Group Blog All Blog
|
นาโนบอดีจากอัลปากา: ความหวังใหม่ในการพัฒนายาต้านเอชไอวี
![]() คณะนักวิจัยจากประเทศจีนประสบความสำเร็จในการแยกแอนติบอดีจากอัลปากาซึ่งสามารถต้านเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสำเร็จนี้ถือเป็นก้าวสำคัญและเป็นแนวทางที่มีความหวังสำหรับการพัฒนายาต้านเอชไอวีชนิดใหม่ในอนาคต อู๋สี่หลิน นักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยหนานจิง อธิบายว่าในการทดสอบกับไวรัสจริง แอนติบอดีชนิดนี้หรือที่เรียกว่า "นาโนบอดี" ซึ่งมีการดัดแปลงมาจากหน่วยย่อย "เอ็นบี457" ได้แสดงความสามารถในการยับยั้งไวรัสเอชไอวีได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง โดยการทดลองในหนูพบว่าไวรัสแทบจะไม่สามารถตรวจพบได้ในหนูที่ได้รับการรักษาด้วยนาโนบอดีดังกล่าว และยังไม่พบการกลายพันธุ์ที่ดื้อยา ผลการวิจัยนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนาโนบอดีในการเป็นยาต้านไวรัสที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ การพัฒนานาโนบอดีจากอัลปากานั้นมีข้อดีเนื่องจากขนาดเล็กกว่าแอนติบอดีทั่วไป จึงสามารถเข้าถึงและยับยั้งเชื้อไวรัสในบริเวณที่ยากจะเข้าถึงได้ นอกจากนี้ การผลิตนาโนบอดีในห้องปฏิบัติการก็สามารถทำได้ง่ายและรวดเร็ว การค้นพบนี้เป็นความก้าวหน้าที่สำคัญสำหรับการต่อสู้กับเชื้อเอชไอวี และอาจนำไปสู่การพัฒนายาใหม่ที่มีประสิทธิภาพและราคาถูกกว่าในการรักษาผู้ป่วยเอชไอวีในอนาคต หิน Overlap เป็นหินที่ซ้อนทับกันความสูงประมาณ 150 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ที่อยู่ที่เกาะสมุยจ้า
![]() หิน Overlap เป็นหินซ้อนทับกันความสูงประมาณ 150 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่ห่างจากหาดละไมออกไปทางทิศตะวันตก 2 กิโลเมตร ด้าน บนเนินเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของหินนี้ มีวิวที่สวยงาม ที่สามารถมองเห็นวิวเกาะสมุยและบริเวณรอบๆ อ่าวละไมได้แบบพาโนรามา แม้ว่าจะสามารถเข้าถึงที่นี่ได้โดยรถแต่ถึงอย่างไรก็ต้องเดินขึ้นไปตรงทางลาดชันอีกสองสามนาทีเพื่อปีนขึ้นไปตรงจุดชมวิวแห่งนี้นั่นเอง ********************************************** ![]() ประเพณีวิ่งควายบ้านบึง: ความสนุกและความผูกพันของชาวไร่ชาวสวนชลบุรี
![]() ประเพณีวิ่งควายของอำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ถือเป็นหนึ่งในประเพณีที่มีความเก่าแก่และมีเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี ชลบุรีถือเป็นจังหวัดเดียวในประเทศไทยที่รักษาประเพณีนี้ไว้ โดยประเพณีวิ่งควายเป็นประเพณีของชาวไร่ชาวสวนและเกษตรกรอย่างแท้จริง ซึ่งให้โอกาสในการพบปะสังสรรค์ และประกวดความสมบูรณ์ของควายที่เลี้ยงดูอย่างดี การที่ควายตัวไหนจะดูสมบูรณ์กว่ากันจึงกลายเป็นการประกวดที่น่าสนุกสนานและเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนในพื้นที่นี้ ในอดีต งานวิ่งควายของบ้านบึงจะจัดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับเทศกาลออกพรรษา วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ที่มีการทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะ ในช่วงนี้ ชาวไร่ชาวสวนจะนำสินค้ามาจำหน่าย เช่น กล้วย มะพร้าว ใบตอง และข้าวเหนียว โดยบรรทุกมาด้วยเกวียนเพื่อขายให้กับชาวบ้านและร้านค้าต่าง ๆ ซึ่งนำไปใช้ทำข้าวต้มหางเพื่อใส่บาตรหรือใช้ในครัวเรือน ควายที่ใช้บรรทุกสินค้าก็จะถูกพักไว้ตามลานวัดต่าง ๆ หลังจากจับจ่ายสินค้าเสร็จ ชาวบ้านก็ถือโอกาสนี้พบปะกัน และในที่สุดก็กลายเป็นการนำควายมาวิ่งแข่งกันรอบตลาดด้วยความสนุกสนาน เมื่อเวลาผ่านไป การวิ่งควายก็เริ่มมีความหลากหลายและสีสันมากขึ้น ชาวบ้านได้เริ่มตกแต่งควายให้สวยงาม เช่น ทำถุงสวมเขาควาย ตกแต่งเชือกจูงควาย ปฏักเฆี่ยนควาย และตกแต่งหน้าควายตามแบบของแต่ละคน นอกจากนั้นยังมีการแต่งตัวคนขี่ควายให้สวยงามและวิจิตรพิสดารมากยิ่งขึ้น การแต่งควายและคนขี่นี้กลายเป็นสิ่งที่ต้องทำในเทศกาลวิ่งควาย ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยสีสันและความครื้นเครง ในปัจจุบัน แม้ว่าไม่มีการนำเกวียนบรรทุกสินค้าเข้าตลาดเหมือนในอดีต แต่เทศกาลวิ่งควายก็ยังคงมีการนำควายมาวิ่งทุกปี และลานวัดต่าง ๆ ก็กลายเป็นสถานที่พักควายในช่วงเทศกาลนี้ อีกหนึ่งความเชื่อของชาวบ้านคือ หากใครเกิดเจ็บป่วย เจ้าของควายจะบนบานศาลกล่าวด้วยการนำควายมาวิ่งแก้บน จนกลายเป็นประเพณีที่สืบต่อกันมาถึงปัจจุบัน ประเพณีวิ่งควายบ้านบึง ไม่เพียงแต่แสดงถึงความรักและความผูกพันระหว่างชาวไร่ชาวสวนกับควาย แต่ยังเป็นเครื่องหมายของความร่วมมือและความสามัคคีของชุมชน สร้างความสนุกสนานและความภาคภูมิใจให้กับชาวบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ประเพณีนี้ยังคงอยู่และสืบสานต่อมาอย่างยาวนาน ----------------------------------------------------------------------------- ![]() สเปซ เพอร์สเปกทีพ ขยับเข้าใกล้การท่องเที่ยวอวกาศยั่งยืน: ทดสอบแคปซูลสำเร็จ พร้อมเปิดขายตั๋วปี 2025
![]() อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอวกาศกำลังเข้าใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น เมื่อบริษัทท่องเที่ยวอวกาศสัญชาติอเมริกันอย่าง "สเปซ เพอร์สเปกทีพ" (Space Perspective) ประกาศความสำเร็จในการทดสอบปล่อยและลงจอดแคปซูลท่องอวกาศ "สเปซชิป เนปจูน" (Neptune) โดยการทดสอบครั้งนี้เป็นการปล่อยและลงจอดกลางทะเลแบบไร้ลูกเรือ ซึ่งทำได้สำเร็จอย่างไร้ที่ติ แคปซูลสเปซชิป เนปจูนถูกออกแบบโดยเน้นความยั่งยืนเป็นหลัก โดยใช้เทคโนโลยีบอลลูนอวกาศที่ขับเคลื่อนด้วยก๊าซไฮโดรเจนแบบหมุนเวียน ซึ่งเป็นก๊าซที่ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเหมือนกับจรวดหรือระบบขับเคลื่อนแบบเดิม ทำให้การเดินทางในอนาคตนี้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น การเดินทางของแคปซูลจะลอยขึ้นไปที่ความสูงราว 30 กิโลเมตรเหนือพื้นดิน ซึ่งถึงแม้ว่าความสูงดังกล่าวจะยังไม่ถึงเส้นคาร์แมน (Karman Line) ซึ่งถือว่าเป็นขอบเขตของอวกาศที่ระดับ 100 กิโลเมตร แต่ก็เพียงพอให้นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นความโค้งของโลกและสัมผัสบรรยากาศอันมืดมิดของอวกาศได้อย่างเต็มอิ่ม แต่ละเที่ยวบินของสเปซชิป เนปจูนจะใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้นราว 6 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็น 2 ชั่วโมงแรกสำหรับการลอยตัวขึ้นไปยังระดับความสูงที่กำหนด จากนั้นจะใช้เวลาอีก 2 ชั่วโมงในการลอยนิ่งเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมวิวอันน่าตื่นตาตื่นใจของโลกและอวกาศ และสุดท้ายจะใช้เวลาอีก 2 ชั่วโมงในการปล่อยก๊าซออกจากบอลลูนอย่างช้า ๆ เพื่อนำแคปซูลลงจอดอย่างปลอดภัยกลางทะเล นอกจากการทดสอบการปล่อยและลงจอดแคปซูลแล้ว สเปซ เพอร์สเปกทีพยังได้ประกาศความคืบหน้าของโครงการก่อสร้าง "มารีน สเปซพอร์ต วอยเอเจอร์" (Marine Spaceport Voyager) ซึ่งเป็นเรือที่จะใช้ในการปล่อยแคปซูลขึ้นจากมหาสมุทร และนำแคปซูลกลับมาหลังจากการลงจอด ทั้งนี้เพื่อให้การท่องเที่ยวอวกาศเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น สำหรับแผนการในอนาคต สเปซ เพอร์สเปกทีพกำลังเตรียมเที่ยวบินทดสอบพร้อมลูกเรือ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน เที่ยวบินเชิงพาณิชย์เที่ยวแรกก็จะมีขึ้นในปี 2025 และสำหรับผู้ที่สนใจสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวอวกาศกับสเปซ เพอร์สเปกทีพ ตอนนี้บริษัทได้ประกาศราคาค่าตั๋วแล้ว โดยราคาตั๋วอยู่ที่ 125,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4 ล้านบาทต่อคน นี่คืออีกหนึ่งก้าวที่น่าตื่นเต้นของการท่องเที่ยวอวกาศที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งใคร ๆ ก็อาจมีโอกาสได้สัมผัสในอนาคตอันใกล้นี้ ------------------------------------------------------------------------------------- ![]() ความท้าทายของคุณครู : เมื่อเรียงความของนักเรียน ลายเส้นเหมือนภาษาต่างประเทศแต่ที่จริงแล้วเป็นภาษาไทย
![]() เมื่อไม่นานมานี้ คุณครูประสิทธิ์ ครูจากโรงเรียนในจังหวัดชลบุรี ได้โพสต์ภาพหนึ่งที่ทำให้เกิดการพูดถึงกันในโลกออนไลน์ ภาพดังกล่าวถูกโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Prasit Jungsuksomsawat และเป็นภาพของเรียงความจากนักเรียนคนหนึ่ง ที่เมื่อคุณครูได้เห็นก็ถึงกับรู้สึกมึนงงและพูดไม่ออก คุณครูประสิทธิ์ได้อธิบายสถานการณ์ในโพสต์ว่า "ฉันพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็หมดความพยายามจริง ๆ กับการตรวจเรียงความนี้ และยังมีของคนอื่นอีกจำนวนมากที่ต้องตรวจอีก" จากข้อความนี้ แสดงให้เห็นถึงความท้าทายที่คุณครูต้องเผชิญในการอ่านผลงานของนักเรียนที่บางครั้งก็ไม่ได้เขียนอย่างที่ควรจะเป็น ภาพที่คุณครูโพสต์มาแสดงให้เห็นถึงวิธีการเขียนที่ทำให้คนอื่นยากที่จะเข้าใจ ดูเผิน ๆ มันเหมือนกับเป็นภาษาต่างประเทศที่ไม่คุ้นเคย แต่แท้จริงแล้วเป็นภาษาไทย นักเรียนคนนี้เขียนตัวอักษรโดยเน้นหัวตัวใหญ่ทั้งพยัญชนะและสระ ซึ่งเมื่อประกอบกันเป็นคำ ก็ทำให้หน้ากระดาษเต็มไปด้วยวงกลมจำนวนมาก การจะอ่านให้เข้าใจจึงกลายเป็นงานที่ต้องเพ่งมองอย่างหนักและสร้างความมึนงงให้กับคุณครูเป็นอย่างมาก โพสต์นี้ได้รับความสนใจจากผู้คนในโลกออนไลน์ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น ทั้งเห็นใจและขำขันกับความพยายามของคุณครูในการอ่านและตรวจเรียงความที่ทำให้ตาลายได้ง่าย ๆ หลายคนมองว่าเป็นความท้าทายที่คุณครูต้องเผชิญ และเป็นตัวอย่างของความยากลำบากในงานสอนที่ไม่ใช่เพียงแค่การให้ความรู้ แต่ยังต้องรับมือกับรูปแบบการเรียนรู้และการเขียนของนักเรียนที่หลากหลาย เครดิตภาพจาก Prasit Jungsuksomsawat *************************************************************** ![]() |
สมาชิกหมายเลข 2288960
![]() ![]() ![]() ![]() ย้ายจาก Meogui.bloggang.com มาอยู่ที่ เว็บ Blog นี้แทนเด้อครับเด้อ โดนยึดอมยิ้มไปแหล่ว Link |