Kimji Adventure : Ep 2 ควางจู กับบ้านหนุ่มโสด





มาต่อกันแล้วค่ะ กับ Episode ที่ 2 คงจะไม่เหมือนที่พวกเรา review กันใน pantip.com นะคะ เพราะฉบับนี้เป็นฉบับของเลขาฯ เองค่ะ มุมมองของเลขาฯ เองค่ะ

พอขึ้นรถไปได้สักพัก กะว่าจะหลับ แต่ก็ไม่ได้หลับกันสักเท่าไร หยิบหนังสือมาอ่าน หยิบเพลงมาฟัง ตอนนี้ยังอยู่ในเอง ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ เวลาที่เราออกจากหนามบินก็เป็นเวลาชั่วโมงเร่งด่วนของเกาหลี รถติดค่ะ เมืองไหนๆ ก็รถติดช่วงเร่งด่วนก้นท้างน้าน เฮ้อออออ



มองๆ ไปมีแต่ป้ายโคดนาของน้องมุน หรือมุนกึนยอง ของหนุ่มๆ หลายๆ คน แหมเทอเป็นคลื่นลูกใหม่ค่ะ น่ารักสดใส แต่จะแบบน้องจวนจีฮุนหรือป่าว อันนี้ต้องไปพิสูจน์กันเอาเองค่ะ เพราะสเป็คใครสเป็คมัน เนอะ
นอกจากน้องมุนแล้ว ซางวูก็เยอะใช่เล่นนะคะ (อ้าว โชว์ความบ้าดาราออกมาซะแล้ว) แหม มันก็ต้องรู้จักกันบ้างสิคะ จิงป่าว เหอๆๆๆ

พอออกนอกเมืองก็จะเป็นทางที่เป้นภูเขาสลับซับซ้อนกันไปมา ถนนก็เป็นทางสลับซับซ้อนกันไปมาเช่นกันค่ะ ไม่ได้เลียบเลาะริมเขาอย่างเดียวนะคะ แต่สร้างคร่อมไป ลอดมาหลายจุดเหมือนกัน เพราะว่าประเทศเกาหลีเป็นประเทศที่มีพื้นที่ภูเขาสลับซับซ้อนมากมายเสีย 80% ค่ะ

เลขาก็ชมเมือง ชมธรรมชาติไปเรื่อย จนถึงที่พักรถระหว่างทาง ก็ลงไปหากาแฟมาจิบ เนสกาแฟบ้านเขา ยังรสชาติเข้มข้นกว่าบ้านเราอีกนเนี่ย แล้วก็ไปเจอแผงหนังสือ มี นสพ บันเทิง เจอะหน้าน้องซางวูของพี่ซีซีมาเนียด้วย เลยซื้อมาให้ และทุกวันยังอยู่กะเลขาเลย เพราะลืมเอาไปให้ค่ะ เหอๆๆๆๆ มันอยู่ในแฟ้มไอทินของเลขาอ่ะ



แล้วก็เห็นหนังสือปกน้องฝน อยากซื้อ แต่ด้วยความขี้เกียจแบก (แล้วเลยต้องสาละวนกันหาในเมืองหย่ายก้นวุ่นวายเลยค่ะ)

เราไปเมียงมองของว่าง เพราะยังเช้าไปสำหรับเรา เราก็เลยได้ potato stick มา แบบหวานๆ ไม่ได้เค็มๆ เหมือนบ้านเราหรอกค่ะ เอาไปนั่งกินบนรถเพลินๆ แล้ว 15 นาทีรถก็ออก คราวนี้พวกเรากลัวตกรถอีก เพราะไม่รู้ว่าเขาพักนานแค่ไหน เราเลยมารอแถวๆ รถบัสนั่นแหละค่ะ ใครๆ ก็มอง ก็กะเหรี่ยง 2 คนนี้มาทำไรเมืองเขาเนี่ย คนเกาหลีเขาแปลกใจค่ะ ว่าทำไมชาวต่างชาติมาเที่ยวบ้านเมืองเขากันอ่ะค่ะ บางคนไม่รู้เลยว่า ละครบ้านเขา ดังไปไกลหลายประเทศอยู่ คงเพราะคนของเขาอยู่แต่ในประเทศ มีน้อยใจที่ได้ออกไปสู่โลกกว้าง แล้วติดใจ เหมือนนายโฮสต์ที่เรากำลังจะติดต่อไปอยู่เนี่ยค่ะ



แล้วเราทั้งสองก็เคลิ้มหลับค่ะ แหมทำงานมาทั้งวันมะวาน เพื่อเคลียร์งานก่อนมา มาก็ไฟลท์ดึก แถมหลับๆ ตื่นๆ นอนมะเต็มที่ ก็เลยเริ่มเก็บแรงไว้เที่ยวค่ะ

จากหนามบินมาถึงควางจูใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงเสดๆ ไม่ทันครึ่ง เราก็รีบลงไปรับกระเป๋า หาตู้ทอสับโทรหาหนุ่มที่เรานัดหมายค่ะ ตอนคุยผ่านเมล์ เหมือนเจ้านี่แปลกๆ แต่เอาฟระ ไหนๆ ก็มาถึงแล้ว เขาจะเข้าใจผิด ว่า 2 สาวนี่มาทำงานอย่างนั้นหรือป่าวน้อออออ


เราตรงไปหาทอสับ เพราะซื้อการ์ดมาแล้ว แหมใช้ได้ถึงปี 09 สบายค่ะ มาได้อีก หลายทริป (อ่ะนะ ยังคิดมาอีกแฮะ) โทรไปตานี่กำลังเรียนอยู่ เราก็เกรงใจ มันบอกว่าจะมารับภายใน 15 นาที เราก็เลยบอกจุดที่เราจะไปรอค่ะ เพราะเราไม่เคยส่งรูปให้เขา มีแต่เขาส่งรูปมาให้เราค่ะ เหอๆๆๆ เราก็เลยผิดหวังหน้าตาเขาไปหน่อย (ไม่หน่อยอ่ะมั๊ง 5555) แต่ก็ไม่ได้คิดไร อยากเอาควางจูไว้พักเฉยๆ ก่อนจะเดินทางไปขึ้นเขาแนจังซานค่ะ เพราะเราคิดไว้อย่างนั้น วันนี้เลยกะว่าจะเดินแถวๆ ในควางจูเนี่ยแหละค่ะ





บริเวณท่ารถของเขาค่ะ



ใกล้ๆ กันนี้ก็มีห้างอยู่ค่ะ




โอ๊ะ โอ เพิ่งเห็น ว่ามีเพื่อนข้างบ้านมาเยี่ยมชม

ขอบคุณนะคะ ไม่ได้อัพเดทเล้ยยยย ไม่ว่างจริงๆ ไม่ได้มีคนใหม่ เหอๆๆๆๆ แบบว่างานการยุ่งเหยิงจริงๆ ค่ะ ช่วงนี้เลยซนไม่ค่อยจะออก

วันนี้มาต่อดีกว่าว่าเราไปแอ่วไหนกันในควางจู

หลังจากที่โทรเรียกหนุ่มเกาหลีหมายจะ (ยึด) บ้านเขาเป็นที่นอนแล้ว เราก็กะว่าจะเดินแถวๆ นี้แหละค่ะ เห็นว่าถนนหลังมหาวิทยาลัยเป็นที่ฮอตฮิตของ หนุ่มๆ สาวๆ ที่นี่ สองป้าก็กะกันว่าเดินตรงนี้แหละ มองหนุ่มๆ สาวๆ กันเพลินๆ ตาดีกว่า เหอๆๆๆๆ

ตรงบริเวณด้านหลังที่ลานจอดรถค่ะ มารออีก 1 หนุ่ม พี่ชายตาบิลลี่แหละค่ะ เขามีรถ จะมารับเราไปบ้านเขา



แล้วเขาก็พาไปบ้านเขา หนุ่มคนที่ 2 เป็นหนุ่มทำงานแล้ว อ้อลืมเล่าไป ตาบิลลี่ยังเรียนอยู่เลย เขา 25 แล้วแต่ยังเรียนอยู่ ไม่ได้เรียนโทด้วยนะ ตรีอยู่เลย แต่เขาไปใช้ชีวิตที่แคนาดาปีนึง กลายเป็นค่านิยมของคนเกาหลี ที่พอมีสตางค์ ส่งลูกไปเรียนนอกสักปี กลับมาค่อยเรียนต่อ ไปหาประสบการณ์ต่างแดน ซึ่งก็ดีค่ะ เป็นการเปิดโลกของเขาบ้าง เพราะคนเกาหลีไม่ค่อยออกไปนอกประเทศเลย
หนุ่มคนที่ 2 เนี่ยมีนามว่าเท็ดดี้ (แบร์) เราจะไปบ้านเขา ซึ่งก็ไกลจากท่ารถพอสมควร ช่วงนั่นช่วงบ่ายๆ รถไม่ค่อยติด เราก็เกรงใจพ่อหนุ่มว่าโดดงานมาหรือป่าว เขาก็ว่าเขาไม่ได้โดดมา แต่ตาบิลลี่บอกเพิ่งสอบเสร็จ มีเรียนต่อบ่าย 3 เราก็รีบเลยค่ะ เอาของไปเก็บที่บ้านตาเท็ดดี้ค่ะ



ตาเท็ดเขายกห้องนอนของเขาให้เรา ส่วนเขาระเห็ดออกไปอีกห้องหนึ่งค่ะ



ห้องครัวบ้านตาเท็ดค่ะ บ้านหนุ่มโสดก็งี้แหละ



เมื่อเก็บของเสร็จ เราก็รีบออกไปส่งตาบิลลี่ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยชนนัม แล้วเราก็ว่าเราจะมาเดินที่หลังมหาวิทยาลัยของเขา รอเวลาเขาเลิกเรียนแล้วค่อยมาเจอกันอีกคร้ง

ตาเท็ดดี้ก็เกาะติดเราตลอดเลย อยากจะสบัดทิ้ง พวกเราอยากเดินกันเอง เราก็บ่นกันว่า ทำไงดี ทำไงดี อยากสะบัดตานี่ทิ้ง จริงๆ เลย เดินไม่สะดวก

เราก็เดินวนๆ ไป เจอโปสเตอร์ หนุ่มในดวงใจของใครหลายๆ คนทางเมืองไทยเพียบเลย (รวมทั้งมีหนุ่มในดวงใจเลขาด้วย อิอิ) แต่ว่าตาเท็ดดี้อยู่ เราเลยไม่ได้เก็บภาพมาเลย เพราะกลัวตานี่ว่าเรามาเพราะว่าบ้าดารา เพราะตอนเขาถามว่ามาเกาหลีทำไม เราก็บอกว่า เราชอบอาหารเกาหลี เหอๆๆๆ ในใจมะอยากบอกเล้ย ว่ามาเพราะอะไร

แล้วเราก็ไปเจอหนุ่มน้อยในร้านทอสับมือถือ หน้าตา ทรงผม ท่าทางเหมือนน้องเจ็ดเลย อยากถ่ายภาพมาใจจะขาด แต่ติดที่ตาหมีน้อยนี่แหละ เส้าค่ะเส้า

ตอนเราไปเดิน บ่าย 3 ยังไม่มีไรเลย แถมไปเจอร้านขายโค้กชินวาด้วย แต่ไม่ได้ซื้อ เจ๊เราขี้เกียจแบก เพราะความขี้เกียจเนี่ยแหละ เป็นเหตุให้เราเศร้าเลยค่ะ (เจ๊เศร้าคนเดียวนะคะ เลขามะได้เศร้า มะใช่วงในดวงใจค่ะ


แล้วตาบิลลี่ก็ติดต่อมาว่าเรียนเสร็จแล้ว เราก็ไปรับเขา เขาก็พาดูรอบๆ มหาวิทยาลัยของเขา กว้างใหญ่เชียวค่ะ

เราก็เลยชักภาพเป็นที่ระลึก ภาพแรกนี่ พ่อหมีค่ะ




ต่อมาก็หนุ่มบิลลี่

อ้อขอบอกว่าพวกเขาออกเสียง ฟ ไม่ได้จริงๆ ค่ะ ฟังแรกๆ แทบแย่เหมือนกัน สำหรับนักเรียนที่เรียนอังกิตแบบ local สำเนียงต้องมีพยางค์ลงท้ายตลอดเลย



แล้ว 2 หนุ่มก็พาเราไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ คงเป็นค่า default ของเมืองเขาเหมือนกันมั๊งคะ ที่แรก เราเบื่อแทบตาย ไม่ใช่ว่าไม่สนใจศาสนาพุทธ แต่แบบว่า เขามาบรรยายแบบนึกว่า บ้านเราไม่มีหรือไงก็ไม่รู้ (ก็มันเบื่อนี่

)



แล้วเราก็ไปอีกที่ เป็น folk museum ค่ะ แบบนี้ค่อยน่าสนใจหน่อย

(อ้อ กาซิบ ค่าเข้าทั้ง 2 museum เนี่ยเราไม่รู้นะคะ เพราะว่า 2 หนุ่มแย่งเราจ่ายหมดเลยค่ะ ดีจัง )



ข้างในเขาห้ามถ่ายภาพ ขออภัย เอาภาพมาเผื่อแผ่ไม่ได้นะคะ แต่บอกว่า ที่หลังเนี่ย น่าสนใจกว่าที่แรกค่ะ เพราะจะได้ดูหุ่นขี้ผึ้ง จำลองวิถีชีวิตสมัยก่อนของเกาหลีไว้ เหมือนๆ เราดูแดจังกึมแหละค่ะ แต่เป็นชาวบ้านธรรมดา เอิ๊กกกกก

ออกมาก็ชักภาพที่ระลึกหน่อย



พอเดินนานๆ เข้าก็เริ่มหิวค่ะ เพราะเราหม่ำมื้อเช้า (ตรู่) บนเครื่อง หลังจากนั้นก็เป็น snack ระหว่างทาง แล้วก็ยังไม่ได้หม่ำไรอีกเลย

มามะ มาดูกันค่ะ ว่า เราหม่ำอะไรกันเป็นมื้อแรกในเกาหลีค่ะ




เราสั่งมาหลายๆ อย่างโดยพ่อหมีเนี่ยแหละค่ะ
แบบนี้เป็นอาหารพื้นๆ ของเขา ที่เขากินกันโดยทั่วไปค่ะ



เรียกว่าไรบ้างก็จำไม่ได้ รู้แต่ว่า ถ้าขอข้าวเพิ่มก็
"ผับ จูเซโย้" หรืออะไรก้แล้วแต่ ตามด้วย จูเซโย้ จำมาถูกหรือป่าวก็ไม่รู้ ใครรู้บอกทีนะคะ









Create Date : 30 ธันวาคม 2548
Last Update : 22 พฤษภาคม 2551 11:51:07 น.
Counter : 1666 Pageviews.

4 comments
  
มีความสุขมากมาย ตลอดปีใหม่ 2006 นะคะ

Image hosted by Photobucket.com
โดย: Batgirl 2001 วันที่: 30 ธันวาคม 2548 เวลา:22:54:27 น.
  
โดย: โสมรัศมี วันที่: 30 ธันวาคม 2548 เวลา:23:03:03 น.
  
แวะมาเยี่ยมชมครับผม
และสวัสดีปีใหม่นะครับ
โดย: Maeil (Maeil ) วันที่: 4 มกราคม 2549 เวลา:18:07:07 น.
  
เป็นที่ๆ อยากไปมากเลยนะหยี อยากไปซื้อเครื่องสำอางค์ถูกๆ ดูดิ แต่พอมีลูกก็เลยอด เดี๋ยวรอลูกโตก่อน แม่จะหนี เอ๊ย แม่ค่อยพาไปช๊อปด้วย
โดย: พี่เกด (นู๋จ๋ายเจ้าขา ) วันที่: 19 มกราคม 2551 เวลา:15:58:43 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เลขาตัวซน
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เลขาตัวซน ทำงานเป็นเลขาฯ
บวกความซนอันมีมาแต่กำเนิด
เป็นลูกสาวคนเล็ก แม้จะมีน้องชายหนึ่งหน่อ
เลยค่อนข้างเอาแต่ใจ ออกจะใจร้อนตามป๊ะป๋า
แต่ก็เป็นคนตรงและจริงใจนะ
ที่สำคัญเป็นคนรักอิสระอย่างแรง


อาจทำอะไรเหมือนเอาแต่ใจ
...แต่ไม่เคยไร้เหตุผล
ในบางเรื่องอาจไม่มีความอดทน
...แต่ไม่เคยเป็นคนอ่อนแอ
บางเวลาอาจท้อแท้
...แต่ไม่เคยยอมแพ้ต่อสิ่งใด
อาจจะเฉยชาเกินไป
...แต่ไม่เคยทรยศต่อความตั้งใจของตัวเอง
โดย เฉกชนม์




All Blog