Fly to nanaspace... , Welcome to my place...

A Walk to Remember


Recently, I met someone 'once' special by chance in this cyber world. It's over ten years without any contacts, but something reminded me of him within a second. My feeling sounded like I've got my lost thing back unexpectedly ...and 'that thing' is my youth memory. It was not a 'forgotten' memory, but a really 'lost' remembrance!! And now I found it.

While my daily life is concentrated solely on the present days and the coming future, my childhood has been gradually faded away in time space. That I re-met him, recalled me our shared young stories. I feel as if I am surrounded by something very clean and soft, and walking along the road, heading back to the past.

...I saw myself as a sixth grade student in braided pigtails hair style, wearing school dress (long sleeve white shirt and knee length blue skirt.) He was also in student standard boy's hair and uniform, standing beside the school wall and looking at me. That was the first time we met...

...Despite one year older, I had never been considered as his senior. He tried a lot to challenge me to a run race in our 'first' conversation and really did it every after day. Although that annoyed me, it somehow amused me very much. We had never gently talked, but argued with a smile on our face. He always teased me in everything and I returned him a slap for every time. Though this ended with his light pains and my big laughs, it happened once and again...

As the way we treated each other, I could not classify him as my friend at all, but 'old friend' is the best word for calling him right now. In spite of ten years, I didn't see any changes in his look. However, because of ten years, I feel something toward him changed.

Okay bro, you know who you are!! If you are reading this story (It's a very minute chance though, I hope not), I won't tell you that I am looking forward to seeing you again in someday because I really don't mean it. Just knowing you are fine, I am very satisfied. However, what I want to tell you is that 'Thank you for coming into my life. You really made my youth beautiful, and it always will ...because of you.'




 

Create Date : 19 ธันวาคม 2550   
Last Update : 19 ธันวาคม 2550 19:10:38 น.   
Counter : 820 Pageviews.  

อุปสรรคอย่างที่หนึ่ง...ภาษา

หลังจากที่เราหยุดโพสต์นิยายไปหลายวัน เพราะอยู่ในช่วงสอบ หลายคนอวยพรให้เรา ก็รู้สึกดีใจ และอยากขอบคุณจริงๆค่ะ

วันนี้ก็เลยอยากเล่าและระบายเกี่ยวกับการเรียนที่นี่ให้เพื่อนๆฟัง



เทอมที่ผ่านมาเราลงเรียนไป 4 วิชา สองวิชาสอนเป็นภาษาอังกฤษ (อันนี้ไม่มีปัญหา) อีกสองวิชาสอนเป็นภาษาญี่ปุ่น (อันนี้...ไม่ค่อยมีปัญญา ฮะๆ)

สองตัวแรกไม่ขอพูดถึง

ปัญหามันอยู่ที่สองตัวหลัง อย่างที่บอกไว้ อุปสรรคของเราก็คือ ภาษา

เวลาเรียนเราไม่เคยขาด และไม่อยากโม้ด้วยว่า ตัวอักษรทุกตัวที่อยู่บนกระดานดำมีอยู่ในสมุดโน้ตเราหมด

แต่คำอธิบายต่างๆที่ออกจากปากอาจารย์ เราฟังไม่รู้เรื่องซักกะคำ

ทีงี้ทำไงล่ะ ก็ต้องหาหนังสือมาอ่านเอง และเล่มหลักก็เป็นของที่อาจารย์เขียน ....ภาษาญี่ปุ่นอีกนั่นแหละ

ไม่เป็นไร ช้าเร็วก็ต้องอ่าน เราจัดการหาหนังสือมาครอบครองทันที

โห ไม่อยากบอก รู้สึกว่าตัวเองเจ๋งมาก ที่มีเท็กส์เรียนเป็นภาษาญี่ปุ่น (อ่านรู้เรื่องหรือเปล่าอีกเรื่อง ฮะๆ)

อาจารย์สอนๆไป แป๊บๆถึงบท 3 ไอ้เรายังอยู่หน้า 3 ไม่จบซักกะที

ผ่านไปอีกสองสัปดาห์ อาจารย์ไปบท 6 เรายังวนเวียนอยู่หน้า 3 เหมือนเดิม ฮะๆ

ยิ่งผ่านไปยิ่งทิ้งช่วงห่างมากขึ้น

เพราะอะไร? แน่นอนอย่างที่บอก ภาษานั่นแหละ ก็มันอ่านรู้เรื่องที่ไหนกันล่ะ

อ่านไปเปิดดิกไป บรรทัดเว้นบรรทัด ก็หงุดหงิดสิอ่านไม่ต่อเนื่อง แถมเปิดดิกแล้วไม่เจอก็มี เพราะเป็นศัพท์เทคนิค ก็ต้องใช้พลังจิตเข้าช่วย ฮะๆ

และแน่นอนที่สุด ต่อให้เปิดดิกครบทุกคำแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณจะสามารถแปลประโยคนั้นได้ อันนี้ต้องใช้พลังจิตขั้นสูง

ยิ่งเรียนก็ยิ่งท้อ พยายามให้กำลังใจกับตัวเอง เปรียบเทียบกับภาษาอังกฤษ ที่เรียนมาเป็นสิบๆปี บางครั้งยังฟังเค้าพูดไม่รู้เรื่องเลย และนับประสาอะไรกับภาษาที่เพิ่งมาเรียนได้ไม่นาน

คิดแบบนี้ได้ก็สบายใจขึ้น หันมาลั่นล้าแทน ก็มันไม่มีอะไรกดดัน มันก็ไม่มีไฟน่ะสิ

แต่พอช่วงใกล้สอบมาเยือนเริ่มเดือดร้อนอีกครั้ง จากที่ไม่มีไฟ กลายเป็นไฟล้นก้นแทน ฮะๆๆ

หันมาตั้งใจอ่านมากขึ้น (เป็นช่วงที่หยุดโพสต์นิยาย) ช่วงนี้นอนเกือบตีสี่ทุกวัน (แต่ก็ตื่นเกือบเที่ยง)

สุดท้ายก็สามารถอ่านจบ

พอรู้มาว่า ไม่สามารถเอาดิกเข้าห้องสอบได้ เริ่มเดือดร้อนอีกครั้ง (กลัวอ่านโจทย์ไม่รู้เรื่อง) เลยแอบไปบอกอาจารย์ว่า ช่วยวงเล็บคำแปลศัพท์ยากๆให้ด้วย

และแล้ววันสอบมาถึง (คืนก่อนนั้น นอนไม่หลับ ตื่นเต้นมาก ร้อนวิชา ฮะๆๆ )

ไปห้องสอบผิด!!!!

....เราพิมพ์ไม่ผิดหรอก วันนั้นเราไปห้องสอบผิดจริงๆ

ห้องที่ใช้เรียนประจำกับห้องสอบมันเป็นคนละห้องกัน ไอ้เราก็ไม่รู้ (ก็บอกแล้วว่าฟังอาจารย์ไม่รู้เรื่อง ) ก็ไปห้องที่ใช้เรียนประจำสิ

จนกระทั่งถึงเวลาสอบ เริ่มเอะใจ ทำไมไม่มีคนมาเลย และด้วยความฉลาด (แต่ช้า) ก็คิดได้ว่า สงสัยห้องสอบไม่ใช่ห้องนี้แน่ และ...มันก็ไม่ใช่ห้องนี้จริงๆ

วิ่งหอบแฮกๆมาอีกตึก เปิดเข้าห้องไปด้วยความอาย (ต่างชาติยังไม่เจียม)

แต่พอเห็นข้อสอบก็ค่อยสบายใจ อาจารย์น่ารักมากค่ะ ไม่ได้แค่วงเล็บศัพท์มาให้เท่านั้น แต่เขียนโจทย์เป็นภาษาอังกฤษมาให้เลย (ต้องขอบคุณอาจารย์จริงๆ )

เลยหมดปัญหาเรื่องการอ่านโจทย์ไป

ปัญหาใหม่มาแทน....

เราอ่านหนังสือภาษาญี่ปุ่นมา และแปลความเป็นภาษาไทยในหัว แต่เราต้องเขียนตอบเป็นภาษาอังกฤษ (อันนี้มัดมือชกอาจารย์ ถ้าจะใจร้ายไม่ตรวจก็ให้มันรู้ไปสิ)

กระดาษคำตอบเราวันนั้นเลยปะปนกันไปหมด ภาษาอังกฤษ แต่มีการวงเล็บศัพท์ญี่ปุ่น ภาษาญี่ปุ่น แต่มีวงเล็บศัพท์อังกฤษ ฮะๆๆ (ดีไม่มีภาษาไทยด้วย)

ก็กลัวความหมายมันคลาดเคลื่อนนี่นา คำศัพท์มันไม่ได้แปลกันได้คำต่อคำ

วันนั้นออกจากห้องสอบด้วยความรู้สึกหวิวๆ ยกภูเขาออกจากอกและกองไว้หน้าห้องสอบ กลับมาแต่งนิยายต่อ ฮะๆๆๆ

บางคนอาจสงสัยว่า และอีกวิชานึงล่ะ อ่านหนังสือและสอบเป็นยังไงบ้าง

ก็อยากบอกว่า วิชานั้น.....ถอนไปแล้ว ก๊าาาก (สาเหตุไปอ่านได้ที่หน้า When Nana was tagged !! ในความลับที่ 3 ค่ะ อิอิ )




 

Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2550   
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2550 5:53:57 น.   
Counter : 644 Pageviews.  

เบื่อกันหรือยังกับนิยายแบบนี้

อยากถามความเห็นเพื่อนๆคอนิยายทั้งหลายด้วยคำถามนี้ค่ะ

เพื่อนๆเบื่อกันหรือยังคะ กับนิยายประเภทที่จบลงแบบมีเรียกค่าไถ่ หรือมีการยิงกัน และตีรันฟันแทงทั้งหลาย

สำหรับเรา ยอมรับเลยว่า เริ่มเบื่อแล้ว

อย่า...

ขอร้องล่ะค่ะ

อย่าเพิ่งว่าเรา ฟังเหตุผลเราซักนิดนะ

เรารู้สึกเหมือนกับว่า เรื่องเขียนมาก็ยาวแล้วพระเอกกับนางเอกไม่ลงเอยกันซะที คนแต่งไม่รู้จะให้เรื่องมันจบแบบไหนถึงจะซึ้งกินใจ ประทับไว้ในซึ่งความทรงจำ 365 วัน ก็เลยให้จบแบบนี้ซะ

หลายเรื่องเราอ่านๆ สนุกมาก พล็อตก็เจ๋ง สไตล์การเขียนก็เริ่ด แต่พอถึงตอนจบ ดันมียิงกันซะนี่ อดคิดไม่ได้ว่า มันเน่าเจงๆๆ ก็แอบเซ็งเล็กน้อย

นิยายที่เราหมายถึงเหล่านี้ ก็พวกพระเอกโดนยิง หรือไม่ก็นางเอกโดนยิงทั้งหลาย

เราจะลองสรุปให้เพื่อนๆฟังนะว่า มันน่าเบื่อขนาดเดาเรื่องได้ขนาดไหน

กรณีพระเอกโดนยิง

กรณีนี้จะเป็นประเภทนางเอกกับพระเอกรักกัน แต่ไม่เข้าใจกัน หรือไม่ยอมรับความจริงซะที

แต่พอพระเอกโดนยิง (50% มาจากการรับลูกกระสุนแทนนางเอก) นางเอกถึงยอมรับกับตัวเองได้ว่ารักพระเอก

ระหว่างเฝ้าไข้พระเอก นางเอกก็จะพร่ำบอกกับพระเอกว่า เค้ารักตัวเองนะ ฟื้นซะที

และแน่นอนว่าพระเอกย่อมไม่ตาย ไม่ว่าจะโดนยิงสาหัสแค่ไหน ก็สามารถฟื้นขึ้นมาได้ด้วยเหตุผลร้อยแปดพันเก้า

พอฟื้นขึ้นมา ถึงจะรักกันได้ และก็จบแฮปปี้เอนดิ้ง เย่

กรณีนางเอกโดนยิง

อันนี้เป็นกรณีส่วนใหญ่

เรื่องนี้นางเอกจะค่อนข้างน่าสงสาร ชีวิตรันทดเล็กน้อย ฮะๆๆ

เพราะพระเอกจะเป็นฝ่ายมีความแค้นกับนางเอก (80%เป็นความแค้นจากรุ่นพ่อรุ่นแม่รุ่นญาติโกโหติกา, 10%เป็นความแค้นจากพี่หรือน้อง และอีก10%จะแตกต่างกันไปตามความสามารถที่ผู้เขียนจะคิดขึ้นมาได้ ฮะๆๆ)

ตอนนางเอกมีชีวิตอยู่พระเอกก็จะคอยตามรังควาน กลั่นแกล้งทุกวิถีทาง ด่าสาดเสียเทเสีย

นางเอกประมาณ 60% จะเป็นคนดี และแบกรับความแค้นไว้กับตัว ฮะๆๆ

แต่พอนางเอกโดนจับไปเรียกค่าไถ่ พระเอกก็จะรีบแจ้นมาช่วยทันที (99.99%สาเหตุเกิดจากผู้ร้ายต้องการล่อพระเอกออกมานั่นแหละ)

และไม่รู้ว่าพระเอกแจ้นไปช่วยนางเอกอีท่าไหน สุดท้ายนางเอกก็โดนยิงอยู่ดี ฮะๆๆ

ตอนนี้ ฉากในเนื้อเรื่องจะตัดมาที่โรงพยาบาลหน้าห้องฉุกเฉินทันที (หรือเพื่อนๆว่าไม่จริง)

ตัวละครที่เหลือ (ที่ยังมีชีวิตอยู่) จะมารวมตัวกันที่นั่นโดยมิได้นัดหมาย ฮะๆๆ

ส่วนพระเอกก็จะจิตใจกระวนกระวาย เฝ้ารอแต่ให้นางเอกฟื้น

เสื้อผ้าและมือก็เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดนางเอก ใครบอกให้กลับบ้านไปพักก็จะไม่ไป จะเฝ้านางเอกมิยอมห่างกาย แทบจะยอมตายแทนนางเอกได้ทีเดียว ฮะๆๆ

ตอนนี้ พระเอกจะขอบตาคล้ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิง หนวดเคราเริ่มขึ้นรุงรัง เสื้อผ้าชุดเดิมสามวันไม่เปลี่ยน (ซกมกมากๆ)

รอๆๆ รอแต่นางเอกจะฟื้นขึ้นมา เพื่อบอกว่า ผมผิดไปแล้ว ยกโทษให้ผม ผมรักคุณ โอ้ที่รักของผม ฮะๆๆ

และแน่นอน เพราะเป็นนางเอก นางเอกย่อมไม่ตาย เธอก็จะฟื้นขึ้นมาด้วยอำนาจแห่งปาฏิหารย์ที่ผู้เขียนจะบันดาลให้แก่เธอ

ประมาณ 70% นางเอกในนิยายประเภทนี้จะตื่นมาพบกับความเศร้า เพราะหมอจะบอกว่า เธอสูญเสียลูกในท้องไป (พระเอกจะแอบปล้ำนางเอกไปเรียบร้อยแล้ว อิอิ)

แต่ไม่เป็นไร ถึงตอนนี้พระเอกจะขอนางเอกแต่งงงาน และบอกว่า เราจะมีลูกกันใหม่ ซึ้งซะไม่มี

และสุดท้ายก็จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ฮะๆๆ



เฮ่อ สาธยายมาตั้งแยะ เพื่อนๆเคยอ่านนิยายที่เจอแบบนี้บ้างไหมคะ

เรารู้สึกว่า เราเจอบ่อยยังไงไม่รู้

เราว่า มันออกจะนิย้ายนิยายยังไงไม่รู้ ก็อย่างว่า มันคือนิยายนี่หว่า ฮะๆๆ

ถามว่าชอบไหม ก็ชอบนะ น้ำเน่าดี แต่แหม ไม่ค่อยอยากอ่านถึงตอนจบเลย (แต่จะไม่ให้อ่านก็ไม่ได้อีก ฮะๆๆ)

ถามว่าเบื่อไหม ก็เบื่ออีกนั่นแหละ

ถามว่ายังจะอ่านต่อไหม ก็อ่านอยู่ดี ก๊ากก

ปล. ที่เราเขียนมาทั้งหมดนี้ เราไม่ได้ตั้งใจจะว่าว่านิยายพวกนี้เขียนไม่ดีหรือยังไงนะคะ เราคงไม่มีความสามารถพอไปวิจารณ์นิยายใครได้หรอก เพียงแต่เราคิดว่า เราพูดคุยกับเพื่อนๆในความคิดของเราเท่านั้น

ปลล. ถ้ามันไปกระทบกับนิยายของใคร เราขอโทษจริงๆนะคะ

ปลลล. ว่าแล้วเราก็อยากลองแต่งนิยายที่มัน นิย้ายนิยายแบบนี้ดูซักเรื่อง อิอิ

ปลลลล. แล้วเพื่อนๆล่ะคะ คิดยังไงบ้าง บอกเล่ากันบ้างนะคะ




 

Create Date : 28 มกราคม 2550   
Last Update : 28 มกราคม 2550 19:47:36 น.   
Counter : 2245 Pageviews.  

When Nana was tagged !!

เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า........

เมื่อเกิดเหตุการณ์ tag ระบาดในบล็อกนู้นและบล็อกนี้

ไอ้เราก็เพิ่งเล่น ก็งงสิว่า tag น่ะ มันคืออะไร

เลยแจ้นไปถามเค้าว่า "tag คืออะไรคะ"

เราก็ได้คำตอบมาสมใจ และก็โดน tag มานี่แหละค่ะ 555

เมื่อโดน tag แล้ว ก็ต้องเผยความลับ 5 ข้อสินะคะ

แต่บังเอิญความลับไม่ค่อยมี เอาเรื่องที่ไม่ค่อยมีคนรู้เกี่ยวกับเรา 5 ข้อละกันนะคะ



1. เมื่อเอาซูชิเข้าไมโครเวพ

เรื่องมีอยู่ว่า คืนวันหนึ่ง หิวจัด เปิดตู้เย็นก็ไม่มีอะไรพอจะกินได้ นอกจากฝาตู้เย็น

เลยออกไปหาของกินที่ซุปเปอร์แถวบ้าน

ได้ซูชิหรือปลาดิบมา 1 กล่อง หน้าตาหน้ากินเชียว แพงด้วย

พอถึงบ้านก็ไม่ทันคิดอะไร ซื้ออาหารกล่องมา ก็ต้องเอาไปเวฟสิ

ทีงี้ ปลาดิบของเรามันก็เลยสุกอ่ะดิ

จากปลาดิบไฮโซราคาแพงของเรากลายเป็นปลาสุกหน้าตาจืดๆแห้งๆซะนี่




2. เกาหลี 4 วันกับเสื้อผ้า 1 ชุด

แหม ไปเที่ยวทั้งที ไม่มีใครอยากแบกของเยอะแยะหรอกใช่ไหม

ยิ่งไปตอนฤดูหนาว เอาเสื้อผ้าไปพอดีวัน มีหวังแบกกันตาย

อีกอย่างเพื่อนๆมันก็ว่า เกาหลีเสื้อผ้าถูก

ก็ตั้งใจว่า ไปหาซื้อเอาข้างหน้า ไปแค่ชุดเดียวนี่ล่ะ

ด้วยความซกมกอย่างสูง สุดท้าย และท้ายสุด

เราก็ใส่ไอ้ชุดที่ใส่ไปมันตั้งแต่วันแรกยันวันสุดท้าย

ใครไม่รู้ดูรูปถ่ายจะนึกว่า ไปเกาหลีแบบไปเช้าเย็นกลับ เพราะใส่ชุดเดียวตลอดงาน




3. เหตุของการถอนวิชาเรียน

อันนี้เป็นสาเหตุของความขยันแบบน่ารักๆของเราเอง

เมื่อช่วงปิดฤดูหนาวที่ผ่านมา (สดๆร้อนๆ)

อาจารย์ก็ให้การบ้านมาทำสิ (กลัวนักเรียนว่างจัด)

หยุดสองอาทิตย์ เราก็ลั่นล้า ยังไม่ทำ ไปสกี ไปเกาหลี และไปแรดๆๆ

แรดซ้าย แรดขวา แรดหน้า แรดหลัง แรดพร้อมๆกัน

พออีกสองวันจะเปิดเทอมเท่านั้นแหละ เริ่มร้อนตัว การบ้านยังไม่ได้ทำ

จะเริ่มทำก็..... ทำไมมันยากนักฟระ

สุดท้ายก็ไม่ทำ และถอนวิชาเรียนไปเลย 555




4. ทำไมแพนเค้กมันไม่ฟู

เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับของเราเท่าไร เพื่อนๆเราที่นี่รู้กันหมด

เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า เราอยากทำแพนเค้กขึ้นมากิน

คิดๆๆ มันต้องมีส่วนประกอบอะไรบ้าง

แป้ง ไข่ เนย แค่นี้ล่ะ ง่ายๆ สบายมาก

จัดการตีไข่และใส่สี เอ้ย ไม่ใช่ ใส่แป้ง คนๆๆ ผสมซะ

พอสีเหลืองนวลเนียนสวยงาม ก็เอาไปใส่กระทะ ลงเนยลงไปด้วย

หน้าตาสวยมาก หอมด้วย อิอิ

แต่พอกิน แง่ก ทำไมมันแบนๆ แข็งๆ และโค-ตะ-ระจืดล่ะเนี่ยะ

ผู้อยู่ในเหตุการณ์ร่วมกัน "แกลืมใส่อะไรหรือเปล่าวะ"

"ไม่ลืมๆ ก็แค่นี้ล่ะ ชัวร์ๆ"

ต่อมาจึงรู้ว่า ไม่ได้ใส่น้ำตาลมันถึงจื๊ดจืด ไม่ใส่ผงฟู มันถึงได้แข็งๆแบนๆ

พอรู้ข้อผิดพลาด จากนั้นเราก็หันไปซื้อแพนเค้กสำเร็จรูปมากินแทน 555




5. แกงเขียวหวานไก่กับแกงเขียวหวานทะเล

อันนี้เป็นความชั่วร้ายส่วนตัว ไม่เคยเล่าให้ใครฟังจริงๆ

จะแฉ ณ บัดดล

ต้องบอกก่อนว่า ตอนนี้เรามีจ็อบพิเศษเป็นงานเสิร์ฟที่ร้านอาหารไทย

มีอยู่ครั้ง รับออเดอร์มาคือ แกงเขียวหวานไก่กับแกงเขียวหวานทะเล

เรื่องเริ่มจากเราเอาแกงเขียวหวานไก่ไปเสิร์ฟแขกโต๊ะที่สั่งแกงเขียวหวานทะเล แขกก็กินๆๆ ไม่ได้ดุเล้ยว่าตัวเองไม่ได้สั่งอันนั้น

ทีนี้พอเราต้องเสิร์ฟแกงเขียวหวานทะเล เราก็เห็นสิ ว่าเราลงแกงเขียวหวานไก่โต๊ะนั้นไปแล้ว และก็กินกันจะหมดแล้วด้วย

ทำไงดี คิดๆๆ เราก็จัดการเอาแกงเขียวหวานทะเลไปเสิร์ฟโต๊ะที่สั่งแกงเขียวหวานไก่แทน เสียวๆอยู่ว่าแขกจะรู้ไหม

เหมือนกัน กินๆๆ ไม่ได้ดูกันเล้ยว่าฉันเสิร์ฟผิด

วันนั้นก็ผ่านไปด้วยดี แต่เราต้องหอบหิ้วความรู้สึกผิดกลับบ้าน

ไม่เคยเล่าให้ใครฟังจนบัดนี้ ต้องขอโทษแขกทั้งสองโต๊ะจริงๆค่ะ




จบการแฉตัวเองแล้ว เป็นไงบ้างคะเพื่อนๆ




 

Create Date : 26 มกราคม 2550   
Last Update : 26 มกราคม 2550 22:37:27 น.   
Counter : 519 Pageviews.  

Welcome to Nana's space

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆทุกคนที่หลงเข้ามาในบล็อกของเรานะ

บล็อกนี้เราเอาไว้อัพนิยายที่เราเขียน

ถ้าชอบกันก็ช่วยเม้นท์ด้วยนะคะ

อยากรู้จักกับทุกๆคนเลยค่ะ

^^ Nana ^^




 

Create Date : 24 มกราคม 2550   
Last Update : 26 มกราคม 2550 22:37:44 น.   
Counter : 607 Pageviews.  


nanaspace
Location :
Tokyo Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




A novelist,
Wanna be, not Born to be, though
nanaspace | Promote Your Page Too
New Comments
[Add nanaspace's blog to your web]