Korea - The Legend Mission 07 : ในที่สุดก็ N Seoul Tower เดินหอบกันวันสุดท้าย


ในที่สุด ก็ N Seoul Tower เดินหอบกันวันสุดท้าย



ห่างหายกันไปนานเลยทีเดียวล่ะ การงานยุ่งมาก จนจะข้ามปีละ เลขาฯ ยังเขียนเล่าเรื่องทริปกิมจิ ภาค 2 นี่ไม่หมดเลย แล้ววันนี้ก็เป็นวันสุดท้าย ที่พวกเราจะใช้ชีวิตในโซลแล้วค่ะ

หลังจากยืนมอง N Seoul Tower จาก Myeong Dong มา 2 คืน เพราะเมื่อคืน เรากลับมาจาก Lotte World ดึกไป ไหนจะต้องหาข้าวกิน เพราะหิวโซ เราก็เลยเดินขึ้นเขาตรงข้ามตลาด Myeong Dong ขึ้นไป ต้องขอบอกว่าเป็นทางขึ้นเขา เหนื่อยมากเชียว โดยเฉพาะเพื่อนเรา เชอรี่ นู๋จอยจังต้องคอยบอกให้เลขาฯ คอยเดินรอเพื่อน คงเพราะเลขาฯ ชินกะการเดินขึ้นเขา เลยรู้สึกเหนื่อยช้ากว่าเพื่อน

ต้องขอบอกว่า เดินขึ้นไปไกลมากเลย แล้วก็เดินไปถามทางไป เขาก็ชี้ให้เดินขึ้นไป จริงๆ เวลานั้น ตัว N Seoul Tower ยังไม่ปิด แต่เคเบิ้ลคาร์จะปิดแล้ว แล้วเราก็เดินไปเจอเด็กนักเรียนมัธยมปลาย หน้าตาใสๆ เพิ่งจะเลิกเรียนพิเศษออกมาจากโรงเรียน เราก็ถามทางเขา แต่แบบว่า เขาก็ไม่รู้ แบบ “งง” กันมาก อะไรเนี่ย สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ของโซล ไม่รู้จักกันเลยเหรอ ทั้งๆ ที่เรียนอยู่แถวๆ นั้น
แต่เด็กๆ ก็น่ารัก พยายามช่วยเหลือ พูดคุยกันหลายประโยค แล้วก็มีการชมนู๋จอยจังว่า “You are beautiful” นู๋จอยจังของเราเขิน หัวเราะชอบใจ แล้วก็ชมน้องที่ชมกลับไปเหมือนกัน เด็กๆ รุมกันช่วยเราดูแผนที่กันพักใหญ่ แล้วก็มีคนบอกเราว่า เคเบิ้ลใกล้ปิดแล้ว ถึงทันขาขึ้น แต่ขาลงก็ต้องเดินลง พวกเราเลยท้อ ขอมาใหม่วันรุ่งขึ้น

เราก็เลยจำใจเดินลงมาตามทางเก่า แล้วก็ขึ้นรถ MRT กลับบ้านเราซะ เพื่อพักผ่อนเตรียมลุย N Seoul Tower ในวันรุ่งขึ้น


ที่ต้องเรียกว่า N Seoul Tower เพราะเป็น Seoul Tower อันใหม่ ที่สร้างขึ้นมาแทนอันเก่า เรื่องราวความเป็นมา คิดว่าคงหาอ่านกันได้จากเว็บท่องเที่ยวของเกาหลีค่ะ

เช้าวันรุ่งขึ้น วันนี้ออกมาสาย เพราะว่า เตรียมแพ็คกระเป๋าเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพ เมืองฟ้าอมร คิดๆ แล้วใจหายทุกที สำหรับเวลาเที่ยววันสุดท้าย แง๊ๆๆๆ ไม่อยากกลับเลย แต่บ่จี๊แล้วนี่สิ
แล้ว พวกเราก็ดันบื้ออีก ลืมถามมาดามก่อนมาว่า จะขึ้นรถเมล์สายอะไรมาถึงได้บ้าง คราวนี้ต้องบอกว่าศึกษามาน้อย เพราะคิดว่าน่าจะไม่ไกลขนาดนี้ ก็เดินหอบกันเป็นระยะๆ ล่ะค่ะ จาก Myeong Dong เหอๆๆๆ


และแล้วเราก็เจอ ตึก เคเบิ้ลคาร์ค่ะ ไชโย






ตั๋วเคเบิ้ลคาร์ ราคาจำไม่ได้ละ เช็คได้ที่เว็บการท่องเที่ยวโซลค่ะ หรือ //www.hiseoul.net (ถ้าจำเว็บไม่ผิดนะ ตรวจสอบดูอีกทีค่ะ)



บรรยากาศบนเคเบิ้ลคาร์ค่ะ








ขึ้นมาถึงอีกฝั่งของเคเบิ้ลคาร์แล้ว แต่เราต้องเดินขึ้นกันไปอีกนิด ท่ามกลางหมอกและลมฝนมาเป็นระยะ บรื๊อออออ หนาวค่ะ





พอชมบรรยากาศ ท่ามกลางหมอกกันพอสมควร ก็กลับลงมาที่ Teddy Bear Shop ด้านล่าง ทริปนี้ ไม่ได้ไป Teddy Bear Museum ที่เกาเชจู ก็ขอเดินดู เลือกซื้อ Teddy Bear ก็แล้วกันเหอๆๆๆ



หลังจากถ่ายรูปเสร็จ เลขาฯ ก็เสียกะตังค์ไปกะน้องหมี 3 ตัว เหอๆๆๆๆ กลับมาแม่จะว่าไงหว่า ต้องแอบเอาน้องหมีเข้าบ้านซะแล้ว

เนื่องจากไฟลท์เรา เป็นไฟลท์ค่ำ เราเลยรีบลงเพื่อไปเก็บตกซื้อของกันอีกรอบที่ Myeong Dong ทริปนี้บ้าซื้อมากค่ะ แต่ละคนฝากซื้อกันใหญ่ ไม่ค่อยเหมือนทริปแรก ไม่มีคนฝากเลย เหอๆๆๆๆ ก็เดี๋ยวนี้ คนเขาเริ่มรู้ว่า เครื่องสำอางค์ที่เกาหลีถูกกว่าที่บ้านเราเยอะ ก็เลยฝากๆ มาสิคะ เลขาฯ ยังมีฝากคนอื่นซื้อบ้างเลย แง๊วววว

พอลงไปถึง หาของกินเป็นอย่างแรกเลยค่ะ หิวกันมาก เดินไปเดินมา ก็ไปเจอร้านอาหารเล็กๆ ในซอกหลืบ อีกแล้วค่ะ
อาหารง่ายๆ พื้นๆ อย่าง พิบิมพัพ ที่เราคุ้นเคย





พอซื้อเสร็จ กลับไปถึงบ้าน ก็แพ็คกระเป๋าเพิ่มเติม เราดันสื่อสารผิดพลาดกันไปเรื่องการเรียกรถ เราลืมย้ำกะมาดามอีกที ทำให้เขาลืมเรียกรถให้เรา เฮ้อออ พอโทรไป เขาก็ดีค่ะ รีบกลับบ้านมาดูแลเรา แบบว่า จริงๆ เขาก็เลิกงานแล้ว มาดามเป็นครูสอนเด็กประถมค่ะ มาดคุณครูใจดีจริงๆ เลย

คอนโดที่พวกเราไปพักกันค่ะ





ตอนเดินเข้าไป นู๋จอยจังเห็นเจ้าดอกนี้ กำลังค่อยแย้มกลีบบานพอดีเลยค่ะ แต่เลขาฯ อดเห็น เหอๆๆๆๆ


มาดามแกพาเราลากกระเป๋าไปตามทาง คอยเรียกรถแท็กซี่ให้ไปต่อรถ Limousine Buss ที่อับกุจอง เพราะคราวนี้เราไปกัน 3 คน ถ้าให้นั่งรถเหมือนขามา ที่มี 4 คนก็คงไม่คุ้ม แล้วอยากพาเพื่อนๆ นั่งรถแบบ ฮ็อพไปฮ็อพมาด้วย อิอิ

ระหว่างทางก็ได้คุยกะฝรั่งออสซี่อีกระหว่างที่รอรถ เขาบอกว่า เขาจะมาอีกเร็วๆ นี้ เหอๆๆๆ อิจฉาจังวุ้ย กว่าเลขาฯ จะเก็บตังค์มาได้แทบแย่ แถมเป็นหนี้เพื่อนอีกตะหาก เอิ๊กกกกก

ทิ้งด้วยภาพบรรยากาศ ตอนอยู่บนรถบัสไปสนามบินนะคะ

ตึก 63 ที่ปิดปรับปรุงชั้นชมวิวพอดี แงๆๆ อดขึ้นไปดูเลย











Blue House ทำเนียบประธานาธิบดี สาธารณรัฐเกาหลีค่ะ




แสงอาทิตย์สุดท้ายในเกาหลีใต้ค่ะ







Bye Bye Seoul, Bye Bye Korea……




Create Date : 10 ธันวาคม 2551
Last Update : 2 มิถุนายน 2558 13:18:49 น.
Counter : 1273 Pageviews.

3 comment
Korea - The Legend Mission : 06 เดินเที่ยว Coex แล้วนั่ง Time Machine ย้อนกลับไปเป็นเด็ก ที่ Lotte W




คำเตือน บล็อคนี้รูปเยอะมากกก ถ้าเน็ตไม่แรงพอ กรุณารอสักพัก

เดินเที่ยว Coex แล้วนั่ง Time Machine ย้อนกลับไปเป็นเด็ก ที่ Lotte World Theme Park




หายไปนานเลยอ่ะ ต้องรีบมาเล่าเสียก่อนจะมีทริปใหม่ เอ้ย มะช่าย ลืมมากกว่า เรื่องทริปใหม่ คงยังไม่มี เพราะ ตังค์มะมี เหอๆๆๆๆๆ

วันต่อมา หลังจากไปช้อปกันกระจาย เราก็วางแผนกันไปเที่ยวที่ Coex Mall อันเป็นเหมือนศูนย์กลางทางธุรกิจเกี่ยวกับการเงินทั้งหลาย (ตามในหนังสือที่บอกไว้อ่ะ) พอไปแล้ว เลขาฯ ว่า มันสู้ที่ Taipei 101 ไม่ได้อ่ะ ทั้งความอลังการแล้วก็ร้านรวงทั้งหลาย มีน้อยกว่า 101 เยอะเลย แต่มันเป็นแนวกว้างมาก แต่เดินไม่นานก็หมดอ่ะ (ได้ข่าวคราวที่แล้วมา แทบหลงมะช่ายเหรอ ยัยเลขาฯ )

ออกจากบ้าน เราก็เดินตรงไปสถานีรถไฟฟ้า ไม่ได้ไปทางรถเมล์เหมือนคราวก่อน เพราะเลขาฯ ลืมถามมาดาม ว่าต้องนั่งสายไหน จริงๆ อยากนั่งรถเมล์เหมือนกันนะ เพราะจะได้พาเพื่อนร่วมก๊วนได้ลองบรรยากาศแปลกๆ ในการนั่งรถเมล์ต่างเมืองบ้าง เหอๆๆๆ

แล้วเราก็ไปขึ้นที่สถานี Coex Mall เปลี่ยนกี่ทอดจำไม่ได้แล้ว เวลาเดินทางใหม่ คงต้องไปศึกษาใหม่แน่นอน เหอๆๆ ว่าจะไปไหน จะไปเปลี่ยนที่ไหน อันนี้ ต้องขอบคุณ เว็บไซต์ของ mrt ของ เกาหลีใต้เขา //www.smrt.co.kr อ่ะ มีภาษาอังกฤษให้เราด้วยนะ ไม่ยากหรอกค่ะได้คำนวนเส้นทางและเวลา รวมไปถึงค่าโดยสารด้วย

ขึ้นไป เจอป้ายโฆษณากล้องโซนี่ขนาดใหญ่ ที่มี โซจีซบเป็นพรีเซ็นเตอร์ เหอๆๆๆ คราวที่แล้ว ทำเอาเลขาฯ ไปรอหน้าสำนักงาน จนเป็นหวัดนะจีซบ กร๊ากกกกกก (เจ๊เรลากไปนะ น้องเล ไม่ได้อยากไปเท่าไร เหอๆๆๆ โบ้ยซะงั้น) แล้วเราก็เดินตามเขาเข้าไปใน Coex Mall ค่ะ ก็คงเหมือนมาบุญครองบ้านเราซะมากกว่า ไม่ค่อยเป็นร้านไฮโซอย่างพารากอน หรือ 101 น่านอ่ะ

แผนผังร้านค้าที่ Coex Mall



ป้ายบอกทาง



เราก็เดินหาร้านของกระจุ๊กกระจิ๊ก เพราะน้องเลนนี่ จะหาซื้อที่ห้อยมือถือ เลขาฯ เลยได้อนิสงซื้อฝากคนอื่นไปด้วย แถมได้สติ๊กเกอร์อินเด็กซ์ เอาไปฝากเจ๊เร โดนแซวมาเลยว่า ตามสไตล์เลขา เหอๆๆๆ ก็มันน่ารักดีนี่นา

เห็นโทรศัพท์สาธารณะ (แปลกตรงไหน) ก็มันมีหน้าจอนี่ไง ของไฮเทค เหอๆๆๆ แทบวิ่งเข้าใส่ บ้านเรายังล้าหลังด้าน infrastructure อีกเยอะเหอๆๆๆ



หน้าร้านหนังสือ แต่ไฟและอารมณ์ดูดี เลยชักภาพเก็บไว้ (ตอนนางแบบไม่รู้ตัว อิอิ)




พอเดินกันจนทั่ว เราก็ตกลงว่าจะไป Lotte World กันเสียที ก็นั่งรถไฟฟ้าย้อนกลับไปที่ Jamsil เพื่อไป Lotte World ขึ้นไปคนเยอะมาก เพราะมันมีทั้งโรงแรม ศูนย์การค้าและสวนสนุก โรงแรมที่นี่ทัวร์เยอะมาก แม่เลขาฯ มาเมื่อก่อนโน้น ก็มาพักที่โรงแรมนี้น่านแหละ เหอๆๆๆ เห็นอย่างนี้แล้ว เลขาฯ ยิ่งไม่อยากมาเที่ยวกับทัวร์เข้าไปใหญ่เลย เพราะถ้ามาพักโรงแรมคนเยอะๆ แบบนี้แล้ว วุ่นวายแย่เลยอ่ะ

น้ำพุเทรวี่ ที่อิตาลี จำลองมาไว้ที่นี่ด้วย เหอๆๆๆ



ไหนๆ ละ ถ่ายภาพเก็บไว้หน่อย กร๊ากกก ทำเป็นไปเที่ยวที่อิตาลีก็ไม่ได้นะยัยเลขาฯ เอิ๊กกกกก



พอชักภาพกันเสร็จ ก็เดินๆๆๆๆ กันต่อค่ะ ทริปแบบนี้ ต้องเดินกันอย่างเดียว เดินไปเจอสวนสนุกแล้ว แต่น้องเลนนี่ต้องกลับค่ำนี้ เลยอยากซื้อของฝากมากกว่า ที่จะเข้าสวนสนุกเลย ไปเข้า Supermarket กัน (อีกละ) ซื้อของกินเพิ่มเติม น้องเลนนี่ได้สาหร่ายสดมาแพ็คใหญ่เลยทีเดียว แล้วเราก็ไปหาไรกินกัน แต่ว่า เจอแต่ร้านไม่แพงไปเลย ก็ฟาสต์ฟู้ดแบบบ้านเรา ใน food court ก็เลยเดินไปหาใหม่ จนเจอร้านแบบ McDonald แต่เป็นสัญชาติเกาหลี ก็อ่ะนะ หิวแล้วร้านนี้ละกัน คงไม่สั่งยากจนเกินไป

พอสั่งแล้วจ่ายตังค์เสร็จเขาก็ให้ใอ้แท่งดำๆ อย่างนี้มา





มันคือตัวเรียกให้เราไปรับอาหารที่เราสั่งไว้ค่ะ ไม่มีบริการเสิร์ฟถึงโต๊ะแบบบ้านเรานะ ต้องไปรับเองค่ะ อันนี้เลขาฯ ก็ว่าดีนะ พนักงานจะได้ไม่ต้องมาเดินหาวุ่นวาย อ๊ะๆ ตอนถ่าย ของเลขาฯ ก็ดังพอดีเลย ต้องรีบไปรับอาหารแล้วค่ะ หิวตาลายละ

อิ่มละ ลุยต่อได้ น้องเลนนี่ขอแยกตัวกลับบ้านไปจัดกระเป๋า ส่วนเราก็มุ่งหน้าไปสวนสนุก ร่ำลาน้องเลนนี่แล้วก็เดินไปเข้าคิวซื้อตั๋วเข้าสวนสนุก ราคาตั๋วก็มีหลากหลายค่ะ แต่เราเอาแบบ day & night เลยแพงหน่อย แต่เราจะรอดูขบวนพาเหรดตอนกลางคืนด้วยค่ะ อันนี้ต้องชื่นชมความซื่อสัตย์ของพวกเขานะคะ อยู่ทั้งวัน ก็จ่ายกันทั้งวัน นอกจากนี้ยังมีตั๋วปีด้วย คนที่อยู่ที่นั้น ซื้อแบบนี้ก็จะคุ้มกว่าค่ะ

อ้อ มาเที่ยวนี้ เขามีการจัด theme หน้ากากแฟนซีกัน เราก็ได้รับหน้ากากกันคนละอันด้วย งกๆ อย่างเราก็เก็บไว้ให้หลานๆ ค่ะ เหอๆๆๆๆ

ลานไอซ์สเก็ต เห็นแล้วอยากไปเล่นจัง ไม่ได้เล่นตั้งนานแล้ว ขาจะแข็งจะเล่นไม่ได้ป่าวเนี่ยเรา เหอๆๆๆ

ตู้ขายตั๋วอัตโนมัติค่ะไม่กล้าลองค่ะ คาดว่า มีแต่เกาหลี เหอๆๆๆๆ



Counter ขายตั๋ว



หน้าทางเข้าค่ะ ทางเข้าเขา ก็เหมือนทางเข้ารถไฟฟ้าบ้านเรา ต้องสอดตั๋วที่เราซื้อมา เพื่อผ่านเข้าไปในสวนสนุกค่ะ






ทางเข้าด้านหน้า จะเจอตัวตุ๊กตา ม้าหมุนไว้ให้เราเริ่มเดินทางย้อนสู่ความเป็นเด็กกันอีกครั้งค่ะ



ที่ Lotte World เนี่ย ถือเป็นสวนสนุกในร่มนะคะ แต่ก็มีกลางแจ้งเหมือนกัน ที่สำคัญมันดีตรงที่ว่า มันอยู่ในเมืองนี่แหละค่ะ ไปประเทศไหน เขาก็มีสวนสนุกกันหลายที่ แต่บ้านเรา สวนสนุกอยู่ไกลมากเลย เขาให้ความสำคัญกับความฝันของเด็กๆ มาก แต่บ้านเรา ธุรกิจนี้ กลับไม่ค่อยดี คิดถึง แดนเนรมิต กับ แฮปปี้แลนด์จังเลย

ส่วนของสวนสนุกในร่ม ตั้งอยู่บนชั้น 3 ของตัวตึกค่ะ



ตอนนี้ขอย้อนเวลา ย้อนวัยก่อนนะคะ






ม้าหมุน 1 ในฉากสำคัญของเรื่อง Stairways to Heaven จำได้ไหมคะ เหอๆๆๆ (แทบไม่ได้ดู แต่เพื่อนบอกมา เอิ๊กกก)






รถไฟเหาะในร่ม รางวนไปเวียนมา อยู่ภายในตัวอาคารเนี่ยแหละค่ะ


อันนี้เป็นด้านในของ Egypt Adventure ค่ะ


ตึกด้านนอก


วนเวียนไปทั่วตึกเลยค่ะ


เห็นรถลิบๆ ไหมคะ (อันนี้ถ่ายจากมุมสูง ตอนนั่งบอลลูนลอยฟ้าอ่ะ แง๊ววว)

แล้วเราก็ไปต่อคิวขึ้นบอลลูน เพื่อชมรอบๆ สวนสนุก






ต่อไป เป็นวิวมุมสูงของสวนสนุกส่วนในร่มทั้งหมด ดูกันไปค่ะ กับความอลังการ



















ล่องแก่ง กับ รถไฟเหาะ เป็นเป้าหมายต่อไปของเราค่ะ เหอๆๆๆ แต่กว่าจะเดินหาเจอ แย่เหมือนกัน เพราะว่างงๆ กะแผนที่นิดหน่อย เอิ๊กกกก แต่ในที่สุดก็ได้เล่นทั้ง 2 อย่างอิอิ

ถังขยะ สีหวานสดใสมากเลยอ่ะ


เมื่อเล่นในร่มพอสมควร เราก็ว่า เราออกไป outdoor ดีกว่า เดี๋ยวจะมืดค่ำเกินไป

ออกไป ก็ปะทะลมหนาวมาเชียว เอ ได้ข่าวว่า มาฤดูใบไม้ผลิ ทำไมมันหนาวงี้ฟระ เอิ๊กกกกกกกก

เห็นยอดปราสาทอยู่ลิบๆ แล้วค่ะ เลียนแบบ Disney Land มาเต็มๆ ก็นะ บ้านนี้เขาชาตินิยมจริงๆ ค่ะ

ไม่ชักภาพก็กระไรอยู่เนอะ background สวยๆ แบบนี้







แล้วเลขาฯ ก็เจอ Tower Drop เหอๆๆๆ วิ่งขึ้นไปต่อคิวเลยค่ะ รูปออกมา เจอแต่ขา เอิ๊กกกกก





อีกอันที่สูงมาก กำลังทำใจให้กล้าเล่น แต่ลมหนาวที่ปะทะมามากขึ้นเป็นระยะ ทำให้ฝ่อได้เหมือนกัน ถ้ามีเพื่อนขึ้น สงสัย ได้ขึ้นไปแล้วววว อีกคนก็ขู่ อีกคนก็เชียร์ เวงจริงๆ เลย เง้ออออ



เดินทำใจไปเรื่อยๆ ก่อนนะ เอิ๊กกกก



จะเชื่อมะเนี่ย ว่าตะกี้เราอยู่ชั้น 3 ชั้น 4 ออกมามันเป็นทะเลสาปซะแล้วอ่ะ



ถ่ายย้ำกันอีกครั้ง ว่าอยากเล่นนนนนมากกกก แต่กลัวหัวใจไปหยุดเต้นกลางอากาศ เนื่องจากสังขารไม่อำนวย เหอๆๆๆๆ






แล้วก็ต้องตัดใจ ไปเล่นล่องแก่งอันใหญ่ดีกว่า เข้าคิวนานมาก เพราะเป็นที่นิยมของวัยรุ่นกิมจิมาก ทำให้เรากลมกลืนเป็นวัยรุ่นไปกะเขาด้วย เอิ๊กกกกกก

ระหว่างรอคิวล่องแก่ง ก็เห็นอันนี้ เรียกว่า Gyro ไรสักอย่าง เพราะ Tower Drop อันสูงๆ เรียกว่า Gyro Drop





ลืมถ่ายรูปล่องแก่งข้างนอกมาอ่ะ มันมืดแล้วด้วย แต่ว่า ระหว่างรอคิว เด็กเกาหลีมันก็มือบอนเหมือนกันนะ เขียนตามกำแพงไปทั่ว คนโน้นรักคนนี้ คนนี้รักคนนั้น ไม่รู้ว่ามี สถาบันไหน เป็นพ่อสถาบันไหนบ้างหรือป่าว เหอๆๆๆๆ

เริ่มมืดละ เขาก็เปิดไฟละ ประกาศโครมๆ ว่า ขบวนพาเหรดกำลังจะเริ่มในอีกไม่ช้า เราก็เร่งมือถ่ายรูปกันใหญ่เลยอ่ะ เชิญชมครับผม













ไปจับจองที่ค่ะ



















จะบอกว่า ทั้งหมดนี้ ลืมเปลี่ยน ฟังก์ชั่นการถ่ายหมดเลย เหอๆๆๆ รูปเลยเบลอๆ ไม่สวยเลย มัวแต่ตะลึงของจริง


เมื่อจบขบวนพาเหรด เราก็กลับกัน เพราะหิวกันแล้ว เลยตัดสินใจไปหาอะไรกินที่ Myeong Dong อ่ะ

พอไปถึง ก็เดินๆๆๆ หากันพักใหญ่ จนนู๋จอยจังให้ลองกินร้านนี้ เพราะเห็นน่ากินดี เป็นข้าวผัด นู๋จอยติดใจเด็กเสิร์ฟอีกละ 5555 (ต้องเผากันหน่อยนะน้อง)









หมดเกลี้ยงไป 2 ชุดค่ะ กินกัน 3 คน เหอๆๆๆๆ หิวกันมากๆๆๆ

อิ่มแล้ว ก็เดินดูของกันนิดหน่อย ช้อปของตกค้าง แล้วก็กลับบ้านค่ะ ก่อนกลับ ก็มอง Seoul Tower ไว้ บอกว่า พรุ่งนี้เราจะไปเยี่ยมนะ เหอๆๆๆๆๆๆ





Create Date : 10 สิงหาคม 2551
Last Update : 2 มิถุนายน 2558 13:23:24 น.
Counter : 2979 Pageviews.

4 comment
Korea - The Legend Mission : 05 ตามล่าร้านไก่ Shinhwa ณ Abgujeong แล้วไปหม่ำหมูพลูโกกิ ณ Myeong Dong




ตามล่าร้านไก่ Shinhwa ณ Abgujeong แล้วไปหม่ำหมูพลูโกกิ ณ Myeong Dong




แล้วเราก็ออกเดินทางจาก Seoul Grand Park ไปยัง Abgujeong เพื่อตามล่าร้านไก่ชินฮวา เหอๆๆๆ จริงๆ ก็เป็นร้านไก่ที่ชินฮวาเคยเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่แล้วก็หุ้นกันซื้อแฟรนไชส์ขายกันที่ Abgujeong ย่านไฮโซของโซลค่ะ

การตามล่าร้านไก่นี้ ขอขอบคุณพี่กบ s.sunsun กะพี่เอ๋ นะคะ ที่กรุณาบอกทางให้น้องๆ ได้ไปตามล่าได้ถูกทาง แม้ว่า น้องจะเปลืองค่าโรมมิ่งโทรศัพท์บานเบอะเลย เหอๆๆๆๆ เศร้ามากค่ะ แต่ก็คุ้มเนอะ

จากสถานีอับกุจอง ออกมายังทางออก 2 แล้วก็หันหลังกลับจะเจอแยกใช่ไหมคะ ก็เลี้ยวขวาค่ะ เดินไปเรื่อยๆ จนเจอแยก ที่ฝั่งตรงข้ามเป็นปั๊มน้ำมัน



ก็ข้ามถนนแล้วเดินมาเรื่อยๆ สักประมาณ 3 บล็อค (ซอย) ก็มองหาถนน



ที่ข้างหน้าเป็นร้านขายที่นอน กับ ศัลยกรรมพลาสติก ส่วนอีกข้างเป็นธนาคารค่ะ



ด้านหน้าถนนก็เต็มไปด้วยตู้โทรศัพท์สาธารณะอย่างนี้แหละค่ะ



เดินเข้าซอยนี้ ไปสักประมาณ 300 เมตร ตรงเข้าไปเลยนะคะ ไม่ต้องแยกซ้าย ตรงร้าน Starbucks ก็จะเห็นป้ายร้านนี้ค่ะ



น่านแหละ ร้านไก่ชินฮวาค่ะ เหอๆๆๆ จริงๆ เลขาฯ หลงนับซอยผิดไปด้วย เราไม่ได้นับซอยเล็กๆ กันเดินเลย เข้าซอยแล้ววนออกมา วนไปวนมา จนเจอนี่แหละค่ะ วันนั้นพี่กบก็กำลังเตรียมตัวกลับ กำลังแพ็คกระเป๋าขึ้นเครื่องกันทีเดียว เหอๆๆๆ

เมนูค่ะ









วันนั้น เราสั่งไก่สูตรเผ็ดค่ะ อยากกิน เหอๆๆ พร้อมสลัด และโค้กมานั่งหม่ำเล่นกัน



แล้วก็ถึงเวลาชักภาพในร้าน เหอๆๆๆ ไม่ค่อยเลยเรา







ตามโต๊ะ กลางร้าน









หนุ่มเฝ้าร้าน



ผู้จัดการสาว น่ารักเชียว เลขาฯ ชอบ อิอิ



ถ่ายกะคนสวยของเลขาฯ อิอิ



ตอนแรกเข้าไปในร้าน ก็มีกลุ่มคนฮ่องกงนั่งอยู่ แต่คงใกล้เสร็จแล้ว เสียงเลยดังแค่ช่วงแรกๆ (ขอบอก ไมมันต้องคุยกันดังๆ ด้วยฟระ ไม่เกรงใจชาวบ้านเล้ยยยยย) แล้วก็มีกลุ่มคนญี่ปุ่นตามหลังก๊วนของเลขาฯ เข้าไป เขานั่งเงียบ คุยกันเบาๆ มารยาทดีเชียว เฮ้ออออ ต่างกันจริงๆ เลยนะเนี่ย

พอเราอิ่ม ก็ ได้เลยออกเดินต่อ ขากลับก็เลยถ่ายจุดสังเกตุไว้ ก็อยู่ข้างบนที่อธิบายไปน่านแหละค่ะ

พอมาถึงสถานี Myeong Dong นู๋จอยจัง เราก็รี่ไปถ่าย จุนกีไว้ เหอๆๆๆ







แล้วเราก็ไปเดินเมียงดง แต่จริงๆ ต้องออกเสียง มิยอง – ดอง ค่ะ ไปถึงก็ช้อปกันกระหน่ำ เพราะเพือนๆ ฝากมาซื้อเครื่องสำอางค์กันเพียบเลยค่ะ ก็มันถูกกว่าที่เมืองไทยนี่คะ คุณภาพก็ใช้ได้ ไม่ขี้เหร่ ตอนนี้มา มีหลากยี่ห้อมากขึ้นค่ะ จากคราวก่อนที่เลขาฯ มามีไม่กี่ยี่ห้อเอง เหอๆๆๆ เลยเดินเข้าร้านโน้น ออกร้านนี่เป็นว่าเล่นเลยค่ะ จาก Etude, Skin Food, It’s Skin, The Face Shop, Laneige, Moly และอีกหลากยี่ห้อ ที่จำไม่ได้ละ เหอๆๆๆ เพียบบบบบบบค่ะ



เลขาฯ ใช้เงินเป็นล้าน ก็คราวนี้ล่ะ กร๊ากกกกกกกกกกก หลักล้านเลย ก็เพื่อนฝากซื้อเยอะนี่หว่า รูดจนบัตรกระจาย ไหนจะของตัวเองอีก ที่ซื้อใช่ย่อย เพราะใช้บางตัวอยู่แล้ว บางตัวก็มาลองๆ เพิ่ม เหอๆๆๆๆ

เดินไปเรื่อยๆ ก็ไปเจอร้านมันฝรั่งทอดกรอบ ที่เลขาฯ เคยกินที่ไต้หวัน ก็เลยบอกก๊วนว่า อันนี้อร่อย เพราะมันเป็นมันฝรั่งทั้งลูกเอามาฝานบางๆ แล้วทอดกรอบบบบบ แต่ราคาแพงกว่าที่ไต้หวันหน่อยนึง เพราะ 2000 วอน ก็ตก 60 กว่าบาท แต่ที่ไต้หวัน 40 เหรียญ ก็ตก 40 กว่าบาท เหอๆๆๆๆ

พ่อค้าร่วมแจมด้วยค่ะ





นอกจากเครื่องสำอางค์ ก็มีเครื่องประดับกระจุ๊กกระจิ๊กด้วยค่ะ มองกันไป ดูกันไป น้องเลนนี่ ได้รองเท้า นู๋จอยจัง ได้เสื้อ เลขาฯ ได้สร้อยกะต่างหู

พอช้อปกันจนพลังงานหมด ก็มองหาร้าน พลูโกกิกัน เดินกันขาลาก ก็ไปเจออาจุมม่า แกเข้ามาถาม แกคงรู้ว่าเราหาร้านอาหาร เราก็บอกว่า พลูโกกิ แล้วแกก็พาเราเดินไปขึ้นลิฟต์ แล้วก็เจอร้าน พลูโกกิค่ะ

แต่ แต่ แ ต่

ไหงกลายเป็นว่า พลูโกกิที่เราเคยเข้าใจ เป็นแบบนี้ล่ะ





ส่วนพลูโกกิที่เราเคยเข้าใจ เขาดันเรียก บาร์บีคิว เสียได้ งงเฟ้ยยยยยยยยย





ซุปกิมจิ กับ พิพิมพัฟที่ร้านนี้ อร่อยสู้ร้านที่อินซาดงไม่ได้เลย ออกจะหนักผงชูรสซะด้วย เฮ้ออออ พอกินเสร็จปากชากันเป็นแถวเลยค่ะ

น้องอึนเฮ ที่น่ารัก เป็น พรีเซ็นเตอร์ยีนส์ด้วย น่ารักค่ะ ตัดผมสั้น ยิ่งดูเด็กลง แหมๆๆ ตอนอยู่ว็อกซ์ ยังมะดังเท่านี้เลยนะเนี่ย



แล้วเราก็ไปเอาของที่ร้าน Etude ที่ฝากไว้ เพราะซื้อกันเยอะมาก เลยขอฝากเขาไว้ ร้านเขาปิด 5 ทุ่ม เหอๆๆๆ ก็ใกล้ๆ แล้วล่ะ เลยรีบกลับบ้าน ไปนอน เพราะพรุ่งนี้จะไป Coex กะ Lotte World อีก เฮ้ออออ

กลับบ้าน มาดามตกจายยย นังพวกนี้ ช้อปได้ทุกวันเลย เหอๆๆๆๆๆ




ไว้จะมาเล่าต่อนะคะ คือวันนี้แอบนายเล่น เพราะนายอยู่บนเครื่องบิน เหอๆๆๆ









Create Date : 22 เมษายน 2551
Last Update : 1 มิถุนายน 2551 12:15:10 น.
Counter : 1085 Pageviews.

7 comment
Korea - The Legend Mission : 04 เที่ยวสวนสัตว์ กรุงโซล เดินชมสัตว์นานาชนิด





พอจบคอนเสิร์ต ฝนดันตกซะงั้น ร่มก็ไม่ได้เอามา กรรมเวรจริงๆ เลยอ่ะ การ์ดที่นี่ทำไมงี่เง่านักก็ไม่รู้ ไปปิดห้องน้ำคนพิการ ไม่ให้คนเข้า แถวห้องน้ำธรรมดายาวเหยียดซะไม่มีเลย

พวกเราก็ตัดสินใจว่าลุยออกไปเอาของแล้วหาอะไรกินกันดีกว่า นู๋จอยจังบอกว่า เห็นแถวบ้านมีร้านไก่ทอด เลยตัดสินใจไปกินแถวบ้านเหมือนเดิม ถ้าไม่มีอะไรกิน ก็คงต้องกินมาม่าเหมือนเดิม

เรากลับไปเอาของที่ฝากไว้ เหอๆๆๆ เสีย 2,000 วอนค่าฝากครับ แต่เวลานั้น ไงก็ต้องฝาก เพราะว่า เรายืนอ่ะ ไม่อยากพกอะไรไปมาก แง๊ววววว

กลับไปที่บ้าน ร้านไก่ทอดเมื่อวานที่เห็นปิด เลยเดินไปเรื่อยๆ เลขาฯ บอกว่า มันก็มีร้านของกิน จะลองๆ เดินดูป่าว แล้วโชคก็เข้าข้างพวกเราค่ะ ไปเจอร้านขายไก่ทอด เจ้าของร้านก็มาคุยๆ กะเรา เขาถามเราเหมือนเดิมว่า เรามาจากไหน พอรู้ว่ามาจากประเทศไทย เขาก็บอกว่า เขาก็เคยมาเมืองไทยเมื่อ 2 ปีก่อน มาเที่ยวกรุงเทพฯ กับพัทยา เอ๊ะ ทำไมคนเกาหลีชอบมารเที่ยวพัทยาเหลือเกินหว่า

ไก่ร้านนี้อร่อยเชียว เลขาฯ ว่าอร่อยกว่า KFC + McDonald รวมกันซะอีก แถมถูกอีกตะหาก 8 ชิ้น พร้อมโค้กลิตร 1 ขวด 8,200 วอนเอง เป็นเงินไทยก็แค่ 260 กว่าบาทเอง ถือว่าไม่แพงกว่าเมืองไทยเลย ยิ่งถือว่าถูกมากในเกาหลี เพราะข้าวมื้อนึงของเขา ก็ประมาณ 5,000 วอนละ เหอๆๆๆ ก็เราคนไทยกินน้อยกว่าเขานี่หว่า 8 ชิ้นนี่ เขาอาจจะกินกันแค่คน สองคนก็ได้

พออิ่ม ทีนี้พวกเราก็กลับบ้านไปพักผ่อนกันเสียที เพราะพรุ่งนี้กะว่าจะไปเดินโซลแกรนด์พาร์ค แล้วไปหาไก่ชินฮวากินเสียหน่อย เหอๆๆๆๆ

จริงๆ วันนี้เราตั้งใจจะไปซูวอนด้วย แต่สภาพอากาศดูแล้ว อย่าไปดีกว่า เพราะถ้าฝนตก เดินป้อมฮวาซองไม่หนุกแน่ๆ เลย เลยไปแค่โซลแกรนด์พาร์ค อยากรู้แล้วล่ะสิ ว่าสวนสัตว์บ้านเขาเป็นไงกันบ้าง

Seoul Grand Park เป็นสวนสัตว์ที่อยู่นอกเมืองโซล แต่ mrt ก็ยังไปถึงค่ะ แต่สถานีนี้เงียบเหงาสักหน่อย อาจเพราะเป็นวันธรรมดาด้วย ส่วนใหญ่ที่เราเห็นจึงเป็นคนเฒ่า คนแก่ ที่มาออกกำลังกาย หรือมาสังสรรค์กันในหมู่เพื่อนฝูง







ตอนเราเข้าไป ต้องนั่งรถ tram เข้าไปค่ะ จริงๆ ก็เดินได้อ่ะ แต่ว่าเราเวลาน้อย แถมแบบว่า ไม่รู้ว่าไกลขนาดไหน ก็เลยนั่งรถ tram ไปกัน เท่าไรหว่า จำไม่ได้ แต่ว่าถูกกว่ากระเช้าแน่นอน เหอๆๆๆๆ



ทางขึ้นกระเช้าค่ะ แต่เราอยู่บนรถ tram แล้วเหอๆๆๆ อากาศหนาวด้วย เพราะเป็นกระเช้าเปิดโล่งงง





ระหว่างทาง ดูเพลินๆ ค่ะ





แล้วเราก็ไปจ่ายค่าเข้าสวนสัตว์ เรามาไม่ทันโชว์ปลาโลมาละ อีกทีอีก 2 ชั่วโมง เราก็เลยไม่ดูโชว์ละ เข้าไปดูสวนสัตว์อย่างเดียวพอค่ะ ค่าเข้าประมาณ 3,000 วอนอ่ะ

มีร้านให้เช่ากล้องถ่ายรูปด้วยอ่ะ



แล้วนี่ เหอๆๆ เห็นแล้วสะดุด จนต้องกดชัตเตอร์



สวนสัตว์เขากินอาณาบริเวณเนินเขากว้างมากเลยค่ะ



นกฟลามิงโก้



ชักภาพตัวเองหน่อย มีคนแซวว่า เลขาฯ ขาวกว่า นกฟลามิงโก้ด้านหลังอีก แป่ววววว











จริงๆ มีช้างด้วย แต่เลขาฯ ไม่ได้ถ่ายรูปมา แต่ช้างผอมเชียวค่ะ น่าสงสารมาก แถมมันยังเอาฟางหญ้ามาโปะไว้บนหลังด้วย คงหนาวววว เพราะช้างเป็นสัตว์เมืองร้อนนี่นา ไม่ว่า ช้างเอเชีย อย่างช้างไทย ช้างอินเดีย หรือช้างอัฟริกา









ตัวประหลาด เหอๆๆๆ ไม่รู้ว่าตัวอะไรเหมือนกัน







ปูเสฉวน ไม่แปลก แต่อยากถ่ายอ่ะ



ปูน้อยยยยยย หารัก(รึป่าว)



กระจั๊วน้ำ กร๊ากกกก กัวอ่ะ



แมวน้ำ มันไม่ยอมโผล่มาให้เห็นสักที







อูฐเมืองหนาวววว



ตัว merkeet น่ารักดี แต่ตัวเหม็นชะมัดเลย





เดินเล่นมาเกือบ 2 ชั่วโมงแล้ว พวกเราก็เห็นว่า น่าจะกลับสักที เราจะไปกินไก่ชินฮวา เหอๆๆๆๆ





Create Date : 15 เมษายน 2551
Last Update : 22 พฤษภาคม 2551 13:39:18 น.
Counter : 922 Pageviews.

2 comment
Korea - The Legend Mission : 03 วันที่รอคอย คอนเสิร์ตฉลองครบรอบ 10 ปี Shinhwa





เช้าวันถัดมา พวกเราตื่นมาด้วยความตื่นเต้น เหอๆๆๆ ก็นับวันถอยหลังกันมานานเลยทีเดียว กับคอนเสิร์ตครั้งนี้ วางแผนกันมานานเลยทีเดียว เหอๆๆ แล้วอีกอย่าง เป็นคอนเสิร์ตครบรอบ 10 ปี และเป็นคอนเสิร์ตก่อนที่พวกสมาชิกบางคนต้องเข้ารับราชการทหาร แค่คิดย้อนกลับไปก็เศร้าเสียแล้ว พวกเราจึงพิถีพิถันแต่งตัวกันนานไปหน่อย เหอๆๆๆ



พออกมา ก็พบกับอาหารเช้าที่ทางครอบครัว Kwak เตรียมไว้ให้ อ้อ เลขาฯ ลืมบอกไป 2 วันแรกนี้ Mr. Kwak ไม่ได้อยู่บ้าน ไปค้างที่บ้านพ่อของเขา มาดูกันว่าเรามีอะไรเป็นอาหารเช้ากัน




เช้านี้เป็นคิมพัพ ไส้ผัก เหอๆๆๆ ก็บ้านนี้เขาเป็นมังสวิรัติค่ะ ไม่ทานเนื้อสัตว์ พร้อมด้วยขนมต๊อก เลขาฯ ทานไม่มากเท่าไร เพราะว่า ปกติไม่กินอาหารเช้าอ่ะ ก็กินสะสมไว้เป็นพลังงานในการเดินทางต่อไป



ขอเผาเพื่อนเชอร์หน่อย เหอๆๆ ว่าอาบน้ำก็ช้า แต่งหน้าก็ช้า กินก็ช้า อ่ะนะ เพื่อนปรับปรุงตัวด่วน แต่ที่ไม่น่าเชื่อ คือ เจ้านู๋จอยจัง ที่ทำอะไรก็เร็วไปหมด แม้ว่าจะเข้าห้องน้ำ เร็วจริงๆ ยัยนี่ ทำทุกอย่างไวยังกะจรวด เหอๆๆๆ



ตอนนี้ รอเวลาทุกคนพร้อม เช้านี้ เรากะจะไปเดินยงซานกันก่อน ยงซานเป็นตลาดศูนย์รวมอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ เหมือนๆ กับพันธ์ทิพย์บ้านเรานั่นแหละค่ะ แถมสถานียงซาน ยังเป็นศูนย์รวมการคมนาคมของโซลอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นรถไฟใต้ดิน รถไฟ รถบัส เวลาเดินขึ้นมาแทบหลง ถ้าลง track ไม่ถูก ก็จะหลงไปคนละสายเลยค่ะ





Subway ของเขา แต่จริงๆ แล้วเขาเรียก mrt เพราะมันมิกซ์กันหมดเลยค่ะ ทั้งใต้ดิน บนดิน รวมถึงลอยฟ้าตอนข้ามแม่น้ำ และตอนนี้ mrt ของเขาก็ขยายไปถึง สนามบินอินชอนแล้วด้วย แต่เลขาฯ ยังไม่ได้ลองเลยอ่ะ แต่เหมาะสำหรับคนที่สัมภาระไม่เยอะค่ะ คง hop กันสนุกเลยทีเดียว เพราะเท่าที่ดู ต่อไป ต่อมาเยอะทีเดียว กว่าจะถึงกลางเมือง



เลขาฯ ไปเดินเจอ mp3 mickey mouse ให้เพื่อนก็ที่นี่นั่นแหละค่ะ ก็เลยซื้อมาเลย จะได้ไม่เสียเวลาอีก แถมถูกกว่าด้วยอ่ะ แต่เห็นมัน made in china เลยไม่ค่อยมั่นใจเลยอ่ะ ยังไม่ได้โทรถามเพื่อนเลยว่า โอเคหรือป่าว

แล้วก็ไปหาซื้อเสื้อ jacket เพราะอากาศหนาวเกินคาดไว้ ต้องบอกว่าประมาทจริงๆ เลยเลขาฯ เพราะว่า มีฝนตก เลยทำให้อากาศเย็นเพิ่มขึ้นจากที่ดูพยากรณ์อากาศไว้ เลขาฯ เลยได้ jacket ลดราคาของ clr!de ใครเป็นแฟนชายชิน หรือ จูจีฮุน คงจำได้ว่าหนุ่มคนนี้เคยเป็น พรีเซ็นเตอร์ให้กับเสื้อผ้ายี่ห้อนี้ เหอๆๆๆ

แล้วก็ไปเจอนี่เข้า กร๊ากกก แฟนเอริค มาดูกันเร๊วๆ ถ่ายๆ อยู่ พนง. ห้างก็มาห้ามถ่ายรูป เหอๆๆๆ ถ่ายไปแล้ว กร๊ากกก





นอกจากนี้ เรายังไปช้อป e-mart ทำตัวเป็นแม่บ้านเกาหลี ช้อป ใน supermarket ได้ขนม มาม่าเกาหลี สาหร่ายมากันพอควรเลย ช้อปกันนานทีเดียว พอออกมา ก็เลยกลับบ้านกันก่อน เพื่อเอาของไปเก็บ

พอกลับถึงบ้าน ก็เก็บข้าวของเข้าห้องน้ำห้องท่า เตรียมออกเดินทางไป Olympic Gymnasium กัน พวกเรายังตกลงกันไม่ได้ว่า จะไปกินกลางวันกันที่ไหน แล้วเดินไป ก็ตัดสินใจว่าจะไปกินระหว่างทางที่เราจะไปเปลี่ยนสถานีกัน

ก็ไปเจอร้านข้าวที่จะเทียบก็คงเหมือนร้านข้าวแกงบ้านเราค่ะ





รามยอน กิมจิค่ะ อาหารมื้อนี้ของเรา



แล้วเราก็รีบเดินทางไป โอลิมปิค ยิมเนเซียมค่ะ พอไปถึงฝนตก แม่เจ้า อากาศเลยยิ่งหนาวขึ้นไปอีก



แล้วเราก็ไปเข้าคิว ซื้อของที่ระลึก เหอๆๆๆ แรกๆ ยังดี๊ด๊าค่ะ



แต่พอเจ้าหน้าที่เริ่มๆ มากากบาทว่าอันไหน sold out บ้าง เราก็เริ่มลังเลละ จนหลายอย่างที่อยากได้ มันหมดแล้ว ก็เลยตัดสินใจ ไม่เข้าคิวต่อแล้ว ไปเดินหาคิวเข้าแถวดีกว่า เพราะถึงยังต่อๆ ไป ก็ไม่แน่ใจว่า จะได้ของที่อยากได้หรือเปล่า แหง่ววววว “-_- เหอๆๆๆ มัวแต่ช้อปปิ้งที่อื่น ไม่รีบมาเข้าคิวซื้อของ วันรุ่งขึ้นจะมีไหมเนี่ย พวกเราก็เสี่ยงดวงแล้วล่ะค่ะ ว่ามันจะมีไหม

ป้ายของ ชินฮวา ฮ่องกง ตอนที่เข้าคิวซื้อของที่ระลึกค่ะ





เอ๊ะ ทำไมหารูปจินมะเจออ่ะ อ้าวเจอละ อิอิ รูปเยอะไปหน่อย เหอๆๆ



คิวบัตรนั่งยาวเหยียดเลยอ่ะ ทุกคนอยากรีบเข้าฮอลล์ เพราะข้างนอกฝนตก แถมอากาศหนาวด้วย ถ้าเป็นเมืองไทยเหรอ เลขาฯ คงไม่รีบมาเข้าแถวอย่างนี้หรอกนะ ขอบอก ถ้าไม่ใช่เพราะพวกแก ฮึ่มมมมม!!!! แถมฝนตกอีกตะหาก หนาวยะเยือกเลย ขนาดซื้อแจ็กเก็ตเพิ่มแล้วนะ ไม่วายหนาวยะเยือก เพราะลมพัดมาเป็นระยะๆ ทำไปได้เนอะเรา ถ้าไม่ใช่เพราะลิงๆ พวกนี้

แล้วเราก็ได้เข้ามาในฮอลล์ค่ะ อันดัแรกเลขาฯ สังเกตแสงสี ค่ะ แม้จะยังไม่เริ่ม แต่ก็สังเกตุจุด ในฐานะที่เคยทำละครเวทีที่เป็นคนดูแลด้านแสงอ่ะ เหอๆๆๆ





วันแรกนี้ พวกเรานั่งอยู่โซน R อ่ะ ขึ้นมาจากบัตรราคาแพงสุด จากด้านนี้ ถือว่าโอเคเลย เพราะเห็นเวทีค่อนข้างโอเคเลย ไม่ได้ขี้เหร่เลย ถ้าเทียบกับการจัดที่นั่งของผู้จัดไทยอ่ะ อันนี้ ต้องขอบใจเพื่อนกาด กะนู๋บีที่ช่วยเป็นธุระให้ เหอๆๆๆๆ

แล้วก็เริ่มถ่ายรูปเก็บบรรยากาศเป็นที่ระลึกค่ะ เพราะว่ารอคอย countdown กันมาหลายเดือนเลยทีเดียว ต้องเก็บไปไห้คุ้มค่ะ แต่วันนี้เลขาฯ ไม่ได้เอากล้องเข้ามาอ่ะ เสียดายมาก เพิ่งถอยชิพตัวใหม่ 2 GB มาด้วย มะงั้น ถ่ายคลิปได้ยาวเลย เพราะคิดว่าเขาจะ strict เรื่องกล้อง แต่ที่ไหนได้ ไม่ตรวจเลยอ่ะ เสียดายมากกกกก เพราะจากตรงที่นั่งอยู่นี่ เห็นชัดเลยทีเดียว แม้จะไม่ใกล้มาก แต่ก็เก็บบรรยากาศได้หมดทุกมุมของเวที

ตามกำหนดการ คอนเสิร์ตวันนี้ จะต้องเริ่ม 6 โมงเย็น แต่จริงๆ มันเริ่มประมาณ 6 โมงครึ่ง เร็วเนอะ ไม่เหมือนบ้านเรา กว่าจะเริ่ม บอกว่า 2 ทุ่ม แต่จริงๆ 2 ทุ่มครึ่ง ทำให้เลิกดึกมากๆ เลย แต่ที่โน่นออกมา ก็ไม่ดึกมากนัก แถมกลับบ้านก็สบาย เพราะ mrt ถึงอ่ะ

เปิดฉากคอนเสิร์ตด้วย Throw My Fist เริ่มจากพี่เอ็ม มากับเครนกระเช้า ทางฝั่งขวาของเวทีหรือ ฝั่งซ้ายของเรา แล้วฮเยซองก็ออกมาด้านขวา เหอๆๆๆ ทงวานก็ออกมาตรงกลาง ใครได้ดูคอนสิ้นปี หรือคอนฯ ที่ญี่ปุ่น เซี่ยงไฮ้ เหมือนกันเลย มุข “-_- (เฮ้อออ แกจะไม่เปลี่ยนมุขเลยหรือไงฟระ อุตส่าห์ถ่อมา – แต่ตอนที่ดูไม่สนใจหรอกค่ะ แค่เห็นหน้าพวกนี้ ก็มีความสุข ส่งเสียงกรี๊ด ลืมวิจารณ์กันเลยทีเดียว)

ลำดับเพลงอื่นๆ จำไม่ได้หรอก ไม่แน่วแน่จะจดจำขนาดนั้น เหอๆๆๆ แต่รู้ว่ามีเพลงใหม่ ซึ่งพวกเราไม่มีใครสักคนเคยได้ยิน แต่พวกชางโจเกาหลีร้องกันได้ งี๊ดดดดด หรือว่าออกมาตอนเรามาเกาหลีกันแล้ว 2 วันเองนะ ทำไมร้องกันได้ฟระ เร็วเหลือเกินอ่ะ

คอนเสิร์ตวันแรก ต้องบอกว่า ประทับใจจริงๆ ทุกคนเล่นกันได้เยี่ยมมาก โดยเฉพาะฮเยซอง แร่ดได้ใจมาก สไลด์เข่าได้ไงเนี่ย เข่านายเจ็บไม่ใช่เหรอ แล้วก็แรกๆ เจ๊าะแจ๊ะกะเอริคตลอด แต่พอเห็นรูปๆ นึงที่แฟนๆ ถือเข้ามา ก็โวยวายประมาณว่า “เอารูปแบบนี้เข้ามาในนี้ได้ไง” แล้วก็ร่อนไปทางคนดู ไม่รู้ไปปักหัวใครหรือป่าว แล้วหลังจากนั้น ก็ไม่ยอมเข้าใกล้เอริคอยู่เลย แหมๆๆๆ พวกสาวกริคร่า เลยอดเฮเลย กร๊ากกกกกก

อยากรู้มะ ว่ารูปไหน ขอเวลาหาก่อนนะ เหอๆๆๆๆๆ

วันนี้ ดูทุกคนสนุกสนานกับแฟนๆ และคนดู แต่ละคนแสดงกันเต็มที่ เพราะมันเป็นคอนเสิร์ตฉลอง 10 ปีที่เราทุกๆ คนรอคอย ทุกคนวิ่งไปรอบๆ เวที สนุกสนาน เฮฮา



คำแปลข้างบน จำแม่นๆ ไม่ได้ แต่รู้สึกว่า จะเกี่ยวกับ “ชินฮวา” และ “ชินฮวาชางโจ” (ชื่อแฟนคลับของชินฮวาที่เกาหลี) เหอๆๆๆ เดี๋ยวไปหามาก่อน อ่านมาหลายวัน กลับมาก็ยุ่งๆ ชักเลือนๆ ละ (ตกลงตรูรักพวกมันจริงป่าวฟระเนี่ย จำอะไรไม่ได้สักอย่าง แต่ลงทุนไปดูคอนฯ พวกเน้ถึงเกาหลีเลยอ่ะ)

วันนี้อังกอร์ก็จำไม่ได้ว่าเป็นเพลงอะไร มัวแต่ตื่นตัน ตื่นเต้น ร้องเพลงก็ไม่ค่อยจะได้ ฮัมๆ ไปได้เรื่อยๆ เอง สงสัยต้องเอาเพลงพวกนี้มาฟังทีละอัลบั้มละ ฟังรวมๆ ไม่เคยจำได้สักทีชื่อเพลงอ่ะ สับสน สับไป สับมากัน มั่วไปหมด เหอๆๆๆ

ออกมา พวกเราก็หิวโซค่ะ ขนาดตอนเข้าแถว เลขาฯ ซัดไส้กรอกห่อแป้งทอดไปแล้วนะ แต่สงสัยใช้พลังงานในการกรี๊ดดดดด ไปหมดอ่ะ

พวกเราก็เลยตัดสินใจไปกินเอาแถวๆ บ้านละกัน ที่ Geumho ซึ่งเลขาฯ บอกก็มีเซเว่นนะ ลองไปดูละกัน แต่ก่อนไปถึง ก็ไปกวาดนมที่เซเว่นใน mrt กับหนมกันมานิดหน่อย ประทังความหิวค่ะ

คืนนั้น เราก็เลยต้องซัดมาม่ากันที่บ้าน อ่ะนะ

ส่วนวันรุ่งขึ้น พวกเราไม่ไปไหนก่อนเลย ตั้งใจไปเข้าคิวที่ โอลิมปิค ยิมเนเซี่ยมเพื่อของที่ระลึก ซึ่งไม่รุ้ว่าจะมีครบทุกอย่างหรือเปล่า แต่ไปถึงก็เที่ยงแล้ว ก็นะ กว่าจะออกจากบ้าน ก็กะว่า เย็นนี้จะไปแท๊ดแถกันต่อ ก็เลยออกสายหน่อย ไปถึงก็มีคิวบ้างแล้ว ก็เลยรีบวิ่งเลยค่ะ

เราได้ของกันมาตามแต่ละคนจะใคร่ซื้อ เลขาฯ ได้มาหลายอย่างค่ะ เดี๋ยวไปถ่ายรูปเอาลงให้นะคะ ขออธิบายก่อนแล้วกัน เริ่มจาก

น้ำหอม 6 สี 6 กลิ่น ราคา 50,000 วอน ใช้ไปแล้วครบกลิ่นค่ะ อิอิ ก็แหม ต้องใช้สิคะ เก็บนานๆ น้ำหอมก็เปลี่ยนกลิ่นเปลี่ยนสี งานนี้ ถึงแม้จะทำจากฝรั่งเศสก็เหอะนะ



จี้พร้อมสร้อยชินฮวา ที่มีการันตีเป็น เงิน 92.5 ด้วย พร้อมด้วยคริสตัลจาก Schwarofzki (สะกดถูกป่าวหว่า สะกดผิด แย่เลย เหอๆๆๆๆ) ราคา 45,000 วอน ถ้าคิดตาม costing อันนี้ไม่แพงนะ (อ่ะนะ พวกทำจิวฯ บอกเอง ไม่เชื่อได้ไงเนี่ย กร๊ากกก)



พวงกุญแจการ์ตูน 6 ชิ้น ราคา



ถุง 10 ปี ชินฮวา ขนาดเล็ก ราคา 1,000 วอน




คอนเสิร์ตวันที่ 2 พวกเรายืนค่ะ เพื่อความมันส์ค่ะ เลยเลือกที่จะยืนวันนี้ แต่ก็นะ เตี้ยค่ะ แถมได้โซนไม่ค่อยดี ก็เลยเห็นมั่ง ไม่เห็นมาก แต่บรรยากาศ กับอารมณ์ก็โอเคแล้วค่ะ

วันนี้ ฮเยซองไม่ค่อยเล่นเหมือนเมื่อวานเลย แถมบรรยากาศออกเศร้าๆ ตอนที่เราไปเอาตั๋ว สต๊าฟคนนึงก็มาอ้อล้อนู๋จอยจัง ถามเราว่ามาจากไหน เราก็บอกว่า มาจากประเทศไทย แล้วเค้าก็โม้ว่า คอนเสิร์ตวันนี้ จะไม่เหมือนเมื่อวาน จะยาวกว่านิดหน่อย อ่ะนะ เราก็จะมีไรพิเศษหรือเปล่านะ

พอรับบัตรก็กลับไปเล่าให้ในก๊วนฟัง ก็เดากันไปต่างๆ นาๆ อ่ะ แต่ก็นะ ที่ยาวขึ้น เพราะพี่เอ็มโม้บิ้วท์อารมณ์มากขึ้นนั่นเอง แต่ก็ได้ผลนะพี่เอ็ม ขนาดฟังไม่ออก พวกเรายังน้ำตาใหลกันเลย เลขาฯ เองว่า ใจแข็งแล้วก็ยังน้ำตาซึมเลยอ่ะ

แอนดี้อ่ะ น้ำตาไหลพรากก่อนใครเลย กลายเป็นเด็กขี้แย อาจเพราะเป็นน้องเล็กสุด พี่ๆ จะเข้าคิวไปรับใช้ชาติกันไปทีละคน สองคน ยกเว้นฮเยซองคนเดียว ที่เป็นเพราะอาการเจ็บเข่า เอ๊ะ แล้วทำไมไม่เหมือนจีซบ ที่ไปอยู่ประจำออฟฟิสล่ะ สงสัย กลัวสวยเกินน่านเอง เขาเลยไม่รับ กร๊ากกกก รักนะ ซองกี้ที่ร๊ากก ของเค้า

ตอนท้ายมีเค้กฉลอง 10 ปีด้วย ทุกคนต่างก็ฝากฝังซื่งกันและกัน และต่างก็ร่ำไห้ เดี่ยวไปขุดข่าวก่อน เพราะจำไม่ได้แล้ว ว่าใครพูดว่าไงบ้าง บอกแล้ว รักนะ แต่ไม่เคยจำ เหอๆๆๆๆ

จะบอกว่า สัมพันธภาพอันยาวนานของพวกนาย แน่มาก แต่ถ้าจะให้เจ่งจริงๆ อ่ะ ช่วยเตรียมคอนเสิร์ตที่มันเจ๋งกว่านี้หน่อยจิ เค้าเซ็งมุขเดิมๆ ของพวกนายแล้วนะ

อ้อ ปล. อันนี้ ไม่ใช่เลขาฯ นะคะ แต่เพื่อนเลขาฯ คนนึง ถือว่า เป็น once in a lifetime เลยที่ได้เข้าไปหลังเวที ห้องแต่งตัวที่พวกนี้ด้วย แงๆๆๆ อิจฉามากกกเลย ตัวเองได้เห็นซองกี้แก้ผ้าหลังขาวๆ แต่หุ่นออกแมนด้วย เค้าจิ้นไปเลยอ่ะ ญิ๋ง เค้าดีจาย ปนอิจฉาในเวลาเดียวกันเลย เค้าอยากเห็นซองกี้แก้ผ้าบ้างงงงงงงง แม้จะช่วงแป๊ปเดียวที่ตัวเองได้เห็น เค้าก็ดีจายด้วยนะ

ไปนอนเอาน้ำแข็งประคบตาก่อนดีกว่าค่ะ ยิ่งคิด ยิ่งอิจฉา จิ้นเตลิดถึงหลังซองกี้ของเลขาฯ






Create Date : 14 เมษายน 2551
Last Update : 22 พฤษภาคม 2551 13:38:47 น.
Counter : 914 Pageviews.

2 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  

เลขาตัวซน
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เลขาตัวซน ทำงานเป็นเลขาฯ
บวกความซนอันมีมาแต่กำเนิด
เป็นลูกสาวคนเล็ก แม้จะมีน้องชายหนึ่งหน่อ
เลยค่อนข้างเอาแต่ใจ ออกจะใจร้อนตามป๊ะป๋า
แต่ก็เป็นคนตรงและจริงใจนะ
ที่สำคัญเป็นคนรักอิสระอย่างแรง


อาจทำอะไรเหมือนเอาแต่ใจ
...แต่ไม่เคยไร้เหตุผล
ในบางเรื่องอาจไม่มีความอดทน
...แต่ไม่เคยเป็นคนอ่อนแอ
บางเวลาอาจท้อแท้
...แต่ไม่เคยยอมแพ้ต่อสิ่งใด
อาจจะเฉยชาเกินไป
...แต่ไม่เคยทรยศต่อความตั้งใจของตัวเอง
โดย เฉกชนม์




All Blog