|
|
พม่า...โอกาสในแดนสนธยา
พม่า...โอกาสในแดนสนธยา
การข้ามฝั่งไปลงทุนทำธุรกิจค้าขายกับพม่าในสายตาของหลายคน อาจมองว่า ยังเต็มไปด้วยความเสี่ยง แต่ตลาดที่ใครๆ มองว่าเป็นแดนสนธยาแห่งนี้ ก็ยังแฝงด้วยโอกาสทางธุรกิจที่นับว่าไม่ธรรมดา
วิชาติ เมฆตระการ นักธุรกิจไทยที่คร่ำหวอดในตลาดพม่ามา 14 ปี และที่ปรึกษาสมาคมนักธุรกิจไทยแห่งสหภาพพม่า บอกว่า ยกตัวอย่างง่ายๆ บริการเคเบิลทีวีค่ายยูบีซีจากเมืองไทยที่เข้าไปขายดิบขายดีในพม่า มีลูกค้าบอกรับเป็นฐานสมาชิกแล้วมากกว่า 5 หมื่นราย
ดังนั้น ถึงแม้พม่าจะปิดประเทศ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนพม่าจะปราศจากกำลังซื้อ...
วิชาติ เป็นนักธุรกิจไทยรุ่นแรกๆ ที่เข้าไปบุกเบิกทำธุรกิจในพม่าเมื่อ 14 ปีที่แล้ว โดยเข้าไปทำธุรกิจเทรดดิ้ง และลงทุนในโรงงานผลิตสังกะสี การผลิตสังกะสีในเมืองย่างกุ้งของพม่า ยังคงต้องนำเข้าวัตถุดิบแทบทั้งหมดจากนอกประเทศ แต่เพราะความต้องการของตลาดที่นั่นมีสูง จึงทำให้เขาตัดสินใจเข้าไปลงทุน โดยมีผู้จัดการเป็นคนไทย และใช้แรงงานท้องถิ่น
" 14 ปีที่เข้าไปทำธุรกิจเจอมาแล้วแทบทุกรูปแบบ ความรู้สึกคนทั่วไป พม่าอาจเหมือนแดนสนธยา แต่จริงๆแล้วในสภาพตลาดพิเศษเช่นนี้ ในตลาดที่บริษัทข้ามชาติยังไม่กล้าเข้าไปลงทุน เพราะยังมีปัญหาแซงค์ชั่น ระบบการปกครอง มันก็มีโอกาสบางอย่างเกิดขึ้นเหมือนกัน อยู่ที่ว่าเราจะปรับตัวให้เข้ากับเงื่อนไขทางสังคมและเศรษฐกิจที่นั่นได้หรือไม่
ธุรกิจไทยในพม่า มีหลายบริษัทที่ยังอยู่ได้และประสบความสำเร็จ ไม่ใช่ทุกคนจะย่ำแย่ไปหมด แต่ต้องปรับตัวตามสภาพ บางคนอยู่เพื่อรอโอกาส บางธุรกิจที่ไปได้ดีอย่างเช่นพวกอุตสาหกรรมการเกษตร เช่น ฟาร์มไก่ของซีพี อาหารทะเลแช่แข็ง โรงงานน้ำตาล"
วิชาติ บอกว่า ปัญหาการเมืองเป็นปัญหาภายในของพม่า แต่ปัญหาใหญ่ที่ทำให้ธุรกิจไทยยังไม่ค่อยกล้าเข้าไปในพม่า คือ ความชัดเจนของนโยบายรัฐบาลพม่าว่าจะส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศจริงจังขนาดไหน และปัญหาระบบการเงินที่ต้องปรับปรุง
ส่วนเรื่องหลักเกณฑ์การลงทุน หรือการเอาเงินออกนอกประเทศ จริงๆ แล้วเมื่อเข้าไปทำธุรกิจจริงๆ ก็สามารถที่จะหาช่องทางได้
เขาเปรียบเทียบว่า การทำธุรกิจในพม่าวันนี้ ยังต้องรู้จักชกแบบมวยวัดผสมมวยสากลให้เป็น
ส่วนเรื่องความเสี่ยงวิชาติมองว่า ขึ้นอยู่กับขนาดของการลงทุน ซึ่งการเข้าไปในพม่า ควรเริ่มจากระดับเล็กๆ เช่น ซื้อมาขายไป ลงทุนในโครงการเล็กๆ แล้วค่อยๆ ขยับขยายไปทีละขั้น
ส่วนธุรกิจไทยที่เข้าไปลงทุนในพม่า นอกจากซีพี และบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ ที่เข้าไปทำธุรกิจก่อสร้าง และถ่านหินแล้ว วิชาติ เล่าว่า ยังมีธุรกิจโรงแรมของคนไทยหลายราย เช่น โรงแรมในกลุ่มของพันธ์เลิศ ใบหยก, ชาลี โสภณพนิช และเครือดุสิตธานี นอกจากนี้ ยังมีร้านกาแฟแบล็คแคนยอน ที่เข้าไปเปิดในพม่า จนกลายเป็นที่ชุมนมของลูกค้าตลาดบนในเมือง และชาวต่างชาติ และร้านโคคาสุกี้ ฯลฯ
" สินค้าไทยหลายอย่างที่เข้าไปขายดีและได้รับความนิยมในพม่า เช่น พวกเครื่องสเตนเลสนกนางนวล และหัวม้าลาย นอกจากนี้ ยังมีสินค้าในเครือสหพัฒน์ที่เข้าไปหลายอย่าง ล่าสุด บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า เพิ่งเข้าไปลงทุนเปิดโรงงานผลิตที่โน่นได้ไม่ถึงปีและขายดีมาก และก่อนหน้านี้ก็มีบะหมี่ยำยำ ที่เข้าไปลงทุนเพื่อป้อนตลาดในประเทศ"
ด้าน มาตยวงศ์ อมาตยกุล ที่ปรึกษาการพาณิชย์สถานทูตไทยเมืองย่างกุ้ง บอกว่า นักธุรกิจไทยควรมองโอกาสพม่าไม่ใช่แค่เฉพาะตลาดรองรับสินค้า แต่ต้องมองไปถึงการอาศัยพม่าเป็นฐานผลิตสินค้าส่งออกไปยังประเทศที่สามที่อยู่ใกล้เคียง โดยเฉพาะจีน และอินเดีย
" พม่ามีขนาดประชากร 50 ล้านคน แต่มีพื้นที่ใหญ่กว่าไทยถึง 1 ใน 4 มีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ และแรงงานราคาถูก ขึ้นอยู่กับว่านักธุรกิจไทยจะมองเห็นโอกาสแปรวัตถุดิบ และทรัพยากรเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์อย่างไร ซึ่งหากเป็นการเข้าไปทำเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออก รัฐบาลพม่ามีนโยบายให้การสนับสนุนเต็มที่"
สอดคล้องกับวิชาติ ที่มองว่า ธุรกิจด้านเกษตรของไทยมีโอกาสสูงที่จะเข้าไปลงทุนในพม่า แต่หากจะประสบความสำเร็จต้องมีรัฐบาลนำหน้าช่วยผลักดัน โดยขณะนี้ ทั้งจีน และมาเลเซีย ต่างนำหน้าชิงเข้าไปทำคอนแทร็คท์ฟาร์มมิ่งในพม่าหลายโครงการพื้นที่นับล้านไร่ โดยจีนเข้าไปปลูกยางพาราง ส่วนมาเลเซียเข้าไปปลูกปาล์มน้ำมัน
เวลานี้ จีน และเกาหลีใต้ เป็นชาติที่เข้าไปบุกมากในพม่า โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจของจีนจากมณฑลยูนนาน ที่ยกขบวนเข้าไปขายสินค้า เข้าไปประมูลงาน และลงทุนในทุกรูปแบบ ทั้งด้านธุรกิจพลังงาน อาหาร และเกษตร
" จีนมองพม่า ในแง่โลจิสติกส์ที่สามารถเป็นทางออกจีนตอนใต้สู่ทะเลเพื่อเจาะไปตลาดอินเดีย และพม่ายังทำการเกษตรเป็นหลัก มีความอุดมสมบูรณ์ สามารถเป็นฐานผลิตอาหารได้เป็นอย่างดี" มาตยวงศ์ กล่าว
| Create Date : 21 สิงหาคม 2549 |
| Last Update : 21 สิงหาคม 2549 11:19:40 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 672 Pageviews. |
|
 |
|
|
|
|
|
| hoon_vi |
 |
|
|
 |
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [
