Japan Adventure: Hakone-Harajuku-Osaka-Kyoto-Takayama
Japan Adventure: Chill Chill in Tokyo
Japan Adventure: มรดกโลกที่ Nikko
วันนี้เราตั้งใจจะไป Nikko กัน และเห็นเค้าว่า มันต้องอยู่ทั้งวัน เลยตัดสินใจตัดตลาดปลาทิ้ง ไม่ไปดีกว่า ไปก็แค่ไปดูเค้าประมูลปลากะไปกินข้าวหน้าปลา ไม่เอาดีกว่า....หน้า Autumn เยี่ยงนี้ เหมาะอย่างมากที่เราจะไปดูใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่กันจ๊ะงานนี้ Hilight คือ ต้องมาดู Toshogu Shrine: Yomeimonาส่วนที่อื่นๆ เราก็เฉยๆ นะ มี Rinnoji Temple: Sanbutsudo, Taiyuin Temple: Nitenmonพวกนี้เวลาจะเข้าต้องซื้อตั๋วเข้านะ เอาแบบถูกสุดก็ 1000 yen (400 บาท) ก็เข้าไปชมทุกที่ตามที่เค้าแนะนำอะนะ เดินไปเรื่อยๆ ก็ได้ แต่อาจจะเหนื่อยนิดนึง ยังไงซ์้อตั๋วรถ 1 วันเลยก็ได้ 500 yen จ้า หาซื้อได้ตรงสถานีรถไฟ Tobu station จ้าวันนี้ได้ยินหลายคนบอกว่าต้องมาดูสะพานแดงเพราะมันสวย เราก็ดูในรูปภาพก็จินตนาการว่า มันคงอยู่กลางป่าเนอะ แต่เอาเข้าจริงอยู่กลางเมืองน่ะเอง เวง!! อารมณ์ดับเลยดูจิ มันเหมือนจะอยู่กลางป่าเนอะ แต่ดันอยู่กลางเมืองสะเนี่ยจริงๆ ถ้านอนที่นี่สัก 1 คืน ก็คงจะได้นั่งกระเช้าขึ้นไปถึงข้างบนอะนะ แต่เวลาเรามีจำกัดอะจ๊ะบรรยากาศร้านในเมือง อ้อ อย่าลืมนะ ที่นี่น่ะ ต้องมากินซาลาเปาทอดให้ได้นะ เค้ามีชื่อ เราลองกินแล้วก็ชอบนะ ซาลาเปาทอดบ้านเค้าแปลกดีอะ ตรงแป้งที่ทอดมันกรอบๆ แบบหน้าตาก็ไม่เหมือนซาลาเปาทอดอะ ชอบนะ ใครไป ลองดูนะ ที่นี่มีจุดถ่ายรูปเยอะมากอะ หมายถึงจุดแวะจุดแรกอะ เพราะงั้นเตรียมใจเหอะมานี่ไงก็ต้อง 1 วันเต็มจ้า ดูจิๆ ใบไม้ค่อยๆ เปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ แล้ว การเดินทางมาที่นี่นะ ขอบอกไว้เลยระวังนิดนึงนะ เดี๋ยวจะเหมือนกับเรา เนื่องจากเรามี JR Pass เพราะงั้น เราสามารถนั่ง Tohoku shinkansen ได้ฟรีๆ มาลงที่สถานี JR Nikko Station แต่เนื่องจากว่า วันที่เราเปลี่ยนสายรถไฟจะมานั่ง Shinkansen เราเห็นว่ามีรถไฟอีกสายนึงจะไป Nikko เหมือนกัน แล้วรางมันดันอยู่แถว JR lines เราก็เลยเข้าใจว่ามันคงเป็นตระกูลเดียวกับพวก JR คือนั่งฟรีเหมือนกัน ปรากฎว่าสายที่เรานั่งมันเป็นของบริษัทเอกชน Tobu railways ซึ่งต้องจ่ายค่าตั๋วประมาณ 1900 yen ยังไง ใครที่จะไปแล้วไม่มี JR Pass แนะนำให้ลองเข้ไปเว็บของ Tobu ดูนะ เค้ามี Pass สำหรับเที่ยว Nikko รวมค่ารถไฟไปกลับด้วย ท่าจะน่าสนใจนะ ส่วนเราขากลับก็เดินไปขึ้น JR line ที่ JR Nikko station ห่างจาก Tobu Nikko station ไม่ไกลเลย เดินไปประมาณไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงแล้วแหล่ะNikko นี่จริงๆ เป็น National park เพราะงั้นใครที่ชอบเที่ยวป่าเขา ไงก็ลองมาพักที่นี่ก็ได้นะ บรรยากาศดี แล้วอากาศก็เย็นดีด้วยนะเมืองเค้าน่ารักอะ เดินเล่น ไปได้เรื่อยๆ อ้อ อาหารวันนี้ มื้อเช้า เราแวะซื้อมาจากเมื่อคืนแล้ว เป็นข้าวหน้าหมูทอด หยอดตู้ซื้อเหมือนเดิม กว่าจะดูรู้เรื่องว่าชั้นสั่งเมนูอะไรไป เมื่อยมือน่าดูเลย มื้อเย็น จำไม่ได้แหะ ว่าไปกินอะไรที่ไหนพรุ่งนี้ชิลๆ พักขาเดินเล่นโตเกียว 1 วันก่อนดีกว่า
Japan Adventure: Day 1
กลับมาแล้ว ทริปญี่ปุ่น สดๆ ร้อนๆ สนุกสนานมากมาย ใครว่าไปญีปุ่นยาก ไปมาแล้วรู้เลยว่า ไม่ยากอย่างที่เคยได้ยินเลย ทริปนี้ ได้ตั๋วราคาถูกจาก หางแดง แอร์เอเชีย แค่ 7,006 บาท (ไม่รวมค่าโหลดกระเป๋านะ)ตอนแรกตั้งใจว่าจะ explore แถบคันไซ ทั้ง 7 วันเต็ม เลยจองตั๋วลงที่ Kansai Airport แต่ไปๆ มาๆ เพื่อน ดันอยากไปโตเกียวด้วย เลยต้องเปลี่ยนแผนนั่งยาวไปโตเกียวด้วย ทำให้งานนี้ต้องจ่ายค่า JR Pass แบบเที่ยวทั่วภูมิภาค ราคา 7 วัน ได้มาใบละ 10,700 บาท สรุป ยังไม่ได้ออกเดินทางก็เสียค่าใช้จ่ายไปแล้ว 17,706 บาท แต่ราคานี้ถือว่าถูกนะ เพราะปกติค่าเครื่องบินไปญี่ปุ่นอย่างเดียว ก็ราคาแพงกว่านี้แล้วนะ อันนี้ได้ JR Pass แบบไปทั่วเกาะ 7 วันเลย ถือว่า เริ่ด ใช้ได้นะ คริคริเรามาถึง ญี่ปุ่น วันแรก เป็น วันฮาโลวีนพอดี ถึง Kansai Airport ก็เบิ่งไปโตเกียวทันที เพราะคืนแรกเราจะพักที่นี่นั่นเอง ที่พัก 4 คืนแรกนี้เราเลือกพักที่ Weekly Mansion Asakusa เพราะเห็นว่าเจ้านี้ เค้ามีหลายสาขา แล้วก็ที่พักราคาไม่เลวสำหรับการพักที่โตเกียว เมืองที่ค่าครองชีพสูงที่สุดในโลกอันดับที่ 2 รองจากซูริค สวิตเซอร์แลนด์ค่าห้องพัก Weekly Mansion Asakusa เราพักแบบห้องนอนกัน 3 คน เฉลี่ยตกคนละ 1,170 บาทต่อคนต่อคืน (ราคามันผันไปตามวันหยุด ถ้าติดวันหยุดเสาร์อาทิตย์ค่าห้องพักจะแพงขึ้นมาหน่อย งานนี้เราจองห้องพักแต่เนิ่นๆ เลยได้ราคาลดลงมานิดหน่อยห้องนี้ 3 เตียง มีอีกเตียง อยู่ปลายเตียงสภาพห้องก็ไม่แย่นะ เค้ามีแบ่งเป็นสัดส่วนใช้ได้เลย เปิดประตูเข้ามาซ้ายมือก็เป็นห้องทำอาหารเล็กๆ มีอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน กระจกผนัง เผื่อจะแปรงฟันที่นี่ก็ได้ แล้วก็ไดร์เป่าผมทางขวามือก็เป็นห้องน้ำเล็กๆตรงกลางห้องเป็นห้องโถง มีโต๊ะกินข้าว ทีวี ตู้เก็บของมีหม้อ ชาม ไว้ทำกับข้าวได้ แถมยังมีไมโครเวฟกะตุ้เย็นในห้องให้ด้วยนะ ส่วนห้องนอนก็จะแยกไปอีกห้อง มีประตูเลื่อนกั้นไว้ ที่นี่เค้าให้มาพร้อมกับชุดยูคาตะแหล่ะ ใส่สบายดี ติดใจเลย อิอิ วันแรกก็ได้นั่ง Shinkansen เลย อิอิ แต่ขอบอกว่า ยังไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่ วันแรก เพราะเราเห็นมันจอดอยู่เฉยๆ ไง ตอนนั่งก็ยังไม่สัมผัสได้ว่ามันเร็วมากแค่ไหน แต่พอวันหลัง ระหว่างรอรถไฟ แล้วมันวิ่งผ่านนะ อืมหืมมม มันช่าง amazing มากมาย เร็วมากกกกกกกก คุ้มสุดๆ แล้ว ได้นั่งรถไฟหัวจรวด มันเร็วเว่อร์ๆ เจงๆ ทีพักคืนแรกเราใกล้วัด Asakusa แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้ไปแหะ เพราะเค้าปิด 5 โมงเย็น กว่าอิชั้นจะเสด็จไปถึงก็เย็นจะ 6 โมงแล้วมั้งนั้น จะว่าไปแล้วที่พักก็ใกล้ไปหน่อยนะ เพราะลงจาก Ryukogu station แล้วก็ต้องเดินฝ่าลมหนาวไปเกือบ 20 นาทีแหน่ะ (เชื่อเหอะ เอาเข้าจริง 20 นาที เดินท่ามกลางอากาศเย็นนี่ไม่สนุกหรอก)กว่าจะมาถึงที่พักได้ เราก็ต้องนั่ง Ltd. Exp. Haruka จาก Kansai Airport มาลง Kyoto station หลังจากนั้นค่อยต่อรถไฟชินคันเซ็น Hikari ไป โตเกียว จากโตเกียวก็ค่อยนั่ง JR Yamanote line ไปลง Akihabara แล้วค่อยต่อ JR Chuo/Sobu line ลงสถานี Ryogoku เชื่อเหอะ พอไปถึง ไอ้พวกที่ต้องนั่งต่อรถไปมา มันก็จะค่อยๆ ชิ้นไปเอง (มั้ง)สุดท้าย วันนี้หลังจากการเดินทางมาทั้งวัน เราเลยแวะไปตึก Yodobashi-Akibaตึกนี้ให้ลงสถานี Akihabara มาเลย ขึ้นมาถึงก็เจอตึกเลย ที่นี่จะมีขายของจิปาถะตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึง เครื่องสำอางค์เราก็ได้ makeup base สีเขียว มา 1 ชิ้น ยี่ห้อ Kiss me มั้ง จำไม่ได้อะ ผลิตภัณฑ์บ้านเค้า Boots บ้านเราก็เริ่มเอามาลงขายแล้วแหล่ะ ราคาถูกกว่าหลักร้อย แต่ก็ซื้อๆมาหน่อย ไหนๆ มาแล้ว อีกชิ้นที่ได้คือ ถุงน่องลดน่อง ตลกดี ไม่เคยเห็น เลยเอามาลองหน่อยจิ คู่ละ 280 บาท คิดว่าคนไทยคงรุ้จักยี่ห้อนี้อะ มันมีรูปหมูอยู่หน้าซองด้วยแหล่ะก่อนออกจากตึกเราก็แวะซื้อพวกกันดั้มให้น้อชายสะหน่อย เห็นว่าราคาไม่แพงเลย พอดีเลือกแบบถูกๆให้ด้วย ตัวนี้ ขามันจะเป็นล้อไว้เดิน ตัวนี้ราคา 300 บาทเอง ต่อด้วยหยอดเหรียญเล่นของเล๋นเอาพวกพวงกุญแจมาขำๆ เล่น หยอดหมุนตุ้ละ 200 yen ประมาณ 80 บาท เทียบกะบ้านเรา หน้าร้าน ToyRus ต้องหยอด 99 บาท ก็ถูกกว่านิดหน่อยอะนะ แต่ของเค้าไม่หลากหลายเลยอะ ตอนไปเล่นที่ Hongkong ยังเจอของน่าได้เยอะกว่านี้อีกอะวันแรกจบแค่นี้ก่อน เพราะพรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้าไป Nikko กัน อ้อ ค่าอาหารวันนี้ ไม่เท่าไหร่ กลางวันกิน เบนโตะ จากสถานีเกียวโต เพราะไม่มีเวลา กล่องละ 650 yen ก็ไม่เลวนะ กินครั้งแรก ก็สนุกสนานกันไป ส่วนตอนเย็นก็กินราเมงร้านหน้าที่พัก 750 yenหน้าตาน่าทานเนอะ น้ำซุปก็อร่อยด้วยแหล่ะ เสียอย่างเวลาสั่งอาหารต้องกดจากตู้สั่งอาหารแล้วมันไม่มีภาษาอังกฤษ เลยวุ่นวายเล็กน้อยในช่วงวันแรกๆ และวันต่อๆ ไปอิชั้นก็ยังไม่ชิน 55555
Explore Japan กันเต๊อะ
ใกล้จะได้ไปญี่ปุ่นแล้ว เย้ๆเป็นอีกหนึ่งประเทศที่อยากไปมากๆงานนี้มีสมาชิกร่วมเดินทางตั้ง 12 คนแหน่ะ น่าจะวุ่นวายดีแท้ แพลนที่ไปก็ยังไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ ไม่รู้เอาเข้าจริงจะเป็นไปตามแพลนที่ตั้งไว้มั๊ยน้อไม่รู้เพื่อนๆ ใครพอจะแนะได้บ้างมั๊ยน้อ รู้สึกช่วงที่ไปไม่รู้จะเป็นจังหวะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีหรือป่าวก็ไม่รู้ ไมในเว็ปเค้ามีแต่เขียนว่าจะได้เห็นช่วงกลางตุลา แล้วกลางพย. แต่ต้นพย. หายไปไหนอะ เค้าจะไปเที่ยวต้นเดือนพย. เป๊ะเลยอะ งานนี้ต้องไปขึ้นแอร์เอเชียที่ดอนเมืองแหะ ไม่ได้ไปนาน ไม่รู้จะงงๆ ป่าวนะวันแรกเนี่ยจะถึงโอซาก้าตอนเช้าแล้วจะนั่ง JR ไปโตเกียวเลย ถึงโตเกียวก็คงบ่ายๆ ไม่น่าจะได้เที่ยวไรมากแหะ โชคดีที่พักอยู่แถววัดอาซากุสะ คงได้เดินสำรวจแถวนั้นวันแรกนิ กะนั่งรถไฟเช็คเส้นทางก่อนวันที่สอง คาดว่าจะไปตลาดปลาtsukiji เสร็จแล้วก็ไป Nikko ต่อเลยอะวันที่สาม ไป Hagone & Fujiวันที่สี่ สำรวจ Tokyo ไปเดินเล่นแถว UENO / ดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่ Okutama / chill chill at Shinjuku,shibuya,harajukuวันที่ห้า วันอาทิตย์เลยขอเดินเล่นที่ชิบุย่าอีกรอบก่อนนั่งรถกลับไปโอซาก้า ถึงโอซาก้าก็พักแถว Shinsaibashi โชคดีเลยใกล้แหล่งท่องเที่ยว เดินเล่นแถวนี้แหล่ะ ต่อท้ายด้วยไป spa world แล้วถ้ามีจังหวะดีๆ วันนี้ว่าจะไปดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ Minami แหะวันที่หก สำรวจเกียวโตเลยหะวันที่เจ็ด นารา ค้าบ นารา แต่เพื่อนบางคนอยากไป โทโคยาม่า อะ แต่มันเดินทางไปกลับก็ 8 ชม. แล้วอะจิ ขอยกยอดไปครั้งหน้าเหอะนะอืม แพลนทริปเราเป็นยังไงบ้างนะ ดูแล้วเป็นไปได้มั๊ยน้อ