หมากผีผวน : พืชพื้นบ้านทรงคุณค่าที่กำลังเลือนหายไปจากความทรงจำ

ในป่าเบญจพรรณของไทย มีพืชพื้นบ้านชนิดหนึ่งที่แฝงตัวอยู่เงียบๆ แต่กลับมีเรื่องราวน่าสนใจมากมาย ทั้งในแง่ของชื่อเรียกที่หลากหลายตามแต่ละท้องถิ่น ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ที่โดดเด่น และสรรพคุณทางยาที่น่าทึ่ง นั่นคือ หมากผีผวน หรือที่หลายๆ คนอาจรู้จักในชื่ออื่นๆ เช่น นมควาย (ภาคใต้), นมแมวป่า (เชียงใหม่), หำลิง (ตะวันออกเฉียงเหนือ), ติงตัง (นครราชสีมา), ตีนตั่งเครือ (อุบลฯ ศรีสะเกษ), พีพวน (อุดรธานี), หรือสีม่วน (ชัยภูมิ)
ลักษณะเด่นของหมากผีผวน
หมากผีผวนเป็นไม้พุ่มเลื้อยในตระกูลกระดังงา มีลำต้นสูงประมาณ 4-6 เมตร กิ่งอ่อนของมันปกคลุมด้วยขนละเอียดสีน้ำตาลแดง ใบเดี่ยวรูปวงรีหรือรูปไข่ ผิวใบทั้งสองด้านมีขนสีน้ำตาลแดงให้ความรู้สึกนุ่มมือ ดอกของหมากผีผวนออกเป็นกระจุก 2-3 ดอก มีกลีบสีแดงเข้มและกลิ่นหอมแรงในช่วงกลางคืน ทำให้มันเป็นพืชที่ดึงดูดแมลงและสัตว์กลางคืนได้ดี
ผลของหมากผีผวนมีลักษณะเป็นกลุ่มรูปไข่หรือไข่กลับ ขนาดเท่าลูกตำลึง ผิวผลปกคลุมด้วยขนหนาแน่น เมื่ออ่อนจะมีสีเขียว จากนั้นค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลือง และเมื่อสุกเต็มที่จะกลายเป็นสีแดงเข้ม ภายในผลมีเนื้อสีขาวขุ่นหุ้มเมล็ดสีดำไว้ ซึ่งสามารถรับประทานได้ทั้งเนื้อและเมล็ด โดยมีรสชาติเปรี้ยวชวนน้ำลายสอ
สรรพคุณทางยาและประโยชน์
หมากผีผวนไม่เพียงเป็นพืชที่รับประทานได้ แต่ยังมีสรรพคุณทางยาที่น่าสนใจ เช่น
ผลอ่อน สามารถตำผสมน้ำทาแก้เม็ดผดผื่นคัน
แก่น ต้มน้ำดื่มช่วยแก้ไข้สลับไข้ซ้ำ
ราก ใช้บำรุงร่างกายสำหรับสตรีหลังคลอดที่ผอมแห้ง แรงน้อย และช่วยเพิ่มน้ำนม
นอกจากนี้ หมากผีผวนยังเป็นพืชที่สะท้อนภูมิปัญญาชาวบ้านในการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติรอบตัว โดยเฉพาะในชุมชนที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม
สถานการณ์ปัจจุบันของหมากผีผวน
แม้จะมีคุณค่ามากมาย แต่หมากผีผวนกำลังกลายเป็นพืชที่หาได้ยากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากไม่ค่อยมีชาวบ้านนิยมปลูกกัน ส่วนใหญ่ต้องไปหาเก็บจากป่าหรือดงตามธรรมชาติ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนไทยกับกัมพูชา การลดลงของหมากผีผวนไม่เพียงส่งผลต่อความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ยังทำให้ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับพืชชนิดนี้ค่อยๆ เลือนหายไป****************************************************