ฉันมองเห็นผู้หญิงคนนั้นทุกคืนตรงระเบียง
เมื่อวาน ผู้หญิงไม่สวยฯลางานครึ่งวัน จะไปรับป้าที่โรงพยาบาลรามคำแหงไปส่งสายใต้ ระหว่างอยู่บนรถเมล์ เพลงจะมีบ้างไหมของโบ สุรัตนาวีก็ส่งเสียงเจื้อยแจ้วขึ้นมานส.พานจะมดนั่นเอง " แก ทำไมไม่ออนไลน์"ผู้หญิงไม่สวยฯ "ออกมาข้างนอก จะไปหาย่า แล้วก็รับป้าไปส่งสายใต้"นส.พานจะมด "เหรอ เออ ๆ ฉันได้งานแล้วนะ"ผู้หญิงไม่สวย "เหรอ! ดีจัง ได้ที่ไหนล่ะ"นส.พานจะมด "สมุย"ผู้หญิงไม่สวยฯ "เฮ้ย ! จริงดิ่ เก่งว่ะ ไปทำไรวะ"นส.พานจะมด "เป็นเลขาฯ GM นี่!แก ฉันยังงงๆ อยู่เลยว่าฉันได้งานแล้วเหรอ ฉันต้องไปวันเสาร์นี้แล้ว"ผู้หญิงไม่สวยฯ "ทำไมมันเร็วนักล่ะ เออ ก็ดี หมดเคราะห์หมดโศกซะที เลย 25 แล้ว เราอ่ะดิ่ ยังไม่รู้เป็นไง ยังไม่พ้น 25 แต่คงไม่มีอะไรแล้วมั้ง"นส.พานจะมด "อืม ก็คงไม่มีอะไร เออ! แก แค่นี้ก่อนนะ ไว้ค่อยคุยกันใหม่ "ผู้หญิงไม่สวยฯ "อืม ดีใจด้วยนะ"----------------------------------------นั่งบนรถเมล์ คิดถึงแม่สาวแคลิฟอร์เนียที่จากไปตามหาความฝันได้หลายเดือนแล้ว ไม่รู้เป็นไงมั่ง แล้วก็คิดถึงนส.พานจะมดเพื่อนตั้งแต่สมัยมัธยม ที่มาสนิทกันตอนมหา'ลัย .... คิด ๆ แล้วก็เศร้า ทำไมนะ พอจะมีเพื่อน ก็เหมือนมีคนมาพราก ทำไม ทำไมต้องเหงา ทำไมต้องอยู่คนเดียว ทำไม ทำไม เคยไปแย่งของใครเค้ามานักหนาเหรอ ชาตินี้ถึงต้องเป็นแบบนี้ ต้องอยู่คนเดียว .........อาการเหงาเข้าครอบงำอีกแล้ว มีเพื่อนมากมาย แต่มีไม่กี่คนที่คุยด้วยได้ ฉันใจแคบเหรอ ฉันไม่เปิดใจเหรอ โลกส่วนตัวของฉันมันกว้างจนคนอื่นเข้าไม่ถึงเหรอ .....กำลังคิดถึงตัวละครตัวนึง ไม่รู้หรอกว่าตัวละครเรื่องอะไร แต่เห็นเป็นภาพลายเส้นสีดำ ตัวการ์ตูนสีขาว เดินไปเดินมา นั่งๆ เดินๆ ดำเนินเรื่องอยู่ตัวเดียว ... นึกภาพแล้วก็เหงา ...ไม่อยากนึกถึงตัวเอง เวลาแก่ เป็นสาวแก่ไม่มีครอบครัว ไม่มีลูกหลาน ไม่มีเพื่อน ผู้หญิงแก่ ๆ นั่งอยู่หน้าบ้านเก่า ๆ ใส่แว่นตาอ่านหนังสือเล่มเก่า ๆ ฟังเพลงเบา ๆ ทำอยู่แบบนี้ทุกๆวัน คิดแล้วก็กลัวอนาคต .........ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นไง อาทิตย์หน้า เดือนหน้า ปีหน้า อีกสิบปีข้างหน้า ยี่สิบปีข้างหน้า เวลามันผ่านไปเร็วจนอยากจะเก็บใส่ขวดโหล .... คิดถึงคนหลาย ๆ คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่รู้เหมือนกันอีกสิบปีข้างหน้า ยี่สิบปีข้างหน้า พวกเค้าจะเป็นยังไง ... จะมีใครเป็นเหมือนฉันมั้ย ถึงเวลานั้นฉันจะยังคิดถึงพวกเค้ามั้ย พวกเค้าจะยังคิดถึงฉันมั้ย ...... กลับบ้านดึก .... เดินผ่านระเบียง ฉันมองเห็นผู้หญิงคนนึงกำลังคุยโทรศัพท์ หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสถึงมันจะดึกแล้ว แต่ตายังแป๋ว ไม่มีแววง่วงนอน .... ฉันมองเห็นผู้หญิงคนนั้นทุกคืนตรงระเบีบงก่อนเดินเข้าห้อง .... ผู้หญิงคนนั้น มันเป็นเงาของฉัน ฉันมองเห็นตัวเองยืนคุยโทรศัพท์ตรงระเบียงนั้น มันหลอนอยู่ทุกวัน .....อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม อยากมีเพื่อนคุยด้วยทุกวันเหมือนเมื่อก่อน อยากให้เค้าโทรมาถามว่าจะกลับรึยัง อยากมีคนให้ฉันพูดกับเค้าว่า "เป็นห่วงนะ" "อย่ากลับดึกนะ ขับรถดีๆล่ะ" "นอนได้แล้ว" ประโยคพวกนี้ถึงฉันไม่พูดกับเค้า ก็คงมีคนอื่นบอกเค้าอยู่แล้ว คืนนี้จะหลับตาเดินผ่านระเบียง .... เงาผู้หญิงคนนั้นจะได้ไม่มาหลอน ....
ดนตรีนั้นเล่นอยู่ ฟังฉันฟังอยู่ แต่ว่าในใจนั้นเงียบงัน
เฮ้อออออออออ ....... ต้องถอนหายใจยาว ๆ อีกแล้วเบื่อตัวเอง ทำไม๊ ... ทำไม .... ถึงได้อ่อนไหว ตัวก็โต๊โตแต่ทำไมใจไม่หนักแน่น .......พยายามอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง พยายาม พยายาม แล้วก็พยายาม แต่ก็ยังคิดถึงอยู่ อ.เอ เอ อยู่ ไม่รู้จะคิดถึงไปทำไม ... เข้าข้างตัวเองว่า คนมันผูกพัน ก็แล้วจะผูกพันไปทำไมหว่า ... ในเมื่อเค้าไม่ได้มาผูกพันกับเราแล้ว ....เริ่มแอบเห็นคนคนนั้นของอ.เอ เอ ก็ดูท่าทางน่ารักดี ดูเป็นคนเก่ง ไม่เหมือนเรา (จะเปรียบเทียบทำไมเนี่ยะ) เลิกคิด ๆ ๆ ....เมื่อวานแอบโดดงาน ... ไม่มีสาเหตุ ตื่นมาแล้วเซ็ง ๆ เลยไม่ไปทำงานซะงั้น ใจมันไม่อยากทำอะไรเลย กระทั่งจะแต่งหน้ามาทำงานเหมือนทุกวันก็หมดใจจะทำ .... วันนี้มาทำงานเลยโดนแซวเรื่องโดดงานนิดหน่อย ก็คืนก่อนไปนั่งกินข้าวกะพวกพี่ ๆ ที่ออฟฟิศ ดื่มไปนิดเดียวเองนะ นิดเดียวจริงๆ ปรกติแล้วจะสามารถมากกว่านั้น แต่คนมันไม่อยากมาทำงาน ก็เลยโทรมาลาป่วย ... วันนี้เลยโดนแซว ว่า " ไปเมาหัวทิ่มบ่อน้ำรึไง" ... "เป็นไง ไหนบอกว่าแสงโสมไม่ทำร้ายใคร" มากันแต่ละคำค่อนแคะนะ จะบอกว่าขี้เกียจ ตื่นมาแล้วมันปวดหัวจริง ๆ ก็ไม่มีใครเค้าเชื่อ .... ไม่เชื่อก็อย่าเชื่อสิ เชอะ ๆ เคยง้อใครซะที่ไหน ...อะไรก็ไม่เลวร้ายไปกว่า ณ เวลา 9.00 น. ของวันนี้ Chief -" เฮ้ย! วันนี้ประชุม ISO" ผู้หญิงไม่สวยฯ "กำ ! จริงดิ่" Chief "เออ !"ผู้หญิงไม่สวยฯ คิดในใจ "ใครบอกเราวะ ว่าวันที่ 20 วันศุกร์ " และแล้วก็สรุปการประชุมออกมาได้ด้วยดี .... รึป่าวหว่า??ตกบ่าย ... รวบรวมความกล้า เดินไปหาสุดหล่อห้องในสุดผู้หญิงไม่สวยฯ เคาะประตูห้อง "ป๊อก ป๊อก"สุดหล่อ "เชิญจ้ะ มีอะไร"ผู้หญิงไม่สวย ยื่นงานให้ "คือ ฝนอยากจะเปลี่ยน form ที่ใช้ในการ calibrate เครื่องน่ะค่ะ"สุดหล่อ "แล้วยังไง"ผู้หญิงไม่สวยฯ "คือว่า ตอนที่เราใช้อยู่ตอนนี้ มันดูไม่ค่อยดี อีกอย่าง ปัญหาที่ฝนเจอตอนนี้คือ ซองพลาสติกที่ใส่อยู่ตอนนี้มันหาซื้อยากมาก แล้วพวกพี่Engineerเค้าบอกว่า Formที่คู่แข่งเราใช้ดูดีกว่านี้ ฝนก็เห็นด้วยเพราะว่า ที่เราใช้ตอนนี้ดูไม่professional ฝนก็เลยcreateให้ใช้เป็นสติกเกอร์ที่ลอกออกได้ไม่ยาก อีกอย่างที่เพิ่มเติมก็คือ ฝนจะใส่ตรา ISOลงไปในFormนี้ด้วย เพราะว่ามันเป็นการเพิ่ม credit ให้กับบริษัท คุณ ... คิดว่ายังไงบ้างคะ?" (กระแดะเนาะ พูดภาษาไทยคำอังกฤษคำ) สุดหล่อ "อืม ดีนะ Idea แบบนี้น่ะ ออกมาบ่อยๆละกัน"ผู้หญิงไม่สวยฯ "ขอบคุณค่ะ"ระหว่างเดินออกมาจากห้องสุดหล่อ คิดในใจ ชมรึด่าวะ?? กลับมาเรื่องเหงา ๆ ของเราดีกว่า .... ถ้าไม่มีบ้านเอ็นฯแล้วเราจะอยู่ยังไง จะเป็นยังไง ทำไมตอนนี้รู้สึกเหมือนมีใครมาทวงของรักของหวงไปจากเราซะหมดนะ ใจคอจะไม่ให้เรามีเพื่อน มีสิ่งยึดเหนี่ยวบ้างเลยเหรอ ... ไม่รู้ว่าเคยไปทำใครเค้าตอนไหน คิดซะว่ากรรมเก่า ชาติที่แล้วคงพรากของรักของหวงของคนอื่นเค้ามาเยอะ ... ชาตินี้เลยต้องอยู่มันแบบเหงา ๆ ลำพังคนเดียว ไปก่อนละกัน ..." ... ดนตรีนั้นเล่นอยู่ ฟังฉันฟังอยู่ แต่ว่าในใจนั้นเงียบงัน ... "Credit : รักที่ผ่านพ้นไปArtise : Groove Riders
มาทางไหนจะไปทางนั้น กลับไปที่เก่าของฉัน .....
วันนี้ฟังเพลง ได้ยินเพลงเพลงนึงร้องว่า "มาทางไหนจะไปทางนั้น กลับไปที่เก่าของฉัน เธออย่ากังวล กลัวจะผูกพัน อย่าคิดมากมาย" ได้ยินประโยคนี้แล้วนึกถึง ไม่ใช่นึกถึงหรอก คิดถึงเลยล่ะ คิดถึงคำถามของอ.เอ เอ ที่เคยถามว่า "เคยคิดจะแย่งเอไปจากแฟนเอมั้ย" ตอนนั้นฉันตอบด้วยเสียงหนักแน่นแบบไม่ลังเล "ไม่เคยคิด" ถึงตอนนี้ก็ยังยืนยันคำตอบเดิม ..... หลังจากไม่มี อ. เอ เอ มันก็เหงา ๆ บอกไม่ถูก เหงายิ่งกว่าตอนไม่มีคนเง่างี่อีก เพราะตอนไม่มีคนเง่างี่ก็จะมีอ.เอ เอตลอดเวลา .... ดูทีวีกับ อ.เอ เอ เล่นต่อเพลงกับอ.เอ เอ ไปซื้อของกับอ.เอ เอ แต่อยู่กันคนละจังหวัด ก็ตลกดีเหมือนกัน อยู่กันคนละที่ แต่เหมือนอยู่ด้วยตลอดเวลา จำไม่ได้แล้วว่านานเท่าไหร่ที่เป็นแบบนี้ .... รู้สึกตัวอีกที เราทำแบบนี้ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว .... หลายครั้ง ความเคยชิน ที่มือจะต้องกดโทรศัพท์หาอ.เอ เอ แต่ตอนนี้ ทำไม่ได้แล้ว อยากดูทีวีด้วย เพราะไม่ชอบดูทีวีคนเดียว ต้องมีเพื่อนดูด้วย ถึงจะอยู่กันคนละบ้าน ดูทีวีกันคนเครื่อง แต่เราก็ดูเรื่องเดียวกันนี่ .... ช่วงแรก ๆ ทำใจลำบากเหมือนกันที่ต้องอยู่คนเดียวจริง ๆ เช้าตื่นมาไม่เจอใคร อาบน้ำ แต่งตัว มาทำงาน ทำงาน ทำงาน ทำงาน จนดึกจนดื่น กลับห้องไม่เจอใคร อาบน้ำ เข้านอน เป็นแบบนี้ทุกวัน จากเมื่อก่อน ตื่นเช้ามาไม่เจอใคร แต่ในใจก็ยังสดชื่น ก่อนถึงที่ทำงาน โทรหาอ.เอ เอ ตื่นรึยัง ขับรถใกล้ถึงที่ทำงานรึยัง แต่ตอนนี้ ทำไม่ได้แล้ว ตอนดึกจะกลับบ้าน อ.เอ เอ จะโทรมาถามว่าจะกลับรึยัง ดึกแล้ว กลับได้แล้ว แต่ตอนนี้เค้าทำแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ....หลังจากได้ข้อสรุปว่าเราเป็นเพื่อนกันเถอะ ฉันก็ยังโทรหาเค้าอยู่ ไม่รู้เพราะอะไร ก็ได้แต่บอกเค้าว่า ขอเวลาหน่อยนะ อีกซักพัก อ.เอ เอ ก็บอกว่า อืม ... ถ้ากลับบ้านดึก ก็ยังต้องโทรไปหา ให้อ.เอ เอคุยเป็นเพื่อนตอนกลับแท๊กซี่ ยังเป็นเหมือนเดิม แต่การพุดคุยของเรา มันไม่เหมือนเดิมแล้ว ... ที่อ.เอ เอ รับโทรศัพท์เป็นเพราะเค้าเกรงใจ ฉันรู้ว่าอ.เอ เอ ก็ลำบากใจเหมือนกัน ... ถ้าจะเป็นแบบนี้ต่อไปก็รู้ทั้งรู้กันทั้งสองคน ว่าวันนึงมันต้องเป็นแบบนี้ .... ฉันกับอ.เอ เอ ไม่รู้จะเริ่มต้นกันไปทำไมตั้งแต่ตอนแรก แต่ช่างมันเถอะ คิดซะว่า ช่วงเวลามีความสุขมันมักจะเป็นเวลาสั้น ๆ แบบนี้ล่ะ ถึงยังไงก็คุ้มแล้ว กับการที่เป็นคนใจเย็นลง มองโลกให้มันสวยงามมากขึ้น ..... ไม่รู้ว่าต่อไปจากนี้ จะกลายเป็นเหมือนเดิมอีกรึป่าว ใจร้อน หงุดหงิด ปึงปัง จะพยายามรักษาความใจเย็น มองโลกในแง่ดีไว้ให้เหมือนเดิม ถึงจะไม่มีอ. เอ เอ ก็เถอะสองสามวันมานี่ รู้สึกว่าแข็งแรงขึ้นมาอีกนิด พยายามหาอะไรทำเวลาอยู่คนเดียว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ ถ้าไม่โทรหา อ.เอ เอ ก็ต้องโทรหาเพื่อนคนอื่นอยู่ดี แล้วเป็นคนเพื่อนน้อยซะด้วยสิ เหมือนกับคุยกับใครได้ไม่กี่คน ก็กลัวคนอื่นเค้าจะรำคาญ ดึกๆดื่นๆ ไม่หลับไม่นอน อยากจะบอกว่าไม่ใช่ไม่หลับไม่นอนหรอก แต่มันนอนไม่หลับ อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม ... แต่พอคิดถึงใจของอีกคนของ อ.เอ เอ แล้วก็รู้สึกไม่อยากทำให้เค้าเสียใจ ไม่อยากผิดบาป ลองนึกถึงใจเค้า ถ้าเป็นเราล่ะ มีแฟนอยู่ พอโทรหาแฟนตัวเอง สายไม่ว่าง เพราะเค้าโทรคุยกับผู้หญิงอีกคน เป็นใครก็คงต้องคิดมากเป็นธรรมดา .... นึกถึงใจอ.เอ เอ ก็ไม่รู้ว่าเค้าคิดยังไง เค้ายังเหมือนเดิม หรือว่าเปลี่ยนไป เบื่อเรารึป่าว ..... เรามันก็ยิ่งขึ้นชื่อว่าผู้น่าเบื่ออยู่แล้ว คงไม่เหมือนอีกคนของเค้า คงพูดรู้เรื่องมากกว่าเรา ไม่ได้เปรียบเทียบนะ แค่คิดเฉย ๆ อ. เอ เอ ไม่ชอบให้เปรียบเทียบ .....อยู่ไปวันๆ วันนึงมันก็แค่แป๊บเดียว ทำงาน ทำงาน ทำงาน เงยหน้ามาอีกที ก็เที่ยง ไปกินข้าว กลับมา ทำงาน ทำงาน ทำงาน เงยหน้ามาอีกที ก็สามทุ่ม สี่ทุ่ม กลับห้อง ทีวีก้ไม่อยากดู เพลงก็ไม่อยากฟัง แล้วจะทำอะไร ก็อยากคุยกับอ.เอ เอ ทำไม่ได้อีกแล้ว คุยด้วยไม่ได้อีกแล้ว พยายามแล้วนะ ..... ตอนนี้พยายามมองโลกในแง่ร้าย คิดว่าอ.เอ เอ ไม่คิดถึงเราแล้ว อ.เอ เอ กำลังคุยอยู่กับคนของเค้า อ.เอ เอ ไม่อยากคุยกับเรา จะได้แข็งแรง จะได้ไม่โทรหา .... พรุ่งนี้ก็คงดีขึ้นเอง พรุ่งนี้จะไม่เหงา ... พรุ่งนี้จะอยู่ได้ด้วยตัวเอง แต่เมื่อไหร่จะถึงพรุ่งนี้จริงๆ ซะที Tomorrow never come ....... " ....มาทางไหนจะไปทางนั้น กลับไปที่เก่าของฉัน เธออย่ากังวล กลัวจะผูกพัน อย่าคิดมากมาย....."
The Secret & Pump Up
พักนี้กินเหล้าบ่อยจัง ไม่รู้เหมือนกันว่ากินไปทำไม ประชดอะไรซักอย่างมั้ง ประชดตัวเอง ประชดงาน กินให้นอนหลับ พยายามหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองให้ได้ ว่ากินเหล้าไปทำไม ตอบไม่ได้ ไม่มีเหตุผล สุดท้ายตอบได้แล้วว่า เหงาว่ะ ..... เมื่อวันศุกร์ก็เป็นอีกวัน กินมันเข้าไป อยู่ดี ๆ ก็ชวนพี่ๆ ที่ทำงานไปกินข้าวที่สวนลุมฯ ตั้งใจจะไปกินเหล้าเลยล่ะ ไม่ได้หิวข้าวหรอก CTบอกว่า มากินข้าวกับเราหลายครั้งแล้ว ไม่เคยเห็นกินเลย ไหนกินให้ดูหน่อยสิ นึกในใจ CTเป็นไรวะ ไปกินข้าวกันก็หลายครั้งแล้ว ทำไมไม่เคยเห็นเรากินเหล้า ก็กินทุกครั้งที่ไปนี่หว่า กินข้าวไปสองสามคำ ดื่มน้ำหมดแก้ว ก็เลยให้บอกพี่คนนึงว่า พี่ขอกินเหล้าหน่อย พี่เค้าก็ผสมให้ ........ ซักพักChief โทรหา DN ถามว่าอยู่ไหนกัน ก็บอกว่าอยู่สวมลุมฯ จะกลับกันแล้ว คุยไปคุยมาChief บอกว่ามา secretสิ DNบอกว่าจะไม่ไปอ่ะ จะไปส่งเราแล้วกลับเลย Chief บอกว่า มาเลยนะ เอ็งมาเลย เดี๋ยวตอนกลับพี่ไปส่งเอง คืนนี้จะไปค้างสาธุฯใกล้บ้านเอ็ง พี่ไปส่ง ฉันก็หันไปพยักหน้ากับ DN บอกว่า ขึ้นรถสิ ไปกัน ตอนขึ้นรถไปก็งงกับตัวเอง เพราะปรกติไม่เที่ยวกลางคืนอยู่แล้ว ทำไมวันนี้ใจง่ายตามเค้าไปได้หว่า .... เท่าที่จำได้ รู้สึกตัวว่าหน้าชาๆ ตั้งแต่กินข้าวที่สวนลุมฯแล้ว ไปถึงsecret ก็ไม่ต้องห่วง ไม่เหลือดีแล้ว กินเหล้าๆๆ ชนแก้วๆๆ จำอะไรที่ secret ไม่ค่อยได้แล้ว จำได้แต่ว่า พี่ผู้หญิงคนนึงขอกลับก่อน แล้วเราไปโวยวายอะไรกับเค้านี่ล่ะ ถ้าจำไม่ผิด คงว่าเค้ามั้งว่า ป่อด พี่ป่อด สมน้ำหน้าอยากมีแฟน พี่เค้ารีบกลับเพราะแฟนเค้าโทรตามแล้ว ....ทีนี้ก็เลยกลายเป็นหญิงเดียวในทีม ........ ไปต่อ Pump Up ......เข้าไปก็เมาบุหรี่แล้ว เวงกำ เมาเหล้าก็จะอ้วกแล้ว ยังต้องไปเมาบุหรี่อีก .... แต่ก็สนุกดี รู้สึกเป็นหญิงเดียวแล้ว พี่ๆพวกนั้นเค้าเป็นห่วงเป็นใยดีจริงๆ สำรวจรอบๆต้วแล้ว รู้สึกทำไมเราเด็กจังหว่า แต่งกายมิดชิดมากๆ เสื้อมีปกมีแขน กระโปรงสั้น เรียบร้อยซะ ปลอดภัยดี ไม่มีใครกล้ำกราย นึกในใจ อยากตกอยู่ในอันตรายจัง Pump up ไม่มีที่นั่ง มีก็น้อย โต๊ะก็ไม่มี มีเป็นถังน้ำมันทรงกระบอกใบโตๆ ใช้วางของแทนโต๊ะ มีstoolไว้นั่งไม่กี่ตัว เพลงสนุกดี โดนใจ ถ้าใครยืนนิ่งก็จะตกเป็นเป้าสายตา แต่เรานี่ล่ะที่ยืนนิ่ง ก็คนมันไม่ชอบแด๊นซ์นี่หว่า เลยกลายเป็นจำเลยทางสายตานิดหน่อย ....... Chiefเจอเพื่อน ก็แนะนำให้ฉันรู้จักเพื่อนๆ "เลขาฯผมครับ ๆๆๆ " เวงกำ มันน่าภูมิใจตรงไหนวะ เลขาฯหน้าตาแบบนี้
หลับทั้งน้ำตาพร้อมกับ ISO9001:2000
ครึ่งปีผ่านไปกับ Cerificate 9001:2000 ...........วันนี้มาทำงานตั้งแต่ประมาณ 11 โมง ตั้งใจจะมาเคลียร์งานISO อันยิ่งใหญ่ของบริษัท วันจันทร์นี้ฉันต้องถูกตรวจสอบอีกแล้ว ฉันไม่รู้ว่า ทำไมฉันถึงอดติกับ ISO ขนาดนี้ ISO ให้อะไรกับบริษัท ?ฉันไม่รู้หรอก ว่าได้อะไรจาก ISO ฉันรู้แต่ว่า ISO ทำให้ฉันอยากเปลี่ยนงาน มันคือ ความกดดันที่ผู้บริหารสั่งให้เป็นงานของพนักงานอย่างฉัน ผู้บริหารคาดหวังไว้สูงกับISO ทุกอย่างต้องเป็นระบบ ตรวจสอบได้ แล้วถ้าไม่มี ISO ล่ะ งานจะเป็นระบบหรือไม่ .....ฉันเองก็ไม่เคยผ่านงานมาก่อน ฉันไม่รู้หรอกว่าระบบที่แท้จริงของแต่บริษัทคืออะไร เพราะตั้งแต่ที่ฉันมาทำงานที่นี่ก็นับว่าเป็นบริษัทแรกที่ฉันเริ่มมาทำงานตั้งแต่เรียนจบ .... ISO ทำให้ทำงานง่ายขึ้น จริงเหรอ? ตราบใดที่พนักงานไม่ตระหนักเห็นถึงความสำคัญของระบบ บริษัทก็ไม่มีทางที่จะมีระบบการทำงานที่ดีได้ ...........ISO เน้นย้ำอะไร?ความพึงพอใจของลูกค้า แน่นอน ความพึงพอใจของลูกค้าเป็นเรื่องสำคัญ มีผลต่อยอดขาย ถ้าลูกค้าไม่มีความพึงพอใจต่อสินค้าและบริการของบริษัท มันก็ต้องส่งผลต่อยอดขายอย่างไม่ต้องสงสัย Customer Satifaction คืออะไรกันแน่มันคือสิ่งที่ฉันต้องเพิ่มระดับให้มันสูงมากขึ้นๆ เพื่อทำให้เจ้านายพอใจ แล้วถ้าลูกค้างี่เง่าล่ะ จะพึงพอใจกับการทำงานของเราขนาดไหน ทำดีเท่าไร ก็ถมใจไม่เต็ม ไม่รู้ว่าจะเอาอะไร ไม่นึกถึงใจเค้าใจเรา Customer Satifaction ฉันฟังจนชาชิน จนจะกลายเป็นความสะอิดสะเอียน คลื่นเหียนอย่างบอกไม่ถูก ... พาลให้เกลียดหน้า Auditor ไปแบบไม่รู้ตัว แถมยังเกลียดขี้หน้าคนที่ control project นี้ไปอีก บริษัทที่มาตรวจสอบและมอบcertificateอันยิ่งใหญ่ได้อะไร จากเราไม่ต้องบอกก็รู้ ว่าได้เงินใต้โต๊ะ ถ้าเราจ่ายมาก เค้าก็จะสงสัยการทำงานของเราน้อย แต่ถ้าเราจ่ายน้อย เค้าก็จะสงสัยระบบการทำงานของเรามาก บางทีเรื่องนิดเดียว ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ เพราะเงินน้อยมันอุดปากไม่มิด...จะสว่างแล้ว ....ถอดใจที่จะทำงาน ขอบ่นหน่อยนะคะถ้าเกิดใครที่เป็น Auditor มาอ่านเจอ ก็ต้องขออภัย ....