แหล่งรวบรววมวิธีเล่นหุ้น
 
ถอดรหัส Market Cap

ถอดรหัส Market Cap

วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล visit@trinitythai.com / บล.ทรีนิตี้
ผมเชื่อว่า นักลงทุนทุกท่านคงจะได้ยินคำว่า Market Capitalization หรือที่เราเรียกสั้นๆ ว่า "Market Cap" เป็นมูลค่าราคาตลาดของหุ้นทุน ถือเป็นการวัดความมั่งคั่ง (Wealth) ของผู้ถือหุ้น


ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีมูลค่า Market Capitalization อยู่ที่ 5.4 ล้านล้านบาท โดยทั่วไป Market Capitalization ที่เราพูดถึงจะแบ่งเป็น 2 อย่างคือ Market Capitalization ของตลาดรวมหรือ SET และ Market Capitalization ของหุ้นแต่ละตัว

ถึงแม้ว่าตัวเลข Market Capitalization จะเป็นเพียงแค่ตัวเลขตัวหนึ่ง แต่ความสัมพันธ์ของตัวเลขนี้เมื่อนำไปเชื่อมความสัมพันธ์กับตัวเลขเศรษฐกิจบางตัว กลับแสดงผลลัพธ์และความหมายทางเศรษฐศาสตร์ (Economic Interpretation) ที่สามารถบอกถึงการเคลื่อนไหวและทิศทางของเม็ดเงินเป็นอย่างดี ซึ่งสามารถอธิบายได้ 2 นัยคือ

กรณีที่หนึ่ง : อัตราส่วน Market Capitalization ของ SET หารด้วย GDP (ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ) ซึ่งเป็นตัววัดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติสามารถสนับสนุนการขึ้นของ SET Index ด้วย Market Capitalization ในขณะนั้นได้หรือไม่

ในปัจจุบัน Market Capitalization หารด้วย GDP ของบ้านเรา โดยใช้ GDP คงที่ (ไม่นับตามเงินเฟ้อ) จะอยู่ที่จุดสูงสุด 1.24 เท่า ในขณะที่ช่วงก่อนเกิดวิกฤติเมื่อปี พ.ศ. 2536-พ.ศ.2537 Market Capitalization หารด้วย GDP อยู่ที่ 1.4 เท่า และในช่วงเกิดวิกฤติปี พ.ศ. 2540 มูลค่า Market Capitalization หารด้วย GDP อยู่แค่จุดต่ำสุด 0.4 เท่า เท่านั้นเอง

จะเห็นได้ว่า ในอดีตอัตราส่วนตัวเลข Market Capitalization หารด้วย GDP จะวิ่งอยู่ระหว่าง 0.4-1.4 เท่า

เพราะฉะนั้นเมื่อในปัจจุบัน GDP ที่ Nominal price (ปรับตามเงินเฟ้อ) ของเราอยู่ที่ 6.9 ล้านล้านบาท และ GDP คงที่ (ไม่ปรับตามเงินเฟ้อ) อยู่ที่ 4.3 ล้านล้านบาท ทำให้เราสามารถหา Market Cap ของ SET ได้สูงสุดที่ 800 จุดนั่นเอง หรืออีกนัยหนึ่งถ้าทางการต้องการให้ Market Capitalization ของ SET พุ่งสูงขึ้นอย่างมีเสถียรภาพและมากกว่า 800 จุด ทางการต้องมีการเร่งการเติบโตของ GDP นั่นเอง ซึ่งถ้า Market Capitalization มากกว่า GDP มากๆ จะก่อให้เกิดฟองสบู่ได้

กรณีที่สอง : อัตราส่วนฐานเงินอย่างกว้าง หรือ Money supply ชนิด M2 หารด้วย Market Capitalization อัตราส่วนนี้ใช้สมมติฐานว่า การที่ SET Index จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นได้ และก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นของ Market Capitalization ตามมา จะต้องอาศัยเม็ดเงินเป็นตัวผลักดัน ซึ่งเม็ดเงินนี้สามารถคำนวณได้จากฐานเงินอย่างกว้าง หรือ Money supply ชนิด M2

ซึ่งประกอบด้วย เงินฝากในบัญชีกระแสรายวัน และเงินฝากออมทรัพย์ อัตราส่วน M2 หารด้วย Market Capitalization ของ SET ในอดีตจะวิ่งระหว่าง 1.1 เท่าถึง 4 เท่า ถ้าอัตราส่วนยิ่งมาก หมายถึงว่าปริมาณเงินในระบบยังมีมากกว่าปริมาณเงินที่ถูกลงทุนในตลาดทุนหรือหุ้น เพราะฉะนั้นหุ้นจะมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นอีก เช่น ในปี พ.ศ. 2545 อัตราส่วน M2 หารด้วย Market Capitalization อยู่ที่ 4 เท่า

จากนั้นเม็ดเงินที่อยู่ตลาดเงินที่ไหลเข้าตลาดทุนและได้ผลักดันให้ SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 300 จุดเศษๆ ไปสู่เกือบ 800 จุดในปลายปี พ.ศ. 2546 หรือในระยะเวลา 15 เดือน ซึ่งในขณะนั้นนักวิเคราะห์ทางเทคนิคหลายท่านมองว่าหุ้นจะไป 1,000 จุด

แต่ผมได้ยืนยันว่า SET จะไม่ทะลุ 800 เนื่องจากเม็ดเงินซึ่งวัดจาก M2 ไม่เพียงพอที่ขับดัน SET

ในอดีตจุดต่ำสุดของอัตราส่วนนี้อยู่ที่ 1.1 เท่า ซึ่งสามารถตีความว่าเงินออมส่วนใหญ่ของนักลงทุนได้ถูกนำมาลงทุนในตลาดหุ้นแล้ว หรือทุกคนได้ซื้อหุ้นแล้ว (Supply exceeds demand) เหมือนกับตลาดหุ้นในต้นปี พ.ศ.2547 ที่อัตราส่วน M2 หารด้วย Market Capitalization ที่ 1.18 เท่า อัตราส่วนที่จะ "อันตราย" เพิ่มขึ้น ถ้าใกล้เคียงหนึ่ง

ถ้าไม่มีเงินก้อนใหม่ไหลเข้าตลาดหุ้น เช่นเงินจากนักลงทุนต่างประเทศ ตลาดหุ้นพร้อมที่จะปรับฐานหรือรับตัวลงทันที ซึ่งเราได้เห็นแล้วในช่วงกลางปี พ.ศ. 2547

เพราะฉะนั้นการคาดการณ์ของอัตราส่วนของ Market Capitalization กับ M2 และ GDP ทำให้เราสามารถคาดการณ์ทิศทางของเม็ดเงินได้...



Create Date : 20 เมษายน 2549
Last Update : 20 เมษายน 2549 19:22:53 น. 2 comments
Counter : 2972 Pageviews.  
 
 
 
 
ขอบคุณค่ะ
 
 

โดย: moota IP: 183.88.58.220 วันที่: 12 มิถุนายน 2553 เวลา:21:14:04 น.  

 
 
 
ขอบคุณครับผม
 
 

โดย: เก่ง IP: 67.252.92.81 วันที่: 17 พฤษภาคม 2555 เวลา:3:13:32 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

hoon_vi
 
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




เป็นนักลงทุนมือใหม่ กำลังหาวิธีการเหมาะสำหรับตัวเอง ชอบการถ่ายรูป ท่องเที่ยว เขียนบทความ
[Add hoon_vi's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com