากผ่านไปไม่นาน มิวก็นั่งรถเมล์กลับบ้าน พร้อมกับถุงตัวต่อไม้ในมือ โดยลืมไปว่าตัวเองยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลย



ทางด้านโต้ง หลังจากที่วิ่งออกมาจากร้านส้มตำพร้อมด้วยหญิงที่วิ่งตามมาติดๆ ก็ได้ขึ้นรถแท็กซี่ไปด้วยกัน เป้าหมายก็คือบ้านของมิวนั่นเอง

“ หมายความว่าไงโต้ง ที่ว่ามิวไม่ใช่แฟนโต้ง ก็คืนนั้นโต้งบอกเลิกกับโดนัทแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วจมูกนั่นล่ะ โต้งให้มิวไปแล้วรึยัง หรือว่าโต้งไม่รักมิวแล้ว ถึงว่า หลายวันนี้ มิวเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง แถมยังเก็บตัวต่อไม้ลงกล่องไปแล้วด้วย โต้งเล่ามาให้เราฟังทั้งหมดเลยนะ เรื่องเมื่อคืนก่อนนั้นน่ะ ‘ หยิงยิงคำถามใส่โต้งเป็นชุดด้วยเสียงอันดังโดยไม่เกรงคนขับรถจะว่าเอา



“ ว่าไงนะหญิง มิวเก็บตัวต่อไม้ลงกล่องไปแล้วเหรอ แล้วที่ผ่านมาก้เก็บตัวอยู่แต่ในห้องตลอดด้วย “ เมื่อโต้งรู้เรื่องของมิวจากหญิงก็ทำหน้าเศร้าทันที พลันนึกขึ้นได้ว่า มิวผอมลงไปมากจริงๆ จากนั้นก็เริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนคริสต์มาสให้หญิงฟัง

....................

...................

โดย: Niramitr วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:22:27 น.
  

ต่อด้วยส่วนที่น้องปอนด์แต่งเลยนะ
...................................................

เมื่อมิวถึงๆ บ้าน

"มิว ลูก มิว แล้วหญิงละลูก" เสียงคุณแม่ของหญิงถามอย่างสงสัย

"เอ่อ เขาขอเดินสยามต่อกับเพื่อนๆอะคับ" มิวโกหกเเม่ไป

"อืม แล้วลูกกินข้าวยังละ"

. .

.

มิวนึกในใจ "จะเอางัยดีน้า หิวก้อหิว"

"ยังเลยคับ"

"งั้นมากินด้วยกันก่อนสิ วันนี้แม่ทำไมเยอะเรยหล่ะ มาเร็ว"

ด้วยความเมตตาของแม่ของหญิง แม่จึงรีบชูงมือมิวเข้าไปกินเข้าอย่างเร็ว




--------------------------------------------------------------------------------


รถแท็กซี่ของหญิงและโต้งจอดลงหน้าปากซอย

"หญิง เราขออยู่บ้านหญิงซักแปปได้เป่าอะ ยังไม่อยากกลับบ้านเรย"

"อืมๆ มาสิ ว่าแต่ โต้งยังไม่เคยมาบ้านเราเรยนิ. . ." หยิงขานตกลง พร้อมจูงโต้งเข้าไปในซอย

"โต้ง แม่เราต้องว่าเรื่องรถแน่เรยอะ ขี่ไปสยาม แต่นั้งแท๊กซี่กลับ"

"ก้อ บอกแม่ไปว่า คนที่มาต่อเรื่องลืมเขียนละกาน" >>>> แป่วววว <<<<

. . .



..



.



"ม๊า!!! หญิงกลับมาแร้วว "

"โต้งรอนี้ก่องน้า"

หญิงกะโกนจากหน้าบ้าน พร้อมบอกให้โต้งรอข้างนอก

ตั้งแต่เข้าซอยมา สายตาของโต้ง ไม่เคยละตาจาบ้านของมิวแต่อย่างน้อย ได้แต่มอง และไม่สามารถร้องไห้ออกมาให้หญิงเห็นได้

แต่ในใจโต้งก้อคิดว่า "เรารักมิว แต่ทำไมเราถึงต้องทิ้งเขาไปด้วย"

. . .



"อาวว ลูก มากินข้าวมาเร็ว มิวก้อกินอยู่อยู่เนี่ย"

"มิวหรอม๊า??" หญิงตกใจอย่างมาก

แม่เดินออกไปหน้าบ้าน

"อาวหญิง นั้นเพื่อนหรอ ลูกๆ เขามากินข้าวด้วยกันมาเร็วว"

"คับ ขอบคุณคับคุณแม่" โต้งตอบด้วยความดีใจ

. .

.

แพร่งง เสียงชามอลูมีเนียมดังขึ้น

โต้งจึงหันเข้าไปมอง เห็นชามข้าวต้ม หล่นเต็มพื้น

เมื่อเงยหน้าขึ้น พบชายผอมๆ คนนึง

"มิวว..."

ด้วยความตกใจของมิว มิวจึงทัมชามหล่น

"ขอโทดคับแม่ ผมขอตัวก่อนน่ะ" มิวขอโทดคุณแม่ที่ทำชามหล่น

พร้อมวิ่งออกไปอย่างเร็ว น้ำตาที่หยุดเคยหยุดไหล กลับมาไหลอีกครั้ง

. .

.

ในขณะนั้น "หญิง... มิวเขาเกลียดเราแล้วหรอ ทัมไมเขาต้องวิ่งหนีเราไปตลอดเรย.." เสียงขอโต้งพูดขึ้น พร้อมน้ำตาที่ไหลอีกครั้ง

โดย: Niramitr วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:23:20 น.
  

ส่วนต่อมาที่ผมแต่งต่อ
...............................

+++ ต่อเรื่อง +++

หญิงไม่รู้ว่าจะตอบโต้งยังไงดี เพราะไม่รู้เหมือนกันว่ามิวคิดอะไรอยู่ ทำไมมิงจึงต้องวิ่งหนีโต้งถึง 2 ครั้ง 2 คราในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่ทันที่จะคิดคำตอบได้ สายตาของหญิงก็เหลือบไปเห็นตัวต่อไม้ในถุงที่มิวลืมไว้ จึงได้ชี้ให้โต้งดู โต้งที่น้ำตาไหลอาบแก้มแล้วในตอนนี้หันมามองตามนิ้วมือของหญิง จากนั้นโต้งก็เอื้อมมือไปคว้าตัวต่อไม้ในถุงนั้นมาพิจารณา



“ ไม่มีจมูกนี่หญิง งั้นก็แปลว่าตัวต่อไม้ตัวนี้ “ โต้งเอ่ยปากพูดกับหญิงเมื่อเห็นว่าตัวต่อไม้ในถุงไม่มีจมูก



“ เป็นตัวเดียวกับที่เราไปขอจมูกของมันจากพี่คนขายเมื่อปลายปีที่แล้ว “ หญิงต่อประโยคคำพูดตรงกับสิ่งที่โต้งคิด “ แล้วโต้งจะทำยังไงต่อไปล่ะ “ หญิงถามโต้งพลางเหลือบมองไปทางอาม้าที่เดินออกไปหน้าบ้าน แต่ไม่ทันที่หญิงจะได้รับคำตอบจากโต้ง



“ อาหญิง ลื้อเอารถไปจอดไว้ที่ไหน “ เสียงอาม้าตวาดดังมาจากหน้าบ้าน ทำให้หญิงตกใจ รีบวิ่งไปหน้าบ้าน



“ ม้าอย่าพึ่งโกรธหญิงนะ แค่ลืมจอดทิ้งไว้สยาม เดี๋ยวก็กลับไปเอามาแล้ว งั้นหญิงไปล่ะนะ “ หญิงพูดจบก็ลากโต้งวิ่งไปหน้าปากซอยโดยไม่รอให้อาม้าโต้กลับ โต้งที่กำลังเศร้าก็ถูกหญิงลากไปโดยง่าย



มิวมองออกมาผ่านหน้าต่างในห้องนอน เห็นหญิงกับโต้งวิ่งออกไปทางปากซอย มิวไม่ทันสังเกตว่าในมือโต้งมีถุงใส่ตัวต่อไม้ที่เค้าพึ่งจะได้มาอยู่ด้วย มิวลงมาข้างล่างเพื่อออกไปขอโทษอาม้าของหญิงเรื่องชามข้าวต้ม พร้อมถามหาถุงใส่ของของตน แต่อาม้าก็ไม่รู้ว่าถุงนั้นหายไปไหนแล้ว



มิวเดินกลับเข้าบ้านด้วยความผิดหวัง พลางมานั่งที่หน้าเปียโนของอากง



“ ทำไมนะ อาม่า ทำไมนะ ทำไมสิ่งที่มิวคิดว่าเป็นของมิวถึงได้จากมิวไปเสียหมด ทำไมมิวต้องสูญเสียสิ่งที่มิวรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ มิวพูดทั้งน้ำตาที่ปริ่มขอบตาเล็กน้อย แล้วเริ่มบรรเลงเพลงที่อาม่าชอบเล่นประจำ “ มิวจะบอกอาม่าว่ามิวกำลังคิดถึงนะ คิดถึงอาม่า คิดถึง......................โต้ง “ น้ำเสียงของมิวแผ่วเบาลงเมื่อต้องเอ่ยชื่อคนๆนั้น คนที่ทำให้หัวใจของมิวมีความหวังอีกครั้ง หลังจากต้องเจ็บปวดกับความเหงามา 5 ปี หลังจากเล่นเปียโนจบลง มิวเดินกลับขึ้นไปเก็บตัวอยู่บนห้องอีกครั้ง ขณะกำลังคิดว่าจะล้มตัวลงนอน พลันเสียงโทรศัพท์มือถือของมิวก็ดังขึ้น



“ ว่าไงเอ๊กซ์ “ มิวพูดผ่านโทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือบอบบาง น้ำเสียงแผ่วเบาและโรยแรง

“ เป็นไรไปว่ะ น้ำเสียงเหมือนไม่สบายเลย ป่วยตั้งแต่ปีใหม่เลยเหรอมรึง “ เอ๊กซ์ตอบกลับมา

“ เปล่า ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่โทรมาได้เนี่ย มีอะไรรึเปล่าวะ “ มิวถามเอ๊กซ์กลับไปบ้าง

“ เพื่อนกัน ไม่มีธุระโทรหาไม่ได้เหรอวะ กรูก็แค่จะโทรบอกมรึงว่า พี่อ๊อดโทรบอกว่ามีงานด่วนให้ไปเล่นที่บ้านเพื่อนพี่แก แถวเมืองทอง รถมารับเย็นนี้ มรึงจะเอาไง ไปเปล่าวะ “ เอ๊กซ์บอกมิวไปดวยน้ำเสียงสดใส

“ ก็พวกมรึงไปเที่ยวกันหมดไม่ใช่เหรอวะ แล้วใครไปบ้างล่ะเนี่ย “ มิวถามกลับด้วยความสงสัย

“ กรูกลับมาถึงเมื่อเช้ามืดนี่เอง ไอ้แวนกับไอ้เอ็มมาถึงตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ไอ้ต่อจะมาถึงตอนเย็น คงทันเวลาพอดี ส่วนปิงปอง พอรู้ข่าวก็รีบกลับกรุงเทพฯทันที กรูหลอกมันว่าสาวตรึม ไอ้นี่ได้ทั้งเงิน ทั้งได้หลีสาว มันเลิกสนใจเที่ยวเลย อาร์มกับไมค์ไปเมืองนอก น้องอ้วน ไปไม่ได้ ไปไหว้พระกับแม่ ส่วนแม็คกับอ๋องกรูติดต่อไม่ได้ แล้วตกลงมรึงจะไปมั้ยเนี่ย ถ้าขาดมรึงอีกคนก็จบเห่เลยนะ เพราะนักร้องที่เหลือไม่อยู่ซักคน เอาเป็นว่ามรึงห้ามปฏิเสธ เดี๋ยวบ่ายสามกรูไปรับมรึงที่บ้าน แค่นี้นะ “ เอ๊กซ์วางสายทันทีโดยไม่รอคำตอบจากมิว ด้วยความที่สนิทกันมาหลายปี เอ๊กซ์รู้ว่ามิวเกรงใจพี่อ๊อด และแคร์วงแค่ไหน เมื่อตอนนี้ไม่มีใครไปร้องเพลงแทนมิว มิวก็ต้องไม่ทิ้งวงแน่นอน ถึงแม้เอ๊กซ์จะสังกตได้ว่ามิวไม่ค่อยมีความสุขเลยตั้งแต่ร้องเพลงในงานปาร์ตี้เมื่อ 2 คืนก่อนหน้านี้



ช่วงเที่ยงโต้งกลับบ้านไปด้วยความว้าเหว่โหยหา เค้าแยกทางกับหญิงที่หน้าปากซอย แล้วนั่งรถเมล์กลับบ้านทันที เค้ารู้ว่า ถ้ามิวตั้งใจจะหลบหน้า ต่อให้เค้าไปตะโกนเรียกหน้าบ้าน มิวก็คงไม่ยอมพบหน้าเค้าอยู่ดี โต้งจึงคิดจะหาวิธีคุยกับมิวให้ได้ภายหลัง ตลอดทางที่นั่งรถเมล์กลับบ้าน โต้งครุ่นคิดอยู่ในใจว่า การที่เค้าบอกรักมิว แต่คบเป็นแฟนไม่ได้คงจะทำให้มิวเจ็บปวดมาก มิวจะรู้มั้ยนะ ว่าเราเองก็คงเจ็บปวดไม่แพ้มิว แต่เราจำเป็นต้องเลือก ครอบครัวของเรากำลังระส่ำระสาย อาการของพ่อก็ไม่ดีขึ้น ถึงหลายวันนี้จะเลิกดื่มเหล้า แต่อาการก็สะสมมาเรื้อรัง แล้วยังแม่อีก ดูเหมือนแม่อาจจะพอทำใจรับได้บ้าง แต่ก็ยังไม่สนิทใจ ยังไงซะตอนนี้เราก็คงคบกับมิวได้เพียงแค่เพื่อนเท่านั้น มิวก็น่าจะเข้าใจนี่นา แล้วทำไมมิวต้องหลบหน้าเราตลอดด้วย ทำไมมิวถึงดูแย่ลงจากวันนั้น ความคิดของโต้งยังไม่ทันไปถึงไหน รถเมล์ก็มาจอดที่ป้ายรถเมล์หน้าปากซอยเข้าบ้านพอดี โต้งสะดุ้งแล้วรีบกระโดดลงรถก่อนที่จะเลยป้าย



“ คืนนี้โต้งว่างมั้ยลูก “ สุนีย์ถามโต้งทันทีเมื่อโต้งเดินเข้ามาในบ้าน

“ มีอะไรรึเปล่าแม่ “ โต้งถามกลับแม่ เมื่อเห็นแม่เตรียมข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของพ่ออยู่

“ ลุงหมอนัดให้พ่อไปตรวจพรุ่งนี้ แต่แม่เห็นว่า ไหนๆก็ต้องอดอาหารเพื่อเตรียมร่างกายอยู่แล้ว ก็เลยบอกลุงหมอไปว่า จะขอไปนอนที่โรงพยาบาลคืนนี้เลย แต่โต้งไม่ต้องไปด้วยหรอกนะ “ สุนีย์พูดต่อเมื่อเห็นโต้งจะเอ่ยปากถาม “ คือแม่ว่าจะให้โต้งไปงานครบรอบแต่งงานของรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยแทนแม่หน่อยน่ะลูก รับปากไว้นานแล้ว ไม่ไปก็เกรงใจ ช่วยไปแทนแม่หน่อยนะลูก อยู่แถวเมืองทองนะ แม่เขียนแผนที่กับเตรียมของขวัญไว้แล้ว อยู่บนตู้ข้างบันไดนะ “

หลังจากที่โต้งรับปากแม่แล้ว ก็ขอตัวไปนอนพักพร้อมกับถือถุงใส่ตัวต่อไม้ขึ้นไปบนห้อง พลางนึกถึงครั้งแรกที่ตนให้ตัวต่อไม้แก่มิวด้วยการให้มิวเล่นเกมหาของ ถ้ามิวอยากได้ตัวนี้ที่จมูกไม่มี แล้วตัวแรกที่เราให้มิวไปล่ะ หลังจากคิดถึงตรงนี้ โต้งก็หยิบโทรศัพท์โทรหาหญิงทันที



หญิงเอารถกลับมาจอดที่บ้านได้พอดีกับที่เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นหลังจากวางสายจากโต้ง หญิงก็มาตะโกนเรียกมิว แต่ไม่ทันได้ยินเสียงมิวตอบกลับมา ก็เห็นว่าประตูเหล็กไม่ได้ล็อก หญิงจึงเปิดประตูเข้าไปด้วยความเคยชิน แล้วเดินขึ้นไปบนห้องนอนของมิว มิวที่ล้มตัวลงนอนได้ซักครู่สะดุ้งลุกจากหมอนทันทีที่เห็นหญิง ก็เลยบอกหญิงไปว่าวันนี้มีงาน อยากพักผ่อน ไม่พร้อมจะคุยด้วย



“ หญิงจะมาขอดูตัวต่อไม้ของมิวหน่อยน่ะ ว่าจะเอาเป็นแบบไปหาซื้อเป็นของขวัญปีใหม่ให้เพื่อนน่ะมิว หญิงขอยืมดูหน่อยนะ “ หญิงขอร้องมิวด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนแจ่มใส



ด้วยความที่มิวก็อยากรู้ว่าเด็กผู้หญิงที่ขอจมูกตัวต่อไม้จากพี่คนขายใช่หญิงรึเปล่า เพราะนอกจากหญิงแล้ว มิวก็ไม่เห็นใครที่จะมีความกล้าแบบหญิง และหญิงก็เป็นคนเดียวที่น่าจะเอาจมูกไม้ให้โต้งมามอบต่อให้มิว ดังนั้นมิวจึงหยิบตัวต่อไม้ให้หญิงดู พร้อมกับตั้งคำถาม



“ ตอนที่ได้มาครั้งแรก มันไม่มีจมูก หญิงคงจำได้ แต่เมื่อคริสต์มาสที่ผ่านมา โต้งเอาจมูกไม้มาเป็นของขวัญให้เรา เสียดายที่จมูกไม่พอดี หญิงเป็นคนเอาจมูกให้โต้งใช่มั้ย อย่าโกหกเรานะ “

หญิงเล่าเรื่องทั้งหมดให้มิวฟัง มิวฟังแล้วน้ำตาก็รื้นขึ้นมาอีกครั้ง มิวเข้าใจความรู้สึกของโต้งแล้ว โต้งคิดถึงมิวเสมอ ไม่เคยลืมว่าชีวิตเราต้องสูญเสียอะไร ตัวต่อไม้ยังขาดอะไร ความผุกพันในครั้งวัยเยาว์ไม่เคยเลือนหายจากใจโต้ง เรายังอยู่ในใจโต้ง ช่วงที่เราพยายามปลีกตัวจากโต้ง โต้งคงทุกข์ใจไม่น้อย แล้วนี่เรายังทำอะไรลงไป โต้งต้องเสียน้ำตาเพราะเรา ไหนเราพร่ำบอกตัวเองว่าเรารักโต้งไม่ใช่เหรอ แต่เรากลับทำให้คนที่เรารักต้องเสียใจ



หญิงกลับลงไปแล้ว มิวนั่งเงียบอยู่ในห้องนอน คิดถึงช่วงเวลาที่มีความสุขหลังจากได้พบโต้งอีกครั้ง เราคงคบกับโต้งเป็นแฟนไม่ได้ แต่เราจะไม่ยอมสูญเสียความสุขนั้นไปเด็ดขาด เราจะไม่ยอมเสียโต้งไปอีกครั้ง ถึงแม้จะยังไม่ใช่แฟน แต่ก็ไม่ได้แปลว่ารักกันไม่ได้นี่นา มิวนั่งคิดอยู่อย่างนั้นสักพัก ก่อนจะเตรียมตัวไปงานกับเอ๊กซ์ โดยลืมดูว่าโทรศัพท์มือถือของตัวเองแบตหมดตั้งแต่วางหูจากเอ๊กซ์แล้ว



โต้งมาถึงที่งานช่วง 2 ทุ่ม ด้วยความที่ไม่รู้จักใครจึงคิดจะเดินหาเจ้าภาพให้พบ ส่งของขวัญให้ แล้วก็จะรีบกลับบ้าน จนในที่สุดก็เจอเจ้าภาพซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานของแม่ที่มหาวิทยาลัย โต้งเคยเห็นหน้าเธอมาก่อนครั้งนึง กำลังต้อนรับแขกอยู่กับสามีอยู่แถวเวที งานนี้เป็นงานฉลองครบรอบแต่งงานและฉลองปีใหม่ไปในตัว ( แต่งงานถูกวันซะจริง ) โต้งนำของขวัญไปมอบให้ และขณะที่กำลังจะลากลับนั้น ก็พลันได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังอยู่ข้างหลัง ( คนอ่านคิดว่าเป็นเสียงมิวล่ะสิ )



“ โต้ง “ โดนัทนั่นเอง ยังคงความงามสง่า สวย เริ่ด เชิด หยิ่ง เหมือนเดิม เธอวางท่าให้โต้งเห็นว่าถึงโต้งจะบอกเลิกกับเธอ แต่ผู้หญิงอย่างเธอก็คงความสวยเลือกได้ไม่เปลี่ยนแปลง



“ โดนัท มาได้ไงเนี่ย “ โต้งตกใจเล็กน้อย เพราะไม่คาดคิดว่าจะต้องมาเจอและพูดคุยกับโดนัทในเวลาที่ตัวเค้าคิดถึงมิวปานจะขาดใจเช่นนี้



“ มาคุยกับเราเดี๋ยวนึงสิ “ โดนัทพูดจบก็ดึงมือโต้งไปคุยด้วยทันที ที่มุมหนึ่งของบ้าน ไกลจากเวทีและไม่ได้ยินเสียงบนเวทีเลย



คุยกันอยู่พักใหญ่ ทั้งที่ดูเหมือนว่าโดนัทจะเป็นคนพูดอยู่ฝ่ายเดียวมากกว่า เธอพรรณนาถึงแต่เรื่องที่โต้งบอกเลิกกับเธอ นี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอง้อผู้ชาย ในที่สุดโต้งก็บอกออกมาว่า

.” แต่เราไม่ได้รักเธอนะโดนัท เราขอโทษ “ พูดจยโต้งก็เดินออกมาทางหน้างานเพื่อจะขึ้นรถกลับบ้าน นี่ก็ 4 ทุ่มแล้ว งานใกล้เลิกเต็มที โต้งคงจะดินไปเรียกรถแท็กซี่ทันทีถ้าหากมาใช่เพราะว่าเสียงเพลงที่เค้าคุ้นเคยดังขึ้น



+++ ถ้าบอกว่าเพลงนี้ แต่งให้เธอ เธอจะเชื่อไหม ....... มันอาจไม่เพราะไม่ซึ้งไม่สวยงาม เหมือนเพลงทั่วไป.....+++++

“ มิว “ โต้งรำพึงขึ้นมา พลางหันไปมองบนเวที เห็นมิวยืนร้องเพลงอยู่ไกลๆ ขณะที่โต้งตัดสินใจจะเดินกลับเข้าไปหามิวในงาน โดนัทก็เดินเข้ามาหาโต้ง แล้วเริ่มขอคืนดีกับโต้งอีกครั้ง แต่เมื่อรู้ว่าคงไม่สำเร็จ จึงขอร้องให้โต้งหอมแก้มเธอเป็นการอำลา เพราะช่วงที่คบกันมา โต้งไม่เคยหอมแก้มโดนัทเลย และโต้งก็เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่โดนัทอยากให้หอมแก้ม



โต้งทำท่าจะปฏิเสธ แต่ครั้นพอเห็นสีหน้าอ้อนวอนของเธอ โต้งก็ใจอ่อนจึงก้มหน้าลงหอมแก้มโดนัทไป 1 ครั้ง จังหวะเดียวกับที่มิวร้องเพลงจบลงแล้วลงมาแจกลายเซ็นให้กับสาวๆวัยรุ่นนบางส่วนที่อยู่ในงาน ขณะที่จะถ่ายรูปนั่นเอง มิวก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีฟ้า อ่อน กำลังก้มลงหอมแก้มผู้หญิงชุดสีครีมคนหนึ่งอยู่ ถึงจะอยู่ไกลกัน แต่มิวก็จำได้แม่นยำ ว่านี่คือชายคนรักที่ตัวเค้าพึ่งจะปฎิญาณกับตัวเองว่าจะไม่ทำให้คนที่รักต้องเสียใจ แล้วนี่มันอะไรกัน สิ่งที่หญิงเล่าให้ฟังเป็นเพียงเรื่องโกหกหรอกเหรอ ด้วยความเสียใจบวกค วามผิดหวัง มิวรีบวิ่งไปขึ้นรถตู้ทันที เอ๊กซ์ที่ทันสังเกตความเปลี่ยนแปลงของเพื่อนจึงได้เหลือบไปมองยังทิศทางที่มิวพึ่งจะมองไป สิ่งที่เห็นทำให้เอ๊กซ์เข้าใจทันที



ทางด้านโต้งหลังจากเงยหน้าขึ้นมาแล้วก็มองกลับไปทางด้านหน้าเวที ทันได้เห็นมิววิ่งขึ้นรถตู้ แล้วก็เห็นสีหน้าของเอ๊กซ์ที่มองดูเค้าด้วยความโกรธบวกความไม่เข้าใจ เอ๊กซ์คงรู้ว่าที่ช่วงนี้มิวมีปัญหาบ่อยๆก็เพราะโต้งแน่ๆ ยิ่งมาเห็นโต้งหอมแก้มผู้หญิงอื่นด้วยตาตนเอง เห็นมิวเสียใจวิ่งออกไป เอ๊กซ์ก็อดสงสารเพื่อนไม่ได้ ส่วนโต้งเมื่อเห็นมิววิ่งขึ้นรถก็รีบวิ่งตามทันทีโดยไม่สนใจโดนัทอีก แต่เมื่อไปถึงรถ เอ๊กซ์ที่ต้อนเพื่อนๆขึ้นรถด้วยความเร็ว แล้วไปนั่งอยู่ใกล้ประตูก็ปิดประตูรถโดยเร็วทิ้งให้โต้งยืนค้างอยู่อย่างนั้น



โต้งตัดสินใจรีบเรียกรถแท็กซี่ ตั้งใจจะไปดักรอมิวที่บ้าน ขณะเดียวกันก็พยายามโทรเข้ามือถือของมิวแต่ก็ไม่มีสัญญาณ เพราะโทรศัพท์ของมิวแบตหมดแล้วชาร์ตไฟทิ้งไว้ที่บ้าน โต้งจึงเปลี่ยนใจโทรหาหญิง บอกให้หญิงรอดักมิวที่หน้าบ้าน



เมื่อรถตู้มาถึงหน้าบ้านมิว หญิงก็เรียกมิวไว้ แต่มิวเหมือนจะรู้ว่าหญิงต้องการพูดเรื่องอะไร จึงไม่สนใจรีบเข้าบ้านทันที พอดีกับจังหวะที่รถแท็กซี่ของโต้งมาถึง สวนกับรถตู้ที่พึ่งจะแล่นออกไปส่งสมาชิกออกัสต์คนอื่น โต้งลงจากรถแล้ววิ่งไปหามิวทันที
โดย: Niramitr วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:24:42 น.
  


ส่วนต่อมาที่น้องปอนด์แต่งนะครับ
.................................................




แคว๊ก โครมมม!!!! เสียงประตูเหล็กเก่าๆ ถูกปิดและล๊อกด้วยความรุนแรง

"มิวๆ ลงมาคุยกันก่อนดิ มิวว..."

ภาพเวลาในคืนก่อนๆ ได้ย้อนมาให้มิวนึกถึงอีกครั้ง ในวันที่น้านีย์มาหาที่บ้าน พอตกค่ำ โต้งก้อมาหา เมื่อกับปัจจุบันนี้เรยยย

แต่มิวก้อมิด้ายนำพา เอ้ยย ไม่ได้สนใจในสิ่งที่โต้งขานออกมา

จึงรีบขึ้นห้องทันใด พร้อมหยิบ I-Pod เข้าเสียบหูทันที

. . .

. .



"โต้ง... เป็นไรรึเป่า เด๋วมิวเขาก้อดีขึ้นเองแหละ"

"จะจริงหรอหญิง เราเรียกเขา เขายังไม่หันมองเรย แล้วจะเป็นไปได้หรอที่เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม..."

เมื่อโต้งพูดจบ หญิงก้อถอนหายใจ พร้อมหันหลังไป

"เราเข้าใจน่ะโต้ง... มีไรก้อโทรหาเราได้ละ"

เมื่อพูดจบก้อเดินเข้าบ้านไป...

ส่วนโต้งนั้น ยังคงนั้งอยู่ที่ม้านั้งหน้าบ้านของมิว

. . .

. .

.

กรี๊งๆ กริ๊งๆ โทรศัพท์ของโต้งดังขึ้น

"ฮัลโหล... มีไรคับแม่"

"จะกลับยังเนี่ยเรา นี้มันตี 2 ละน่า กลับได้ละมั้ง อยู่ไหน เด๋วแม่ไปรับ" ด้วยความเป็นห่วงที่ยังไม่เคยจางหายไปของแม่นีย์ จึงโทรมาหา ละอาสาจะมารับ

"ไม่เป็นไรคับแม่ เด๋วผมกลับเอง.. ไม่ต้องเป็นห่วงนะคับ"

ตู๊ด...

เมื่อพูดจบ โต้งก้อวางสายทันที...

. .

.

เกร้งงง!!!!!!

นาฬิกาปลุกเหนือหัวเตียงดังขึ้น

มิวเอื้อมมือมาทุบมัน ....

"กี่โมงละเนี่ยย โหยย 7 โมง..."

มิวบ่นพลางขยี้ตาไป เมื่อเขาลุกจากเตียงไปล้างหน้า

เขาก้อเดินลงมาเปิดประตูหน้าบ้าน

แคว๊ก....

แล้วมองไปทางขวา...

"หืมม วันนี้อากาศดีจังง"

แต่แล้ว เมื่อหันมองมาทางซ้าย มองไปที่มานั้ง กลับมีชายหุ่นดี นอนอยู่

...

"ใครกัน มานอนหน้าบ้านเรา"

มิวเดินเข้าไปใกล้ ด้วยความสงสัย แล้วสะกิดถาม

"คุณๆ เช้าแล้ว คุณๆ"

เมื่อสะกิดไป สะกิดมา ชายคนนั้นก้อหันหน้ากลับมาหามิว

"ต ต ต โต้งง..."

มิวเห็นว่าโต้งหลับอยู่ จึงได้เพียงมอง

แต่ด้วยความเปงห่วงมิวจึงเอามือแตะหน้าผากของโต้ง

"เฮ้ย!! ร้อนจนจะทอดปลาได้อยู่แระ ทัมงัยดีเรา"

"คุณๆ ตื่นๆ ตื่นๆ!!!"

มิวพยายามปลุกเท่าไร โต้งก้อไม่ตื่น

"ตัวร้อนงี้เปงไข้แน่ๆ เรยย"

มิวจึงแบกโต้งขึ้นบนบ่า

"โหยย หนักจัง..."

เขาบ่นเล้กน้อย พร้อมพาโต้งเข้าบ้าน แล้วจึงหาพาชุมน้ำมาเช็ดเพื่อ ลดไข้

"จะตื่นไหมเนี่ย ... หืมม" จากที่เคยร้องไห้ กลับอมยิ้มดีใจ ...

เมื่อมิวเช็ดตัวโต้งเสร็จ จึงขึ้นห้องไปหยิบตังที่เหลือสำรองมา

แล้ววิ่งไปหน้าปากซอย ออกไปซื้อข้าวต้มและปาท่องโก๋

"พี่ๆ ข้าวต้มหมู 2 ถุง แล้วก้อ ปลาท่องโก๋ชุดนึง" <<< ที่กรุงเทพเขาขายงัยอะ ที่ภูเก็ตขายตัวละ 2 บาท งิงิ

"รอแปปน่ะน้อง... " แม่ค้าตอบอย่างรวดเร็ว

"แม่ๆ นั้นมันพี่มิววงออกัสนิหน่า หนุของไปถ่ายรุปหน่อย"

"เห้ยๆ นั้นมันนักร้องวงออกัสเว้ยย"

"ตัวเอง นั้นนักร้องออกัสนิ"

ชาวบ้านที่ต่างเดินเท้าตอนเช้าๆ เจอเขากับมิว จึงเข้าไปขอลายเซ็นและถ่ายรุป

++++ > <" ยางไม่ได้อาบน้ามเรยยยย ไม่เหม็นหรอ มะเปงไร FC คนนี้ ทนด้ายย ++++

"หนุๆ เอานี้ที่สั้งไว้ เรื่องตังไม่ต้องหรอกน่ะ ป้าให้ ลูกเป็นคนเก่ง เอาไปเรย ป้าให้ฟรี แต่มาถ่ายรุปกับป้ารูปนึงน้า"

พ้นจากความวุ่นวายหน้าปากซอย มิวต้องเดินอ้อมไปเข้าอีกซอยนึง เพื่อหลีกเลี่ยงชาว FC

. . .

. .

.

"เอะ ที่ไหนเนี่ย??" โต้งตื่นขึ้น...

กรี๊งๆ กรี๊งๆ

"ฮัลโหล ผมโอเคดีคับแม่ โทดทีที่ปล่อยให้เป็นห่วง"

ตี๊ด ตี๊ด จี๊ดด แบตโทรศัพท์ของโต้งหมดลง หลังจากได้คุยกลับแม่ไม่กี่ประโยค

. . .

. .

.

"อาวว นี้มันบ้านมิวนิ .. แล้วทัมไมเรา มานอนตรงนี้ได้ละ"

"หรือว่า มิวว..." น้ามตาของโต้งเริ่มไหลตั้งแต่เช้า

พร้อมกลับลุกขึ้น แล้วเดินออกจากบ้านมิวไป

. . .

. .

.

"ไม่ว่ามิวจะอยู่ไหน ตอนนี้มีคำเดียวที่โต้งอยากจะพูดกับมิวน่ะ โต้งรักมิว" โต้งพุดเบาๆ แล้วเดินไปหน้าปากซอยย พร้อมกับขึ้นรถเมย์ไป

.



. .

"โอ้ย!!! เหนื่อยจังเรย วิ่งหนี FC บ้า โดยไอน้งปอนนั้นน่ะ เห้อ..."

ในขณะที่มิวเดินมาถึงหน้าบ้าน พลางบ่นไป มิวได้สะดุกก้อนหิน

"อ๊าก!! ไอหินบ้านิ มาทำไรแถวนี้ กลับบ้านไป"

ในขณะที่ก้มด่าก้อนหิน โต้งได้เดินออกไปจากหน้าบ้านของเขา . . .

ไม่นาน เมื่อมิวบ่นเสร็จ ก้อรีบเดินเข้าบ้านทันที

"โต้ง!!! โต้ง!!!"

"ไปไหนของเขาน้อ??"

มิวได้ตะโกนและเดินหาโต้งทุกซอกทุกมุม

"เอ๊ะ โตใครหว่า"

ในที่สุด เขาก้อได้เจอโน๊ต

"ขอบใจน่ะ เราไม่อยาก... รบกวนมิวละหล่ะ

โชคดี

โต้ง"

เมื่ออ่านโน๊ต น้ามตาของมิวก้อไหลออกมาอีกครั้ง

"มิวว !! ตื่นยัง"

เสียงดังมาจากหน้าบ้านของมิว เสียงนั้นไม่ใช่ใคร มันก้อหญิงนั้นเอง

"ตื่นแล้วๆ"

หญิงเดินเข้ามา พบมิวขยี้ตาอยู่

"มิว เปงไรป่ะ ร้องเป่านั้นอะ"

"เป่าๆ ยังตื่นไม่เต็ม 100 อะดิ "

"ง่ะ มีงี้ด้วย แล้วนั้นถุงไรอะ"

"ถุง... เอ่อ ถุงข้าวต้มอะ มีปาท่องโก๋ด้วย นี้ซื้อมาให้หญิงด้วยน้า กิงเป่าๆ??"

"กิงดิ โห ซื้อมาให้หยิงด้วย เหลือเชื่อจิงๆ"

. . .

. .

.

ทั้งสอง ได้นั้งกิงข้าวต้มกัน ในขณะเดียวกัน

"โต้ง กลับมาละหรอแก แหม ไปไหนมาทั้งคืน"

"ไม่ได้ไปไหนหรอกแม่ คือ ไปนอนบ้านเพื่อนอะ โทดทีน้าที่ไม่ได้บอกก่อง"

"มาๆ ไปกิงข้าวกัน พ่อรออยู่..."

เมื่อโต้งกลับมา ก้อได้เข้าไปนั้งร่วมโต๊ะกับครอบครัวทันที

"เด๋ววันนี้ พ่อนำสวดเอง"

"ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง...."

เมื่อพ่อท่องเสร็จ

"อาเมนน เอ๊ะ ไมคุณท่องแบบนั้นแหละ บทสวดใหม่หรอ"

"ก้อแตงเขาเคยท่องให้พ่อฟัง มันสนุกดีน่ะ เหอะๆ"

"เอาๆ กิงเถอะคุณ เดียวเย็น"

. .

.

ความสุข กลับมาหาครอบครัวของโต้งอีกครั้ง รวมถึงอาการของพ่อที่ดีขึ้นด้วย

ดังนั้น โต้งจึงไม่มีอะไรที่ต้องห่อวงเกี่ยวกับครอบครัวอีกแล้ว



--------------------------------------------------------------------------------


กรี๊งๆ กรี๊งๆ

"ว่าไง เอ๊กซ์"

"เฮ้ย มิววันนี้ไปงานวันเกิดไอปิงปองเป่า เด๋วพี่อ๊อดไปรับ"

"ไปดิ ไป มารับกี่โมงละ"

"เด๋ว 5 โมงเย็น มารอปากซอยน่ะ"

เมื่อมิววางสาย

"มิวๆ เด๋วจานหยิงล้างให้เองน่ะ มิวไปอาบน้ามเถอะ"

"อืม ขอบใจน่ะ"

. . .



. . .



. .



.



"มิว อาบน้ามเสร๊จยางง"

"เสร๊จแล้วๆ มีไรเป่า"

"อา... คือ หญิงจาไปเดินที่สยามอะ มิวไปเป็นเพื่อนหญิงได้เป่า"

"ได้ดิ ไปๆ"

. . .

"มิวๆ ตื่นเร็ว ถึงสยามแล้ว"

ในระหว่างนั้งเเท๊กซี่ มิวได้เพลอหลับไป

"มิวมีไรจะพูดเป่าเนี่ย เมื่อคืนเป็นไรอะ เห็นนอนดึกจัง"

"คือ. . . เราคิดถึงโต้งอะ"

"อ่า"

"เรา . . . คิดถึงเขา"

น้ามตาของมิวเริ่มไหลขึ้นมาอีกครั้ง

แล้วมิวก้อเล่าความฝันของตนที่เกิดขึ้นในรถแท๊กซี่ให้ฟัง

"เราฝันว่า . . . โต้งยืนพูดหน้าบ้านเรา ว่า "ไม่ว่ามิวจะอยู่ที่ไหน เราก้ออยากให้มิวรู้ไว้น่ะ ว่าเรารักมิว" พอพูดเสร็จ โต้งก้อเดินร้องไห้จากไป. . ."

"หญิง ทัมไมคนที่เรารักทุกคน ต้องจากเราไปด้วยละ??"

....

หญิงไม่สามารถตอบคำถามของโต้งได้ จิงได้แต่เงียบ แล้วจูงมือมิว เขาร้าน ไอ-สะ-ครีม

. . .

โดย: Niramitr วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:31:55 น.
  

ส่วนนี้ผมแต่งต่อจากน้องปอนด์ครับ
...................................................




ที่บ้านโต้ง



“ ก็ไหนแม่บอกว่าลุงหมอนัดให้พ่อไปตรวจเลยต้องนอนค้างที่โรงพยาบาลไงครับ”โต้งเอ่ยปากถามสุนีย์หลังจากเก็บโต๊ะเรียบร้อยแล้ว

“ พอดีแม่จำวันผิดน่ะ ต้องเป็นอาทิตย์หน้านั่นแหละ ลุงหมอโทรมาเลื่อนตั้งแต่วันซืนแล้วแม่ลืมไป ว่าแต่เราเหอะ เมื่อคืนไปนอนที่ไหนมา “ สุนีย์ถามลูกชายคนเดียวของเธอ พร้อมกับสังเกตว่าโต้งเหมือนจะไม่ค่อยสบายจึงเอามือแตะหน้าผาก “ ตัวร้อนนะเรา แม่ว่าไปเช็ดเนื้อเช็ดตัวก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวแม่เอายาให้กิน แล้วก็ไปนอนพักซะด้วยล่ะ “ สุนีย์เป็นห่วงลูกชายมากจนไม่อยากสนใจว่าโต้งไปค้างที่ไหนมา เธอคิดว่าไว้ถามที่หลังคงไม่เป็นไร



ที่สยาม



“ มิว คนที่มิวรักน่ะไม่เคยจากมิวไปไหนหรอกนะ พวกเค้ายังอยู่กับมิวนั่นแหละ ตรงนี้ไง “ หญิงยกมือขวาของมิวไปจับที่หน้าอกตรงตำแหน่งหัวใจ หญิงพูดขึ้นหลังจากสั่งไอศครีมเรียบร้อยแล้ว เธอไม่ได้กินไอศครีมถ้วยเดียวกันกับมิว เพราะของเธอหมดไปครึ่งถ้วยแล้วในขณะที่ถ้วยของมิวพึ่งจะหมดไปเพียงนิดเดียว หญิงสังเกตเห็นว่ามิวได้แต่เขี่ยช้อนไปมาเท่านั้น

“หญิงเห็นตัวต่อไม้ที่เราลืมไว้บ้านหญิงหรือเปล่า “ ในที่สุดมิวก็เป็นฝ่ายพูดก่อนบ้าง หลังจากปล่อยให้หญิงพูดคนเดียวมานาน

“ แล้วมิวก็มีอยู่แล้ว ทำไมถึงซื้อตัวใหม่ล่ะ “

“ ก็ตัวที่แล้วจมูกมันไม่พอดีกัน เราก็เลย...... “ มิวเงียบไปเฉยๆ

“ ถึงจมูกมันจะไม่พอดี แต่อย่างน้อยมันก็ยังมีจมูกไว้หายใจนะมิว” หญิงนึกถึงวันที่เธอเอาจมูกไม้ให้โต้ง มันช่างคล้ายกับว่าเธอขอให้โต้งช่วยเป็นลมหายใจให้กับมิวแทนเธอ

“ เจ้าของตัวต่อไม้ตัวเดิมเค้าจะคิดยังไงถ้าเค้ารู้ว่ามิวต้องการหาตัวใหม่ที่มาพอดีกับจมูกใหม่ แทนที่จะหาวิธีที่ทำให้จมูกใหม่พอดีกับตัวเดิม “ คำพูดของหญิงทำให้มิวอึ้ง นั่นสินะ ทำไมเราไม่คิดแบบหญิงมาก่อนเลยนะ เรามัวแต่จมอยู่กับความเสียใจ ช่างเถอะยังไงตัวใหม่ก็หายไปแล้ว มิวเริ่มสบายใจขึ้นแล้วจึงจัดการกับไอศกรีมตรงหน้าที่เริ่มจะละลาย เหมือนความคิดปิดกั้นตัวเองของมิวที่เริ่มละลายเช่นกัน

“ มิวหายโกรธโต้งเรื่องเมื่อคืนแล้วใช่ปะ “ หญิงเริ่มจุดประเด็นอีกครั้ง “ โต้งบอกกับหญิงว่าที่หอมแก้มโดนัทก็เพื่ออำลา โต้งไม่ได้คิดอะไรกับโดนัทแล้วจริงๆ “

“ แปลว่าอะไรหญิง ที่ว่าอำลา แล้วที่ไม่คิดอะไรแล้วก็แปลว่าเมื่อก่อนนี้ ...... “

“ หญิงจะไม่โกหกมิวหรอกนะ ใช่มิว โดนัทเป็นแฟนเก่าที่ถูกโต้งขอเลิกในคืนคริสต์มาสที่มิวเล่นคอนเสิร์ตที่สยามนั่นแหละ โต้งไม่ได้รักโดนัทนะ โต้งรักมิวคนเดียวอย่างที่มิวฝัน แล้วหญิงก็รู้ว่ามิวก็รักโต้งคนเดียวเหมือนกัน ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับมิวแล้วว่าจะให้มันเป็นยังไงต่อไป “

“ แต่หญิงก็รู้นี่ว่ามันเป็นไปไม่ได้ น้านีย์เค้า....... “

“ เค้าไม่อยากให้มิวกับโต้งมีความสัมพันธ์แบบนั้น แต่ไม่ได้ห้ามให้รักกัน เป็นเพื่อนกัน ถึงตอนนี้ยังไม่สามารถเป็นแฟนกันได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะให้ตัดขาดซะหน่อย ซักวันนึงท่านอาจจะเข้าใจมิวกับโต้ง หญิงเชื่อนะมิว ว่าซักวันจะต้องมีวันนั้น อย่าลืมสิ ตราบใดมีรัก ก็ย่อมมีความหวัง “

“ ขอบใจมากนะหญิง หญิงเป็นเพื่อนที่ดีของเราจริงๆนะ “ มิวกุมมือหญิงไว้ต่อหน้าคนในร้าน ทำให้สายตาหลายคู่จ้องมอง แล้วหลายคนก็จำได้ว่ามิวคือนักร้องนำวงออกัสต์

“ พี่มิว พี่มิว ใช่มั้ยคะ ใช่จริงๆด้วย หนูเป็นแฟนคลับของพี่นะคะ ยังไปเชียร์พี่ร้องเพลงที่สยามดิส ตอนคริสต์มาสเลย เพลงกันและกันเพราะสุดๆเลยค่ะ หนูขอถ่ายรุปกับพี่แล้วก็ขอลายเซ็นพี่ด้วยนะคะ แล้วพี่ผู้หญิงคนนี้นี่แฟนพี่หรือคะ น่ารักจัง ชื่ออะไรคะ “ น้องผู้หญิงม.ต้นคนหนึ่งเข้ามาทักทายแล้วก็พูดเป็นต่อยหอยไม่ยอมหยุด ทำเอาทั้งมิวและหญิงมึนไปตามๆกัน



“ สวัสดีครับ “ มิวตอบออกไปพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ พลางคิดในใจว่า โชคดีนะเนี่ยที่มาเที่ยวกับหญิง ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนมาเที่ยวกับโต้งแล้วมีแฟนคลับมาเจอละก็คงกลายเป็นเรื่องใหญ่โตแน่นอน ทำไมชื่อเสียงมันไปไกลนักวะ ชักหวาดๆแล้วสิ ถ้าใครๆรู้ว่าเราเป็นอะไรจะโกรธกันแบบที่พวกดาราคนอื่นโดนรึเปล่านะ ทั้งที่กำลังกลุ้มใจแต่มิวก็ยิ้มขณะถ่ายรูปและเซ็นชื่อให้แฟนคลับ



หลังจากเด็กผู้หญิงคนแรก ก็มีอีกหลายคนมาขอลายเซ็นมิว แล้วก็ทึกทักเอาว่ามิวเป็นแฟนกับหญิง

ซึ่งทั้งมิวและหญิงก็ได้แต่ยิ้มรับแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร



จากนั้นไม่นานทั้งมิวและหญิงก็รีบจ่ายค่าไอศกรีมแล้วก็ออกจากร้านทันที มิวมองนาฬิกาสีเขียวที่แขนข้างซ้าย พึ่งจะบ่ายโมงเอง ยังมีเวลาตั้งนานกว่าที่เอ๊กซ์จะมารับ มิวจึงตัดสินใจเข้าไปดูหนังกับหญิงที่ลิโด้





เมื่อก่อนลิโด้เป็นโรงภาพยนตร์ที่คึกคักมากๆ มิวยังจำตอนสมัยเด็กๆที่มาดูหนังด้วยกันสามคนกับพี่แตงและโต้งได้ดี ต่างจากตอนนี้ที่เงียบเหงาไปมาก ก็ตั้งแต่ห้างสยามพารากอนมาเปิด ผู้คนก็ย้ายไปที่ใหม่กันหมด โรงหนังที่มาบุญครองก็ปรับปรุงไปเยอะ ตอนนี้โรงหนังลิโด้จึงไม่แออัด ผู้คนไม่มาต่อคิวรอซื้อตั๋วหนังกันแน่นเหมือนเมื่อก่อน ยิ่งคิดถึงตอนนี้มิวก็เศร้าขึ้นมาอีกแล้ว คนที่มาดูหนังกับมิวที่ลิโด้ยังคงเป็นเพื่อนข้างบ้านหลังเดิม แต่คนต่างหากที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว



หญิงเลือกที่จะชวนมิวดูหนังตลกซึ่งมิวก็ยินยอม คราวนี้มิวเป็นคนเลี้ยง เพราะพึ่งได้เงินที่ฝากพี่อ๊อดไว้ แถมได้ค่าตัวจากงานเมื่อคืนอีกด้วย มิวหวังว่าหนังตลกจะช่วยให้ตนสบายใจและผ่อน

คลายบ้างหลังจากเครียดมาตลอดสัปดาห์



“ คราวนี้ให้มิวเลี้ยงหนังหญิงเองนะ “

“ ก็ไหนเมื่อวานบอกว่าไม่มีตังค์ไง แล้วไหงวันนี้ใจป้ำขึ้นได้ นี่เป็นครั้งแรกที่มิวเลี้ยงหนังหญิงเลยนะ “ หญิงถามกลับมิวด้วยความสงสัย

“ ก็เมื่อวานเราไม่มีตังค์จริงๆน่ะ หรือหญิงไม่อยากให้เราเลี้ยง ถ้างั้นเราไม่เลี้ยงก็ได้ “

“ โถๆๆๆ หัวก็ยังไม่ล้านซะหน่อย ทำใจน้อยไปได้ โอกาสทองยิ่งหายากอยู่ด้วย ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสหน้าเมื่อไหร่ ใครจะยอมปล่อยให้หลุดมือกันล่ะ นี่ถ้าอาม้ายอมให้เอารถมานะ หญิงจะขับพามิวร่อนให้ทั่วกรุงเลย ยิ่งหยุดยาวปีใหม่ ถนนโล่งขนาดนี้ “

“ แล้วทำไมวันนี้ ม้าหญิงไม่ยอมล่ะ “

“ ก็เพราะมิวนั่นแหละ เล่นวิ่งออกมาจากร้านส้มตำซะเฉยๆ โต้งก็วิ่งตามออกมา แล้วหญิงก็ตามโต้งออกมาอีกคน ดันตามขึ้นรถแท็กซี่ไปกับโต้ง นี่ถ้ามิวไม่พรวดออกมาจากร้านนะ ก็ต้องมีคนเตือนหญิงแล้วว่าเมื่อวานเอารถตัวเองไป เพราะฉะนั้นความผิดมิวเต็มๆ “

“ ง่ายอย่างงี้เลยหรือหญิง ตัวเองลืมเองแท้ๆ โบ้ยกันซะงั้น ไม่เป็นไร ถือว่าเลี้ยงหนังไถ่โทษก้ได้ แล้วหญิงอยากดูหนังเรื่องอะไรล่ะ “

“ เรื่องอะไรก็ได้มิว แต่ขอเป็นหนังตลกก็แล้วกัน เบื่อหนังผีกับหนังดราม่าแล้วไม่อยากเครียด”

“ งั้นตามใจหญิงแล้วกัน เราก็เบื่อหนังผีเหมือนกัน อยากหัวเราะบ้าง ตั้งแต่คริสต์มาสมานี่ยังไม่ได้หัวเราะแบบเป็นทางการเลย “

“ แล้วมันเป็นยังไงหรอ หัวเราะแบบเป็นทางการ “

“ ก็หัวเราะแบบน้ำหูน้ำตาไหล หรือไม่ก็ประเภทหัวเราะลืมตายประมาณเนี้ย เก๊ทรึยัง “

“ อือ..เข้าใจแล้วแหละ อ้อมิว หญิงขอนั่งเบาะที่ถัดจากตัวริมนะ ส่วนมิวก็นั่งถัดไปอีกตัวนะ “

“ทำไมต้องเว้นไว้ตัวนึงด้วยล่ะหญิง “

“ แหม มิวนี่ก็ ลองคิดซิ ถ้าเป็นมิวเห็นใครไม่รู้นั่งอยู่ตัวถัดไป เป็นมิวจะซื้อตั๋วตรงที่นั่งนั้นหรอ “

“ ก็คงไม่หรอก อย่างนี้ก็แปลว่า ตัวข้างๆหญิงก็ต้องว่างอีกตัวนึงน่ะสิ ฉลาดไม่เบาเลยนะเนี่ย “

“ แหงแหละ ก็เป็นแฟนนักร้องดังนี่นา “

“ อย่าแซวกันสิหญิง “ มิวพูดไปด้วยความเขิน จากนั้นก็เดินไปซื้อตั๋ว หลังจากซื้อป๊อปคอร์นกับเป๊ปซี่เรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ก็เดินยิ้มเข้าโรงหนังไปด้วยกันอย่างมีความสุข โดยไม่รู้ว่ามีสายตาของใครคนหนึ่งแอบมองอยู่ห่างๆ







ที่บ้านโต้ง



หลังจากที่ทั้งกรและโต้งต่างทานยาของตนแล้วหลับไป สุนีย์ก็แอบขึ้นไปดูอาการของโต้ง เธอสังเกตเห็นว่าโทรศัพท์มือถือของโต้งแบตหมดจึงช่วยหยิบไปชาร์ตแบตให้ด้วยความหวังดี

แต่ก็อดแอบดูเบอร์ย้อนหลังไม่ได้ว่าโต้งโทรหาใครกันบ้าง สุนีย์ลังเลใจสักพัก สุดท้ายก็ตัดสินใจกดดูเบอร์ย้อนหลังที่โทรศัพท์ของโต้ง แล้วเธอก็เห็นเบอร์โทรศัพท์ของใครคนหนึ่งที่ทำให้เธอแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

สุนีย์ตกใจทีเดียวที่เห็นเบอร์โทรศัพท์ของหญิงว่าเป็นเบอร์ล่าสุดที่โต้งโทรออก ถึงกับคิดในใจว่า โต้งโทรหาเพื่อนผู้หญิงตอนดึกๆเหรอเนี่ย เมื่อคิดได้อย่างนั้นสุนีย์ก็โทรหารุ่นน้องที่จัดงานครบรอบแต่งงานที่บ้านซึ่งเธอให้โต้งไปแทนทันที



“ เอ๋หรอ .... พี่สุนีย์เองนะ เอ๋ช่วยเล่าเรื่องโต้งเมื่อคืนให้พี่ฟังอีกทีซิ “

“ คะพี่ .... อ๋อ เรื่องน้องโต้งหอมแก้มเพื่อนผู้หญิงในงานเหรอคะ ใช่ค่ะพี่ มีคนเห็นอยู่หลายคนเหมือนกัน พอดีตอนนั้นเอ๋ยืนอยู่ใกล้เวทีน่ะค่ะ ถ้าหันหน้าหาเวทีคงไม่เห็นหรอก แต่พอดีเอ๋ถ่ายรูปอยู่กับนักร้องที่จ้างมาเล่นน่ะคะ ผู้ดูแลวงเค้าเป็นเพื่อนกับสามีเอ๋เอง นักดนตรีก็เห็นกันหลายคน ยิ่งตรงจุดที่น้องมิวยืนนะเห็นชัดแจ๋วเลยล่ะพี่ “

“ มิวเหรอ มิวไหนล่ะเอ๋ หมายถึงนักร้องรึเปล่า “

“ ค่ะพี่นีย์ น้องมิว นักร้องนำวงออกัสต์นั่นแหละ เมื่อคืนคงไม่สบายมั้งเห็นรีบวิ่งไปขึ้นรถ ขนาดน้องโต้งวิ่งตามมาขอลายเซ็นนะยังไม่ทันเลย สุดท้ายก็รีบนั่งแท็กซี่กลับไปเหมือนกัน “

“ แล้วเอ๋รู้จักเพื่อนผู้หญิงของโต้งคนนั้นรึเปล่าละ พี่อยากรู้น่ะว่าเมื่อคืนลูกชายพี่เค้าไปหอมแก้มใครมา “

“ ไม่รู้เหมือนกันค่ะพี่นีย์ เห็นหน้าไม่ชัดเลย ท่าทางสวยนะคะแต่กิริยาดูเชิดนิดหน่อยน่ะ น่าจะเป็นแขกทางสามีเอ๋เพราะไม่คุ้นหน้าเลย ไว้เอ๋จะลองถามให้นะคะ “

“ ขอบใจมากจ้ะ งั้นพี่รบกวนแค่นี้นะ สวัสดีจ้ะแล้วเจอกันที่คณะนะ”



หลังจากที่สุนีย์วางสายไปแล้ว เธอก็กดดูเบอร์ย้อนหลังอีกครั้ง แล้วก็เป็นอย่างที่เธอคิด ชื่อของมิวปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ สังเกตจากเวลา แปลว่าโต้งต้องโทรหามิวทันทีที่ออกจากงานสินะ สุนีย์หันไปมองหน้าลูกชายที่หลับสนิทอยู่ เธอไม่เห็นลูกชายของเธอยิ้มอีกเลยตั้งแต่คืนคริสต์มาสแล้ว ไว้ถ้าโต้งตื่นขึ้นมาเธอต้องถามลูกชายคนเดียวให้รู้เรื่อง





ที่ลิโด้



หลังจากที่หนังจบลง ทั้งมิวและหญิงก็เดินหัวเราะออกมาจากโรงหนังด้วยกันอย่างสนุกสนาน อาจจะมีคนเข้ามาทักทายบ้าง ถามว่าใช่นักร้องวงออกัสต์มั้ย ซึ่งมิวก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร วันนี้ดูเหมือนจะเป็นวันแรกที่มิวมีความสุข ได้หัวเราะอย่างเป็นทางการซักที นับตั้งแต่วันที่สุนีย์มาหาที่บ้านเมื่อช่วงกลางเดือนที่แล้ว และก็เป็นครั้งแรกที่มิวกับหญิงสนิทใจกันเหมือนเดิม นับจากวันที่มิวเห็นรูปตัวเองที่ห้องหญิง



“ แล้วเราจะไปไหนกันต่อดีล่ะมิว “ หญิงถามขึ้นมาหลังจากเดินออกมาพ้นแฟนคลับของมิวแล้ว

“ สงสัยต้องกลับแล้วหญิง ไอ้เอ๊กซ์นัดมารับไปงานวันเกิดปิงปองตอนห้าโมงเย็น นี่ก็สามโมงกว่าแล้ว เดี๋ยวจะสาย ไอ้นี่ขี้แซวอยู่ด้วย “ มิวตอบหญิงหลังจากดูนาฬิกาแล้ว

“ แล้วคนไหนล่ะเอ๊กซ์ที่ว่า อ๋อ...คนที่คิ้วหนาหน้าตลกๆ ที่ชอบคิดว่าตัวเองหล่อน่ะเหรอ จำได้แล้ว เคยเห็นอยู่หลายหน ยังได้ถ่ายรูปไว้ด้วยแต่ไม่เคยคุยกันเลย “

“ หญิงอย่าไปสนใจมันเลย ไอ้นี่มันปากปีจอ ชอบแซวเราอยู่เรื่อย ไปเรียกรถแท็กซี่ดีกว่านะ “ มิวพูดจบก็เดินออกไปเรียกแท็กซี่ทันที



สายตาคู่หนึ่งของวัยรุ่นชายคนนั้นแอบมองดูหญิงกับมิวมาตั้งแต่ตอนเข้าโรงหนังแล้ว แม้ในตอนนี้ก็ยังแอบมองอยู่ ชายคนนั้นคิดอะไรสักพักก่อนจะตัดสินใจเดินเข้ามาหาหญิงที่ยืนรอมิวเรียกแท็กซี่อยู่



“ หวัดดีหญิง มาเที่ยวกับใครล่ะเนี่ย แล้วจะไปไหนต่อเหรอ “

“ อ้าว..เอิร์ธ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ แล้วมาคนเดียวหรอ พวกเจ๋งกับแหวล่ะ แปลกแฮะวันนี้ฉายเดี่ยวได้ด้วย “

“ พวกนั้นมันเมาค้างตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เราขี้เกียจปลุกเลยมาดูหนังคนเดียว ว่าแต่หญิงยังไม่ได้ตอบคำถามเราเลยนะ “

“ อ๋อ...เรามากับมิวน่ะ มาดูหนังด้วยกัน นี่ก็ว่าจะกลับบ้านแล้ว “

“ ตกลงหญิงจะคบเป็นแฟนกับไอ้ตุ๊ดนี่หรอ หญิงก็รู้ไม่ใช่เหรอว่ามันกับโต้ง ..เอ่อ.. “

“ หญิงกับมิวเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กนะเอิร์ธ แล้วหญิงก็ไม่ได้คิดอะไรอย่างที่เอิร์ธคิดด้วย “

“ แต่หญิงเคยแอบชอบมัน แล้วตอนนี้มันก็กำลังมีปัญหากับโต้งแน่ๆไม่งั้นไม่วิ่งหลบหน้าโต้งหรอก “

“ หญิงไม่รู้นะว่าเอิร์ธคิดอะไรของเอิร์ธกันแน่ แต่หญิงกับมิวบริสุทธิ์ใจ นั่นมิวมาพอดี หญิงไปก่อนล่ะนะ อ้อ..อีกอย่างนะ ขอถามหน่อย ถ้าโต้งเป็นอย่างที่พวกเอิร์ธคิดจริงๆแล้วพวกเอิร์ธยังจะคบกับโต้งอยู่รึเปล่า ยังจะเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมมั้ย “



หญิงวิ่งไปขึ้นรถแท็กซี่ซึ่งจอดคอยอยู่ ทิ้งให้เอิร์ธยืนนิ่งคิดอะไรอยู่คนเดียว ก่อนจะตัดสินใจเดินออกไปขึ้นรถของตัวเองที่จอดอยู่ไกลออกไป



“ เมื่อกี้นี้เพื่อนของหญิงกับโต้งใช่ป่ะ เหมือนจะเห็นเมื่อวานนี้นะ มีอะไรกันหรอหญิง หน้าเครียดเชียว “

“ ไว้หญิงจะเล่าให้มิวฟังที่บ้านแล้วกัน ขากลับนี่ขอหญิงงีบบ้างนะ ขามามิวงีบไปแล้วนี่เนอะ “ หญิงตอบมิวเสร็จก็หลับตาลงทันที มิวไม่ได้ว่าอะไร แค่ยิ้มให้กับเพื่อนผู้แสนดีที่นั่งอยู่ข้างๆ

ที่บ้านโต้ง



เกือบสี่โมงเย็นแล้ว เมื่อโต้งตื่นขึ้นมาในยามบ่าย พร้อมกับอาการมึนศีรษะเล็กน้อย แต่กระนั้น ตัวก็ไม่ร้อนแล้ว โต้งจึงตัดสินใจไปอาบน้ำ เพื่อจะได้ไปช่วยงานแม่ข้างล่างได้ต่อไป เพราะปกติถ้าเป็นวันหยุด แม่จะลงมือทำกับข้าวด้วยตนเองตอนสี่โมงเย็นเป็นประจำ ก่อนที่จะถอดเสื้อผ้า เค้าก็ได้เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อควานหาโทรศัพท์มือถือแต่ก็ไม่พบ ประจวบเหมาะกับที่เสียงสัญญาณโทรศัพท์มือถือของโต้งดังขึ้น โต้งถึงได้รู้ว่าโทรศัพท์มือถือของตัวเองเสียบสายชาร์ตแบตอยู่ที่โต๊ะข้างเตียง



“ ว่าไงเอิร์ธ ... มีอะไรเปล่าถึงโทรมาได้เนี่ย “

“ กรูมีเรื่องจะคุยกับมรึง คืนนี้มรึงว่างเปล่าวะ มาที่บ้านกรูหน่อยดิ “

“ คืนนี้หรอ ท่าจะยากว่ะ เมื่อคืนกรูไม่ได้กลับมานอนที่บ้าน แม่กรูไม่ยอมแน่ เปลี่ยนเป็นวันอื่นได้เปล่าวะ “

“ งั้นพรุ่งนี้กรูจะโทรไปใหม่ แค่นี้ก่อนแล้วกัน “



วางสายจากเอิร์ธแล้วโต้งก็ตั้งใจจะไปอาบน้ำต่อทันที แต่อีกใจก็คิดถึงมิวขึ้นมา เค้าจึงไปหยิบตัวต่อไม้ที่เอามาจากบ้านหญิงขึ้นมาดู



“ ทำไมมิวต้องซื้อมาใหม่ด้วยนะ หรือว่ามิวไม่อยากเก็บตัวเก่าไว้แล้ว ทำไมนะมิว ทำไมนะ ....... ตัวต่อไม้ไร้จมูกเอ๋ย เจ้ารู้มั้ย ว่าจมูกของเจ้ามันไปอยู่กับตัวต่อไม้ตัวอื่นแล้วนะ เหมือนลมหายใจของเรา เหมือนชีวิตของเรา ที่ตอนนี้ไปอยู่กับเค้าคนนั้นแล้ว และจะอยู่กับคนๆนั้นตลอดไป ... แต่เจ้าไม่ต้องกลัวนะ เราว่ามันไม่ยากหรอก เราจะทำจมูกอันใหม่ให้เจ้าเอง ทำด้วยมือเราเองเลย จะได้สมบูรณ์ซะที ขอโทษนะ ที่เราเอาจมูกของเจ้าให้คนอื่นไป แต่เราสัญญานะว่าเจ้าจะมีจมูกอีกครั้ง เราจะมีชีวิตอีกครั้ง ถึงจะไม่เหมือนเก่า แต่ก็ดีกว่าไม่มีใช่มั้ย “ หลังจากรำพึงกับตัวต่อไม้แล้ว โต้งก็หยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไป

................

............

........

....
โดย: Niramitr วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:35:43 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Niramitr
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



สาวก"รักแห่งสยาม"

New Comments