- ข่าวเด่นประเด็นดังทั่วไทย
- ข่าวเด่นประเด็นดังทั่วไทย 2
- ข่าวเด่นประเด็นดังต่างประเทศ
- เรื่องจริง,อุทาหรณ์
- ข่าวกีฬาทั่วไป
- ข่าวอาเซนอล
- ข่าวบาซ่า
- ข่าวบันเทิง,ดารา,นักร้อง,คนดัง,ละคร
- ข่าวดารา,บันเทิง,นักร้อง,คนดัง,ละคร 2
- ข่าวดารา,บันเทิง,คนดัง,นักร้อง,ละคร 3
- ข่าวสารภาพยนตร์
- ดูดวง,ทำนาย,แบบทดสอบ
- ข่าวสารท่องเที่ยวทั่วไทย
- ข่าวสาร,แนะนำที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ
- ความรู้ทั่วไป,ความรู้รอบตัว
- ข่าวสารครอบครัว,ความรัก,เพื่อน
- ข่าวสารสุขภาพ
- ข่าวสารแฟชั่น,ความงาม
- สัตว์ทั่วไป,สัตว์เลี้ยงสุนัข,แมว
- สูตรอาหาร,ขนม
- แนะนำร้านอาหาร
- เรื่องแปลก,ลึกลับ,ผี
- เรื่องตลก,ขำขัน
- ข่าวสารแนะนำเกม
- ต้นไม้,ดอกไม้
- ข่าวสารยานยนต์
- ข่าวสารดำเนินกิจการงาน,อาชีพ
- ข่าวสารเทคโนโลยี,คอมพิวเตอร์,อินเตอร์เน็ต,อุปกรณ์สื่อสารทั่วไป
- ศาสนา,ธรรมะ,คติ,ปรัชญาสอนใจ
- กิจกรรม,ศูนย์รวมเรื่องต่างๆที่ ช่วยเหลือสังคม
- บล็อกส่วนตัวจ้า
|
|
|
|
|
|
เลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง ขณะขับรถ
วันนี้มีข้อมูลดีๆ นำมาฝากกันค่ะ อุบัติเหตุบนถนน คือสิ่งที่เราไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น เพราะถ้าเราไม่ประมาทแต่มีผู้ร่วมถนนคนอื่นประมาท ก็ทำให้เราบาดเจ็บและเสียชีวิตได้ ลองไปดูกันค่ะ ว่ามีพฤติกรรมเสี่ยงอะไรบ้างที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนบ้าง และเมื่อเราได้รู้ว่ามีพฤติกรรมอะไรเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุ เราจะได้หยุดทำพฤติกรรมเหล่านั้นเวลาขับรถกัน เพื่อความปลอดภัยของเรา และผู้ร่วมใช้ถนนคนอื่น ปลูกจิตสำนึกเพื่อใช้ถนนร่วมกันอย่างปลอดภัยกันนะคะ....
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงขณะขับรถ คุณอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนว่า จากการตรวจสอบสถิติอุบัติเหตุทางถนน พบว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้อุบัติเหตุเพิ่มสูงขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ขับขี่ ได้แก่ การโทรศัพท์ขณะขับรถ ขับไปกินไป ดูโทรทัศน์ แต่งหน้า จึงขอเตือนให้เลี่ยงพฤติกรรมดังกล่าว การโทรศัพท์ขณะขับรถ เพิ่มความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุมากกว่าปกติ 2-4 เท่า เพราะทำให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิ ปฏิกิริยาตอบสนองช้าลง การตัดสินใจเหยียบเบรก การบังคับพวงมาลัยเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินช้าลงกว่าปกติ 0.5 วินาที และส่งผลต่อการมองเห็นป้ายสัญลักษณ์ ป้ายจราจร ป้ายบอกทาง แม้จะเห็นป้ายแต่จดจำรายละเอียดไม่ได้ หากจำเป็นต้องพูดโทรศัพท์ควรใช้อุปกรณ์เสริม ได้แก่ แฮนด์ฟรี บลูทูธ ถ้าเดินทางตามลำพังและไม่มีอุปกรณ์เสริมควรจอดข้าง ทาง หรือบริเวณที่ปลอดภัยเพื่อรับโทรศัพท์จะปลอดภัยกว่า ขับไปกินไป จากสภาพการจราจรที่ติดขัดในกรุงเทพฯ ทำให้คนขับรถหรือผู้โดยสาร รับประทานอาหารบนรถเป็นภาพชินตา การขับไปกินไปเป็นพฤติกรรมเสี่ยง เพราะเหลือมือจับพวงมาลัยเพียงข้างเดียว ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินจะไม่สามารถหักหลบหรือแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ทัน เพราะปฏิกิริยาตอบสนองในการขับขี่ช้าลงกว่าปกติ 2 เท่า หากกินอาหารของทอดจะทำให้มือเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน หากไปจับพวงมาลัยจะทำให้ลื่นกว่าปกติ ส่งผลให้การควบคุมพวงมาลัยลดลง การดูโทรทัศน์ขณะขับรถ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากความสว่างของจอภาพ เสียง รวมถึงเนื้อหาของภาพที่เคลื่อนไหว ทำให้สมาธิในการควบคุมรถลดลง และความสนใจต่อเหตุการณ์รอบตัวลดลง แม้คนขับจะไม่ได้ดูโทรทัศน์ แต่เสียงที่ได้ยินก็รบกวนสมาธิ และยังกระตุ้นให้ขับเร็วกว่าปกติอีกด้วย การแต่งหน้าขณะขับรถ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก การแต่งหน้า ทาปากระหว่างรถติดสัญญาณไฟ หรือเคลื่อน ตัวช้าๆ จะทำให้สมาธิของผู้ขับขี่จดจ่ออยู่กับกิจกรรมที่ทำ จนลืมไปว่ากำลังขับรถ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือรถคันหน้าเบรกกะทันหันจะทำให้ชนท้ายได้ ขอขอบคุณข้อมูลจาก
//icare.kapook.com/caution.php?ac=detail&s_id=20&id=802
Create Date : 09 กันยายน 2556 | | |
Last Update : 9 กันยายน 2556 17:00:58 น. |
Counter : 1433 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
แม่ใช้เชือกรองเท้ารัดคอลูกจนตาย ก่อนทิ้งลงถังขยะ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สปริงนิวส์
สลด! แม่ใช้เชือกรองเท้ารัดคอลูกจนตาย ก่อนทิ้งลงถังขยะ ตำรวจคาดแม่เด็กน่าจะเป็นนักศึกษา เพราะบริเวณนั้นเป็นหอพักและมีนักศึกษามาพักจำนวนมาก
วันนี้ (7 กันยายน 2556) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ได้รับแจ้งว่ามีการทิ้งศพทารกแรกเกิดที่ถังขยะ 200 ลิตร บริเวณหน้าโรงงานน้ำแข็งสุวัฒน์ แยกโรงเรียนอุตรดิตถ์ ถ.หลังโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ สาขา 1 เมื่อเข้าไปตรวจสอบ พบว่า เป็นทารกเพศชาย ที่สะดือยังมีสายรกติดอยู่ ถูกห่อด้วยถุงพลาสติก 2 ชั้น มีขาโผล่ออกมา 1 ข้าง ขณะที่ลำคอถูกเชือกรองเท้าสีฟ้ารัดไว้แน่น คาดว่าเสียชีวิตประมาณ 4-6 ชั่วโมง นอกจากนี้ พบกางเกงขาสั้นลายสก็อต 1 ตัว, กางเกงชั้นในผู้หญิง 1 ตัว, ผ้าอนามัย และซองมาม่า อีกด้วย
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นผู้ที่ไม่มีความพร้อมในการเลี้ยงดู เมื่อลูกคลอดจึงใช้เชือกรองเท้ารัดคอจนเสียชีวิต พร้อมกับนำศพมาทิ้งไว้เพื่อหนีความผิด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่คาดว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นนักศึกษา เนื่องจากในละแวกนี้มีหอพักนักศึกษาอยู่เป็นจำนวนมาก และจะพยายามนำตัวคนผิดมาดำเนินคดีให้ได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
//hilight.kapook.com/view/90830
Create Date : 07 กันยายน 2556 | | |
Last Update : 7 กันยายน 2556 18:27:44 น. |
Counter : 1031 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
สลด ! แม่พาลูกสาว 5 ขวบ ค้ากามกับลูกค้าเก่า แลกเงิน-ยาบ้า
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดย คุณ LAKORNHD ThaiTV สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
แม่วัย 35 ปี แยกทางกับพ่อเด็กไปอยู่กับสามีใหม่ แต่กลับพาลูกสาว 5 ขวบ ไปขายบริการทางเพศให้กับลูกค้าเก่าของตัวเอง เพื่อแลกเงิน 800 บาท กับยาบ้าอีกจำนวนหนึ่ง
เมื่อวานนี้ (5 กันยายน 2556) นางปวีณา หงสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า มีป้าของเด็กรายหนึ่งได้เข้ามาร้องกับทางมูลนิธิปวีณาหงสกุล เพื่อเด็กและสตรี ว่า หลานสาววัย 5 ขวบ ถูกแม่แท้ ๆ วัย 35 ปี พาไปขายบริการทางเพศ เพื่อหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว เนื่องจากขณะนี้กำลังอาศัยอยู่กับสามีใหม่ แต่เงินไม่พอใช้
ทั้งนี้ ป้าของเด็กเล่าว่า หลานสาวอาศัยอยู่กับตนและผู้เป็นพ่อ ส่วนบ้านของแม่เด็กอยู่ไม่ไกลจากกันเท่าใดนัก กระทั่งเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556 แม่เด็กไปรับหลานที่โรงเรียน เมื่อหลานสาวมาถึงบ้านก็บอกกับตนว่า เจ็บที่อวัยวะเพศ และเวลาปัสสาวะ หลานสาวก็เจ็บมาก จนกระทั่งร้องไห้ออกมา เมื่อพบว่า อวัยวะเพศของหลานสาวบวมแดงผิดปกติ จึงไปสอบถามแม่ของเด็ก จนทราบว่า หลานสาวถูกพาไปหาชายคนหนึ่งที่แม่ของเด็กเรียกว่า ป๋า โดยแม่ของเด็กเห็นป๋าทาครีมที่อวัยวะเพศของหลานสาว ก่อนใช้นิ้วสอดใส่เข้าไป จากนั้นป้าของเด็กจึงรีบพาหลานสาวไปร้องทุกข์กับมูลนิธิปวีณาฯ ทันที
เมื่อนางปวีณาทราบเรื่อง ก็รีบพาป้ากับหลานสาวไปแจ้งความ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมคนทั้งคู่ได้ เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2556 ภายหลังทราบชื่อชายคนดังกล่าวว่า นายอมร (ไม่ทราบนามสกุล) อายุ 48 ทำงานแถวปทุมธานี
นอกจากนี้ แม่ของเด็กยังเล่าว่า ได้แยกทางกับสามีเก่ามาอาศัยอยู่กับสามีใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้แม่ของเด็กก็ขายบริการทางเพศมาก่อน จนกระทั่งได้รู้จักกับนายอมรและค้าบริการกันบ่อย ๆ จนวันหนึ่งนายอมรถามว่า มีลูกสาวหรือไม่ เมื่อแม่ของเด็กบอกว่ามี นายอมร จึงบอกให้พาลูกสาวมา แล้วจะให้เงินกับยาบ้าเป็นค่าตอบแทน แม่ของเด็กเลยพาลูกสาวมาหานายอมร เพื่อแลกเงิน 800 บาท กับได้ยาบ้ามาเสพ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
Create Date : 06 กันยายน 2556 | | |
Last Update : 6 กันยายน 2556 19:20:53 น. |
Counter : 910 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
หนุ่มพะเยาหึงโหด ยิงแฟนสาวดับก่อนยิงตัวตายตาม เหตุไลน์ทำพิษ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
หนุ่มพะเยาหึงโหด คว้าอาวุธปืนลูกซองยิงแฟนสาววัย 19 ปี ดับสยอง พร้อมยิงตัวตายตาม เหตุฝ่ายหญิงแชทไลน์คุยกับหนุ่มไม่เลิก
เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.จุน อ.จุน จ.พะเยา ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุยิงกันจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ในพื้นที่หมู่ 1 ต.ทุ่งรวงทอง อ.จุน หลังได้รับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบ
เมื่อถึงที่เกิดเหตุที่บ้านเลขที่ 243/1 หมู่ 1 ต.ทุ่งรวงทอง พบศพผู้เสียชีวิต 2 ราย รายแรกเป็นผู้หญิง ศพอยู่ในสภาพนอนหงาย ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเข้าที่บริเวณท้ายทอย ขณะที่อีกศพเป็นผู้ชาย อยู่ในสภาพนอนกอดปืนลูกซอง ถูกยิงเข้าที่กกหูขวา ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.ศศิประภา คำเรือง อายุ 19 ปี และนายไสว จันทรจร อายุ 27 ปี
จากการสอบถามเบื้องต้นพบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายไสว ได้ไปรับตัว น.ส.ศศิประภา ออกมาจากบ้าน ระหว่างทางได้มีปากเสียงกัน และเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุคือบ้านของฝ่ายชาย ทั้งสองก็ได้มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง จนญาติของฝ่ายชายต้องเข้ามาห้ามปรามแต่ก็ไม่เป็นผล ด้านฝ่ายชายคว้าอาวุธปืนลูกซองยิงเข้าที่ท้ายทอยของฝ่ายหญิง จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต ขณะที่บรรดาญาติกำลังตกตะลึง นายไสวก็นำปืนลูกซองยิงตัวตายตามทันที
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า สาเหตุน่าจะมาจากเรื่องความหึงหวง เนื่องจากฝ่ายหญิงเล่นไลน์ทางโทรศัพท์กับเพื่อนผู้ชาย ซึ่งฝ่ายชายก็ได้ทำการตักเตือนแล้ว แต่ฝ่ายหญิงไม่ฟัง จึงทำให้เกิดเรื่องทะเลาะกันใหญ่โต และนำไปสู่การก่อเหตุในครั้งนี้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
//hilight.kapook.com/view/90695
Create Date : 04 กันยายน 2556 | | |
Last Update : 4 กันยายน 2556 18:28:38 น. |
Counter : 957 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|