สวัสดีอีกครั้ง Bloggang
210410 เยือนบล็อก
อาจจะดูเหมือนฉันห่างหายจากการเขียนไปนาน แต่ความจริงฉันออกไปเขียนออฟไลน์มา เพราะคิดถึงสมัยเด็กประถม ที่เขียนไดอารี่แล้วมันได้จับดินสอ จับปากกา วาดรูป แล้วใช้พื้นที่ในสมุดจดบันทึกอะไรต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับชีวิต ติดตั๋วหนัง รูป หรืออะไรก็ได้ จะเรียกมันว่า Scrap book ก็ไม่ได้ เพราะมันมีตัวหนังสือมากกว่าของที่เอามาแปะ 

สาเหตุที่กลับมาอัพบล้อกอีกครั้งหนึ่งก็เพราะฉันผ่านจุดเปลี่ยนในชีวิตครั้งยิ่งใหญ่หนึ่งครั้งแล้ว นั่นคือการลาออกจากงานที่ 2 ซึ่งสาเหตุที่ลาออกก็มีหลาย ๆ อย่าง เพราะสถานการณ์ของ Covid-19 ด้วยที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระของบริษัทมากกว่าที่จะสร้างประโยชน์ให้ ฉันจากลาหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน น้อง ๆ ในออฟฟิสด้วยความอาลัยอาวร แต่ทุกคนก็มีรอยยิ้มให้ฉัน และบอกให้ฉันโชคดีกับหนทางที่ฉันเลือกเดิน ทีนี้ในเว็บสมัครงานที่ใหม่เขามีช่องให้ใส่ Blog ฉันก็คิดถึง Blog นี้ขึ้นมา ที่ฉันทิ้งร้างไปนานมาก ที่จริงฉันก็ลังเลที่จะใส่ลงไปนะ เพราะมันไม่ได้อัพเดทเลยเกือบ 4 ปีแล้ว ^^;

ฉันประทับใจการลาออกจากงานที่ 2 มาก มีคนมากมายยื้อฉันไว้ แต่ฉันรู้ว่าฉันควรก้าวต่อไปได้แล้ว เวลานี้แหล่ะเหมาะสมที่สุด

หัวหน้าคนญี่ปุ่นบอกว่า วันนี้ฉันได้จบการศึกษาจากบริษัทนี้ไปแล้ว ขอให้นำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากที่นี่ไปพัฒนาต่อ แล้วก็ทำงานที่ใหม่อย่างตั้งใจ (ฉันไม่ได้บอกที่ทำงานว่าฉันจะออกไปหางานใหม่ บอกแค่ว่าจะออกไปช่วยงานที่บ้าน ซึ่งก็ฟังขึ้น เพราะบ้านฉันก็มีกิจการอยู่แล้ว ที่ไม่บอกเพราะฉันไม่อยากให้เขาเสียใจว่าทำไมไม่ทำงานอยู่ด้วยกันต่อไป)

พี่น้อง (หัวหน้าเก่าของฉัน) บอกว่าขอให้ Keep in touch แล้วก็ถ้ามีโอกาสขอให้กลับมาร่วมงานกันอีก อาจจะเป็นในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่พนักงานประจำก็ได้ ถึงอย่างไรฉันก็มี License ของ LIFO ติดตัวไปแล้ว บริษัทอุตส่าห์ให้โอกาสฉันไปเรียนกับ Master trainer ระดับโลกที่เป็นลูกศิษย์ของผู้คิดค้นตัวหลักสูตรเองเลย และฉันก็ชอบตัว LIFO มาก ๆ เล่าให้เพื่อนที่สนิท ๆ ฟังจนรู้หมดแล้วว่ามันคืออะไร 555

น้อง ๆ ที่ออฟฟิสก็เศร้าที่ฉันจะออก น้องช้อปบอกฉันว่าพี่เป็นความประทับใจแรกที่เขาพบตอนที่ได้มาที่นี่ เพราะฉันเป็นคนสัมภาษณ์น้องเข้างานมาเอง แล้วก็เห็นน้องมาตลอดตั้งแต่เริ่มงานจนถึงตอนนี้ เห็นการเติบโต เห็นการดิ้นรน ฝ่าฟันอะไรมาด้วยกัน

น้องเติ้ลที่พึ่งเข้าบริษัทมาได้ไม่ถึงเดือนดูเหมือนจะได้รับผลกระทบจากการที่ฉันลาออกมากที่สุด เพราะว่าฉันกับน้องสนิทกันเร็วมาก น้องบอกว่าในออฟฟิสนี้ไม่มีใครเข้าใจหนูเท่าพี่แล้ว ต่อไปนี้หนูจะหันไปบ่นกับใคร หนูจะไม่ได้ฟังเสียงสดใส เสียงหัวเราะของพี่อีกแล้ว

แอดมินที่สาขาอินโดนีเซีย (คุณอนิตะ) กับเวียดนาม (คุณอวาย) ก็ส่ง e-Card มาให้ฉันทาง Application Teams ฉันส่งมาให้ตัวเองเก็บไว้ด้วย มันเป็นความทรงจำดี ๆ เพราะถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เจอหน้ากันจริง ๆ แต่เราก็สนิทกันได้จากการได้ Support งานกันไป ๆ มา ๆ และการจัดประชุม Admin Meeting ทุก ๆ เดือน แล้วด้วยความที่แต่ละประเทศมี Admin แค่คนเดียว มันก็คลายเหงาได้เวลาที่เราคุยงานกัน เพราะคนอื่นในออฟฟิสไม่ได้มาเข้าใจเนื้องานเราหรอก ไดเร็กเตอร์จากสาขาสิงคโปร์ก็อวยพรให้ฉันได้ไปเจอแต่สิ่งที่ดี

ฉันคิดว่าการก้าวออกจากบริษัทเป็นการเปิดประตูบานใหม่ โอกาสมากมายรออยู่รอบ ๆ ตัวฉัน ฉันจะพยายามพัฒนาตัวเองทุกวัน พยายามสร้าง output ให้มากขึ้นทุก ๆ วัน พยายามเป็นนักปฏิบัติมากกว่านักฝัน

ไม่ว่างานที่ใหม่ที่ฉันได้จะเป็นอะไร ฉันก็จะพยายามให้ดีที่สุดเท่าที่กำลังของฉันจะให้ได้ เพื่อพัฒนาตัวเอง พัฒนาองค์กร และสร้างสรรค์ให้สังคมน่าอยู่กว่าทุกวันนี้

สู้ ๆ นะ ฟ้า



Create Date : 10 เมษายน 2564
Last Update : 10 เมษายน 2564 15:11:14 น.
Counter : 320 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Kurobina
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ยินดีที่ได้รู้จัก หวังว่าเราจะได้ทำดีต่อกัน

ขอสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ผู้ใด ทำซ้ำ คัดลอก ดัดแปลง แก้ไข หรือเผยแพร่ ไม่ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดใน Blog นี้ ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าจะเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
Motivation and Habits are keys to success.
  •  Bloggang.com