AZURE
Group Blog
 
All Blogs
 

ไปญี่ปุ่นกันเตอะ

อาทิตย์ที่แล้วจองตั๋วราคาถูกจากแอร์เอเชียไปญี่ปุ่น ได้มาที่ราคา 7,006 บาท ยังไม่รวมค่าโหลดกระเป๋านะ เจ๋งมากเลยอะ ถูกดี ตอนนี้ผู้ร่วมทริปก็ปาเข้าไป 10 คนแล้ว อิอิ

แค่คิดก็สนุก จนอยากไปวันนี้ วันพรุ่งนี้แล้วเนี่ย



แต่กว่าจะได้ไปก็นู่นแหน่ะ เดือนพย. ไม่รู้จะเป็นไงมั่งเนอะ


แต่ตอนนี้ ก็จะทยอยรีวิวที่เที่ยว ที่พัก จากเพื่อนคนอื่นๆ ก่อนนะจ๊ะ




 

Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2555 21:01:52 น.
Counter : 595 Pageviews.  

ปาย แม่ฮ่องสอน ทุ่งดอกบัวตอง

เปิดรูปแรกด้วยบรรยากาศ ปายยามค่ำคืน


ทริปครั้งนี้ เป็นการเที่ยวแบบไม่ได้ตั้งใจ เป็นเพราะน้ำท่วมบ้านจนกลับบ้านก็ไม่ได้ ไปทำงานก้ไม่ได้ ก่อนน้ำจะลด เลยขอมาเปลี่ยนบรรยากาศสะหน่อย

งานนี้ มีเพื่อนร่วมทริปตััง 10 คนแหน่ะ มาจากหลากหลายประเทศมาก เพราะนักศึกษาที่ทำงานเค้าต้องปิดยาวเนื่องจากน้ำท่วม เลยอาสาพาเที่ยวด้วยเลย อิอิ แต่แอบขอบ่น ว่า เหนื่อยโฮกๆ เลย

การเดินทางครั้งนี้ เริ่มต้นจาก หมอชิต 2 ค่ะ ไปกะสมบัติทัวร์ รถเค้ามีหลายเวลาให้เลือกไปดีอะ เราก็ไปแบบ VIP 605 บาท สภาพรถก็ไม่แย่นะ อาหารก็อร่อย แล้วแอร์ก็เย็นมากด้วยอะ

เราถึงเชียงใหม่ตอนเกือบ 6 โมงเช้า หลังจากให้เพื่อนๆ ไปหาที่แปรงฟัน ล้างหน้า กินข้าวเช้า ที่อาเขตเลย ส่วนเราก็เดินหารถตู้เช่า มีเรื่องเศร้านิดนึงตรงที่ โดนรถตู้ให้เช่า 1000 บาท ต่อวัน ถูกมาก เบี้ยวสะ เลยต้องไปหาเอาตอนเช้าวันนั้นเลยอะ


สุดท้ายก็ได้มาในราคา 2000 บาท ต่อวัน เป็นรถค่อนข้างใหม่ ส่วนคนขับก็ยังเด็กอยู่เลย 26 ปี น้องเค้าก็ใจดีนะ แล้วก็คอยเป็นไกด์ให้เราไปในตัวด้วย (แต่แอบพูดมากนิส )

จากเชียงใหม่ แผนเราคือ ขึ้นปายเลยค่ะ ก็ไต่ไปเรื่อยๆ ปายเนี่ยมาหลายครั้งแล้ว เลยเฉยๆ ไม่ค่อยจะแวะที่ไหนอะ อย่างจุดสะพานสงครามโลกไรนั้น ก็ไม่แวะ มันร้อนด้วยแหล่ะ แต่ก็มาแวะที่ coffee in love เพราะงวดก่อนมาไม่ได้ลงมาถ่าย เจอฝน แต่งวดนี้ เจอคน เยอะมากกกกกก

ออกจากที่นี่ เราก็ไปต่อวัดน้ำฮุกะหมู่บ้านสันติชล
พูดถึงหมู่บ้านจีนยูนนาน ไปหมู่บ้านรักษ์ไทย ดีกว่านะ เพราะที่นั่นมีบรรยากาศจีนมากๆๆ แล้วก็มีร้านชาอร่อยกว่าที่สันติชลด้วย เพียงแต่เส้นทางไปอาจจะไกลสักหน่อย งานนี้ อยากจะไปแต่คนขับไม่ยอมไปให้ เซ็งมาก
เลยอดได้ชายอดน้ำค้างเลย หมดแล้วด้วย แต่ก็มาได้ที่สันติชลอะนะ ไม่รู้จะหอมถูกใจเหมือนกันป่าว แต่ก็ได้ลองชิมแล้วอะนะ แต่เป็นน้ำที่ 3 ไปสะแหล่ว เฮ้อ....

ที่ปาย เรามาพักคืนเดียว ที่ PS riverhouse อยู่ใกล้ๆ โรงเรียนปายวิทยาคมน่ะ ใครอยากได้บรรยากาศดิบๆ ไม่สะดวกสบายมาก แต่ก็ชิวไปอีกแบบ มาพักที่นี่ได้นะ เราได้บ้านหลังนึง นอนกัน ได้ 5-6 คน แล้วแต่ คืนละ 500 บาท ไม่แพงอะ เพราะสรุปหารกันจ่ายคนละ 100 บาท เอง อิอิ




ที่นี่ มีคอมพิวเตอร์ต่อเนตให้ใช้นะคะ อยู่ลานตรงกลาง แล้วก็มีส่วนพื้นที่ทำครัวพร้อมตู้เย็น ครก มีด เขียง พร้อม ใครเตรียมอาหารมาเอามาทำได้ที่นี่จ้า ยกเว้นบ้านพักที่ไม่มีห้องน้ำในตัวนะ แต่ยังดีที่มีเครื่องทำน้ำอุ่นให้ ไม่งั้น หนาวตายแน่ ตอนเย็นวันที่ไปอากาศสบายๆ 14 องศาอะ

มาปายรอบนี้ ได้มากินยำหมี่ยูนนาน งงว่า ที่ผ่านมาไมไม่ได้แวะกินหว่า อร่อยมากกก




แต่หมู 2 พันปีที่หมู่บ้านสันติชลสู้ของหมู่บ้านรักษ์ไทยไม่ได้อะ

ที่แม่ฮองสอนงวดนี้ ได้ที่พักห่างจากตัวเมือง 4 กม. ก็โอเคนะ เพราะพวกเราเช่ารถมา เลยไม่มีปัญหา แถมได้บ้านหลังใหญ่ 4 นอน 4 น้ำ นอนได้เป็น 10 คนเลย มีห้องโถง หน้าห้อง กะ ระเบียงนอกบ้านไว้ให้นั่งเล่นด้วยอะ 3000 บาทเองต่อคืน เฉลี่ยแล้วตกคนละ 300 บาท ถูกจริง ไรจริง ทีวีก็มีให้ด้วยนะ


อันนี้ ระเบียงหน้าบ้านให้นั่งเล่นชิวๆ


อันนี้ เป็นห้องโถงก่อนเข้าห้องนอนแต่ละห้องอะ พื้นที่กว้างมาก

อ้อ ลืมบอกไป ที่พักนี่ชื่อ บ้านเคียงดอยรีสอร์ท มีร้านอาหารกะ convenient store ด้วยนะ

เที่ยววันนี้สองนี่แย่มาก ไม่ได้ไปปางอุ๋ง หมู่บ้านรักษ์ไทย กะภูโคลน โดนคนขับลากให้ไป ถ้ำลอด ถ้ำปลา แทน ส่วนหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว ตั้งใจไปอยู่แล้ว เลยไม่มีปัญหาไร กะเหรี่ยงคอยาว นี่ต้องเสียค่าเข้า 20 บาท นะคะ ราคาไม่เปลี่ยน มาคราวที่แล้วก็เท่านี้ ส่วนถ้ำลอดไม่ได้เข้าไปอะ ต้องเสียค่าแพ + ไกด์ ประมาณ 1000 บาท บังเอิญว่างานนี้ ไม่มีใครอยากจ่ายเพิ่มอะ

วันที่สาม ออกจากแม่ฮ่องสอน ไปแวะดูทุ่งดอกบัวตองที่ดอยแม่อูคอ คนขับบอกว่ารอบนี้เต็มภูเขานะ แต่เราว่า มันไม่เหลืองมากอะ สงสัยจะทยอยเหี่ยวไปแล้วอะ พอดีเคยเห็นที่สวยกว่านี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว 555 เลยไม่ปลื้มอะ

รู้สึกเหมือนตัวเองชอบบ่นแหะ


เย็นนี้เราต้องรีบกลับไปนอนที่เชียงใหม่ เลยไม่ได้แวะเที่ยวไหนต่อ เพราะกลัวว่าจะดึกเกิน เด๊่ยวลงเขาลำบากอะ ได้ที่พักที่เชียงใหม่เป็น ดวงกมลเพลส ก็ไม่เลวนะ ห้อง 4 คน 1100 บาท ห้อง 3 คน 800 บาท ห้อง 2 คน 500 บาท ถูกและอยู่ในตัวเมืองด้วย ลองดูนะ เผื่อใครสนใจ




เมื่อคืนที่เชียงใหม่ก็ไปแวะ night bazaar ตามเสต็ปเป๊ะ แต่งวดนี้พาคนมาเที่ยว เราเลย shopping ไรมากไม่ได้ เพราะเค้าจะรีบกลับไปนอน เลยไปนั่งกิน Burger king แทน เง้อ ว่า ครั้งหน้า จะมาใหม่อีกรอบ ซ่อมเที่ยวครั้งนี้ไม่ผ่าน เหอๆๆ


ก่อนกลับกรุงเทพฯ ก็ขอแวะพาชาวต่างชาติไปดู เวียงกุมกามหน่อย มาเชียงใหม่ก็บ่อย ก็ไม่เคยไปดูเหมือนกันแหะ น่าสนใจนะที่นี่ ใครแวะมาเชียงใหม่ก็ลองเดินทางไปดูกันได้นะ อยู่ในตัวเมืองนี่แหล่ะ ราคานั่งรถรางเหมาไปก็ 400 บาท ถ้ารถม้า ก็นั่งได้มากสุด 4 คน 200 บาท ที่นี่เป็นเมืองที่เค้าขุดพบอะ อยู่ใต้ดินที่เราเหยียบๆ อยู่เนี่ยแหล่ะ น่าสนใจดีนะ


จบท้ายก็ดอยสุเพท กะพระตำหนักภูพิงค์ เหมือนเดิม ทำไงได้ เวลาไม่พอนิ ต้องรีบกลับกรุงเทพฯ แล้ว

ถือว่าครั้งนี้ แวะมาเปลี่ยนที่นอน กะบรรยากาศเนอะ ครั้งหน้า จะแวะเที่ยวจริงๆ ไม่มาเป็นไกด์แล้วอะ เหนื่อยมาก




 

Create Date : 01 ธันวาคม 2554    
Last Update : 1 ธันวาคม 2554 16:33:24 น.
Counter : 2175 Pageviews.  

เตรียมตัวไปมะละกา

พอดีจะไปอบรมโปรแกรมที่นู่น เลยขอโอกาสอยู่เที่ยวต่อสะเลย จ้า

Melaga trip
เวลาเร็วกว่าไทย 1 ชม.
ช่วงที่ไปเป็นช่วงเทศกาล shopping กะ Deepavali โคมอินเดีย
Oct 21,11 Friday
20.20: Flight AK751 สุวรรณภูมิ-กัวลาลัมเปอร์
23.25: arrive KLL at LCC Terminal พัก Tropical Guesthouse

Oct 22,11
8.00 am check-out
9.00 leave for Malaga. 147 กม.จาก KL. ขึ้นรถบัสที่สถานีขนส่ง Putrajaya
ปุตราจายา หรือ Puduraya ตั๋วมีทุกครึ่งชั่วโมง ไปของ Transational
Ticket fare:12 RM
12.00 arrive to Malaga นั่งรถสาย 17 ไปแถว Mahkota (มาโกต้า)
ค่ารถ 80 เซนต์ หาที่พัก ประมาณ 50 RM
14-20 pm. : sight seeing นั่งสาย 17 สุดสายไปเลย ดูว่าจะผ่านที่ไหนมั่ง

• ป้อมเอ ฟาโมซา เป็นป้อมปราการที่สร้างขึ้นโดยชาวโปรตุเกสในปี ค.ศ. 1511 อันเป็นเสมือนตราเครื่องหมายของมะละกา ที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุด ป้อมนี้ สามารถต้านทานความเสียหายและการบุกรุกของชาวดัทช์ซึ่งตั้งใจจะทำลายไป แต่ถูกขัดขวางโดย เซอร์สแตมฟอร์ด รัฟเฟิลส์ ในปี คศ.1808
• พระราชวังสุลตาเน็ตมะละกา ทำด้วยไม้ เป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมของมะละกา ซึ่งสร้างเลียนแบบ เซอจาระห์เมอลายู (จากหนังสือบันทึกประวัติศาสตร์มาเลย์ประจำปี) ตั้งอยู่ตรงเชิงเขา เซนต์พอล ฮิลล์....เป็นพระราชวังมะละกาแห่งเดียวจากอดีตที่รุ่งโรจน์ของมะละกา ปิดทำการวันอังคาร
• พิพิธภัณฑ์รัคยัต (พิพิธภัณฑ์ของประชาชน) ภายในมีการแสดงความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมของมะละกา เริ่มตั้งแต่ช่วงหลังวันเอกราชของมาลายา จนถึงปลายศตวรรษที่ 20 .....งานแสดงถูกแบ่งเป็นตอนๆ มีภาคการท่องเที่ยวเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และภาคอื่นๆ......ปิดทำการวันอังคาร
• สแตดฮุย เป็นจวนของผู้ว่าราชการชาวดัทช์ ตัวอย่างสถาปัตยกรรมดัทช์ที่ได้รับการดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพเดิมได้ดีที่สุด เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ประวัตืศาสตร์และพิพิธภัณฑ์ชนชาติวิทยา สิ่งที่นำออกแสดงประจำวันคือ เครื่องแต่งกายเจ้าสาวโบราณและสิ่งตกทอดจากอดีตในยุครุ่งเรือง.....ปิดทำการวันจันทร์
• โบถส์เซ็นต์พอล สร้างขึ้นโดยชาวโปรตุเกส ภายหลังเปลี่ยนไปเป็นสถานที่ฝังศพของผู้มีเกียรติและกล้าหาญ
• โบถส์คริสต์ สร้างปี ค.ศ.1753 เป็นสถาปัตยกรรมของชาวดัทช์ ภายในโบสถ์จะเห็นฝืมือการสร้างเก้าอี้นั่งฟังเทศน์อันงดงาม ไม้ลอดเพดานโบสถ์ที่สร้างโดยไม่มีรอยต่อ พระคัมภีร์ไบเบิ้ลทองเหลือง ศิลาจารึกในภาษาอาร์มีเนีย และภาพ เดอะลาสท์ซัปเปอร์ กระเบื้องเคลือบ และแน่นอนครับ สัญลักษณ์ของชาวดัทช์ ที่ขาดไม่ได้
• โบถส์เซนต์ฟรานซิส เซเวียร์
• อัฒจันทร์สำหรับชมการแสดงแสง สี เสียงยามค่ำคืน โดยจะมีการบรรยายประวัติความเป็นมาของสถานที่สำคัญแต่ละแห่ง ด้วยค่าชมคนละ 10 ริงกิต

23 Oct,11
• ตึกอนุสรณ์การประกาศเอกราช ที่สร้างขึ้นในปี คศ.1912 ปิดวันเสาร์
• The Kampung Keling Mosque is one of the oldest in the country (17th century). It's a blend of Sumatran and Western architecture with a 3 tier pyramid roof, a touch of Hindu influence perhaps. The carved wooden ceiling is supported by elegant Corinthian-styled columns
• Another well preserved building, the Cheng Hoon Teng temple was constructed in 1645 and is believed to be the oldest Chinese temple in the country. The eaves of the temple are decorated with Mythological figures and animation made from broken glass and porcelain. Besides the figures, the wood carvings and lacquer work are almost breath-taking.
• Baba and Nyonya Heritage Museum. 'Straits Chinese' or the Baba and Nyonya , are Chinese of noble descendants that have adopted much of the Malay culture into theirs. The public can now review the heirloom unique to this heritage at private museum run by the Babas and Nyonyas of Malacca. Floral and pictorial motifs grace parts of the front of the house whilst the interior is adorned with intricately carved fittings finished in gold leaf.
• Hang Jebat and Hang Kasturi's mausoleum. Two of the Malacca Sultanate's well-known warriors and champion of justice. Hang Jebat was unceremoniously killed by Hang Tuah in a duel of honour that lasted 3 days and 3 nights. He was killed in the name of justice to avenge the sultan's hasty punishment against Hang Tuah for a crime he didn't commit.
• Hang Tuah's well is located in Kampung Duyong where Hang Tuah was born and spent his childhood among four of his good friends who would later become the famous warriors of Malacca Sultanate. The well is said to be the abode of his soul which takes the apparition of a white crocodile. For a commoner to catch the glimpse of Hang Tuah is hardly likely. It is said that the holy among us can ever hope to see the apparition.
• Jonker's Street, once the richman's street is now a living proof of Malacca's rich baba-nyonya heritage. The buildings are immaculately constructed with elaborate carvings on its pillars and walls. The street is also famous for its antique shops.
• Maritime Museum is constructed after 'Flora De La Mar', the Portuguese ship that sank off the Coast of Malacca on its way to Portugal. With its hull laden with invaluable treasures seized from Malacca, the ship was doomed from existence had it not for the efforts to Malacca's heritage. At the museum, visitor can get a closer look at Malacca from the famed Malay Sultanate of the 14th century to the Portuguese era, the Dutch era and the British era. There are exhibits of foreign ships that had once called at the port of Malacca during the height of its maritime hegemony.
• Memorial hall (1912), the landmark where the nation's first prime minister announce proclamation of independence from the British empire. It has been preserved with archive pictures of the country's struggle to attain independence.
• Portuguese Square has a mild affinity to Portugal and known to be 'Mini Lisbon' in Malacca. Located within the Portuguese Settlement, the square is the culmination of Portuguese culture in its full splendour and colours. One will also find authentic Portuguese restaurants at the square.
• Sam Po Kong Temple was constructed in dedication to Admiral Cheng Ho. The temple was named after a fish that miraculously saved the admiral's ship from sinking after it had been hit by a storm enroute to Malacca from China. The fish mysteriously placed itself against a damaged hull preventing the ship from taking on water.
• Sri Poyyatha Vinayagar Moorthi Temple is one of the first Hindu temple built in the country at the turn of the century. It was built on the plot given by the Dutch.
ตามเก็บที่ไม่ได้ไปเมื่อวาน กะที่เหลือ แวะ ยะโฮห์ ถ้ามีเวลา

24 Oct, 11

ตีรถกลับ KL เที่ยว KL
22.20 pm: leave for BKK
23.20 pm: arrive to Bkk

Tip:
LOCAL DELICACIES
(FOOD/DISHES)
Malacca is well-known for its baba & nyonya style spicy cooking which normally gets served with rich coconut milk. There are numerous specialist baba & nyonya restaurants in town and the suburb area where they serve the mouth watering food, not only known to be the best in Malacca,

LOCAL DELICACIES
(DRINKS/DESSERTS)
After a delicious meal, there isn't another more refreshing drink to quench your thirst. The "Cin-Cau", a kind of dark grass jelly drink which has a cooling effect is popularly served at restaurants. For that icy-cool feeling, indulge in the "ice kacang" , a refreshment made of shaved ice with red beans, nuts, jelly etc.
Also not forgetting the "cendol", a kind a pandan flavoured jelly served in coconut milk. Someone even improvise on the "cendol" and invented the "durian" flavoured cendol. This is extremely popular with the local tourist but the aroma maybe a bit too pungent for overseas visitors.

อาหารการกินมื้อละประมาณ 6-10 RM
Don’t miss สะเต๊ะ เซลหลับ เฮ้าส์ อยู่ห่ างจากร้านข้าวแกง ซินเฮ่อซิน เลี้ยวขวาไปทางถนนใหญ่ไม่ไกล

Airport tax 40 RM
ค่าเงินประมาณ 1 MYR = 10 baht
ค่าใช้จ่ายตลอดทริปไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน 3,000 บาท
Note: ประเทศมาเลเซียมีระบบไฟฟ้าเป็นแบบ 240 โวลต์ ความถี่ 50 เฮิร์ซ และใช้ปลั๊กไฟแบบสามขาแบน ดังนั้น หากนักท่องเที่ยวประสงค์จะนำอุปกรณ์ไฟฟ้าไปใช้ที่มาเลเซีย ควรพก Adapter


เดี๋ยวคงต้องแวะ office malaysia ที่ไทย เพื่อขอแผนที่และสถานที่แนะนำต่างๆ ก่อนไปอีกอะ




 

Create Date : 09 ตุลาคม 2554    
Last Update : 9 ตุลาคม 2554 3:06:47 น.
Counter : 531 Pageviews.  

New Year: New York

กลับจาก Chicago อาทิตย์กว่าๆ ต่อด้วย New York เลยจ้า

คราวนี้เที่ยว 2 อาทิตย์เลย ตอนแรกว่าจะมาอาทิตย์เดียว แต่เพื่อนว่า ไม่ครบต้อง 2 อาทิตย์
เป็นไงหล่ะ หง่าวเลย ไม่มีไรทำ วันหลังๆ ต้องเข้าโรงหนังแทน แต่ก็ไม่แพงนะ ดูรอบเช้าก่อน 11 โมง $6 อะ

เราใช้ Subway เป็นหลักเลย เปิดแผนที่กันให้ควั่บๆๆ
แล้วคราวนี้ก็ต่างจาก Chicago ด้วยตรงที่ไม่ได้ซื้อตั๋วเที่ยวไรเลย
อย่างรถ Gray Line ก็ไม่ได้ขึ้น เพราะขึ้นที่ Chicago แล้ว
ส่วนไอ้ตึกสูงๆ ของเค้าก็ไม่ได้ขึ้น เพราะที่ Chicago สูงกว่า ขึ้นมาแล้วด้วย
ทำให้งวดนี้ประหยัดตังค์ได้พอสมควรเลยแหล่ะ อิอิ

ถ้าใครคิดจะนั่งรถ HopOn HopOff ขึ้นๆ ลงๆ แต่ละที่ กี่ครั้งก็ได้ในวันเดียวอะนะ
สนนราคาประมาณ $44 อะ สำหรับเด็กก็ $34 อะจ๊ะ

งานนี้เราตั้งใจจะไป Boston ด้วย แต่ว่า เกิด snowstorm วันเดียวเละเลยค่ะ New York
รถติดพรึ่บ ไปไหนไม่ได้เลย หิมะหนามาก ทำให้ Boston โดน Cancel ไม่มีกำหนดอะ

จริงๆ New York มีกิจกรรมให้ทำเยอะมากเลย แต่ว่าเราเพิ่งไป Chi...มา เลยเฉยๆ ไปบ้าง
ส่วนพวกบันเทิงการแสดงทั้งหลาย ก็ไม่ใช่พวก Art ในเสายเลือดด้วยจิ เลยไปดู Broadway แค่เรื่องเดียวเองอะ แต่แหม ตั๋วเค้าก็ไม่ใช่ถูกๆ อะเนอะ เราได้มา $80 ก็ดีใจจะตายแล้วเนี่ย ไม่ต้องไปต่อคิวหลังพรมแดงด้วย เพื่อนต่อคิวให้ อิอิ
ตอนหลังเพิ่งจะได้ยินว่ามีแบบตั๋วยืนด้วยอะ $20 ถูกโคตรๆๆ แต่ว่าช่วงเราไปเป็นช่วงปีใหม่ เพราะงั้นอย่าหวัง ไม่น่าจะมีนะ (มั้ง เนอะ)

เราไปดู Phantom of the Opera ส่วนเรื่องดังๆ อย่าง Mamma Mia กะ The Lion King ไม่ได้ดูอะ เรื่องหลังนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ตั๋วเต็มยาวไปเป็นอาทิตย์แหน่ะ


ไอ้ที่เสียดายอยากดูแล้วไม่ได้ดู ก็ Blueman show นี่แหล่ะ กะ King Tut museum
คนที่สนใจประวัติศาสตร์อียิปต์ โดยเฉพาะความยิ่งใหญ่ของ King Tut คงอยากเข้าอะนะ
เราก็อาศัยว่าเคยได้ยิน ได้ฟังจากน้อง ก็อยากไปดูปริศนาและความยิ่งใหญ่ของ King Tut เหมือนกันอะ แต่ก็ไม่ได้ไปอีกแหล่ะ

แหล่งเดินที่เราชอบใน New York ก็ Soho เลย กิ๊บเก๋ ถึงทางเดินจะไม่ค่อยน่าพิศมัยเท่าไหร่
แต่ว่าร้านข้างทางน่าเข้าทุกร้านเลย ให้ตายจิ

งานนี้ตั้งใจมา countdown ที่ Times Square โดยเฉพาะเลยอะ แต่ขอโทษ อยู่ถึงแค่ 4 ทุ่ม ก็ออกมา เสียดายเหมือนกันได้ทำเลดีเลยอะ ใกล้เวทีวงในเลยอะ แถมยืนตั้งแต่ 4 โมงเย็นแหน่ะ แต่ว่าเริ่มเกิดอาการนิ่งๆ เฉยๆ แล้วอะ อีกอย่างคิดถึง Countdown ที่ Central World ตะก่อน
โห 3 2 1 เสร็จ สะบัดก้นทุกคนเลยค่ะ แยกย้ายกลับบ้าน ปรากฎว่ารถติดไปไหนไม่ได้
งานนี้ มองคนรอบ Times Square แล้ว อืม คาดว่า ล้นทะลัก Subway แน่ คงต้องเดินกลับบ้าน จาก 42 street ไป 72 street ถึงไม่ไกลมาก แต่ก็ไม่ใกล้เกิน แล้วลมก็เย็น อากาศก็หนาว อย่ากระนั้นเลย เมื่อเพื่อนอีกคนไม่ไหว หิวบวกอยากเข้าห้องน้ำ เราเลยสนองด้วยการ ปะ กลับ 555

เส้น finance หรือ Wall street ลามๆ ไปถึง Fulton street ก็ชอบนะ บรรยากาศแถวนั้น มันดูเป็นเมืองเหมือนสีลมอะ มีแต่ตึกทำงาน แล้วสามารถเดินไปถึง China town ได้ด้วย จิงๆ นะ เราเดินมาแล้ว ไม่ไกลมาก แถวนั้นมีห้าง the 21 century เพื่อนบอกว่า ดังมาก
ไอ้เราก็นึกว่าของข้างในคงหรูมาก ถึงกะดังเชียวเหรอ อืมหืม อย่างกะตลาดนัดบ้านเราแต่อยู่ในห้องแอร์อะ ครือว่า หมายถึง ของเหมือนๆ กัน เอามากองรวมกันเยอะมาก แต่ดูแล้วมันโหลไปเลยอะ


ไปช่วงนี้ ที่ไหนก็เจอแต่ต้นคริสมาสต์เนอะ จ๋วยดี ถ่ายใต้สะพาน Manhattan อะ
เยื้องๆ กันจะเป็น Brooklyn Bridge อะ เดินกันให้เย็นท่ามกลางลมหนาวกันไปเลยค่ะ

อ้อ ไม่พลาดค่ะ ไปดูเทพีเสรีภาพ ยืนตัวแข็งท้าลมหนาว มาเหมือนกัน อิอิ
งานนี้ ไปแบบฟรีค่ะ นั่งเรือแบบข้ามเกาะ ไม่ได้แวะตรงเทพี เลยไม่เสียตังค์ ดีที่กล้องซูมได้นิดนึง เลยถ่ายมาได้อะ ของฟรี เอาไว้ก่อนเนอะ เห็นเหมือนกันแหล่ะ


ไอ้นี่ จนถึงตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็น ประตูชัยหรืออะไร มานตั้งอยู่ตรงแถว china town อะ


วันสุดท่้ายก่อนกลับ แวะไป Columbia University ค่ะ เพื่อนบอกว่า เป็น ม.ที่ดังเลยอะ


โบสถ์แถว Columbia U. ค่ะ อันนี้โบสถ์ใหม่นะ


ตึกนี้เป็น Teacher College ค่ะ เก่าขรึมดีเนอะ ชอบอะ ตัดกับตึกอื่นของชาวบ้านเค้า


Flat building ไม่เห็นมันจะแบนเลยอะ บ้านเรามีแบนๆ เหมือนกันนา แต่อาจไม่เท่ห์เท่า


ร้านนี้ ขอบอกว่า Bagel อร่อยมาก ทั้งหนมปัง กะไอ้เจ้าไส้ที่จิ้ม อยู่แถว chalesea นะ


หิมะหนามากๆ ตกแค่วันเดียวนะ ถล่มกันไปเลย หิมะในเมือง ระหว่างทางเดินไป Central Park


อันนี้ก็ดีอะ ไม่ต้องพาลูกไปเล่นไหนไกล พาออกมาหน้าบ้านนี่แหล่ะ เห็นหลายครอบครัวเลยอะ


ตำรวจหรือยามหว่า ที่ Times Square วัน countdown อะ คนแรกท่าจะหล่อเนอะ


ซูมใกล้สุดได้เท่านี้อะ

อ้อ เด๋วจะลืม ใครมานี่จะซื้อ New York CityPass ก็ได้นะ
9 วัน $79
The New York Pass อันนี้ไปได้มากกว่า 55 แห่ง ก็สนนราคากันไปตามนี้จ๊ะ
7 days: $190
3 days: $135
2 days: $108
1 days: $75
ราคานี้คือราคาเต็ม แต่ว่าบางช่วงเค้าก็มีลดราคากันให้อะนะ แล้วแต่ว่าเราไปเจอกันช่วงไหนจ้า

ส่วนเส้นทางการเดินทาง Subway จะมีหลายสายมั่กๆ
ตั้งแต่สาย 1-7, A-Z แต่ไม่ครบ 23 ตัวอักษรอังกฤษเด้อ



จบด้วยสัญลักษณ์ Wall Street




 

Create Date : 13 มกราคม 2554    
Last Update : 13 มกราคม 2554 12:27:36 น.
Counter : 730 Pageviews.  

ชิคาโก 1 week

ตั้งแต่ทริปบาหลี เดือนกค. ก็ไม่ได้ไปไหนอีกเลย เพราะต้องมาเรียนที่ USA เดือนสิงหา

Blog นี้ ก็เลยหายหน้าไปเลยเกือบครึ่งปีแหน่ะ

จิงๆ ก็มีไปเที่ยวประปรายมาบ้างเหมือนกันนะ แต่ที่นี่ USA ไม่ใช่เป้าหมายที่อยากเที่ยว เหมือนที่ผ่านมา ทำให้ไม่สนใจเรื่องการหาข้อมูล หรืออะไรก็แล้วแต่ที่กำลังจะเขียนถึง ก็เป็นเพราะว่า จังหวะมันพาไป แต่อารมณ์น่ะ ไม่ใช่เลย เหอๆๆๆ

มีหลายทริปที่ไปมาแล้วระหว่างอยู่เมกา แต่ว่าไม่ค่อยมีข้อมูลให้เขียนถึงอะ ไว้ว่างๆ แจ่มๆ จะเขียนละกันนะ วันนี้ เอาชิคาโก ไปก่อนจ้า (พอดีรื้อโต๊ะ เตรียมกลับบ้าน เลยเจอของเล็ก ของเน้อย)

ทริปนี้เกิดขึ้นได้เพราะว่า ปิดกลางภาคค่ะ ประมาณ 1 อาทิตย์ (มั้ง) เรากะเพื่อนๆ เลยวางแผนจะไปชิคาโกกันอะ ที่พัก 2 วันแรกน่ะ พัก Chinatown hotel คืนละ 75 เหรียญ (มั้ง) ประมาณนั้น พักกัน 3 คนค่ะ

ส่วนอีก 3 คืนหลังพักวัดไทยในชิดคาโกค่ะ อิอิ


ภาพนี้เพิ่งเดินทางมาถึงค่ะ Pennstation Chicago

เราออกเดินทางจาก Cincinati โดยรถบัส Metra ประมาณ 4 ชั่วโมงก่าๆ อะ เลยถึงดึกเลยปาเข้าไป ตี1 แล้วนั่นอะ

มาครั้งนี้ เราซื้อ Chicago card ค่ะ แบบ 3 วัน ราคา 114USD ถ้าคนที่คิดว่าเดินเที่ยวแต่ละแห่งไม่นาน ก็ถือว่าคุ้ม เพราะจะได้ไปหลายที่ แต่ถ้าเป็นคนที่อยู่จ่อมที่ไหนนานๆ บัตรนี้อาจจะไม่คุ้มก็ได้นา ของเราวันแรกได้เที่ยวแค่ที่เดียวเอง เพราะว่า กว่าจะไปซ์้อบัตรก็บ่าย แล้วก็จมอยู่กะ Shadd aquarium ไปตั้งครึ่งวันแหน่ะ อิอิ


แต่ว่าที่เที่ยวแต่ละที่ พี่แกก็คิดค่าเข้าแพงๆ ทั้งนั้นเลยนะ ถ้าเดินเก่งๆ ก็ซื้อตั๋วนี้ไปเหอะ สะดวกดีอะ
อ้อ ช่วงที่ไปเป็นช่วง Thanksgiving เพราะงั้น จะเเหลือหรือ Black Friday สิคะ



แต่ว่า เราไม่ใช่นักช๊อป เพราะงั้น เลยไม่ได้ไปตั้งหน้าตั้งตาซื้ออะ แต่ก็มีแวะไป Chicago Premium Outlet อะนะ ไม่ไปได้งัย ไหนๆ ก็มาถึงแล้ว แต่ไปลำบากเหมือนกันนะ เพราะว่า อยู่นอกตัวเมืองอะ ต้องนั่ง subway-train-bus กว่าจะถึงตั้ง 2 ชม.แหน่ะ

งานนี้ ได้กระเป๋า Coach มาหลายใบเหมือนกันอะ เป็นใบเล็กใบน้อยอะ 5 ใบ หมดไป 347.26USD แหน่ะ แต่ว่าซ์้อไปนี่มีให้ตัวเอง ให้พี่ ให้แม่ และก็ให้เพื่อนด้วยอะ เลยเหลือถึงตัวเอง 2 ใบ
แต่ก็ได้กระเป๋า Guess มาด้วยแหล่ะ ราคาซ์้อเมืองไทยได้แต่ต้องรอช่วง Sale (เอ๊ะ แต่อีนี่ก็ Sale เหมือนกันนี่หว่า ตูกลับไปซ์้อไทยไม่ดีกว่าเหรอ จะได้ไม่ต้องแบก ) ใบนี้หมดไป 53USD อะ Tax บ้า แพงชะมัด ล่อไปตั้ง 4USD แหน่ะ

วกกลับมาเรื่องเดินทางในเมืองกันเตอะ

Subway ที่นี่มีทั้งหมด 8 สีอะ
Blue line: O'Hare Airport and Forest Park
Brown line: Kimball and Downtown, Belmont
Green line: Harlem/ Lake and Cottage Grove or Ashland/63rd
Orange line: Midway Airport and Downtown
Pink line: 54th/Cermak and Downtown
Purple line shuttle: Linden and Howard
Purple line Express: Linden and Downtown
Red line: Howard and 95th/Dan Ryan
Yellow line: Howard and Skokie

CTA Rail System หรือไอ้เจ้า Subway นี่อะ เค้ามีตั๋วแบบ
1 day pass:5.75usd
3 day pass: 14usd
7 day pass:28usd
บัตรใบนี้สามารถขึ้นได้ทั้ง subway and bus นะจ๊ะ

ใครใคร่ไปไหนก็ไปกันตามสะดวกจ้า เราใช้บริการสายแดงกะเหลืองประจำ
ที่เที่ยวใน Downtown มีเยอะมาก เรายังไปไม่ครบเลย นี่ถ้ามากะน้องชายกะพี่สาวนะ เที่ยวแหลก กินแหลก แล้วเนี่ย

มีที่ได้แวะไปนะ
Buckingham Fountain (เหลือแต่ซาก มันซ่อม)
Field museum
Center for the Arts
John Hancock observatory
Chicago public library
Museum of Contemporary Art
Nature Museum and Zoo
Navy Pier
North Michigan Avenue : shopping
Old water tower
Willis (Sears) Tower skyleck
Shadd Aquarium
State street shopping
China town
Millennium park พลาดไม่ได้ค่ะ high light มั่กๆ :)
ที่น่าเสียดายคือ Sightseeing boats อดอะ เพราะว่าไปช่วงหน้าหนาว อากาศไม่อำนวย เรือไม่แล่นค่ะ อดเลย
ส่วน Soldier field ไม่ได้เข้าอะ เอียน Museum แล้ว แต่เห็นเพื่อนบอกว่า ดีนะ


ไอ้นี่ ที่เค้าว่ากันว่าเหมือน Kidney อะ แหม ก็จินตนาการไปได้นะ

ชอบคน design อะ เค้าทำให้เราเห็นว่าตรงที่เรายืนอยู่อะ ข้างหน้ามีตึกชื่อไรมั่ง เจ่งเนอะ


แมวตัวนี้ ดูแล้วน่ารักนะ แต่หลังจากนี้น่ากัวเชียว เค้าโยนหนูมา มันเล่นคาบมากินให้ดูเลยอะ


ยามเย็นหลังจากทั้งเหนื่อย ทั้งหลง เฮ้อ


ต่างประเทศนีี่เค้า Window shopping จิงๆ เลย ไม่ต้องซื้อ แค่มองจากข้างนอกก็อิ่มแล้วอะ

อ้อ จบด้วยที่นี่เค้ามีฉายาว่า Windy city เพราะว่ามันได้รับลมมาจาก Lake Michigan นั่นเอง เย็นบวกหนาว คิดดูจิ
อ้อ ตบท้ายด้วย มาถึงนี่แล้ว อย่าลืมหากิน Deep pizza เป็นสัญลักษณ์ของบ้านเค้า จิงๆ ก็ไม่มีไรหรอก แค่ทำแป้งให้หนาเหมือนชามแค่นั้นแหล่ะ กินไปเลี่ยนมาก ขนาดเป็นคนชอบกินพิซซ่ามากนะ ยังไม่ไหว แต่ก็กินหมด 555




 

Create Date : 13 มกราคม 2554    
Last Update : 13 มกราคม 2554 9:42:32 น.
Counter : 995 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  

chocomania
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ได้เกิดเป็นคนทั้งที ใช้ชีวิตให้เต็มที่หน่อยดีมั๊ย

แต่ถ้ากระเป๋าตุง ก็คงทำได้อย่างใจอยากแล้วอะนะ
Friends' blogs
[Add chocomania's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.