Fly to nanaspace... , Welcome to my place...

รัตนาวดี / ว. ณ ประมวญมารค



รัตนาวดี โดยคุณว. ณ ประมวญมารค

ยืมนิยายจากเพื่อนมาสามเรื่องค่ะ ปริศนา เจ้าสาวของอานนท์ และก็รัตนาวดี ก็ตั้งแต่ว่าจะอ่านตามลำดับ แต่เห็นความหนาของปริศนาแล้วไม่กล้าหยิบซะที เจ้าสาวของอานนท์ได้ยินว่าสนุกน้อยสุดก็เลยยังไม่อ่าน สุดท้ายคว้ารัตนาวดีขึ้นมาอ่านเป็นเล่มแรกซะอย่างนั้น

นิยายเรื่องนี้เป็นการเล่าเรื่องผ่านจดหมายหลักๆก็เป็นจดหมายที่รัตนาวดี (แน่นอน นางเอกของเรื่อง) เขียนจดหมายหาท่านชายพจน์ (พี่ชาย) บ้าง หาปริศนา (พี่สะใภ้) บ้าง ไม่ก็จดหมายก็ท่านดนัย (พระเอก) เขียนหาท่านชายพจน์ (ซึ่งเป็นเพื่อน) และเป็นนิยายเชิงท่องเที่ยว ซึ่งส่วนตัวไม่ค่อยอ่านแบบนี้เท่าไร (ทั้งๆที่ชอบเที่ยว) แต่เรื่องนี้...ชอบค่ะ และก็ประทับใจมากๆ ที่มากสุดก็เป็นภาษาที่เขียนในจดหมาย ไพเราะดีค่ะ ทั้งที่ท่านหญิงรัตน์ดูจะแก่นๆ เซี้ยวๆ ไม่ค่อยจะเข้ากับราชาศัพท์เท่าไร

สำหรับเนื้อเรื่องคร่าวๆก็คือ รัตนาวดีเดินทางไปเที่ยวยุโรป โดยตามแพลนที่วางไว้ก็คือเมื่อบินไปถึงนั่นแล้วท่านดนัย (ซึ่งเป็นเพื่อนพี่ชาย) จะมารับ อำนวยความสะดวกสบายให้ แต่เพราะความคลาดเคลื่อนในการติดต่อกันทางจดหมายทำให้ท่านดนัยไม่รู้วันจึงไม่ได้ไป ท่านหญิงรัตน์เธอเลยไม่พอใจพระเอกซะตั้งแต่เริ่มเรื่อง มีการส่งจดหมายไปให้ ทำนองว่าแอบจิกกัดเล็กน้อยว่าไม่ต้องพึ่งพิงท่านดนัยเพราะจากสนามบินก็หาทางเข้าที่พักเองได้แล้ว (หยิ่งไหมล่ะ! นางเอกคนนี้)

ต่อมาท่านหญิงรัตน์เจอท่านดนัย แต่เข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นนายเล็ก (คนรับใช้ของท่านดนัย) พ่อคุณก็กลัวเธอจะเสียหน้าเลยเออออรับไป (อันที่จริงท่านดนัยก็ชื่อเล่นว่าเล็กด้วย) ท่านดนัยสนใจท่านหญิงรัตน์ตั้งแต่แรกพบ ประมาณว่านางเอกสวยมากๆ เขียนจดหมายบอกท่านชายพจน์ซึ่งเป็นเพื่อนว่าทำไมไม่เคยบอกเลยว่ามีน้องสาวสวย อิอิ

จากนั้นท่านดนัยในฐานะนายเล็กก็ถือโอกาสรับอาสาพาท่านหญิงรัตน์เที่ยวทั่วยุโรป ระหว่างเที่ยวนายเล็กซึ่งหน้าตาดีผิดคนรับใช้ แถมยังมีความรู้รอบตัว รู้จักสถานที่ต่างๆ พูดได้หลายภาษาอีก ท่านหญิงรัตน์ก็แอบมีใจให้เช่นกัน แต่ทั้งคู่ก็ไม่สามารถเปิดเผยความในใจได้ กระทั่งมาเจอคนรู้จักท่านดนัยตัวจริงเข้า ความเลยแตก ทีนี้นางเอกของเราก็เลยงอนตุ๊บป่องหนีไป ท่านดนัยก็ตื้อไม่มากเท่าไร ส่งจดหมายฉบับหนึ่งพร้อมกับช่อดอกไม้มาให้ (ขอบอกว่าข้อความในจดหมายเขียนได้น่ารักมากๆ อ่านแล้วม้วนติ้วค่ะ) ส่วนหนึ่งของเนื้อหาในจดหมายคือ ท่านดนัยรู้ว่าถ้าท่านหญิงรัตน์รู้ความจริงแล้วคงจะโกรธไม่น้อย และคิดว่าตัวเขาคงจะเล่นๆกับเธอ ท่านดนัยเลยเขียนจดหมายไปบอกให้ผู้ใหญ่ช่วยสู่ขอด้วยซะเลย ประมาณว่าอย่างน้อยถ้าเธอรู้ความจริงแล้ว ก็จะรู้ด้วยว่า...รักจริงนะ

นิยายเรื่องนี้สนุกและน่ารักค่ะ สนุกตั้งแต่จดหมายฉบับแรกยันฉบับสุดท้าย และปิดท้ายด้วยไดอารี่ของท่านหญิง อ่านแล้วอมยิ้มเป็นพักๆ ไม่มีเศร้า ขึงใหเซ็งจิตค่ะ

จบจากนี้แล้วก็ต้องรีบไปอ่านปริศนากับเจ้าสาวของอานนท์ต่อ แหะๆ




 

Create Date : 17 มีนาคม 2552   
Last Update : 17 มีนาคม 2552 17:47:24 น.   
Counter : 7536 Pageviews.  

Once and Always / Judith McNaught



Once and Always โดย Judith McNaught


นิยายโรมานซ์ภาษาอังกฤษที่อ่านเป็นเล่มแรกในชีวิต เคยได้ยินชื่อนักเขียนท่านนี้มานานแล้วก็เลยลองหยิบมาอ่านดูบ้าง แทบวางไม่ลงเชียวล่ะค่ะ จนกระทั่งอ่านจบ ก็ยังไม่อยากให้จบ อยากอ่านบทหวานๆของพระเอกอีกเยอะๆ

เมื่อพ่อแม่ของวิคตอเรีย (นางเอกนะคะ) เสียชีวิต เธอกับน้องสาวจึงไม่เหลือญาติผู้ใหญ่ที่ไหนในอเมริกาอีก ทั้งคู่ถูกส่งไปอยู่กับญาติฝ่ายแม่ที่อังกฤษ (แม่นางเอกเป็นคนอังกฤษค่ะ) บุคคลสองคนที่แม่เธอเอ่ยก่อนตายคือคุณยายของเธอและชาร์ลส (คนรักเก่าของแม่เธอ และยังรักแม้ว่าจะแต่งงานกับพ่อของวิคตอเรียแล้วก็ตาม) เมื่อไปถึงอังกฤษวิคตอเรียกับโดโรธี (น้องสาว) ถูกจับแยกกันอยู่ โดโรธีไปอยู่กับคุณยายซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงดัชเชส (ไม่รู้เหมือนกันว่าสูงแค่ไหนอ่ะ) ในขณะที่วิคตอเรียต้องมาอยู่ในอาณัติของลุงชาร์ลส

สาเหตุที่คุณยายไม่รับวิคตอเรียไปอยู่เพราะวิคตอเรียมีหน้าเหมือนแม่ของเธอเด๊ะๆ และคุณยายกับแม่ของเธอมีเรื่องบาดหมางใจกัน นั่นคือคุณยายเคยต่อต้านความรักของแม่เธอกับลุงชาร์ลสจนกระทั่งแม่เธอประชดโดยการหนีไปอเมริกากับพ่อของเธอซึ่งเป็นเพียงนักฟิสิกซ์ธรรมดา ไม่ได้มียศฐาบรรดาศักดิ์อะไร ซึ่งทำให้ยายเธอเสียหน้ากับข่าวฉาวโฉ่นี้มาก (ก็ในสังคมคนชั้นสูงอ่ะนะ)

ครั้งแรกที่ลุงชาร์ลสเห็นรูปกระทั่งเห็นหน้าวิคตอเรียก็อดนึกถึงแม่เธอไม่ได้ เขาเลยอยากให้นางเอกแต่งงานกับเจสัน (ลูกชายแท้ๆ) ของเขา ประมาณว่าไหนๆพ่อแม่ก็ไม่ได้แต่งงานกัน ก็อยากให้ลูกได้แต่งงานกัน แต่เจสันปฏิเสธการแต่งงานนี้ เขาไม่ยอมรับการคลุมถุงชน ในวันแรกที่นางเอกเดินทางมาถึงบ้านพระเอก พี่แกก็ออกปากไล่เลย จนลุงชาร์ลสต้องพูดให้พี่แกคิดได้ว่านางเอกน่าสงสารแค่ไหน พ่อแม่ก็เพิ่งเสีย แถมคุณยายก็ยังไม่รับอีก แยกเธอกับน้องสาวให้ห่างกัน อีตาเจสันเลยยอมให้นางเอกอยู่

อันที่จริงนางเอกก็มีคนรักอยู่แล้ว เธอเชื่อมั่นมาตลอดว่าแอนดรูวจะมาพาเธอกลับไปแต่งงานและอยู่ด้วยกันที่อเมริกาดังเดิม แต่เพราะลุงชาร์ลสรู้ว่าแม่ของแอนดรูวไม่ชอบนางเอกที่เธอจน และวิคตอเรียคงไม่มีความสุขแน่ถ้าต้องแต่งงานกับแอนดรูว พี่แกจึงยังพยายามหาทางให้นางเอกแต่งงานกับลูกชายตัวเองต่อไป

แต่เมื่อเจสันยืนยันปฏิเสธ เขาก็เลยต้องหาชายหนุ่มคนอื่นให้แต่งงานกับเธอแทน จัดงานบอลล์ จัดปาร์ตี้ต่างๆ พานางเอกไปให้รู้จักกับคนนู้นคนนี้ ตลอดเวลาวิคตอเรียกับเจสันมีปากเสียงกันเรื่อย แต่บางครั้งเธอก็เห็นความอ่อนโยนของเขาบ้าง อย่างตอนที่เธอได้จดหมายจากแม่ของแอนดรูวส่งมาว่าแอนดรูวแต่งงานแล้ว วิคตอเรียเสียใจอย่างหนัก เศร้าซึมไปเลย เธอก็ได้เจสันนี่แหละปลอบโยน แต่ถึงอย่างนั้นเจสันก็ยังไม่คิดจะแต่งงานกับเธอ แต่พอลุงชาร์ลสเอารายชื่อหนุ่มๆที่คิดว่าเหมาะกับนางเอกมาให้เจสันดู พี่แกก็ไม่ถูกใจสักคน หาว่าเตี้ยไปบ้าง อายุน้อยไปบ้าง พอเป็นคนที่หล่อ สูง รวย มีอายุหน่อย ก็ไถไปเรื่อย บอกว่าท่าขี่ม้าอุบาทว์ พอลุงชาร์ลสเอ่ยชื่ออีกคนที่ขี่ม้าแล้วดูดี พี่แกก็ตอบหน้าตาเฉยว่าไม่ชอบหน้านายนั่น!

กระทั่งวันหนึ่งลุงชาร์ลสได้จดหมายจากอเมริกาฉบับหนึ่ง วันนั้นเขาเกิดอาการช็อคจนต้องเรียกหมอมาดู เมื่อวิคตอเรียกับเจสันได้ยินก็ตกใจ รุดไปเยี่ยม สภาพลุงชาร์ลสเหมือนคนใกล้ตาย เขาถือโอกาสขอร้องให้คนทั้งคู่แต่งงานกัน วิคตอเรียรักลุงชาร์ลสมากเพราะเขาเป็นคนเดียวที่เอ็นดูเธอตั้งแต่พ่อแม่ของเธอจากไป เธอไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ และอาจต้องจบชีวิตลงเร็วขึ้น อีกอย่างแอนดรูวของเธอก็แต่งงานไปแล้วเธอจึงตกลง เจสันเองก็ไม่ว่าอะไร เขาตอบตกลงเช่นกัน งานแต่งงานของทั้งคู่จัดขึ้นในอีกหนึ่งสัปดาห์ถัดมา

เมื่อทั้งคู่ตกลงจะแต่งงานกันเลยต้องเปิดใจคุยกันนิดหน่อย เจสันบอกเพียงว่าเขาเกลียดการคบชู้ที่สุด(พระเอกเคยแต่งงานมาก่อน และภรรยาเขาก็ชอบคบชู้ แต่ก็เสียชีวิตพร้อมกับลูกชายไปแล้ว) และไม่รู้คุยกันอีท่าไหน เจสันเข้าใจผิดว่าเธอกับแอนดรูวเคยมีอะไรกันมาก่อน เขาบอกว่ารับได้ แต่อันที่จริงก็ไม่ชอบใจอยู่ดี ก่อนวันแต่งงานโดโรธีมาหาที่บ้าน เธอไม่ต้องการให้พี่สาวแต่งงานกับเจสัน เพราะเคยได้ยินกิตติศัพท์ไม่ดีของนายนี่มาแยะ (ภาพพจน์พระเอกในสังคมอังกฤษออกจะแย่ ใช้ผู้หญิงเปลือง แต่ผู้หญิงหลายคนก็ยังอยากจะได้รักกับเขาอ่ะ) โดโรธีหลุดคำว่าพี่สาวเธอจะจินตนาการให้เจสันเป็นแอนดรูวในงานแต่ง เจสันได้ยินประโยคนั้นเข้าเขาก็โกรธ

ในคืนแต่งงานพี่แกเลยสร้างความประทับใจให้กับนางเอกโดยการขืนใจเธอซะเลย ขืนใจชนิดที่นางเอกบอกว่าพี่แกไม่ใช่คน ใช้งานเธออย่างกับสัตว์ (ไม่กล้านึกภาพตาม) พอเสร็จกิจพี่แกก็สะบัดตูดกลับห้องของตัวเองไป ปล่อยให้นางเอกนอนร้องไห้ พอกลับมาถึงห้องเห็นคราบเลือดที่ติดบริเวณต้นขาของตัวเอง (น้ำเน่าใช้ได้) ถึงได้รู้ว่าเขาเข้าใจวิคตอเรียผิด ในตอนเช้าวิคตอเรียเดินมาหาพี่แกถึงห้องบอกขอหย่า พี่แกกลับไม่สนใจ (เย็นชามากอ่ะ) ออกไปนอกบ้านซะเลย นางเอกเลยโกรธจัดออกจากบ้านด้วยทั้งๆที่ฝนตกและพายุกำลังจะมา แต่เธอก็รอดปลอดภัยไปอยู่บ้านเพื่อนเก่าพระเอกคนหนึ่ง เขาพูดถึงอดีตของเจสันให้ฟังจนนางเอกเห็นใจ และตัดสินใจกลับไปหาพระเอก (อันที่จริงนางเอกรู้ตัวว่ารักเขาแล้วล่ะ) ตอนกลับไปก็เห็นพี่แกตะโกนด่าคนใช้ตั้งแต่หัวดำยันหัวหงอกว่าปล่อยให้นางเอกออกไปได้ยังไง (แอบเป็นห่วงใช่ไหมล่ะ อิอิ) สุดท้ายก็ดีกัน นางเอกก็ขอโทษที่หายไปนาน

จากนั้นนางเอกก็พยายามเข้าหาพระเอกมากขึ้น ชวนคุย ถามไถ่ แต่พี่แกก็ยังเฉยเมยอยู่ร่ำไป บอกให้นางเอกไปเที่ยว ไปช้อป เธอก็ไปซะเลย ไปหลายๆวันด้วย พี่แกก็ต่อว่าบอกว่าให้ไปแค่วันสองวันไม่ใช่ไปหลายวัน หาว่าเธอต้องได้รับคำอนุญาตจากเขาก่อน พอทะเลาะๆนางเอกก็ระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยความน้อยใจ พี่แกก็ทนไม่ไหวคว้าตัวมากอดซะ แล้วแสดงความรู้สึกในแบบฉบับของเขา (อิอิ) ทั้งคู่เริ่มเข้าใจกันแล้ว เจสันยอมบอกรักนางเอก และบอกว่ารักตั้งแต่วันแรกที่เห็นด้วยซ้ำ แต่เขาไม่อยากเจ็บ ไม่อยากให้เธอมามีอิทธิพลกับตัวเองถึงต้องแสร้งเพิกเฉยใส่เรื่อย เรื่องราวเหมือนจะแฮปปี้แล้ว

แต่มาวันหนึ่งที่เจสันออกไปข้างนอกหลายวันติดๆกัน วิคตอเรียกำลังรอเวลาเขากลับมาอยู่เชียว จู่ๆก็มีแขกมาหาเธอ คนที่เธอคาดไม่ถึง แอนดรูวนั่นเอง นายนี่มาถึงก็กอดสวมกอดวิคตอเรียก่อนเลย บอกขอบคุณลุงชาร์ลสที่ช่วยดูแลเธอ นางเอกมึนๆงงๆ และก็ถามไปว่าทำไมเขาไม่เคยเขียนจดหมายมาหาเลย ทำไมทรยศความรักของเธอ พี่แกก็บอกว่าเพราะแม่ของเขาเก็บจดหมายจากเธอไว้หมด กระทั่งเขาสืบที่อยู่นางเอกได้ จึงจ้างให้คนมาส่งเป็นพิเศษแบบให้ถึงมือเลย และจดหมายฉบับนั้นลุงชาร์ลสก็เป็นคนรับไว้ (เหตุการณ์ก่อนวันที่ลุงชาร์ลสจะแสดงละครหลอกเจสันกับวิคตอเรียว่าใกล้ตายนั่นล่ะ) และก็บอกอีกว่าเขายังไม่ได้แต่งงาน วิคตอเรียได้แต่อึ้งและบอกไปว่าแต่เธอแต่งงานแล้ว นายแอนดรูวไม่สน เขายังชวนเธอกลับไปอเมริกาด้วยกัน แต่เธอปฏิเสธ นายนี่ก็สะบัดตูดจากไป (อย่างง่ายดายมาก)

จากเหตุการณ์นี้วิคตอเรียผิดหวังกับลุงชาร์ลสมากที่หลอกเธอ เธอจำความรู้สึกเมื่อครั้งที่คิดว่าแอนดรูงทรยศความรักนั้นได้ และมันก็เป็นสายตาเดียวกับที่แอนดรูวมองเธอเมื่อกี้ เธอโกรธทั้งเขาและเจสัน (เพราะคิดว่านายนี่ก็รู้เห็นด้วย) วิคตอเรียหนีไปบ้านคุณยาย (ก่อนหน้านี้คุณยายกับเธอปรับความเข้าใจกันแล้ว) คนใช้ที่วิ่งตามวิคตอเรียมาทำให้เธอตื่นตระหนกนึกว่าโจร เธอหลอกล่อให้นายนั่นตามตัวไม่ได้ แต่กลับทำให้เข้าใจผิดว่าเธอตกน้ำเสียชีวิต เจสันกลับบ้านมาก็ถามหาคุณภรรยาสุดที่รักก่อนเลย (น่าร้ากก) แต่กลับเจอเพื่อนเก่าในทีท่าที่เคยเห็น เมื่อครั้งที่เพื่อนเขามาบอกข่าวร้ายเรื่องภรรยาเก่าและลูกชายว่าเสียชีวิต ตอนนี้พระเอกเป็นบ้าไปเลยพอเข้าใจว่าวิคตอเรียจมน้ำตายไปแล้ว

เพื่อนเก่าของเจสันเดินทางมาบ้านคุณยายของนางเอก วิคตอเรียคิดว่าคงจะมาตามตัวเธอกลับไป แต่กลับผิดคาด เขามาแจ้งข่าวว่าเธอเสียชีวิต (วิคตอเรียไม่รู้ว่าคนที่บ้านพระเอกเข้าใจผิด) และบอกอีกว่าเจสันแทบเสียสติ นางเอกเลยเป็นห่วงแจ้นกลับบ้านทันที บรรยากาศในบ้านอึมครึม ผ้าม่านถูกเปลี่ยนเป็นสีดำทั้งๆที่เจสันเกลียดการไว้ทุกข์ที่สุด วิคตอเรียเข้าไปหาพระเอกที่ห้องทำงาน พระเอกยังคิดว่าเป็นเธอในจินตนาการ บอกว่าเขายอมเป็นบ้าถ้านั่นยังทำให้เขาได้เห็นเธอ ได้ยินเสียงเธอ (สงสัยจะบ้าจริงๆ) แต่แล้วเขาก็รู้ความจริงว่าเธอยังไม่ได้ตาย (คนจริงๆย่ะ) พี่แกก็บอกว่าเขาไม่เคยรู้เรื่องจดหมายจากแอนดรูว (ลุงชาร์ลสวางแผนเรื่องทั้งหมด) แค่นี้นางเอกก็ให้อภัยแล้ว จากนั้นทั้งคู่ก็คงไปหาที่บอกรักกันอ่ะ พระเอกให้นางเอกเลือกด้วยว่าจะเป็นห้องนอนเขา หรือห้องนอนเธอ อิอิ

นิยายเรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในเรื่องยอดเยี่ยมของนักเขียนท่านนี้ และไม่ผิดหวังที่อ่านจริงๆค่ะ ต้องหาเรื่องอื่นของเธอมาอ่านอีกเยอะๆ อ่านแล้วก็ได้ความรู้นิดๆหน่อยๆเรื่องประเพณี ลำดับยศต่างๆของคนในเมืองผู้ดี เสียดายที่บทหวานของพระเอกน้อย และบทของแอนดรูวน้อยจนแทบไม่เห็นฉากหึงหวงของเจสันเท่าไร

อันนี้เป็นประโยคเด็ดที่เราช้อบชอบค่ะ เป็นช่วงที่วิคตอเรียหนีเจสันไป และไปเจอกับเพื่อนเก่าพระเอก และเขาก็เล่าเกี่ยวกับตัวของเจสันให้เธอฟัง เขาบอกว่า ...Most men love easily and often, but Jason... He will love only once--but it will be for always... ผู้ชายคนนี้หากลองได้รักใครแล้วก็จะรักตลอดไป....กรี๊ด

ปล. หากเล่าเรื่องผิดพลาดประการใดต้องขอโทษด้วย ภาษาอังกฤษยังไม่แข็งแรงดีอ่ะค่ะ T_T




 

Create Date : 11 มีนาคม 2552   
Last Update : 11 มีนาคม 2552 1:08:44 น.   
Counter : 1354 Pageviews.  

สาวหลงยุค / พงศกร



สาวหลงยุค / พงศกร

การแปรปรวนของสนามแม่เหล็กโลกทำให้หญิงสาวต่างยุคสองคนสลับตำแหน่งสถานที่กัน หนึ่งสาวคือพลอยบุษย์ สาวโสด นางแบบห้องเสื้อในยุคปัจจุบัน กับอีกหนึ่งสาวคือบุษราคัม สาวไทยในยุคอดีตที่ออกเรือนแล้ว มีช่วงชีวิตในสมัยรัชกาลที่ 6 ความประหลาดแห่งโชคชะตาอีกอย่างที่ผู้เขียนสร้างไว้คือให้หญิงสาวสองคนนี้หน้าตาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน

แต่ใครคนไหนก็ยังเป็นคนๆนั้น ผู้หญิงสองคนต่อให้หน้าตาเหมือนกันแค่ไหนมันก็เป็นเพียงสิ่งที่เห็นแต่ภายนอก การพูดจาความคิดความอ่านก็ยังเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีทางปกปิดได้ ทั้งพลอยบุษย์และบุษราคัมต่างไม่เชื่อว่าเป็นความจริงที่หลงมาอยู่ในต่างยุค แต่ต่อมาทั้งคู่ก็ต้องทำใจ การใช้ชีวิตในต่างยุคหลายต่อหลายเดือน เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นสร้างความผูกพันระหว่างสองสาวกับผู้คนในยุคนั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อโอกาสที่จะทั้งคู่กลับไปยังยุคที่จากมามาถึง การตัดสินใจของพวกเธอจะเป็นเช่นไร

พลอยบุษย์ซึ่งต้องกลายเป็นบุษราคัม เธอหายตัวไปเมื่อครั้งมาเยี่ยมยายที่บ้านแถวย่านบางลำพู หญิงสาวเพิ่งมีเรื่องระหองระแหงกับอารัมซึ่งเป็นคนรัก พุทธชาด (น้องสาวของพลอยบุษย์) รู้ว่าอารัมไม่ได้รักพี่สาวตัวเองจริง ที่คบหาเพียงเพราะต้องการปลอกลอกเธอ ในขณะที่บุษราคัมซึ่งกลายมาเป็นพลอยบุษย์ในยุคปัจจุบัน เธอถูกพ่อบังคับให้แต่งงานออกเรือนไปในระหว่างที่คนรักไปเรียนต่างประเทศอย่างไม่มีทางเลือก

เหตุการณ์ในยุคอดีต พลอยบุษย์ตื่นขึ้นมาในบ้านคุณยาย หากทว่ามันไม่ใช่บ้านคุณยาย (อย่าเพิ่งงงล่ะ) เพราะสภาพแวดล้อมทุกอย่างต่างไป (เธอหลงมาในยุคอดีต แต่เป็นบ้านหลังเดิม) บุษราคัมเพิ่งถูกสามีทำร้ายร่างกายหัวแตกจึงมาพักผ่อนที่บ้านคุณยาย หลวงนิติธรรมพินิจ (พระเอกค่า) ซึ่งเป็นคนรักเก่าของบุษราคัมเรียนจบกลับมาเมืองไทยพอดี มารู้ว่าคนรักของเขาแต่งงานไปแล้วก็ได้แต่ทำใจ อวยพรให้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่อไป แต่เรื่องไม่เป็นเช่นนั้น สามีของบุษราคัมไม่ใช่คนดี หมอนี่ยังเล่นชู้กับน้องสาวต่างมารดาของบุษราคัมด้วย แต่ก็ไม่ยอมปล่อยบุษราคัม เขาแล่นมาตามบุษราคัมกลับบ้าน ยิ่งมาเจอหลวงนิติธรรมพินิจอีกยิ่งโมโห พลอยบุษย์ซึ่งเป็นสาวสมัยใหม่ทนไม่ไหวที่เห็นสองหนุ่มทะเลาะกันเลยออกปากไล่คนคู่

อากัปกริยาที่เปลี่ยนไปทำให้ยายของบุษราคัมจับได้ว่าบุษราคัมคนนี้ไม่ใช่หลานของเธอ พลอยบุษย์จึงเล่าความจริงทั้งหมด คุณยายเชื่อว่าเธอไม่โกหกทั้งยังรู้สึกเอ็นดูผู้หญิงคนนี้ เธอพาพลอยบุษย์ไปอยู่หัวหินชั่วคราวระหว่างคิดหาทางออก พอดีกับที่หลวงนิติธรรมพินิจตามเสร็จไปที่หัวหิน ทั้งคู่เลยไปเจอกันที่นั่นอีก เหตุการณ์บางอย่างทำให้คุณหลวงรู้ว่าบุษราคัมคนนี้ไม่ใช่คนรักเก่าของเขา พลอยบุษย์จึงเล่าความจริงให้เขาฟังด้วยอีกคน ชายหนุ่มก็เริ่มรู้สึกว่ากำลังเกิดความรักครั้งใหม่กับผู้หญิงคนนี้ เรื่องที่สองคนมาพบกันที่หัวหินรู้ถึงหูของสามีของบุษราคัม หมอนี่ก็ตามมาอีก พอทนไม่ได้เข้าจึงวางแผนฆ่าบุษราคัม แต่พระเอกก็ตามไปช่วยทัน

ส่วนในยุคปัจจุบัน บุษราคัมตื่นมาในบ้านคุณยาย แต่ทุกอย่างต่างไป พุทธชาดคิดว่าที่พี่สาวพูดจาแปลกๆเพราะเธอเพิ่งตกเวทีจากงานเดินแบบเลยเลอะเลือนนิดหน่อย แต่พอพาบุษราคัมไปหาหมอ นายแพทย์บุญญนิตย์ (พระเอกของบุษราคัมค่ะ) ก็แปลกใจและบอกว่า คนที่เย็บแผลหัวแตกให้นางแบบคนนี้ไม่ใช่เขา ทั้งวัสดุที่ปิดแผลและด้ายที่ใช้เย็บมันเป็นของที่ใช้ในยุคเก่า พุทธชาดจึงเชื่อว่าที่บุษราคัมพูดว่าเธอมาจากยุคไหนปีพ.ศ.ไหนเป็นเรื่องจริง คุณหมอก็เลยพลอยรู้เรื่องไปด้วย เขาติดใจกับเรื่องนี้จึงไปปรึกษาดร.ภรต (เพื่อนสนิทที่เป็นนักฟิสิกซ์) สองหนุ่มนี้เลยเข้ามาสนิทสนมกับบุษราคัมและพุทธชาดไปด้วย ทว่านายแพทย์หนุ่มนั้นมีคู่หมั้นอยู่ก่อนแล้วคือแก้วกานดา เมื่ออารัมคนรักเก่าของพลอยบุษย์ตามมารังควานบุษราคัม นายแพทย์หนุ่มเข้าช่วยเหลือ จึงเกิดการทะเลาะวิวาท เป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ แก้วกานดาไม่พอใจบุษราคัมไปด้วย

ต่อมาอารัมถูกฆ่า และบุษราคัมถูกมองเป็นผู้ต้องสงสัย แก้วกานดาเป็นพยานว่าบุษราคัมฆ่าอารัมเพราะอยากกำจัดหญิงสาวอยู่แล้ว นายแพทย์หนุ่มไม่พอใจ เขามั่นใจว่าบุษราคัมฆ่าคนไม่ได้แน่ แก้วกานดาจึงต่อรองให้ชายหนุ่มแต่งงานกับเธอ แล้วเธอจะให้คำให้การใหม่ บุษราคัมบังเอิญรู้เรื่องนี้เข้า เธอจึงสารภาพว่าเป็นคนฆ่าอารัม เธอไม่อยากให้หมอหนุ่มต้องแต่งงานกับคนที่เขาไม่รัก เพราะเธอเคยผ่านการชีวิตแต่งงานมาแล้ว รู้ว่ามันทรมานแค่ไหน เธออาจติดคุกเสียอิสรภาพแค่สิบปี ยี่สิบปี แต่ผู้ชายคนนี้ต้องเสียอิสรภาพไปตลอดชีวิต (บุษราคัมรักหมอบุญญนิตย์ไปแล้วน่ะ) แก้วกานดาตกใจที่เห็นบุษราคัมยอมติดคุก เธอเห็นความเสียสละของคู่หมั้นกับของผู้หญิงคนนี้แล้ว สุดท้ายเลยตัดใจ ไม่แต่งงานกับหมอบุญญนิตย์ บุษราคัมก็ไม่ต้องติดคุก (และฆาตกรตัวจริงถูกจับได้ด้วย)

อ่านไปก็รู้สึกเหมือนได้อ่านนิยายสองเรื่องไม่มีผิดเพี้ยน การเล่าเรื่องจะเป็นการเล่าสลับกันไปมาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน แอบต้องคอยพลิกเปิดกลับไปกลับมาเหมือนกันเพราะลืมๆ นิยายเรื่องนี้ถ่ายทอดการดำเนินชีวิตในยุคอดีต สอดแทรกเหตุการณ์ในตอนนั้น เอ่ยอ้างถึงงานประพันธ์ บทพระราชนิพนธ์หลายต่อหลายเรื่องด้วย (แต่เราแอบอ่านข้ามๆหลายตอนง่ะ ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นส่วนที่คุณพงศกรต้องทำการบ้านหนักกว่าจะได้มาก็ตาม -_-")

เรื่องนี้สนุกไม่สนุกเราก็อ่านจนตาแทบจะปิดแล้วปิดอีก นอนเอาตีสาม เพราะอยากอ่านจนจบ เสียดายที่รู้สึกว่าตอนท้ายๆมันจบแบบตลกจนเกินไป จู่ๆสองสาวก็เจอเหตุการณ์ประหลาด เหมือนหลุดอยู่ในห้วงของเวลา และต่างรู้ว่าหากเดินไปยังทางที่อีกฝ่ายเดินมาจะสามารถกลับไปยังยุคที่จากมาได้ ทั้งคู่เล่าเหตุการณ์คร่าวๆที่เกิดขึ้นของตัวเองให้อีกฝ่ายฟัง และเมื่อถึงเวลาต้องเลือกว่าจะไปทางไหนทั้งคู่ก็เลือก ว่าจะฝากชีวิตไว้กับใคร อนาคตไว้กับช่วงเวลาใด

บทส่งท้ายเป็นเหตุการณ์ถัดมาของหนุ่มสาวสองคู่ว่ามีความเป็นไปอย่างไร บุษราคัมกับหมอบุญญนิตย์พยายามค้นหาข้อมูลเก่าๆทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับหลวงนิติธรรมพินิจและพลอยบุษย์แต่ก็ไม่พบ กระทั่งหมอหนุ่มไปร้านขายของเก่าและเจอโปสการ์ดเก่าๆฉบับหนึ่ง ชายหนุ่มรีบซื้อและเอามาให้บุษราคัมอ่าน มันเป็นโปสการ์ดที่พลอยบุษย์เขียนถึงคุณยาย ...อยากทราบว่าเขียนอะไร ไปอ่านต่อในเล่มนะคะ

เป็นครั้งแรกที่ได้อ่านงานเขียนของคุณพงศกร แม้จะไม่หวาน แต่ก็สนุกจนวางไม่ลงค่ะ




 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2552   
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2552 21:28:51 น.   
Counter : 13969 Pageviews.  

รักประดับใจ / กู่หลิง



รักประดับใจ / กู่หลิง (แต่ง) / มดแดง (แปล)

เรื่องนี้อ่านไปรอบหนึ่งเมื่อนานมาแล้วค่ะ แต่มีโอกาสได้หยิบมาอ่านอีกรอบ เลยถือโอกาสจดบันทึกหลังอ่านลงบล็อกซะเลย

ปกหลังเขาว่า "...นี่คือซินเดอเรลล่าฉบับแดนมังกร" ต้นฉบับซินเดอเรลล่าเห็นจะเป็นว่านางซินของเราต้องอาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงใจร้ายและพี่สาวลูกติดที่ร้ายไม่แพ้กัน วันดีคืนดีสวรรค์เปิด (?) มีโอกาสได้เข้าวังในวันเลือกคู่ของเจ้าชาย และเจ้าชายก็เลือกเธอ แต่ต้องหลบออกมาเมื่อถึงเที่ยงคืนโดยทิ้งรองเท้าแก้วไว้ให้เจ้าชายดูต่างหน้า แต่สุดท้ายเจ้าชายก็ตามตัวพบ

จะว่าไปเรื่องนี้มันก็คล้ายกับซินเดอเรลล่าจริงๆนั่นล่ะ ไม่ว่าจะเป็นโค่วเอ๋อร์ (นางเอกของเรา) ต้องใช้ชีวิตกับแม่เลี้ยงใจร้าย พี่สาวต่างมารดาที่แม้จะยังรักน้องคนนี้อยู่บ้างแต่ก็ใช้งานเธอยิ่งกว่าสาวใช้ทุกคน เมื่อมีการคัดเลือกหญิงสาวเพื่อเข้าไปถวายตัวรับใช้งานในวัง หากโชคดีก็อาจได้เป็นพระสนมหรือพระชายาต่อไป นางเอกของเราก็ไปกับเขาด้วย แถมยังถูกอ๋องฉางหนิง (พระเอกเองค่า) เลือกเพื่อตบแต่งเป็นชายาอีก ที่จริงแล้วเขาบังเอิญไปเจอนางเอกนอกรอบแล้วสงสารเพราะได้ยินบทสนทนาระหว่างเธอกับพี่สาวทั้งสองว่านางเอกอาจต้องไปแต่งงานกับชายวิปริตทางจิตได้

......จะว่าไปก็เข้าข่ายซินเดอเรลล่าหลายๆจุดนั่นล่ะ แต่นิยายเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่พระเอกเลือกนางเอกมาแต่งงานด้วยแล้วจบ แต่เป็นเรื่องราวหลังชีวิตแต่งงานต่างหาก ก็เลยพาลคิดไปว่าบางทีชีวิตของซินเดอเรลล่าหลังแต่งอาจประมาณนี้ก็ได้ เหอๆ

โค่วเอ๋อร์เป็นคนใสซื่อ (จริงๆแล้วออกแนวโง่และเซ่อมากกว่า) เมื่อจักรพรรดิคังซีกับพระอัยยิกา (ย่า) เรียกเธอเข้าพบ อยากรู้ว่าไปทำอีท่าไหนอ๋องฉางหนิงซึ่งปฏิเสธการแต่งงานมาตลอดถึงต้องการแต่งด้วย พอถามว่าเคยเจอชายหนุ่มคนไหนมาบ้าง นางเอกแสนซื่อของเราก็ไล่ตั้งแต่พี่ชายอันดับหนึ่งสองสาม พ่อบ้าน คนรับใช้ ...ทำเอาจักรพรรดิกับพระอัยยิกากุมขมับ และคิดว่าความซื่อของเธอคงไปถูกใจอ๋องฉางหนิงเข้าล่ะมั้ง แต่ไหนๆอ๋องฉางหนิงอยากแต่งก็ให้รีบแต่งดีกว่า เดี๋ยวถ้าไม่ยอมแต่งกับใครสักคนเลยแล้วจะยุ่ง

คืนวันแต่งงาน ฉากบนโต๊ะอาหารเป็นอะไรที่อ่านแล้วอมยิ้มตลอดอ่ะ เพราะความที่นางเอกอดอยากไม่ค่อยได้กินอาหารดีๆเท่าไร พอเจออาหารเต็มโต๊ะก็ได้แต่น้ำลายไหล พอพระเอกมาพี่แกก็บ่นนู้นนี่ นางเอกก็เอาแต่งจ้องอาหารในมือเขา คอยว่าเมื่อไรจะป้อนเธอซะที อ่านแล้วก็ขำ เป็นฉากที่น่ารักดี พระนางกินอาหารแต่ละอย่างแบ่งปันคนละครึ่ง พี่แกกัดคำก็ส่งให้นางเอกกัดคำ พอจะกล่าวถึงฉากบนเตียงในค่ำคืนแต่งงาน ก็มีการกลั่นกรองคำที่ใช้เหมาะสมกำลังดีอ่านแล้วจั๊กกะจี้หัวใจใช้ได้ค่ะ

พอแต่งงานไปบรรดาสาวๆที่เคยชอบพระเอกก็ตามมาที่บ้านอยากเห็นหน้าคนที่เขาแต่งงานด้วย มาเจอนางเอกที่แต่งตัวธรรมดาๆเข้าก็นึกว่าเป็นคนรับใช้เลยถือโอกาสแอบถามถึงศัตรูหัวใจ พอถามอะไร (ซึ่งก็เกี่ยวกับตัวเองนั่นแหละ) นางเอกก็พาซื่อตอบตามความจริงหมด จนเริ่มทำให้สาวๆพาลหงุดหงิด บอกว่าถ้ายังตอบกวนประสาทจะพาไปตัดศีรษะซะ นางเอกก็กลัวตัวสั่น (เธอกลัวคนจะตัดหัวตัวเองมากๆ มารู้ตอนหลังว่าตัวเธอนั้นศักดิ์สูงกว่าผู้หญิงพวกนั้นอีก สามารถสั่งตัดหัวพวกนั้นได้ เธอก็ว่าถ้าตัดหัวแล้วจะกินข้าวไม่ได้ เดี๋ยวจะตายเอา -_-")

ความน่ารักของนางเอกอีกอย่างคือ เธอจดจำคำสอนของมารดาและปฏิบัติตามอย่างไม่คิดจะบิดพริ้ว "อยู่บ้านเชื่อฟังบิดา ออกเรือนเชื่อฟังสามี มีบุตรเชื่อฟังบุตร" หรือภรรยาที่ดีต้องปรนนิบัติรับใช้สามี มีบุตรให้สามี ถ้าไม่มีบุตรก็ต้องยินยอมให้สามีมีภรรยารอง ทีนี้ก็เลยเข้าล็อกของไห่จู (ตัวร้ายง่ะ) ที่ไม่ว่าจะทำยังไงพระเอกก็ไม่เคยเหลียวแล ยัยนี่เลยคิดจะทำให้โค่วเอ๋อร์ซึ่งกำลังตั้งครรภ์อยู่แท้งซะและไม่สามารถมีลูกได้อีก เธอจะได้แต่งเป็นภรรยารอง เพราะโค่วเอ๋อร์ต้องให้อ๋องฉางหนิงแต่งงานใหม่แน่เมื่อเธอมีบุตรไม่ได้

เพราะความดีของโค่วเอ๋อร์ที่ผูกมัดใจคนในบ้านไว้ พ่อครัวซึ่งได้รับยาพิษที่จะทำให้เธอมีลูกไม่ได้มาเอาไปบอกอ๋องฉางหนิง พี่แกคงโกรธจัดเลยไปโวยวายกับจักรพรรดิ (ช่างกล้า...) ว่าให้หาคนร้ายมาลงโทษ ระหว่างนั้นเขาก็พาโค่วเอ๋อร์หนีไปอยู่ที่อื่นรอจนกระทั่งเธอคลอดบุตรชายออกมา ตอนนี้นางเอกเริ่มออกลายแกล้งพระเอกบ้างแล้ว ตอนลูกชายร้องโยเย เธอก็ทำทีโกรธคุณพระเอกว่าไม่ยอมสอนให้บุตรชายให้เห็นใจคนอื่นบ้าง เอาแต่ร้องไห้ทำเสียงรบกวน (เธอว่าลูกชายต้องให้บิดาสอน ถ้าเป็นลูกสาวเธอถึงจะสอน) พระเอกก็มึนๆงงๆรู้ทั้งรู้ว่าลูกเพิ่งเกิดอายุไม่กี่เดือน จะสอนอะไรให้เข้าใจได้ แต่ก็ยอมรับผิดแต่โดยดี นางเอกเลยขำที่แกล้งพระเอกได้ อิอิ น่ารักดีค่ะ

หลังจากนั้นก็กล่าวถึงตัวร้ายในเรื่อง รวมถึงคนในครอบครัวนางเอกที่หาดีไม่ได้สักคนว่าเพราะทำอะไรเอาไว้เลยต้องเผชิญกับเคราะห์กรรมอะไรในชีวิต และก็จบท้ายตอนที่นางเอกมีลูกสาวและกำลังหลงรักกับชายหนุ่ม เธอเลยเดือดร้อนเพราะนึกได้ว่ายังไม่ได้สั่งสอนอะไรลูกสาวตัวเองอีกตั้งแยะ (ตอนจบแอบรู้สึกว่ารวบรัดจนห้วนไปสักนิด)

จุดที่ชอบในรักประดับใจนี้เป็นเรื่องของความน่ารักใสซื่อของนางเอกอ่ะค่ะ โกหกก็ไม่เป็น จนพระเอกกลุ้มใจต้องสอนให้โกหกบ้าง สุดท้ายก็ทำไม่ได้ เลยต้องให้หันมาพยักหน้ากับส่ายหน้าแทน พระเอกก็ช่างรักนางเอกมาก พอได้ยินว่าพระอัยยิกามาหานางเอกก็รีบแจ้นกลับบ้านทันทีกลัวว่าจะทำให้เธอตกใจกลัว (นางเอกขี้กลัวอ่ะค่ะ) หรือเป็นเรื่องคำสอนที่นางเอกจดจำมาจากมารดาเราอ่านแล้วรู้สึกชอบจัง หลายๆอย่างคล้ายกับคำสอนของอาม่ามากๆ แต่อย่าหวังว่าจะให้เห็นสามีเป็นพระเจ้าขนาดนั้นเลย ฮะๆๆ แค่ให้เกียรติกันก็พอ อิอิ และท้ายสุด แม้ว่าจะเป็นนิยายรักแต่ก็ยังอุตส่าห์มีเรื่องมรดกตกทอดอันได้แก่เพลงกระบี่ทลายฟ้าถล่มปฐพีซึ่งเป็นจุดเล็กๆในเรื่อง เจอตรงนี้แล้วอดนึกไม่ได้ว่า เหมือนหนังอินเดียที่ไม่ว่าจะเป็นหนังแนวไหนสุดท้ายก็ต้องมีฉากพระนางเต้นกันนั่นล่ะ!




 

Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2552   
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2552 2:13:27 น.   
Counter : 10065 Pageviews.  

แล้ว...ซากุระก็จะบาน / Kisara



แล้ว...ซากุระก็จะบาน / Kisara

เรื่องนี้อ่านมาเมื่อประมาณชาติเศษๆ และมีโอกาสได้อ่านแค่ครั้งเดียวก่อนจะต้องทิ้งมันไว้ที่เมืองไทย ไม่ได้เอาติดตัวมาด้วย แต่เพราะชอบมากๆวันนี้เลยนึกครึ้มอยากย้อนรำลึกความหลังอีกครั้ง ไม่แน่ใจว่ายังมีอะไรหลงเหลืออยู่บ้าง แต่คงไม่มากก็น้อยล่ะ ยังไงก็อยากบันทึกอะไรเก็บไว้บ้าง และเผื่อว่าใครยังลังเลไม่ตก เห็นหน้าปกสวยๆก็แล้วยังตัดสินใจว่าซื้อไม่ซื้อดีไม่ได้ซะที จะได้ช่วยตัดสินใจได้ง่ายขึ้น (ได้ข่าวว่ามันวางแผงมาจะครบปีแล้ว เหอๆๆ)

รุจิกร (นางเอกค่า) นักศึกษาสาวชาวไทยที่บินข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศญี่ปุ่น ทว่าจู่ๆทุนการศึกษาที่เคยได้รับก็หลุดไปซะงั้น เมื่อไม่ใช่เด็กทุน หอพักที่เคยอาศัยก็เตะเธอกระเด้งออกมาด้วย (เป็นหอพักที่ช่างแปลกและโหดร้าย แทนที่จะให้คนที่ไม่ได้ทุนการศึกษาพัก ว่าไหม?)

ทุนไม่มี ที่ซุกหัวก็กำลังจะไม่มี ไอ้ที่มี (เงิน) ก็ร่อยหรอลงทุกวัน ช่างเป็นช่วงชีวิตที่รันทดมากๆ อิฉันเข้าใจๆเลยค่ะ (โดยเฉพาะอันหลังสุด กะตังค์ไม่ค่อยมีเนี่ย แหะๆ) ที่บริษัทนายหน้าหาห้องเช่า เธอบังเอิญเจอกับฮาเซกาว่าซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา (พระเอกค่า) เขาก็กำลังมาหาห้องพักใหม่เช่นกัน 

นายหน้าห้องเช่าก็มีหน้าที่พาคนทั้งคู่ไปดูห้องที่มีสเป็คใกล้เคียงกับงบและความต้องการ เมื่อเห็นว่าคนทั้งคู่รู้จักกันก็เลยพาไปพร้อมกัน เธอตกใจมากตอนที่แอบเห็นตัวเลขงบประมาณค่าเช่ารายเดือนที่อาจารย์หนุ่มของเธอกรอกใส่แบบฟอร์ม เพราะมันราคาแพ้งแพง อาจารย์หนุ่มสุดหล่อเลยได้ห้องขนาดใหญ่ที่มีสองห้องนอน (พี่แกจะเอาไปหลอกคนที่บ้านว่าที่ต้องย้ายเนี่ยเพราะมีคุณแฟนแล้ว ไม่ต้องมาหาคู่ให้เขา) ส่วนนางเอกของอิฉันขอห้องที่ถูกสุด จะเก่าหรือจะโกโรโกโซแค่ไหนก็ช่าง ใช้ซุกหัวนอนได้เป็นพอ -_-" (น่าฉงฉาน)

ต่อมาพระเอกก็งานเข้าเมื่อคุณยายป่วย และตามมารยาทคุณแฟน (ซึ่งไม่มีตัวตน) ของพระเอกก็ควรจะไปเยี่ยม คนอื่นๆในครอบครัวก็อยากเห็นหน้า (ไม่แปลกหรอกค่ะ ขนาดแฟนพี่สาว แฟนน้องสาว หรือแฟนเพื่อนสนิทคนไหน ถ้ารู้ว่ามีอิฉันยังอยากเห็นหน้าเลย แล้วลูกๆหลานๆมีแฟน ใครล่ะจะไม่อยากเห็นอยากรู้จัก ใช่มะ?) ฮาเซกาว่าก็ไม่รู้จะไปหาหญิงสาวที่ไหนที่รู้จักเขารู้จักที่พักอาศัยเขามาอุปโลกน์ได้

รุจิกรนางเอกของเราก็เกิดปัญหาเหมือนกัน เธอต้องการเงินไปมัดจำค่าเช่าห้อง (เงินหมด แต่ไม่คิดจะกลับประเทศ กะจะหางานพิเศษทำ ช่างไปตายเอาดาบหน้าโดยแท้) มองซ้ายมองขวายังไม่เห็นใครพอจะช่วยได้ จู่ๆเธอก็นึกถึงหน้าอาจารย์ที่ปรึกษาขึ้นมา เป็นอาจารย์ที่ปรึกษานี่ เห็นมีกะตังค์เยอะด้วย (จำได้ตอนที่เขาใส่จำนวนเงินในงบค่าเช่าห้อง) เธอเลยอยากลองไปรบกวนเขา

พอทั้งคู่มาเจ๊อะกัน ก็เลยลงตั๊วลงตัว ฮาเซกาว่าตกลงให้รุจิกรยืมกะตังค์แต่ขอให้เธอช่วยไปแสดงตัวเป็นแฟนให้เขา (ที่มาที่ไปของการมาอยู่ร่วมกันก็เป็นดังนี้แล) แต่เรื่องมันไม่จบแค่นั้น เมื่อพ่อของพระเอกซักถามเรื่องย้ายเข้าที่พักใหม่ของคนทั้งคู่ แถมเสนอตัวจะไปช่วยขนของจากหอพักนางเอกเข้าอพาร์ตเมนท์ใหม่พระเอกอีก พอมาถึงตรงนี้แล้วมันก็ต้องเลยตามเลย

(( เขียนมาถึงตรงนี้ เพิ่งรู้ตัวว่าจดจำอะไรได้เยอะมากๆ ไม่น่าเชื่อ คงเพราะเป็นเรื่องใกล้ตัว ฮะๆๆ )) อ่ะๆ ต่อๆ ^^

รุจิกรย้ายของเข้าที่พักใหม่พระเอก พระเอกก็ไม่ลืมที่จะให้ตังค์ เธอก็รีบเอาเงินไปวางมัดจำค่าห้องใหม่ แต่พอพระเอกรู้ก็ไม่เห็นด้วย เขาเคยเห็นสภาพห้องนั้นแล้ว มันน่ากลัวและอันตรายเกินไปสำหรับผู้หญิงคนเดียว สุดท้ายก็เลยปล่อยให้การอยู่ร่วมกันนั้นเลยตามเลย (อีกครั้ง)

จากนั้นเนื้อเรื่องก็ดำเนินไปเรื่อยๆ มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่สาวแสนสวยจากเกาะโอกินาว่าเจ้าของฉายามาดอนน่าเขียนในบล็อกตัวเองว่ากำลังออกเดทกับชายหนุ่มที่มีชื่อย่อว่า H.ซัง ซึ่งทุกคนสันนิษฐานว่าจะเป็นอาจารย์ฮาเซกาว่า ประกอบกับอาจารย์ก็กลับบ้านดึกบ่อยๆ พอนางเอกชวนไปดูดอกไม้ไฟด้วยกันพี่แกก็ไม่มาตามนัดอีก (จริงๆเขาโทรมาบอกแล้ว แต่ติดต่อเธอไม่ได้ต่างหาก -_-") หรือเหตุการณ์ที่รุจิกรต้องไปบ้านเกิดพระเอกกับครอบครัวของเขาในช่วงโอบ้ง เธอไปงอนใส่เขาด้วย (แต่พระเอกก็ไม่ค่อยจะง้อเท่าไร ฮะๆๆ) เพื่อนๆของนางเอกจากเมืองไทยมาเยี่ยมและจะมาพักด้วย อาจารย์หนุ่มของเราก็เลยต้องเนรเทศตัวเองไปนอนที่อื่น (ทั้งๆที่เป็นเจ้าของห้อง)

กระทั่งใกล้เวลาที่เธอจะเรียนจบ ต้องกลับเมืองไทย รุจิกรไม่อยากกลับอยากหางานทำที่ญี่ปุ่น อยากอยู่กับพระเอก แต่พระเอกก็ไม่เห็นจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย นางเอกก็งอนๆ (ตอนนี้พระนางของเรื่องเป็นแฟนกันแล้ว แต่เป็นตั้งแต่เมื่อไร จำบ่ได้ค่ะ มันอ่านนานแล้ว...) เธอเก็บกระเป๋ากลับประเทศ แต่ก็ตั้งใจว่าจะกลับมาอีก แต่ที่บ้านไม่ให้มา แถมหาคู่ไว้ให้ด้วยแน่ะ (พล็อตนิยายไทยโดยแท้ อิอิ) ฮาเซกาว่าของเราก็เลยต้องบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาหา (ตามระเบียบ) พี่แกเข้าใจว่าพ่อของนางเอกป่วยเลยซื้อดอกไม้ไปเยี่ยมด้วย (ซื้อพวงหรีดอ่ะค่ะ ฮะๆๆ) และก็ได้คุยกับนางเอกจนเข้าใจกัน และท้ายสุด...ซากุระก็บานสมใจค่ะ จบแฮปปี้เอ็นดิ้ง ^__^

ถามว่าเรื่องนี้หวานไหม? "ไม่" อ่านแล้วฮาไหม? "ไม่" บีบเค้นอารมณ์ตอนเศร้าไหม? "ไม่" งั้น...พระเอกหื่นไหม? "ไอ้บ้า อาจารย์นะโว้ย" เอ้า งั้นโหด เถื่อน แบดบอย ยากูซ่าไหม? "เริ่มมั่วแล้วนะเอ็ง" แต่ถ้าถามว่าชอบไหม "ชอบค่า..."

เสน่ห์ของนิยายเรื่องนี้สำหรับเราคือ อ่านแล้วมันทำให้เห็นภาพชีวิตของนักศึกษาต่างชาติในประเทศญี่ปุ่นได้ดีมากๆ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ค่าครองชีพสูง ดังนั้นนักศึกษาต่างชาติจำนวนไม่น้อยต่างต้องอาศัยทุนการศึกษาด้วยกันทั้งนั้น หรือเรื่องประสบการณ์การหาที่พักอาศัย (การเช่าอพาร์ตเมนท์ในญี่ปุ่นต่างต้องผ่านนายหน้าทั้งนั้น) ที่นางเอกจะไปนอนค้างคาราโอเกะแบบโอเวอร์ไนท์ (คิดได้ไง?) เอากระเป๋าไปเก็บที่ล็อกเกอร์ในสถานีรถไฟเพื่อไม่ให้พนักงานร้านคาราโอเกะสงสัยว่าตั้งใจมานอนไม่ใช่มาร้องเพลง (สงสัยว่าคุณKisara เคยทำ อิอิ) หรือการที่พระเอกซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาจำชื่อจริงนางเอกซึ่งเป็นลูกศิษย์ผิดๆ (อันนี้จึกกับตัวเองเล็กน้อย แต่ต่างกันตรงที่อิฉันจำชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาผิด สมควรเรียนจบไหมเนี่ย -_-") ยังมีเรื่องการเขียนบล็อกซึ่งคนญี่ปุ่นชอบเหลือเกิ๊น แล้วก็การใช้ชื่อคนนู้นคนนี้เป็นอักษรย่อ และที่ฮา+โดนใจสุดคือการที่พระเอกเข้าใจมาตลอดว่านางเอกคือคนไต้หวัน อ่านตรงนี้แล้วขำกลิ้ง คิดไม่ถึงว่าคุณKisara จะหยอดมุขนี้ (คนญี่ปุ่นเป็นคนโรคจิตค่ะ ชอบคิดว่าคนไทยคือคนไต้หวัน เจอกับตัวไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว... ไทยแลนด์โว้ย ไม่ใช่ไต้หวัน)

นอกจากนั้น ถ้าใครอ่านเรื่องนี้แล้วและบอกว่าพระเอกไม่หวานเล้ย... ก็แน่ล่ะ หนุ่มญี่ปุ่นมันหวานที่ไหนกันล่ะ เย็นชาล่ะไม่ว่า ดังนั้นนายฮาเซกาว่า นายนี่แหละหนุ่มญี่ปุ่นของแท้!! อ่านตั้งแต่ต้นจนจบจะเห็นเลยว่าพระเอกไม่เคยบอกรักนางเอกเลย ซึ่งทำให้การขอนางเอกแต่งงานของพระเอกโดนใจเราเต็มๆ พี่แกบอกว่าให้นางเอกไปอยู่กับเขาและคอยรับโทรศัพท์ในนามฮาเซกาว่า กรี๊ด... (กรี๊ดทำไม?) นี่ล่ะค่ะ หวานสุดแล้ว... ฮะๆๆ

ส่วนข้อติติง (ช่างกล้า...) บางประการก็คือเนื้อเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆเฉื่อยๆสักหน่อย ยังไม่มีจุดไคลแมกซ์ที่เรารู้สึกได้ นางเอกเอะอะๆก็โทรหาน้องชายพระเอกให้ช่วยเหลือเรื่อย แต่ก็ตลกดี มีตอนที่งอนพระเอก โทรให้น้องชายพี่แกมาหา น้องชายพี่แกกลับไม่มา ฮะๆๆ (ธุระไม่ใช่นี่) แต่ก็ได้น้องชายคนนี้นี่ล่ะค่ะที่ช่วยให้พระนางของเราลงเอยกันได้ อันที่จริงแล้วน้องชายแกชอบอยู่กับเจ๊มาดอนน่า (ที่เขียนบล็อกว่าออกเดทกับ H.ซัง ซึ่งก็นายฮาเซกาว่าคนน้องนี่ล่ะค่ะ) และรู้ว่าหากเรียนจบแล้วตัวเองต้องไปอยู่โอกินาว่าเลยอยากให้พี่ชายรีบๆมีแฟน (เป็นน้องชายที่น่ารักมากๆ)

เขียนไปเขียนมารู้สึกว่าเขียนละเอียดจัง แทบไม่เชื่อว่าอ่านมาแล้วเกือบครึ่งปี เพื่อนๆอ่านมาถึงตรงนี้ก็คงงง ยายนี่มันเขียนรีวิวหรือเรื่องย่อหรือเปล่าเนี่ย ฮะๆๆ มันคือบันทึกหลังการอ่าน (เมื่อชาติที่แล้ว) ค่ะ ดังนั้นเราจึงเขียนรายละเอียดทั้งเนื้อเรื่อง อารมณ์หลังอ่าน และบทรีวิวปะๆปนๆกันไปนี่ล่ะค่ะ อิอิ

ใครเคยอ่านแล้วก็อย่าลืมมาแลกเปลี่ยนความรู้สึกกันนะคะ




 

Create Date : 25 มกราคม 2552   
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2552 2:02:04 น.   
Counter : 2649 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

nanaspace
Location :
Tokyo Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




A novelist,
Wanna be, not Born to be, though
nanaspace | Promote Your Page Too
New Comments
[Add nanaspace's blog to your web]