bali trip 2010
ไปบาหลีมาค่ะ เมื่อต้นเดือนกค. ทริปนี้เป็นทริปแบบไม่ได้ตั้งใจเลยไม่ได้เตรียมข้อมูลอะไรไปเลยค่ะ อาศัยตามๆ เค้าไป อืม ดีเหมือนกันแหะ นานๆ จะได้พักผ่อนจริงๆ สักครั้งช่วงนี้งานเข้าแหะ คงได้แค่ post รูปแทน (ช่วงหลังแอบทำบ่อยแหะ ไม่ค่อยได้ up รายละเอียดเท่าไหร่แหะ)ที่นี่นิยมมีรูปปั้นมากมายเลยอะวันที่ไปถึงตอนเย็น มีฝนตกพรำๆ ค่ะ แต่ไม่ซีเรียสเท่าไหร่ เพราะว่าตกปรอยๆ พอให้อากาศเย็นๆ ดีสังเกตเห็นเลยว่าผู้หญิงที่นี่นิยมหาบของไว้บนหัวอะ แต่ผู้ชายไม่เห็นเลยอะเมืองที่เราไปคือ อุบุด เป็นเมืองที่เงียบๆ นะ บ้านเรือนส่วนใหญ่ก็ชั้นเดียว มองๆ แล้วทำให้คิดถึง ฮอยอัน ที่เวียตนามอะระหว่างทางเดินเล่นในอุบุด เจอร้านขายของสไตล์นี้สะส่วนใหญ่นะอิอิ เห็นตุ๊กตา ตรง information desk ของที่พักเราน่ารักดี เลยขอถ่ายหน่อยจ๊ะระหว่างทางไปตลาดสุขาวดีจ๊ะ แหม ถ้าไม่ติดว่ามันเกะกะเกินไปอยากซื้อกลับเหมือนกันแหะอานนี้ เราแวะสวนกาแฟแหล่ะ เค้าพาไปชิมกาแฟบาหลีมีกาแฟขี้ชะมดที่แพงที่สุดในโลกด้วยแหล่ะ แต่ไม่เห็นอร่อยเลยอะ เค้าทำเป็น esspresso มาให้กิน บังเอิญว่า กาแฟ ไม่ถูกปากอยู่แล้น เลยไม่ผ่านค่ะ แถมยังแพงอีกตะหาก ถุงเล็กนิดเดียวตั้ง พันกว่าบาทแหน่ะ ส่วนโกโก้นะ ซื้อมากิน แต่ยังไม่ได้ชงเลย แต่ชิมที่ร้านแล้วอร่อยค่ะ ผ่าน ชอกโกแลต ดิ ซื้อมา 2 แท่ง รู้สึกว่าพี่เราจะไม่ชอบแหะ เห็นกินคำนึง แล้วทิ้งไว้นานเลย 55วัดนี้ อยู่ระหว่างทางค่ะ พอดีว่าคนขับรถพาไป งานนี้ขออภัยนะที่ไม่ได้บอกชื่อสถานที่ เพราะว่า ไม่ได้จัดทริปเอง เลยไม่ได้จำเลยอะ น่าโมโหมาก เราอุตส่าห์แต่งชุดพร้อมแล้วนะ ขาดแต่สายรัดเอว เค้าเก็บตั้ง 40 บาทแหน่ะ อิอิ แอบงก เสียดายตังค์อะ แต่ที่นี่ก็สวยดีนะเสานี่ไรไม่รู้อะ เห็นเค้าตกแต่งหน้าบ้านกันส่วนใหญ่ ตรงช่วงทางไปทานาลอค อะถึงแล้วที่นี่ สำหรับดูพระอาทิตย์ตกดินอะ ค่อนข้างไกลจากอุบุดสักหน่อย ใช้เวลาเดินทางจากอุบุดตรงมาที่นี่ก็ประมาณ ชั่วโมงครึ่งอะทะเลที่ทานาลอค ไม่เห็นสวยเลยอะ พูดจิงนะ เทียบกะบ้านเราไม่ได้เลยแอบเห็นคู่แต่งงานเค้ามาถ่าย wedding กันที่นี่ เลยขอชักสักรูปมั่ง ดูคนจิ ล้านแปด มาดูพระอาทิตย์ตก แต่ขอโทษ วันที่มาเนี่ย เมฆตรึม แดดไม่ส่องอีกตะหาก ไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์เอาสะเลย แต่ยังดีที่ฝนไม่ตกละว้าเห็นฟ้าสวยดี เลยขอสักรูปจ้าวัดที่เราต้องเสียค่าสายรัดเอวน่ะ อีกมุมนึงหัวจุกขวด สวยดี เลยขอสักรูปจ้าเวลาจะเข้าวัด เค้าให้ใส่สโหร่งอะ แล้วก็ต้องมีผ้าคาดเอวด้วย ใครจะไปแล้วไม่อยากซ์้อ ก็แนะนำให้เตรียมมาจากไทยได้เลยนะ หาได้ไม่ยากหรอก ส่วนของเราตัวสะโหร่ง น่ะซื้อที่ตลาดสุขาวดี ผืนนี้ได้มา 80 บาท ถูกมากมาย ประตูเข้าวัดบ้านเค้าเป็นแบบนี้ค่ะ โผล่ตรงกลางงี้อะ เห็นกันได้ทั่วเมืองเลย เค้านับถือศาสนาฮินดูกัน ดูแล้วศรัทธาในศาสนามากกว่าชาวพุทธบ้านเราแหะ เห็นมีไหว้ขอพรกันทั้งวันเลยวกกลับมาที่อุบุดก่อน จะมีพระราชวัง เราเข้าไปได้แค่เนี้ย เห็นศาลาเค้าสวยดี เลยชักมาอีกหนึ่งภาพทั้งทริปจะกรี๊ด ก็ที่นี่แหล่ะ โห สุดยอดขอบอก นั่งทานข้าวหน้าภูเขาไฟ แบบ front seat เลย ไม่มีกระจกกั้น ธรรมชาติสุดๆ ดูกันแบบเต็มๆขอถ่ายภาพห้องน้ำหน่อยอะ ที่ทานข้าวเช้าหน้าห้องพักอะ ที่นี่เป็นคืนที่สอง คืนแรก เราพักอีกที่หนึ่ง ดีนะเนี่ยที่เปลี่ยนห้องพัก ห้องนี้ดีกว่าเยอะเลย ทั้งที่ราคาเท่ากัน ที่สำคัญมันอยู่ติดกันเลยนี่จิ รู้งี้ เมื่อวานน่าจะเดินดูห้องพัก ที่อื่ีนด้วยก็ดีหรอกประตุห้องนอน โอ๊ย หยั่งกะนอนวัดอาหารเช้าค่ะ fruit salad อ้อ ยังมีหนมปังปิ้งด้วยนะ แล้วก็กาแฟ แค่เนี้ยเแหล่ะ ห้องพักเริ่ด แต่ BF ไม่ผ่านค่ะ ส่วนห้องพักเมื่อคืน ไม่ผ่าน แต่ BF ดันผ่าน เฮ้อระหว่างนั่งทานข้าวเช้า เหลือบไปเห็นว่าการตกแต่งหลังคาเค้าอะ อืม เหมือนอยุ่วัดจิงๆ นะเนี่ยอะวกกลับมาที่เที่ยวอีกแห่ง รับรองทุกคนต้องได้มานี่แน่ ถ้ามาอุบุดอะ เพราะมันใกล้ทีเดียวเชียวแหล่ะนาขั้นบันไดค่ะ บ้านเราก็มี แต่มาดูของต่างบ้านต่างเมือง ก็ได้ฟิวส์ไปอีกแบบเนอะ ตอนแรกก้ตื่นตาตื่นใจชะมัด พอคนขับรถตู้บอกว่า thailand ก็มีใช่ปะ ตรูเลยเพิ่งนึกได้ เออว่ะ จะตื่นเต้นไปไมวะ อยากซ์้อกลับบ้านมาก แต่ขี้เกียจแบก เลยปล่อยไว้ที่ตลาดแหล่ะ พิธีเค้าอะ ขอพรอะไรสักอย่างนี่แหล่ะผู้หญิงแต่งตัวเช่นนี้แล แต่ถ้าไปวัด ก็จะใส่ผ้าลูกไม้ sexy โคตรอะนี่ ผู้ชายเค้าแต่งกัน พอดีมีงานประจำปี เค้าก็เลยแต่งกันเต็มยศ เดินขบวนกัน ที่นี่ก็แปลกดี ไปวัดกันตอนดึก โชคดีที่ได้ไปช่วงเทศกาลประจำปี ทำให้ได้ดูการแสดงเยอะแยะหน่ะ แต่เวทีนี้ ไม่มันส์เลย เพราะว่าเค้าพูดภาษาอินโด ที่สำคัญรูปปั้นน่ากัวมากตบท้ายด้วยรูปหญิงที่ไปวัดตอนกลางคืนค่ะ ข้างบนเค้าจะใส่ของพวกของไหว้ต่างๆ เช่น ผลไม้ บางคนสูงมาก ตกใจเลย เดินได้เก่งมากสมดุลดีจริงๆ ส่วนเสื้อผ้าก็ช่าง บางเบาดีแท้ นี่ไปวัดนะคะเนี่ยไปดีก่า หลังทริปนี้คงหายไปยาวเลยแหะ
6 วัน เที่ยวลาว ตะลอนรถบัส กลับเครื่องบิน-วันที่ 4
วันนี้ แต่น แต้น ตื่นไม่ทันมาใส่บาตรข้าวเหนียวอีกแล้วค่ะครั้งก่อนก็มาทันได้เห็นชายผ้าเหลือง ท่านเดินไปไวๆครั้งนี้ ตั้งใจว่าจะตื่นสักตี 5 ป้าเจ้าของที่พักบอกว่า 6 โมงเช้าก็ทันบังเอิญว่าเป็นคนชอบตื่นคนหลังสุดค่ะ เลย ไม่ทัน อีกแล้วคร้าบท่าน มาหลวงพระบางรอบสอง ก็ไม่ทันได้ใส่บาตรพระ นี่ตรูต้องมาอีกรอบปะเนี่ย อาหารเช้าค่ะ จริงๆ มีร้านดังประชานิยม (ใช่ปะ ลืมแหล่ะ) แต่คนเยอะ เลยไม่ได้ไปนั่งที่ร้านนั้นค่ะ เค้าจะอยู่แถวริมน้ำโขงนะ หัวมุม คนแยะๆ เลยตอนเช้า ขายกาแฟ ปาท่องโก๋ นี่แหล่ะส่วนเรา ไม่ชอบความวุ่นวาย หรืออีกนัยหนึ่ง เก้าอี้มันเต็มอะ เลยต้องหาร้านอื่นค่ะระหว่างทางหาร้านกาแฟอีกร้านค่ะ เลยขอถ่ายตู้ไปรษณีย์บ้านเค้าหน่อยเช้านี้ เราปั่นจักรยานรอบเมืองหลวงพระบางค่ะ แต่ไม่ได้แวะทุกวัดนะคะ เลยเสร็จในรอบเช้าค่ะ ดีนะ รอบก่อนได้เข้าครบทุกวัด รอบนี้ เลยมาแบบ ชิลล์ๆ ค่ะ ปั่นไปเรื่อยๆ (เพื่อนปั่นนะ เราขอซ้อนท้าย)บรรยากาศเมืองเค้าก็เรียบๆ ดีค่ะ ชอบนะ แต่แดดแรงไปนิด ไม่เข้าใจแดดขนาดนี้ ทำไมคนลาวที่เห็นนี่ผิวขาวกันจัง ผู้หญิงเค้าก็หน้าตาสวยนะ คนลาวแต่ละคน ก็จมูกโด่งทั้งนั้น มาครั้งนี้ ยอมรับค่ะว่าเห็นหญิงลาว หน้าตาดีหลายคนเลย อิจฉาคนสวย อยากสวยอย่างเค้ามั่ง อิอิ ให้ทายอะ ว่าที่นี่ที่ไหนเอ่ย (หลายคนน่าจะเดาถูกเนอะ)อะดูกันอีกที แบบชัดๆน้ำตกตาดกวางสี งัยจ๊ะ น้ำที่นี่สวยใสเขียวเหมือนน้ำในสระ คล้ายสระมรกตที่กระบี่ ค่ะแต่ลักษณะน้ำตกนี่จะคล้าย น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ที่กาญจนบุรี นะพูดแล้ว ไปเที่ยวห้วยแม่ขมิ้น ก็สนุกดีนะ เพื่อนๆ ลองไปจิน้ำตกก็ใกล้ที่พัก เวลานอนก็จะได้ยินเสียงน้ำตกตลอด ฟังแล้วเย็นดีนะที่น้ำตกนะ น้ำเย็นมากเลย มีจุดให้คนโดดน้ำเล่นด้วย แต่ว่ายน้ำไม่เป็นอะ เลยได้แต่มองด้วยความอยากเชื่อมั๊ยว่าน้ำเย็นขนาดไหน มันเย็นจนฟันเรากระทบกันตลอดเลยอะ ตอนหลังเลยไม่ไหวแล้ว ต้องรีบขึ้นจากน้ำ ที่นี่เค้ามีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ด้วยนะคะ อยู่แถวน้ำตกแหล่ะ เป็นไม้สี่เหลี่ยมกั้น 4 ด้าน จ๊ะ ไม่มีหลังคานะ เวลาเปลี่ยนรู้สึกวาบๆ ไงไม่รู้ 55ออกจากน้ำตก เราต้องรีบนั่งรถบัสยาวไปห้วยน้ำทรายค่ะ เพราะจุดหมายเราเช้าพรุ่งนี้คือ เชียงของค่ะเส้นทางไปเชียงของจากหลวงพระบาง ไปได้ทั้งทางรถบัสกะเรือค่ะเรือจะมีให้เลือก 2 แบบ เรือช้า กะเรือเร็วเรือช้า 2 วันถึง แวะพักกลางทาง 1 คืน (น่าสนเหมือนกัน ไม่เคยลอง)เรือเร็ว 6 ชม. ถึง แต่ไม่มีหลังคา คิดภาพว่าเอาหน้าไปยื่นให้ลมตี แล้ว บรึ๊ยๆๆๆๆๆๆๆ หน้าคงได้ชากันยาวเนอะ เรือนี่จะไปตอนเช้าค่ะ 8 โมงแต่ถ้ารถบัส ออกกลางคืน ทุ่มนึง ใช้เวลา 13 ชั่วโมงถึงห้วยน้ำทราย ที่ตัดสินใจเลือกเส้นนี้ เพราะว่า จิงๆ ทางเรือก็น่าสนเพราะแค่ 6 ชม. แต่ว่า ไอ้ที่มันไม่มีหลังคานี่จิ ตรูต้องนั่งตากลม ตากแดดไปถึง 6 ชม. เลยเหรอ แล้วจะนอนไงหล่ะ ต้องนั่งท่าเดิมไปตลอดทาง เลยตัดสินใจ ไปนอนบนรถตอนกลางคืนดีก่าปรากฏว่า รถบัส เย็นมากกกกกกกกกกกกปกติเราเป็นคนง่ายๆ สบายๆ ลำบากก็พอทนได้ แต่ว่าอันนี้ไม่ไหวอะ ครั้งก่อนกลับจากหลวงพระบางเราก็ไปรถบัสค่ะ แต่นั่งไปเวียงจันทร์ ตอนกลางคืนเหมือนกัน เป็นรถบัส VIP ปรากฎว่า ไปช้าไม่มีที่นั่งค่ะ โดนคนลาวแย่งที่เรียบร้อยค่ะ ทั้งที่ ตั๋วเรามีเลขที่นั่งนะ ไม่ได้ค่ะ วีนนนนนน กรี๊ด กันไปข้าง กว่าจะได้ที่นั่งของเรามาได้ แล้วไอ้รถ VIP นี่ มันก็แอร์ไม่เย็นค่ะ โชคดีที่รถมีหน้าต่าง เลยเปิดได้ ค่อยรอดไปได้หน่อยมาครั้งนี้ มีบทเรียนค่ะ เลยบอกคนที่เราซื้อตั๋วว่า รถที่จะนั่งต้องไม่มีหน้าต่างนะ (จะได้มั่นใจว่า มันต้องเปิดแอร์แน่ๆ) เค้าก็บอกว่า เป็นรถแอร์ หน้าต่างไม่มี (แม่น ดีมาก ถูกใจค่ะ) หลังจากนั้น ถึงรู้ว่า ความซวยเข้ามาเยือน เมื่อไอ้รถเนี่ย มันเล่นทำยังกะแอร์เสีย คิดดูสิว่า คนเต็มรถ แอร์ก็ไม่มี หน้าต่างก็ไม่มี เราพยายามทำใจเย็นๆ ข่มตาให้หลับ จะได้ไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่มันทำไม่ได้อะดิ มันร้อนมากเลย จนคิดว่า สงสัยจะอยุ่ไม่รอดไปถึงเช้าแน่ (คิดดู เที่ยวลำบากมาก็เแยะนะ ไม่เคยคิดว่า ตรูจะอยู๋ไหนไม่รอดเท่าครั้งนี้เลย)โชคดีเป็นของเราค่ะ หลังเที่ยงคืนไป อากาศข้างนอกเริ่มเย็นค่ะ และหลังจากได้แวะสูดอากาศข้างนอกที่เย็นกว่าบนรถมากมาย ทำให้ได้นอนตอนเกือบตี 2 โดยประมาณ แล้วเช้าที่ 5 ก็มาถึงจ๊ะ ห้วยทราย นั่งรถไปอีกนิดก็จะเป็นท่าเรือข้ามไปเชียงของแล้วจ้า ดีใจมากมาย คิดถึงเมืองไทยอะปล. ขณะที่เขียนนี่ บ้านเมืองเราย่ำแย่มากเลย สนับสนุนให้คนไทยใช้สติ มีสามัคคีอย่างสร้างสรรค์และรักกันค่ะ
6 วัน เที่ยวลาว ตะลอนรถบัส กลับเครื่องบิน-วันที่ 3
กลับมาแย้ว หายไปนาน งานเข้าเรื่อยเลยวันที่ 3 เช้านี้ เราตื่นแต่เช้าเตรียมนั่งรถตู้ไปหลวงพระบางค่ะ กว่าจะต่อค่ารถได้ คนขายตั๋วเล่นตัว อยู่นั่นแหล่ะ ราคาค่าโดยสารจากวังเวียงไปที่ต่างๆ ค่ะ ขอถ่ายมาจากที่พัก แต่ว่าถึงที่นู่น สามารถต่อรองได้หมดค่ะ แต่ก็ไม่ได้ต่างกันมากมายหรอกค่ะ เช้านี้้ คนขับรถที่จะมาส่งเราไปสถานีขนส่งมาสายค่ะ รถออก 9 โมงเช้า พี่แก เล่นมาสะอีกไม่กี่สิบนาที 9 โมง แล้วนี่เราจะทันมั๊ยเนี่ย กัวไปงั้น เพราะรู้ว่า รถพวกนี้ คง late กันแหล่ะ อะนะ รู้ๆ กันอยู่ ช่วงเดินทางไปหลวงพระบางนะ ลำบากมากเลย สำหรับเรานะ เพราะดันได้ที่นั่งที่ไม่มีพนักพิงหัว โห ชีวิต คิดดูจิว่าจะนอนก็ไม่ได้ไม่มีที่ให้พิง แล้วต้องนั่งไปถึงหลวงพระบางเกือบ 5 ชั่วโมงแหน่ะ อิอิ ในที่สุด ช่วงเวลาทรหดในรถก็ผ่านไปได้ค่ะ (ขอบอกว่า มานมีแย่กว่านี้อีก ตอนขากลับ)ถึงหลวงพระบาง เรานั่งรถตุ๊กตุ๊ก ให้ไปส่งแถวริมน้ำโขงค่ะว่าจะหาที่พักแบบ walk-in ยลไปเรื่อยๆ ปลื้มไหน นอนนั่นแต่สุดท้าย แวะที่แรกก็เอาเลยค่ะ อิอิ ก็มานร้อน ขึ้เกียจแหล่ะที่นี่ เราได้ห้องพักใหญ่ค่ะ มี 4 เตียงแหน่ะ เราไป 6 คน ก็ขอป้าเค้าพักด้วยกันเลยค่ะ ได้มาราคา 800 บาท ถูกมากมายระหว่างปั่นจักรยานรอบเมืองค่ะ เห็นแปลกดี เป็นโต๊ะนักเรียนแล้วเค้าเอาเตามาใส่เป็น บาร์บีคิว กิ๊บเก๋ เนอะกรงนกค่ะ ไว้ให้ทำบุญปล่อยนก เห็นแล้วอยากจิ๊กกรงกลับบ้าน น่ารักดีตลาดท้องถิ่นค่ะ ตอนกลางวันมีของขายตรึม ตอนดึกก็ยังขายอยู่แหะ แต่เป็นจำพวกผลไม้จ๊ะร้านค้า บ้านเค้าค่ะ เพื่อนถามว่า ถ่ายมาไม อิอิ ก็แค่จะดูว่าแต่งร้านไม่ต่างกันเนอะกลางคืน หลวงพระบาง ริมฝั่งน้ำโขง ก็สวยดีเนอะ ตึกสวยเค้าจะเปิดไฟ จริงๆ ที่นี่บรรยากาศคล้ายๆ ฮอยอัน ที่ เวียตนาม นะหลวงพระบางยามค่ำคืนค่ะ ยังเหมือนเดิม เมื่อ 5 ปีนู้นเลยรอบแรกที่มาตอนนู้น เราซื้อของไปเยอะมากเลยแหล่ะมารอบนี้ เลยเฉยๆ แต่ก็ซ์้อของใหม่ๆ ที่ยังไม่ได้เห็นค่ะก็ยังชอบแอบ shopping อยู่ดีอะนะ น่าเสียดายมากเลย เราอยากได้เป้ถักมากเลย แต่ว่ายังตัดใจซื้อไม่ได้มาตอนนี้ ดันไม่ทันซ์้อแล้วค่ะ คำนวณเวลาผิดไปหน่อย แถมได้กระเป๋าถักมาเหมือนกัน แต่ไม่ใช่เป้อะ อยากได้เป้ด้วยดิ (แอบบ่นนิด)เด๋วพรุ่งนี้ ค่อยมาว่ากันค่ะ โปรแกรมเที่ยว ไม่มีไรมาก ขี่จักรยานรอบเมือง ไม่ค่อยเน้นวัด อิอิ แล้วบ่ายไปน้ำตกตาดกวางสี เย็นก็ ตีรถยาวไปเชียงของ (ความน่ากัวมันอยู่ตรงนี้แหล่ะ ไอ้รถที่ไปเชียงของนี่อะ) แล้วค่อยมาว่ากันจ้า
6 วัน เที่ยวลาว ตะลอนรถบัส กลับเครื่องบิน-วันที่ 2
ตื่นเช้ามาที่วังเวียง วันนี้มีทริปค่ะ ล่องห่วงยาง ลัลล้า มากเลย ท่าทางจะน่าสนุกเนอะไกด์นัดเราเวลา 8.40 น. จ้า เวลาดี ไม่สาย ไม่เช้าเกิน ครั้งนี้เราได้ทริปราคาดีค่ะ ไปล่องห่วงยางที่ถ้ำน้ำ แวะถ้ำช้างซึ่งเป็นทางผ่าน แล้วก็ตะลุยต่อด้วยทางเรือ คือ คายัค ล่องลำน้ำซอง โห ชิลล์ มากมาย ตบท้ายด้วยการแวะพักกลางทางที่ บาร์ฝรั่ง แจ่ม เนอะ หมดนี่ รวมอาหารกลางวัน ก็ 360 บาท หรือเงินลาว ก็ 90,000 กีบ จ้า จากราคาจริง 120,000 กีบ (ทริปนี้ ต่อดะ จนรู้สึกอายๆ ไงม่ายรู้นิ)ทางไปถ้ำน้ำค่ะ จากที่พักที่วังเวียง เราต้องนั่งรถออกนอกตัวเมือง ไกลพอสมควรค่ะ บรรยากาศธรรมชาติ แบบบ้านๆ เรานี่แหล่ะ หลังจากลงรถแล้ว ก็ต้องข้ามน้ำ ค่ะ เก๋มากๆ ตรงตอหม้อสะพานไม้ไผ่นี่แหล่ะ ข้างในตอมอไม้ไผ่ นี่คือ หินค่ะ เค้าจะเอาลังนี่วางในน้ำก่อน แล้วก็ค่อยเทหินลงไปจนเต็ม เราก็จะได้สะพานมาเชื่อมระหว่าง 2 แผ่นดินนี้จ้าเห็นไกด์ว่า พอเวลาช่วงน้ำหลาก ก็ล้ม ต้องทำใหม่ แต่ ฝั่งข้างๆ กะลังสร้างสะพานปูนอยู่นะ เพื่อให้รถข้ามไปถ้ำน้ำได้ แถมยังได้รู้มาว่า ที่ตรงนี้ เดิมที่เป็นของรัฐ และเศรษฐีเวียงจันทร์ สัมปทานได้จ้าอะนะ เห็นแล้ว น่าหนุกใช่มั๊ยล่า ขอบอกว่า มาวังเวียง ต้องมาล่องห่วงยางให้ได้นะ หนุกดี เค้าจะให้เราล่องไปแล้วจับเชือกเอาอะ สาวไปเรื่อยๆ ตัวก็หมุนวิ้วๆ ตาก็มองเพดานหินย้อย อะนะ ก็จะมีไฟฉายส่องที่หัวให้จ้าไม่พอนะ พอเข้าไปในถ้ำลึกๆ ก็จะเปลี่ยนจากกิจกรรมสาวเชือก เป็น เอาเท้านี่แหล่ะ เกี่ยวห่วงยางต่อกันเรื่อยๆ แล้วเอามือพายแทนจ้า น้ำเย็นมากมายเลยแหล่ะ ประมาณว่ามัวแต่กวักน้ำกันอยู่นั่นแหล่ะ ตาเลยไม่ค่อยได้ชมบรรยากาศรอบตัวถ้ำอะนะ แต่ที่แน่ๆ มาล่องถ้ำนี้ น้ำไม่ลึกนะจ๊ะ (แต่ก็แอบมีลึกบ้างเล็กน้อย เป็นช่วงๆ) ขึ้นจากถ้ำน้ำค่ะ ก็ อิอิ กิน ค่ะ กิน ใช้พลังงานไปเยอะแล้วนิ ต้องตุนอาหารไว้ก่อน เด๋วผอม จัดมา ขอบอกว่า อิ่มแท้เจ้า แถมมีเก็บหนมปังไปกินกลางทางได้อีก สงสัยไกด์จะเห็นสาวไทยร่างถึก ให้มาสะได้ แต่ก็หมดจ้ะ ที่ติดใจนะก็ บาร์บีคิวนี่แหล่ะ เกือบเสียตังค์ซ์้อแล้วเมื่อคืน ดีนะเนี่ย อันนี้ เบื้องหลังความอร่อยค่ะ (ท้องไม่เสีย ก็ถือว่า โอ แหล่ะ)จ้ะ ก้ออย่างที่เห็นในภาพ คายัค จ้ะ ด้วยความเปรี้ยวของผองเพื่อน.... พวกมันว่ายน้ำไม่เป็น พายเรือไม่เป็น แต่จาไปอะ ข้อยก็รวมอยู่ในนั้นด้วยอะจ๊ะบ๊ะ จั้ม บ๊ะ อ้อ ไม่ใช่เรือหางยาว นึกว่า ต้องไปแข่งพายเรือหางยาวสะแล้ว เอามันส์ จ้ะ ไกด์พูดไรไป ก็ปล่อยให้มันล่องลอยไปตามสายลมพอจะเปลี่ยนทิศ จะหยุดเรือ จะ...... ตรูม่ายรู้สักอย่าง โชคดีค่ะ เรือเรามีไกด์เป็นหางเสือ ตรูข้า เลย ไม่ทำไรเลย แค่ทำท่า พายเรือเป็น ก็เท่ห์ แหล่ะ อุอุระหว่างล่องลำน้ำซอง เราแวะพักที่บาร์ฝรั่งค่ะ มีกิจกรรมมากมายเลย อันนี้ ก็เป็นชักกะเย่อ ตกคลอง บรึ๊ย เล่นจนมือถลอกเลยอะ กัวตกแทบแย่จบ one day trip นี้ คาดว่าเพื่อนนู๋บางคน คงขัดยอกกันไปบ้างล่ะค่ะและด้วยความน่ารักของไกด์ที่ดูแล พวกเราให้อยู่รอดปลอดภัย แม้จะมีเรือล่มกันไปบ้าง หรือเรือในซอกหินใหญ่ (เพื่อนมันโชว์ว่า สามารถใช้แรงสะโพก ในการส่งตัว แทนไม้พาย ได้จ๊ะ) นับถือๆๆเลยให้ติ๊ป คุณน้องไกด์ไปคนละ 100 บาท ทั้งที่ อยากให้แค่คนเดียว แต่กัวน้องแกจะเอาไปเม้าท์น่ะสิถึงจะฟรีตลอดวัน แต่เราก็แอบซื้อกินเพิ่ม ที่บาร์ฝรังค่ะ เพราะความอร่อยของตำหนมจีน พี่ลาว นี่แหล่ะ (แต่เส้นหนมจีน มันบักเอ้ก เลยอะ) พรรคพวกเลยสั่งมากินสะหน่อย สะระตะ รวมค่าน้ำแล้วก็ ประมาณ 32,000 กีบตกเย็นสิคะ หาที่กินต่อ เอาไหนดีเนี่ย ต้องเปลี่ยนร้านกันบ้างค่ะเย็นนี้ เราย้ายห้องนอนด้วย จากห้องราคาถูก upgrade มาเป็น ห้องละ 450 บาท ค่อยดูนอนสบายหน่อยพาหนะที่ใช้หาที่กินก็เหมือนเดิมค่ะ จักรยาน งวดนี้ ป้าแก ลดราคาให้น้อยมาก เลยจ่ายมาคันละ 40 บาทจ้า เอาวะ ให้เดินก็ขาลากค่ะ ดันพักไกลนิยัง ยังไม่อิ่ม ต่อด้วย โรตี ส้า เราอร่อยกันจน ลุงคนขาย ลดราคาให้ 7,000 กีบ แถมยังให้กล้วยมากินตั้งหลายลูกแหน่ะ ก็อะนะ เล่นกินโรตีกัน 6 คน 200 กว่า บาท ทั้งที่มันก็โรตีใส่น้ำตาล นม อย่างบ้านเรานี่แหล่ะ พวกตรูก็ทำตื่นเต้ลกันได้นะ ก็เลยเสร็จลาวเลย ค่าเช่ารายเดือน 200 บาท ได้มาแหล่ะ เดือนนี้ แต่ร้านนี้ ลุงบอกว่า เป็นคนสอนเจ้าอื่นเกือบ 60 กว่ารายแหน่ะ (โม้ป่าวเนี่ย)หลังจากจ่ายค่าข้าวเย็นวันนี้ไปอีก 181,000 กีบ โอ้ กินแพงกว่าเมื่อวานวุ้ย คนเราทำไรก็ต้องมากขึ้นเรื่อยๆ เนอะ แต่ระหว่างนี้ ตังค์จะเกลี้ยงกันแล้วอะสิ เพื่อนๆ เริ่มเสียว ว่าตรูจะมีตังค์กลับบ้านมั๊ยหว่า หรือต้อง ช่วยลุงขายโรตีที่นี่ว้า วันนี้ ดึกแหล่ะ ต้องพักเอาแรง สำหรับพรุ่งนี้เช้า ที่ต้องตื่นมาแต่เช้าไปหลวงพระบางค่ะ Hilight มรดกโลก ของ ลาว เค้าหล่ะเจอกันที่หลวงพระบางนะจ๊ะ ใครจะรู้ อาจ รัก love love รอใคร บางคนอยู่ก็ได้ อิอิ หรือ คราย บางคน อาจรอ เพื่อเจอ ใครอีกคน โอ๊ะ งงๆ ไปดีก่า
6 วัน เที่ยวลาว ตะลอนรถบัส กลับเครื่องบิน-วันที่ 1
ตื่นเต้ลมากกกกกก ทริปนี้ เพราะว่า เกือบตกรถค่ะ 999 หมอชิต-หนองคาย ทำกันได้นะ เรื่องของเรื่องก็เพราะ นั่งรอกันในโซนร้านอาหารอะ มองไปก็จะเห็นรถจอดอะนะ แต่บังเอิญ งานนี้ ไม่เห็นค่ะ รถมันมาจอดอยู่ข้างๆ ช่องจอดรถ แง่มๆๆ โชคดีที่เห็นมันแล่นผ่านหน้าไปอย่างช้าๆ หน้ารถเขียนตัวบักเอ้ก ว่า หมอชิต-หนองคาย 22.00 น. บขส. 999 โฮ่ เหมือนรถที่เราต้องขึ้นกันเลยนี่หว่า ว่าแล้ว ก็วิ่งตรีน แล่บ (ขออภัยไม่สุภาพ) เคาะประตุรถ ขอพวกนู๋ ขึ้นไปด้วย ขอบคุณสวรรค์ ที่รถมันจอด คนรถไชโยกะพวกเราด้วย ที่สามารถตามมาทัน เชอะ หนีชั้นไม่พ้นหรอกขึ้นรถก็นอนยาวค่ะ หารู้ไม่ว่า รถเย็นๆ สบายๆ คันนี้จะเป็นคันสุดท้ายของทริปนี้ เพราะหลังจากนี้แล้ว รถเย็นๆ จะเป็นแค่เรื่องเพ้อฝันแล้ว แงงงงงงงงงงงงงงงงขอรีวิว ค่าใช้จ่ายนะเช้านี้ 1 พค. 53จ่ายค่า sky lab ไป 250 บาท อะ เพราะว่า รถจากหนองคายเข้าเวียงจันทร์ รอบเช้าเต็มแล้วจ้า รออีกรอบก็ 12.20 น. โอ้ ครายจะรอฟระระหว่างข้ามแดน เสียยิบย่อย ตามธรรมเนียมจ้า ตั้งแต่ ค่าข้ามสะพาน 20 บาท (รวมค่าล่วงเวลา วันเสาร์อาทิตย์แล้ว 5 บาท-ตรูผิดเองที่มาเที่ยววันหยุด เจ้าหน้าที่เลยต้องทำงานล่วงเวลา)ตามด้วยค่าผ่านด่าน 20 บาท กับค่าล่วงเวลา 15 บาท (ตะกี้ล่วงเวลาของรถข้ามสะพาน อันนี้ ล่วงเวลาของเจ้าหน้าที่ตรงด่านสุดท้ายเข้าลาว) ยอมๆๆ ก็ตรูเลือกจะมาเที่ยวบ้านเค้านี่หว่าโฮ่ ในที่สุดก็เข้าชายแดนลาวแหล่ะ เอาไงต่อดีอะอ้อ เช่ารถละกัน เจอหนุ่มลาวคนนึง ตั้งแต่ฝั่งไทยแหล่ะ ชวนให้ไปกะเค้า ไอ้เราก็ใจง่าย หรือต่อรองราคาได้ถูกป่าวไม่รู้ เลยเหมาให้พาเที่ยวเวียงจันทร์ไปจนถึ่งบ่าย ก่อนจะหารถเข้าวังเวียงจ้า(ค่าเหมารถไปเวียงจันทร์ 700 บาท)โชคไม่ดีค่ะ เจอฝนตกปรอยๆ ตลอดทริปเช้านี้ค่ะ เลยทำให้เดินเที่ยวไม่ได้นานมาก แต่สมาชิกดูแล้ว ไม่ถูกกะวัดเท่าไหร่แหะ (อามิตตาพุธ มันอยู่ที่ใจอะเนอะ)จุดแวะที่เวียงจันทร์ก็มีวัดพระธาตุหลวงจ้า (ค่าเข้า 20 บาท)รูปปั้นพระที่วัดพระแก้วค่ะ (แต่พระแก้วอยู่ที่ไทยแล้วนา) สังเกตดูสัดส่วนพระ สั้นๆ เนอะ (ค่าเข้าวัด 20 บาท)หลังอุโบสถวัดพระแก้ว จะมีประตูตรงกลางที่เป็นของเก่าค่ะ ประตูบานอื่นทำใหม่หมดแล้วค่ะ เบรกกันก่อนเคอะ มันหิวแหละส้มตำลาว อร่อยมากกกกกกก ต้องให้ทำเผ็ดๆ นะ ที่นี่ทีเด็ดเค้าคือ กะปิ กะ ผงชูรสค่ะ ใส่เข้าไป อร่อยหลาย เส้นหนมจีน ยังใหญ่ได้อีก มื้อนี้ เราหมดไป 480 บาท จ้า (เฝอ 7 ชาม + ส้มตำ 1) ที่สำคัญ รวมชามก๋วยเตี๋ยวของคนขับรถแล้วนะ อ้อ ร้านนี้ชื่อร้าน เฝออราดา จ้าต่อเลย หลังจากอิ่มท้อง ก็แวะถ่ายรูปประตูชัยเมืองลาวหน่อยแถมท้ายอีกวัดคือ วัดศรีเมืองค่ะ ได้เข้าไปยกหินศักดิ์สิทธิ์ ด้วย ทำไง ไปถามคนลาวเอานะคะคนขับพาพวกเราไปแวะห้างภูวงค่ะ ใหญ่มากกกกกกก เดินเมื่อยเลย มันเพิ่งเปิดอะ เดินได้ประมาณ ไม่ถึง 20 ตารางเมตร หมุนไปก็หมุนมาอ้อ เลยได้กาแฟลาว ของฝากที่ต้องซื้อให้ได้ กลับไทยค่ะ ราคาไม่แพงนะ (หมดค่า shopping ไป 340 บาท) อะนะ ตอนนี้ก็ล่วงไปบ่ายกว่าแหล่ะ สงสัยต้องไปวังเวียงแล้วจ้าเรานั่งรถตุ้เหมา จากเวียงจันทร์ไปวังเวียงค่ะ คนละ 300 บาท อย่าถามว่าไปหาที่ไหน นั่งทีไหน เพราะมันบังเอิญไปได้จากคนขับรถ เค้าจัดการให้อะจะ สบายหน่อย ไม่ต้องไปนั่งรถบัส อึดอัด ...... แต่ว่าไอ้รถนี่ มันก็อึดอัดพอกันแหะ พอต้องมานั่งยาวประมาณ 4 ชั่วโมงได้ด้วยอารมณ์สุนทรีย์ ของพี่คนขับค่ะ แกอยากแวะไหน ก็แวะ เคยถามชั้นมะ ว่าอยากแวะด้วยป่าว เหอะ ให้ถึงทีตรูมั่งเหอะ ทำไรไม่ได้ตอนนี้ นอกจาก รอเฮียแก ทำธุระเรี่ยราดไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ แวะทักทาย ซื้อผลไม้ จีบสาว จ่ายตลาด ยังได้อีกนะ เฮียแกเนี่ย มีแม้กระทั่ง เลือกซีดีหนัง สบายใจเฉิบ ให้พวกตรูนั่งมอง ตาแบ๊ว ว่าอีกนานมั๊ยเฮียขานู่นเลย ถึงวังเวียง ทุ่มนึง จ๊ะตรูคงหาที่พักเจอหรอก โชคดีจ้า เจอที่พักโดยบังเอิญ แต่อยู่ไกล โคตระ ใครอยากพักที่เดียวกัน หาต้นมะพร้าว 2 ยอดให้เจอน่ะแหล่ะ แถวนั้นแหล่ะ ได้มาคืนละ 200 บาท เออเอาก่อนว้า ดึกแหล่ะ หิวก็หิวมื้อนี้ที่วังเวียงหมดไป 162,000 กีบ จ้า โห่ กินกันทีเป็นแสนอะนะกะของกินเล่นยามดึก บาร์เก็ต 15,000 กีบจ้า กินกันไป 3 ชิ้น ก็สิริรวม 45,000 กีบนะจ๊ะอืม งานนี้ เราเช่าจักรยานรอบดึกค่ะ เลยต่อรองราคาจาก 80 บาท มาได้ 20 บาท จ้า เช่ามา 3 คัน 6 คน ช่วยกันซ้อนๆ เอาจ้าวันที่ 1 วังเวียง สบายๆ ชิลล์ๆ สมาชิก เริ่มอยากกลับบ้านกันหล่ะ เฮ้ย นี่เพิ่งมานะคะ มานอยากกลับบ้านกันละ อ้ายพวกนี้