Fly to nanaspace... , Welcome to my place...

The Reader / Bernhard Schlink



The Reader ของ Bernhard Schlink

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หามาอ่านด้วยความบังเอิญค่ะ เริ่มจากพี่สาวที่ไม่ได้ชอบอ่านนิยายเท่าไรหลังจากดูหนังเรื่องนี้แล้วก็ฝากเราหาซื้อที่เป็นนิยายในงานหนังสือที่ผ่านมา ไอ้เราก็ถามหาอยู่หลายร้านปรากฏว่าหมดทุกร้าน ก็แปลกใจว่ามันจะสนุกแค่ไหนกันเชียว พออีกทีมาเห็นเรื่องนี้ในแผงหนังสือก็เลยคว้ามาซะเลย

คนเขียนเป็นชาวเยอรมันค่ะ ผู้ชายด้วย เนื้อเรื่องก็ดำเนินด้วยตัวพระเอก (พออ่านจบยังจำไม่ได้เลยว่าตัวพระเอกชื่อว่าอะไรซะงั้น -_-") ก่อนอื่นต้องบอกว่านิยายเรื่องนี้จบเศร้าในความรู้สึกของเราค่ะ แต่ระหว่างอ่านนั้นสนุกและคอยลุ้นดี (ก็ก่อนจะรู้ว่าจบเศร้านั่นล่ะ) ซึ่งหลังจากอ่านจบก็โทร.ไปต่อว่าพี่สาวเรียบร้อยแล้ว จบเศร้าทำไมไม่บอก!! บังเอิญว่าเรามันพวกสุขนิยมน่ะค่ะ เลยแอบเซ็งเล็กน้อย

เหตุการณ์ในนิยายเกิดขึ้นในประเทศเยอรมันค่ะ ตอนที่พระนางเจอกันครั้งแรก พระเอกอายุแค่สิบห้า ส่วนนางเอก (ชื่อฮันน่า) ล่อไปอายุสามสิบ กินเด็กโดยแท้ เริ่มจากระหว่างทางที่พระเอกกำลังกลับจากโรงเรียนนั้น อาการไม่สบายเกิดกำเริบ (พี่แกไม่ค่อยแข็งแรง) และฮันน่าได้เข้ามาช่วยเหลือ พอพระเอกหายดีก็ตามไปขอบคุณ ในวันที่ได้มาเจอกันอีกครั้ง ภาพที่พี่แกแอบไปเห็นฮันน่าวางเท้าบนเก้าอี้กำลังสวมใส่ถุงหน่องอยู่เกิดติดตาและคงติดใจด้วย (มาคิดๆมันก็แอบเซ็กซี่ดีนะท่านั้น) ก็เลยไปหาอีก จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มมีความสัมพันธ์กัน

เนื้อหาที่เขียนแอบอิโรติกเล็กน้อย แต่ไม่น่าเกลียด หลายครั้งที่ฮันน่าจะอาบน้ำเช็ดตัวให้พระเอกเหมือนเด็กๆ อย่างที่เธอใช้ศัพท์เรียกพระเอกว่า kid! (เราถึงจำชื่อพระเอกไม่ได้) ดูเหมือนนางเอกจะไม่ค่อยสนใจอยากรู้เรื่องส่วนตัวของพระเอกเท่าไรด้วย สิ่งที่เธอสนใจกลับเป็นเรื่องเรียนของเขา เราคิดว่าพระเอกนั้นค่อนข้างลุ่มหลงในตัวฮันน่าไม่น้อย กลัวเธอจะโกรธ กลัวเธอจะไม่พอใจ อย่างตอนที่นางเอกรู้ว่าเขาโดดเรียนมาหา ก็โกรธ พระเอกก็ไม่ทำอีก แถมยังเคยขนาดขโมยเสื้อผ้าในห้างสรรพสินค้าไปให้เธอด้วย บ่อยครั้งที่ฮันน่าชอบให้เขาอ่านหนังสือให้ฟังก่อนมีอะไรกันเสมอ (หนังสือพวกนั้นดูเหมือนจะเป็นพวกปรัชญาน่ะ เราก็ไม่รู้จักเท่าไร)

แต่จะว่าไปทั้งคู่ก็มีปากเสียงกันเรื่อย อารมณ์ของฮันน่าค่อนข้างแปลกๆ เหมือนขึ้นๆลงๆ พอพระเอกขึ้นม.ปลาย (ถ้าจำไม่ผิด) ในห้องเรียนเริ่มมีนักเรียนหญิง เหมือนพี่แกเริ่มออกห่าง แอบไปกุ๊กกิ๊กกับเพื่อนผู้หญิงอีกคน แล้วอยู่มาวันนึง ฮันน่าก็หายตัวไป เขาออกตามหา ไปหาที่พัก ไปหาที่ที่ทำงานก็ไม่พบ ท่าทางจะหัวเสียอยู่พักใหญ่เหมือนกันแต่แล้วชื่อฮันน่าก็เหมือนจะถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา

ทั้งคู่มาเจอกันอีกครั้งสมัยที่พระเอกกลายเป็นนักศึกษากฏหมายในมหาวิทยาลัย และมาเข้าฟังการสืบสวนคดีในศาล คดีในเหตุการณ์ช่วงสงครามนาซีกวาดล้างพวกยิว ซึ่งเมื่อตอนเกิดเพลิงไหม้ในโบสถ์ที่ขังนักโทษชาวยิว ไม่มีใครปล่อยพวกเขาออกมา ทำให้ต้องหาตัวคนกระทำผิด และจำเลยก็คือผู้คุมนักโทษในสมัยนั้น และฮันน่าก็คือหนึ่งในจำเลย (ช่วงสงครามนาซีนั้นเป็นเหตุการณ์ก่อนที่พระนางจะเจอกันด้วย)

ช่วงสืบคดีในศาลหลายเดือนนั้นพระเอกจะเข้าฟังทุกครั้ง การตอบคำถามของฮันน่าม้กจะวกไปวนมา เหมือนสับสนอะไรหลายอย่าง หลายครั้งเธอก็พยายามต่อสู้ให้กับตัวเอง แต่หลายครั้งก็เหมือนยอมแพ้ ไม่ช่วยเหลือตัวเองเท่าไร ตอบอะไรตรงไปตรงมาอย่างซื่อๆ อย่างพอศาลถามว่าทุกครั้งที่มีขนถ่ายนักโทษคนเก่าออก คนใหม่มา รู้หรือเปล่าว่าพวกคนเก่าที่ผู้คุมเลือกออกไปน่ะจะถูกนำไปฆ่าทั้งหมด เธอก็ตอบตามตรงว่ารู้ ซึ่งไม่เป็นประโยชน์กับจำเลยคนอื่นๆไปด้วย บางคนก็บอกว่าเธอประสาท ตอนกลางคืนชอบเรียกนักโทษผู้หญิงเด็กๆเข้าไปในห้อง พอถามนักโทษก็บอกแค่ว่าให้ไปนั่งอ่านหนังสือให้ฟัง (ประมาณว่าไม่เชื่อหรอกว่าเป็นเช่นนั้น เธอน่าจะเป็นเลสเบี้ยนไรงี้)

ต่อมาเมื่อศาลเอ่ยถึงรายงานฉบับหนึ่งซึ่งมันขัดกับความจริงและถามหาว่าใครเป็นคนเขียน ฮันน่าก็บอกว่าเธอไม่ได้เขียน จำเลยคนอื่นๆก็บอกว่าไม่ได้เขียน ศาลเลยบอกว่าจะใช้วิธีตรวจสอบลายมือ ซึ่งพระเอกคิดว่ามันตลก เปรียบเทียบลายมือเมื่อสมัยโน้นกับตอนนี้มันจะไปทำอะไรได้ แต่แล้วจู่ๆฮันน่าก็กลับยอมรับว่าเธอเป็นคนเขียนรายงานฉบับนั้นซะเอง จำเลยคนอื่นๆเลยได้ทีเห็นว่ายัยนี่โง่รับไปแล้วก็ใส่ไฟกันใหญ่ บอกอีกว่าเธอเป็นหัวหน้านักโทษด้วย โทษที่ฮันน่าได้รับเลยกลายเป็นจำคุกตลอดชีวิต ในขณะที่ของคนอื่นๆคือจำคุกแค่ไม่กี่ปี (จำตัวเลขไม่ได้อีกนั่นแหละ)

อันที่จริงตลอดเวลาในการสืบคดีชั้นศาลนั้น หลายครั้งพระเอกก็พยายามจะไม่ใส่ใจ แต่ก็ตัดเรื่องของนางเอกออกไปไม่ได้ เรื่องในอดีตผลุบขึ้นมาเรื่อย พอมาคิดๆย้อนหลังเขาก็ได้ข้อสรุปกับตัวเองว่าฮันน่าไม่ใช่คนเขียนรายงานฉบับนั้นแน่ ในอดีต ฮันน่าชอบให้เขานั่งอ่านหนังสือให้ฟัง หรือมีอยู่ครั้งที่เขาเคยเขียนโน้ตใส่กระดาษทิ้งไว้ให้ แต่ฮันน่ากลับโกรธยกใหญ่และบอกว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น และยังเรื่องที่ได้ยินในศาลอีก ที่เธอตอบคำถามแต่ละอย่างไม่เอื้อประโยชน์ให้ตัวเองเลย พระเอกคิดว่าเพราะเธออ่านรายละเอียดที่ทนายความบอกวิธีการตอบคำถามอะไรต่างๆไม่ออกจึงไม่รู้ และก็ที่มีคนบอกว่าเธอก็ชอบให้นักโทษมาอ่านหนังสือให้ นั่นหมายความว่าแท้ที่จริงแล้วฮันน่าเขียนและอ่านหนังสือไม่ได้! และเธอจึงไม่ใช่คนเขียนรายงานฉบับนั้นแน่นอน! แม้ว่าการที่เธอไม่ใช่คนเขียนรายงานจะไม่ทำให้เธอหลุดพ้นจากคดี แต่ว่าโทษที่เธอได้รับไม่ควรจะถึงขนาดจำคุกตลอดชีวิต

พระเอกเริ่มคิดหนักอีกว่าควรทำอย่างไร บอกความจริงนี้ออกไปหรือปล่อยให้มันเป็นไปตามทางที่เธอเลือก เพราะเขาไม่เข้าใจว่าการปกปิดว่าอ่านเขียนหนังสือไม่ออกมันจะมีค่ามากกว่าการต้องใช้ชีวิตในคุกตลอดไปได้อย่างไร เขาปรึกษาพ่อ ปรึกษาผู้พิพากษาคดี ก็ได้ข้อคิดอะไรมาหลายอย่าง คนเรานั้นให้ความสำคัญกับเรื่องบางอย่างไม่เหมือนกัน เราอาจมองว่ามันเป็นเรื่องเล็ก แต่คนอื่นอาจคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ก็ได้ สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้ออกไป เขาพยายามตัดใจลืมเธอ ไม่สนใจเรื่องของเธออีก แต่งงานมีลูกก็แล้ว แต่มันก็ยังทำไม่ได้ สุดท้ายก็หย่าเพราะไปกันกับภรรยาไม่ได้ (ตลอดเวลาที่พระเอกพยายามไม่สนใจฮันน่า เราอ่านแล้วแอบสงสารนางเอกมากมาย T_T)

เมื่อหย่าขาดกับภรรยา เขาก็กลับมาที่บ้านเก่า มาเห็นหนังสือที่เคยอ่านให้ฮันน่าฟังก็ตัดสินใจ ตั้งต้นอ่านหนังสือดีๆอัดใส่เทปแล้วส่งไปให้เธอในคุกได้ฟัง อยู่มาวันนึงเขาก็ได้จดหมายเป็นลายมือแบบเด็กๆหัดเขียนจากฮันน่า เขารู้ว่าเธอเริ่มต้นหัดคัดลายมือแล้ว และเหตุการณ์ก็เป็นเช่นนั้นอยู่หลายปี คือเขาก็อ่านหนังสือและอัดใส่เทปส่งไปให้ ฮันน่าก็เขียนจดหมายมาหาสั้นๆ ลายมือก็พัฒนาเป็นผู้เป็นคนขึ้นเรื่อยๆ (พระเอกมารู้ตอนหลังว่า ฮันน่าใช้วิธีไปยืมหนังสือเล่มเดียวกันจากห้องสมุดมาเปิดเทียบกับเสียงของพระเอก และฝึกเขียนด้วยตัวเอง)

กระทั่งมาวันนึงพระเอกได้รับการติดต่อจากผู้คุมนักโทษว่าฮันน่ากำลังจะได้ออกจากคุก ที่ต้องบอกเขาเพราะเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนๆหนึ่งใช้ชีวิตในคุกมาหลายสิบปีจะออกมาใช้ชีวิตนอกรั้วเรือนจำได้ และเห็นว่าพระเอกเป็นคนเดียวที่ติดต่อกับนางเอกอยู่ และในจดหมายนางเอกคงไม่เคยบอกถึงเรื่องที่เธอจะได้ออกมา ผู้คุมเลยต้องเป็นคนบอกเขา พระเอกก็เริ่มกลุ้มใจอีก อ่านแล้วรู้สึกเหมือนพระเอกไม่อยากให้นางเอกออกมายังไงไม่รู้ (เศร้าอีกตรู T_T) เหมือนกับพระเอกไม่อยากเจอ ไม่อยากเผชิญหน้ากับฮันน่า เพราะเขาคิดว่าตัวเองเคยทำผิดกับเธอเมื่อครั้งที่พยายามจะตีตัวออกห่างไปกิ๊กๆกับเพื่อนใหม่ หรือเมื่อวันที่เธอมาหาเขาที่สระว่ายน้ำที่โรงเรียน (ทั้งๆที่ไม่เคยมาหา) เขาเห็นเธอแล้วแต่ไม่คิดจะลุกไปหา และวันนั้นเป็นวันสุดท้ายก่อนเธอจากไป พระเอกรู้สึกเหมือนติดค้างเธอ ตลอดเวลาที่เธออยู่ในคุก พี่แกก็ไม่เคยไปเยี่ยม ไม่เคยเขียนจดหมายไปหา คอยส่งแต่เทปที่อัดเสียงอ่านหนังสือไปให้ แต่เมื่อเธอจะออกจากคุก เขาก็เลยต้องเตรียมหาที่พัก หางานให้นางเอก แต่ก็ไม่คิดจะให้เธอมาอยู่ด้วยกัน (เหมือนผลักเธอออกไปไม่ได้ แต่ก็ให้เธอมาใช้ชีวิตร่วมกันไม่ได้อีก)

พอผู้คุมถามว่าเขาจะมาเยี่ยมเธอไหม พี่แกก็พยายามบ่ายเบี่ยงเลี่ยงๆออกไป แต่สุดท้ายก็ต้องมาหา เพียงไม่กี่วันก่อนเธอจะได้ออกจากคุก พี่แกก็ยังทำเย็นชาใส่นางเอก ทั้งคู่ได้มีการเล่าชีวิตให้ฟัง ฮันน่าจึงรู้ว่าเขาแต่งงานมีลูกแล้ว แต่ก็หย่ากันแล้ว แต่เมื่อพอมาถึงวันที่เธอจะได้ออกจากคุก ปรากฏว่านางเอกผูกคอฆ่าตัวตายในห้องพัก (โอ้....... อ่านแล้วอึ้งอย่างแรง) เกือบคิดว่าจะจบดีแล้วเชียว นี่มันอะไรกันเนี่ย

เราคิดว่าที่นางเอกฆ่าตัวตาย (ต้องใช้คำว่า"คิด" เพราะพระเอกเป็นตัวดำเนินเรื่องจึงไม่รุ้ความคิดของนางเอก) เพราะเธอน้อยใจในตัวพระเอกที่เย็นชา ไม่สนใจเธอเท่าไร จึงไม่อยากออกมาใช้ชีวิตข้างนอกอีกต่อไป เพราะเรารู้สึกว่ามันไม่มีเหตุผลอื่นที่เธอจะฆ่าตัวตายแล้วนี่ หรือไม่ก็อาจคิดว่าได้พูดคุยกับพระเอกสักครั้งก็เพียงพอแล้วในชีวิตนี้ ยังไงก็ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้เลยตายดีกว่า (เศร้าอย่างแรงค่ะ)

ในเรื่องยังไม่จบดี ยังมีเล่าเหตุการณ์หลังจากนั้นอีกนิดหน่อยว่า ผู้คุมนักโทษฝากกระป๋องชาเล็กๆของฮันน่าให้กับเขา (เหมือนเป็นสมบัติชิ้นเดียวของเธอ) กระป๋องพวกนี้เด็กๆมักจะเก็บของมีค่าไว้ และในนั้นเป็นเงินเจ็ดพันมาร์ค เธอฝากเขาไปให้กับนักโทษชาวยิวที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ในตอนนั้น ซึ่งเขาก็เอาไปให้ แต่ผู้หญิงคนนั้น (นักโทษน่ะ) กลับไม่รับ และพูดทำนองว่ากระป๋องนี้เป็นของเธอเอง แต่ฮันน่าเอาไป เธอไม่กล้ารับเงิน เพราะของที่ใส่ในกระป๋องพวกนี้มักเป็นของมีค่าที่สุด ซึ่งถ้าเป็นเด็กๆอาจเป็นแค่ตั๋วดูหนัง หรือขนลูกหมาลูกแมวสักตัวก็ได้ แต่เธอขอแค่กระป๋องคืนเท่านั้น พี่แกเลยเอาเงินไปบริจาคให้กับองค์กรเด็กที่อ่านเขียนหนังสือไม่ออกในชื่อฮันน่า (เราแอบคิดว่าตรงประเด็นเรื่องกระป๋อง มันยังสื่อในเรื่องของความลับ สิ่งที่มีค่าของคนแต่ละคนอีกด้วย)

สุดท้ายเรื่องนี้ เศร้าค่ะ (อย่างที่บอก) แต่หลังจากหายเศร้าก็รู้สึกว่าเป็นนิยายที่น่าอ่านและน่าคิดตามมากๆ ตัวพระเอกมักจะมีความขัดแย้งตลอดเวลาจนน่าลุ้นว่าพี่แกจะเอายังไง (ฮะๆๆ) อย่างตั้งแต่รู้ว่าจะบอกความจริงเรื่องนางเอกเขียนหนังสือไม่ได้ดีไหม สิ่งที่นางเอกปกปิดเขาสมควรเปิดเผยออกมาเหรอ หรือหลายครั้งที่เขาพยายามจะผลักนางเอกออกจากชีวิต แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ ช่วงที่นางเอกอยู่ในคุกเขาไม่เคยไปเยี่ยมไม่เคยเขียนจดหมายหา แต่กลับส่งเทปที่อ่านหนังสือออกเสียงแล้วอัดไว้ไปให้ และยังให้ข้อคิดเกี่ยวกับความถูกต้องความยุติธรรมของกฏหมายกับศีลธรรมในความเป็นจริง โดยเฉพาะทางเลือกของนางเอกในเหตุการณ์ช่วงสงครามนั้น อย่างตอนที่ศาลถามว่าทำไมถึงไม่มีใครคิดถึงนักโทษในคุก ทำไมไม่มีใครเอากุญแจไปปลดล็อกให้พวกเขาออกมา คนอื่นๆตอบว่าเพราะตกใจกัน แต่เธอกลับย้อนถามว่า แล้วถ้าเป็นคุณคุณจะทำยังไง (ทุกคนอึ้งกันถ้วนหน้า) ประมาณว่ามันเป็นหน้าที่ของเธอที่ต้องคุมนักโทษ ถ้านักโทษหลุดออกมาแล้วใครจะรับผิดชอบ (ซึ่งเราคิดว่าสงครามแบบนี้ถ้าจะโทษมันก็ต้องโทษชาวเยอรมันกันทุกคน ไม่ใช่มาให้ผู้คุมนักโทษหญิงไม่กี่คนแบบนี้)

สรุปอ่านแล้วแอบเศร้า แต่ก็เป็นนิยายที่น่าอ่านมากค่ะ อ่านจบแล้วแอบอยากไปหาซื้อดีวีดีมาดู เพราะได้ยินมาว่าเคท วินสเลทแสดงดีด้วย


Create Date : 22 พฤษภาคม 2552
Last Update : 22 พฤษภาคม 2552 15:19:19 น. 8 comments
Counter : 1932 Pageviews.  

 
เราอ่านเรื่องนี้ทีไรก็เศร้าทุกทีเลย
สงสารพระเอก สงสารฮันนา


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 22 พฤษภาคม 2552 เวลา:15:55:18 น.  

 
อืมม์..เราไม่คิดว่าฆ่าตัวตายเพราะจะไม่สมหวังกับพระเอกหรือเพราะว่าพระเอกเย็นชาใส่น่ะค่ะ

มันเป็นเรื่องของปมบางอย่าง ที่มันยิ่งใหญ่น่ะ มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี...เราอ่านแล้วรู้สึกอย่างนั้นนะคะ

แต่อ่านเรื่องนี้แล้วสะเทือนใจอย่างแรงเช่นกันค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 22 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:24:34 น.  

 
เล่าละเอียดจัง...เราอ่านข้ามๆ เพราะว่ายังไม่ได้อ่านเรื่องนี้เลย
ว่าจะอ่านก่อนดูหนัง

หนังออกโรง มาเป็นแ่ผ่น ได้มาแล้ว...แต่ก็ยังไม่ได้อ่านหนังสืออยู่ดี


โดย: นัทธ์ วันที่: 22 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:05:15 น.  

 
น่าสนใจค่ะเรื่องนี้ จะหามาอ่าน


โดย: กุลธิดา IP: 151.213.96.207 วันที่: 23 พฤษภาคม 2552 เวลา:0:56:53 น.  

 
เรื่องนี้มีคนรีวิวเยอะแล้ว แต่...หวานเย็นก็ไม่ได้อ่านสักที


โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 28 พฤษภาคม 2552 เวลา:17:09:20 น.  

 
ไม่ชอบเท่าไหร่


โดย: คนขับช้า วันที่: 3 มิถุนายน 2552 เวลา:21:45:20 น.  

 
หามาอ่านแน่นอนค่ะสำหรับ the Reader


โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 6 มิถุนายน 2552 เวลา:13:16:02 น.  

 
คิดเหมือนคุณสาวไกด์ค่ะ
ว่ามันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี .. เหมือนกับที่ยอมติดคุกแต่ไม่ยอมรับว่าไม่รู้หนังสือ

อ่านแล้วเฉาไปหลายวันเลยค่ะ


โดย: ปลายทางของสายรุ้ง วันที่: 28 ธันวาคม 2553 เวลา:16:41:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nanaspace
Location :
Tokyo Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




A novelist,
Wanna be, not Born to be, though
nanaspace | Promote Your Page Too
New Comments
[Add nanaspace's blog to your web]