อย่างที่บอกนะครับว่า คุณพ่อกับคุณแม่นามสกุลเดียวกัน คือ สายเสมา แต่คุณแม่เกิดและโตที่มวกเหล็ก แต่คุณพ่อนั้นเกิดและโตที่บ้านแดงหม้อ ทั้งสองท่านมาเจอกันที่มวกเหล็กเมื่อประมาณ พ.ศ.๒๕๑๖ ความรักของท่านทั้งสองถูกกีดกันจากคุณตา ท่านทั้งสองจึงวิวาห์เหาะ หรือหนีตามกันนั่นเอง
เหตุผลที่ท่านไม่ได้แต่งงานอย่างถูกต้องนั้น เท่าที่ทราบคือคุณตาไม่ค่อยจะชอบคุณพ่อเท่าไร จึงไม่อยากยกลูกสาวคนโตให้
แต่ในช่วงปลายชีวิตของคุณตา คุณพ่อก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าท่านเป็นดี และเป็นที่รักและไว้วางใจของคุณตามาก
ท่านไปอยู่ด้วยกันที่ปากช่อง จากนั้นจึงเข้าไปทำงานที่กรุงเทพฯ ทำงานบ้านอยู่ที่บ้าน ส.ส. ท่านหนึ่ง จน พ.ศ.2519
ก็ให้กำเนิดลูกชายคนโต คือ พี่ชายของผมนั่นเอง
คุณพ่อเล่าว่า ตอนนั้นกลัวว่าเมื่อลูกโตขึ้นมาจะมีปมด้อยที่เป็นลูกคนใช้ จึงได้ขอลาออก แล้วย้ายครอบครัวไปอยู่ที่สุรินทร์ จากนั้นก็ย้ายไปอยู่ที่มวกเหล็ก
นั่นเป็นเรื่องก่อนผมจะเกิด ผมไม่ทราบมากนัก แต่จำได้ว่ามีบันทึกของพ่อเรื่องนี้ เคยเห็นสมัยเด็กๆ เคยเห็นจริงๆ ครับ เพราะไม่ได้อ่าน เพราะเด็กๆ ไม่ค่อยชอบอะไรที่มีตัวหนังสือเยอะๆ เลยไม่ค่อยทราบเรื่อง เท่าที่จำได้ก็จากการบอกเล่าของพ่อกับแม่ และญาติผู้ใหญ่ท่านอื่นๆ
จนกระทั่งบ่ายสองสิบนาที ของวันศุกร์ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๒๓
เมื่อผมเกิด (๒๕๒๓)
เมื่อเวลาราวบ่ายสองสิบนาทีของวันศุกร์ แรม 6 ค่ำ เดือน 4 ปีมะแมเอกศก จุลศักราช 1341 เปลี่ยนปีนับแบบไทย คือ เปลี่ยนปีตอนสงกรานต์ ถ้านับปีตามปกติจะเป็น ปีวอกโทศก จุลศักราช 1342 ในสูติบัตรบอกว่าผมเกิดปีมะแม แต่คนรุ่นเดียวกันที่เกิดหลังสงกรานต์จะบอกว่าเป็นปีวอกรัตนโกสินทร์ศก
199 ตรงกับวันศุกร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2523 (แบบสุริยคติ) ผมก็ลืมตาดูโลกที่โรงพยาบาลมวกเหล็ก คุณพ่อตั้งชื่อว่า “นฤพนธ์” ท่านบอกความหมายประมาณว่า
“ผู้นำอันยิ่งใหญ่” แต่แปลความหมายตามที่ผมพบก็คือ “บทร้อยกรองอันงดงาม” แต่บางคนที่ชื่อนี้บอกว่าชื่อนี้แปลว่า “คนที่ไม่มีพันธะ” ทำนองเดียวกับชื่อนฤมล ที่แปลว่าบุคคลที่ไม่มีมลทิน
แต่ตามความหมายที่ผมเข้าใจ (เอาเอง) ผมว่ามันเป็นภาษาสันสกฤต นฤ- น่าจะเท่ากับ นิ- ดังนั้น นฤพนธ์ จึงน่าจะเขียนเป็นบาลีว่า “นิพนธ์” แปลว่า แต่ง เขียน บางคนจึงแปลมันว่า “นักเขียน” ซึ่งก็สอดคล้องกับความหมาย “บทร้อยกรองอันงดงาม”
ถ้าอย่างนั้นก็รวมกันไปเลยเป็น “ผู้แต่งบทร้อยกรองอันงดงาม”
แล้วกันนะครับ
แต่ถ้าลองไปเปิดดูตามพจนานุกรม นฤ [นะรึ]
แปลว่า คน และแปลว่าไม่, ออก มักใช้เติมหน้าคำอื่น เช่น นฤมล แปลว่าไม่มีมลทิน
แต่นฤพนธ์นั้นไม่มี เคยอ่านเจอนานแล้วว่าแปลว่า “บทร้อยกรองอันงดงาม” แต่ถ้าเป็น “นฤพันธ์”
ซึ่งเป็นบ่อยๆ น่าจะแปลว่า “ไม่มีพันธะ” ซึ่งชื่อผมก็น่าจะแปลดังนี้ ถ้า -พนธ์ กับ -พันธ์ เป็นคำเดียวกัน
บางคนบอกว่า ชื่อเราจะบอกความเป็นตัวเราได้มากที่สุด ทั้ง 3 ความหมายบอกความเป็นตัวผมได้ทั้งสิ้น
ทั้งไม่มีพันธะ นักเขียน และบทร้อยกรองอันงดงาม
รวมอีกทีเป็น “นักเขียนบทร้อยกรองอันงดงาม ผู้เป็นอิสระ”
ชักเริ่มวุ่นวายมากขึ้นแล้วครับพี่น้อง...
ส่วนชื่อเล่น “อั๋น” นั้น แน่นอนว่าแสดงถึงความอวบอั๋นตอนเด็กๆ
น้าเพ็ญเป็นคนตั้งให้ครับ
ในตอนที่เกิดนั้นคุณแม่ขายของอยู่ที่สถานีรถไฟ คุณพ่อขายของ
และรับจ้าง ต่อมาก็ไปเป็นผู้รับเหมาอยู่ในกรุงเทพฯ
ตอนที่เกิดนั้นอาศัยอยู่กับคุณตาที่บ้านพักพนักงานรถไฟ
หรือที่คนแถบนั้นแรกว่าโรงกุลี ความช่วงนั้นผมจำไม่ได้เลย เท่าที่จำความได้ ผมโตมาที่บ้านหลังสถานีรถไฟ
เป็นบ้านเช่าสองชั้น ช่วงหน้าฝนน้ำจะท่วมทุกปี บางปีน้ำขังอยู่หลายวัน ต้องส่งอาหารผ่านจากบ้านที่อยู่ติดถนน
ได้มาคุยกับพ่อตอนโตแล้ว
เรื่องปัญหาครอบครัวของนักเรียนปัจจุบันที่พ่อแม่แยกกันไปทำงานคนละทาง
ให้ลูกอยู่กันเองบ้าง อยู่กับญาติบ้าง พ่อก็เลยบอกว่า
พ่อเองสมัยที่ต้องไปทำงานเป็นผู้รับเหมานั้นไม่ได้เอาแม่และพวกผมไปด้วย
เพราะมันต้องย้ายที่ทำงานไปเรื่อยๆ สภาพความเป็นอยู่ไม่ดี
พ่อเลยเลือกที่จะให้แม่เลี้ยงผมกับพี่ที่มวกเหล็ก
ภายในสภาพแวดล้อมที่มีญาติพี่น้องอยู่มากมาย
นับว่าความคิดท่านทันสมัยไม่น้อยทีเดียวนะครับ
ตามต่อก็ยินดีนะครับ