เรื่องเล่าจากปากผม ภาค ๕: วัดเกษแก้ว/วังจำปี
เรียนหนังสือที่วัดเกษแก้ว (๒๕๒๙ ๒๕๓๐) แม้จะได้รับการยืนยันว่าเคยเรียนอนุบาลที่โรงเรียนวัดมวกเหล็กนอก แต่นั่นผมจำไม่ค่อยได้เลยว่าเรียนอะไรบ้าง จำได้แต่ว่าเคยร้องไห้กลับบ้าน และเคยนั่งตักพี่คนหนึ่งในงานไหว้ครูบนศาลาการเปรียญวัดมวกเหล็กนอก ส่วนรายละเอียดอื่นๆ จำแทบไม่ได้เลย มาจำรายละเอียดมากๆ ก็เรียนที่โรงเรียนวัดเกษแก้ว เมื่อปี ๒๕๒๙ ต้นปี 2529 ครอบครัวก็ย้ายจากมวกเหล็กไปประกอบอาชีพที่ อ.วังน้ำเย็น จ.ปราจีนบุรี (ขณะนั้น) โดยคุณแม่ประกอบอาชีพทำขนมขายที่ตลาด ขนมก็จะเป็นขนมแห้ง เช่น นางเล็ด กล้วยฉาบ ต่อมาก็จะมีพวกเผือกฉาบ มันรังนก ข้าวแตน (ข้าวตัง หรือข้าวแต๋น) ครองแครง ส่วนคุณพ่อนั้นก็ขายไอติมตัดอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ไปทำงานรับเหมาก่อสร้างเช่นเดิม ตอนแรกก็อาศัยอยู่กับตาคิดตั้งบ้านอยู่ที่บ้านวังจำปี ด้วยความที่ไม่มีคนเลี้ยง คนพ่อเลยตัดสินใจส่งเข้าโรงเรียนแถวบ้าน คือ โรงเรียนวัดเกษแก้ว เพราะค่าใช้จ่ายถูกกว่า วันที่คุณพ่อพาไปสมัคร คุณพ่อเล่าว่าผมเคยเรียนอนุบาลมาแล้วสองปี และ (น่าจะ) มีความพร้อมแล้วในการเรียนชั้น ป.1 ขณะนั้นผมอายุ 6 ขวบกว่าแล้ว แต่โรงเรียนบอกว่าต้องอายุ 7 ขวบถึงจะเรียน ป.1 ได้ ผมจึงต้องเรียนอนุบาลต่ออีกปี หลายปีต่อมาผมโวยวายกับพ่อว่าทำไมไม่ส่งไปเรียนที่โรงเรียนอีกแห่งที่เขาให้หกขวบที่พร้อมเรียนได้ เพราะมันทำให้ผมช้าไปปีหนึ่ง พ่อตอบว่า สมัยนั้นได้เรียนก็บุญแล้ว ทำเอาพูดไม่ออก ถ้าผมจำไม่ผิด ในห้องมีนักเรียนราว 30 คน มีอายุต่างกันหลายคน เท่าที่ผมจำได้นั้นเป็นเพื่อนผู้ชาย ซึ่งมีชื่อตามบัญชีเรียกชื่อของครู คือ สู้ สมบูรณ์, ณรงค์ฤทธิ์ วงรี, พงษ์พันธ์ พรานดง, พรศักดิ์ เทพรักษา, นาวิน ราคายิ่ง, มานพ เพ็ญศรี, อนุวัติ
, สมชาย ปัก...ชัย, ศราวุฒิ วงรี, นฤพนธ์ สายเสมา, อาทร นาทาม, ตามด้วยนักเรียนหญิง ซึ่งจบคนสุดท้ายด้วย สมหมาย แม่นปืน โดยมีณรงค์ฤทธิ์ เป็นหัวหน้าห้อง ซึ่งกับผมนับว่าสนิทกันพอสมควร ผมได้มีโอกาสเจอกับเขาอีกครั้งตอน ป.5 เมื่อตอนเข้าค่ายปีนั้นที่วัดเกษแก้ว แต่เขาจำผมไม่ได้เสียแล้วครับ ครูประจำชั้นเป็นผู้หญิงครับ จำไม่ได้แล้วว่าท่านชื่ออะไร แต่ท่านมีบทบาทอย่างมากในการพัฒนาความสามารถทางคณิตศาสตร์ และภาษาไทยของผม คุณครูประจำชั้นท่านนี้ ค้นพบว่า ผมมีความสามารถทางด้านคณิตศาสตร์ มากกว่าเด็กในห้อง ท่านจึงมีการบ้านให้ผมเป็นพิเศษนอกเหนือจากที่เพื่อนเรียนกันตามปกติ คือ คณิตศาสตร์ ท่านจะมีโจทย์การบวกลบจำนวนนับให้ผมทำทุกวัน ซึ่งมีการทดเลขด้วย การบวกลบนั้นไปถึงจำนวนที่มี 3 หลักแล้ว ซึ่งผมก็สามารถทำได้ดีมาก ส่วนภาษาไทยนั้น ท่านก็พบว่าผมอ่านหนังสือได้แล้ว ท่านจึงให้ผมอ่านหนังสือให้เพื่อนฟังทุกวัน ก่อนเวลาพักเที่ยง ถ้าคิดในแง่ของเด็กปัญญาดี (ไม่กล้าใช้คำว่าเด็กปัญญาเลิศ) ผมควรจะได้รับการส่งต่อ หรือสนับสนุนในเรื่องการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง หรืออาจจะได้เลื่อนชั้นไปเรียน ป.๑ ด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่มีการส่งต่อ ทำให้ผมเป็นเด็กอนุบาลที่เก่งกว่าเด็กอนุบาลด้วยกัน และความเก่งนี้ส่งผลให้ผมมีปัญหาในการเรียน ตอน ป.๑ ซึ่งจะได้เล่าต่อไป ในช่วงท้ายๆ ของปีการศึกษานั้น ผมจำได้ว่าคุณครูท่านจะสอนการคูณให้ผมด้วย แต่ว่าสมองผมตอนนั้นคงยังรับไม่ได้ จึงไม่ได้สานต่อ ประกอบกับสิ้นปีการศึกษา และผมก็ย้ายโรงเรียนพอดี
ไม่มีภาพประกอบในส่วนนี้นะครับ
Create Date : 04 เมษายน 2553 |
Last Update : 4 เมษายน 2553 0:16:14 น. |
|
3 comments
|
Counter : 664 Pageviews. |
|
|