ห้องแฟนตาซีของmoony
|
|||
ศึกแม่มดมหัศจรรย์ บทที่ 16 เอลฟ์ฝ่ายมืดนัคเคลและทัลฟาร์ <16> เอลฟ์ฝ่ายมืดนัคเคล และทัลฟาร์ อิคิดน่าปัดลูกแก้วของนางอย่างแรงจนกระเด็นไปกระแทกกับเสาปราสาทแตกกระจายเมื่อเห็นพวกของเฟลมเดินทางมาจนถึงทางขึ้นสู่ปราสาทของนาง ดวงตาสีฟ้าหม่นส่งประกายวาววับอย่างคั่งแค้นและเดือดดาล นางหันไปทางลูกแก้ววิญญาณเฟรย์แม่ของเฟลมก่อนจะยิ้มอย่างเหี้ยมโหดและพูดขึ้น คิดว่าลูกของเจ้าจะทำได้ดังคำทำนายนั่นหรือ เฟรย์! คิดว่าเจ้าเด็กโอหังนั่นจะสังหารข้าได้ตามคำสาปของชาวเหนือที่ถูกข้าสังหารไปจนหมดสิ้นแล้วอย่างนั้นหรือ ไม่มีทาง ข้าจะทำให้เจ้าเห็นว่าทั้งเจ้าและเจ้าเด็กยะโสนั่นไม่มีวันทำลายข้าได้ คอยดู! อิคิดน่าลุกขึ้นและสะบัดเดินไปที่ประตูปราสาท นางชี้มือไปที่โครงกระดูกของสัตว์สองตัวที่กองอยู่และกล่าวเรียกด้วยมนต์ดำของนาง จงตื่นขึ้นมาบริวารที่แสนชั่วช้าของข้า คำสัญญาแห่งการรับใช้ของเจ้าจงเรียกเลือดเนื้อของเจ้ากลับคืนสู่กองกระดูกที่ขาวโพลนนี้และมีชีวิตขึ้น ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้และจงก้มหัวลงรับใช้ข้า! สิ้นคำของอิคิดน่า กองกระดูกทั้งสองกองนั้นก็เคลื่อนไหวและโงนเงนลุกขึ้น เส้นเลือดสีดำค่อยๆแล่นไปตามซากที่ขาวโพลนนั้นและแผ่กระจายออกราวกับรากของต้นไม้ กล้ามเนื้อสีแดงสดเริ่มงอกตามออกมา มันเต้นระริกราวกับมีชีวิต เสียงร้องคำรามดังขลุกขลักอยู่ในลำคอ เบ้าตาที่กลวงโบ๋มีก้อนกลมๆสีแดงก่ำกลอกกลิ้งอยู่ภายใน มันถูกดันให้ถลนออกมาข้างนอกและมองดูอิคิดน่าที่กำลังยืนยิ้มอยู่ นัคเคล ทัลฟาร์ บริวารที่แสนน่ารักของข้า เอลฟ์ฝ่ายชั่วช้าที่ถูกสาบจากชนชาวเหนือ ตอนนี้เชื้อสายลูกหลานแห่งศัตรูของเจ้าทั้งสองกำลังเดินทางมาที่นี่ จงไปขัดขวางและทำลายมันเสีย กัดกินมันให้สิ้นทั้งกายและวิญญาณ เหลือไว้แต่เพียงเด็กหนุ่มที่ชื่อเฟลมและนำมันกลับมาที่ปราสาทนี่ อสูรสัตว์ทั้งสองร้องคำรามรับคำของอิคิดน่าและพุ่งทะยานออกไปทันที นางมารร้ายยิ้มอย่างชั่วร้ายก่อนจะร่ายมนตราเพื่อยกร่างของนางให้ลอยสูงขึ้นไปในอากาศและเลื่อนไหลตามหลังผีร้ายทั้งสองของนางไป */*/*/* เฟลม เอิร์ธและดาฟเน่ทั้งเดินทั้งวิ่งไปตามเส้นทางอันลาดชันที่นำไปสู่ปราสาทของอิคิดน่า แน่นอนระหว่างทางของเด็กทั้งสามนั้นจะต้องมีเหล่าบรรดาบริวารและสัตว์ร้ายต่างๆคอยดักรอและพยายามขัดขวางพวกเขา แต่ด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันประกอบกับฝีมือการต่อสู้ที่ชำนาญของดาฟเน่และเอิร์ธรวมถึงพลังของคมเขี้ยวแห่งสกอลล์ทำให้เหล่าบรรดาสมุนของอิคิดน่านั่นถูกทำลายลงราวกับใบไม้ร่วง เฟลมจ้องดูปราสาทที่ใกล้เข้ามาด้วยความรู้สึกทั้งหวาดหวั่นและมุ่งมั่นในเวลาเดียวกัน รอข้าด้วยนะ แม่ เฟลมคิดในใจขณะที่ก้าวเท้าเดินเร็วขึ้นโดยมีเอิร์ธและดาฟเน่เดินตามมาติดๆ สายลมแห่งความหนาวเย็นพัดหวีดหวิวอยู่ไม่ขาดสายและดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นตามคำบัญชาของอิคิดน่า หิมะที่ตกโปรยปรายในตอนแรกนั้นเริ่มหนาขึ้นทุกที ดาฟเน่จุดไฟที่ปลายดาบของนางและหันมามองดูเพื่อนทั้งสอง พวกเจ้าไม่เป็นไรนะ ข้าสบายดี เฟลมตอบเสียงดัง ข้าก็ไม่เป็นไร เอิร์ธตะโกนแข่งกับเสียงลม เกราะสีน้ำเงินนี่ป้องกันความหนาวเย็นได้ดี แต่ลมที่แรงขึ้นทุกทีนี่สิจะทำให้พวเราเดินทางกันไม่ได้ ต่อให้ต้องคลานไปข้าก็จะทำ เฟลมพูด ข้าไม่ยอมหยุดอยู่ที่นี่เพียงเพราะแค่พายุหิมะนี่หรอก ดาฟเน่มองดูเพื่อนทั้งสองของนางด้วยความเป็นห่วง สำหรับเอลฟ์อย่างนางแล้วไม่ว่าลม ฝนหรือพายุหิมะไม่ได้เป็นอุปสรรคสำคัญในการเดินทางเลย แต่ความรุนแรงของอาถรรพ์แห่งเวทย์ที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ดาฟเน่รู้สึกอึดอัดจนแทบทนไม่ได้ นางมองฝ่าหิมะที่ตกหนาจนแทบมองไม่เห็นทางไปรอบๆก่อนจะพูด ข้าไม่สบายใจเลย นางจ้องมองไปทางด้านทิศทางที่ตั้งของปราสาทอิคิดน่า ข้ารู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังมุ่งหน้ามาหาเรา อะไรที่เหมือนข้าแต่แตกต่างไปจากข้าโดยสิ้นเชิง แล้วมันคืออะไรกัน เอิร์ธถามอย่างงงๆ ดาฟเน่ส่ายหน้า ข้าเองก็ไม่รู้ แต่มันมาเร็วมาก อยู่ๆนางก็หยุดพูดและเบิกตาจ้องมองไปข้างหน้าอย่างตื่นตระหนก มันอยู่ข้างหน้าพวกเรานี่แล้ว! ทั้งเฟลมและเอิร์ธเพ่งสายตามองไปในทิศทางที่ดาฟเน่ชี้มือบอก ทั้งสองคนเห็นเงาทมึนกำลังเคลื่อนที่เข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว เฟลมแกว่งดาบในมืออย่างเตรียมพร้อมทันทีในขณะที่เอิร์ธขึ้นสายธนูรอ ทัลฟาร์! ดาฟเน่ร้องออกมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงความหวาดหวั่น นัคเคล! อะไรนะ เฟลมร้องถาม เอลฟ์ฝ่ายมืดที่แสนชั่วร้าย ใบหน้าของดาฟเน่ปรากฏความพรั่นพรึงขณะอธิบาย พวกมันจะคอยทำลายและกัดกินเอลฟ์อย่างพวกเรา ข้าไม่คิดเลยว่าพวกมันจะกลายเป็นสมุนของอิคิดน่าเพราะข้าได้ยินมาว่ามันทั้งสองถูกอดีตราชาแห่งเอลฟ์ทำลายไปเมื่อนานแสนนานมาแล้ว นางมารร้ายนั่นคงใช้เวทย์ของนางปลุกมันขึ้นมา เฟลมพูด เขามองดูร่างสองร่างที่เคลื่อนไหวเข้ามาหาแน่วนิ่งจนกระทั่งพวกมันเข้ามาในระยะที่สามารถมองเห็นได้ชัด เด็กทั้งสามถึงกับอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงเมื่อเห็นร่างของอีกฝ่ายเต็มตา มันเป็นสุดยอดแห่งความสยองขวัญชนิดที่เหล่าบรรดาอสูรทั้งหลายที่พวกเขาเคยพบมาก่อนนั้นเทียบไม่ติด นัคเคลนั้นมีใบหน้าเค้าโครงที่มองดูคล้ายเอลฟ์แต่มีดวงตาเพียงดวงเดียวตั้งอยู่ที่กลางหน้าผาก ดวงตาที่แดงก่ำราวเปลวไฟ แขนทั้งสองข้างยาวไปจนถึงข้อเท้า หัวของมันใหญ่โตมากเมื่อเทียบกับร่างของมัน และที่น่าสยดสยองมากที่สุดคือทั่วทั้งร่างของเอลฟ์ร้ายตัวนี้ไม่มีผิวหนังปกคลุมแม้แต่ที่เดียว เฟลมมองเห็นเส้นเลือดสีดำสนิทกำลังเต้นตุบๆอยู่ตามกล้ามเนื้อและอวัยวะภายในของมัน ส่วนทัลฟาร์นั้นก็น่าเกลียดน่ากลัวไม่แพ้กัน มันมีร่างที่ขาวซีดราวกับซากศพ แขนทั้งสองข้างแห้งเล็กลีบราวกับกิ่งไม้แต่ก็แข็งแรง กรงเล็บของมันมีของเหลวเละไหลเยิ้มออกมาตลอดเวลา ยามที่มันอ้าปากร้อง หนอนซากศพตัวอ้วนๆจะไหลทะลักร่วงพรูออกมาทำให้น่าสะอิดสะเอียนอย่างยิ่ง เด็กทั้งสามถอยหลังไปสองสามก้าว เอิร์ธยกมือขึ้นปิดจมูกของเขาและเบ้หน้า กลิ่นบ้าอะไรกันนี่ มันยิ่งกว่ากลิ่นซากเน่าของสัตว์ป่าซักร้อยตัวได้เลย ดาฟเน่นั้นมีสีหน้าที่หวาดหวั่นยิ่งกว่าเพื่อนทั้งสองของนาง เฟลมสังเกตุเห็นว่าร่างนั้นกำลังสั่นสะท้าน ดวงหน้าที่งดงามซีดเผือด ริมฝีปากที่ขบเม้มกันแน่นสั่นไหวน้อยๆ ไปยืนข้างหลังข้า ดาฟเน่ เฟลมพูดขึ้น ข้าจะจัดการกับเจ้าสองตัวนี่เอง มันไม่ง่ายเหมือนที่ผ่านๆมานะ เฟลม ดาฟเน่พูดเสียงสั่นทั้งที่ดูเหมือนจะพยายามควบคุม ตัวเองแล้ว เจ้าสองตัวนี่น่ะมันไม่ตายด้วยอาวุธทุกๆอย่าง แล้วเราจะกำจัดมันได้ยังไง เอิร์ธถาม ดาฟเน่กำลังจะตอบเขาแต่..... หลบเร็ว! เฟลมร้องขึ้นอย่างตกใจเมื่อกรงเล็บที่คมกริบของทัลฟาร์พุ่งลงมายังที่ที่พวกเขากำลังยืนอยู่ เด็กทั้งสามกลิ้งตัวหลบไปคนละทาง ไม่มีเวลามานั่งศึกษาแล้ว เฟลมร้อง หาทางสู้มันก่อนดีกว่า เขาสะบัดดาบของเขาสกัดการจู่โจมของทัลฟาร์ที่ดูเหมือนจะมุ่งเข้าเล่นงานเขา เอิร์ธง้างธนูและเล็งไปที่หัวของมันทันที ระวังเอิร์ธ! ดาฟเน่ร้องขึ้น แขนที่ยาวเหยียดของนัคเคลฟาดลงมาตรงที่ที่เขายืนอยู่ เอิร์ธกลิ้งตัวหลบทันควันแต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่วายถูกปลายเล็บของมันเข้าที่ด้านหลัง เจ้าไม่เป็นอะไรนะ ดาฟเน่ร้องตะโกนถาม เอิร์ธไล่มือสำรวจตัวเองก่อนจะตอบ เกราะนางฟ้าป้องกันเอาไว้น่ะ เขาพูดเมื่อเห็นว่ากรงเล็บของเอลฟ์อสูรไม่ระคายเข้าไปที่ผิวของเขา ดาฟเน่พยักหน้าก่อนจะเหวี่ยงดาบของนางปัดแขนของนัคเคล มันร้องอย่างโกรธจัดและเริ่มจ้องทำร้ายดาฟเน่เพียงคนเดียว แขนที่ยาวนั้นไม่เกะกะเก้งก้างยามเคลื่อนไหว ตรงกันข้ามมันกลับใช้แขนของมันได้อย่างคล่องแคล่วและรวดเร็วเมื่อไล่คว้าร่างของดาฟเน่ที่กระโดดหลบไปมาจนแทบไม่มีเวลายกดาบขึ้นตอบโต้ เอิร์ธมองดูนางอย่างเป็นห่วงและยิงธนูของเขาเข้าใส่ร่างอัปลักษณ์นั้นทุกครั้งที่ได้โอกาส ลูกธนูทุกดอกปักคาอยู่บนกล้ามเนื้อสีแดงฉานแต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้สร้างความเจ็บปวดต่อเจ้านัคเคลซ้ำดูมันจะไม่ได้สนใจเลยด้วย มันหันกลับมาเหวี่ยงแขนใส่เอิร์ธที่กำลังเอื้อมมือไปหยิบลูกธนู ด้วยพลังอันมหาศาล เด็กชายถึงกับกระเด็นไปกระแทกกับก้อนหินอย่างแรงจนเขาหมดสติไป เอิร์ธ! ดาฟเน่ร้องเรียกเพื่อนด้วยความตกใจ นางเหวี่ยงดาบปัดแขนที่ไขว่คว้ามาทางนางอีกครั้งก่อนจะกระโดดขึ้นเพื่อจะไปตั้งตัวบนก้อนหินสูง แต่นัคเคลไวกว่า มือที่แข็งราวกับคีมคว้าหมับเข้าที่ร่างของดาฟเน่และบีบแน่น มันส่งเสียงร้องคำรามอย่างยินดีเมื่อชูร่างที่กำลังดิ้นรนของเอลฟ์น้อยขึ้น เฟลมตกใจจนแทบสิ้นสติ เขาแทงมือของทัลฟาร์ที่ยื่นมาหาเขาและกลิ้งตัวหลบไปพร้อมกัน เอิร์ธ ตื่นเร็ว! เด็กชายร้องเรียกเพื่อนของเขา ดาฟเน่กำลังจะแย่แล้ว! สติที่เลือนรางของเอิร์ธถูกเรียกให้กลับคืนมาทันที เขาลืมตาขึ้นและสะบัดหัวไปมาอย่างมึนงงก่อนจะหันไปที่นัคเคลอย่างรวดเร็ว ดาฟเน่ เขาเรียกเพื่อนอย่างตกใจเมื่อเห็นเอลฟ์ร้ายกำลังจะส่งร่างของนางเข้าไปในปากของมัน เอลฟ์สาวดิ้นเต็มแรงอย่างหวาดกลัว ช่วยด้วยเอิร์ธ ดาฟเน่ร้องเสียงหลง เอิร์ธกระชากดาบของเขาออกมาและวิ่งเข้าไปหานัคเคลลาวีอย่างไม่กลัวตาย ปล่อยดาฟเน่นะเจ้าสัตว์ร้าย เขาจ้วงแทงและฟันร่างของอสูรเอลฟ์อย่างบ้าคลั่ง มันหยุดชะงักและก้มลงมองดู เสียงร้องคำรามอย่างรำคาญดังขึ้นก่อนมันจะเงื้อกำปั้นและทุบลงไปยังเอิร์ธ ระวัง เอิร์ธ! ดาฟเน่ร้อง เด็กชายเงยหน้าขึ้นเป็นจังหวะเดียวกันกับที่กำปั้นอันมโหฬารของนัคเคลทุบลงไป ดาฟเน่กรีดเสียงร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นเพื่อนของนางหายไปภายใต้กำปั้นนั้น เจ้านัคเคลยกมือของมันขึ้นและจ้องมองดูหลุมรอยมือของมันก่อนจะส่งเสียงร้องอย่างพอใจ เจ้าเอลฟ์ผีหันมาให้ความสนใจกับดาฟเน่อีกครั้ง คิดว่าข้าจะเสร็จแกง่ายๆอย่างนั้นหรือ เสียงพูดดังขึ้น เอิร์ธค่อยๆคลานออกมาจากปลายเท้าของนัคเคล แม้ว่าเกราะของนางฟ้าจะช่วยป้องกันแรงกระแทกที่หนักหน่วงของเอลฟ์อสูรให้เบาลง แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้เอิร์ธ ปลอดภัยและรอดพ้นจากความบาดเจ็บ เขาถ่มเลือดออกมาจากปากและมองจ้องดูนัคเคลด้วยสายตามุ่งร้าย ข้ามาแล้วดาฟเน่ เอิร์ธคว้าคันธนูของเขาขึ้นมาและเอื้อมมือไปทางด้านหลังเพื่อทำท่าหยิบลูกศรที่มองไม่เห็นและวางพาดบนสาย อย่าเอิร์ธ หนีไป ดาฟเน่ร้องเตือนเขาเมื่อเห็นนัคเคลเงื้อกำปั้นของมันขึ้นอีก แต่เอิร์ธกลับยิ้ม ขอพลังเทวีแห่งจันทราผู้เป็นเจ้าของลูกธนูนี้จงส่งธนูแห่งฟ้าลงมากำจัดเหล่าบริวารแห่งมารร้ายอิคิดน่าให้สิ้นซากไปด้วยเถิด เสียงดังผึงเมื่อเอิร์ธดีดสายธนูเปล่า พร้อมๆกับล้มลงนอนแน่นิ่ง นัคเคลเงื้อหมัดของมันค้างนิ่งกลางอากาศและยิ้มให้กับตัวเองก่อนจะหันไปทางดาฟเน่ที่กำลังร้องไห้ เอิร์ธ เด็กสาวร้องเรียกและมองจ้องนัคเคลอย่างกินเลือดกินเนื้อ ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะล้างแค้นให้กับเพื่อนของข้า นัคเคล! นางดิ้นรนสุดแรงอีกครั้งแต่เจ้าอสูรร้ายไม่ใส่ใจ มันยกร่างน้อยๆขึ้นและเตรียมส่งเข้าปาก ทันใดนั้นเองก็มีเสียงหวีดหวิวแหลมเล็กดังแทรกเสียงสายลมจากท้องฟ้า นัคเคลชะงักและเงยหน้าขึ้น ธนูนับร้อยดอกพุ่งลงมาจากเบื้องบนราวกับพายุฝนและปักไปบนร่างของมัน ทุกๆดอกราวกับถูกสั่งอย่างเจาะจงเพราะดูเหมือนธนูเหล่านั้นจะผ่านเลี่ยงหลบร่างของดาฟเน่ไป เจ้าเอลฟ์อสูรร้องคำรามอย่างขุ่นเคืองมากกว่าเจ็บปวด มือที่กำร่างของดาฟเน่นั้นคลายออก แม้จะได้รับบาดเจ็บจากแรงบีบของนัคเคลแต่ดาฟเน่ก็กัดฟันยืนตั้งมั่นก่อนจะประสานมือของนางไว้เบื้องหน้าและหลับตาลง ด้วยพลังแห่งวารีเทพ ของอำนาจแห่งท่านจะดลบันดาลให้หิมะทุกๆเกล็ดบนเทือกเขานี้กลับกลายเป็นกระแสธารที่เชี่ยวกรากเพื่อพัดพาร่างอุบาทว์อัปลักษณ์และต่ำทรามของนัคเคลกลับคืนไปสู่ขุมนรกด้วยเถิด สิ้นคำของดาฟเน่ ประกายแสงแห่งอัญมณีที่ประดับอยู่บนหน้าผากของนางก็สว่างเรืองรองขึ้น มันเจิดจ้าและเปล่งประกายเจิดจรัสไปจนทั่วบริเวณ ดาฟเน่ลดมือลงและรีบวิ่งไปยังร่างที่นอนหมดสติของเอิร์ธและออกแรงดึงเขาขึ้นไปบนก้อนหินสูงท่ามกลางเสียงดังสนั่นครั่นครืนราวกับฟ้าถล่มทลาย เฟลม ขึ้นไปยืนบนก้อนหินเร็ว! ดาฟเน่ตะโกนร้องบอกเฟลม เขาสะบัดดาบตัดนิ้วมือของทัลฟาร์ก่อนจะปีนขึ้นไปบนก้อนหินสูงก้อนหนึ่ง เอลฟ์อสูรทั้งสองร้องคำรามลั่นและรีบตามเด็กทั้งสามทันที แต่นัคเคลกลับหยุดชะงักกลางคัน มันหันไปมองดูในทิศทางด้านหนึ่งด้วยสายตาที่หวาดกลัวก่อนจะกลับหลังหันและวิ่งหนี กระแสน้ำอันเกิดจากอาคมของดาฟเน่นั้นไหลทะลักมาถึงตัวของมันเสียแล้ว เจ้าอสูรร้ายร้องลั่นด้วยความหวาดกลัว มันล้มลงทันทีที่ถูกความแรงของกระแสน้ำกระแทกใส่ ทัลฟาร์ยึดหินก้อนหนึ่งไว้แน่นและค่อยๆไต่ไปหาเฟลม น้ำที่เกิดจากการละลายของหิมะที่เย็นยะเยือกนั้นกลับกลายเป็นน้ำร้อนเดือดพล่านสำหรับนัคเคล มันดิ้นพราดราวกับปลาที่ถูกทุบหัว กล้ามเนื้อที่ไร้ผิวหนังพองแดงและหลุดลอกออก อวัยวะภายในค่อยๆละลายและไหลทะลักออกจากร่างของมัน เสียงร้องที่ดังโหยหวนทำให้ทัลฟาร์ชะงักงันไปชั่วขณะ มันมองดูเอลฟ์ที่ถูกปลุกมาคู่กันค่อยๆละลายหายไปกับกระแสน้ำ เจ้านัคเคลกรีดเสียงร้องอีกครั้ง คราวนี้เป็นการร้องที่ดังและโหยหวนที่สุด ดวงตากลมโตที่อยู่กลางหน้าผากนั้นกลิ้งหมุนไปมาอยู่ภายในกระบอกตาก่อนจะหลุดออกจากเบ้าและระเบิดเสียงดังปุเบาๆ ร่างที่บัดนี้เหลือเพียงโครงกระดูกกำลังย่อยสลายไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อน้ำหยดสุดท้ายแห้งเหือดไป เจ้านัคเคลก็กลับไปสู่แดนนรกตลอดกาล ทัลฟาร์คำรามลั่นอย่างโกรธจัดและหันมาทางเฟลมอีกครั้งก่อนที่มันจะคิดทำอะไร พายุธนูก็ตกลงมาจากฟากฟ้าอีกครั้ง มันปักลงบนร่างของเอลฟ์ชั่วจนทั่วร่างมองดูคล้ายเม่นหรือหมอนปักเข็ม เจ้าทัลฟาร์ร้องลั่นและพยายามปัดลูกธนูเหล่านั้นออก เฟลมค่อยๆปีนไปหาดาฟเน่อย่างระมัดระวัง ธนูนั่นมาจากไหนกันน่ะ ดาฟเน่ เขาถามอย่างสงสัย ดาฟเน่ที่กำลังหยดน้ำผึ้งสีทองเข้าปากเอิร์ธพยักหน้าไปทางกระบอกธนูที่ว่างเปล่าของเขาก่อนจะตอบ นั่นเป็นธนูฟ้า นางค่อยๆวางร่างของเพื่อนให้นอนราบอย่างระมัดระวังก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วข้าอธิบายให้เจ้าฟังทีหลัง ตอนนี้เราต้องกำจัดเจ้าทัลฟาร์ก่อน ด้วยวิธีไหนกันล่ะ เฟลมถาม ดาฟเน่มองหน้าเขาก่อนจะตอบ มันกลัวแสงอาทิตย์ เฟลมแหงนมองดูท้องฟ้าที่มืดมัวแล้วพูดอย่างหมดทาง ท้องฟ้ามืดแบบนี้ จะไปหาแสงอาทิตย์มาจากไหนกัน เรียกมาสิ ดาฟเน่ตอบและหลับตาลง นางระบายลมหายใจออกน้อยๆก่อนจะชูมือทั้งสองขึ้นเหนือหัว ข้าแต่องค์เฟรย์เทพแห่งแสงอาทิตย์อันร้อนแรง ข้าขอวิงวอนให้ท่านได้ทรงส่งประกายไฟแห่งเซิร์ทมากับอาร์วาคร์และอัลสวินเพื่อเผาผลาญทัลฟาร์เอลฟ์ที่แสนชั่วร้ายและต่ำทรามนี้ให้มอดไหม้ไปด้วยเถิด อัญมณีบนหน้าผากของดาฟเน่นั้นสุกสว่างจนแทบลุกเป็นไฟ ร่างน้อยๆนั้นสั่นสะท้านแต่ยังยืนหยัดมั่น กระแสลมที่พัดผ่านนั้นดังหวีดหวิวบาดหูไม่ขาดสาย เฟลมมองดูท้องฟ้าที่มัวหม่นก่อนจะหันไปทางทัลฟาร์ที่คลานมาหาพวกเขา เด็กชายเงื้อดาบขึ้นในท่าเตรียมพร้อมทันที พวกเราไม่มีทางเรียกแสงอาทิตย์มาได้หรอกดาฟเน่ นั่นมันเกินแรงเจ้ามากไป เราต้องไล่พายุนี่ไป ดาฟเน่พูดเสียงดัง ใช้แตรของเจ้าเฟลม เฟลมคว้าแตรเขามิโนทอร์ของเขาขึ้นมาทันที เด็กชายหันปากแตรไปบนท้องฟ้า แม้จะคิดว่าพลังของแตรนั้นคงไม่อาจขับไล่พายุอันเกิดจากเวทย์ของอิคิดน่าไปได้ แต่เฟลมก็รวบรวมพลังทั้งหมดที่มีอยู่เป่าสุดแรง เสียงของแตรทุ้มต่ำและดังก้องกังวานไปไกล มันดังกว่าทุกครั้งและยาวนานกว่าทุกที แม้ว่าเฟลมจะหยุดเป่าแล้วก็ตามแต่เสียงแตรก็ยังคงดังก้องอยู่ ราวกับมีมือมากระชากแตรนั้นออกไปจากมือของเฟลม มันลอยนิ่งอยู่กลางเวหาและดังก้องอยู่เช่นนั้น หมู่เมฆที่หนาทึบและมัวหม่นค่อยๆม้วนตัวและแยกออกจากกันดุจควันไฟที่กระจายเมื่อถูกเป่า กระแสลมที่รุนแรงหยุดลงอย่างฉับพลัน หิมะที่ตกหนาแห้งเหือดไปจนหมดสิ้น เสียงแตรยังคงดังก้องกังวานทัลฟาร์นั้นบิดตัวไปมาและยกมือของมันขึ้นอุดหู แสงรำไรของพระอาทิตย์ค่อยๆฉายลงมายังพื้นเบื้องล่างและสว่างจ้าขึ้นทีละน้อย เจ้าเอฟล์อสูรนั้นถึงกับตะกายไปตามชะง่อนหินเพื่อหาที่หลบแต่ไม่พ้นด้วยแสงแห่งดวงตะวันนั้นเลื่อนไล่ตามมันไปติดๆ เจ้าทัลฟาร์ตะเกียกตะกายหนีลนลานและกรีดร้องอย่างเจ็บปวดเมื่อถูกแสงของดวงอาทิตย์ฉายลงไปที่ร่างของมันเต็มที่ เหมือนลูกปลาที่ถูกย่างในกองเพลิง เจ้าอสูรร้ายพองไหม้ไปทั้งร่าง กลิ่นเหม็นไหม้ลอยคละคลุ้งอบอวลไปจนทั่ว หนอนที่ทะลักพรั่งพรูออกมาจากปากของมันดิ้นพล่านทุรนทุรายก่อนจะแห้งตาย เลือดของทัลฟาร์เดือดราวกับน้ำในกาที่ตั้งไฟและค่อยๆแห้งไปเหมือนกับร่างของมันที่เริ่มหงิกงอและไหม้เกรียมแต่แทนที่จะสลายหายไปเหมือนนัคเคล ทัลฟาร์กลับค่อยๆเป็นซากที่แห้งและแข็งจนกลายเป็นหิน เหล่าหนอนทั้งหลายกลายเป็นก้อนกรวดเล็กๆตกเกลื่อนโดยรอบ แสงอาทิตย์ที่ฉายลงมานั้นอ่อนแรงลงและถูกเมฆบดบังจนหายไปอีกครั้ง แตรของเฟลมร่วงลงมาจากท้องฟ้า มันแตกออกเป็นสองเสี่ยง เด็กชายถือมันไว้ด้วยความรู้สึกราวกับสูญเสียของสำคัญไปก่อนจะหันไปทางดาฟเน่ที่ค่อยๆทรุดตัวล้มลง ดาฟเน่! เฟลมทิ้งแตรในมือและวิ่งไปรับร่างของเอลฟ์น้อยไว้ได้ทันก่อนที่จะล้มลงฟาดพื้น เขาค่อยๆประคองนางให้นอนลงและถามด้วยความเป็นห่วง เจ้าเป็นอะไรไป ดาฟเน่ ข้าใช้พลังมากเกินไป ดาฟเน่ตอบเสียงหอบ การเรียกดวงอาทิตย์นั้นมีเพียงราชาแห่งเอลฟ์พ่อของข้าเท่านั้นจึงจะทำได้ เจ้าไม่น่าฝืนตัวเองเลย เฟลมครวญและหันไปทางเอิร์ธที่ยังคงนอนหมดสติอยู่ ดาฟเน่ยิ้มน้อยๆก่อนจะพูด ไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก เฟลม พักนิดหน่อยข้าก็เหมือนเดิมแล้ว นางถอนหายใจหนักๆก่อนจะหลับตาลง เฟลมมองดูเพื่อนทั้งสองด้วยความห่วงใยโดยไม่รู้ตัวว่ามีแมงป่องยักษ์หลายสิบตัวกำลังคืบคลานมาหาเขาอย่างเงียบๆ พายุธนูพรั่งพรูลงมาจากฟ้าอีกครั้งมันแทงทะลุร่างที่มีเปลือกแข็งของเหล่าแมงป่องอย่างง่ายดายราวมีดร้อนที่แทงลงไปบนเนย เจ้าแมงป่องพลิกร่างนอนหงายตายเกลื่อนกลาดท่ามกลางความตกใจของเฟลม เขามองไปรอบๆ และหยุดสายตาไว้ที่อิคิดน่าซึ่งกำลังลอยอยู่ไม่ห่างไปจากเขา สีหน้าของนางนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเกรี้ยวกราดอย่างที่สุด นางสะบัดมือขึ้น เปลวเพลิงสีน้ำเงินแผดเผาธนูทุกดอกที่พุ่งลงมาจากฟ้า นางมารร้ายจ้องหน้าเฟลมนิ่ง เก่งมากเจ้าเด็กโอหัง อิคิดน่าพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามสะกดความโกรธเอาไว้ แต่เจ้าก็มาได้เพียงแค่นี้แหละ เฟลมลุกยืนขึ้นและชี้ดาบไปยังนางก่อนจะพูดเสียงดังอย่างไม่กลัวเกรง ข้าจะมาทวงวิญญาณแม่ของข้ากลับ และจะสับร่างแกให้เละเพื่อแก้แค้นให้กับสกอลล์ที่ต้องตายไปด้วย อิคิดน่าเงยหน้าขึ้นและหัวเราะเสียงก้องฟ้า นางมองดูเฟลมด้วยสายตาสมเพช แค่สังหารสมุนของข้าไปไม่กี่ตัวก็คิดว่าเก่งกาจจนสามารถจัดการกับข้าได้แล้วรึ เจ้าเด็กโอหัง นางหรี่ตาลงและมองดูเอิร์ธและดาฟเน่ที่ยังคงนอนอยู่ เจ้าไม่น่าพาเพื่อนของแกมาตายด้วยเลย เฟลม อย่ามาแตะต้องเพื่อนของข้า เฟลมตะโกน เข้ามาจัดการกับข้าดีกว่าถ้าแกต้องการ แต่อย่าหวังว่าข้าจะยอมยืนอยู่เฉยๆให้แกลงมือเพียงฝ่ายเดียว อิคิดน่าไม่ตอบ นางมองดูสมุนของนางที่กำลังปีนก้อนหินขึ้นไปหาเด็กทั้งสองที่นอนไร้เรี่ยวแรงอยู่ เฟลมกระโดดมาขวางและไล่ฟันพวกมันจนแตกกระเจิงรวมกับธนูที่พุ่งลงมาจากฟ้าทุกครั้งที่เหล่าบริวารของอิคิดน่าปรากฏขึ้นทำให้นางมารร้ายกำมือแน่น แกไม่มีทางหยุดธนูฟ้าของเทพอาร์ทิมีสได้หรอก อิคิดน่า เสียงแผ่วๆของเอิร์ธดังเยาะขึ้น เขาพยายามยันกายให้ลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก แกเรียกธนูวิเศษนั้นได้อย่างนั้นหรือ อิคิดน่าร้องถามเสียงเครียด เอิร์ธหัวเราะเบาๆ ข้าเรียกธนูแห่งเทพไม่ได้หรอก แต่ข้าใช้ความสามารถในการยิงธนูของข้าแลกมาต่างหาก เขาพูดก่อนจะหันไปทางเฟลม ไม่ต้องห่วงเพื่อน จะไม่มีผีร้ายหรือบริวารตัวไหนของนางมารชั่วรอดพ้นจากธนูฟ้าของเทพีแห่งจันทราไปได้หรอก อิคิดน่าจ้องมองเอิร์ธด้วยสายตาเคียดแค้นและชิงชัง นางร้องคำรามออกมาคำหนึ่งก่อนจะกางมือของนางออกและชี้ไปทางเขา จงตายตามแม่ของเจ้าไปเถอะ เจ้าเด็กอวดดี เอิร์ธเงยหน้าขึ้นและส่งเสียงหัวเราะเยาะอิคิดน่าก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสูง แม่ของข้าป่านนี้คงกำลังนั่งทอเสื้อตัวใหม่รอข้าอยู่ในบ้านด้วยความแข็งแรงและสดชื่นอย่างที่แกนึกภาพไม่ออกแน่ๆ อิคิดน่า แกคิดว่าไอ้เจ้าแมงป่องพวกนั้นจะมีความสามารถพอที่จะสังหารคนได้จริงๆอย่างนั้นหรือ ว่าไงนะ อิคิดน่าย้อนถามเสียงสูงเช่นเดียวกัน เอิร์ธมองหน้านางแน่วนิ่ง น้ำผึ้งสีทองในป่าเซ็นทอร์ช่วยล้างพิษร้ายออกจากร่างกายของแม่ข้า เขาหันไปยิ้มให้กับ เฟลม ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนอย่างเฟลมและสกอลล์ ดวงตาของอิคิดน่าลุกเป็นไฟเมื่อได้ยินเช่นนั้น นางหายใจอย่างรุนแรงด้วยความโกรธและพ่นคำพูดที่ฟังไม่ออกออกมาประโยคหนึ่ง แสงสีม่วงเข้มจนบาดสายตาระเบิดออกมาจากปลายนิ้วของนางและพุ่งไปยังร่างที่นั่งอยู่ของเอิร์ธ เขาผวาขึ้นสุดตัว เอิร์ธ เฟลมร้องเสียงหลงเมื่อมีน้ำแข็งเริ่มจับตัวหนาทั่วร่างเพื่อนของเขา พริบตาเดียวร่างของเอิร์ธก็กลายเป็นก้อนน้ำแข็งไปจนหมด ดาฟเน่อุทานออกมาด้วยความตกใจในขณะที่เฟลมร้องด้วยความโกรธ แกฆ่าเอิร์ธ! เขาหันไปทางอิคิดน่าและพุ่งไปหานางทันที นางมารร้ายลอยถอยห่างออกไปเล็กน้อยก่อนจะร่ายเวทย์อีกครั้ง เปลวไฟสีน้ำเงินลุกขึ้นรอบตัวของดาฟเน่ นางรีบลุกขึ้นและพยายามจะกระโดดหนี แต่ขาทั้งสองข้างกลับแข็งขืนไม่ยอมทำตาม เด็กสาวก้มลงมองดูอย่างสงสัยและตกใจจนแทบสิ้นสติเมื่อพบว่าขาของนางกำลังค่อยๆกลายสภาพเป็นหิน ไม่! นางร้องออกมาด้วยความแค้นมากกว่าหวาดกลัว ข้าไม่ยอมโดนสาบจนกว่าจะตัดหัวนางแม่มดนี่ได้ เสียงของดาฟเน่เงียบหายไป ร่างน้อยๆกลายเป็นรูปสลักหินที่ตั้งตระหง่านอยู่บนชะง่อนหินเคียงคู่กับก้อนน้ำแข็งเอิร์ธ เฟลมอ้าปากค้างเมื่อเห็นดังนั้น เขาร้องออกมาด้วยความรู้สึกแค้นใจอย่างที่สุดก่อนจะหันไปฟาดฟันดาบเข้าใส่อิคิดน่าอย่างบ้าคลั่ง นางมารร้ายหัวเราะเยาะหยันขณะเลื่อนกายหลบ แกไม่มีทางทำร้ายข้าได้หรอก เฟลม ไม่แม้แต่รอยแผลสะกิดแค่ปลายนิ้ว น้ำเสียงเต็มเปี่ยมไปด้วยความเย้ยหยันและถากถาง เฟลมตวัดดาบใส่อิคิดน่าแต่นางยกมือขึ้นรับพร้อมกับจ้องคมดาบนิ่ง คมเขี้ยวแห่งสกอลล์ อิคิดน่าอ่านชื่อของดาบแล้วหัวเราะ ท่าทางมันคงจะเป็นเขี้ยวของหมาแก่ๆมากกว่านะ เจ้าเด็กโอหัง นางมารร้ายกระชากดาบออกจากมือของเฟลมและเหวี่ยงมันไปที่พื้นพร้อมกับคว้าลำคอของเขาและออกแรงบีบ ข้าเคยบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าจะมองดูเจ้าทนทุกข์ทรมานไปจนกว่าจะตาย จงร้องไห้กับการตายของเพื่อน จงคร่ำครวญกับความล้มเหลว จงโหยหวนยามที่มองดูข้าสนุกกับดวงวิญญาณแม่ของเจ้า และเจ็บปวดกับความปราชัยของเจ้าไปจนตายเถอะ เฟลม นางผลักเฟลมออกไปและลอยขึ้น เด็กชายค่อยๆทรุดกายนั่งลงอย่างท้อแท้และหมดหวัง อิคิดน่ามองดูเขาด้วยความรู้สึกสาสมใจก่อนจะลอยกลับไปยังปราสาทของนาง ทิ้งให้เฟลมจมอยู่กับความพ่ายแพ้ท่ามกลางเสียงลมที่พัดหวีดหวิวบาดหัวใจ ข้าแพ้ เขาพูดช้าๆ ข้าทำไม่สำเร็จ เด็กชายซุกหน้าลงบนพื้นหิมะและร้องไห้เสียงดัง ข้าขอโทษด้วยท่านแม่ ข้าขอโทษด้วยสกอลล์ ข้าขอโทษเอิร์ธ ดาฟเน่ เพราะข้าพวกเจ้าถึงต้องมาตายแบบนี้ เฟลมลุกขึ้นและเดินโซเซไปหยิบดาบของสกอลล์มาถือไว้ คมดาบที่เคยเปล่งประกายกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีเทาที่หม่นหมอง เขายกมันขึ้นมาจรดไว้ที่หน้าผากก่อนจะเดินไปที่ร่างแข็งเย็นชืดสองร่างบนก้อนหิน เฟลมทิ้งตัวนั่งลงอย่างอ่อนแรง น้ำตาไหลพรากอาบใบหน้าจนเปียกโชกชุ่ม เป็นเพราะความไม่เอาไหนของข้าพวกเจ้าถึงได้ตกอยู่ในสภาพแบบนี้ เฟลมพูดเบาๆพลางลูบมือไปบนก้อนศิลาทั้งสอง ข้าควรจะทำยังไงต่อไปดี เอิร์ธ ดาฟเน่ คมเขี้ยวแห่งสกอลล์ไม่อาจทำลายอิคิดน่าได้ แตร มิโนทอร์ก็พังไปแล้ว เมล็ดแห่งไกอาก็ไม่มีเหลือ ข้าจะเอาอะไรไปต่อกรกับอิคิดน่ากัน ความกล้าหาญไงล่ะ เสียงหนึ่งตอบอยู่ในจิตใต้สำนึกของเฟลม เขาสะอื้น แค่นั้นไม่ทำให้อิคิดน่าตายได้หรอก เขาเถียงกับตัวเอง แต่เสียงนั้นกลับตอบกลับมา เพราะเจ้าคิดอยู่แต่เพียงเรื่องฆ่าเท่านั้น แล้วจะให้ข้าคิดอะไรกันในเมื่อนางมารนั่นสมควรได้รับผลกรรมแบบนั้นที่สุด เฟลมพูดอย่างฉุนเฉียว ความเกลียดชังทำให้หัวใจของเจ้ามืดบอด เจ้าในตอนนี้นั้นไม่ต่างไปจากอิคิดน่าไปสักเท่าไหร่เลย เฟลม เสียงในความคิดดังแว่วออกมา เฟลมหยุดชะงักนิ่ง ข้า เหมือนอิคิดน่า เขาทวนคำสองสามครั้งก่อนจะส่ายหน้า ไม่! ข้าไม่มีวันเหมือนนางแม่มดนั้น เฟลมตะโกนก้อง ข้าจะไม่มีวันเหมือนนาง! เสียงพูดในหัวของเขาเงียบหายไป เฟลมลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆและยกดาบขึ้น ต่อให้ต้องตายสักกี่ร้อยกี่พันครั้ง ข้าก็จะขอจัดการกับเจ้าจนกว่าจะสิ้นซาก อิคิดน่า เฟลมหันกลับมามองดูร่างของเพื่อนทั้งสองอีกครั้ง เขาก้มหัวลงน้อยๆก่อนจะพูด ข้าขอสาบานต่อหน้าพวกเจ้าว่าข้าจะสังหารนางแม่มดร้ายให้สิ้นชีพและนำหัวของมันมาวางไว้ตรงหน้าพวกเจ้า เฟลมยกดาบขึ้นจรดกับอกเป็นการยืนยันคำสาบาน ก่อนจะหมุนตัวเพื่อเดินจากไป แสงสว่างสีเขียวส่งประกายออกมาเรืองรองจากทางด้านหลังของเขา เฟลมหันกลับไปดูอย่างสงสัย เด็กชายเบิกตากว้างอย่างแปลกใจเมื่อเห็นอัญมณีที่ประดับบนหน้าผากของดาฟเน่ไม่ได้กลายเป็นหินเหมือนเครื่องประดับชิ้นอื่นซ้ำยังส่องแสงเจิดจรัสขณะที่ค่อยๆเลื่อนลอยออกมาจากร่างศิลาของเอลฟ์สาวเพื่อนของเขาและพุ่งวาบไปที่ด้ามของคมเขี้ยวแห่งสกอลล์ เฟลมยกดาบขึ้นมองดูทันที อัญมณีสีเขียวนั้นกำลังฝังตัวลงไปบนด้ามอย่างช้าๆ คมดาบที่เป็นสีเทาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีเงินที่วาววับ ตัวอักษรรูนที่จารึกบนเนื้อดาบเปล่งแสงเรืองรองออกมา หัวใจของข้าจะร่วมเป็นหนึ่งกับสกอลล์ เสียงของดาฟเน่แว่วมาจากอัญมณีก้อนนั้น เฟลมกุมดาบในมือของเขาไว้แน่น ดาฟเน่ เด็กชายเรียกชื่อเอลฟ์สาวเบาๆ ก่อนจะหันไปมองที่ร่างของเอิร์ธ กระบอกใส่ธนูที่ตกอยู่ข้างๆนั้นปริแยกออกเป็นสองเสี่ยงและอ่อนตัวแบนราบจนกลายเป็นแผ่นวงรีโดยมีห่วงจับอยู่ตรงกลาง เฟลมก้มลงหยิบขึ้นมาพินิจ ข้าจะเป็นโล่ปกป้องเจ้า เสียงเอิร์ธดังมาจากโล่นั้น เฟลมยิ้มทั้งน้ำตา หัวใจแห่งความกล้าหาญและเสียสละรวมทั้งความมุ่งมั่นจะเป็นอาวุธสำคัญของเจ้า เฟลม เสียงของสกอลล์ดังขึ้นในจิตสำนึกของเฟลม เขาหัวเราะและมองจ้องไปยังปราสาทของอิคิดน่า ข้าและเพื่อนๆของข้ากำลังจะไปหาเจ้าแล้ว อิคิดน่า */*/*/*/*/*/*/* แวะมาทักทายครับ
โดย: MaFiaVza วันที่: 18 มีนาคม 2554 เวลา:13:35:14 น.
|
กิสึเนะ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] moony ค่ะ เป็นคนชอบสร้างจินตนาการมาตั้งแต่เด็ก เคยวาดการ์ตูนไว้เป็นเล่ม แต่เก็บไว้อ่านเอง นิยายเรื่องแรกที่เขียนเป็นแนวจีนกำลังภายใน ตอนหลังรู้จักเน็ตจึงเริ่มสร้างสรรเรื่องอื่นบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นแนวแฟนตาซี Group Blog
All Blog
Friends Blog Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |