All Blog
ตอนที่ 15 +++ เพื่อน กามเทพ และของขวัญ +++







“ออกัสต์เหรอ” เสียงหญิงสาวดังขึ้นในห้องพักผู้ป่วยข้างห้องของกร

“จริงๆเจ๊ แฟนโต้งน่ะ เป็นนักร้องนำวงออกัสต์” แหวคุยอยู่กับพี่สาวเพื่อน

“งั้นก็เป็น............เกย์อะดิ” พี่สาวเจ๊งกระซิบเบาๆ

“แต่มันก็เป็นเพื่อนเรา...ใช่มั้ยวะ” เจ๋งเข้าร่วมสนทนาด้วยอีกคน

“ใช่” แหวตอบอย่างมั่นใจ

“รักกันดีเนอะ พวกนายเนี่ย” พี่สาวเจ๋งเอ่ย

“แน่นอนสิเจ๊ อะนี่ไง รูปแฟนโต้ง เจอแล้ว” เจ๋งส่งมือถือให้พี่สาวดูรูปถ่ายคู่โต้งกับมิว

“ไปถ่ายมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” เอิร์ธถามเจ๋ง

“ที่โรงพยาบาลนี้แหละ ตอนที่โดนมรึงขับรถชนไง” เจ๋งตอบ

“คุ้นๆนะ เหมือนจะเคยเห็นมาก่อน” พี่สาวเจ๋งพูดอย่างสงสัย

“ก็เค้าเป็นนักร้อง เริ่มจะดังแล้วด้วย” เจ๋งพูด

“ไม่ใช่นักร้อง คนไข้ต่างหาก ชั้นเห็นเค้าใส่ชุดคนไข้เมื่อเช้านี้”

“จะบ้าเหรอพี่ เค้าไปบ้านพ่อแม่ที่ระยองนู่น จะมาอยู่โรงพยาบาลได้ไง” เอิร์ธเอ่ย

“จริงๆนะ แถวห้องผ่าตัด เมื่อเช้านี้แน่ๆ ตาชั้นไม่ฝาดหรอกน่า”

“เฮ้ยเอิร์ธ ไอ้โต้งมันบอกว่า พ่อมันผ่าตัดปลุกถ่ายตับเมื่อไหร่นะ” เจ๋งถามเพื่อน

“เมื่อเช้านี้ ขนาดมันเอง ยังไม่รู้เลย ว่าพ่อมันผ่าตัด” เอิร์ธตอบ

“ต้องมีคนบริจาคตับให้พ่อมันใช่ปะ ถึงจะผ่าได้”

“ไอ้เจ๋ง มรึงกำลังคิดว่า.... ...... ให้ตายดิวะ จะจริงเหรอ ไม่น่าเป็นไปได้”

“ก็ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ก็ถ้าเจ้าเด็กเซ้นต์นิโคลัสนั่น มันรักโต้งจริงๆ”

“แล้วทำไงถึงจะรู้ล่ะวะ” เอิร์ธเอ่ยถามเจ๋ง จังหวะเดียวกับที่พยาบาลเดินเข้ามาในห้อง

“เอ่อ...คุณพี่พยาบาลครับ แผนกนี้มีห้องพิเศษกี่ห้องครับ” เจ๋งถามพยาบาล

“มีแค่สิบห้องค่ะน้อง ชั้นนี้ห้าห้อง ชั้นบนอีกห้าห้อง ทำไมเหรอคะ”

“ขอโทษนะครับ พี่เคยเห็นเพื่อนผมรึเปล่าครับ” เจ๋งส่งมือถือให้พยาบาลดูรูป

“นี่มันลูกชายผู้ป่วยห้องข้างๆนี่คะ หลานชายของอาจารย์หมอไง เป็นเพื่อนน้องเหรอคะ”

“ครับ แล้วอีกคนที่อยู่ในชุดโรงพยาบาลล่ะครับ คุ้นบ้างมั้ย”

“อ๋อ...คุณน้องที่ทะเลาะกับพ่อเมื่อเย็นวาน ตอนนี้พักอยู่ห้องชั้นบนค่ะ”

“แล้วเค้ามาทำอะไรทราบมั้ยครับ”

“ไม่รู้หรอกค่ะ พี่รับผิดชอบเฉพาะผู้ป่วยในชั้นสี่ ส่วนน้องคนนั้นเค้ามาผ่าอะไร พี่ไม่รู้
หรอกค่ะ น้องลองขึ้นไปถามที่ชั้นห้าเองแล้วกันนะคะ” พูดจบพยาบาลสาวก็เข้ามาตรวจ
ปริมาณน้ำเกลือในขวด วัดไข้ วัดความดัน แล้วเดินออกไปจากห้อง

“กรูว่าเป็นอย่างที่มรึงคิดแน่ๆเลยว่ะไอ้เจ๋ง แต่ทำไมต้องปิดบังไอ้โต้งด้วยวะ” เอิร์ธพูด

“ไม่รู้ดิ แต่พวกมรึงอย่าเพิ่งบอกโต้งแล้วกัน กรูขอวางแผนอะไรก่อน”




....




....





เย็นวันอาทิตย์ ร่างโปร่งนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยตามลำพัง สุนีย์แวะมาเยี่ยมเมื่อตอนบ่าย
ก่อนจะกลับขึ้นไปเฝ้าดูอาการของกร โดยมีโต้งอยู่ดูแลพาออย่างแข็งขัน



“กีอก ๆ ๆ” เสียงประตูห้องถูกเคาะเรียก ผู้มาเยือนเดินเข้าห้องโดยไม่รอให้ผู้ป่วยอนุญาต

“พวกนายมาได้ไงเนี่ย” นักร้องหนุ่มถามด้วยความแปลกใจ

“ก็เพราะว่าพวกเรารู้อะดิ ว่านายมานอนอยู่ที่นี่ แล้วถ้าเราเดาไม่ผิดล่ะก็ นายสละตับ
ให้พ่อโต้งใช่ปะ แต่ที่ไม่เข้าใจคือ ทำไมต้องปิดบังโต้งด้วย” เจ๋งเอ่ยถามมิว

“ก็.....ไม่รู้ดิ ไม่รู้เหมือนกัน” มิวตอบสั้นๆ

“ตอบเหมือนกันเด๊ะ ให้ตายเถอะ คู่กันจริงๆด้วย” แหวอุทานเบาๆ

“มีคำตอบที่ดีกว่านี้รึเปล่า” เจ๋งยังถามต่อไป

“ทำไมต้องมีคำตอบด้วยล่ะ การที่เราทำสิ่งดีๆเพื่อใครซักคนที่เรารัก จำเป็นต้องให้เค้า
คนนั้นรับรู้และสำนึกบุญคุณด้วยหรอ เราว่าไม่จำเป็นหรอก แค่ได้ทำก็มีความสุข
แล้ว ขอเพียงให้น้ากรยังอยู่ โต้งก็ไม่ต้องเสียน้ำตาเพราะสูญเสียพ่อไปอีกคน พวกนาย
เคยรู้มั้ย ว่าการที่เรารักใครมากๆ แล้ววันนึงต้องเสียเค้าไป มันเจ็บปวดแค่ไหน ตอนที่
พี่แตงจากไป เราเคยเห็นความบอบช้ำของครอบครัวโต้งมาแล้ว จนทุกวันนี้ โต้งก็ยังลืม
ความทุกข์นั้นไม่ได้ ความสูญเสียพี่แตง ที่เป็นเหตุให้น้ากรติดเหล้าจนเกือบจะจากไปอีก
คน ถ้าเป็นพวกนาย เห็นคนที่ตนรัก กำลังตกอยู่ในความทุกข์ นายจะไม่ทำอะไรเพื่อเค้า
เลยหรอ ขอเพียงได้เห็นโต้งมีความสุขกับครอบครัว ครอบครัวที่โต้งโหยหามาหกปี
แค่นี้ มันก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยงแล้วล่ะ”

“นายนี่มัน...บ้าสิ้นดีเลยว่ะ เสี่ยงตายนะเว้ย” แหวว่ามิว

“จะเรียกว่าอะไรก็ตาม เรามีความสุขที่ได้ทำเพื่อโต้ง” มิวตอบ

“มิน่า โต้งมันถึงรักนายมาก เพราะคงมีแต่นาย ที่รักมันได้ขนาดนี้ รักโดยไม่หวังอะไร”
เอิร์ธออกความเห็น “แต่ก็ต้องมีบ้างแหละน่า สิ่งที่นายอยากได้จากโต้งนะ “

“ถ้าหมายถึงของขวัญล่ะก็ เราได้มานานแล้วล่ะ” พูดจบ มิวก็มองตัวต่อไม้ที่โต๊ะข้างเตียง

“ตัวต่อไม้นี่น่ะหรอ คุ้นๆแฮะ เหมือนเคยเห็นวางขายแถวสยามฯ” เอิร์ธบอก

“แต่ตัวนี้มาจากเชียงใหม่ เป็นของขวัญคริสต์มาสจากโต้งเมื่อหกปีก่อน”

“ตั้งแต่เด็กเลยเหรอวะ นี่พวกนายรักกันตั้งแต่เด็กเลยหรอ” เจ๋งถามด้วยความตกใจ

“ไม่รู้ดิ ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกตอนนั้นเรียกว่าอะไร รู้แต่ว่า มีความสุขที่ได้คิดถึง”

“แต่จมูกมันแปลกๆนะ เหมือนจะไม่ได้มาพร้อมกัน” เอิร์ธถาม หลังจากสังเกตเห็น

“ตอนโน้นเราเล่นเกมหาของกัน แล้วจมูกมันหายไป ที่จริง ตัวต่อไม้ตัวนี้ ขาดจมูกมาหกปี
พอตอนหลัง โต้งก็เลยทำให้ใหม่”

“มิน่าล่ะ ฝีมือถึงได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ก็สมบูรณ์ขึ้นล่ะนะ ตัวต่อไม้แห่งความทรงจำของพวกนาย”
เอิร์ธออกความเห็นอีกครั้ง “แล้วสร้อยที่คอนายล่ะ ได้มายังไง” เอิร์ธถามต่อไป

“นั่นมันสร้อยที่ไอ้โต้งชอบใส่นี่หว่า กรูว่าจะถามมันหลายหนแล้ว ว่าสร้อยหายไปไหน”
แหวอุทานเมื่อเห็นสร้อยเงินจี้ไม้กางเขน แล้วจำได้ว่าเป็นของโต้ง

“ตอนที่โต้งรู้ว่าน้ากรต้องปลูกถ่ายตับ แต่ใช้ตับของโต้งหรือน้านีย์ไม่ได้ ตอนนั้นโต้งสิ้นหวัง
มาก ถึงขั้นขว้างสร้อยทิ้งลงคลอง เราไปตามเก็บมาให้ โต้งก็เลยยกให้เราแทน”

“จำได้แล้ว หญิงเคยเล่าให้ฟังเหมือนกัน ไม่น่าเชื่อ ว่าพวกนายจะผ่านเรื่องอะไรมาขนาดนี้
มิน่า ถึงได้รักกันนัก ขนาดเราเป็นเพื่อนกับโต้งมันมาหกปี ยังไม่เคยรับรู้และเข้าใจเรื่องของ
มันเท่ากับนายเลย มิน่าล่ะ ถึงได้รักกันนัก” เอิร์ธพูดต่อ

“ เพราะอย่างงั้น นายจึงตัดสินใจ เสียสละตับของนายให้งั้นดิ นายนี่มัน สุดยอดจริงๆว่ะ”
เจ๋งยกนิ้วโป้งแสดงความนับถือในตัวนักร้องนำวงออกัสต์

“ว่าแต่ ถ้าพวกนายรู้ว่าเราอยู่นี่ งั้นก็แปลว่า โต้งต้องรู้แล้วอะดิ”

“เปล่า ยังไม่รู้ โต้งมันดูแลพ่ออยู่ ตอนนี้ก็ยังไม่รู้หรอก” เจ๋งตอบ

“งั้นเราขอร้องพวกนาย อย่าบอกเรื่องนี้กับโต้งได้ปะ”

“ก็ตามใจนายดิ เอาเป็นว่า เรารับปากว่าเรื่องที่พวกเรามาคุยกับนายที่นี่ จะไม่มีใครเอาไปพูด
ให้ไอ้โต้งมันฟังแน่นอน” เจ๋งให้คำมั่นกับมิว

“แต่นายไม่คิดจะบอกมันจริงๆนะเหรอ” เอิร์ธยังถามต่อไป

“ไม่หรอก เราไม่อยากให้เรื่องนี้มากลายเป็นเรื่องบุญคุณกับคนที่เรารัก เรื่องของความรัก
กับเรื่องของบุญคุณ ไม่ควรจะเอามาผูกไว้ด้วยกัน”

“สมมตินะ สมมติว่ามีอะไรที่นายอยากจะให้โต้งทำให้น่ะ นายอยากจะให้มันทำอะไรหรอ”

“ไม่รู้ดิ คงอยากเห็นโต้งเล่นดนตรีให้เราฟังบ้างมั้ง”

“แล้วถ้าร้องเพลงให้ฟังล่ะ ไม่ชอบหรอ”

“ก็ชอบ แต่ว่าเสียงโต้งน่ะ แย่เอาการ แต่ก้ไม่แน่หรอก การร้องเพลงไม่ได้ใช้แค่เสียงอย่างเดียว
แต่ต้องส่งผ่านความรู้สึก ของคนร้องไปถึงคนฟังด้วย เพลงถึงจะเพราะ”

“หรอ งั้นพวกเรารบกวนนายแค่นี้นะ รับรอง เราทุกคนปิดปากสนิทแน่นอน” เจ๋งบอกลามิว
แล้วชวนทุกคนออกไปจากห้อง เมื่อพ้นประตูแล้วก็หยิบโทรศัพท์มือถือของตนมาปิดปุ่ม
บันทึกเสียง ที่บันทึกการสนทนาเมื่อครู่เอาไว้ แล้วยิ้มกริ่มก่อนจะรำพึงเบาๆ

“เรารับปากว่าจะไม่ปริปากพูด แต่......” เจ๋งยิ้มให้กับมือถือของตนเอง





ในห้องพักผู้ป่วยที่ชั้นสี่ กรยังนอนหลับอยู่พร้อมสายที่ระโยงอยู่เต็มไปหมด ทั้งสายน้ำเกลือ
ท่ออาหาร และสายยาทางเส้นเลือด ยังดีที่ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแล้ว ดูจากสภาพร่างกาย
ของกร ลุงหมอบอกว่า คงต้องอยู่โรงพยาบาลอีกอย่างน้อยครึ่งเดือนจึงจะกลับบ้านได้ ต่างจาก
มิว ที่ร่างกายแข็งแรงกว่า ฟื้นตัวได้เร็ว คงอยู่โรงพยาบาลไม่กี่วัน และพรุ่งนี้ก็สามารถทานอาหาร
ปกติได้แล้ว ร่างสูงอยู่ไม่ห่างจากร่างที่นอนบนเตียงมากนัก คอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ตลอด แต่
เพราะไม่ค่อยได้ดูแลพ่อมาก่อน จึงงุ่มง่ามอยู่บ่อยครั้ง เดี๋ยวก็เอาผ้าแห้งมาเช็ด เดี๋ยวก็เอาผ้าเปียก
เกินไปมาเช็ด เดี๋ยวก็ทำน้ำหก จนแม้แต่สุนีย์ที่ได้รับฉายาจากเหล่านักศึกษาว่าแม่สิงห์ยิ้มยากยัง
อดยิ้มให้กับความเงอะๆเงิ่นๆของลูกชายตนเองไม่ได้ แต่ก็แอบดีใจที่ลุกชายรู้จักเอาใจใส่พ่อ
กะเค้าบ้าง



“กีอก ๆ ๆ”

“เชิญค่ะ” เสียงสุนีย์เรียกผู้มาเยือนที่เคาะประตู

“สวัสดีครับ เราแวะมาชวนโต้งไปทานข้าวอะครับ” เจ๋งบอกกับสุนีย์

“จริงสิ เรายังไม่ได้ทานอะไรเลยนี่เนอะ หิวข้าวรึยังฮึ” ผู้เป็นแม่ถามลูกชายอย่างอ่อนโยน

“ยังครับ” โต้งพยายามปฏิเสธเพราะเกรงใจสุนีย์ แต่เสียงท้องร้องดังขึ้นซะก่อน

“หิวแล้วก็ไปหาอะไรทานก่อนเถอะ แม่อยู่ได้ ซื้อมาเผื่อด้วยแล้วกัน”

“แม่อยากทานอะไรล่ะครับ พะโล้ดีปะแม่ หรือหมูทอดกระเทียมดี”

“ไม่เอาอะ เบื่อแล้ว เราจะซื้ออะไรก็ซื้อมาเหอะน่า”

“ก็เดี๋ยวถ้าโต้งซื้อมา แล้วไม่ถูกใจแม่ แม่ก็จะว่าโต้งอีก”

“เลือกที่คิดว่าดีที่สุดแล้วกัน”

“งั้น....โต้งไปก่อนนะครับ” พูดจบก็เดินออกไปพร้อมกับเพื่อนๆ






“เฮ้ยโต้ง มรึงใกล้ชิดมิวขนาดนั้น ถามหน่อยเหอะ ไม่อยากเป็นนักร้องบ้างเหรอวะ”

“อะไรเนี่ยไอ้เจ๋ง จู่ๆก็มาถามแปลกๆ” โต้งตอบด้วยสีหน้าเป็นงงกับคำถามของเพื่อน

“แล้วมรึงอยากเป็นนักร้องรึเปล่าเล่า” เจ๋งยังคงถามต่อไป

“ไม่อะ เสียงกรูเพี้ยน”

“แล้วมรึงเล่นดนตรีเป็นบ้างปะวะ” เอิร์ธช่วยถามด้วยคน

“เคยหัดแล้ว แต่ไปไม่รอดซักอย่าง ถามทำไมวะ”

“เปล่า กรูก็แค่คิดว่า ใกล้จะวาเลนไทน์แล้ว มรึงน่าจะมีของขวัญพิเศษให้แฟนมรึงบ้าง”

“นึกไม่ออกว่ะ ไม่เห็นมิวเค้าจะมีทีท่าว่าอยากได้อะไรซักอย่างเลย”

“งั้นถ้ามรึงเล่นดนตรีกับร้องเพลงให้เค้าฟังล่ะ พอจะเวิร์กปะ” เจ๋งถามด้วยแววตากระตือรือร้น

“จริงดิ เค้าเคยบ่นว่ากรูได้แต่อ้อนให้เค้าร้องเพลงกับเล่นเปียโนให้ฟัง แต่กรูไม่เคยร้องเพลง
กับเล่นดนตรีให้เค้าฟังบ้างเลย”

“งั้นกรูว่ามรึงลองไปแอบคิดดูว่าอยากจะเล่นดนตรีแบบไหน เดี๋ยวพวกกรูช่วยมรึงอีกแรง”

“ไหงวันนี้พวกมรึงมาแปลกๆวะ มีอะไรปะเนี่ย ฮึ..ว่าไงวะ”

“ช่างพวกกรูเหอะน่า ห่วงตัวเองเถอะ มรึงลองไปคิดดูแล้วกัน พรุ่งนี้กรูจะมาเอาคำตอบ
ถ้ามรึงทำไม่ได้นะเว้ย จบม.หก กรูจะเลิกคบมรึง ใช่มั้ยวะไอ้แหว” เอิร์ธว่า

“ไอ้ห่า โยนขี้ให้กรูอีกแล้ว แต่จริงๆนะเว้ยโต้ง ถ้ามรึงทำไม่ได้ เลิกคบ”

“เออ” โต้งรับคำเพื่อน แต่ในใจก็สงสัยอยู่เหมือนกัน แต่ก็คิดว่า ถ้าตนสามารถร้องเพลงกับ
เล่นดนตรีเป็นของขวัญให้มิวได้ แล้วทำให้คนที่ตนรักมีความสุข จะไปสนใจทำไม ว่าพวก
เพื่อนๆมีแผนอะไรกันรึเปล่า




.....




.....





พยายามโทรหาคนรู้ใจอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะดูเหมือนว่า โทรศัพท์มือถือของมิว
จะปิดเครื่องไว้ สุดท้าย โต้งก็ถอดใจ แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องพักของกร

“โต้งซื้อข้าวผัดกุ้งมาฝากแม่นะครับ เดี๋ยวโต้งเอาใส่จานให้เลยนะ” โต้งบอกแม่

“กุ้งหรอ ก็ทานได้หรอกนะ แต่ปกติแม่ไม่ค่อยทานอาหารทะเล โต้งก็รู้นี่นา” สุนีย์ถาม

“ลืมไปอะแม่ เห็นว่าง่ายดี”

“กุ้งอะ ของโปรดมิวไม่ใช่หรอ คิดถึงเค้าล่ะสิเรา” สุนีย์แกล้งหยอกลูกชาย

“ก็ไม่ได้คุยกันตั้งแต่เมื่อคืน โทรไปก็ไม่มีสัญญาณ ระยองนะแม่ ไม่ใช่บนดอยซะหน่อย”

“อาจจะแบตหมดแล้วไม่ได้เอาที่ชาร์ตไปก็ได้ ใจเย็นน่า อีกไม่กี่วันก็เจอกันแล้ว”

“แต่หญิงบอกว่ามิวจะกลับพรุ่งนี้นะแม่ ไหงแม่ว่าไม่กี่วันล่ะ”

“เปล่า แม่ก็เดาไปอย่างงั้นเองแหละ”

“จริงดิแม่ สมมติว่าโต้งจะร้องเพลงให้มิวฟัง แม่ว่าเพลงไหนดี”

“เรานี่นะจะร้องเพลงให้มิวฟัง เอามะพร้าวห้าวไปขายสวนชัดๆ คิดดีแล้วหรอ”

“ให้กำลังใจดีจังเลย โต้งก็แค่อยากจะร้องเพลงให้เค้าฟังบ้างอะแม่”

“งั้น..ก็ต้องเป็นเพลงที่มีความหมายสำหรับเราสองคนสิ แต่แม่ไม่รู้หรอกนะว่าเพลงอะไร”

“แล้วถ้าโต้งจะเล่นดนตรีล่ะแม่ พอจะไหวปะ”

“ตีฉาบรึไง”

“โห..แม่เรา ให้กำลังใจดีชะมัด”

“ก็แม่นึกภาพไม่ออกนี่นา แต่อย่างเรา ถ้าเอาให้ไวและง่าย ก็มีคีย์บอร์ดนี่แหละ ไวสุด”

“แต่มันยากนะแม่ ไม่รู้เรื่องเลยนะ”

“ก็เอาแค่โน้ตง่ายๆ พอถูไถให้จบเพลงก็พอแล้ว มิวน่ะ ไม่ว่าลูกชายแม่หรอกน่า”

“จริงด้วย แค่เล่นให้ฟัง มิวก็ดีใจแล้วล่ะ”

“แล้วคิดไว้รึยังล่ะ ว่าอยากเล่นเพลงอะไร”

“ไม่รู้ดิแม่ ไม่รู้เหมือนกัน ขอเวลาโต้งคิดคืนนึงนะ”

“ตามใจ แล้วนึกยังไงถึงอยากร้องเพลงเล่นดนตรีให้มิวฟัง”

“ก็เดือนนี้มีวัน.....”

“ของขวัญวาเลนไทน์ให้มิวหรอ”

“ครับ”

“ถ้ามิวรู้คงดีใจมากแน่ๆ ไว้ถ้าแม่บอกให้มิวรู้ดีปะ ”

“ไม่นะแม่ เดี๋ยวไม่เซอร์ไพรซ์”

“แล้วแต่เราก็ได้ คืนนี้โต้งก็กลับไปนอนคิดที่บ้านแล้วกัน เดี๋ยวแม่เฝ้าพ่อเอง”

“จะดีเหรอครับ เมื่อคืนแม่ก็เหนื่อยแล้ว”

“แต่เรามีเรียนนะ พรุ่งนี้ก็นั่งรถไปเองล่ะ”

“ก็ได้ครับ”

“ส่วนเรื่องผลสอบโควตา...”

“แม่รู้แล้วหรอ โต้งลืมไปเลยนะเนี่ย”

“เพื่อนแม่โทรมาบอก”

“แล้วผลเป็นไงบ้างครับ”

“แม่ว่าโต้งต้องขยันท่องหนังสือให้หนักขึ้นแล้วล่ะ เอาไว้สู้อีกตอนโอเน็ตเอเน็ต”

“เหรอครับ ว่าแล้วเชียว ข้อสอบโหดขนาดนั้น”

“แต่ก็ยังมีข่าวดีอยู่เหมือนกันนะ”

“อะไรล่ะแม่”

“ก็มิวไง สอบติดได้อันดับหนึ่งเลย เก่งดีจัง ไหนจะร้องเพลง แล้วยังสอบอีก”

“แม่...ลุกแม่อะ คนนี้นะ”

“อิจฉามิวรึไงเรา”

“เปล่า ใครจะอิจฉาคนที่ตนเองรักล่ะครับ”

“ก็ใช่สิ มิวทั้งเรียนดี ทำงานดี จิตใจดี เสียสละ แล้วก็รักลูกของแม่มากขนาดนั้น”

“เสียสละ.............. แม่หมายความว่ายังไง”

“ไม่มีอะไร แม่ก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง ก็มิวน่ะ ช่วยครอบครัวเราไว้นี่นา แม่ว่าโต้ง
รีบกลับบ้านเถอะนะ ค่ำมากแล้ว เดี๋ยวจะถึงบ้านดึก”

“ครับ” พูดจบ โต้งก็พาร่างสูงของตนออกไปจากห้องพักผู้ป่วยของกร มุ่งหน้ากลับบ้าน



ที่บ้านของโต้ง ชายหนุ่มกำลังเก็บสัมภาระจากกระเป๋าเป้สะพายข้างของตน มือเรียวยาว
ข้างหนึ่ง ล้วงไปเจอเครื่องเล่นเพลงสีดำมีสายยาวสีขาว ที่โต้งจำได้ทันทีว่าเป็นเครื่องของมิว

“ของๆมิวมาอยู่นี่ได้ไงวะ หรือว่าลืมทิ้งไว้ในกระเป๋าเรา ก็ไม่น่านี่หว่า หรือว่ามิวตั้งใจใส่ไว้”

โต้งตัดสินใจหยิบไอพอดที่นักร้องหนุ่มแอบวางไว้ในกระเป๋าเป้ของตนออกมาดู แล้วค่อยๆเปิด
ฟังเพลงของวงออกัสต์ เพลงที่ใครบางคนตั้งใจแต่งเพื่อคนรักของตน

“รู้สึกบ้างไหม”
“ไม่ดีกว่า ขนาดเอ๊กซ์ยังเคยพูดเลย ว่าคอร์ดประหลาด เล่นยากมาก สงสัยจะไม่รอด"

“หรือจะเอาเพลงกันและกันดีวะ” โต้งบ่นเบาๆ
“ไม่เอาดีกว่า เพลงนี้มิวแต่งให้เรา ขืนไปร้องให้คนแต่งฟัง คงเขินพิลึก”

“งั้นก็เพลง ขอบคุณกันและกัน”
“ไม่เอาดีกว่ามั้งเรา ยาวเกิน เดี๋ยวจะล่มเอาง่ายๆ”

“ยังอยู่ในใจ”
“ไม่ดีมั้ง ก็เราไม่อยากให้เรื่องของเรากับมิวมันอยู่แค่ในใจนี่”

“คนธรรมดา”
“แล้วใหญ่ เศร้าไปนิด ที่สำคัญ มิวน่ะ ไม่ใช่คนธรรมดาซะหน่อย คนพิเศษต่างหาก”

“หลับตา”
“ค่อยเวิร์กหน่อย ทำนองไม่ยากเท่าไหร่ น่าจะพอฝึกเล่นคีย์บอร์ดได้ภายในสิบวัน”





.....






.....






เช้าวันจันทร์ ร่างสูงก้าวเดินออกจากบ้านของตนตามลำพัง ไม่มีแม่ขับรถไปส่งเหมือนที่เคย
สองหูเสียบไว้ด้วยหูฟังไอพอดของนักร้องนำวงออกัสต์ที่แอบใส่กระเป๋าเอาไว้ให้ เพลงที่เปิด
ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ตอนนี้ มีเพลงเดียวคือเพลง”หลับตา” เพลงที่ชายหนุ่มตั้งใจจะร้องให้คนรักฟัง


“ตกลงมรึงเลือกเพลงได้แล้วรึยังวะ” เอิร์ธเอ่ยปากถามเพื่อนสนิท

“อืออ ชื่อเพลง”หลับตา” มิวเค้าแต่งให้กรูตอนที่กรูมีปัญหาเรื่องอาการของพ่อ” โต้งตอบ

“แล้วมรึงจะเล่นเครื่องดนตรีอะไรล่ะ คิดไว้ยัง” เจ๋งแจมถามอีกคน

“คิดแล้ว”

“แล้ว.....”

“.....คีย์บอร์ด กรูว่ามีหวังสุด แค่สิบวันนะเว้ย”

“ก็แล้วใครจะสอนให้มรึง” เจ๋งถามต่อ

“ก็มือคีย์บอร์ดของออกัสต์ไง กรูแอบวานให้หญิงติดต่อให้แล้ว”

“นึกหน้าออก แต่จำชื่อไม่ได้ว่ะ” เอิร์ธบอก

“ชื่อแวนโว้ย นี่กรูก็รอรับโทรศัพท์ข่าวดีจากหญิงอยู่เนี่ย”

“ทีเรื่องอื่นล่ะทำเป็นไม่รู้ ทีเรื่องทำเซอร์ไพรซ์แฟนใหม่มรึงเนี่ย สมองไวเชียวนะมรึง”

“เรื่องของกรูน่า” ชายหนุ่มไม่สนใจคุยกับเพื่อนอีก เอาแต่ฟังเพลงอยู่อย่างเดียว

“กรูว่ามันเอาแน่ว่ะ ดูดิ ขนาดไม่ไปเล่นบอลเลยนะเว้ย” แหวพูดออกมา

“แปลว่าแผนมรึงเวิร์กนะไอ้เจ๋ง ดูมันกระตือรือร้นดีจัง” เอิร์ธว่า

“รออีกซักพัก ให้ถึงวันวาเลนไทน์ก่อน พอมันร้องเพลงให้มิวฟังจบปุ๊บ กรูก็จะบอกโต้ง
เรื่องที่เด็กเซ้นต์นิโคลัสนั่น เสียสละตับให้พ่อมัน” เจ๋งบอกเพื่อน

“แต่มรึงรับปากว่ามรึงจะไม่เอาเรื่องตับของหมอนั่นไปบอกโต้งไงวะ” เขาทรายถาม

“ก็ใช่ แต่กรูไม่ได้บอกซะหน่อย ว่าจะไม่ให้ไอ้โต้งฟังเสียงที่พวกเราคุยกับเค้านี่หว่า”
เจ๋งยกมือถือของตนมาโชว์ให้เพื่อนๆดูอย่างคนเจ้าเล่ห์

“เจ้าแผนการนะมรึง ไปเหอะ ออดดังแล้ว” เอิร์ธเรียกเพื่อนๆไปเข้าแถวหลังได้ยินเสียงกริ่ง

.................
.................



“ติดต่อพี่มิวได้รึยังวะปิงปอง” แม็คเอ่ยถามนักเป่าแซกโซโฟนเพื่อนร่วมรุ่นในตอนเย็น

“ยังเลยว่ะแม็ค แล้วนี่พวกพี่เอีกซ์เค้ามารึยังเนี่ย”

“รออยู่หน้าตึกแล้วว่ะ ไหนพี่มิวเค้าบอกว่าจะกลับมาวันนี้ไง” อ๋องช่วยตอบอีกคน

“ก็แล้วจะรู้มั้ยล่ะ กรูก็พยายามโทรหาอยู่เนี่ย แต่เหมือนเครื่องจะปิดตลอดเลย”

“ลองโทรหาพี่โต้งดิวะปิงปอง พี่มิวเค้าอาจจะโทรบอกพี่โต้งก็ได้” นักทรอมโบนหนุ่ม
รุ่นเดียวกันเอ่ยปากแสดงความเห็นกับคนอื่นอีกคน

“กรูลองโทรไปแล้วว่ะไม้ค์ แต่พี่เค้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ”

“แล้วจะเอายังไงดีล่ะวะเนี่ย พี่แวนก็บอกว่าติดธุระ ให้ใช้โปรแกรมเล่นแทนไปก่อน”

“ก็แล้วเอ็งจะกลัวอะไรล่ะวะอ่อง แกไม่ใช่คนที่เบี้ยวซ้อมซะหน่อย”

“กลัวโดนด่าอะดิ ยิ่งใกล้วันเปิดอัลบั้ม พี่อ๊อดแกยิ่งหงุดหงิดง่ายกว่าทุกที”

“นั่นดิ เฮ้ย..แต่ไม่เป็นไร พี่อีอดแกไม่กล้าดุพี่มิวกับพี่แวนหรอก” ไม้ค์บอก

“ทำไมวะ” แม็คถาม

“ก็พี่มิวน่ะ เป็นทั้งนักร้องนำ ทั้งคนแต่งเพลง ที่สำคัญนะ พวกแฟนเพลงน่ะ แอบกรี๊ดพี่มิว
มากกว่าใครๆ พวกนายก็รู้ ส่วนพี่แวน ก็เป็นมือคีย์บอร์ดคู่ใจพี่มิวมานาน ถ้าพูดถึงฝีมือนะ
สองเฮียแกก็ขั้นเทพที่สุดในกลุ่มพวกเราแล้วเว้ย นอกจากนี้นะ พักหลังมาเนี่ย คุณบีแกดู
ออกจะไว้ใจและเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับพี่มิวซะเหลือเกิน”

“จริงปะวะปิงปอง กรูแอบได้ยินพวกพี่ทีมงานเค้าเล่าว่า คุณบีแกแอบชอบพี่มิวอยู่” อ๋องถาม

“เมื่อก่อนน่ะใช่ แต่ตอนนี้ เค้าเป็นเพื่อนกันธรรมดา คุณบีก็แค่เชื่อถือฝีมือพี่มิวเท่านั้นแหละ”


กริ๊งงงงงง กริ๊งงงงงง เสียงโทรศัพท์มือถือของปิงปองดังขึ้น

“ครับพี่เอ๊กซ์”
“อะไรนะครับ พี่อ๊อดโทรมาสั่งว่างดซ้อม”
“ต้องตัดต่อเอ็มวีใหม่อีกรอบ อี๊เจ๊หลิวก็มาป่วยอีก”
“คุณเอทานข้าวกับลูกค้า คุณบีไปเมืองนอก”
“เจ๋งงงงงงงงงงงง กำลังกลุ้มเรื่องติดต่อพี่มิวไม่ได้พอดี”
“ใช่ครับพี่ ปิดเครื่องตลอดเลยครับ”
“บ้านพี่มิวเหรอ ไปดิครับ งั้นพวกผมนั่งแท็กซี่ไปกันเองนะ แล้วเจอกันที่บ้านพี่มิวครับ”
ปิงปองวางสายแล้วชวนเพื่อนร่วมวงที่เรียนม.ห้าด้วยกันไปบ้านมิวทันที



“พี่เอ๊กซ์ให้ไปหาพี่มิวที่บ้านเหรอวะไอ้ปิง” แม็คเอ่ยถามเพื่อนบนรถแท็กซี่

“เออดิ” ปิงปองตอบ

“แต่แกยังโทรติดต่อพี่เค้าไม่ได้เลยนี่หว่า แล้วรู้ได้ไงว่าพี่มิวอยู่บ้าน” แม็คถามต่อ

“นั่นดิ พี่มิวอาจจะยังไม่กลับจากระยองก็ได้ นานๆจะได้เจอครอบครัวซักที” ไม้ค์พูด

“กรูไม่รู้เว้ย รู้แต่พี่เอ๊กซ์สั่ง อีกอย่างนะ ถ้าไม่เจอพี่มิว ก็ยังมีอีกคนให้เจอ”

“ใครวะ” แม็คถาม

“ก็แฟนพี่เอ๊กซ์ ที่อยู่บ้านติดกับบ้านพี่มิวไง ชื่อพี่หญิง น่ารักโคดๆ” ปิงปองตอบ

“คนที่พี่เอ๊กซ์เข้าไปช่วยจนโดนมีดจิ้มเอาน่ะหรอ” ไม้ค์ถาม

“นั่นแหละ เคยเห็นแล้วไม่ใช่เหรอวะ กรูว่านะ พี่เอ๊กซ์คงแค่อยากอวดแฟนมากกว่า
แล้วเอาเรื่องไปบ้านพี่มิวมาอ้าง เหรอมรึงว่าไงวะท่านอ๋อง”

“ มันหลับไปแล้วเว้ย ตั้งแต่ขึ้นรถแล้ว” ไม้ค์ตอบ

“เชื่อมันเลยจริงๆ นอนเก่งชะมัด”

...............
...............



กริ๊งงงงงง กริ๊งงงงง เสียงโทรศัพท์ของโต้งดังขึ้นขณะจะเดินออกจากโรงเรียน

“ว่าไงหญิง” โต้งพูด

“โต้งมาที่บ้านหญิงเย็นนี้ได้ปะ”

“ทำไมล่ะ”

“ก็เอ๊กซ์กับแวนอะดิ เอาเรื่องที่โต้งจะร้องเพลงหลับตาให้มิวฟัง ไปปรึกษาเพื่อนๆในวง พวกนั้น
ก็เลยตกลงว่าจะช่วยโต้งทำเซอร์ไพร้ซ์มิวด้วยอีกคน เลยนัดคุยที่บ้านหญิงเนี่ย”

“จะดีหรอ บ้านหญิงเนี่ยนะ อย่างงี้มิวก็รู้หมดอะดิ” โต้งกังวล

“ไม่รู้หรอก หญิงเพิ่งเจอป้าอรเมื่อกี้ แกบอกว่า มิวยังอยู่ระยอง จะกลับมาวันพุธ”

“ฮ้า!!! วันพุธเชียว แล้วนี่มิวเค้าคิดจะโทรบอกเราเองมั้ยเนี่ย” น้ำเสียงโต้งงอนเล็กน้อย

“ก็แหม .... หรือโต้งอยากให้ป๊ามิวรู้ แล้วโกรธมิวล่ะ ป่านนี้มิวเองก็คงคิดถึงโต้ง
เหมือนกันแหละ แต่ไม่รู้จะทำไง” หญิงพยายามอธิบายให้โต้งฟัง

“นั่นสินะ มิวอยู่โน่นคงคิดถึงเรามากแน่ๆ แต่ไม่กล้าโทรหาเราให้ป๊ารู้ เราว่า มิวคง.....
ทำไมนะหญิง....ทำไม.......”

“ทำไมความรักขอโต้งกับมิวถึงมีอุปสรรคนักใช่ปะ โดยเฉพาะกับคนในครอบครัว
ที่ไม่เข้าใจ ไม่ยอมรับ เหมือนอย่างตอนที่แม่โต้งไม่เข้าใจ จนต้องมาหามิวที่บ้าน”

“อย่างที่หญิงว่านั่นแหละ ทำให้เรานึกถึงตอนที่แม่ไม่เข้าใจ แล้วเราเห็นแม่ต้องมาร้องไห้
เพราะเรื่องของเรา มันทั้งรู้สึกผิดและเจ็บมากเลยนะหญิง”

“โต้งโชคดีกว่ามิว ที่ในที่สุด น้านีย์ก็เข้าใจ แต่กับป๊ามิวเนี่ย คงไม่ง่ายอย่างที่คิด”

“ยังไงหรอหญิง”

“ก็มิวเค้าเป็นลูกชายคนเดียวในครอบครัวคนจีน โต้งคิดว่าป๊ามิวจะยอมรับได้หรอ”

“นั่นดิ อยู่โน่น มิวคงต้องทนแบกเรื่องอะไรไว้ในใจอีกเยอะแน่”

“อะไรหรอโต้ง”

“ก็เรื่องที่หญิงว่านี่แหละ หญิงรู้มั้ย มิวน่ะ ทั้งคิดถึงและโหยหาครอบครัวมาตลอดเลยนะ
ตอนที่นอนเจ็บอยู่โรงพยาบาล แล้วป๊าไม่มาเยี่ยมอะ มิวทั้งเสียใจและผิดหวัง จนต้องแอบ
ร้องไห้ออกมา ตอนที่ป๊ามาที่บ้านเมื่อคราวก่อนน่ะ เราสัมผัสได้เลย ว่ามิวอะ ดีใจมากๆ
แต่ในใจก็กลัวว่าป๊าจะรู้และรับเรื่องเราไม่ได้ ข้างในมิวคงต้องต่อสู้กันหนักแน่ๆเลยหญิง
เพราะมิวอะ โหยหาป๊าและครอบครัวมาก แต่อีกใจก็รักเรามากด้วย แล้วถ้าป๊ารู้เรื่องเข้า
แต่ไม่ยอมรับขึ้นมาล่ะ ทีนี้มิวจะทำยังไง การต้องตัดสินใจในเรื่องแบบนี้มันคงไม่ง่ายสินะ
มิวเคยบอกกับเราว่า เค้าจะทนได้หรอ ถ้าหากเค้ารักใครมากๆ แล้ววันนึง ต้องเสียคนๆนั้นไป
มิวน่ะ รักป๊าและครอบครัวมากแน่ๆ แล้วนี่ถ้า...........................”

“แต่มิวก็รักโต้งมากเช่นกัน ถ้าต้องเลือกให้เสียอย่างใดอย่างหนึ่งไป มิวคงทนไม่ได้แน่ๆ”

“ทำไมนะหญิง.......ทำไมนะ”

“เรื่องนี้เอาไว้ก่อนเถอะโต้ง เอาเป็นว่า โต้งรีบมาที่บ้านหญิงก่อนแล้วกัน”







.....






.....




Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 5 มีนาคม 2553 14:57:45 น.
Counter : 486 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Niramitr
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



สาวก"รักแห่งสยาม"

New Comments