Group Blog
 
All blogs
 

คลิปสุดสะพรึง เงาดำปริศนาลากขาชายชุดดำ ล้มหงายหลัง

คลิปสุดสะพรึง เงาดำปริศนาลากขาชายชุดดำ ล้มหงายหลัง


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ Gamamori สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

คลิปสุดสะพรึง ชายชุดดำคนหนึ่งถูกเงาดำปริศนาลากขา จนล้มหงายหลัง คาดเป็นเงาลี้ลับ

            วันนี้ (5 พฤษภาคม 2557) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 ได้นำเสนอคลิปสุดสะพรึง เมื่อชายคนหนึ่งถูกเงาดำปริศนาลากขา คาดเงาดังกล่าวเป็นเงาลี้ลับ

โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า กล้องวงจรปิดที่อาคารแห่งหนึ่งได้บันทึกภาพของชายสวมชุดดำกำลังเดินไปในทางเดิน แต่จู่ ๆ ก็มีเงาดำปริศนามาดึงขาจนหงายหลัง ด้านผู้ชายคนนั้นก็พยายามจะหนีออกมา แต่แล้วเงาดำก็ค่อย ๆ จางหายไป ส่วนชายคนดังกล่าวก็รีบวิ่งหนีสวนกล้องออกมางานนี้ ชาวเน็ตที่ได้ชมคลิปดังกล่าวก็วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมาย บ้างก็บอกว่าเป็นเงาลี้ลับ บ้างก็บอกว่าอาจจะเป็นโปรแกรมตัดต่อทำขึ้นมาเล่น ๆ ก็เป็นได้






 

Create Date : 05 พฤษภาคม 2557    
Last Update : 5 พฤษภาคม 2557 18:22:33 น.
Counter : 1956 Pageviews.  

เกาะฮาร์ต สุสานวิญญาณที่ถูกลืมกว่าล้านดวงในสหรัฐฯ

เกาะฮาร์ต สุสานวิญญาณ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก hartisland.net

เกาะฮาร์ต สุสานใหญ่ในสหรัฐฯ ที่ถูกลืม มันอยู่ใกล้มหานครนิวยอร์กที่พลุกพล่าน แต่กลับเป็นดินแดนลับแลซึ่งเป็นที่พำนักสุดท้ายตลอดกาลของผู้ล่วงลับนับล้านชีวิต

ในมหานครนิวยอร์กซึ่งเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเจริญ ยิ่งใหญ่ วุ่นวาย และพลุกพล่านที่สุดในโลก กลับยังมีชาวนิวยอร์กอีกหลายต่อหลายคนที่ไม่รู้ว่ายังมีสถานที่ซึ่งเรียกว่า "เกาะฮาร์ต" อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลไปจากพวกเขา มันเป็นเกาะเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างออกไปทางตะวันออกของเขตบรองซ์ (Bornx) แห่งมหานครนิวยอร์ก เกาะฮาร์ตทอดตัวเป็นแนวยาวราว 2 กิโลเมตร และส่วนที่กว้างที่สุดของเกาะวัดได้ประมาณ 400 เมตรเท่านั้น มันเป็นสุสานที่ฝังร่างผู้ล่วงลับไว้นับล้านชีวิต เป็นสุสานสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ ทว่าก็เป็นสุสานที่ได้รับการใส่ใจและเป็นที่รู้จักน้อยที่สุดด้วยเช่นกัน เกาะฮาร์ตมีสภาพไม่ต่างไปจากดินแดนลับแล มันเข้าถึงยาก และไม่มีใครมาเยี่ยมเคารพศพ เพราะทางการไม่อนุญาตให้ประชาชนเข้ามายังเกาะแห่งนี้ได้ ท่าเรือเพียงแห่งเดียวบนเกาะนี้ถูกล้อมด้วยลูกกรง และลวดหนาม พร้อมป้ายประกาศเตือนว่าห้ามบุกรุก สิ่งเหล่านี้ทำให้ดวงวิญญาณกว่าล้านดวงบนเกาะ มีสภาพไม่ต่างไปจากวิญญาณที่ถูกลืม ไม่ว่าจะเป็นดวงวิญญาณจากศพไร้ญาติ หรือศพที่มีญาติก็ตาม โดยในปัจจุบันยังคงมีศพถูกส่งมาฝังที่นี่เฉลี่ยปีละ 1,500 ร่าง ตามรายงานจากกรมราชทัณฑ์ซึ่งทำหน้าที่ดูแลเกาะ



          ในช่วงเริ่มต้น เกาะฮาร์ตถูกซื้อมาจากชาวอเมริกันพื้นเมืองโดยนายโธมัส เพลล์ และในปี 1868 นครนิวยอร์กก็ได้ซื้อมันมาอีกต่อหนึ่ง ในช่วงแรกเริ่ม เกาะฮาร์ตถูกใช้เป็นสถานที่ฝังร่างผู้เสียชีวิตจากสงครามกลางเมือง รวมทั้งใช้เป็นสนามฝึกหัดของทหาร เป็นคุก เป็นสถานกักกันผู้ต้องโทษระยะสั้น เป็นโรงพยาบาลผู้ป่วยทางจิต และเป็นแม้กระทั่งฐานปล่อยมิสไซล์ในช่วงสงครามเย็น แต่มันก็ยังคงไม่ทิ้งหน้าที่การเป็นสุสาน โดยนับตั้งแต่ปี 1869 เป็นต้นมา มีร่างไร้วิญญาณถูกฝังลงบนผืนดินของเกาะแห่งนี้กว่าล้านราย


เกาะฮาร์ต สุสานวิญญาณ

          หลุมศพบนเกาะแห่งนี้ถูกขุดโดยนักโทษที่ถูกเกณฑ์มาจากเกาะไรเกอร์ส นอกจากขุดแล้วก็มีหน้าที่ลำเลียงศพลงไปฝังด้วย ไม่ว่าจะเป็นศพทารกที่ตายระหว่างคลอด คนไร้บ้าน คนยากจน และยังมีอีกหลายต่อหลายชีวิตที่มีที่อยู่สุดท้ายร่วมกันท่ามกลางบรรยากาศเศร้าสร้อยเงียบงัน บางศพถูกฝังในหลุมเดี่ยว แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาทั้งหลายถูกฝังร่วมอยู่ในหลุมขนาดใหญ่ที่ถูกขุดขึ้น ร่างผู้ใหญ่จะถูกฝังรวมลงในหลุมหนึ่ง ส่วนทารกและเด็กที่เสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อยก็จะถูกแยกไปฝังรวมกันไว้อีกหลุมหนึ่ง ทว่าไม่มีหลุมใดหรือศพใดเลยที่มีป้ายหลุมศพเป็นของตัวเอง การจำแนกบุคคลก็ไม่ละเอียดเท่าใดนัก จึงเป็นการยากยิ่งที่จะระบุได้แน่นอนว่า ผู้เสียชีวิตรายหนึ่ง ๆ ถูกฝังไว้ที่จุดใดของสุสาน อาจชี้จุดได้เพียงบริเวณกว้าง ๆ เท่านั้นเอง



          และเนื่องจากทางกรมราชทัณฑ์ไม่อนุญาตให้คนภายนอกหรือญาติเข้ามายังเกาะแห่งนี้ได้โดยไม่ได้รับอนุญาต ด้วยเหตุผลว่าโครงสร้างพื้นฐานของสิ่งปลูกสร้างที่นี่ไม่เหมาะแก่การต้อนรับผู้ใด มันทั้งเก่า ทรุดโทรม และถูกทิ้งร้าง ศพที่ถูกฝังไว้ที่นี่จึงไม่เคยได้รับการเยี่ยมเยือนเลย จนกระทั่งในปี 2007 กรมราชทัณฑ์ได้รับแรงกดดันอย่างหนักในการเปิดสุสานให้เข้าถึงได้ จึงยอมให้ผู้มีความประสงค์เข้าเยี่ยมเยือนบางส่วนสามารถผ่านเข้าไปได้ แต่อย่างไรก็ดี ทางผู้ดูแลแค่อนุญาตให้อยู่ได้เพียงบริเวณอาคารรับรองเท่านั้น ซึ่งอยู่ไกลจากบริเวณที่ใช้เป็นสุสานพอสมควร นอกจากนี้ยังห้ามนำโทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ ติดตัวเข้าไป โดยผู้ได้รับอนุญาตให้เข้าเกาะได้จะต้องแลกบัตร และฝากของทั้งหมดไว้ที่ประตูทางเข้า


เอเลียนเน่ โจเซฟ วัย 59 ปี คือหนึ่งในผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมสุสานเกาะฮาร์ตเมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา ลูกสาวของเธอที่เสียชีวิตด้วยอายุเพียง 5 วัน ถูกฝังไว้ที่สุสานแห่งนี้เธอบอกว่ามันเป็นความผิดพลาดที่เซ็นยินยอมให้ทางโรงพยาบาลจัดการฝังร่างลูกของเธอไว้ที่สุสานสาธารณะ ที่ไม่ยอมเปิดให้เข้าเยี่ยมหลุมศพ อย่างไรก็ดี แม้เอเลียนเน่จะได้มาถึงสุสานแล้ว เธอเองก็ไม่ทราบว่าร่างของลูกถูกฝังไว้ที่จุดใด รู้แต่เพียงว่าถูกฝังรวมไว้ที่หลุมใหญ่หลุมไหนเท่านั้น ซึ่งหากเป็นไปได้ เธออยากจะก่อแท่นจำลองหลุมศพขึ้น และวางดอกไม้สวย ๆ ให้ลูกสาวสักช่อ

          ส่วนผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมสุสานอีกรายคือ นางลอรี่ แกรนท์ วัย 61 ปี ผู้สูญเสียลูกสาวไปตั้งแต่อยู่ในครรภ์เมื่อปี 1993 แต่เธอโชคไม่ดีเท่าเอเลียนเน่ วันที่ 28 มีนาคม ลอรี่ยืนรอเรือที่จะพาเธอข้ามไปยังเกาะฮาร์ตอยู่ท่ามกลางสายฝน แต่เรือก็ไม่มา เป็นไปได้ว่าคนขับเรือจะจากไปเสียก่อนที่จะถึงเวลานัด ผู้คนที่ทราบข่าวก็คาดเดาไปว่าอาจเป็นเพราะการสื่อสารที่ผิดพลาด หรืออาจเป็นเพราะเกาะฮาร์ตไม่ยินดีต้อนรับเธอก็เป็นได้



          ในปัจจุบันนี้ ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ไม่ทราบว่าร่างของบุคคลอันเป็นที่รักผู้ล่วงลับถูกฝังไว้ที่ใด ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจนอนหลับอย่างสงบและเศร้าสร้อยอยู่ที่สุสานเกาะฮาร์ตแห่งนี้ นางเมลินดา ฮันท์ ศิลปินสาวจากนิวยอร์ก จึงได้ก่อตั้งโครงการชื่อว่า The Hart Island Project ขึ้นมา เพื่อรวบรวมรายนามของผู้เสียชีวิตที่ถูกฝังร่างไว้ ณ สถานที่แห่งนี้ ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ โดยในตอนนี้รวบรวมได้กว่า 60,000 ชื่อแล้ว มีบรรดาญาติ ๆ ของผู้เสียชีวิตที่สงสัยว่าร่างไร้ลมหายใจของบุคคลที่ตนรักอาจถูกฝังอยู่ที่สุสานเกาะฮาร์ตเข้ามาขอความช่วยเหลือในการตามหาจากเธอด้วย ส่วนใหญ่แล้วเป็นชาวอเมริกัน บางส่วนก็เป็นชาวต่างชาติ เช่น ชาวฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ และหนึ่งในนั้นยังมีหญิงชาวไอริชที่กำลังตามหาร่างคุณปู่ของเธอ

ล่าสุดนี้ มีร่างกฎหมายถูกเสนอต่อสภาของเมืองให้เปลี่ยนมือในการดูแลเกาะฮาร์ตมาอยู่ภายใต้หน่วยงานบริหารรัฐกิจส่วนสวนสาธารณะแทน หวังให้มีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ดีร่างกฎหมายข้อนี้ยังไม่ได้ถูกยกขึ้นมาพิจารณา ในตอนนี้สุสานเกาะฮาร์ตจึงยังคงเป็นสุสานที่อ้างว้างต่อไป จนกว่าจะได้รับการปรับปรุงและจัดระบบการดูแลจัดการเสียใหม่ และเมื่อนั้นหลายแสนครอบครัวที่มีบุคคลเป็นที่รักถูกฝังร่างไว้ในผืนดินแห่งนี้ คงได้แวะเวียนมาเยี่ยมเคารพหลุมศพได้ทุกเมื่อที่ต้องการ และมันจะไม่เป็นสุสานที่ถูกลืมอีกต่อไป














 

Create Date : 10 เมษายน 2557    
Last Update : 10 เมษายน 2557 16:55:03 น.
Counter : 1332 Pageviews.  

สุดยอด ! สุนัขถูกปืนลมยิงทะลุกระโหลก โยนทิ้งแม่น้ำ แต่รอดปาฏิหาริย์

สุนัขถูกปืนลมยิงทะลุกระโหลก โยนทิ้งแม่น้ำ แต่รอดปาฏิหาริย์

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก walesonline.co.uk

เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2557 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานว่า พบลูกสุนัขถูกยิงที่หัวและถูกโยนทิ้งลงในแม่น้ำแห่งหนึ่งในประเทศเวลส์ แต่สุดท้ายมันกลับรอดตายปาฏิหาริย์ 

โดยรายงานระบุว่า เมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา ตำรวจหญิงเซริ ฮาสแซล ได้พบลูกสุนัขวัย 4 เดือน กำลังจะจมน้ำในแม่น้ำรอนดาที่อยู่ข้าง ๆ สถานีตำรวจ เธอและเพื่อนตำรวจจึงไปช่วยสุนัขตัวนี้ขึ้นมา และพามันไปหาสัตวแพทย์

         ตำรวจหญิง เล่าว่า เธอได้ยินเสียงดังมาจากทางฝั่งแม่น้ำ จึงได้ปีนกำแพงไปดูและเรียกให้เพื่อนมาช่วยลูกสุนัข จากนั้น พวกเธอก็พาสุนัขเข้าไปในสถานีตำรวจและเรียกหน่วยกู้ภัยฉุกเฉินสำหรับสัตว์มาช่วย  ซึ่งในขณะที่พบนั้น ลูกสุนัขยังอยู่ในอาการที่ย่ำแย่ มีเลือดไหลออกมาจากปากและจมูก อีกทั้งบริเวณศีรษะยังมีรอยแผล แต่ในที่สุดมันก็ต่อสู้กับความเจ็บปวดจนสามารถยื้อชีวิตตัวเองเอาไว้ได้ ซึ่งเธอมองว่าเป็นเรื่องปาฏิหาริย์จริง ๆ

ทั้งนี้ ตำรวจหญิงได้ตั้งชื่อสุนัขตัวนี้ว่า เซริ ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับเธอ และกำลังหาบ้านหลังใหม่ให้เจ้าเซริไปอยู่ พร้อมกับขอร้องให้ใครก็ตามที่มีข้อมูลว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าเซริ มาให้ข้อมูลกับเธอด้วย เพราะการทำร้ายเจ้าเซริถือเป็นการกระทำที่จงใจทำเพื่อทารุณกรรมสัตว์ ผู้กระทำจะต้องถูกจับและได้รับโทษ แม้ว่าแผลบาดเจ็บของเจ้าเซริจะเกิดจากการถูกยิงด้วยปืนลมก็ตาม

         ด้านนางสาวเบเวอรี่ ไพรส์ สมาชิกชมรมด็อกทรัสต์ ซึ่งเป็นที่ที่เจ้าเซริเข้ารับการรักษาและฟื้นฟูร่างกาย กล่าวว่า นี่ถือเป็นปาฏิหาริย์ที่เซริสามารถรอดมาได้จากความทรมานอย่างรุนแรง เจ้าเซริเองก็เข้ากับคนได้ดี และเมื่อเจ้าเซริหายดีจากอาการป่วยแล้ว เจ้าเซริก็จะกลายเป็นสุนัขที่น่ารักแสนซน และมีชีวิตเป็นของตัวเองอีกครั้ง


สุนัขถูกปืนลมยิงทะลุกระโหลก โยนทิ้งแม่น้ำ แต่รอดปาฏิหาริย์

สุนัขถูกปืนลมยิงทะลุกระโหลก โยนทิ้งแม่น้ำ แต่รอดปาฏิหาริย์

สุนัขถูกปืนลมยิงทะลุกระโหลก โยนทิ้งแม่น้ำ แต่รอดปาฏิหาริย์

สุนัขถูกปืนลมยิงทะลุกระโหลก โยนทิ้งแม่น้ำ แต่รอดปาฏิหาริย์




 

Create Date : 25 มกราคม 2557    
Last Update : 25 มกราคม 2557 19:32:06 น.
Counter : 834 Pageviews.  

รถพิศวง เปิดกระจกเอง พร้อมกัน 4 บาน เชื่อเป็นวิญญาณ

รถพิศวง เปิดกระจกเอง พร้อมกัน 4 บาน เชื่อเป็นวิญญาณ


ฮือฮารถลำปางพิศวงเปิดกระจกเอง (ไอเอ็นเอ็น)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดย คุณ LAKORNHD Thaitv (Official) สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

ฮือฮา รถพิศวงเปิดกระจกเองที่ จ.ลำปาง เจ้าของเชื่อเป็นวิญญาณหลานชายที่เพิ่งเสียชีวิต และอยู่ในช่วงไว้ทุกข์

เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุการณ์ประหลาด หลังจากรถยนต์โตโยต้า คัมรี่ ไฮบริด สีขาว ทะเบียน กท 3170 ลำปาง ที่จอดอยู่หน้าบ้านของ นายชัยนรินทร์ อายุ 48 ปี และนางธัญญารัตน์ วัฒนชัยไตรจักร อายุ 43 ปี สามีและภรรยา เป็นผู้บริหารบริษัท ลำปางลิสซิ่ง จำกัด เปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดภายในบ้านว่า พบเหตุการณ์ประหลาดเมื่อกระจกทั้ง 4 บานของรถยนต์คันดังกล่าวได้เปิดลงพร้อมกัน สร้างความตกตะลึง ขนลุก และความประหลาดใจกับคนในบ้านที่พบเห็นอย่างมาก

จากนั้นผู้สื่อข่าว จ.ลำปาง ได้เดินทางไปยังบ้านที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว พบเจ้าของบ้านทั้งสองคน และได้เล่าให้ฟังว่า ในวันนี้ถือว่าอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ 3 วัน เนื่องจากหลานชายสุดที่รักได้เสียชีวิตลง และเพิ่งผ่านวันฌาปนกิจได้เพียง 3 วัน ทำให้มีความเชื่อว่า ไม่ใช่มาจากความผิดปกติจากวงจรไฟฟ้าของรถทำให้เกิดไฟกะพริบ ซึ่งรถคันนี้ซื้อออกมาจากโชว์รูมรถ และใช้มาได้เพียง 2 ปีเท่านั้น

            เจ้าของรถกล่าวต่อไปว่า ที่น่าสังเกต คือ ไม่ว่าจะเป็นรถรุ่นใด ก็ไม่สามารถที่จะเปิดกระจกรถลงมาพร้อมกันแบบนี้ได้ในคราวเดียว และในขณะนั้นรถไม่ได้เสียบกุญแจ นับเป็นความน่าพิศวงอย่างมากต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น







 

Create Date : 09 มกราคม 2557    
Last Update : 9 มกราคม 2557 19:51:58 น.
Counter : 795 Pageviews.  

10 เรื่องแปลกที่ฮือฮาที่สุดในปี 2556

10 เรื่องแปลกที่ฮือฮาที่สุดในปี 2556

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


          10 เรื่องแปลกที่ฮือฮาที่สุดในปี 2556 จะมีเรื่องใดบ้าง ลองไปดูกันเลย

   เผลอแป๊บเดียวก็จะถึงเวลาส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่กันแล้ว สำหรับในปีที่ผ่านมาก็มีข่าวสารทั่วโลกเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข่าวแปลกที่หลายคนได้อ่านถึงกับช็อก! อึ้ง! ทึ่ง! แบบที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้จริง ๆ ในโลกใบนี้

          และไหน ๆ ก็ถึงเวลาสิ้นปีแล้ว วันนี้กระปุกดอทคอมก็ได้รวบรวม 10 เรื่องแปลกที่ฮือฮาที่สุดในปี 2556 จากทั่วทุกมุมโลกมาฝากเพื่อน ๆ ที่คัดสรรแล้วว่าเป็นสุดยอดแห่งความแปลกพิสดาร ว่าแต่จะมีข่าวไหนบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ


1. เด็กหญิงเม็กซิโก 9 ขวบ คลอดลูกสาว

เด็กหญิงเม็กซิโก 9 ขวบ คลอดลูกสาว
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก news.com.au

เป็นอีกหนึ่งประเด็นสุดช็อกโลก สำหรับกรณีเด็กหญิงดาฟเน่ ชาวเม็กซิโกวัย 9 ขวบตั้งครรภ์และคลอดบุตรอย่างปลอดภัยเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2556 ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเร่งสอบสวนหาตัวคนร้ายซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นชายหนุ่มวัย 17 ปี โดยเรื่องนี้กลายเป็นที่ถกเถียงอย่างกว้างขวางไปทั่วโลกในช่วงนั้นว่า เด็ก 9 ขวบจะตั้งครรภ์ได้อย่างไร เพราะด้วยร่างกายของเด็กหญิงอายุน้อยเท่านี้ ไม่น่าจะอยู่ในสภาพที่เหมาะแก่การมีบุตรได้

          ต่อมาในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2556 ความจริงได้ถูกเปิดเผยออกมาเมื่อแพทย์ได้ชี้แจงว่า เด็กหญิงวัย 9 ขวบ ที่ให้กำเนิดบุตรนั้น จริง ๆ แล้วเธอน่าจะมีอายุ 15 ปี เนื่องจากร่างกายของเธอ มีลักษณะทางกายภาพที่ไม่เหมือนกับผู้เยาว์ ซึ่งจากการพิจารณา เธอดูเหมือนกับเด็กสาวในวัย 15 ปีมากกว่า ส่วนผู้ที่ข่มขืนเธอนั้น แท้จริงก็น่าจะเป็นพ่อเลี้ยงของเธอด้วย


2. เจ้าบ่าว 8 ขวบแต่งเจ้าสาวคราวยายวัย 61 ทั้งแลกแหวน-จุมพิต

เจ้าบ่าว 8 ขวบแต่งเจ้าสาวคราวยายวัย 61 ทั้งแลกแหวน-จุมพิต
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก  effiongeton.blogspot.com

เป็นประเด็นที่ฮือฮาไปทั่วโลกทีเดียว สำหรับงานวิวาห์สุดแปลกที่จัดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ระหว่างเด็กชายซาเนล มาซิเลลา เจ้าบ่าว 8 ขวบ และนางเฮเลน ชาบันกู เจ้าสาวคราวยายวัย 61 ปี ที่ประเทศสเวน ทวีปแอฟริกาใต้ ซึ่งถึงแม้ว่าเจ้าสาวจะมีสามีแล้ว และมีลูก ๆ ในวัย 27-37 ปี อยู่ถึง 5 คน แต่ทั้งสองไม่ได้แต่งเพราะรักใคร่ชอบพอกันจริง ๆ แท้จริงแล้วเป็นพิธีการแต่งงานที่จัดขึ้นเพื่อแสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษ หรือปู่ของเด็กชายซาเนล มาซิเลลา ซึ่งไม่เคยมีโอกาสได้เข้าพิธีแต่งงาน จึงได้มอบหมายหน้าที่ให้หลานชายตัวน้อยสานต่อ และได้เลือกเจ้าสาวไว้ให้เขาแล้วเรียบร้อย ซึ่งนั่นก็คือนางเฮเลน เพราะว่าเธอคือคนที่ปู่ถูกใจนั่นเอง

          ขณะที่เจ้าบ่าววัยกระเตาะก็รู้สึกตื่นเต้นกับการแต่งงานครั้งนี้ โดยเผยว่า เขามีความสุขที่ได้ทำตามความต้องการของปู่ และเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่เขาก็จะแต่งงานจริง ๆ กับเจ้าสาวที่อายุไล่เลี่ยกันแน่นอน




3. ฮือฮา ! ทารกประหลาดจมูกคล้ายงวงช้าง ถือกำเนิดในอียิปต์

ฮือฮา ! ทารกประหลาดจมูกคล้ายงวงช้าง ถือกำเนิดในอียิปต์
          กลายเป็นที่ฮือฮาไปทั่วโลกหลังจากที่เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2556 มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอทารกแรกเกิดเพศชายที่เกิดมาในสภาพผิดปกติ ไม่มีปาก ดวงตาปูดโปน ไม่มีคิ้ว และจมูกมีลักษณะเป็นเหมือนงวงช้างสั้น ๆ อยู่ตรงกลางระหว่างดวงตาทั้งสอง ส่วนสภาพผิวทั่วร่างกายก็แห้ง คล้ายกับภาวะเด็กดักแด้ แต่หนูน้อยก็มีแขนขาครบถ้วนเหมือนเด็กทั่วไป ขณะที่สายสะดือของหนูน้อยก็ยังไม่ถูกตัดขาด

          อย่างไรก็ดี ทารกน่าจะเสียชีวิตหลังจากถือกำเนิดได้ไม่นาน ขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย โดยผู้คนส่วนใหญ่ต่างรู้สึกสงสารและเห็นใจหนูน้อยอย่างยิ่ง เพราะหากรอดชีวิตมาได้ก็คงจะทุกข์ทรมานกับการถูกมองเป็นตัวประหลาดไปตลอดชีวิต




4. อึ้ง ! เด็กญี่ปุ่นสุดฮิต เลียลูกตา เผยเป็นการแสดงความรัก

อึ้ง ! เด็กญี่ปุ่นสุดฮิต เลียลูกตา เผยเป็นการแสดงความรัก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก pileup, japancrush

เรียกได้ว่าเป็นเทรนด์ชวนขนลุกไม่เบา สำหรับการเลียลูกตาเพื่อแสดงความรักของเด็กนักเรียนชาวญี่ปุ่น ซึ่งเรื่องนี้ถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2556 ภายหลังจากที่ครูชั้นประถมได้เปิดเผยเรื่องราวผ่านบล็อกส่วนตัว หลังจากที่เธอได้บังเอิญพบลูกศิษย์ชั้นประถม 6 สองคนเลียลูกตากัน โดยเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเป็นวิธีแสดงความรักที่ลึกซึ้งมากกว่าการจูบ และแทบไม่น่าเชื่อว่าเทรนด์นี้จะได้รับความนิยมสูง จนทำให้เด็ก ๆ เป็นตาแดงเอาแปะผ้าปิดตามาโรงเรียนกันเกลื่อนทีเดียว

          ทั้งนี้ สำหรับพฤติกรรมเลียลูกตา (eyeball licking หรือ oculolinctus หรือ worming) จัดว่าเป็นพฤติกรรมกามวิปริตรูปแบบหนึ่ง มันเป็นฉากที่พบเห็นได้ในหนังโป๊ การ์ตูนลามก หรือการ์ตูนที่มีเนื้อหาทางเพศรุนแรงบางเรื่อง




5. ญี่ปุ่นผุดสูตรความงามมาส์กหน้าด้วยหอยทาก-ขี้นก

เสริมความงามด้วยหอยทาก
ภาพประกอบจาก YOSHIKAZU TSUNO / AFP

Snail Cream หลบไป ! หากเจอมาส์กสูตรลับความงามแบบฉบับของญี่ปุ่นที่ใช้ "หอยทาก" ตัวเป็น ๆ ไต่บนใบหน้าแบบยุบยับ ๆ เลยทีเดียว ใช่แล้วค่ะ ฟังไม่ผิดแน่นอน เพราะสปาแห่งนี้เชื่อว่าเมือกของหอยทากจะช่วยให้ผิวหน้าได้รับการฟื้นฟู และช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว แถมยังมีโปรตีน แอนตี้ออกซิแดนท์ ไฮยาลูรอนิก เอซิด ที่ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นอีกด้วย

          โดยเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2556 เว็บไซต์เทเลกราฟรายงานว่า บริการดังกล่าวเป็นบริการใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวในสปาแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น โดยพนักงานจะให้ลูกค้านอนบนเตียงแล้วนำหอยทาก 3 ตัวมาวางไว้บนใบหน้าของลูกค้า ปล่อยให้มันคลานช้า ๆ บนใบหน้าและปล่อยเมือกเหนียวไปตามพื้นผิวที่มันคลานไปเป็นเวลาราว 60 นาที

      ส่วนเรื่องเชื้อโรคใด ๆ นั้น ลูกค้าก็ไม่ต้องกังวลเพราะหอยทากเหล่านี้ เป็นหอยทากที่เพาะเลี้ยงสำหรับการนำมาบำรุงผิวพรรณโดยเฉพาะ พวกมันถูกเลี้ยงด้วยพืชผักต่าง ๆ เช่น แครอท ผักโขม และผักใบเขียว เป็นต้น หากใครสนใจล่ะก็ ราคาค่อนข้างแพงทีเดียว โดยสนนราคาค่าบริการคอร์สละ 8,000 บาท

          ไม่เพียงแต่สปาหอยทากเท่านั้น ญี่ปุ่นยังผุดบริการมาส์กหน้าสุดแปลกนั่นคือ บริการมาส์กขี้นกพอกหน้า ที่ชิซูกะ นิวยอร์ก ตั้งอยู่ใจกลางย่านแมนฮัตตัน ซึ่งเปิดโดยหญิงชาวญี่ปุ่นที่แต่งงานกับชายอเมริกัน โดยมาส์กนี้จะใช้ขี้นกไนติงเกลผสมรำข้าว ซึ่งทำให้ใบหน้าดูกระชับตึงขึ้น นุ่มนวล ช่วยผลัดเซลล์ผิวได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นเคล็ดลับความงามของชาวญี่ปุ่นที่มีมากว่า 400 ปีแล้ว โดยเฉพาะเกอิชาและนักแสดงญี่ปุ่น ส่วนราคาค่าบริการก็แพงใช่เล่น เฉลี่ยครั้งละ 5,400 บาทเลยทีเดียว





6. สาวจีนถูกงูในโหลยาดองฉก หลังดองนาน 3 เดือน

สาวจีนถูกงูในโหลดองเหล้าฉก หลังดองนาน 3 เดือน
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก en.wikipedia.org

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะว่า งูตัวนี้พิษสงเหลือร้ายจริง ๆ ขนาดถูกดองในโหลยาดองนานถึง 3 เดือน แต่มันยังไม่ตายแถมยังฉกสาวจีนนามว่า หลิว จากเมืองชวงเฉิง มณฑลเฮยหลงเจียงของจีน ขณะที่เธอเปิดโหลเพื่อเทยาดองเติมลงไป เพื่อเยียวยาความเจ็บปวดตามความเชื่อของชาวจีน จนเธอได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2556

          แต่ทั้งนี้นับว่าเป็นโชคดีของสาวรายนี้ เพราะเธอไม่ได้รับอันตรายจนถึงแก่ชีวิต อย่างไรก็ดีที่ผ่านมาเคยมีกรณีงูในโหลยาดองยังคงมีชีวิตอยู่และโผล่ขึ้นมากัดคน จนบางรายถึงขั้นเสียชีวิตไปเลยเช่นกัน




7. แพทย์จีนปลูกจมูกคนไข้บนหน้าผาก รอแปะกลับที่เดิมเร็วนี้

ปลูกจมูกคนไข้บนหน้าผาก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก babajidesalu.wordpress

          วิทยาการทางการแพทย์นับวันก็ยิ่งเจริญก้าวหน้ารุดหน้าไปไกลจนสามารถปลูกถ่ายอวัยวะให้กับคนไข้ได้แล้ว เช่นเดียวกับ เสี่ยวเหลียน หนุ่มจีนวัย 22 ปี จากเมืองฝูโจว มณฑลฝูเจี้ยนของจีน โดยเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2556 เว็บไซต์นิวยอร์กเดลี่นิวส์เปิดเผยว่า เสี่ยวเหลียนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ก่อนที่จมูกจะติดเชื้อและต้องผ่าตัดออก หลังจากนั้นแพทย์ก็ได้ผ่าตัดเอากระดูกอ่อนบริเวณซี่โครงมาสร้างเป็นทรงจมูกอันใหม่พร้อมกับปลูกถ่ายเนื้อเยื่อผิวหนังที่บริเวณหน้าผาก ก่อนจะผ่าตัดนำไปแปะให้ถูกที่ถูกทางในเร็ววันนี้



8. ดวงตาศิลปะ หนุ่มอาเจนฯ วาดภาพด้วยการพ่นสีออกมาทางตา !

ดวงตาศิลปะ หนุ่มอาเจนฯ วาดภาพด้วยการพ่นสีออกมาทางตา !
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Leandro Granato

   เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2556 เว็บไซต์เดลี่เมล ได้เผยแพร่เรื่องราวสุดทึ่งของ ลีแอนโดร กรานาโต หนุ่มชาวอาร์เจนตินา วัย 27 ปี ผู้ค้นพบความสามารถพิเศษเฉพาะตัวด้วยการสร้างผลงานศิลปะของตัวเองด้วยการพ่นสีปรี๊ด ๆ ออกมาทางตา โดยเขาค้นพบความสามารถนี้ตั้งแต่เขาเด็ก ๆ โดยในตอนนั้นเขารู้สึกว่าจมูกกับตาของเขาสามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ เมื่อโตขึ้นก็ได้เรียนรู้ว่า หากเขาสูดเอาอากาศหรือของเหลวเข้าไปทางจมูกก็จะสามารถพ่นมันออกมาทางตา ในที่สุดกรานาโตก็ได้ใช้วิธีนี้ในการสร้างผลงานศิลปะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

          หลาย ๆ อาจจะสงสัยว่าทำแบบนี้แล้วตาไม่บอดเหรอ? ซึ่งเขายืนยันว่า สีที่เขาใช้เป็นสูตรพิเศษโดยเฉพาะ ไม่ทำอันตรายใด ๆ แก่ดวงตาของเขาแน่นอน และเขาเองก็ไปพบจักษุแพทย์อยู่เป็นประจำ เชื่อมั่นว่าการสร้างผลงานศิลปะด้วยวิธีนี้จะไม่ส่งผลกระทบระยะยาวแก่เขาในอนาคต ซึ่งเขาก็ภาคภูมิใจอย่างมาก และมั่นใจว่าตัวเองน่าจะเป็นศิลปินคนเดียวในโลกที่รังสรรค์งานศิลปะได้ด้วยวิธีนี้




9. จีนสร้างตึกประหลาด รูปร่างคล้ายเจ้าโลก

 ตึกสำนักงานจีนทรงจ้าวโลก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก offbeatchina

ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องสถาปัตยกรรมรูปร่างแปลกตาคงจะหนีไม่พ้นจีนอย่างแน่นอน โดยตึกที่เรียกเสียงฮือฮามากที่สุดเห็นทีจะหนีไม่พ้นตึกสำนักงานแห่งใหม่ของหนังสือพิมพ์พีเพิลไชน่าเดลี่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางกรุงปักกิ่งซึ่งมีรูปทรงเหมือนเจ้าโลก ที่ยังอยู่ในระหว่างการตกแต่งภายในและก่อสร้างช่วงสุดท้าย โดยนับตั้งแต่ที่มีการก่อสร้างในปี 2012 ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงรูปทรงมาอย่างต่อเนื่อง

          แต่ถึงกระนั้นผู้สร้างก็มิได้แคร์กับเสียงวิจารณ์ของประชาชน แถมล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2556 ยังดำเนินการตกแต่งผนังสีเหลืองไปทั่วอาคาร ยิ่งทำให้อาคารแห่งนี้ดูเหมือนเจ้าโลกมากเข้าไปอีก !




10. หนุ่มจีนหั่นเจ้าโลกตัวเองทิ้ง หลังเซ็งไม่มีแฟนให้ใช้งานสักที

          เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2556 เว็บไซต์เดลี่เมลรายงานเรื่องราวสุดช็อกของ นายหยาง หู หนุ่มจีนวัย 26 ปี จากมณฑลเจ้อเจียงของจีน ซึ่งเกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอย่างหนักที่ตัวเองไม่มีแฟนสักที และไม่รู้ว่าจะหยุดความคิดอยากมีแฟนที่เฝ้าวนเวียนอยู่ในหัวอย่างไร จึงตัดสินใจหยิบมีดขึ้นมาหั่นเจ้าโลกของตัวเองขาด เพราะคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้ใช้งานแล้ว

          อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตั้งสติได้ เปลี่ยนใจปั่นจักรยานไปหาหมอ แต่ดั๊น...ลืมเอาดุ้นไปด้วย หมอจึงให้เขาปั่นจักรยานกลับไปเอาเจ้าโลกมาเสียก่อน แต่เมื่อเขาปั่นจักรยานไปเอาเจ้าโลกมาแล้ว สุดท้ายหมอกลับบอกว่าเจ้าโลกของเขาถูกตัดขาด ไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยงเป็นเวลานานเกินไป ไม่สามารถต่อเจ้าโลกให้เขาได้แล้ว


          งานนี้ทำเอาแพทย์ของโรงพยาบาลถูกด่าเละเลยทีเดียว ว่าเหตุใดจึงเพิกเฉยกับอาการของนายหยางโดยให้เขาปั่นจักรยานกลับไปเอาเจ้าโลกตัวเองที่บ้าน แทนที่จะจัดรถพยาบาลพาเขากลับไปที่บ้านอย่างเร่งด่วน ซึ่งอาจทำให้เขาไม่ต้องเสียเจ้าโลกไปก็ได้




 

Create Date : 28 ธันวาคม 2556    
Last Update : 28 ธันวาคม 2556 17:41:46 น.
Counter : 2067 Pageviews.  

1  2  3  4  

jureeporn
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




src='http://roomsite.freeserverhost.com/blogproject/toolbar.js'>
FC Barcelona


Google
จำนวนผู้ชมบล็อกทั้งหมด คน




















[Add jureeporn's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.