Group Blog |
จรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2561 ตอนที่ 1
ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าปัจจุบันไม่ว่าจะมองไปที่วงการไหน คำว่าจรรยาบรรณก็มักจะปรากฏให้เห็นได้บ่อยครั้ง เนื่องจากจรรยาบรรณมีส่วนสำคัญที่ทำให้องค์กรหรือสถาบันทางวิชาชีพต่าง ๆ มีความน่าเชื่อถือ เป็นหลักปฏิบัติที่ยึดถือร่วมกัน หากใครฝ่าฝืน ก็ย่อมต้องได้รับบทลงโทษ เพราะทำให้ความน่าเชื่อถือของสถาบันหรือสมาคมดังกล่าวได้รับความเสียหาย
สภาวิชาชีพบัญชีก็เช่นกันค่ะ ทางสภาฯได้ทำการกำหนด Code of Ethics หรือจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีขึ้นมา ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีทุกคนจะต้องยึดถืออย่างเคร่งครัด จรรยาบรรณนี้ได้มีการปรับปรุงครั้งสุดท้ายเมื่อปี พ.ศ. 2561 เพื่อให้ทันสมัยและง่ายต่อการจดจำมากขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มในส่วนของการนำไปปฏิบัติให้ผู้ประกอบวิชาชีพสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
ในตอนนี้ เราจะมาดูกันว่า หลักการพื้นฐานของจรรยาบรรณมีอะไรบ้าง โดยอ้างอิงจากข้อบังคับของสภาวิชาชีพบัญชี ว่าด้วยจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2561
หลักการพื้นฐานจรรยาบรรณ
ประพฤติตนอย่างตรงไปตรงมา จริงใจในความสัมพันธ์ทั้งมวล ทั้งทางวิชาชีพและทางธุรกิจ ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีจะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ปิดบังซ่อนเร้นสิ่งที่เจอเพื่อปกป้องผลประโยชน์ส่วนตนหรือด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม
ไม่ยอมให้อคติ ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ หรืออิทธิพลอันเกินควรของบุคคลอื่น มาลบล้างการใช้ดุลยพินิจทางวิชาชีพหรือทางธุรกิจ สำหรับผู้ประกอบวิชาชีพที่ให้บริการสาธารณะ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการงานให้ความเชื่อมั่น ต้องมีความเป็นอิสระจากลูกค้า ประกอบด้วย ความเป็นอิสระทางจิตใจ และความเป็นอิสระเชิงประจักษ์ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีที่ให้บริการสามารถแสดงข้อสรุป และแสดงให้บุคคลภายนอกเห็นว่า ตนได้ข้อสรุปโดยปราศจากความลำเอียง ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ หรืออิทธิพลอันเกินควรของบุคคลอื่น สำหรับผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีในหน่วยงานธุรกิจ ก็ต้องคำนึงถึงความเป็นอิสระในการปฏิบัติงานตามหลักการพื้นฐานนี้ด้วย ความอิสระและความเที่ยงธรรมหมายความว่าผู้ประกอบวิชาชีพสามารถปฏิบัติงานได้โดยไม่เกิดความลำเอียง รักษาไว้ซึ่งความยุติธรรม มาจากการใช้ดุลยพินิจทางวิชาชีพหรือธุรกิจได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ตัวข้อบังคับได้แบ่งความเที่ยงธรรมและความเป็นอิสระเป็นสองส่วน คือส่วนของผู้ประกอบวิชาชีพที่ให้บริการสาธารณะ เช่น เหล่าAuditor ใน Audit firm หรือนักทำบัญชีจากบริษัทที่รับ outsource ทำบัญชี และส่วนผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีในหน่วยงานธุรกิจ เช่น พนักงานบัญชีในบริษัทต่าง ๆ CFO, Accounting manager ก็ต้องคำนึงถึงความเป็นอิสระในการปฏิบัติงานเช่นกัน ไม่ใช่ว่าทาง CEO สั่งมาว่าให้ลงบัญชีแบบนี้แล้วเราจะทำตามได้เลย ต้องดูความเหมาะสมและถูกต้องด้วย
คือการรักษาไว้ซึ่งความรู้ ความสามารถ และความชำนาญทางวิชาชีพในระดับที่รับรองได้ว่า ลูกค้าหรือผู้ว่าจ้างได้รับบริการทางวิชาชีพที่ถึงพร้อมด้วยวิวัฒนาการล่าสุดในวิธีการ หรือเทคนิคการปฏิบัติงาน หรือตามกฏหมาย และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเอาใจใส่ ให้เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง ใครบอกว่าไม่รู้ไม่ผิด สำหรับวิชาชีพนี้ไม่ได้นะคะ ไม่อย่างนั้นคุณจะผิดจรรยาบรรณ เพราะทางสภาได้กำหนดข้อบังคับนี้ไว้ว่า เหล่าผู้ประกอบวิชาชีพทางบัญชีจะต้องมีความรู้ความสามารถที่เพียงพอ และยังไม่พอ หลังจากที่ได้ความรุ้ความสามารถถึงระดับแล้ว ยังต้องคอยหมั่นรักษาระดับความรู้ความสามารถเอาไว้ให้ได้ และใส่ใจในการทำงาน ระมัดระวังให้ถึงที่สุด เพื่อให้งานที่ออกมาเป็นไปตามมาตรฐานและกฏหมายที่เกี่ยวข้อง แค่ได้อ่านก็ปาดเหงื่อแล้วล่ะค่ะ
ให้ความสำคัญกับความลับของข้อมูลที่ได้มาจากความสัมพันธ์ทางวิชาชีพและธุรกิจ ดังนั้น จึงไม่พึงเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้กับบุคคลที่สาม โดยไม่ได้รับการอนุมัติจากผู้มีอำนาจอย่างถูกต้อง และเฉพาะเจาะจง เว้นแต่เป็นการเปิดเผยตามสิทธิทางกฏหมายหรือสิทธิทางวิชาชีพ หรือเป็นหน้าที่ที่ต้องเปิดเผย หรือไม่นำข้อมูลดังกล่าวไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือเพื่อบุคคลที่สาม เนื่องจากผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีมีโอกาสเข้าถึงข้อมูลอันเป็นความลับของลูกค้า เพราะกฏหมายเขียนไว้ว่าเราขอข้อมูลอะไรบริษัทจะต้องให้ ไม่อย่างนั้นเราก็ทำงานกันได้ไม่เต็มที่ แต่ความลับเหล่านั้นถ้าเราเอาไปเผยแพร่ต่อไม่ว่าจะกับครอบครัวที่ใกล้ชิด หรือกับใครก็ตาม แล้วเรื่องแดงขึ้นมา ไม่เพียงจะสูญเสียความไว้วางใจที่ลูกค้ามอบให้ แต่ยังเป็นความเสื่อมเสียความน่าเชื่อถือของกลุ่มวิชาชีพโดยรวมด้วย ดังนั้นเราต้องเป็นคนฟังหูไว้หูให้ได้นะคะ อย่าเอาความลับที่ได้รู้มาจากการทำงานไปเพร่งพรายเด็ดขาด ความลับเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นสูตรการผลิต ข้อมูลทางการเงินต่าง ๆ
ปฏิบัติตามกฏหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง และหลีกเลี่ยงการกระทำใด ๆ ที่อาจทำให้เกิดความเสื่อมเสียแห่งเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพบัญชี กรณีที่จะถือเป็นการประพฤติผิดจรรยารรรณอันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพบัญชี มีดังต่อไปนี้ (1) ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพบัญชีตามข้อบังคับนี้ และเป็นการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง (2) เคยถูกลงโทษโดยคำสั่งถึงที่สุดเนื่องจากประพฤติผิดจรรยาบรรณตามมาตรา 49 แห่งพรบ.วิชาชีพบัญชีพ.ศ. 2547 แต่ยังประพฤติซ้ำ หรือไม่หลาบจำ หรือไม่มีความเกรงกลัวต่อการประพฤติผิดจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพบัญชี (3) กระทำความผิดในการประกอบวิชาชีพบัญชีตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 269 โดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก (4) กรณีอื่นที่คณะกรรมการจรรยาบรรณเห็นว่าเป็นการประพฤติผิดจรรยาบรรณอันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพบัญชี ข้อนี้พูดง่าย ๆ ก็คือการทำตัวดี ๆ อยู่ในร่องในรอยนั่นแหล่ะค่ะ อะไรที่เขาห้ามก็อย่าไปหาทำ (เช่น รับเซ็นงบมือปืน)
แสดงภาพลักษณ์ให้เห็นถึงการปฏิบัติงานตามกฏหมาย ข้อบังคับ ระเบียบต่าง ๆ และมาตรฐานวิชาชีพที่กำหนดไว้ และไม่ปกปิดข้อเท็จจริง หรือบิดเบือนความจริงอันเป็นสาระสำคัญ ซึ่งสามารถติดตามตรวจสอบได้ ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีจะต้องแสดงให้คนภายนอกเห็นว่าเราทำงานด้วยความโปร่งใส ถึงแม้ว่าเราจะต้องรักษาความลับของลูกค้า แต่กระบวนการทำงานของเราจะต้องตรวจสอบได้เสมอนะคะ ถ้าเป็น Scale เล็ก ๆ ก็เช่น ในมุมของ External Audit การ Link สูตรใน Workdone เสมอ อย่า Paste Value เพราะคนอื่นๆ เขาจะไม่ทราบว่าเราเอาเลขมาจากไหน หรือถ้าเราอ้างอิงเอกสารอะไรของลูกค้า ก็ควรใส่เลข Ref ไว้ให้ชัดเจน เวลาคนอื่นมาดูไม่ว่าจะเป็น Manager ของจ็อบนั้น หรือน้องที่จะมาทำต่อจากเราปีหน้า หรือเจ้าหน้าที่กลต.ที่มาตรวจสอบ Workdone เขาก็สามารถค้นเจอข้อมูลของเราได้อย่างง่ายดาย
สำหรับตอนนี้เราก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับหลักการพื้นฐานของจรรยาบรรณไปแล้ว ตอนหน้าเราจะมาคุยกันเกี่ยวกับหมวดที่ 3 ในข้อบังคับตัวนี้ที่ว่าด้วยการนำหลักการพื้นฐานไปปฏิบัติค่ะ
หวังว่าสรุปกฏหมายตัวนี้จะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย ขอบคุณผู้อ่านทุกคนนะคะ การให้ความเห็นชอบของผู้สอบบัญชีในตลาดทุน ตอนที่ 2
ตอนก่อนหน้าเราได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการขอความเห็นชอบเป็นผู้สอบบัญชีในตลาดทุนกันไปแล้ว ครั้งนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าหน้าที่ของผู้สอบบัญชีในตลาดทุนนั้นมีอะไรบ้าง
โดยในประกาศของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สช. 39/2553 ได้กำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้สอบบัญชีที่ได้รับความเห็นชอบไว้ดังนี้
นอกจากนี้ ถ้าหากผู้สอบฯที่ได้รับความเห็นชอบเป็นผู้สอบในตลาดทุนมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าของ Audit firm ที่ทำงานอยู่ด้วย เขาก็จะมีหน้าที่ต้องปฏิบัติเพิ่มเติมอีกดังนี้
โดยหน้าที่เหล่านี้ ผู้สอบบัญชีที่ได้รับความเห็นชอบจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ไม่อย่างนั้นอาจเป็นเหตุให้ทางสำนักงานกลต.เพิกถอนการให้ความเห็นชอบได้ โดยประกาศนี้ได้กำหนดไว้ว่า การให้ความเห็นชอบของผู้สอบบัญชีดังกล่าวจะสิ้นสุดลงเมื่อ
ในส่วนของการเพิกถอนการให้ความเห็นชอบโดยสำนักงานกลต. จะทำได้ในกรณีที่ปรากฏข้อเท็จจริงดังนี้ขึ้นก่อน
หากปรากฏข้อเท็จจริงดังที่กล่าวมา สำนักงานกลต.มีสิทธิ์ที่จะไม่ยกเหตุเหล่านั้นมาสั่งพักหรือเพิกถอนการให้ความเห็นชอบก็ได้ หากเป็นไปตามเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
ทั้งนี้ทั้งนั้น หากเพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของประชาชนหรือเพื่อคุ้มครองผู้ลงทุน สำนักงานอาจเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการของสำนักงานต่อบุคคลใด ๆ ตามอำนาจในมาตรา 24/1 แห่ง พรบ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 การให้ความเห็นชอบของผู้สอบบัญชีในตลาดทุน ตอนที่ 1
สำหรับใครที่ยังไม่ทราบนะคะ ผู้สอบบัญชีที่มี License CPA ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเซ็นงบตลาดได้ โดยงบตลาดที่พูดถึงในที่นี้ หมายถึงงบการเงินของกิจการดังนี้
โดยผู้สอบบัญชีที่มีความต้องการจะเซ็นงบที่กล่าวไปข้างต้นได้ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามประกาศเรื่องการให้ความเห็นชอบของผู้สอบบัญชีในตลาดทุน (สช. 39/2553)
ซึ่งในประกาศตัวนี้ ก็ได้กำหนดวิธีการยื่นเอาไว้ดังนี้
1.1 หนังสือรับรองและยินยอมจาก Audit firm ที่ผู้สอบได้สังกัดอยู่ โดยต้องใช้แบบ 61-2 เพื่อรับรองว่า Audit firm นั้นมีระบบควบคุมคุณภาพงานและสามารถให้สำนักงานเข้าตรวจสอบระบบดังกล่าวได้ และรับรองว่า จะดูแลพัฒนาระบบควบคุมคุณภาพงานดังกล่าวแม้หลังจากที่ผู้สอบได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานแล้วต่อไป แล้วก็ต้องอนุญาตให้สำนักงานกลต.เข้ามาตรวจสอบระบบดังกล่าวเมื่อได้รับแจ้งจากสำนักงานด้วย
เมื่อทางสำนักงานกลต.ได้รับเอกสารจากผู้สอบบัญชีครบถ้วนแล้ว สำนักงานฯ จะต้องสอบทานข้อเท็จจริงตามขั้นตอน ให้เสร็จภายใน 90 วัน ทั้งนี้ ถ้าหากว่ามีจุดที่สำนักงานฯ เอ๊ะ ขึ้นมา ผู้สอบฯ จะต้อง Standby ไว้เพื่อส่งมอบหลักฐานเพิ่มเติม โดยทางสนง.กลต.จะกำหนดระยะเวลาให้ผู้สอบฯมาชี้แจงตัวเองไม่น้อยกว่า 14 วัน แต่ไม่เกิน 21 วัน (คือให้เวลา 2-3 อาทิตย์นั่นเอง)
หลังจากที่ได้รับเอกสารเพิ่มเติมครบถ้วน ทางสนง.กลต.ก็จะดำเนินการพิจารณาอีกรอบให้เสร็จภายใน 60 วัน แล้วก็จะแจ้งผู้สอบให้ทราบว่า ได้รับความเห็นชอบในการเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีที่สามารถตรวจสอบงบการเงินในตลาดทุนได้หรือไม่
สำหรับคุณสมบัติของผู้สอบบัญชีที่ต้องการจะขอความเห็นชอบเป็นผู้สอบบัญชีในตลาดทุนได้มีดังนี้
สำหรับคุณสมบัติของ Audit firm ที่ผู้สอบฯอยู่นั้น จะต้องมีลักษณะดังนี้
เมื่อผู้สอบบัญชีได้รับความเห็นชอบจากสนง.กลต.ให้สามารถเซ็นงบในตลาดทุนได้แล้ว สิทธิ์นี้อยู่ได้ไม่เกินครั้งละ 5 ปี โดยที่ผู้สอบดังกล่าวสามารถยื่นขอความเห็นชอบใหม่ได้ โดยต้องทำตามขั้นตอนและระยะเวลาเหมือนกับตอนที่ขอความเห็นชอบครั้งแรก โดยระหว่างที่ยื่นขอต่ออายุ ผู้สอบยังสามารถเซ็นงบตลาดฯต่อไปได้ เพียงแต่มีระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือนนับแต่ครบกำหนด5 ปี ทั้งนี้ ผู้สอบจะต้องได้รับความเห็นชอบจากลูกค้า เป็นการแต่งตั้งโดยชอบด้วยกฎหมาย ก่อนที่ระยะเวลาการให้ความเห็นชอบจะหมด และต้องยื่นเรื่องขอต่ออายุกับสำนักงาน กลต. 2 เดือนก่อนที่ความให้เห็นชอบจะหมดอายุ
ต่อมามาดูกันว่าลักษณะแบบไหนที่ทางผู้สอบห้ามมีเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะถูกเพิกถอนการให้ความเห็นชอบได้ โดยจะแบ่งเป็น คุณสมบัติ และพฤติกรรม
คุณสมบัติ
พฤติกรรม
ในส่วนของพฤติกรรมนี้ สนง.กลต.อาจจะพิจารณาเพิ่มเติมถึงระยะเวลาและความร้ายแรงของพฤติกรรมดังกล่าว โดยที่ผู้สอบที่ขอความเห็นชอบจะต้องได้รับโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริง และโต้แย้งคำกล่าวหาดังกล่าวได้
ทั้งนี้หากผู้สอบที่ขอความเห็นชอบมีพฤติกรรมดังกล่าวจริง ๆ ทางสนง.กลต.อาจจะไม่เพียงปฏิเสธคำขอให้ความเห็นชอบเท่านั้น แต่สามารถลงโทษสั่งพักหรือเพิกถอนการให้ความเห็นชอบไปได้เลยทีเดียว |
Kurobina
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] ยินดีที่ได้รู้จัก หวังว่าเราจะได้ทำดีต่อกัน ขอสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ผู้ใด ทำซ้ำ คัดลอก ดัดแปลง แก้ไข หรือเผยแพร่ ไม่ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดใน Blog นี้ ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าจะเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด |