Kimji Adventure : Ep 1 จุดเริ่มต้นการเดินทาง




7 Days Memorial in Kimji Land Episode I จุดเริ่มต้นการเดินทาง ฉบับเลขาตัวซน



และแล้วก็ได้เวลาฤกษ์งามยามดี มาแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวดินแดนกิมจิ หลังจากต้องสะสางการงานที่สุมอยู่เต็มโต๊ะตอนที่พวกเราไปพบเจอกับความสุข ความประทับใจมา

ครั้งนี้เป็นการท่องเที่ยวเกาหลีใต้ครั้งแรก ในรูปแบบของ backpack tour (จิงๆ แล้ว ที่เราไป ก็ไม่ค่อย backpack สักเท่าไร แต่ก็ไม่ได้ไปกะทัวร์ทั่วๆ ไป - จิงไหมคะ) ไปเที่ยวกัน 2 สาว ทำเอาใครๆ ตกตะลึง นึกว่าไปกันเยอะ ที่ไหนได้ 2 ป้าลุยกันเองค่ะ


หลังจากวางแผนกันอยู่นาน (ก็ดูจาก Preparation Part ไง มีตั้ง 2 ภาคแน่ะ หุๆ) พวกเราก็ตัดสินใจหนีงาน และหนีนายไปเที่ยว Kimji Land กันเสีย 7 วัน ดื่มดำบรรยากาศแห่งดินแดนกิมจิเสียเต็มที่ (กลับมาเลยต้องมาใช้กรรมกันยกใหญ่เลยค่ะ)



พาหนะที่พาเราเหิรฟ้าจากกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร ไปสู่แดนกิมจิ ก็คือ เจ้าจำปี หมายเลข TG658 เดินทางคืนวันอังคารที่ 18 ตุลาคม 2548 (ต้องมีข้างขึ้น ข้างแรมไหมเนี่ย เหอๆๆๆ) เที่ยวบินนั้น เป็นเที่ยวบินร่วมระหว่าง TG และ OZ (อ๋อ ก็เอเชียน่า สายการบินกิมจิสายหนึ่งไง) ตอนที่พวกเราไปถึงหนามบินดอนเมือง พวกเราก็ไปกันแต่วัน ไปเช็คอิน โดยมีเฮียไปส่ง คืนนั้น หนุ่มกวางแห่งวงไม่ปกติ อุ๊บส์ เอบี นอร์มอลค่ะ เดินทางไปแดนซากุระด้วย เจ๊กะเฮียแกรู้จัก เลขาฯ เลยได้อาศัยใบบุญถ่ายรูปกะหนุ่มกวางไปด้วย หุๆๆ (อิจฉาฉานไหม ยัยบัวเอ้ย)



พอเข้าไปในเกท เราก็ไปเดินๆ ดูของค่ะ เจ๊แกได้ผ้าพันคอโครงการดอยตุงมาผืน กะหนมกูลิโกะรสลาบไปฝากคนทางโน้น เหอๆ งานยุ่งจนลืมหาของฝากกันค่ะ เพราะพวกเราไปอยู่กะแฟมิลี่ เลยต้องหาสินน้ำใจไปฝากเล็กๆ น้อยๆ ตามประสาคนไทยน้ำใจงามค่ะ

กลับมาเที่ยวบินที่ว่า เราก็เห็นคนเกาหลีเดินทางเพียบ ไม่มีทัวร์ค่ะ คงเพราะเป็นคืนวันอังคาร ทัวร์ยังไม่จัดไป คนเขาไม่ค่อยหยุดงานเยอะ ส่วนใหญ่เขาออกคืนพุธกันค่ะ เราเลยโล่งปลอดโปร่ง ไม่มีกลุ่มทัวร์ให้กวนใจ ตอนนั่งรอ on board เราก็เห็นคู่รักเกาหลีหลายคู่ แหมก็สังเกตจากที่เขาใส่ Couples T-Shirt กันสิคะ บางคู่ ก็รองเท้าเหมือนกัน หุๆ เราดูๆ ก็น่ารักดีนะคะ แต่ให้ทำแบบนี้ คงขอบายค่ะ ไม่ใช่วัฒนธรรมของเราด้วย แต่ในอนาคตเด็กไทยจะเลียนแบบอย่างนี้หรือป่าวก็ไม่รู้นะคะ แต่แบบนี้ไม่ต่อต้านค่ะ เป็นการแสดงความรัก ความน่ารักต่อกัน น่ารักดีค่ะ ^_^

พอได้เวลาขึ้นเครื่อง โดยปกติสายการบินเขาจะให้คนชรา แล้วก็คนพิการขึ้นก่อน (สำหรับชั้นประหยัดทั่วไป) พวกเราก็นิ่งนอนใจ ได้ที่นั่งดีกันมาแล้ว ได้แถวหน้าสุดของชั้นประหยัด เลือกที่นั่งเองกะมือ หุๆๆๆ เลยไม่รีบเร่ง แต่พอข้นเครื่องที่ไหนได้ มีคนมานั่งที่เราซะแล้ว เขาเป็นคนพิการค่ะ เขาจะให้ไปนั่งที่เขา เราก็อ่ะนะจะไม่ยอมหรอก ถ้าไปได้ที่นั่งหลังๆ ได้ไง (อันนี้ขอเห็นแก่ตัวล่ะค่ะ เพราะว่าเลขาเป็นคนมีปัญหากับระบบแรงดันในหูเวลาเครื่องบินขึ้น-ลงอย่างมาก เลยเลือกที่นั่งหน้าๆ ไว้ เคยนั่งข้างหลังเกือบสุด แทบตายค่ะ ทรมานมาก) ตอนแรกคุยกะเขาไม่รู้เรื่อง โฮสเตสกะสจ๊วตมัวแต่ไปแป้นแล้นต้อนรับ เราก็ยืนบื้อกันอยู่นานค่ะ กว่าจะมีคนมาบอกว่าที่เขาอยู่ข้างหลังถัดไปนี่เอง เราเลยโอเค

พอเครื่องใกล้ขึ้น เราเห็นว่าแถวหน้าสุดตรงกลาง ไม่มีคนนั่งเอาล่ะ เราก็เลยถามสจ๊วต (หล่อป่าวไม่รู้ แต่กิตติศัพท์เลื่องลือ เลยมะค่อยสนใจอ่ะ -_-) เราแถวหน้าถ้าไม่มีคนนั่ง เราขอย้ายนะ เขาก็โอเค จนเครื่องจะขึ้น ประตูปิด พวกเราเลยย้ายกัน นั่งไปสบายหน่อย เพราะตั้ง 5 ชั่วโมงกว่าๆ จิงๆ แล้วราคานี้ไปนั่ง Biz Class ของโอเรียนท์ได้สบายเลย แต่เราคิดว่าไป TG ดีกว่า หนับหนุนสายการบินแห่งชาติแล้วยังได้เวลาขากลับดีกว่า เหอๆๆๆๆ


เรื่องที่น่าแปลกใจอีกเรื่อง เจ๊เรกะน้องเล หยิบหนังสือเรื่องเดียวกันมาอ่านเลย แต่คนละเวอร์ชั่น เจ๊เรภาคไทย น้องเลภาคปะกิต แหมอยากรู้แล้วล่ะสิว่าเรื่องอะไร บันทึกลับเจ้าหญิงมือใหม่ไง Princess' Diary เจ้าค่ะ หยิบขึ้นมา หัวเราะกันเลย ไรเนี่ยพวกเรา เกินไปมั๊ง

พอนั่งอ่านไปได้สักพัก เขาก็เริ่มเสิร์ฟอาหารว่างก่อนค่ะ เป็นฟรุตเค้ก แต่หวานมาก เลขามะชอบของหวานจัดแบบนี้ เลยบาย กัดไปได้ 2 คำ รอเขามาเก็บเลยค่ะ แล้วอ่านหนังสือต่อ
พักใหญ่ๆ เขาก็เสิร์ฟอาหาร หม่ำเนื้อค่ะ อ้าวอย่าถามนะคะ เป็นเจ็กแท้ๆ กินเนื้อได้ไง ก็มันหร่อยอ่ะ กินมาแต่เกิด เพิ่งโดนห้ามเอาเข้าบ้านหลังๆ นี่เอง แต่ยังหม่ำได้ปกติ แม่บอกว่า มันอยู่ที่ใจลูก เหอๆๆๆ หม่ำอย่างอเร็ดอร่อยกันไปค่ะ ส่วนเจ๊กินไรจำไม่ได้ สนของตัวเองอย่างเดียว (อีกอย่างมันนานเป็นเดือนแล้วด้วย เพิ่งจะนึกมาเขียน)

พออิ่มก็นั่งดูหนัง แม่ยายตัวแสบที่ป้าเจโลเล่น แต่ดูมะจบ หลับซะก่อน มาตื่นตอนฟ้าสาง เห็นพระอาทิตย์ขึ้นขอบฟ้า คิดถึงละคร Good Luck จังตอนที่ไฟฟ้าในเครื่องขัดข้อง นางเอกช่วยแก้ไม่ได้ พระเอกเหลือบไปเห็นอาทิตย์รำไร เลยชักชวนให้ผู้โดยสารดู เหอๆๆๆ อยากให้กัปตันเป็นพระเอกจังเลยเนอะ (ขอไปดูก่อน พระเอกชื่อไรหว่า ไว้จะกลับมาแก้ตัวใหม่เน้อ)

หลังจากที่นั่ง-นอนขดตัวอยู่บนเจ้านกเหล็กอยู่ 5 ชั่วโมงกว่า และแล้วเจ้าจำปีก็พาพวกเราเหิรฟ้ามาถึงดินแดนกิมจิจนได้ มาถึงนี่ก็เวลาเช้าที่เกาหลีพอดี เราก็รีบลงจากเครื่องมาเข้าคิวตรง ตม. ใจตุ๊มๆ ต่อมๆ จะผ่านไหมหว่าเรา แต่เตรียมตัวมาอย่างดี ทั้งหนังสือรับรองการทำงาน ทั้ง Itinerary แผนการเที่ยวทั้งหมด เฮียเอบอกว่า ยังเข้าญี่ปุ่นได้เลยนะน่าน หุๆๆๆๆ
ที่ตุ๊มๆ ต่อมๆ ก็เพราะเลขาฯ ไปเกาหลีครั้งแรก แถมขึ้น passport เล่มใหม่อีกตะหาก แถมใครต่อใครก็ไซโคไว้ ทั้งพี่ตัวเอง ทั้งเพื่อนๆ คนรู้จัก ว่า ตม. เกาหลีมหาโหด แต่ด้วยความมั่นใจ เราว่าเราผ่านอยู่แล้ว

ตอนไปต่อคิว คิวของเลขาฯ ท่าทางคนข้างหน้าจะมีปัญหา ก็เลยผ่านช้าไปนิด พอถึงคิวตัวเอง เราก็ เซย์ มอร์นิ่งไป แต่พี่ ตม. ทั่นหน้าบึ้งมะตอบกลับ เปิดพลิก passport เราทุกหน้าเลย กำลังกะจะบอกว่า จะดูเล่มเก่าไหม แถมเตรียมควัก หนังสือรับรองกะ itin ให้อยู่แล้ว แต่เขา แต๊มป์ให้ก่อน ก็เลยผ่านยิ้มหน้าบานเลยเรา แล้ว 2 ป้าก็รีบไปที่ baggage claim belt เพื่อรีบไปรับกระเป๋าค่ะ

ออกมาจากเกท เห็น tourist information รีบวิ่งรี่เข้าไปเก็บข้อมูลก่อน ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่า จะไปล้างหน้าแปรงฟันก่อน แวะอยู่พักนึง เก็บแผ่นพับไปเพียบ ตอนหลังมาคิด เก็บไปทำไมฟระ บางอย่างก็มีข้อมูลในมือแล้วด้วย ต้องแบกไปหลายวัน หนักจิงๆ (จะหนักสักเท่าไรเนี่ย)

พอเก็บข้อมูลได้เสร็จ ก็ไปหาห้องน้ำ ผลัดกันเข้า เพื่อเฝ้าสมบัติ ระหว่างรอก็นั่งดูละครภาคเช้า ก็แหมของชอบของ 2 ป้าเลยนะน่าน แต่ดารามะใช่ target เรา เลยตัดใจได้สบาย 5555



แล้วเราก็ไปหาประตูที่จะขึ้นรถบัสไปควางจู เพราะเราไม่อยากเข้าไปในตัวเมืองโซลให้เสียเวลา ราคาค่าตั๋ว 30,900 วอน ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง รถจะมาทุก 80 - 180 นาทีค่ะ พอซื้อตั๋วได้ ยังพอเหลือเวลา เลขาฯ เลยรีบวิ่งเอากระเป๋าขึ้นรถ แล้วก็ไปซื้อการ์ดโทรศัพท์ โทรไปหาโฮสต์ที่เราติดต่อไว้ว่าจะไปพักกะพี่ชายเขาที่ควางจู เนื่องด้วยบ้านเขาไม่ว่างค่ะ เลยส่งเราไปอยู่กะพี่ชายเขาแทน
ตอนโทรไป เหมือนเขาเพิ่งตื่น ยังงัวเงีย เลขาฯ ก็รัวภาษาซะ แล้วก็รีบวาง ไปขึ้นรถ ขอบอก เกือบไม่ทันแน่ะค่ะ ก้าวขาขึ้นรถได้ เวลารถออกเป๊ะเลย เขาตรงเวลามาก ทั้งๆ ที่รู้ว่าคนยังขึ้นไม่ครบอ่ะค่ะ หวิดแล้วค่ะ หวิดต้องแยกจากเจ๊เร เสียวันแรกแล้วค่ะ




TBC กับ Episode II ควางจู เมืองที่คิดไว้แค่เป็นที่นอนนะเนี่ย




Create Date : 10 ธันวาคม 2548
Last Update : 22 พฤษภาคม 2551 11:49:45 น.
Counter : 1081 Pageviews.

2 comments
  
Haloo.....แวะมาเยี่ยมค่ะ พี่หยี...อ่าน trip พี่ไปเกาหลี อยากไปบ้างอ่ะ..
เป็นไงบ้างคะ สบายดีป่าวคะ งานเยอะป่าวเอ่ย?
...เนี่ยส้มเอง ช่วงนี้ติดกินอาหารกิมจิเหมือนกานค่ะ แต่ยังไม่ชอบหนุ่มกิมจินะคะ..

..ไปหล่ะค่ะ แล้วจะแวะมาหาอีกนะคะ..
โดย: Orange_vic วันที่: 10 ธันวาคม 2548 เวลา:13:06:07 น.
  
อ่านแล้วน่าไปบ้างจังเลยคะ....เล่าได้สนุกดีคะ
โดย: บันทึกสีขาว วันที่: 10 ธันวาคม 2548 เวลา:16:03:54 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เลขาตัวซน
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เลขาตัวซน ทำงานเป็นเลขาฯ
บวกความซนอันมีมาแต่กำเนิด
เป็นลูกสาวคนเล็ก แม้จะมีน้องชายหนึ่งหน่อ
เลยค่อนข้างเอาแต่ใจ ออกจะใจร้อนตามป๊ะป๋า
แต่ก็เป็นคนตรงและจริงใจนะ
ที่สำคัญเป็นคนรักอิสระอย่างแรง


อาจทำอะไรเหมือนเอาแต่ใจ
...แต่ไม่เคยไร้เหตุผล
ในบางเรื่องอาจไม่มีความอดทน
...แต่ไม่เคยเป็นคนอ่อนแอ
บางเวลาอาจท้อแท้
...แต่ไม่เคยยอมแพ้ต่อสิ่งใด
อาจจะเฉยชาเกินไป
...แต่ไม่เคยทรยศต่อความตั้งใจของตัวเอง
โดย เฉกชนม์




All Blog